ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 311 จากทั้งหมด 567 หน้า แสดงรายการที่ 6201 - 6220 จากข้อมูลทั้งหมด 11336 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
6201 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 ฯลฯ) | มท | 01/12/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติ
ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ดังต่อไปนี้ 1. ปรับปรุงสถานที่ปิดประกาศการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน 2. ปรับปรุงหลักเกณฑ์การตรวจพิสูจน์ที่ดินที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษา พันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหรือเขตที่ได้จำแนกให้เป็นเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี 3. ปรับปรุงการประกาศออกโฉนดที่ดิน 4. ปรับปรุงหลักเกณฑ์การออกใบแทนโฉนดที่ดิน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6202 | การจัดซื้อทรัพย์สินที่เกิดจากการก่อสร้างโครงการวางท่อเชื่อมจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ไปอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ จังหวัดระยอง ตามมติคณะรัฐมนตรี | กษ | 01/12/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ 1.1 รับทราบผลการดำเนินการจัดซื้อทรัพย์สินที่เกิดจากการก่อสร้างโครงการวางท่อเชื่อมจากอ่าง เก็บน้ำประแสร์ไปอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ จังหวัดระยอง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2552 จาก บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) ในราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นจำนวนเงิน ทั้งสิ้น 1,677,000,000.00 บาท 1.2 อนุมัติให้ยกเลิกหลักการในรายละเอียดของโครงการดังกล่าว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2548 ที่กำหนดว่า "ก่อสร้างในวงเงิน 1,680 ล้านบาท โดยเห็นควรอนุมัติงบดำเนินการ วงเงิน 1,008 ล้านบาท ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ส่วนที่เหลือ 672 ล้านบาท ให้ผ่อนชำระคืน EAST WATER โดยหักจากค่า น้ำ" 1.3 อนุมัติการจัดสรรเงินงบประมาณจากเงินงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามที่ได้จัดซื้อทรัพย์สินที่เกิดจากการก่อสร้างโครงการดังกล่าวเป็น เงิน 1,677,000,000 บาท สำหรับงบประมาณที่จะใช้จ่ายให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้ ใช้จ่ายจากเงินกันเหลื่อมปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 1,008,000,000 บาท ซึ่งได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิก เหลื่อมปีแล้ว ตามใบกันเงินเลขที่ 10042627 ส่วนที่ขาดอยู่ จำนวน 669,000,000 บาท จะต้องใช้จ่ายจากงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรพิจารณาคำนวณค่าน้ำที่ส่งผ่านท่อในโครงการให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงที่ภาครัฐได้ลง ทุนในโครงการวางท่อเชื่อมจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ไปอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ จังหวัดระยอง ไปพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6203 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 8/2552 | นร | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและ
เลขานุการคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) เสนอ ดังนี้ 1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการ กรอ. ครั้งที่ 8/2552 เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2552 โดย ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องต่าง ๆ และมีมติ ดังนี้ 1.1 เรื่อง ยุทธศาสตร์ยางและไม้ยางพารา ที่ประชุมมีมติให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลง ทุนจัดเวทีสำหรับผู้ประกอบการเพื่อทำ Business Matching และพิจารณาความเป็นไปได้และความเหมาะสมใน การส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการลงทุน เพื่อสร้างอุตสาหกรรมแปรรูปยางในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ โดยมีกรอบ ระยะเวลาทำงาน 1 เดือน รวมทั้งให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเร่งรัดและติดตามการดำเนินการตามขั้นตอน การเพิ่มผู้แทนจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ และ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมยางในขั้นกลางน้ำและปลายน้ำ โดยให้เชื่อม โยงกับการพัฒนายางต้นน้ำตามยุทธศาสตร์การพัฒนายาง พ.ศ. 2552-2556 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งรับหลักการให้มีการจัดตั้งสถาบันพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางพารา 1.2 เรื่อง การขอปรับลดค่าอนุรักษ์น้ำบาดาล ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนความเป็นไปได้ในการปรับปรุงอัตราค่าอนุรักษ์น้ำบาดาล ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยให้มีการศึกษาในรายละเอียดเพิ่มเติมในประเด็นเรื่องอัตราการสูบน้ำ แบบปลอดภัย (Safe Yield) อัตราการทรุดตัวของแผ่นดิน และปัญหาการปนเปื้อนของสารเคมีในน้ำบาดาลซึ่ง ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งพิจารณาแนวทางการใช้ประโยชน์จากเงินกองทุนอนุรักษ์น้ำดาบาลเพื่อช่วยเหลือ และพัฒนาขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรม และจัดทำแผนพัฒนาน้ำเพื่อภาคอุตสาหกรรม 1.3 เรื่อง การพัฒนาอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องในประเทศไทย ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งสถาบันพัฒนา การขนส่งทางราง และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องของประเทศไทย และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาห กิจ กระทรวงการคลังประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการศึกษาแนวทางการกำหนดเงื่อนไขการจัดหาระบบรถ ไฟฟ้าและรถไฟ โดยมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีทั้งในด้านการผลิต การเดินรถและซ่อมบำรุง ตลอดจนการพัฒนา บุคลากรไว้ในขอบเขตการดำเนินงาน (Term of Reference : TOR) นอกจากนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม และ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำรวจศักยภาพและขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมไทยในการรองรับ การพัฒนาอุตสาหกรรมไฟฟ้า และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องในประเทศไทย เพื่อจัดทำเป็นฐานข้อมูลประกอบการ จัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาต่อไป 1.4 เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2552 เรื่อง การทำสัญญาระหว่าง รัฐกับเอกชน (อนุญาโตตุลาการ) ที่ประชุมมีมติรับทราบความเห็นชอบของที่ประชุมถึงข้อจำกัดในการใช้วิธีการ อนุญาโตตุลาการเพื่อระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และชี้แจงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจถึงมติคณะ รัฐมนตรีดังกล่าวไม่ได้เป็นข้อห้ามต่อหน่วยงานภาครัฐในการใช้วิธีการอนุญาโตตุลาการเพื่อระงับข้อพิพาท และ ให้ประธานผู้แทนการค้าไทยประมวลเรื่องการใช้วิธีการอนุญาโตตุลาการเพื่อระงับข้อพิพาท และให้นำเสนอคณะ รัฐมนตรีต่อไป 1.5 เรื่อง นโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ (กากถั่วเหลือง) ที่ประชุมมีมติเห็นควร ให้กระทรวงพาณิชย์หาข้อสรุปอัตราอากรขาเข้ากากถั่วเหลือง และให้เสนอนโยบายและมาตรการนำเข้ากากถั่ว เหลืองปี 2553 ต่อคณะรัฐมนตรี ก่อนการประชุมคณะกรรมการ กรอ. ครั้งต่อไปในวันที่ 23 ธันวาคม 2552 1.6 เรื่อง ความคืบหน้าข้อเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ที่ประชุมมีมติให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการทบทวนและหาแนวทางปรับปรุงพระราชบัญญัติดังกล่าว ให้สอด คล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและมีประสิทธิภาพมากขึ้นภายในกรอบระยะเวลา 2 เดือน และรายงานต่อคณะ กรรมการ กรอ. ต่อไป 2. เห็นชอบมติคณะกรรมการ กรอ. และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการ กรอ. ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการ แล้วรายงานให้คณะกรรมการ กรอ. และคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6204 | การจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของพนักงานและลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ | รง | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของพนักงานและลูกจ้างรัฐวิสาหกิจที่มีเงินเดือนหรือค่า จ้างไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท ให้ได้รับในอัตราเดือนละ 2,000 บาท ซึ่งเมื่อรวมกับเงินเดือนหรือค่าจ้างแล้วต้อง ได้รับไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน และให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (24 พฤศจิกา ยน 2552) เป็นต้นไป โดยให้ใช้เงินงบประมาณของรัฐวิสาหกิจ และให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจแต่ ละแห่งในการพิจารณาภายใต้กรอบดังกล่าว ที่กำหนดตามมาตรา 13 (2) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจ สัมพันธ์ พ.ศ. 2543 โดยการจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวดังกล่าวมีลักษณะการจ่ายเป็นการชั่วคราว ไม่ถือเป็น ค่าจ้าง และไม่เป็นฐานในการคำนวณสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ แก่พนักงานและลูกจ้าง ตามมติคณะกรรมการแรงงงาน รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ในการประชุม ครั้งที่ 7/2552 เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2552 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ทั้งนี้ การจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเดือนละ 2,000 บาท ไม่รวมเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวที่ได้รับอยู่เดิมเดือน ละ 1,500 บาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2551 (เรื่อง การจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของ ลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ) 2. ส่วนข้อหารือมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2552 (เรื่อง ขอความเห็นชอบการจ่ายเงินเพิ่ม การครองชีพชั่วคราวให้กับพนักงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง) ของกระทรวงแรงงาน นั้น เนื่องจากเป็นเรื่อง ทำนองเดียวกัน จึงให้ถือปฏิบัติตามแนวทางเดียวกันกับมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6205 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่องการเปลี่ยนแปลงการกู้เงินเป็นขอใช้งบประมาณรายจ่ายปี 2553 (โครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตร ปี 2551/52) | พณ | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 (เรื่อง ค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการรับ จำนำผลิตผลทางการเกษตร ปีการผลิต 2551/2552) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้โอนเปลี่ยนแปลงงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ขององค์การคลังสินค้า (อคส.) แผนงานปรับโครงสร้างเศรษฐ กิจภาคเกษตร จากงบรายจ่ายอื่น รายการชำระหนี้ต้นเงินกู้ของ อคส. ที่กู้ยืมจากสถาบันการเงิน เพื่อเป็นค่าใช้ จ่ายในการรับฝากและเก็บรักษาสินค้า ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551-มีนาคม 2552 ตามโครงการ ฯ จำนวน 4,318.94 ล้านบาท ไปเป็นงบเงินอุดหนุนประเภทเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ รายการค่าใช้จ่ายในการรับฝากและเก็บ รักษาสินค้า ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551-มีนาคม 2552 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 2. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลการดำเนินงานโครงการ ฯ และการใช้จ่ายงบประมาณโครงการ รับจำนำผลิตผลทางการเกษตร ปี 2551/2552 ในภาพรวม รวมทั้งการศึกษาวิเคราะห์เปรียบเทียบกับมาตรการ รักษาเสถียรภาพและช่วยเหลือเกษตรกรในปี 2552/2553 เช่น โครงการประกันรายได้เกษตรกร โครงการรับ ฝากข้าวเปลือกในยุ้งฉางเกษตรกร และโครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือกนาปี เป็นต้น เพื่อใช้เป็นแนวทาง ในการปรับปรุงการดำเนินการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6206 | การขอรับจัดสรรงบกลางฉุกเฉินเพื่อชำระบัญชีบริษัท รวมค้าปลีกเข้มแข็ง จำกัด | พณ | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิย์เสนอ 1.1 รับทราบรายงานผลการชำระบัญชีของบริษัท รวมค้าปลีกเข้มแข็ง จำกัด โดยบริษัท ฯ ได้ดำเนินการ ชำระบัญชีตามกระบวนการและขั้นตอนของกฎหมาย และได้สรุปการจำหน่ายทรัพย์สิน รายการลูกหนี้ เจ้าหนี้ และ ค่าใช้จ่ายค้างจ่ายที่สามารถประเมินได้แล้วว่ามีรายรับต่ำกว่าหนี้สินค้างจ่ายทำให้ไม่สามารถชำระบัญชีให้เสร็จสิ้น 1.2 อนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อจ่ายชำระหนี้ผูกพันของบริษัท ฯ ในวงเงิน 17,279,774 บาท 2. ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 (เรื่อง แนวทางปฏิบัติ กรณีการขออนุมัติใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น) เนื่องจากบริษัท ฯ ได้จัดตั้งขึ้น ตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีหน่วยงานภาครัฐเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด ดังนั้น หากให้บริษัท ฯ มีสถานะเป็นผู้ล้มละลาย โดยไม่ชำระหนั้สินที่เกิดขึ้น อาจส่งผลเสียหายต่อภาพลักษณ์ของภาคราชการ และความเชื่อมั่นของภาคเอกชนในการ ร่วมดำเนินการกับภาคราชการ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6207 | สรุปผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 (1 ตุลาคม 2551 - 30 กันยายน 2552) | กค | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2551 (1 ตุลาคม 2551-30 กันยายน 2552) สรุปได้ดังนี้ 1. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 เบิกจ่ายได้ จำนวน 1,696,085.58 ล้านบาท หรือร้อยละ 92.42 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 (1,951,700.00 ล้านบาท) ต่ำกว่า เป้าหมายตามมติคณะรัฐมนตรี (ร้อยละ 94.00) อยู่ร้อยละ 1.58 แต่สูงกว่าปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ร้อยละ 0.10 โดยประกอบด้วย รายจ่ายประจำ จำนวน 1,424,050.98 ล้านบาท หรือร้อยละ 96.47 และรายจ่ายลงทุน จำนวน 272,034.60 ล้านบาท หรือร้อยละ 75.78 สูงกว่าเป้าหมายตามมติคณะรัฐมนตรี (ร้อยละ 74.00) อยู่ร้อยละ 1.78 แต่ต่ำกว่าปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ร้อยละ 2.86 2. งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม เบิกจ่ายได้จำนวน 94,776.66 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.30 ประกอบ ด้วย รายจ่ายประจำ จำนวน 83,842.66 ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน จำนวน 10,934.00 ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6208 | การเร่งรัดการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร | นร | 24/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร ณ วันที่ 19
พฤศจิกายน 2552 และเห็นชอบเร่งรัดหน่วยงานดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการประสานการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกรเสนอ ดังนี้ 1. หลักเกณฑ์การใช้สิทธิชดเชยของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ให้ใช้แนวทางเดียวกันกับการใช้สิทธิของเกษตร กรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลัง ปี 2552/53 ที่กำหนดให้ใช้สิทธิได้ทันทีนับถัดจากวันทำสัญญา โดย ให้ระยะเวลาธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตรวจสอบก่อนจ่ายเงินได้ไม่เกิน 15 วัน และ ให้สิ้นสุดการใช้สิทธิในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ยกเว้นภาคใต้สิ้นสุดเดือนพฤษภาคม 2553 2. ให้ ธ.ก.ส. เร่งดำเนินงานโครงการรับฝากข้าวเปลือกในยุ้งฉางเกษตรกรเพื่อรอการจำหน่าย ปีการ ผลิต 2552/53 ของ ธ.ก.ส. ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2552 โดยเร็ว ซึ่งควรเริ่มดำเนินการให้ได้ ภายในเดือนพฤศจิกายน 2552 3. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งกำหนดหลักเกณฑ์ ขั้นตอนการปฏิบัติ และกรอบระยะเวลาการ ดำเนินงานกรณีข้าวรอบ 2 เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติพิจารณาภายในเดือนพฤศจิกายน 2552 เพื่อให้หน่วยงานปฏิบัติในพื้นที่มีความพร้อมเมื่อถึงกำหนดเวลา 4. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกรในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่ง ขณะนี้ล่าช้ากว่ากำหนดการที่ได้ตั้งไว้ให้ได้ตามกรอบเวลาที่กำหนด 5. ให้กรมส่งเสริมการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร รวมทั้งกรมพัฒนาที่ดินเร่งทบทวนข้อมูล ทบก. ทพศ. กับฐานข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ฐานข้อมูลด้านกายภาพของกรมพัฒนาที่ดิน และ ฐานข้อมูลที่ ธ.ก.ส. ใช้ทำสัญญาเพื่อแก้ไขปัญหาพื้นที่เพาะปลูกที่แจ้งจดทะเบียนมากกว่าพื้นที่ที่มีอยู่จริง โดยควร มีระบบการเรียงลำดับข้อมูลตามประเภทของเอกสารสิทธิที่ใช้จดทะเบียน และลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดิน และ ทบทวนข้อมูลชนิดของพืช และปฏิทินการเพาะปลูกที่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม อันเนื่องมาจากการใช้เครื่องจักร กลในการเก็บเกี่ยวมากขึ้น รูปแบบการผลิตที่เปลี่ยนจากการดำเป็นการหว่านในกรณีของข้าว รวมทั้งการเปลี่ยน แปลงสภาพภูมิอากาศ ฯลฯ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการปรับปรุงปฏิทินการเพาะปลูกให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ที่เปลี่ยนแปลงมากขึ้นเพื่อให้การดำเนินการของโครงการในปี พ.ศ. 2553/54 มีความถูกต้องและแม่นยำยิ่งขึ้น 6. ให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรดำเนินการตรวจสอบข้อมูลการขึ้นทะเบียนพืชเศรษฐกิจที่มีพื้นที่ที่ มีความแตกต่างอย่างต่อเนื่อง และรายงานต่อคณะกรรมการประสาน ฯ ทุกสัปดาห์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6209 | การขอรับเงินชดเชยค่าดำเนินการในการให้บริการเชิงสังคมประจำปี 2551 และขอแก้ไขหลักเกณฑ์การพิจารณาเงินชดเชยค่าดำเนินการในการให้บริการเชิงสังคม ประจำปี 2552 | มท | 17/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ 1.1 อนุมัติเงินชดเชยค่าดำเนินการในการให้บริการเชิงสังคมประจำปี 2551 ให้แก่การประปาส่วนภูมิ ภาค (กปภ.) จำนวน 980.148 ล้านบาท 1.2 อนุมัติแก้ไขหลักเกณฑ์การพิจารณาการขอรับเงินชดเชย ฯ ของ กปภ. ประจำปี 2552 โดยแก้ไข เป็น ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การขอรับเงินชดเชย ฯ ของ กปภ. ประจำปี 2551 ซึ่งให้ชดเชยเฉพาะส่วนต่างระหว่าง อัตราค่าน้ำที่ต่ำกว่าต้นทุนค่าน้ำจริงเฉลี่ยต่อหน่วยคูณด้วยปริมาณการใช้น้ำ และให้เฉพาะกลุ่มผู้ใช้น้ำเพื่อการดำรง ชีพ ไม่เกิน 30 ลูกบาศก์เมตร/ราย/เดือน โดยวงเงินชดเชย ฯ จะนำเสนอที่ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณา อีกครั้งภายหลังที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบและรับรองงบการเงินประจำปี 2552 ของ กปภ. แล้วเสร็จ 2. ให้กระทรวงมหาดไทยยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2551 เฉพาะการ ขอรับเงินชดเชยค่าดำเนินการในการให้บริการเชิงสังคมประจำปี 2552 |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6210 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่องการกู้เงินสำหรับใช้เป็นทุนหมุนเวียนแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือก ปี 2552/53 | พณ | 17/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 (เรื่อง การกู้เงินสำหรับใช้เป็นเงินทุน หมุนเวียนในการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือก ปี 2552/53) ข้อ 1.2 จากเดิม "1.2 ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ ค้ำประกันเงินกู้และจัดสรรเงินเพื่อชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ย" เป็น "1.2 ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ และรัฐรับภาระจัดสรรเงินเพื่อชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ย และผลขาดทุนจากการดำเนินงานตามโครงการแทรกแซง ตลาดรับซื้อข้าวเปลือก ปี 2552/53 จากงบประมาณแผ่นดิน" ตามความเห็นสำนักงบประมาณ 2. ให้กระทรวงพาณิชย์ประสานกับกระทรวงการคลังเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติบริหาร หนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ เห็นควรให้องค์การคลังสินค้าพัฒนาระบบบริหารจัดการในการรับซื้อ การเก็บรักษา และการระบายผลผลิตข้าว เปลือกให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไปดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6211 | แนวทางการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ | คค | 10/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้กระทรวงคมนาคม โดยบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด
(มหาชน) พิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาการดำเนินกิจการท่าอากาศยาสุวรรณภูมิ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 (เรื่อง การแก้ไขปัญหาในการดำเนินกิจการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ต่อไป ตามความเหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6212 | การจ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้แก่พนักงานและผู้ช่วยพนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ลูกจ้างประเภทที่ 1) ในปีบัญชี 2551 | กค | 10/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้รับยกเว้นการถือปฏิบัติตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2540 (เรื่อง การดำเนินงานตามระบบประเมินผลการดำเนินงาน) และ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2545 (เรื่อง เงินตอบแทนพิเศษสำหรับพนักงานธนาคารอาคารสง เคราะห์ในปีบัญชี 2545) สำหรับการจ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้แก่พนักงานและผู้ช่วยพนักงาน (ลูกจ้างประเภทที่ 1) ธ.ก.ส. สำหรับการดำเนินงานในปีบัญชี 2551 เป็นกรณีพิเศษ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 2. อนุมัติให้จ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้แก่พนักงานและผู้ช่วยพนักงาน (ลูกจ้างประเภทที่ 1) ธ.ก.ส. ใน อัตรา 0.6325 เท่าของเงินเดือนตามแนวทางที่ 3 คือ ให้จ่ายค่าตอบแทนพิเศษจำนวน 6 เท่าของเงินเดือนซึ่งเมื่อ หักเงินค่าตอบแทนพิเศษที่พนักงาน ธ.ก.ส. ได้รับตามระบบประเมินผลงานรัฐวิสาหกิจ จำนวน 5.3675 เท่าของ เงินเดือนแล้ว ธ.ก.ส. จึงสามารถจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษได้อีก 0.6325 เท่าของเงินเดือน ตามที่กระทรวงการ คลังเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6213 | การแก้ไขข้อคลาดเคลื่อนในมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง การเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 สำหรับโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 10/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแก้ไขข้อคลาดเคลื่อนในหนังสือ กค. ด่วนที่สุด ที่ กค 0421.3/12415 ลงวันที่
28 กรกฎาคม 2552 เรื่อง การเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 สำหรับโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ในส่วนของข้อ 4.2 และข้อ 5.1 |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6214 | ร่างกฎกระทรวงการรวมสถานศึกษาอาชีวศึกษาเพื่อจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษา พ.ศ. .... | ศธ | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการรวมสถานศึกษาอาชีวศึกษาเพื่อจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้รวมสถานศึกษาอาชีวศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อจัดตั้งเป็นสถาบันการอาชีวศึกษาจำนวน 19 สถาบัน ตามแนวทางการแบ่งกลุ่มจังหวัด ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2551 ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ 2. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติที่เห็นควรมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกำลังคนด้านช่างเทคนิคและช่างฝีมือให้มีคุณภาพและมีสมรรถนะ เพิ่มขึ้น และการขยายการผลิตกำลังคนไปถึงปริญญาตรีเชิงปฏิบัติการที่ต้องมีความร่วมมือจากภาคเอกชนหรือ สถานประกอบการอย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6215 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 1 สิงหาคม 2543 เรื่อง ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ และระดับชาติของประเทศไทย และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ | ทส | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในคราวประชุมครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 4 พฤษภา คม 2552 เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2543 เรื่อง ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความ สำคัญระดับนานาชาติ และระดับชาติของประเทศไทย และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ ตามที่กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อสังเกตของกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศึกษาธิการ ที่เห็นควรศึกษาและพัฒนาปรับปรุงกฎหมายด้าน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั้งระบบโดยบูรณาการเรื่องที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน เช่น ทรัพยากรป่าไม้ การจัด การพื้นที่ชุ่มน้ำ การจัดการทรัพยากรลุ่มน้ำ และการควบคุมมลพิษ เป็นต้น การสร้างความรู้ความเข้าใจถึงประโยชน์ จากการขึ้นทะเบียนพื้นที่ชุ่มน้ำทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิต การติดตามประเมินผลการดำเนินการ ตามมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำและวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางการปรับปรุงเพิ่มเติม ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำ รวมทั้งมีมาตรการด้านการฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำที่ถูกบุกรุกทำลายทั้งระบบเพื่อให้เกิดการ ใช้ประโยชน์พื้นที่ชุ่มน้ำอย่างยั่งยืนโดยการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานระดับท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ และการ กำหนดหน่วยงานรับผิดชอบตามมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ นอกจากนี้ ควรศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวด ล้อมกับความมั่นคงของรัฐ และความไม่มั่นคงของประชาชน ความขัดแย้งจากการแย่งชิงและการใช้สอยทรัพยากรสิ่ง แวดล้อมต่าง ๆ ในพื้นที่ในสภาวะของการมีทรัพยากรจำกัด ขาดแคลน และมีสภาพเสื่อมโทรมลง รวมถึงการรณรงค์ ให้ความรู้ ทำความเข้าใจ และสร้างจิตสำนึกของประชาชนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนในพื้นที่เพื่อให้เกิดความร่วมมือ ในการฟื้นฟู เฝ้าระวัง มีการประเมินความรู้สึกและความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อการดำเนินการตามมติดังกล่าว ไปพิจารณา หากสมควรปรับปรุงมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำประการใดให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6216 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีของโครงการสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย ครั้งที่ 5 | วท | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายงานสรุปผลการดำเนินงานโครง
การสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย (โครงการ วมว.) ประจำปี พ.ศ. 2551 โดยผลการดำเนินโครงการ วมว. เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด คือ ดำเนินการจัดตั้งห้อง เรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย จำนวน 4 ห้อง มีจำนวนนักเรียนห้องละ 30 คน โดยมีมหาวิทยาลัยและโรงเรียนที่เข้าร่วมดำเนิน งานโครงการ วมว. จำนวน 4 แห่ง ซึ่งดำเนินการจัดทำหลักสูตรเฉพาะที่มีมาตรฐานเทียบเคียงได้กับหลักสูตร โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6217 | ขออนุมัติการจัดสรรวงเงินกู้สำหรับโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เสนอ
ขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2552 (เรื่อง ขออนุมัติการจัดสรรวงเงินกู้สำหรับโครงการลงทุนภาย ใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555) ในส่วนของการกำหนดให้เมื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้รับการ อนุมัติการจัดสรรวงเงินอุดหนุนตามหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่นแล้ว ให้ อปท. ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทย เข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 โดยให้ อปท. จัดทำแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินผ่านกรมส่งเสริมการปก ครองส่วนท้องถิ่น โดยให้แก้ไขเป็น "เมื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับการอนุมัติการจัดสรรวงเงินอุดหนุนตาม หลักเกณฑ์ของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว ให้องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 ต่อไป"
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6218 | การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่อง การให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัยธรณีพิบัติ (Tsunami) | ตช | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2548 [เรื่อง สรุปผลการ
ให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัยธรณีพิบัติ (Tsunami)] ข้อ 2.1 เป็นดังนี้ "2.1 การดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติ การพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับผิดชอบจัดพื้นที่สุสานผู้ประสบภัยสึนามิ ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา รวมทั้งรับผิดชอบดำเนินการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและชันสูตรพลิกศพผู้ประสบภัย ให้เป็นไปตามกฎหมาย ในกรณีจำเป็นหรือเพื่อประโยชน์ของทางราชการในการตรวจพิสูจน์บุคคลสูญหายและศพ นิรนาม สามารถประสานการปฏิบัติกับกระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลสูงสุดได้ทั้งให้พัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงรำลึกด้วย" ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6219 | การขยายเวลาการจัดทำทะเบียนประวัติ การตรวจสุขภาพ และการขออนุญาตทำงานแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติ พม่า ลาว และกัมพูชาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2552 และการจดทะเบียนผ่อนผันให้บุตรของแรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2552 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2552 อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว | รง | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการขยายเวลาการจัดทำทะเบียนประวัติ การตรวจสุขภาพ และการขออนุญาตทำงานแรง งานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติ พม่า ลาว และกัมพูชา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2552 และการจดทะเบียนผ่อนผันให้บุตรของแรงงานต่างด้าว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2552 และ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2552 อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ตามที่กระทรวงแรงงาน เสนอ โดยในการจดทะเบียนผ่อนผันให้บุตรของแรงงานต่างด้าว อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวนั้น เฉพาะ ผู้มีอายุไม่เกิน 15 ปี เท่านั้น 2. เห็นชอบให้แก้ไขระยะเวลาดำเนินการในการจดทะเบียนผ่อนผันให้บุตรของแรงงานต่างด้าว อยู่ใน ราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ซึ่งกำหนดให้กรมการปกครองดำเนินการรับรายงานตัว ถ่ายรูป พิมพ์ลายนิ้วมือ กำหนดเลขประจำตัว 13 หลัก และออกเอกสารรับรองรายการทะเบียนประวัติ (ท.ร. 38/1) หรือบัตรประจำ ตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ให้แล้วเสร็จภายในเวลาไม่เกิน 90 วัน หลังจากคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ เป็น ให้กรมการปกครองเร่งรัดดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในเวลาไม่เกิน 45 วัน ตามที่รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงแรงงานเสนอเพิ่มเติม โดยให้กระทรวงแรงงานรับข้อสังเกตของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยว กับการจดทะเบียนบุตรแรงงานต่างด้าว ซึ่งในทางปฏิบัติอาจเกิดข้อจำกัดในการพิสูจน์ทราบตัวบุคคล สมควร ต้องพิจารณาดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันมิให้มีการลักลอบเข้ามาสวมตัวเป็นบุตรของแรงงานดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6220 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "ยุทธศาสตร์การผลิตและพัฒนาทรัพยากรบุคคลของสถานศึกษาให้ตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันของประเทศ" | สสป | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "ยุทธศาสตร์การผลิตและพัฒนาทรัพยากรบุคคลของสถานศึกษาให้ตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันของประเทศ" และรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะของ
สภาที่ปรึกษา ฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยความเห็นและข้อเสนอแนะสรุปได้ดังนี้ 1. รูปแบบการผลิตและพัฒนาทรัพยากรบุคคล ควรมุ่งเน้นการพัฒนาทรัพยากรบุคคล 2 ประเภท ดังนี้ 1.1 จัดฝึกอบรมหลักสูตรระยะสั้นโดยใช้ระยะเวลาศึกษาระหว่าง 3 เดือน ถึง 1 ปี เป้าหมายของหลักสูตรเน้นฝึกทักษะพื้นฐานที่จำเป็น เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพการให้บริการนักท่องเที่ยวทันทีที่จบการศึกษา 1.2 จัดการศึกษาหลักสูตรตามระดับการศึกษา โดยเป้าหมายหลักสูตรเน้นฝึกทักษะการปฏิบัติงานในลักษณะฐานสมรรถนะมากกว่าลักษณะรายวิชาควบคู่ไปกับหลักสูตรการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และการเป็นผู้บริหารระดับกลางทำหน้าที่ให้คำแนะนำพนักงานที่ให้บริการนักท่องเที่ยวโดยตรง 2. ทิศทางการพัฒนาทรัพยากรบุคคล 2.1 พัฒนาทรัพยากรบุคคลไปพร้อมกับการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยเน้นบทบาทด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ดิน น้ำ ป่า และกิจกรรม การส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมวิถีชีวิตและเอกลักษณ์ท้องถิ่น ความรับผิดชอบของมัคคุเทศก์ และจรรยาบรรณ รวมทั้งการดำเนินการด้านการตลาดและสื่อโฆษณา และมาตรการด้านความปลอดภัยที่จะทำให้นักท่องเที่ยวมั่นใจและไว้วางใจ 2.2 พัฒนามาตรฐานอาชีพด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรมโดยฝึกทักษะและพัฒนาความสามารถของทรัพยากรบุคคลตามฐานสมรรถนะ 2.3 วางแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวและพัฒนาทรัพยากรบุคคลเพื่อรองรับการท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่มที่เป็นแนวโน้มของตลาดท่องเที่ยวมากขึ้น ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มคนพิการ กลุ่มท่องเที่ยวเป็นครอบครัว เป็นต้น 3. กลยุทธ์การพัฒนาทรัพยากรบุคคล 3.1 กลยุทธ์การพัฒนาทรัพยากรบุคคลควบคู่ไปกับการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนเน้นการบูรณาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวให้เข้ามามีบทบาทร่วมกัน โดยเป็นเครือข่ายร่วมที่มีความคล่องตัวทั้งด้านการกำหนดนโยบาย/ทิศทางการพัฒนาการท่องเที่ยว การพัฒนาทรัพยากรบุคคล และการจัดการงบประมาณที่สอดคล้องกับสภาพการท่องเที่ยว 3.2 กลยุทธ์การจัดทำมาตรฐานอาชีพทรัพยากรบุคคลด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรม โดยมีกฎหมายหรือมติคณะรัฐมนตรีเรื่องดังกล่าวโดยเฉพาะที่เน้นให้สถาบันการศึกษา สถานประกอบการ สมาคมวิชาชีพ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำมาตรฐานอาชีพ และจัดตั้งศูนย์เฉพาะทางด้านการท่องเที่ยวตามภูมิภาคต่าง ๆ 3.3 กลยุทธ์การสร้างความร่วมมือการพัฒนาทรัพยากรบุคคลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้ความสำคัญกับบทบาทและการมีส่วนร่วมของสถานประกอบการ ส่งเสริมบทบาทของกลุ่มจังหวัดให้มีส่วนสนับสนุนสถานประกอบการด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรม สนับสนุนให้สถานประกอบการเข้ามามีบทบาทในการกำหนดนโยบาย การพัฒนาหลักสูตร การจัดการเรียนการสอน ร่วมมือทำวิจัยและรับนักศึกษาเข้าไปฝึกปฏิบัติงาน รวมถึงให้ทุนการศึกษา การพัฒนาผู้สอนให้สามารถถ่ายทอดความรู้ สร้างค่านิยมในอาชีพ และจริยธรรม
|
.....