ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 317 จากทั้งหมด 567 หน้า แสดงรายการที่ 6321 - 6340 จากข้อมูลทั้งหมด 11336 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
6321 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการซื้อหุ้นคืน การจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน และการตัดหุ้นที่ซื้อคืนของบริษัท (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. ให้ระงับการดำเนินการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการซื้อหุ้นคืน การ จำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน และการตัดหุ้นที่ซื้อคืนของบริษัท (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2546 และวันที่ 30 มกราคม 2550 2. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการซื้อหุ้นคืน การจำหน่าย หุ้นที่ซื้อคืน และการตัดหุ้นที่ซื้อคืนของบริษัท (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และส่งสำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการซื้อหุ้นคืน การจำหน่ายหุ้นคืน และการตัด หุ้นที่ซื้อคืนของบริษัท พ.ศ. 2544 ดังต่อไปนี้ 2.1 กำหนดวงเงินที่บริษัทจะทำการซื้อหุ้นคืนได้ และกำหนดให้บริษัทต้องกันกำไรสะสมไว้เป็น เงินสำรองเท่ากับจำนวนเงินที่ได้จ่ายซื้อหุ้นคืน 2.2 แก้ไขข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลโครงการซื้อหุ้นคืน 2.3 แก้ไขข้อกำหนดเกี่ยวกับระยะเวลาที่บริษัทจะทำการซื้อหุ้นคืนครั้งใหม่ได้ 2.4 แก้ไขข้อกำหนดเกี่ยวกับระยะเวลาที่บริษัทสามารถจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนได้ รวมทั้งแก้ไขให้ บริษัทที่ยังจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนไม่หมดสามารถจำหน่ายหุ้นใหม่ได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด 2.5 แก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดเกี่ยวกับวิธีการจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน 2.6 ให้บริษัทที่จัดทำโครงการซื้อหุ้นคืนโดยดำเนินการตามกฎกระทรวงฉบับเดิมและประสงค์ที่ จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ เพื่อดำเนินการตามกฎกระทรวงที่แก้ไขใหม่นี้ต้องเปิดเผยข้อมูลราย ละเอียดโครงการที่เปลี่ยนแปลงต่อสาธารณชนก่อนดำเนินการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
6322 | ขออนุมัติยุทธศาสตร์พัฒนาผลไม้ไทย ปี 2553 - 2557 | กษ | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการยุทธศาสตร์พัฒนาผลไม้ไทย พ.ศ. 2553-2557 ตามมติคณะกรรมการพัฒนาและ บริหารจัดการผลไม้ โดยยุทธศาสตร์การพัฒนาผลไม้ไทย ฯ มีหลักการคือ ให้ความสำคัญในการพัฒนาและแก้ไข ปัญหาผลไม้เศรษฐกิจหลัก 6 ชนิด ได้แก่ ทุเรียน ลำไย มังคุด มะม่วง เงาะ และลองกอง รวมทั้งผลิตผลไม้ที่มีคุณ ภาพและได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับของคู่ค้า และสนับสนุนให้กลไกตลาดผลไม้ภายในประเทศดำเนินไปได้อย่างมี ประสิทธิภาพ เป็นต้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ส่วนเรื่องงบประมาณให้ดำเนินการตามความเห็น ของสำนักงบประมาณ 2. การจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ ให้ส่งให้คณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุน หมุนเวียนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 เรื่อง แนวทางการจัดตั้งทุนหมุนเวียน พิจารณาความ เหมาะสมและความจำเป็นในการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป 3. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ความสำคัญเรื่องการวิจัยและการ พัฒนากระบวนการแปรรูปผลไม้และมาตรฐานการผลิตตามหลักสากลเพื่อยกระดับผลไม้ไทยออกสู่ตลาดโลก รวม ทั้งพัฒนาพื้นฐานความรู้และความสามารถของเกษตรกรและกลุ่มเกษตรกรให้สามารถบริหารจัดการการผลิต การ แปรรูป และการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพบนพื้นฐานของการพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว การพัฒนาคุณภาพ มาตรฐานของกระบวนการผลิต การแปรรูป และตัวสินค้าผลไม้และผลิตภัณฑ์ รวมถึงระบบการตรวจสอบและรับ รองความปลอดภัยอาหารของสินค้าและผลิตภัณฑ์ผลไม้ การขึ้นทะเบียนเกษตรกรและการพัฒนาระบบประกันภัย พืชผล การดูแลและติดตามให้เกิดการพัฒนาตลอดห่วงโซ่อุปทานของสินค้าผลไม้ และมีความสอดคล้องกันระหว่าง ปริมาณการผลิตกับความต้องการของตลาดสินค้าผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ที่กระจายตัวอยู่ทุกภูมิภาคของประเทศ และระหว่างประเทศ รวมทั้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร : สวนผลไม้ และการพัฒนาระบบการขนส่งเพื่อนำผลไม้ออกสู่ตลาดโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
6323 | การขออนุมัติงบประมาณโครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ ระยะที่ 2 | ศธ | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการวงเงินงบประมาณโครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2554-พ.ศ. 2556) วงเงิน 3,326,273,303 บาท โดย 1.1 งบลงทุนโครงการ วงเงิน 2,927,727,000 บาท ให้กระทรวงศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยมหิดล) จัดทำรายละเอียดโครงการเสนอต่อคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง เพื่อใช้จ่าย งบลงทุนโครงการดังกล่าว จากเงินกู้ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง พ.ศ. 2555 เพื่อผ่อนคลายภาระผูกพันการ ใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินในปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 1.2 งบบุคลากรของโครงการ จำนวนรวม 398,546,303 บาท ในส่วนที่จะใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน 211,964,908 บาท ให้กระทรวงศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยมหิดล) ปรับเกลี่ยจากอัตราเดิมที่มีอยู่ให้สอด คล้องกับความต้องการบุคลากรที่เพิ่มขึ้นทั้งด้านปริมาณและคุณภาพเพื่อมิให้เป็นภาระงบประมาณ โดยให้กระทรวง ศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยมหิดล) บริหารจัดการในเชิงบูรณาการทั้งมหาวิทยาลัย และเสนอขอจัดสรรงบประมาณ รายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 2. มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรับเรื่องการอนุญาตให้ใช้สิทธิเหนือพื้นดินสถานีรถไฟธนุบรี บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงที่เชื่อมคลองบางกอกน้อย รวมเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาศิริ ราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2546 และวันที่ 16 กันยายน 2546 (เรื่อง โครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์) ไปดำเนินการให้ ถูกต้องตามข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้โรงพยาบาลศิริราชใช้ประโยชน์ในที่ดินในการดำเนินการโครง การตลอดระยะเวลาการใช้งาน |
|||||||||||||||||||||||||||
6324 | ของบประมาณเพิ่มเติมตามโครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี | มท | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการงบประมาณเพิ่มเติมให้แก่โรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้อง
ถิ่นตามโครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี เพื่อใช้จ่ายในรายการค่าเครื่องแบบนักเรียน เพิ่มอีกคนละ 1 ชุด ในทุกระดับชั้น และรายการค่ากิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนในทุกระดับชั้น ตามที่กระทรวง มหาดไทยเสนอ สำหรับงบประมาณดำเนินการให้กระทรวงมหาดไทยตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ในการดำเนินการให้ใช้แนวทางปฏิบัติและมาตรฐานเดียวกันกับกระทรวงศึกษาธิการตามนัยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2552 (เรื่อง โครงการเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ) |
|||||||||||||||||||||||||||
6325 | การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการชี้แจงต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี | นร | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
1. ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2549 เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับ แนวทางปฏิบัติในการชี้แจงต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี 2. อนุมัติแนวทางปฏิบัติในการชี้แจงต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ดังนี้ 2.1 กำหนดวิธีการชี้แจงไว้ 2 วิธี คือ การชี้แจงในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และการชี้แจงด้วยระบบ ประชุมทางไกล (Video Conference) 2.2 กำหนดเกี่ยวกับการรักษาความลับ เช่น ห้ามนำอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิดเข้าไปในห้องประชุม คณะรัฐมนตรี หรือในห้องที่มีการชี้แจงด้วยระบบประชุมทางไกล ห้ามแพร่ภาพและเสียงการประชุมคณะรัฐมนตรี 2.3 กำหนดคุณสมบัติของผู้ชี้แจง โดยให้หัวหน้าหน่วยงานเป็นผู้ชี้แจง เว้นแต่กรณีจำเป็น ให้รองหัว หน้าหน่วยงานเป็นผู้ชี้แจงแทนได้ 2.4 กำหนดจำนวนผู้ชี้แจง ให้มีเท่าที่จำเป็น
|
|||||||||||||||||||||||||||
6326 | การลงนามย่อร่างพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการขนส่งผลไม้ไทยที่ส่งออกผ่านประเทศที่สามเข้าสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน | กษ | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอการลงนามย่อร่างพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการ กักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการขนส่งผลไม้ไทยที่ส่งออกผ่านประเทศที่สามเข้าสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน โดย ผู้อำนวยการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางไป ลงนามย่อในร่างพิธีสาร ฯ รวมกับอธิบดีกรมตรวจสอบกักกันพืชและสัตว์ ผู้แทนกระทรวงควบคุมคุณภาพและตรวจ สอบกักกันโรคของสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2552 ซึ่งประเทศไทยจะสามารถส่งออกผลไม้ไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนผ่านเส้นทางสาย R9 โดยเริ่มจากไทย (มุกดา หาร)-ลาว (สะหวันนะเขต-แดนสะหวัน)-เวียดนาม (ลาวบ๋าว-ฮาติน-เถื่อนฮว่า-ฮานอย-หลั่งเซิน)-จีน (โหวย อี้กว่าน) ได้ต่อไป และได้ขอให้จีนเร่งดำเนินการพิจารณาออกใบอนุญาตนำเข้า (Quarantine Import Permit) ให้กับ ไทยเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและเร่งระบายผลไม้ได้ทันฤดูกาล 2. ให้กระทรวงการต่างประเทศเร่งรัดการพิจารณาร่างพิธีสาร ฯ ว่าเข้าข่ายต้องได้รับความเห็นชอบของ รัฐสภาตามมาตรา 190 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2552
|
|||||||||||||||||||||||||||
6327 | ขออนุมัติแบบรูปรายการ เพิ่มวงเงิน ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี การก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ | สผ | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ก่อสร้างอาคารสำนักงาน อัยการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ จากวงเงิน 105,569,000 บาท เป็นวง เงิน 117,799,999 บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. 2551- พ.ศ. 2553 เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2554 ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ โดยรายละเอียด เกี่ยวกับการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 2. อนุมัติให้สำนักงานอัยการสูงสุดยกเว้นการปฏิบัติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2541 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 กรณีการจัดสรรงบประมาณในปีแรกเป็นจำนวน เงินต่ำกว่าร้อยละ 20 ของวงเงินทั้งสิ้นของโครงการ และการเปลี่ยนแปลงแบบรูปรายการก่อสร้างที่มีผลทำให้ ประมาณราคากลางสูงกว่าร้อยละ 5 ของวงเงินที่ได้รับอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณได้เป็นกรณีพิเศษ เฉพาะราย
|
|||||||||||||||||||||||||||
6328 | ขออนุมัติกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุก
เฉินหรือจำเป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจาก สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 400,000,000 บาท ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนัก นายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เสนอ โดยให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีขอรับการสนับ สนุนค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2548 (เรื่อง การให้ ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้) และวัน ที่ 1 สิงหาคม 2550 [เรื่อง หลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และคำสั่งแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการนโยบายและอำนวยการการ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ฯ (กยต.) เพิ่มเติม] รวมทั้งระเบียบ ข้อบังคับและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามความ เห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
6329 | ขอให้พิจารณาอนุมัติงบประมาณ เพื่อดำเนินโครงการวางท่อเชื่อมจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ไปอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ จังหวัดระยอง | กษ | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า เพื่อให้การชำระค่าก่อสร้างโครงการวางท่อเชื่อมจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ไปอ่างเก็บ
น้ำคลองใหญ่ จังหวัดระยอง ให้แก่บริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EAST WATER เป็นไปด้วยความเหมาะสมถูกต้องตามภาระงาน ข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จึงมี มติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับเรื่องนี้ไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงาน อัยการสูงสุด แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งภายใน 2 สัปดาห์ |
|||||||||||||||||||||||||||
6330 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (โครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์) | ศธ | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินโครงการพัฒนาศิริราชสู่
สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ ครั้งที่ 2 โดยผลการดำเนินงานโครงสร้างอาคารชั้นใต้ดินและอาคาร โรงพยาบาล (SiMC) จนถึงเดือนพฤษภาคม 2551 ดำเนินการได้ร้อยละ 33 และได้ผลงานตามเป้าหมายในงวด ที่ 8 ภายในเดือนพฤษภาคม 2551 หรือคิดเป็นร้อยละ 7.92 ของโครงการ โดยจำนวนเงินงบประมาณที่ใช้จ่าย ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ใช้จ่ายเป็นค่าจ้างล่วงหน้าตามสัญญา จากเงินงบประมาณแผ่นดิน 307,437,750 บาท และงานงวดที่ 1 จากเงินนอกงบประมาณ 43,579,301.06 บาท และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ระหว่าง เดือนตุลาคม 2550-พฤษภาคม 2551 ใช้จ่ายงบประมาณ 301,568,763.34 บาท จากเงินงบประมาณแผ่นดิน 159,210,350.00 บาท และเงินนอกงบประมาณ 142,358,413.34 บาท สำหรับปัญหา/อุปสรรค ได้แก่ ที่ดินที่ได้รับจากการรถไฟที่ขาดอยู่ประมาณ 1.5 ไร่ การรถไฟอนุญาตให้ก่อสร้างชั้นใต้ดินได้ ส่วนที่ชั้น 1 ยัง จำเป็นต้องคงรางรถไฟไว้ในพื้นที่โครงการบางส่วนทำให้ต้องมีการแก้ไขแบบ รวมทั้งมีแนว Duct Bank ไฟฟ้าแรง สูง (ใต้ดิน) ผ่านพื้นที่โครงการทำให้ต้องแก้ไขแบบให้อาคารหลบแนว Duct Bank
|
|||||||||||||||||||||||||||
6331 | การเร่งรัดดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูวิกฤตการท่องเที่ยว | นร | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดติดตามการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
21 เมษายน 2552 (เรื่อง ขอเสนอมาตรการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูวิกฤตการท่องเที่ยว) ให้แล้วเสร็จและเป็นไปตามเวลา ที่กำหนดและรายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว ทั้งนี้ ในส่วนของมาตรการทางภาษีให้เร่งรัด ดำเนินการ โดย 1. ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องยกเว้นหรือลดหย่อนค่าธรรมเนียมต่าง ๆ รวมทั้งหน่วยงานที่ต้อง แก้ไข หรือออกประกาศกระทรวงเพื่อรองรับการดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูวิกฤตการท่องเที่ยว เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่ง รัดการดำเนินการตามกฎ ระเบียบ และขั้นตอนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จทันตามกำหนดเวลาที่ให้ขยายระยะเวลาการ ดำเนินมาตรการ (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2552) ออกไป 1 รอบปี นับแต่วันที่กฎหมาย หรือ ระเบียบของแต่ละหน่วยงานมีผลใช้บังคับ 2. เห็นชอบในหลักการให้มีการชดเชยงบประมาณให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่ต้องสูญเสียรายได้อันเนื่อง จากการยกเว้น หรือลดหย่อนค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ตามการดำเนินการในข้อ 1. เช่น การชดเชยรายได้ค่าธรรม เนียมการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยวแก่คนต่างด้าวให้แก่กระทรวงการต่างประเทศ (กรมการกงสุล) เป็นต้น โดยให้สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังเร่งรัดการพิจารณารายละเอียดของกรอบวงเงินชดเชย และการผ่อน ผันการนำเงินรายได้ส่งรัฐให้แก่กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 20 มกราคม 2552 (เรื่อง ผลการหารือการยกเว้นค่าธรรมเนียมเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้ รับผลกระทบจากการปิดท่าอากาศยานนานชาติสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง) ซึ่งเห็นชอบใน หลักการกรอบวงเงินชดเชยงบประมาณให้แก่หน่วยงานที่ต้องสูญเสียรายได้ไว้แล้วเป็นเงินจำนวน 1,597 ล้านบาท รวมทั้งวงเงินที่ต้องปรับเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับระยะเวลาการดำเนินมาตรการที่ขยายออกไปอีก 1 รอบปี ทั้งนี้ วง เงินชดเชยดังกล่าวให้มีการชดเชยได้ไม่เกินจำนวนเงินที่หน่วยงานต้องสูญเสียไปจริง
|
|||||||||||||||||||||||||||
6332 | การบริจาคเงินอุดหนุนกองทุนเสริมสร้างสันติภาพของสหประชาชาติ | กต | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศใช้ดุลยพินิจอนุมัติการจัดทำเอกสารผนวก (Addendum) ของหนังสือความตกลง (Letter of Agreement : LoA) ระหว่างรัฐบาลไทยกับโครงการพัฒนา แห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme : UNDP) เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2548 2. อนุมัติให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก เป็นผู้ลงนามในเอกสารผนวกดังกล่าวในนามของรัฐบาลไทย 3. อนุมัติหลักการว่า หากไทยจะต้องจัดทำเอกสารผนวกสำหรับการบริจาคเงินอุดหนุนกองทุน เสริมสร้างสันติภาพของสหประชาชาติ (Peacebuilding Fund : PBF) ในคราวต่อ ๆ ไป ซึ่งเป็นการบริจาค แบบครั้งเดียวที่ไม่ก่อให้เกิดภาระผูกพันข้ามปี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2548 โดยเอก สารผนวกระบุเพียงรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนเงิน ผู้บริจาคเงินและการบริหารเงินกองทุน โดยไม่เปลี่ยน แปลงสาระอื่นของหนังสือความตกลงฉบับวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2550 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่าง ประเทศใช้ดุลยพินิจอนุมัติได้ 4. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับงบประมาณราย จ่ายเพื่อการนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จากงบเงินอุดหนุน รายการเงินอุดหนุน องค์การระหว่างประเทศที่ประเทศไทย เข้าร่วมเป็นสมาชิกมาดำเนินการ ไปดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
6333 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ บำบัดรักษา และห้องประชุมของโรงพยาบาลสิงห์บุรีเพิ่มเติม | สธ | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ บำบัดรักษาและห้องประชุม เป็นอาคาร คสล. 6 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 9,680 ตารางเมตร พร้อมอุปกรณ์ประกอบอาคาร โรงพยาบาลสิงห์บุรี จากเดิมวงเงินงบ ประมาณจำนวน 204,200,000 บาท เป็น 228,653,000 บาท และให้ขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปี งบประมาณ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2553 เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2554 ตามที่ กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งระเบียบ กฎกระทรวง และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่าง เคร่งครัดทุกขั้นตอน ตลอดจนพิจารณาประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ 2. ให้กระทรวงสาธารณสุขเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวน 38,904,000 บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 44,001,000 บาท ส่วน ที่เหลืออีกจำนวน 145,748,000 บาท ให้กระทรวงสาธารณสุขขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2554 ตามความจำเป็นที่ต้องจ่ายตามสัญญาต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
6334 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองสมุทรสงคราม ของกรมทางหลวง | คค | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมทางหลวงเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการก่อ
สร้างทางเลี่ยงเมืองสมุทรสงคราม ในวงเงินค่าก่อสร้าง จากเดิม 200,000,000 บาท เป็น 320,000,000 บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้กรมทางหลวงทบทวนราคากลางงานก่อสร้างให้มีความเป็นปัจจุบันอีกครั้ง หนึ่งก่อนที่จะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2551 และ เสนอผลการจัดซื้อจัดจ้างที่ได้ดำเนินการแล้ว ให้สำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสมของราคาตามระเบียบ ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 ด้วย ตามความเห็นของ สำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
6335 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับการคว่ำบาตรสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก | กต | 26/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชา
ชาติเกี่ยวกับการคว่ำบาตรสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และรายชื่อบุคคลและองค์กรที่อยู่ในข่ายการดำเนิน มาตรการคว่ำบาตร เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบ้ติต่อไป โดยให้เป็นไปตามขอบเขตของกฎหมายภายใน ของไทย รวมทั้งแจ้งผลการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบ เพื่อรายงานให้สห ประชาชาติทราบต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
6336 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ป่าไม้ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี อาร์ เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด สุราษฎร์ผาทอง ท้องที่อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี | อก | 26/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติผ่อนผันการใช้พื้นที่ป่าไม้ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี อาร์ เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ของห้างหุ้นส่วนจำกัด สุราษฎร์ผาทอง ตามคำขอที่ 8/2549 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2532 และวันที่ 15 พฤษภาคม 2533 ตามที่กระทรวง อุตสาหกรรมเสนอ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย 2. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นว่า พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี อาร์ จัดเป็นป่าต้นน้ำ ในการดำเนินการจึงต้องระมัดระวังในเรื่องคุณภาพน้ำ โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการ ป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
6337 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ป่าไม้ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ ของบริษัท มานะศิลา 2537 จำกัด ท้องที่อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช | อก | 26/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติผ่อนผันการใช้พื้นที่ป่าไม้ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่หิน อุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ของบริษัท มานะศิลา 2537 จำกัด ตามคำขอที่ 10/ 2548 และคำขอใบอนุญาตจัดตั้งสถานที่เพื่อการเก็บขังน้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทรายนอกเขตเหมืองแร่ที่ 2/2549 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกี่ยวเนื่องกับการทำเหมืองของประทานบัตรแปลงนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกา ยน 2532 และวันที่ 15 พฤษภาคม 2533 ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย 2. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นว่า พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี จัดเป็นป่าต้นน้ำในการดำเนินการจึงต้องระมัดระวังในเรื่องคุณภาพน้ำ โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการป้อง กันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
6338 | รายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ และรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่างๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 | นร | 26/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบรายงานสรุปผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 และรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่าง ๆ ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2551 ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (ค.ต.ป.) เสนอ 2. เห็นชอบข้อเสนอแนะของ ค.ต.ป. ที่ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการเกี่ยวกับการพัฒนาและเสริม สร้างความเข้มแข็งของงานตรวจสอบภายใน การควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยง การตรวจราชการ การ ปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ รายงานการเงิน โครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง โครง การพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศ (IT) ของจังหวัด โครงการประหยัดพลังงานและการใช้พลังงานทดแทน และ การส่งเสริมงานด้านการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ โดยประเด็นที่ขอให้ส่วนราชการได้รับงบประมาณ สนับสนุนที่เพียงพอ นั้น ให้ส่วนราชการหาแนวทางในการดำเนินงานที่เหมาะสมภายในวงเงินงบประมาณที่ได้รับ จัดสรรให้มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าเป็นอันดับแรก หากงบประมาณที่ได้รับไม่เพียงพอ ก็ให้เสนอขอตั้งงบประมาณ ประจำปีตามความจำเป็นโดยมีผลการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้ หน่วยงานที่รับผิดชอบการดำเนินการในแต่ละเรื่องรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี อย่างต่อเนื่อง ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ |
|||||||||||||||||||||||||||
6339 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2551) | กต | 26/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอรายงานของกระทรวงการต่างประเทศ
เกี่ยวกับผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2551 เรื่อง หนังสือสัญญาต่าง ๆ ที่จะมีการ ลงนาม หรือรับรองในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ดังนี้ 1. ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา (ฝ่ายไทย) และผู้ที่เกี่ยวข้องได้เข้าชี้แจง และขอความเห็นชอบจากคณะกรรมาธิการการทหาร คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ และคณะกรรมาธิการ กิจการชายแดนไทย ซึ่งคณะกรรมาธิการทั้งสามรับทราบผลการประชุม JBC และร่างข้อตกลงชั่วคราว รวมทั้ง ประเด็นคงค้าง ได้แก่ การเรียกชื่อปราสาททั้งในภาษาไทยและภาษาเขมร และพื้นที่สำหรับการปรับกำลังทหาร 2. ประธาน JBC และผู้ที่เกี่ยวข้องได้เข้าชี้แจงและขอความเห็นจากคณะกรรมาธิการการทหาร และคณะ กรรมาธิการการต่างประเทศ ของวุฒิสภา ซึ่งคณะกรรมาธิการทั้งสองรับทราบผลการประชุม JBC สมัยวิสามัญ ที่ เสียมราฐ เมื่อวันที่ 10-12 พฤศจิกายน 2551 และแสดงความคิดเห็นในประเด็นข้างเคียง เช่น กรณีการเปิดช่อง ตาเฒ่า การสร้างถนนขึ้นเขาพระวิหาร 3. กระทรวงการต่างประเทศจัดประชุมร่วมกับส่วนราชการกระทรวงกลาโหมเพื่อประสานเกี่ยวกับเรื่อง การแก้ไขปัญหาชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านและกรณีปราสาทพระวิหาร ซึ่งที่ประชุมมีมติให้มีการประสานงาน อย่างใกล้ชิดระหว่างสองกระทรวงโดยใช้เครื่องมือสื่อสารทันสมัย เช่น SMS กับเห็นชอบในหลักการที่จะจัดประชุม ในลักษณะเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้จัดประชุมหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่า การกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อหารือเรื่องการปรับโครงสร้างคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วย อนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก 4. กระทรวงการต่างประเทศได้จัดทำ Template หนังสือประท้วงกัมพูชา และกำลังจัดทำ Glossary คำ ศัพท์เกี่ยวกับเขตแดนและการดำเนินงานกรณีปัญหาเขาพระวิหาร
|
|||||||||||||||||||||||||||
6340 | ความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง การขอใช้เงินกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร พ.ศ. 2534 | นร | 26/05/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอความเห็นของคณะกรรมการ
กฤษฎีกา (คณะที่ 12) เรื่อง การขอใช้เงินกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ด้วยกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร พ.ศ. 2534 สรุปได้ดังนี้ 1. ในการใช้จ่ายเงินจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ กำหนดไว้ในข้อ 19 แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบ ฯ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2543 กล่าวคือ การใช้จ่ายเงินกองทุนต้องเป็นไปโดยมติคณะกรรมการ นโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและเฉพาะกรณีตามที่กำหนดไว้ ส่วนคณะกรรมการซึ่งกำกับดูแลสินค้า เกษตรชุดต่าง ๆ ได้แก่ คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ คณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง คณะกรรมการ นโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นคณะกรรมการระดับนโยบายที่แต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรีและมติคณะรัฐมนตรี ซึ่ง คณะกรรมการดังกล่าว มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายและมาตรการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรสำหรับสินค้าเกษตร ในภาพรวม ไม่มีอำนาจตั้งงบประมาณเพื่อดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรสำหรับสินค้าที่ดูแลรับผิดชอบแต่อย่าง ใด อย่างไรก็ตาม หากคณะกรรมการนโยบาย ฯ เห็นว่า สินค้าเกษตรที่คณะกรรมการชุดต่าง ๆ ดูแลรับผิดชอบ อยู่เป็นสินค้าเกษตรที่มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกร ก็สามารถจัดสรรเงินจากกองทุนรวม เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้แก่คณะกรรมการชุดต่าง ๆ เพื่อใช้ดำเนินการสำหรับสินค้าเกษตรที่อยู่ในอำนาจหน้า ที่ของตนได้ 2. ทั้งนี้ ในการดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรตามข้อ 19 แห่งระเบียบสำนัก นายกรัฐมนตรี ฯ อาจมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เกิดขึ้น ซึ่งหากเป็นผลโดยตรงจากการดำเนินการโครงการช่วยเหลือ เกษตรกรย่อมถือเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามปกติของการดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ดังนั้น จึงสามารถ จัดสรรเงินจากกองทุน ฯ ไปใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าวได้
|
.....