ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 315 จากทั้งหมด 567 หน้า แสดงรายการที่ 6281 - 6300 จากข้อมูลทั้งหมด 11336 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
6281 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2538 เรื่อง ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2529 (เรื่อง การจัดที่ดินให้ราษฎรตามโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนเขาแหลม จังหวัดกาญจนบุรี) | มท | 11/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ถอนเรื่อง ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2538 เรื่อง
ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2529 (เรื่อง การจัดที่ดินให้ราษฎรตามโครงการก่อสร้างโรง ไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนเขาแหลม จังหวัดกาญจนบุรี) คืนไปก่อน ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นาย ถาวร เสนเนียม) เสนอ |
|||||||||||||||||||||
6282 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 | นร | 11/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรพิจารณา
บำเหน็จความชอบประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เป็นกรณีพิเศษ ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพ ติดดีเด่น ไม่เกินร้อยละ 1 ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดทั้งหมดจำนวนทั้งสิ้น 1,207,879 คน ตามที่กอง อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเสนอ โดยกรณีผู้ที่มีเงินเดือนหรือค่าจ้างเต็มขั้นหากได้รับค่าตอบ แทนพิเศษในรอบการพิจารณาใดไม่ถึงร้อยละ 4 ให้ได้รับค่าตอบแทนเป็นร้อยละ 4 เช่นเดียวกันกับในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547-พ.ศ. 2550 ที่ผ่านมา สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้ปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ของส่วนราชการต้นสังกัดในโอกาสแรกก่อน หากไม่สามารถปรับแผนการใช้จ่าย งบประมาณได้ ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ ตามความเห็นของสำนัก งบประมาณ ทั้งนี้ ให้ยึดหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติตามแนวทางมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2550 ตาม ความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ |
|||||||||||||||||||||
6283 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ ครั้งที่ 4 | ศธ | 11/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับผลการดำเนินการตามโครงการพัฒนา
ศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศ ในเอเชียอาคเนย์ ครั้งที่ 4 โดยมีผลการดำเนินงานถึงเดือนพฤษภาคม 2552 ได้ผลงานตามเป้าหมายในงวดที่ 22.1 อาคารชั้นใต้ดินและอาคารโรง พยาบาล งวดที่ 24.2 อาคารศูนย์วิจัย และ งวดที่ 25.3 เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2552 ดังนี้ 1. อาคารชั้นใต้ดินและอาคารโรงพยาบาล 1.1 งานโครงสร้างอาคารชั้นใต้ดินและอาคารโรงพยาบาล ดำเนินการได้ร้อยละ 85.25 1.2 งานสถาปัตยกรรมอาคารชั้นใต้ดินและอาคารโรงพยาบาล ดำเนินการได้ร้อยละ 1.04 1.3 งานระบบไฟฟ้าและสื่อสารอาคารชั้นใต้ดินและอาคารโรงพยาบาล ดำเนินการได้ร้อยละ 1.92 1.4 งานระบบปรับอากาศและระบายอากาศชั้นใต้ดินและอาคารโรงพยาบาล ดำเนินการได้ร้อยละ 4.11 1.5 งานระบบป้องกันอัคคีภัยอาคารชั้นใต้ดินและอาคารโรงพยาบาล ดำเนินการได้ร้อยละ 7.77 1.6 งานระบบประปา สุขาภิบาลและระบายน้ำอาคารชั้นใต้ดินและอาคารโรงพยาบาล ดำเนินการ ได้ร้อยละ 8.45 2. อาคารศูนย์วิจัย งานโครงสร้าง อาคารศูนย์วิจัย ดำเนินการได้ร้อยละ 40.51 3. อาคารสถานีไฟฟ้าย่อย งานโครงสร้างอาคารสถานีไฟฟ้าย่อย ดำเนินการได้ร้อยละ 44.88
|
|||||||||||||||||||||
6284 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดินในที่จำแนกออกจากป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี ในท้องที่จังหวัดอำนาจเจริญ และจังหวัดสุรินทร์ รวม 2 ฉบับ | กษ | 11/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและ
สหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลชานุมาน ตำบลคำเขื่อนแก้ว ตำบลโคกสาร ตำบลโคกก่ง และตำบลป่าก่อ อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระ สำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลชานุมาน ตำบลคำเขื่อนแก้ว ตำบลโคกสาร ตำบลโคกก่ง และตำบล ป่าก่อ อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน 2. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลโพนโก อำเภอสนม จังหวัดสุรินทร์ ให้เป็น เขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลโพนโก อำเภอสนม จังหวัดสุรินทร์ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน
|
|||||||||||||||||||||
6285 | แผนงานและกรอบระยะเวลาในการดำเนินการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูเก้า - ภูพานคำ เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำบอง (อันเนื่องมาจากพระราชดำริ) จังหวัดหนองบัวลำภู | กษ | 11/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบแผนงานและกรอบระยะเวลาในการดำเนินการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติภู
เก้า-ภูพานคำ เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำบอง (อันเนื่องมาจากพระราชดำริ) จังหวัดหนองบัวลำภู โดย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) ได้หารือร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้แทนจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สรุปผลการประชุมได้ดังนี้ 1. กรมอุทยานแห่งชาติ ฯ ได้ดำเนินการรังวัดพื้นที่ จำนวน 2,277 ไร่ และจัดทำแผนที่ท้ายร่างพระ ราชกฤษฎีกาเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ ฯ เสร็จแล้ว 2. ระยะเวลาในการดำเนินการให้พระราชกฤษฎีกา ฯ มีผลบังคับใช้ ใช้เวลาประมาณ 200 วัน โดยจะ ติดตามและเร่งรัดให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งอาจจะใช้ระยะเวลาน้อยกว่าที่กำหนดไว้ 3. สำหรับกรณีที่สำนักชลประทานที่ 5 มีแผนที่จะดำเนินการก่อสร้างอาคารระบายน้ำล้น อาคารที่ ทำการ บ้านพักและถนนภายในบริเวณโครงการ ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าทำไม่ได้เนื่องจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2536 อนุมัติผ่อนผันให้ส่วนราชการที่ดำเนินการตามโครงการพระราชดำริเข้าทำประโยชน์ใน พื้นที่ป่าที่ขออนุญาตได้เท่าที่จำเป็นไปพลางก่อน จนกว่าจะได้รับอนุญาตตามระเบียบและกฎหมายที่ว่าด้วยป่า ไม้นั้น ซึ่งไม่ได้รวมถึงพื้นที่อุทยานแห่งชาติ 4. สำนักชลประทานที่ 5 ได้จัดทำกรอบระยะเวลาดำเนินการเพื่อให้โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำน้ำ บองแล้วเสร็จตั้งแต่กรมอุทยานแห่งชาติ ฯ จัดทำแผนที่ท้ายร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ ใช้เวลาประมาณ 1,130 วัน
|
|||||||||||||||||||||
6286 | ร่างพระราชบัญญัติที่ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ | นร | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เสนอ
ขอตัดร่างพระราชบัญญัติ รวม 4 ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจ แฟรนไชส์ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการทรัพยากรธรณี พ.ศ. .... รวมทั้งประมวลจริยธรรมของ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐแต่ละประเภท ออกจากบัญชีที่หน่วยงานต้องเร่งรัด ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ (28 กรกฎาคม 2552) และให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
6287 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2550/2551 | อก | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2550/2551 เป็นรายเขตเฉลี่ยทั่วประเทศที่ ตันอ้อยละ 672.43 บาท ณ ระดับความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส. อัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อย เท่ากับ 40.35 บาทต่อ 1 หน่วย ซี.ซี.เอส. และกำหนดผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2550/2551 ที่ 288.19 บาทต่อตันอ้อย ตามมติคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ครั้งที่ 4/2552 วันที่ 19 มีนาคม 2552 ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ 2. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2551 (เรื่อง การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้น และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2550-2551 และการกำหนดราคาอ้อย ขั้นสุดท้าย และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2549/2550) และวันที่ 29 เมษายน 2551 (เรื่อง การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยและวาระอ้อยแห่งชาติ) โดยให้ส่งเงินค่า อ้อยขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2550/2551 ส่วนที่สูงเกินกว่าราคาเฉลี่ยทั่วประเทศที่ตันละ 638 บาท คืนให้แก่ ชาวไร่อ้อย ตามมติกรรมการส่วนใหญ่ของคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ครั้งที่ 7/2552 วันที่ 22 มิถุนายน 2552 |
|||||||||||||||||||||
6288 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงการจัดหาฯ และยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีในการจัดหาอาวุธปืน ขนาด 5.56 และ 9 มิลลิเมตร | ตช | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ดังนี้ 1.1 เปลี่ยนแปลงการจัดหาอาวุธปืนเล็กยาว ขนาด 5.56 มิลลิเมตร จำนวน 2,238 กระบอก วงเงิน 246,180,000 บาท ตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เป็นจัด หาอาวุธปืน ขนาด 5.56 มิลลิเมตร ยี่ห้อ COLT รุ่น M 4 COMMANDO จำนวน 2,238 กระบอก ตามที่กำหนด ไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2551 ส่วนวงเงินที่เหลือ เห็นควรนำไปจัดหาอาวุธปืน ขนาด 5.56 มิลลิเมตร ยี่ห้อ COLT รุ่น M 4 CARBINE 1.2 เปลี่ยนแปลงการจัดหาอาวุธปืนพกลูกโม่ ขนาด .38 นิ้ว จำนวน 2,238 กระบอก วงเงิน 67,140,000 บาท ตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เป็นจัดหาอาวุธ ปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มิลลิเมตร ยี่ห้อ GLOCK รุ่น 19 ตามวงเงินงบประมาณที่ได้รับ 1.3 ยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2550 กรณีห้ามระบุยี่ห้อ สิ่งของที่ต้องการจะซื้อทุกชนิดเพื่อให้สามารถจัดซื้ออาวุธปืน โดยระบุยี่ห้อตาม 1.1 และ 1.2 ได้โดยตรงจาก บริษัทผู้ผลิตในต่างประเทศ 2. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาจัดซื้ออาวุธดังกล่าว โดยวิธีพิเศษ ตามระเบียบสำนักนายก ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 23(6) ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง |
|||||||||||||||||||||
6289 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2552 | ทส | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะ
กรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เสนอมติการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2552 โดยมีเรื่องที่สำคัญรวม 9 เรื่อง ดังนี้ 1. (ร่าง) กรอบนโยบายและแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จากการพัฒนาทรัพยากรแร่ 2. แผนแม่บทเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2552-2556) 3. การทบทวนมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2543 เรื่อง ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มี ความสำคัญระดับนานาชาติ และระดับชาติของประเทศไทย และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ 4. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้ม ครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... 5. ผลกระทบด้านมลพิษทางเสียงของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 6. การกำหนดมาตรฐานระดับเสียงของรถยนต์สามล้อ 7. การกำหนดมาตรฐานความสั่นสะเทือนโดยทั่วไปเพื่อป้องกันผลกระทบต่ออาคาร 8. ความเห็นต่อรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการพัฒนาชลประทานอุตรดิตถ์ จังหวัด อุตรดิตถ์ 9. รายงานความก้าวหน้าของการกำหนดให้ท้องที่เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด และพื้นที่บริเวณใกล้ เคียง เป็นเขตควบคุมมลพิษ
|
|||||||||||||||||||||
6290 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง (นายวิชาญ ธรรมสุจริต) (ยกเลิกโดยมติคณะรัฐมนตรี 10027/54) | มท | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายวิชาญ ธรรมสุจริต เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานคร
หลวง แทนนายชำนิ จันทร์ฉาย ที่ขอถอนตัวจากการเป็นกรรมการดังกล่าว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มี ผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการอนุมัติเป็นต้นไป แต่ทั้งนี้ต้องไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (5 สิงหาคม 2552)
|
|||||||||||||||||||||
6291 | การทำสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชน | นร | 28/07/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเกี่ยวกับการทำสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชนในกรณีต่าง ๆ โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่หรือการให้สัมปทานของรัฐได้มีการตกลงให้ใช้วิธีการอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาท แต่ปรากฏว่าเมื่อมีเหตุต้องดำเนินการตามวิธีการอนุญาโตตุลาการแล้ว ส่วนใหญ่หน่วยงานของรัฐจะเป็นฝ่ายแพ้คดีหรือเป็นฝ่ายที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายอันเป็นภาระด้านงบประมาณแผ่นดิน จึงเห็นควรให้ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๗ มกราคม ๒๕๔๗ (เรื่อง การทำสัญญาสัมปทานระหว่างรัฐกับเอกชน) ในส่วนของข้อ ๑ จากเดิมว่า "๑. สัญญาสัมปทานในกฎหมายปัจจุบันเป็นสัญญาทางปกครอง จึงควรนำคดีพิพาทจากสัญญาเหล่านั้นส่งไปศาลปกครองหรือศาลยุติธรรม ดังนั้น สัญญาที่รัฐทำกับเอกชนในไทยหรือต่างประเทศไม่ควรเขียนมัดในสัญญาให้มอบข้อพิพาทให้คณะอนุญาโตตุลาการเป็นผู้ชี้ขาด แต่หากมีปัญหาหรือมีความจำเป็นหรือเป็นข้อเรียกร้องของคู่สัญญาอีกฝ่ายที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติเป็นราย ๆ ไป "เป็น "ข้อ ๑. สัญญาทุกประเภทที่หน่วยงานของรัฐทำกับเอกชนในไทยหรือต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสัญญาทางปกครองหรือไม่ ไม่ควรเขียนผูกมัดในสัญญาให้มอบข้อพิพาทให้คณะอนุญาโตตุลาการเป็นผู้ชี้ขาด แต่หากมีปัญหาหรือความจำเป็น หรือเป็นข้อเรียกร้องของคู่สัญญาอีกฝ่ายที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติเป็นราย ๆ ไป"
|
|||||||||||||||||||||
6292 | ขอขยายระยะเวลาโครงการสนับสนุนสถาบันเกษตรกรแปรรูปยางเพิ่มมูลค่าเพื่อแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำ | กษ | 28/07/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการขยายระยะเวลาโครงการสนับสนุนสถาบันเกษตรกรแปรรูปยางเพิ่มมูลค่าเพื่อแก้ไขปัญหา ราคายางตกต่ำ จากเดิมวันที่ 31 ธันวาคม 2552 เป็นวันที่ 31 ธันวาคม 2553 ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ประธานกรรมการนโยบายยางธรรมชาติเสนอ 2. เห็นชอบให้แก้ไขข้อความในหนังสือคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ที่ กษ 1304/2009 ลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2552 ในย่อหน้าแรกในส่วนของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2552 จากเดิม "ใช้วงเงิน ในการดำเนินการให้สถาบันเกษตรกรเพื่อแปรรูปยางพาราเพิ่มมูลค่าจำนวน 200,000 ล้านตัน วงเงิน 8,000 ล้าน บาท" เป็น "ใช้วงเงินในการดำเนินการให้สถาบันเกษตรกรเพื่อแปรรูปยางพาราเพิ่มมูลค่าจำนวน 200,000 ตัน วง เงิน 8,000 ล้านบาท" ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอเพิ่มเติม |
|||||||||||||||||||||
6293 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ พ.ศ. .... และในบริเวณพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ จังหวัดกระบี่ พ.ศ. 2546 และในบริเวณพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. 2547 รวม 2 ฉบับ | ทส | 28/07/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศรวม 4 ฉบับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง
แวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครอง สิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม โดยครอบคลุมพื้นที่จังหวัดกระบี่ ให้เป็นเขตอนุรักษ์ และเขตควบคุมอาคาร โดยแบ่งพื้นที่การใช้บังคับออกเป็น 4 บริเวณ ได้แก่ บริเวณที่ 1 คือ พื้นที่บนแผ่นดินที่อยู่ในบริเวณสุสานหอยเจ็ดสิบห้าล้านปี หาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะ พีพี เป็นต้น บริเวณที่ 2 พื้นที่เกาะพีพีดอน บริเวณที่ 3 พื้นที่ในเกาะต่าง ๆ และบริเวณที่ 4 พื้นที่น่านน้ำทะเล ภายในบริเวณที่กำหนด โดยกำหนดห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารให้เป็นอาคารประกอบกิจการ บางประเภทที่อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กำหนดการห้ามกระทำหรือประกอบกิจกรรมที่อาจมีผลกระทบต่อการ เปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศน์ และกำหนดประเภทโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม 2. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครอง สิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้ม ครองสิ่งแวดล้อม โดยครอบคลุมพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัด เพชรบุรี อำเภอหัวหิน และอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้เป็นเขตควบคุมมลพิษและเขตอนุรักษ์ โดย แบ่งพื้นที่การใช้บังคับใช้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมออกเป็น 7 บริเวณ คือ พื้นที่บนแผ่นดิน พื้นที่ในบริเวณที่วัด จากแนวชายฝั่งออกไปในทะเลระยะ 3,000 เมตร และพื้นที่ป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี 22 สิงหาคม 2543 โดย กำหนดห้ามก่อสร้าง ดัดแปลงหรือเปลี่ยนการใช้อาคารให้เป็นอาคารประกอบกิจการบางประเภทที่อาจมีผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อม กำหนดการห้ามกระทำหรือประกอบกิจกรรมที่อาจมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศน์ และ กำหนดประเภทโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) 3. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้น ที่จังหวัดกระบี่ พ.ศ. 2546 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนด เขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตร การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ พ.ศ. 2546 ต่อไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 เป็นต้น ไป 4. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้น ที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหิน และอำเภอ ปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. 2547 มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศกระทรวงทรัพ ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอ ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหิน และอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. 2547 ต่อไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วัน ที่ 31 กรกฎาคม 2552 เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
6294 | ขยายระยะเวลาการเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ในกิจการประมงที่อยู่นอกระบบผ่อนผัน | นร | 28/07/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ประธานกรรมการบริหารแรงงาน ต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองเสนอ ดังนี้ 1.1 ยืนยันมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2552 ที่ให้ความเห็นชอบเรื่องการจดทะเบียน แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชาที่อยู่นอกระบบผ่อนผัน ตามที่กระทรวงแรงงาน เสนอ 1.2 ขยายระยะเวลาการเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว และกัม พูชาเฉพาะในกิจการประมงที่ได้ประกาศไว้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2552 จากวันที่ 30 กรกฎาคม 2552 ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2552 โดยไม่รวมบุตรและผู้ติดตาม อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการ ชั่วคราวเพื่อรอการส่งกลับสิ้นสุดไม่เกินวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553 สำหรับขั้นตอนการดำเนินการของหน่วยงาน ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตามขั้นตอนเดิม 2. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอเพิ่มเติมว่ากรณีบุตรและผู้ติดตามแรง งานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชาที่อยู่นอกระบบและอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการ ชั่วคราวนั้น มอบหมายให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับไปนำเสนอสภาความมั่นคงแห่งชาติพิจารณาให้ สอดคล้องกับนโยบายด้านความมั่นคง ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
6295 | การพิจารณาเรื่องต่างๆ ตามระเบียบและมติคณะรัฐมนตรี ทั้งที่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีและไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีของสำนักงานอัยการสูงสุด | นร | 28/07/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ในประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย
เกี่ยวกับผู้มีอำนาจในการพิจารณาอนุมัติ อนุญาตหรือให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ตามระเบียบและมติคณะ รัฐมนตรี ของสำนักงานอัยการสูงสุด โดยคณะกรรมการ ฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า ขณะนี้ยังมิได้มีกฎหมายเกี่ยวกับวิธี ปฏิบัติของสำนักงานอัยการสูงสุดในการดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้มีความเป็นอิสระขึ้นใช้ บังคับ ดังนั้น การดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ จึงต้องนำขั้นตอนและวิธีการตามที่กฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือ มติคณะรัฐมนตรีที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันอนุโลมไปปฏิบัติก่อนเท่าที่ไม่ขัดต่อความเป็นอิสระของสำนักงานอัยการสูง สุดในฐานะที่เป็นหน่วยธุรการขององค์กรอัยการ โดยการพิจารณาอนุมัติ อนุญาตหรือให้ความเห็นชอบเรื่องต่าง ๆ ตามระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีให้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมโดยให้คำนึงถึงความเป็นอิสระ ขององค์กร
|
|||||||||||||||||||||
6296 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982" | สสป | 28/07/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การเข้าเป็นภาคี อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982" ตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เสนอ สรุปได้ดังนี้ 1.1 การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2550 ที่เห็นชอบในหลักการการเข้า เป็นภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 โดยการจัดทำกฎหมายกลางให้ครอบคลุมทุกเรื่อง ที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ฯ ควรดำเนินการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ฯ และออกกฎหมายกลาง เพื่อรองรับการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ฯ ให้แล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2553 เป็นอย่างช้า 1.2 ตั้งคณะกรรมการดำเนินการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ฯ ขึ้นเป็นการเฉพาะ รวมทั้งจัดงบประมาณให้ เพียงพอต่อการดำเนินการ โดยให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานกรรมการ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและ กฎหมาย เป็นกรรมการและเลขานุการ และให้มีกรรมการจากภาครัฐ ภาคเอกชน และนักวิชาการที่เกี่ยวข้อง 1.3 การดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 190 เนื่องจากประเทศไทยได้มีการ ลงนามในอนุสัญญานี้ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2525 ดังนั้น โดยบทเฉพาะกาลในมาตรา 305 (5) จึงไม่ต้องดำเนิน การตามมาตรา 190 วรรคสาม แต่ต้องดำเนินการเพื่อให้รัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ฯ และก่อนการให้สัตยาบันอนุสัญญา ฯ รัฐบาลต้องดำเนินการตามมาตรา 190 วรรคสี่ 1.4 การดำเนินการเพื่อให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ฯ เนื่องจากอนุสัญญานี้ เกี่ยวกับกฎหมายทะเลค่อนข้างเป็นเรื่องทางเทคนิคเฉพาะทาง ในการชี้แจงรายละเอียดหรือตอบคำถามในรัฐสภาจึง ควรขออนุญาตรัฐสภาให้ดำเนินการโดยคณะผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ 1.5 การทำคำประกาศ (Declaration) ประกอบการให้สัตยาบันอนุสัญญา ฯ รัฐควรทำคำประกาศดัง กล่าวประกอบไปด้วย โดยสาระสำคัญของคำประกาศให้คณะกรรมการดำเนินการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ฯ ทำการ ศีกษาและร่างคำประกาศเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศไทยมากที่สุด 1.6 ให้คณะกรรมการดำเนินการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ฯ และคณะอนุกรรมการจัดการความรู้เพื่อผล ประโยชน์แห่งชาติทางทะเลดำเนินการให้ความรู้ และช่วยเหลือด้านเทคนิคที่เกี่ยวกับอนุสัญญา ฯ เพื่อจะได้สามารถ ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขหรือออกกฎหมายในการรองรับกฎหมายกลางที่ออกเพื่ออนุวัติการตามอนุสัญญา ฯ 1.7 ดำเนินการจัดการผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเลอย่างเป็นระบบและบูรณาการเพื่อประโยชน์สูงสุด ของประเทศ โดยทำการศึกษาและตั้งหน่วยงานกลางทำหน้าที่เสนอแนะและกำกับดูแลนโยบายผลประโยชน์แห่งชาติ ทางทะเลในภาพรวมทั้งระบบ 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา ผลการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวง กลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูง สุด และผู้แทนคณะอนุกรรมการจัดการความรู้เพื่อผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเล
|
|||||||||||||||||||||
6297 | การป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์การระบาดของไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ (เอช 1 เอ็น 1) | มท | 28/07/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการดำเนินการป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์การระบาดของไข้หวัดใหญ่
ชนิดเอ (เอช 1 เอ็น 1) ของกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดังนี้ 1. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด/ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้อำนวยการจังหวัด/ผู้อำนวยการกรุง เทพมหานคร ตามกฎหมายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและควบคุมแก้ไขสถาน การณ์การระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ระดับจังหวัด เพื่อติดตามสถานการณ์ เฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ ระบาดของโรคที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่ 2. ให้ทุกจังหวัดและกรุงเทพ ฯ เผยแพร่และประชาสัมพันธ์คำแนะนำในการปฏิบัติตัวสำหรับประชาชน ในการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ฯ ตามแนวทางและคำแนะนำของกระทรวง สาธารณสุข 3. ให้ทุกจังหวัดและกรุงเทพ ฯ ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์และมาตรการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถาน การณ์ปัจจุบันที่พบการแพร่เชื้อในประเทศไทย (สถานการณ์ B) ใน 4 ประเด็นหลัก คือ การซักซ้อมความพร้อม การใช้มาตรการด้านชุมชนและสังคม การเฝ้าระวังตรวจหาผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว และการแสวงหาความร่วมมือจาก ทุกภาคส่วนเพื่อรณรงค์ป้องกันควบคุมการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 4. แจ้งเวียนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2552 ให้ทุกส่วนราชการ และรัฐวิสหากิจในสังกัด กระทรวงมหาดไทย ทุกจังหวัด กรุงเทพ ฯ ดำเนินการตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด 5. แจ้งแนวทางการแก้ไขปัญหาการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในปัญหาสำคัญ ที่ต้องเร่งดำเนินการในช่วง เดือนกรกฎาคม 2552 อาทิ การระบาดในโรงเรียนสถานศึกษา การแพร่โรคจากสถานบันเทิง ผับ (Pub) สถาน ที่ท่องเที่ยว การระบาดในค่ายทหาร (รวมทั้งที่พัก ตำรวจ) และการระบาดในโรงงาน สถานประกอบการ เป็นต้น 6. ให้ทุกจังหวัดและกรุงเทพ ฯ ปรับยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาการระบาด ฯ ตามมติคณะกรรมการ อำนวยการ ฯ ครั้งที่ 3/2552 เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2552 เพื่อให้สอดคล้องตามสถานการณ์ใน 3 ประเด็น หลัก คือ การดูแลรักษาผู้ป่วย การป้องกันการแพร่ระบาดโรค และการเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ 7. การจัดประชุมทางไกลผ่านระบบ VDO Conference ระหว่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณ สุข กับผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2552 เพื่อมอบนโยบายในการเร่งรัดการป้องกัน และควบคุมการระบาดของไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ (เอช 1 เอ็น 1) ให้ทุกจังหวัดถือปฏิบัติ
|
|||||||||||||||||||||
6298 | ร่างหลักเกณฑ์กระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการเบิกค่าพาหนะแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและทุพพลภาพจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เข้ารับการรักษาพยาบาล | นร | 21/07/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างหลักเกณฑ์กระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการเบิกค่าพาหนะแก่ผู้ได้รับบาด
เจ็บสาหัสและทุพพลภาพจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เข้ารับการรักษาพยาบาลซึ่งเป็น หลักเกณฑ์ในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาเฉพาะผู้ได้รับผลกระทบ ฯ ที่ดำเนินการภายใต้มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ 31 พฤษภาคม 2548 ที่มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่องต่อผู้ได้รับ ผลกระทบ ฯ ที่มีความพิการและมีปัญหาสุขภาพ และให้มีการเบิกค่าเดินทาง และค่ารักษาพยาบาล โดยใช้เกณฑ์ ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเดินทางไปราชการโดยยานพาหนะประจำทาง พ.ศ. 2533 เทียบเท่ากับ ผู้ดำรงตำแหน่งระดับ 3 ขึ้นไป ตามมติคณะกรรมการนโยบายและอำนวยการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่อง จากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กยต.) ในการประชุมครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 16 มีนา คม 2552 และให้ส่วนราชการรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธานกรรมการ กยต. เสนอ |
|||||||||||||||||||||
6299 | การขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 3 มิถุนายน 2552 | พณ | 21/07/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
3 มิถุนายน 2552 (เรื่อง ผลการประชุมปรึกษาหารือร่วม ตามที่ได้รับมอบหมาย) ในส่วนของข้อสรุปข้อ 3 และ ข้อ 4 สำหรับสินค้าข้าวสาร เนื่องจากได้มีการตรวจสอบจากผู้ตรวจสอบ (Surveyor) ก่อนรับมอบเข้าเก็บรักษาใน คลังกลางของรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
6300 | รายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการปิดท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง) | กก | 21/07/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเกี่ยวกับผลการดำเนินงานตามมติคณะ
รัฐมนตรีเกี่ยวกับมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการปิด ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง โดยมีผลการดำเนินงานที่สำคัญดังนี้ 1. ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่านักท่องเที่ยว 3 เดือน กระทรวงมหาดไทย ได้ออกประกาศกระทรวงมหาด ไทยเรื่อง การยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยวแก่คนต่างด้าวเป็นการชั่วคราว ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2552 โดยให้มีผลเมื่อพ้นกำหนดเวลาสามวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา (ประกาศในราชกิจ จานุเบกษา เล่ม 126 ตอนพิเศษ 87 ง ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2552 เพื่อให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2552-4 มีนาคม 2553) 2. ยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบธุรกิจโรงแรม ปี พ.ศ. 2553 คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 23 มิถุนา ยน 2552 อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบธุรกิจโรงแรมทุกประเภท พ.ศ. .... และ ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ 3. ลดหย่อนค่าประกันการใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม การไฟฟ้านครหลาง และการไฟฟ้า ส่วนภูมิภาคได้ปรับลดอัตราค่าประกันการใช้ไฟฟ้าเหลือ 1.25 เท่าของเดือนสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีประวัติการชำระดี โดยคำนวณค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 เดือน 4. ลดหย่อนค่าธรรมเนียม Landing & Parking Fee กรมการขนส่งทางอากาศ ได้ออกประกาศกรมการ ขนส่งทางอากาศ เรื่อง ขยายระยะเวลาการลดค่าธรรมเนียมในการขึ้นลงของอากาศยานและค่าธรรมเนียมที่เก็บ อากาศยานและสนามบินที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมการขนส่งทางอากาศ ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2552 โดยลด อัตราค่าธรรมเนียมลงร้อยละ 50 และขยายระยะเวลาออกไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2553 ส่วนบริษัท ท่าอากาศ ยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้กำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลือระยะยาวแก่สายการบินและผู้ประกอบการร้านค้า และบริการต่าง ๆ ณ ท่าอากาศยาน 5. ลดค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานแห่งชาติเป็นเวลา 3 เดือน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ออกประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ลงวันที่ 12 มิถุนายน 2552 ต่ออายุประกาศฉบับเดิม ออกไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2552 6. ปรับแผนการฝึกอบรม จัดประชุมสัมมนา และการดูงาน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐ กิจและสังคมแห่งชาติได้แจ้งให้ส่วนราชการปรับงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2552 มาใช้ในการประชุม อบรม สัมมนา โดยเน้นจัดในต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น โดยให้ส่วนราชการปรับปรุงแผนการจัดประชุมสัมมนาภายในประเทศมากขึ้น แทนการฝึกอบรมดูงานในต่างประเทศ
|
.....