ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 316 จากทั้งหมด 567 หน้า แสดงรายการที่ 6301 - 6320 จากข้อมูลทั้งหมด 11336 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
6301 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 5/2552 | นร | 21/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐ
กิจ (กรอ.) ครั้งที่ 5/2552 เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2552 และเห็นชอบมติคณะกรรมการ กรอ. และมอบหมายให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการ กรอ. ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการ แล้วรายงานให้คณะ กรรมการ กรอ. และคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ โดยผลการประชุมสรุปได้ดังนี้ 1. ที่ประชุมพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำตาลทราย โควตา ก. และโ ควตา ค. และมีมติให้ สศช. รับ ไปวิเคราะห์ข้อมูลให้ชัดเจนในเรื่องต้นทุนที่แท้จริง ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ และแนวทางเลือกเพิ่มเติม โดย หารือกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และเห็นชอบข้อเสนอของ กกร. ในเรื่องกฎระเบียบเกี่ยว กับการขอใช้สิทธิซื้อน้ำตาลทราย โควตา ค. และให้คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายปรับปรุงกฎระเบียบเกี่ยวกับ การขอใช้สิทธิซื้อน้ำตาลทราย โควตา ค. (สำหรับผลิตสินค้าเพื่อการส่งออก) โดยให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มี ส่วนได้เสียในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎระเบียบนั้น ๆ ประกอบการพิจารณา 2. ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงมหาดไทยเร่งตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายกับสถานที่พักที่ประกอบ ธุรกิจขัดต่อพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 รวมทั้งให้เร่งรัดการออกใบอนุญาตสำหรับผู้มายื่นขอใบอนุญาตตาม ประกาศกฎกระทรวงกำหนดประเภท และหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. 2551 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และ ขอความร่วมมือส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่อนุญาตให้ข้าราชการและบุคลากรของรัฐเดินทางไปราชการ หรือ จัดประชุมสัมมนาของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ ให้พักในสถานที่พักที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมตาม พระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 3. ที่ประชุมรับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหากรณีหน่วยงานของรัฐถูกฟ้องว่ากระทำการให้ความเห็นชอบ หรืออนุญาตรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และออกใบอนุญาตประกอบการไม่ถูกต้องตามรูปแบบ ขั้น ตอน วิธีการ ที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยที่ประชุมมีมติว่า โครงการที่ผ่านความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ ฯ และได้ รับใบอนุญาตให้ประกอบการไปแล้ว ให้ดำเนินการตามขั้นตอนปกติต่อไปได้ ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ของหน่วยงานนั้น ให้หน่วยงานสามารถพิจารณาออกใบอนุญาต หรืออนุญาตให้ผู้ประกอบการดำเนินโครงการหรือ กิจกรรมต่อไปได้อย่างถูกต้องตามขั้นตอน กระบวนการ กฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยปฏิบัติตามมาตรการ ต่าง ๆ ที่ภาครัฐกำหนดขึ้นอย่างเคร่งครัด 4. ที่ประชุมพิจารณาเกี่ยวกับปัญหาและแนวทางการแก้ไขปัญหาการส่งออก โดยให้กระทรวงการคลังไป จัดตั้งคณะทำงานตามข้อเสนอของ กกร. เพื่อหารือวิธีการแก้ไขปัญหาด้านสภาพคล่องของผู้ประกอบการส่งออกและ เร่งรัดกระบวนการทำงานของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น 5. ที่ประชุมรับทราบรายงานความคืบหน้าการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม (SMEs) ของกระทรวงการคลัง และยืนยันมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2552 ในการดำเนิน โครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ และปัญหาภายใน ประเทศ และให้ขยายระยะเวลาการยื่นคำขอกู้ภายใต้โครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวที่ ได้ผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาภายในประเทศ ออกไปอีก 1 ปี จากวันที่ 31 กรกฎาคม 2552 ไปจนถึง วันที่ 31 กรกฎาคม 2553 กับให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยพิจารณาเร่งรัด การอนุมัติและปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ยังเหลืออยู่อีก 639 ราย นอกจากนี้ ให้กระทรวงการ คลังทบทวนหลักเกณฑ์และกระบวนการปล่อยสินเชื่อ ตลอดจนข้อจำกัดในด้านบุคลากรของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และพิจารณาปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมค้ำประกันการให้บริการสินเชื่อ ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมที่เหมาะสมสำหรับโครงการ Portfolio Guarantee Scheme ให้ต่ำ กว่าอัตราที่กำหนดไว้ในปัจจุบัน 6. ที่ประชุมรับทราบตามที่ สศช. รายงานความก้าวหน้าการศึกษาแนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มี ศักยภาพของประเทศ โดยให้ สศช. รับความเห็นของที่ประชุมเกี่ยวกับการดำเนินงานในระยะต่อไปควรศึกษารายละ เอียด สถานภาพของแหล่งท่องเที่ยว การกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือก รวมทั้งการคัดเลือกแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักย ภาพรายคลัสเตอร์ เพื่อยกร่างแนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ ไปพิจารณาดำเนินการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
6302 | การบริหารจัดการตำแหน่งว่างของส่วนราชการ | นร | 14/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สำนักงาน ก.พ. จัดทำรายงานผลการดำเนินการบรรจุแต่งตั้งบุคคลเข้ารับ
ราชการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2552 และ 28 เมษายน 2552 (เรื่อง การบริหารจัดการ ตำแหน่งว่างของส่วนราชการ) โดยให้มีข้อมูลต่าง ๆ ที่ชัดเจนและเป็นปัจจุบัน เช่น จำนวนอัตราว่างทั้งหมด จำนวน อัตราที่บรรจุแต่งตั้งแล้ว และจำนวนอัตราที่อยู่ระหว่างการสอบคัดเลือก เป็นต้น แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีใน สัปดาห์หน้า ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
6303 | การขอขยายระยะเวลาการบรรจุ แต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการในตำแหน่งว่างตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2552 | ยธ | 14/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในการขยายระยะเวลาการบรรจุ แต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการในตำแหน่งว่างของส่วนราช การในสังกัดกระทรวงยุติธรรมออกไป โดยยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2552 ที่เห็นชอบการขยายระยะเวลาการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2552 (เรื่อง การ บริหารจัดการตำแหน่งว่างของส่วนราชการ) ทั้งนี้ จนกว่าการจัดตั้งหน่วยบังคับคดีอาญาและบังคับใช้กฎหมาย ทางอาญาจะแล้วเสร็จ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ 2. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นควรกำหนดให้ชัดเจนว่าการจัดกรอบ อัตรากำลังในหน่วยงานที่จะจัดตั้งใหม่ จะเกลี่ยตำแหน่งจากส่วนราชการใด เป็นจำนวนเท่าใดบ้าง โดยให้ระบุ เป็นข้อขัดข้องในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2552 ตามแบบรายงานตำแหน่ง ว่างที่เหลือยู่ ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2552 ซึ่งสำนักงาน ก.พ. ได้กำหนดให้ส่วนราชการต่าง ๆ รายงานการ ดำเนินการบริหารจัดการตำแหน่งว่างของส่วนราชการ ตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1008.4/ 87 ลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2552 เพื่อสำนักงาน ก.พ. จะได้สรุปผลการดำเนินการในภาพรวมและดำเนินการ ตามแนวทางที่กำหนดตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||||||||
6304 | ขอให้พิจารณาอนุมัติงบประมาณ เพื่อดำเนินโครงการวางท่อเชื่อมจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ ไปอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ จังหวัดระยอง | กษ | 14/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอเกี่ยวกับการดำเนินโครงการวางท่อเชื่อมจากอ่าง เก็บน้ำประแสร์ไปอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ จังหวัดระยอง ว่าวงเงินค่าใช้จ่ายที่ควรจะเป็นในการก่อสร้างโครงการ ฯ จำนวน 1,677,665,681 บาท ตามมติที่ประชุมร่วมกันกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) จะขอรับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 1,008,000,000 บาท ตามกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2548 เพื่อให้กรมชลประทานนำไปชำระให้แก่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EAST WATER ส่วนค่าก่อสร้างส่วน ที่เหลืออีกจำนวน 669,665,681 บาท ให้หักกลบลบหนี้จากค่าน้ำดิบที่ EAST WATER ต้องชะรำให้แก่กรมชล ประทานหลังจากที่มีการสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ไปยังอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ สำหรับการตรวจรับงาน ให้ กรมชลประทานดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ฯ ที่กำหนดไว้ และให้กรมชลประทานเสนอ ขอยกเว้นหรือผ่อนผันไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งฉบับต่อคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ ทั้งนี้ ภายหลังการดำเนินการก่อสร้างโครงการ ฯ แล้วเสร็จ กรมชล ประทานจะเป็นผู้ดำเนินการบริหารจัดการน้ำของโครงการ ฯ ต่อไป 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) ดำเนินการจัดซื้อทรัพย์สินที่จะเกิดจากการก่อ สร้างโครงการวางท่อเชื่อมจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ไปอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ จังหวัดระยอง จาก EAST WATER ใน วงเงินไม่เกิน 1,677,665,681 บาท (ตามมติที่ประชุมของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2552) ซึ่ง EAST WATER ได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2548 (เรื่อง การบริหารจัดการน้ำ การแก้วิกฤตน้ำภาคตะวันออก) โดยดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของระเบียบ สำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 |
||||||||||||||||||||||||||||||
6305 | ขออนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี | สธ | 14/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ 1.1 อนุมัติให้โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี เปลี่ยนแปลงรายละเอียดของราย การงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ค่าก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใน อาคาร คสล. 7 ชั้น และชั้น จอดรถใต้ดิน พื้นที่ใช้สอยประมาณ 13,950 ตารางเมตร พร้อมอุปกรณ์ประกอบอาคาร 1 หลัง และอาคารห้อง เครื่อง 1 หลัง ตามแบบเลขที่ 10108 เอกสารเลขที่ ข.133/ก.ย./51 ซึ่งทำให้ราคากลางสูงกว่าวงเงินงบประมาณ ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันไว้เกินกว่าร้อยละ 5 1.2 อนุมัติให้โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเกิน กว่าที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้ และอนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าก่อสร้างของโรงพยาบาลสรรพ สิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี จากอาคารผู้ป่วยใน เป็นอาคาร คสล. 7 ชั้น และชั้นจอดรถใต้ดิน พื้นที่ใช้สอย ประมาณ 13,950 ตารางเมตร พร้อมอุปกรณ์ประกอบอาคาร 1 หลัง เป็นอาคารผู้ป่วยใน อาคาร คสล. 7 ชั้น และ ชั้นจอดรถใต้ดิน พื้นที่ใช้สอยประมาณ 13,950 ตารางเมตร พร้อมอุปกรณ์ประกอบอาคาร 1 หลัง และอาคารห้อง เครื่อง 1 หลัง ตามแบบเลขที่ 10108 เอกสารเลขที่ ข.133/ก.ย./51 เป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 203,500,000 บาท 2. อนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุขยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่ เกี่ยวข้อง) กรณีที่เปลี่ยนแปลงแบบรูปรายการทำให้ประมาณการราคาสูงกว่าวงเงินงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีได้ อนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันไว้เกินกว่าร้อยละ 5
|
||||||||||||||||||||||||||||||
6306 | ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมการและกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และประธานกรรมการและกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 14/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามความเห็นที่คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดระบบค่าตอบ แทนภาครัฐ โดยยกเว้นอัตราเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน และผู้ตรวจการแผ่น ดิน ให้ได้รับในอัตราเดียวกันกับประธานและกรรมการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ (คณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน) รวมทั้งให้ปรับเงิน เดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับเงินเดือนภาครัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2547 (เรื่องการปรับค่าตอบแทนประธานกรรมการ และกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และการปรับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่นขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ) ด้วย 2. ให้ส่งร่างพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานศาล รัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมการและกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐ สภา ประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และประธานกรรมการและกรรม การตรวจเงินแผ่นดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่งโดยด่วน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
6307 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านการขนส่งทางอากาศที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมืองถูกปิดล้อม | คค | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติงบประมาณสนับสนุนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงจากการดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนใน การช่วยเหลือเยียวยาผู้โดยสารตกค้างในช่วงที่มีการปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง ภายใต้ กรอบวัตถุประสงค์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2551 (เรื่อง ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 และขออนุมัติงบประมาณเพื่อช่วยเหลือคนไทยในต่าง ประเทศที่ประสบปัญหาจากเหตุการณ์ปิดสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ) วงเงินทั้งสิ้น 8,096,025 บาท ดังนี้ 1.1 องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ วงเงิน 2,292,500 บาท 1.2 บริษัท ขนส่ง จำกัด วงเงิน 1,100,000 บาท 1.3 บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด วงเงิน 796,899 บาท 1.4 บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด วงเงิน 820,000 บาท 1.5 ท่าอากาศยานอู่ตะเภา วงเงิน 542,426 บาท 1.6 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค วงเงิน 2,544,200 บาท 2. ให้กระทรวงคมนาคมเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน 1,912,970,000 บาท ตามนัยมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2551 และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป สำหรับค่า ใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวตกค้างในส่วนของรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ นอกเหนือจาก ที่ได้อนุมัติแล้วข้างต้นให้รัฐวิสาหกิจพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและเป็นไปตามตามขั้นตอนของกฎ หมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
6308 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการพัฒนากำลังคนด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (ทุนเรียนดีมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย) ครั้งที่ 4 | ศธ | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||
6309 | ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2552 (กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) | ทก | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอขอยกเลิกมติคณะ
รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2552 เรื่อง ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 2 ราย ได้แก่ 1. นายสมชาย ใบม่วง ผู้อำนวยการสำนัก (ผู้อำนวยการเฉพาะด้านอุตุนิยมวิทยา ระดับสูง) สำนัก พยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร ระดับสูง) กรมอุตุนิยมวิทยา 2. นางมันทนา พฤกษะวัน รองอธิบดี (นักบริหาร ระดับต้น) กรมอุตุนิยมวิทยา ดำรงตำแหน่งผู้ ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการ ระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
6310 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2552 ครั้งที่ 3 | กค | 09/07/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอเรื่อง การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 3 ตามมติคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ เมื่อวัน ที่ 30 เมษายน 2552 โดยการปรับปรุงแผน ฯ เป็นการปรับปรุงแผนงานย่อย จำนวน 2 แผน ดังนี้ 1. แผนการบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐบาล เป็นการเพิ่มวงเงินกู้ จำนวน 94,000 ล้านบาท เพื่อชดเชยการขาดดุลหรือกรณีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2552 ที่อนุมัติให้ กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อรองรับกรณีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ จำนวน 94,000 ล้านบาท ซึ่งดำเนินการตามมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกำหนดให้ในปีงบประมาณ หนึ่ง ๆ กระทรวงการคลังจะกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล หรือกรณีรายจ่ายสูงกว่ารายได้เป็นเงินบาทได้ไม่เกินวงเงิน (1) ร้อยละ 20 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น และงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม และ (2) ร้อยละ 80 ของงบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้สำหรับชำระคืนเงินต้น ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 มีกรอบวงเงินตาม กฎหมายดังกล่าวเท่ากับ 441,280.88 ล้านบาท จึงมีความจำเป็นต้องปรับเพิ่มวงเงินกู้ดังกล่าวในแผน ฯ เพื่อให้ กระทรวงการคลังสามารถดำเนินการกู้เงินได้ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ 2. แผนการบริหารและจัดการเงินกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้ FIDF เป็นการปรับลดวงเงินการทำ Swap Arrangement พันธบัตร FIDF1 จำนวน 10,000 ล้านบาท ในแผนการบริหารและจัดการเงินกู้เพื่อชดใช้ความเสีย หายให้ FIDF สำหรับพันธบัตรรัฐบาล เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 จำนวน 10,000 ล้าน บาท ซึ่งเป็นแผนการทำ Interest Rate Swap จากอัตราดอกเบี้ยคงที่เป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว เนื่องจากพันธบัตร รุ่นนี้มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่ารุ่นอื่น ๆ 3. จากการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ครั้งที่ 3 จะทำให้วง เงินรวมของแผน ฯ เพิ่มขึ้น 84,000.00 ล้านบาท จากวงเงินเดิม 1,312,882.70 ล้านบาท เพิ่มเป็น 1,396,882.70 ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวยังคงอยู่ภายใต้กรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้เพื่อเป็นกรอบสำหรับการปรับปรุง แผน ฯ จำนวน 1,400,000 ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
6311 | ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและการสนับสนุนส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว | นร | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอสรุปผลการดำเนินการของกระทรวง
คมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทย ตามมติคณะรัฐมนตรี (3 มิถุนา ยน 2552) เรื่อง การเร่งรัดการดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูวิกฤตการท่องเที่ยว ประกอบด้วย 1. การยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวทุกประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทย 1.1 ออกประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราประเภทนัก ท่องเที่ยวแก่คนต่างด้าวเป็นการชั่วคราว ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2552 โดยให้มีผลเมื่อพ้นกำหนด 3 วันนับแต่วัน ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป 2. การยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบธุรกิจโรงแรม 2.1 คณะรัฐมนตรีมีมติวันที่ 23 มิถุนายน 2552 อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรม เนียมการประกอบธุรกิจโรงแรมทุกประเภท พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ 3. การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการขึ้นลงของอากาศยานและที่เก็บอากาศยาน (Landing & Parking Fee) 3.1 ออกประกาศกรมการขนส่งทางอากาศ เรื่อง ขยายระยะเวลาการลดค่าธรรมเนียมในการขึ้น ลงของอากาศยาน และค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยานและสนามบินที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมการขนส่ง ทางอากาศ ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2552 โดยลดอัตราค่าธรรมเนียมลงร้อยละ 50 และขยายระยะเวลาออกไปจน ถึงวันที่ 30 กันยายน 2553 3.2 ลดอัตราค่าธรรมเนียมในการขึ้นลงของอากาศยาน (Landing Fee) จากเดิมในอัตราร้อยละ 20 เป็นอัตราร้อยละ 30 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2552 เวลา 00.01 น. ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 เวลา 24.00 น. 3.3 ขยายระยะเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยานสำหรับอากาศยานที่จอดไม่เกิน 24 ชั่วโมง จากกำหนดสิ้นสุดเดิมในวันที่ 30 กันยายน 2552 เวลา 24.00 น. เป็นวันที่ 31 ธันวาคม 2552 เวลา 24.00 น. 4. การลดหย่อนค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานแห่งชาติ 4.1 ออกประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เรื่อง การลดอัตราค่าบริการสำหรับ บุคคลที่เข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ ลงวันที่ 12 มิถุนายน 2552 โดยต่ออายุประกาศฉบับเดิมออกไปจนถึงวัน ที่ 31 ตุลาคม 2552 5. มาตรการเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว 5.1 พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 482) พ.ศ. 2552 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 126 ตอนที่ 31 ก วันที่ 18 มกราคม 2552 แล้ว 6. มาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปิดสนามบินในอนาคต 6.1 ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณ ภูมิ พ.ศ. .... ยังอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
||||||||||||||||||||||||||||||
6312 | ข้อตกลงร่วมระหว่างผู้แทนคณะรัฐมนตรีและสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย | นร | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) เสนอบันทึกผลการ
เจรจาระหว่างผู้แทนคณะรัฐมนตรีและสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย ดังนี้ 1. ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย และสหภาพ ฯ ประชุมหารือและหาข้อตกลงร่วมกันเพื่อหาข้อสรุปตาม ข้อตกลงสภาพการจ้าง เมื่อได้ข้อสรุปแล้วให้นำผลข้อตกลงร่วมระหว่างทั้งสองฝ่ายรายงานรองนายกรัฐมนตรีเพื่อ นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป โดยระหว่างนี้ให้ชะลอการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนา ยน 2552 ที่ให้ความเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงิน ของการรถไฟ ฯ ไว้ก่อน 2. เรื่องการเพิกถอนสิทธิ์การครอบครองที่ดินของการรถไฟ ฯ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 3. เห็นชอบให้สหภาพ ฯ ได้มีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของการรถไฟ ฯ 4. เรื่องกรอบและอัตรากำลังที่คณะกรรมการการรถไฟ ฯ และผู้บริหารจะพิจารณา นั้น ให้สหภาพ ฯ มี ส่วนรับทราบในการพิจารณาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
6313 | การปรับโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย | นร | 23/06/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
คมนาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นาย ถาวร เสนเนียม) รับไปชี้แจงทำความเข้าใจกับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย และพนักงานการ รถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กรณีที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 (เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2552) ว่าจะมีการแปรรูป รฟท. โดยให้ ชี้แจงทำความเข้าใจกับสหภาพแรงงาน ฯ และพนักงาน รฟท. ตลอดจนประชาชน ให้เข้าใจถูกต้องตรงกันว่ามติคณะ รัฐมนตรีดังกล่าวมุ่งปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการ รฟท. ให้ดียิ่งขึ้นและแก้ไขปัญหาการขาดทุนของ รฟท. ที่เป็นอย่างต่อเนื่อง การจะตั้งบริษัทลูก 2 บริษัท เพื่อแยกการบริหารทรัพย์สิน และการให้บริการของ รฟท. ให้ชัด เจนและมีประสิทธิภาพโดยบริษัทลูกทั้ง 2 บริษัท รฟท. ถือหุ้นร้อยละ 100 และไม่มีการแปรรูป ฯ แต่อย่างใด
|
||||||||||||||||||||||||||||||
6314 | ขอความเห็นชอบการจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวให้กับพนักงานรัฐวิสาหกิจ | มท | 23/06/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ และนายถาวร
เสนเนียม) รับเรื่องการจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวให้แก่พนักงานรัฐวิสาหกิจ (การไฟฟ้านครหลวง และการ ประปานครหลวง) ไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการจ่ายเงิน เพิ่มการครองชีพชั่วคราวให้แก่พนักงานรัฐวิสาหกิจ ควรอยู่บนหลักการเดียวกับภาคราชการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2551 ซึ่งรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการไปแล้ว และความเห็นของประธานกรรมการนโยบาย พลังงานแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาอย่างรอบคอบ และเป็นไปตามความจำเป็น โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ พิจารณาภาพรวมของรัฐวิสาหกิจทุกแห่งในการกำหนดเพดานเงินเดือนขั้นต่ำ และอัตราค่าครองชีพที่เหมาะสม ตลอดจนประสานงานร่วมกับสำนักงบประมาณในการพิจารณาจัดสรรเงินในภาพรวมของประเทศต่อไป รวมทั้ง ความเห็นของคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า หากจะใช้แนวทางตามที่คณะรัฐมนตรีได้ให้เงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวให้แก่ ข้าราชการ และผู้มีสิทธิได้รับเช็คช่วยชาติแล้ว พนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจดังกล่าวที่ควรได้รับเงินเพิ่มการ ครองชีพชั่วคราวเดือนละ 2,000 บาท ควรเป็นพนักงานและลูกจ้างที่มีเงินเดือนไม่เกิน 15,000 บาท (รวมเงิน เพิ่มการครองชีพชั่วคราวที่ได้รับอยู่เดิมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2551) ซึ่งเมื่อรวมกับเงินเดือน แล้วต้องไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท และควรกำหนดให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเป็นเวลา 6 เดือน ไป ประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
6315 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงจำนวนหน่วยการก่อสร้าง ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี โครงการก่อสร้างที่พักอาศัยข้าราชการ สำนักงานอัยการสูงสุดพร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ | อส | 23/06/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงบประมาณรับเรื่อง ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงจำนวนหน่วยการก่อสร้าง ขยาย
ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ และขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี โครงการก่อสร้างที่พักอาศัยข้าราชการ สำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ ไปประสานงานกับสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาเกี่ยว กับความเหมาะสมของจำนวนหน่วยก่อสร้าง รวมทั้งงบประมาณของโครงการที่พักอาศัยข้าราชการสำนักงานอัย การสูงสุด แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
6316 | รายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 | นร | 23/06/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (กขร.) เสนอ ดังนี้
1. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ของ กขร. อาทิ การปรับปรุงแก้ไข พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้ มีผลในทางปฏิบัติมากขึ้น การเยียวยารักษาสิทธิให้ประชาชน โดยให้ความสำคัญต่อการดำเนินการเพื่อลดขั้นตอน การดำเนินงานเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียน เรื่องอุทธรณ์ และการตอบข้อหารือตามกฎหมาย รวมทั้งการเผยแพร่ความ รู้ความเข้าใจให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องทั้งในด้านการปฏิบัติหน้าที่ และการใช้ สิทธิตามกฎหมาย เป็นต้น 2. รับทราบเป้าหมายการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 โดย กขร. ได้กำหนดแนวทางในการ ดำเนินการในเรื่องสำคัญ คือ การติดตามเร่งรัดการตรากฎหมาย 2 ฉบับ การแนะนำและติดตามผลการปฏิบัติ งานของศูนย์ข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานของรัฐ การสร้างหน่วยงานตัวอย่าง และการขยายผลการกำหนดให้การ ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร ฯ เป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพหน่วยงานในราชการบริหารส่วนท้องถิ่น 3. เห็นชอบแนวทางดำเนินการเพื่อให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติ ดังนี้ 3.1 ให้หน่วยงานของรัฐในทุกระดับถือเป็นนโยบายสำคัญที่จะต้องดูแลและกำชับในการปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร ฯ ของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะการปฏิบัติตามตัวชี้วัด "ระดับความสำเร็จในการเปิดเผย ข้อมูลข่าวสาร" ให้มีการปฏิบัติได้ครบถ้วนถูกต้องตามขั้นตอนที่กำหนดโดยเคร่งครัด เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ สิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น 3.2 ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐฟ้องคดีปกครองเพื่อเพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการ เปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่มีคำวินิจฉัยให้หน่วยงานของรัฐเปิดเผยข้อมูลข่าวสารแก่ผู้อุทธรณ์ และต้องดำเนินการตาม คำวินิจฉัยภายใน 7 วัน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2542 โดยเคร่งครัด หากเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ ปฏิบัติตามโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการพิจารณาลงโทษทางวินัยทุกกรณี
|
||||||||||||||||||||||||||||||
6317 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยพะเยา พ.ศ. .... | ศธ | 23/06/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยพะเยา พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ มีสาระสำคัญคือ จัดตั้งมหาวิทยาลัยพะเยา เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐมีฐานะเป็นนิติบุคคล อยู่ในกำกับของรัฐและ ไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการ กระทรวงศึกษาธิการ กฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมาย ว่าด้วยวิธีงบประมาณหรือกฎหมายอื่น และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วนำเสนอ สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป 2. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการกำหนดให้มหาวิทยา ลัยพะเยาที่จะจัดตั้งขึ้นและมีฐานะเป็นนิติบุคคลในกำกับของรัฐรับโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบ ประมาณของมหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตสารสนเทศพะเยา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยนเรศวร ที่เป็น สถาบันอุดมศึกษาของทางราชการในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ดังนั้น สิทธิที่จะโอนไปจึง หมายความรวมถึงสิทธิการใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุ ประกอบกับมหาวิทยาลัยพะเยาที่จะจัดตั้งขึ้นตามร่างพระ ราชบัญญัติ ฯ ถือเป็นองค์การอื่นของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุ มหาวิทยาลัยพะเยาต้องทำความตกลง เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุดังกล่าวกับกรมธนารักษ์ด้วย สำหรับการกำหนดให้มหาวิทยาลัยพะเยามี อำนาจกู้ยืมเงิน และให้กู้ยืมเงินโดยมีหลักประกันด้วยบุคคลหรือทรัพย์ได้นั้น หากพิจารณาตามพระราชบัญญัติ การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 4 มหาวิทยาลัยมีสถานะเป็นหน่วยงานใน กำกับดูแลของรัฐ และตามมาตรา 19 กำหนดห้ามมิให้กระทรวงการคลังหรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐเข้ารับผิด ชอบหรือค้ำประกัน หรือตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่อชำระหนี้ต้นเงิน หรือดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับหน่วยงานในกำกับ ดูแลของรัฐ ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงไม่อาจเข้าค้ำประกันหนี้เงินกู้หรือหนี้ใด ๆ ของมหาวิทยาลัยได้ และไม่ สามารถจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระหนี้เงินกู้ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยให้แก่มหาวิทยาลัยได้ แต่ตามนัยมาตรา 25 กระทรวงการคลังมีอำนาจกู้เงินมาเพื่อให้มหาวิทยาลัยพะเยาซึ่งเป็นหน่วยงานในกำกับดูแลของรัฐกู้ต่อได้ นอก จากนี้ ในการยกร่างพระราชบัญญัตินี้ควรยึดถือมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2546 เรื่อง ร่างพระราช บัญญัติของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่จะออกนอกระบบที่กำหนดหลักการกลางที่จะบัญญัติไว้ในร่างพระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐทุกฉบับเป็นแนวทางในการยกร่าง จึงควรตรวจแก้ไขร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้ สอดคล้องกับหลักการกลางต่อไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
6318 | การศึกษาดูงานในต่างประเทศของสถาบันพระปกเกล้า | พป | 23/06/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ข้าราชการที่เป็นนักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าหลักสูตรการบริหารงานภาครัฐ
และกฎหมายมหาชน รุ่นที่ 8 เดินทางไปศึกษาดูงานในต่างประเทศชั่วคราว ระหว่างวันที่ 9-18 มีนาคม 2552 เป็น กรณีพิเศษ ตามที่สถาบันพระปกเกล้าเสนอ ทั้งนี้ เพื่อให้นักศึกษาที่เป็นข้าราชการสามารถเบิกค่าใช้จ่ายในการเดิน ทางได้เท่าเทียมกันทุกหน่วยงาน ให้สถาบันพระปกเกล้าขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป และในปีการ ศึกษาต่อไปให้สถาบันพระปกเกล้าพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี (20 มกราคม 2552)
|
||||||||||||||||||||||||||||||
6319 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (GCC 1111) ประจำปีงบประมาณ 2552 ของไตรมาสสอง | ทก | 23/06/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรายงานผลการดำเนินงาน
โครงการศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (Government Contact Center : GCC 1111) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ของไตรมาสสอง สรุปได้ดังนี้ 1. สถิติการใช้บริการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ของไตรมาสสอง มีจำนวนค่าเฉลี่ยต่อเดือน 587,294 ครั้ง เปรียบเทียบกับการใช้บริการของไตรมาสแรก มีจำนวนค่าเฉลี่ยการเรียกเข้าเพิ่มขึ้น 31,649 ครั้ง คิดเป็นอัตรา ร้อยละ 5.69 2. บริการสอบถามข้อมูลทั่วไปแยกตามประเภทเรื่องที่มีประชาชนสนใจสอบถาม 2.1 การเมือง-การปกครอง เช่น การจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 14 ผลการนับคะแนนเลือก ตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร วิธีการส่งและติดตามผลเรื่องร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรี และการขึ้นทะเบียนทหาร กองเกิน ฯลฯ 2.2 เศรษฐกิจ เช่น มาตรการและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล มาตรการสนับสนุนการซื้อขาย อสังหาริมทรัพย์ห้องชุดตามมติคณะรัฐมนตรี และวิธีการ สถานะ ระยะเวลาของการคืนเงินภาษี ฯลฯ 2.3 สังคมและสวัสดิการ เช่น โครงการต้นกล้าอาชีพ โครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลา กรภาครัฐ 2,000 บาท และนโยบายการขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ฯลฯ 2.4 การศึกษาและเทคโนโลยี เช่น การเปิดรับสมัครนักเรียน-นักศึกษาใหม่ของสถาบันการศึกษาต่างๆ กำหนดการตารางสอบการวัดผลทางการศึกษาขั้นพื้นฐาน (O-NET) และการสมัครทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ ชั้นสูง (A-NET) ฯลฯ 3. บริการรับเรื่องร้องเรียนแยกตามประเภทเรื่องที่มีประชาชนสนใจสอบถาม 3.1 สังคมและสวัสดิการ เช่น สาธารณูปโภค สังคมเสื่อมโทรม การพนัน 3.2 การเมือง-การปกครอง เช่น กล่าวโทษหรือร้องเรียนเจ้าหน้าที่ของรัฐ นโยบายของรัฐบาล การ เมือง ฯลฯ 3.3 เศรษฐกิจ เช่น การค้า การเกษตร และปัญหาหนี้สิน ฯลฯ 3.4 ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น ปัญหาในพื้นที่ป่า ปัญหาของเสีย คุณภาพอากาศและ เสียง ฯลฯ 3.5 กฎหมาย เช่น การกระทำความผิดอาญา การเสนอและตรากฎหมาย และการบังคับตามกฎหมาย ฯลฯ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
6320 | การรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดซื้อยาของกระทรวงสาธารณสุข) | สธ | 23/06/2552 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตาม
มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดซื้อยาของกระทรวงสาธารณสุข โดยกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้ การจัดซื้อยาร่วมในระดับเขต หรือในระหว่างกลุ่มของโรงพยาบาลในสังกัดกรมต่าง ๆ ตามมาตรการ ฯ เป็น ตัวชี้วัดหนึ่งในการพัฒนาธรรมาภิบาลในระบบยาของกระทรวงสาธารณสุขโดยมีหลายเขตได้เริ่มดำเนินการ เพื่อจัดซื้อยาร่วมในระดับเขตแล้ว สำหรับขั้นตอนในการจัดซื้อยาร่วมกันในระดับเขต มีดังนี้ 1. การขึ้นทะเบียนบริษัทผู้จำหน่ายที่ประสงค์จะเป็นคู่ค้ากับหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข 2. การกำหนดกรรมการผู้รับผิดชอบในระดับเขต/กรม 3. การคัดเลือกรายการยาที่จะจัดซื้อร่วมกัน 4. การหารายการยาและปริมาณที่จะดำเนินการ 5. การเสนอราคาของบริษัทผู้จำหน่าย 6. การกำหนดราคาและคัดเลือกบริษัทผู้จำหน่าย 7. การทำสัญญาหรือข้อผูกพัน 8. การจัดซื้อและจัดส่งยา 9. การชำระเงิน 10. การควบคุมกำกับ ติดตามและประเมินผล 11. การรายงาน
|
.....