ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 313 จากทั้งหมด 567 หน้า แสดงรายการที่ 6241 - 6260 จากข้อมูลทั้งหมด 11336 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
6241 | กรอบการประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติเฉพาะ | นร | 06/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการกรอบการประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามพระราช บัญญัติเฉพาะ ประกอบด้วย เกณฑ์ประเมินผลการปฏิบัติงาน กรอบน้ำหนักของเกณฑ์ประเมินผล การกำหนดตัวชี้ วัดผลการปฏิบัติงาน การกำหนดเป้าหมายการประเมินผล การกำหนดน้ำหนักตัวชี้วัด และระดับคะแนนของการ ประเมินผล ส่วนเกณฑ์การประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐ ฯ มี 4 เกณฑ์ คือ เกณฑ์ด้านผลสัมฤทธิ์ ตามพันธกิจ (ร้อยละ 20-40) เกณฑ์ด้านผู้มีส่วนได้เสีย (ร้อยละ 10-20) เกณฑ์ด้านประสิทธิภาพ (ร้อยละ 15- 35) และเกณฑ์ด้านการกำกับดูแลและพัฒนาองค์กร (ร้อยละ 20-40) รวมทั้งเห็นชอบในหลักการแนวทางการนำ กรอบการประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐ ฯ จำนวน 14 แห่ง ไปปฏิบัติ ทั้งนี้ หน่วยงานของรัฐที่จัด ตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะ จำนวน 14 แห่ง ได้แก่ หน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะในขณะที่ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2547 ใช้บังคับ จำนวน 8 แห่ง และหน่วยงานของรัฐที่ได้รับการจัดประเภท เป็นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติเฉพาะเพิ่มขึ้นอีก จำนวน 6 แห่ง ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ 2. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพที่เห็น ควรให้ความสำคัญกับการบูรณาการแบบประเมินผลในระบบต่างๆ ให้เป็นองค์รวมเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการราย งาน หรือการประเมินผลในรูปแบบต่าง ๆ ของหน่วยงานให้ลดลง และควรให้ความสำคัญกับประเด็นการประเมิน ผลเรื่องการเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใสในการประเมินผลการปฏิบัติงาน ทั้งในส่วนของข้อมูลการเงินและไม่ใช่ การเงินเพื่อใช้เป็นช่องทางในการติดตามการปฏิบัติงานขององค์การได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้ความสำคัญ กับบทบาทประชาสังคมให้มีส่วนร่วมในกระบวนการตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะการประเมินระดับความพึงพอใจและคุณภาพการให้บริการในมิติต่าง ๆ อาทิ มิติพฤติกรรมของผู้ปฏิบัติ งาน มิติคุณภาพของบริการที่ได้รับ และมิติด้านคอร์รัปชั่น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
6242 | การแก้ไขปัญหาการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร | นร | 06/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรม
การประสานการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกรเสนอ ดังนี้ 1. เห็นชอบให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินงานต่าง ๆ ดังนี้ 1.1 ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดส่งมอบข้อมูลการจดทะเบียนผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมัน สำปะหลัง ซึ่งสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2552 ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การ เกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อดำเนินการทำสัญญาประกันรายได้เกษตรกรให้แล้วเสร็จทันตามกำหนดเวลาโครงการ 1.2 ให้กระทรวงพาณิชย์และ ธ.ก.ส. ปรับปรุงระบบและเร่งรัดการแจ้งอัตราชดเชยรายได้เกษตรกรของ ข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ให้หน่วยงานระดับพื้นที่และเกษตรกรได้รับทราบโดยเร็ว 1.3 ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งแจ้งมติคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมติคณะรัฐมนตรีที่เห็น ชอบให้อนุโลมตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในกรณีที่เกษตรกรได้จำหน่ายพืชผลทางการเกษตร ก่อนวันทำสัญญาชดเชยรายได้กับ ธ.ก.ส. 2. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 8 กันยายน 2552 (เรื่อง รายงานความก้าวหน้าการดำเนิน งานโครงการประกันราคาพืชผลทางการเกษตร) ในประเด็นการเพิ่มอำนาจหน้าที่ของคณะทำงานระดับอำเภอและ ตำบลในการตรวจสอบ รับรองข้อมูลทะเบียนเกษตรกรและทะเบียนการปลูกพืชเศรษฐกิจ เพื่อจัดทำสัญญาการชด เชยรายได้ โดยให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 1 กันยายน 2552 (เรื่อง แนวทางการดำเนินโครงการประกัน ราคาพืชผลทางการเกษตร) ที่ให้คณะทำงานระดับอำเภอและตำบลมีอำนาจหน้าที่สนับสนุนภารกิจของ ธ.ก.ส. ใน การจัดทำสัญญา สอบทานข้อมูล และประชาสัมพันธ์ ส่วนการตรวจสอบรับรองข้อมูลทะเบียนเกษตรและทะเบียน การปลูกพืชเศรษฐกิจ นั้น ให้ดำเนินการเฉพาะเมื่อ ธ.ก.ส. เห็นว่าข้อมูลดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนและผิดปกติเท่า นั้น เพื่อให้ ธ.ก.ส. สามารถดำเนินการทำสัญญาการชดเชยรายได้เมื่อได้รับข้อมูลจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งผ่านกระบวนการรับรองและยืนยันตามขั้นตอนแล้ว ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (ธ.ก.ส.) และกระทรวงมหาดไทย เร่งแจ้งแนวทางปฏิบัติดังกล่าวไปยังหน่วยงานในพื้นที่เพื่อให้สามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างถูกต้องโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
6243 | ขอขยายระยะเวลาตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 | กค | 06/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการผ่อนผันการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทาง อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่นของรัฐที่อยู่ในสังกัด การบังคับบัญชา หรือการกำกับดูแลของฝ่ายบริหารตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน หรือ กฎหมายจัดตั้งหน่วยงานดังกล่าว ทั้งนี้ ให้มาตรการผ่อนผันมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 ถึงวันที่ระเบียบ ฯ ฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติมมีผลใช้บังคับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 2. ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) เร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงแก้ไขระเบียบ ฯ ตามนัยมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 [เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไข ปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 4/2552] ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
6244 | ขออนุมัติข้าราชการไปปฏิบัติงานชั่วคราวที่องค์การอนามัยโลกเป็นกรณีพิเศษ | สธ | 29/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติเป็นกรณีพิเศษให้ข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข (นายภูษิต ประคองสาย) ลาไปปฏิบัติงาน ณ องค์การอนามัยโลก โดยยกเว้นระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. 2535 ข้อ 36 ประเภท 1(2) ในส่วน ของการไม่รับเงินเดือน แล้วให้ได้รับเงินค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ในการปฏิบัติงานจากงบประมาณโครงการ ประชุมวิชาการนานาชาติ รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล รวมทั้งอนุมัติการจ่ายค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์สำหรับ ผู้ไปปฏิบัติงาน ณ องค์การอนามัยโลก ดังกล่าว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยในส่วนของการจ่ายค่าตอบ แทนและสิทธิประโยชน์ดังกล่าว โดยให้ตัดค่าประกันสุขภาพ (จำนวน 1,237.50 ฟรังก์สวิส) ออก ตามความเห็น ของกระทรวงการคลัง 2. ให้กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการพิจารณาแก้ไขปรับปรุงระเบียบหลักเกณฑ์ การรับค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ในการปฏิบัติงาน ณ องค์การระหว่างประเทศ จากงบประมาณแผ่นดินให้ ชัดเจน เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นถือปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกันตามนัยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2552 (เรื่อง ขออนุมัติข้าราชการไปปฏิบัติงานชั่วคราวที่องค์การอนามัยโลกเป็นกรณีพิเศษ) ให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
6245 | ขออนุมัติใช้อัตราว่างจากผลการเกษียณอายุมาจัดสรรให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ | นร | 29/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ใช้อัตราข้าราชการตำรวจที่ว่างจากผลการเกษียณอายุเมื่อสิ้นปีงบประมาณ
พ.ศ. 2551 ในส่วนที่ต้องยุบเลิกร้อยละ 50 (จำนวน 810 อัตรา) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2549 เรื่อง ยุทธศาสตร์การปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2549-พ.ศ. 2551) มาจัดสรรคืนให้สำนักงาน ตำรวจแห่งชาติได้ทั้งหมดตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเมื่อวันที่ 31 สิงหา คม 2552 ตามที่รองเลขาธิการ ก.พ. (นางเบญจวรรณ สร่างนิทร) กรรมการและเลขานุการร่วมคณะกรรมการ กำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||
6246 | ขออนุมัติใช้เงินและโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณเหลือจ่ายปี พ.ศ. 2552 | ตช | 29/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2552 รายการค่าเช่ายานพาหนะเพื่อใช้ในภารกิจรักษาความปลอดภัยและภารกิจป้องกันและ ปราบปรามอาชญากรรมของหน่วยงานต่าง ๆ จำนวน 107 คัน จำนวน 34,119,919.28 บาท ไปตั้งจ่าย ในแผนงาน ผลผลิต และกิจกรรมเดียวกัน งบดำเนินงาน สำหรับเป็นค่าเช่ายานพาหนะเพื่อใช้ในภารกิจรักษา ความปลอดภัย และภารกิจงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรมของหน่วยต่าง ๆ จำนวน 107 คัน ตามสัญญา เช่ารถยนต์ เลขที่ บต. 1/2547 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2546 ให้กับผู้ให้เช่ารายเดิม ซึ่งคณะกรรมการว่าด้วยการ พัสดุ (กวพ.) ได้อนุมัติผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายด้วยแล้ว โดยยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 เมษา ยน 2551 (เรื่อง ขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง การเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ) |
|||||||||||||||||||||||||||
6247 | ขอให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการขอยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี | ยธ | 29/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
1. ยกเว้นให้สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จำนวน 46 แห่ง ดำเนินการจัดหาอาหารให้แก่เด็ก และเยาวชนในความรับผิดชอบตามวิธีการเดิมที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงจำนวนเด็กและเยาวชน ในความรับผิดชอบที่สมควรจะดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2552 เรื่อง การจัดซื้อและการ ชำระราคาค่าอาหาร เครื่องบริโภค และวัสดุเพื่อการหุงหาอาหารให้แก่นักโทษ ผู้ต้องขัง รวมทั้งเด็กและเยาวชนที่ อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ และกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ติดตามประเมินผลและกำหนดการดำเนินการและการจัดการเรื่องการจัดหานมสดจากองค์การส่งเสริมกิจการโคนม แห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ให้แก่เด็กและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ทั้ง 46 แห่ง และสถาน พินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนแห่งอื่นตามเหตุผลและความจำเป็นตามสภาพปัญหาในพื้นที่ของสถานพินิจและคุ้ม ครองเด็กและเยาวชนแต่ละแห่ง 2. ยกเว้นให้กรมราชทัณฑ์ดำเนินการจัดหาอาหาร เครื่องบริโภค และวัสดุเพื่อการหุงหาอาหารให้แก่นัก โทษและผู้ต้องขังในเรือนจำ ทัณฑสถาน และสถานกักขังต่าง ๆ (ยกเว้นข้าวสาร 5% และข้าวสารเหนียว) ตามวิธี การเดิมที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นเวลา 3 เดือน นับแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 ถึง 31 ธันวาคม 2552 และในระหว่างระยะ เวลาดังกล่าว ให้สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และกรมส่งเสริมการเกษตรร่วมกันทดลองดำเนิน การให้เรือนจำ ทัณฑสถาน และสถานกักขังต่าง ๆ จัดซื้อผลไม้จากเกษตรกรในพื้นที่ของแต่ละแห่ง โดยตรงเป็นโครง การนำร่องใน 4 ภาค ๆ ละ 2 จังหวัด และจังหวัดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้อีก 1 จังหวัด โดยให้สำนักงานปลัด กระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และกรมส่งเสริมการเกษตรร่วมกันพิจารณากำหนดจังหวัดในโครงการนำร่องของ ภาคต่าง ๆ และของจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งกำหนดรูปแบบและวิธีดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว |
|||||||||||||||||||||||||||
6248 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การพัฒนานโยบายป่าไม้ให้เป็นนโยบายสาธารณะและการแก้ไขปัญหาการรุกป่า" | สสป | 29/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและ
ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "การพัฒนานโยบายป่าไม้ให้เป็นนโยบายสาธารณะและการแก้ไขปัญหา การบุกรุกป่า" และรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอความเห็น ผลการพิจารณา รวมทั้งผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยความเห็นและข้อ เสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ สรุปได้ดังนี้ 1. มาตรการเร่งด่วน 1.1 กำหนดให้ปัญหาทรัพยากรป่าไม้เป็นวาระแห่งชาติ และเป็นประเด็นสาธารณะที่จะต้องนำไปสู่ การมีมติคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินการปรับปรุงวิธีการและกระบวนการในการจัดทำนโยบายป่าไม้แห่งชาติ โดยนำ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 นโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม นโยบายที่ดิน นโยบายปฏิรูป ระบบราชการมาพิจารณาในการจัดทำนโยบายป่าไม้แห่งชาติใหม่ 1.2 นำยุทธศาสตร์การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและสังคมเป็นรากฐานที่มั่นคงของประเทศ ตามแนวทาง "การเสริมสร้างศักยภาพของชุมชน ในการอยู่ร่วมกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสันติ และเกื้อกูล ด้วยการส่งเสริมสิทธิชุมชนและกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน ในการสงวน อนุรักษ์ฟื้นฟู พัฒนา ใช้ ประโยชน์และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น" ซึ่งกำหนดไว้ใน แผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 10 มาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการบริหารจัดการทรัพยากรที่ดินป่าไม้ และดำเนินการ ทันทีในพื้นที่ที่มีการขัดแย้งกันระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับชุมชน 1.3 บูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรป่าไม้ทั้งหมด ร่วมกับชุมชนในการ แก้ไขปัญหาและป้องกันการบุกรุกป่า และการรักษาพื้นที่ป่าไม้ที่เหลืออยู่ทั้งประเทศ โดยการทบทวนมาตรการ และแนวทางการป้องกันรักษาที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน 1.4 ดำเนินการตรวจสอบเอกสารสิทธิที่ดินในเขตป่าทั่วประเทศโดยเฉพาะในพื้นที่ป่าชายเลน ซึ่งใน ระหว่างการตรวจสอบจะต้องมีมาตรการยับยั้งไม่ให้ผู้อ้างสิทธิกระทำการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า และให้เพิก ถอนสิทธิทันทีหากพบว่าที่ดินนั้นได้มาโดยมิชอบ รวมทั้งดำเนินการลงโทษตามกฎหมาย 1.5 แก้ไขพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 พระราช บัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และพระราชบัญญัติ สวนป่า พ.ศ. 2535 ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 เพื่อทำให้เกิดการ บูรณาการระหว่างพระราชบัญญัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรป่าไม้ 2 มาตรการระยะกลางและระยะยาว 2.1 จัดตั้งหน่วยงานกลาง ทำหน้าที่ในการจัดระบบฐานข้อมูลที่เกี่ยวกับพื้นที่ป่าไม้แผนที่ ภาพถ่าย ดาวเทียมที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ป่าไม้ และทำหน้าที่ประสานกับคณะกรรมการด้านทรัพยากรทุกชุด และเข้าร่วมกับ ชุมชนในการทำวิจัย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการจัดทำนโยบายและแผนการบริหารจัด การป่าไม้ของประเทศ 2.2 สำรวจและจัดทำข้อมูลพื้นที่ป่าไม้ที่มีอยู่จริงให้ถูกต้องตามความเป็นจริง รวมทั้งวางแผนการใช้ ที่ดินทั้งประเทศ และแบ่งเขตการใช้ (Zoning) ที่ชัดเจน 2.3 กำหนดแนวทางและวางมาตรการในการดำเนินงาน เพื่อให้องค์กรและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยว ข้องกับการนำนโยบายป่าไม้แห่งชาติไปปฏิบัติโดยยึดหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดีตามพระราช กฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546
|
|||||||||||||||||||||||||||
6249 | ขออนุมัติยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ขอยกเว้นอากรนำเข้าสำหรับเครื่องมือ/อุปกรณ์ ที่จะใช้ในศูนย์ฝึกอบรมของกรมวิชาการเกษตรตามโครงการลดและเลิกใช้สารเมทิลโบรไมด์ในประเทศไทย | กษ | 29/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2551 (เรื่อง ขอยกเว้นอาการ
นำเข้าสำหรับเครื่องมือ/อุปกรณ์ ที่จะใช้ในศูนย์ฝึกอบรมของกรมวิชาการเกษตร ตามโครงการลดและเลิกใช้สาร เมทิลโบรไมด์ในประเทศไทย) โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะดำเนินการจัดซื้อเครื่องมือ/อุปกรณ์ โดยใช้ข้อ กำหนดของสัญญาความช่วยเหลือแบบให้เปล่าแทน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||
6250 | การช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ | นร | 29/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
1. ระงับการจ่ายเงินช่วยเหลือประชาชนและบุคลากรภาครัฐตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน และบุคลากรภาครัฐ 2. สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับสิทธิรับเงินช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ ตามพระ ราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 และตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2552 ซึ่งมีรายชื่อตกหล่น ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือค่าครองชีพ ฯ 2,000 บาท เมื่อหน่วยงานที่รับผิดชอบ กลุ่มเป้าหมายที่มีรายชื่อตกหล่นดังกล่าวได้รับจัดสรรเงินจากสำนักงบประมาณแล้วให้สามารถดำเนินการโอนเงิน เข้าบัญชีของผู้มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐได้โดยตรงต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
6251 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของกองทัพไทยในการปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพผสมระหว่างสหภาพแอฟริกา และสหประชาชาติในดาร์ฟู (African Union/United Nations Hybrid Operation in Darfur : UNAMID) | กห | 29/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2552 (เรื่อง การส่งกองพัน
ทหารราบเข้าร่วมในภารกิจรักษาสันติภาพผสมระหว่างสหภาพแอฟริกา และสหประชาชาติในดาร์ฟูร์) โดยให้แก้ไข ข้อความจาก "ส่วนค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติภารกิจของกองกำลังทหารไทย ในกรอบวงเงิน 350 ล้านบาทต่อวงรอบ 6 เดือน ซึ่งสหประชาชาติจะเป็นผู้ให้การสนับสนุน โดยประเทศไทยจะต้องสำรองค่าใช้จ่ายไปก่อนนั้น ให้กระทรวง กลาโหมขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป และเมื่อส่วนราชการได้รับเงินช่วยเหลือจากสห ประชาชาติแล้วให้นำส่งเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง" เป็น "ส่วนค่าใช้จ่ายในการ ปฏิบัติภารกิจของกองกำลังทหารไทย ในกรอบวงเงิน 350 ล้านบาทต่อวงรอบ 6 เดือน ซึ่งสหประชาชาติจะเป็นผู้ ให้การสนับสนุน โดยประเทศไทยจะต้องสำรองค่าใช้จ่ายไปก่อนนั้น เนื่องจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อ กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นมีจำนวนไม่เพียงพอที่จะนำไปใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าว จึงขอให้กระทรวงกลาโหมขอทำความ ตกลงกับกระทรวงการคลังเพื่อใช้จ่ายจากเงินทดรองราชการ และเมื่อกระทรวงกลาโหมได้รับเงินช่วยเหลือจากสห ประชาชาติแล้วให้นำส่งคืนเงินทดรองราชการโดยเร็วต่อไป"
|
|||||||||||||||||||||||||||
6252 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการเลื่อนเงินเดือน พ.ศ. .... | นร | 29/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบระบบการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญ และอนุมัติร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการเลื่อน เงินเดือน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนสามัญเป็นไปตามหลัก การจ่ายค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติราชการและการประพฤติตน และให้ดำเนินการต่อไปได้ 2. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2544 และวันที่ 17 มิถุนายน 2540 ในส่วนที่เกี่ยว กับระบบการเลื่อนเงินเดือน เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับข้าราชการพลเรือนสามัญ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
6253 | องค์กรร่วมไทย - มาเลเซียขอความเห็นชอบในร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแปลง B-17 & C-19 และ B-17-01 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย - มาเลเซีย | พน | 29/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแปลง B-17 & C-19 และ B-17-01 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (JDA) ระหว่างองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย (MTJA) และบริษัทผู้ประกอบการ คือ PC JDA Limited และ PTTEP International Limited ในฐานะกลุ่มผู้ขายก๊าซ กับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ใน ฐานะผู้ซื้อก๊าซ 2. เห็นชอบให้ MTJA ลงนามในสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติดังกล่าวกับผู้ซื้อได้ เมื่อ ร่างสัญญา ฯ ได้ผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว 3. ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2552 (เรื่อง การทำสัญญาระหว่าง หน่วยงานของรัฐและเอกชน) เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย
|
|||||||||||||||||||||||||||
6254 | นายจาดุร อภิชาตบุตร ฟ้องนายกรัฐมนตรี กับพวก ต่อศาลปกครองกลางขอให้เพิกถอนคำสั่งให้โอนผู้ฟ้องคดีไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2551 และให้ผู้ฟ้องคดีกลับไปดำรงตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีตามเดิม | อส | 22/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางในคดีนายจาดุร อภิชาตบุตร ฟ้อง
นายกรัฐมนตรี กับพวก ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้เพิกถอนคำสั่งให้โอนผู้ฟ้องคดีไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราช การกระทรวงมหาดไทย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2551 และให้ผู้ฟ้องคดีกลับไปดำรงตำแหน่ง รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีตามเดิม และมอบให้พนักงานอัยการดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
6255 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 24 มกราคม 2549 มอบหมายหน่วยงานดำเนินการโครงการออกแบบ ก่อสร้างลานเฉลิมพระเกียรติฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช | นร | 22/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ประธานกรรมการบริหารการ
พัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนินเสนอ ดังนี้ 1. เห็นชอบทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2549 เพื่อให้คณะกรรมการบริหารการ พัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนิน (กบพร.) ดำเนินโครงการออกแบบ ก่อสร้างลานเฉลิมพระเกียรติ ฯ พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช แทนกระทรวงวัฒนธรรม 2. เห็นชอบในหลักการโครงการประกวดแบบลานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดช และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น จำนวน 16 ล้านบาท ให้แก่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อจ้างที่ ปรึกษาดำเนินโครงการประกวดแบบลานเฉลิมพระเกียรติ ฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ให้เป็น ไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
6256 | ปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ | กค | 22/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ ตามที่กระทรวง การคลังเสนอ เฉพาะการเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของคณะกรรมการจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการ รัฐวิสาหกิจ โดยให้คณะกรรมการจัดทำบัญชีรายชื่อ ฯ สามารถพิจารณาทบทวนการคงสถานะหรือการพ้นสภาพ การเป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อ ฯ สำหรับการแก้ไขเพิ่มเติมให้บุคคลในบัญชีรายชื่อ ฯ พ้นจากบัญชีรายชื่อ ฯ เมื่อ ครบระยะเวลา 3 ปีนับจากวันสิ้นสุดของปีปฏิทินที่ประกาศบัญชีรายชื่อ ฯ ของบุคคลนั้น ๆ มีผลบังคับใช้ โดย ให้คณะกรรมการจัดทำบัญชีรายชื่อ ฯ สามารถพิจารณาคัดสรรให้บุคคลดังกล่าวขึ้นบัญชีรายชื่อ ฯ ในครั้งต่อไปได้ นั้น ไม่มีความจำเป็นต้องแก้ไข ส่วนการกำหนดให้กรรมการในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจที่แต่งตั้งจากบัญชีรายชื่อ กรรมการรัฐวิสาหกิจดำรงตำแหน่งกรรมการรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ จนครบวาระการดำรงตำแหน่ง นั้น ให้เป็นไปตาม บทบัญญัติของกฎหมายตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 2. ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2552 ที่ให้ทบทวนการกำหนดสัดส่วนกรรมการรัฐวิสาหกิจจากบุคคลในบัญชีรายชื่อ ฯ ให้มากกว่า 1 ใน 3 ซึ่งจะทำให้ การสรรหาเกิดความโปร่งใส และได้ผู้มีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และมีคุณธรรม จริยธรรม เข้าสู่การบริหารองค์กรรัฐวิสาหกิจได้มากขึ้น ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ |
|||||||||||||||||||||||||||
6257 | ขออนุมัติกู้เงินระยะยาวเพื่อใช้ในการดำเนินงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 22/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงินระยะยาวเพื่อใช้ในการดำเนินงาน ชำระหนี้ และดอก เบี้ยเงินกู้ รวมถึงจ่ายลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของ รฟท. จำนวน 4,210 ล้านบาท โดยให้กระทรวง การคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดตามความเหมาะสม ตามที่กระทรวง คมนาคมเสนอ 2. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐ กิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้ รฟท. ดำเนินการเจรจากับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ รฟท. ให้สามารถดำเนินการตาม มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 เพื่อให้แบ่งแยกผลขาดทุนต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน และสร้างรายได้เพิ่ม เติมจากทรัพย์สินของ รฟท. รวมทั้งให้บริหารรายรับ-รายจ่าย โดยหาแนวทางในการเพิ่มรายได้จากธุรกิจหลักและ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและควบคุมค่าใช้จ่ายการดำเนินงานในส่วนที่สามารถควบคุมได้เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่าง ต่อเนื่องกรณีที่ต้นทุนการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นจากที่ประมาณการไว้ โดยเฉพาะต้นทุนด้านน้ำมันเชื้อเพลิง และ จัดทำเแผนการจัดหาเงินลงทุนเพื่อการพัฒนาโครงการและการดำเนินกิจการในระยะยาว และให้เสนอคณะรัฐมนตรี ทราบ ไปดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
6258 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2544 | กษ | 22/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2544 (เรื่อง การพิจารณาการ
โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินราชพัสดุให้แก่สหกรณ์นิคมบ้านสร้างพัฒนา จำกัด) ข้อ 1 เป็นดังนี้ "1. เห็นชอบตามมติคณะ กรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ....... ฯลฯ ....... ทั้งนี้ ในการดำเนินการโอน กรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว ให้กระทรวงการคลังระบุเป็นเงื่อนไขบังคับหลังไว้ด้วยว่า ให้สหกรณ์นิคม ฯ นำที่ดินไปจัด สรรให้แก่สมาชิก เพื่อใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพอย่างแท้จริง จะนำไปจำหน่ายจ่ายโอนให้แก่บุคคลอื่นมิได้ เว้นแต่เป็นการโอนให้แก่ทายาท หรือผู้มีสิทธิรับมรดกของสมาชิกเท่านั้น และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย กรมส่งเสริมสหกรณ์ ไปกำหนดมาตรการเพื่อกำกับดูแลการจัดสรรที่ดินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการต่อ ไป" ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
6259 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี (โครงการบ้านดินสิ่งมหัศจรรย์) | มท | 22/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 (เรื่อง ความก้าวหน้าการดำเนิน การตามมติคณะรัฐมนตรีในการตรวจสอบทรัพย์สินและชำระบัญชีของสำนักงานบริหารการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน (องค์การมหาชน) (สปท.) และการกำกับ ติดตาม ดูแลภารกิจที่ถ่ายโอนตามนโยบายโครงการแปลงสินทรัพย์เป็น ทุน) ในส่วนของโครงการบ้านดินสิ่งมหัศจรรย์ โดยขยายเวลาการดำเนินโครงการ ฯ จากเดิมสิ้นสุดในเดือนกันยา ยน 2551 ออกไปสิ้นสุดในเดือนกันยายน 2553 และมอบอำนาจในการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ ฯ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิพิจารณาดำเนินโครงการให้บรรลุวัตถุประสงค์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้ กระทรวงมหาดไทย (จังหวัดชัยภูมิ) รับความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติที่เห็นควรแก้ไขปัญหาเรื่องสิทธิการใช้ประโยชน์ในที่ดินในโครงการบ้านดินสิ่งมหัศจรรย์ให้เกิดความชัดเจนและ ต้องสามารถพัฒนาบ้านดินให้เป็นที่พักของนักท่องเที่ยวได้ ภายในวงเงินงบประมาณที่เหลือ 11.80 ล้านบาท โดย ไม่ขอเงินงบประมาณเพิ่มอีก 2. ให้กระทรวงมหาดไทย (จังหวัดชัยภูมิ) รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรม การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินโครงการ ฯ และกิจกรรมในระยะที่ 2 ต้องสนองตอบ ต่อวัตถุประสงค์เดิมในการพัฒนาพื้นที่โครงการ ฯ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและสร้างอาชีพ สร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้แก่ ชุมชน พร้อมทั้งมีการรายงานผลการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการ ฯ และเมื่อ สิ้นสุดระยะเวลาการดำเนินโครงการ ฯ หากมีเงินเหลือจ่ายให้นำเงินเหลือจ่ายพร้อมดอกผลส่งคืนคลังเป็นรายได้ แผ่นดินต่อไป อย่างไรก็ตาม หากจังหวัดชัยภูมิจะพัฒนาต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มในโครงการ ฯ ที่ดำเนินการแล้ว เสร็จในระยะแรก ก็ควรให้ความสำคัญกับการสร้างเสริมความเข้มแข็งของชุมชนเพื่อให้ชุมชนมีความพร้อม มีความ ร่วมมืออย่างเป็นเอกภาพ และมีขีดความสามารถในการบริหารจัดการโครงการ ฯ อย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนิน การด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
6260 | มาตรการให้ความช่วยเหลือด้านหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร ที่ประสบอุทกภัยปี 2551 | กษ | 15/09/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการมาตรการให้ความช่วยเหลือด้านหนี้สินของสมาชิกสหกรณ์/กลุ่ม
เกษตรกรที่ประสบอุทกภัย ปี 2551 โดยกรณีสมาชิกเสียชีวิตให้จำหน่ายหนี้ออกจากบัญชีของสหกรณ์/กลุ่มเกษตร กรเป็นสูญ รัฐบาลรับภาระชำระหนี้ให้แทน และกรณีสมาชิกรายที่ประสบภัยอย่างร้ายแรงจนทำให้พื้นที่ทำกินและ ผลผลิตเสียหาย ขาดรายได้ที่จะนำส่งชะรำหนี้ได้ สำหรับหนี้เงินกู้เดิมที่มีอยู่ก่อนประสบภัยให้สหกรณ์/กลุ่มเกษตร กรขยายเวลาการชำระหนี้เงินกู้เป็นเวลา 3 ปี และงดเก็บดอกเบี้ยจากสมาชิก โดยรัฐบาลจ่ายชดเชยดอกเบี้ยให้ สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยงบประมาณที่ต้องจ่ายชดเชยให้กับสหกรณ์/ กลุ่มเกษตรกรนั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนินการนำผลการศึกษาระบบประกันภัยพืชผลอันเนื่องมา จากภัยธรรมชาติเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2552 (เรื่อง การดำเนิน งานโครงการนำร่องการประกันภัยพืชผลโดยใช้ดัชนีภูมิอากาศ) โดยเร็วด้วย |
.....