ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 319 จากทั้งหมด 567 หน้า แสดงรายการที่ 6361 - 6380 จากข้อมูลทั้งหมด 11336 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
6361 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "นโยบายส่งเสริมศาสนาในการพัฒนาสังคม" | สสป | 21/04/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ ของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "นโยบายส่งเสริมศาสนาในการพัฒนาสังคม" สรุปได้ดังนี้ 1.1 นโยบายเร่งด่วนที่ควรรีบดำเนินการ มีดังนี้ 1.1.1 ควรถือการส่งเสริมศาสนาเป็นนโยบายที่สำคัญของชาติ โดยการจัดทำแผนทำนุบำรุง ส่งเสริมศาสนาแห่งชาติ เพื่อเป็นกรอบและแนวทางในการทำนุบำรุงส่งเสริมศาสนาให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนด ไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 79 1.1.2 ควรจัดทำยุทธศาสตร์การส่งเสริมบทบาทของศาสนาซึ่งรวมทั้งศาสนสถาน ศาสนวัตถุ ศาสนพิธี ศาสนบุคคล ศาสนธรรม ในการป้องกันแก้ไขปัญหาสังคม การพัฒนาสังคม การส่งเสริมความสามัคคี ของประชาชนในชาติ รวมทั้งการส่งเสริมศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม และการพัฒนาชีวิตตามที่บัญญัติไวัในรัฐ ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปี พ.ศ. 2550 มาตรา 79 1.1.3 ควรเร่งรัดพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา 1.1.4 ควรจัดให้มีการสอนวิชาศีลธรรม หน้าที่พลเมืองดี และประวัติศาสตร์ไทย ในหลักสูตร การศึกษาทุกระดับ 1.1.5 ควรเพิ่มงบประมาณในการส่งเสริมศาสนา ศีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรมให้มากขึ้น 1.2 นโยบายที่ควรเร่งดำเนินการในระยะยาว มีดังนี้ 1.2.1 ควรจัดให้มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับนโยบายการส่งเสริมศาสนาในการพัฒนาสังคม โดย ให้ครอบคลุมมากขึ้นทั้งในเชิงกว้างและเชิงลึกเพื่อศึกษาปัญหาการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ 1.2.2 ควรจัดให้มีการประชุมสัมมนาและการอบรมผู้บริหารสถานศึกษา ครู และอาจารย์ของ สถานศึกษาในทุกระดับเกี่ยวกับการบูรณาการศาสนาและการศึกษาเพื่อให้ศาสนาเป็นรากฐานของการศึกษาให้ เยาวชนมีคุณธรรมนำความรู้สู่การพัฒนา 1.2.3 ควรสนับสนุนการจัดตั้งและการดำเนินงานของโรงเรียนวิถีพุทธ และโรงเรียนที่ส่งเสริม การสอนศาสนา ศีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรม 1.2.4 รัฐบาล รวมทั้งหน่วยงานและองค์การที่เกี่ยวข้องควรปรับปรุงยุทธศาสตร์และกลวิธีการ เผยแพร่ศาสนา ศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรมจากการดำเนินงานในเชิงรับเป็นเชิงรุก 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทั้งนี้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมไปดำเนิน การตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2551 (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง แนวทางการ ดำเนินการของคณะรัฐมนตรีในเรื่องที่สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้คำปรึกษา ข้อเสนอแนะ หรือ ความเห็นต่อคณะรัฐมนตรี) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
6362 | ขออนุมัติทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเรื่องแต่งตั้งข้าราชการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และขออนุมัติรับโอนข้าราชการมาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารระดับสูง) (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นางธนิฏฐา เศวตศิลา มณีโชติ) | กก | 21/04/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2552 โดยยกเลิกการแต่งตั้งนางธนิฏฐา มณีโชติ ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ส่วนรายนายเสกสรร นาควงศ์ ให้คงไว้ตามมติคณะรัฐมนตรีเดิม 2. อนุมัติรับโอนนางธนิฏฐา เศวตศิลา มณีโชติ ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว กระทรวง การท่องเที่ยและกีฬา มาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ สำนักเลขาธิการ นายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนัก เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
6363 | การช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ | นร | 21/04/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงแนวทางปฏิบัติในการอนุมัติการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือค่าครอง
ชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2552 (เรื่อง การช่วยเหลือค่าครอง ชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ) ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ 1. ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบกลุ่มเป้าหมาย 6 กลุ่ม (บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พนัก งานรัฐวิสาหกิจ บุคลากรของหน่วยงานรูปแบบพิเศษ (องค์การมหาชน) ทหารเกณฑ์ของกระทรวงกลาโหม กลุ่ม ครู บุคลากรด้านการศึกษาและบุคลากรอื่นในโรงเรียนเอกชน และบุคลากรขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ) จัดให้ มีการลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิให้ถูกต้องว่าเป็นผู้มีรายได้ประจำรวมต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน และจัด ทำรายละเอียดเพื่อเสนอขออนุมัติใช้เงินงบกลางกับสำนักงบประมาณโดยตรงโดยไม่ต้องเสนอขออนุมัติในรายละ เอียดกับคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง 2. สำหรับแหล่งเงินเพื่อดำเนินการช่วยเหลือค่าครองชีพ ให้ดำเนินการดังนี้ 2.1 พนักงานรัฐวิสาหกิจ จำนวนประมาณ 47,135 คน งบประมาณจำนวน 94,270,000 บาท ให้ใชัจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายตามมาตร การช่วยเหลือค่าครองชีพบุคลากรภาครัฐ หากไม่เพียงพอ ให้เสนอใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 2.2 บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บุคลากรของหน่วยงานรูปแบบพิเศษ (องค์การมหา ชน) ทหารเกณฑ์ของกระทรวงกลาโหม ครู บุคลากรด้านการศึกษาและบุคลากรอื่นในโรงเรียนเอกชน รวมทั้ง บุคลากรขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 3. ให้หน่วยงานเบิกจ่ายเงินงบประมาณเพื่อใช้จ่ายเป็นเงินช่วยเหลือค่าครองชีพปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ การเบิกจ่ายเงินตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาครัฐ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ 10 มีนาคม 2552 (หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลากรภาค รัฐ) ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
6364 | การสนับสนุนส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว | นร | 17/04/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้การสนับสนุนส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศเป็นวาระแห่งชาติ ที่ทุก ภาคส่วนจะต้องให้ความสำคัญและร่วมมือกันดำเนินการโดยเร็ว 2. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานำเสนอมาตรการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูวิกฤตการท่องเที่ยวและทบ ทวนมาตรการต่าง ๆ ที่คณะรัฐมนตรีได้เคยอนุมัติเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2552 ว่ายังควรคงไว้หรือขยายระยะ เวลาต่อไปอีก รวมทั้งมาตรการอื่น ๆ และข้อเสนอจากภาคเอกชนเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็ว ต่อไป 3. ให้สำนักงบประมาณรวบรวมข้อมูลการเบิกจ่ายงบประมาณรายการต่าง ๆ ที่คณะรัฐมนตรีได้มี มติอนุมัติหรือเห็นชอบไปแล้วเกี่ยวกับการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และให้นำเสนอต่อ คณะรัฐมนตรีในการประชุมครั้งต่อไป 4. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรวบรวมข้อมูลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการ ส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีในการประชุมครั้งต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
6365 | การขอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาตามมาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | นร | 17/04/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการขอเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกัน
ของรัฐสภา โดยไม่มีการลงมติตามมาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในวันพุธที่ 22 และ วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน 2552
|
|||||||||||||||||||||
6366 | ขอรับการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนกรณีพิเศษ 2 ขั้น (นอกเหนือโควตาปกติ) จากงบกลางเพิ่มเติม ให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการการสนับสนุนโควตาการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปีกรณีพิเศษ 2 ขั้น (นอกเหนือโควตาปกติ) จากงบกลาง เพิ่มเติมในรอบครึ่งปีแรกในอัตราร้อยละ 15 ของกำลังพลที่ปฏิบัติงานใน การแก้ไขปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 207/2549 ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2549 และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณา จักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป โดยให้มีผลจนกว่าจะมีประกาศสำนักนายก รัฐมนตรีให้ยกเลิกการกำหนดให้เป็นพื้นที่ในย่านอันตราย ตามที่ กอ.รมน. เสนอ ทั้งนี้ โดยไม่ครอบคลุมถึงกำลัง พลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดสตูล 2. ให้ กอ.รมน. รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ที่ให้ตัดยอดจำนวนกำลังพลออกจากฐานการคำนวณ โควตาของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และความเห็นของคณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่ง ชาติที่ให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2551 (เรื่อง ขอรับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน กรณีพิเศษ 2 ขั้น (นอกเหนือโควตาปกติ) จากงบกลางเพิ่มเติมให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหาพื้น ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้) และให้ผู้ปฏิบัติงานที่มีสิทธิได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษ 2 ขั้น นอกเหนือโควตาปกติ ได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนในกรณีนี้ได้เพียงภารกิจเดียว ไปดำเนินการด้วย 3. สำหรับงบประมาณที่จะใช้เพื่อการนี้ ให้ กอ.รมน. ใช้จ่ายจากการปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ของส่วนราชการก่อน หากไม่สามารถดำเนินการได้ให้ขอทำความตกลงกับสำนัก งบประมาณที่จะขอเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินเลื่อน เงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ เช่นเดียวกับปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 อีกครั้งหนึ่ง ตามความเห็นของสำนักงบ ประมาณ |
|||||||||||||||||||||
6367 | ข้อเสนอการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของรัฐวิสาหกิจ | กค | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบต่อข้อเสนอการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของรัฐ วิสาหกิจ 3 แห่ง ได้แก่ การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และองค์การขนส่งมวล ชนกรุงเทพ (ขสมก.) ตามความเห็นของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ในการประชุมครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2552 โดยคณะกรรมการ ฯ เห็นชอบกรอบวงเงินอุดหนุนทางการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 สำหรับ กปภ. จำนวน 1,174.711 ล้านบาท และ รฟท. จำนวน 2,355 ล้านบาท ตามที่กระทรวง การคลังเสนอ ส่วนกรณีของ ขสมก. เนื่องจากกระทรวงคมนาคมแจ้งว่า ขสมก. ไม่สามารถให้บริการรถโดยสารตาม โครงการเช่ารถ NGV จำนวน 4,000 คัน ได้ทันในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จึงเห็นชอบกรอบวงเงินอุดหนุนบริการ สาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของ ขสมก. จำนวน 1,128 ล้านบาท ตามข้อเสนอของกระทรวงคมนา คม 2. ให้กระทรวงมหาดไทย (การประปาส่วนภูมิภาค) และกระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย และ ขสมก.) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้ กปภ. จัดทำ ระบบบัญชี โดยแยกบัญชีรายได้และค่าใช้จ่ายของการให้บริการเชิงพาณิชย์และเชิงสังคม เพื่อให้การคำนวณต้นทุน และประมาณการทางการเงินมีความชัดเจน และให้ความสำคัญในการบริหารต้นทุนการผลิตและการดำเนินงานให้ มีประสิทธิภาพ กับให้ รฟท. เร่งนำเสนอแผนฟื้นฟูกิจการต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูป ธรรมโดยเร็วทั้งในการปรับองค์กร การบริหารจัดการเพื่อเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย รวมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มจากสิน ทรัพย์ของ รฟท. และให้ ขสมก. พิจารณาดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2551 ที่เห็นชอบ การปรับปรุงการบริหารจัดการและการบริการของระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพโดยเฉพาะการปรับโครงสร้างองค์กร และอัตรากำลังเพื่อลดค่าใช้จ่ายดำเนินงานในภาพรวม และทบทวนประมาณการฐานะการเงินให้สอดคล้องกับแนว ทางการดำเนินงานดังกล่าว รวมทั้งให้รับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับขั้นตอนการขอรับการจัดสรรงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของรัฐวิสาหกิจทั้ง 3 แห่ง จะต้องแสดงเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ในการเสนอขออนุมัติปรับราคาที่เป็นธรรมในทุกมิติ ทั้งในมิติความเป็นธรรมของประชาชน มิติความเป็นธรรมของ องค์กร และมิติความเป็นธรรมของรัฐ และแสดงให้เห็นว่าหากปรับราคาค่าบริการอย่างเป็นธรรมและหากจำเป็น ต้องปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล องค์กรจะมีรายได้และการบริหารจัดการเป็นอย่างไร นอกจากนี้ ให้มีการประเมิน ผลการดำเนินงานเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาการขอรับเงินอุดหนุนในปีต่อ ๆ ไป และปรับโครงสร้างราคาค่า บริการให้สอดคล้องกับต้นทุนการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อลดวงเงินอุดหนุนการบริการสาธารณะในปี ต่อ ๆ ไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||
6368 | มาตรการเร่งด่วนในการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้และการป้องกันไฟป่า | ทส | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการมาตรการเร่งด่วนในการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ และการป้องกันไฟป่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนการดำเนินงานในการป้องกันและปราบปรามการ บุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้และป้องกันไฟป่า ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีดาวเทียม และเทคโนโลยีสาร สนเทศภูมิศาสตร์มาใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตลอดจนการเฝ้าระวังติดตาม และประเมินผลการดำเนินงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ และการป้องกันไฟป่า สำหรับการจัดซื้อยานพาหนะ โดยเฉพาะอากาศยานลักษณะต่าง ๆ หากมีความจำเป็นควร ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2551 โดยพิจารณาถึงความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการ บูรณาการจัดหาร่วมกับหน่วยงานที่มีอากาศยานอยู่แล้วจำนวนมาก และมีการใช้เครื่องปฏิบัติภารกิจอยู่เป็นประจำ เป็นต้น และความเห็นเพิ่มเติมของคณะรัฐมนตรีที่ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน ของพื้นที่ที่จะดำเนินมาตรการให้ชัดเจนและเร่งดำเนินการในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงเป็นลำดับแรกก่อน ส่วนการจัด หาเครื่องมืออุปกรณ์และเทคโนโลยีในการเพิ่มการปฏิบัติงานนั้น หากเป็นการจัดหาจากต่างประเทศ ควรพิจารณา นำวิธีการการค้าแบบแลกเปลี่ยน (Barter Trade) มาดำเนินการ เพื่อเป็นการช่วยระบายสินค้าเกษตรของไทยใน สต็อกของรัฐบาลไปต่างประเทศ นอกจากนี้ ในการตรวจลาดตระเวนพื้นที่และการติดตามการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิประเทศ ควรพิจารณาทางเลือกในการนำอุปกรณ์อื่น ๆ นอกเหนือจากเครื่องบินมาใช้ตามความเหมาะสมด้วย เช่น เรือเหาะ พารามอเตอร์ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย 3. ส่วนงบประมาณเพื่อดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการตามความจำเป็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
6369 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 8/2552 | นร | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและ
เลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) เสนอ ดังนี้ 1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการ รศก. ครั้งที่ 8/2552 เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2552 ซึ่งที่ประชุม ได้พิจารณาแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 (2553-2555) และโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรสำหรับปี การผลิต 2551/2552 2. เห็นชอบมติคณะกรรมการ รศก. ดังนี้ 2.1 เห็นชอบแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 (2553-2555) โดยมีวงเงินลงทุนเบื้องต้น 1,566,867 ล้านบาท 2.2 เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 เพื่อ ทำหน้าที่พิจารณารายละเอียดความเหมาะสมของโครงการ และจัดลำดับความสำคัญของโครงการตามกรอบแผน ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ฯ พิจารณาความเหมาะสมของวงเงินลงทุน แหล่งเงินลงทุน และรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม รวม ทั้งจัดทำแผนปฏิบัติการแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 กำกับ ติดตามการดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายของ แผนปฏิบัติการ และแผนการดำเนินโครงการ 2.3 เห็นควรให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2552 เรื่อง คณะกรรมการต่าง ๆ ที่ คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง ที่เสนอโดยกระทรวงการคลัง โดยยกเลิกคณะกรรมการกำกับด้านการเงินและการระดมทุน สำหรับโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และให้แต่งตั้งคณะกรรมการ ฯ ในข้อ 2.2 แทน 2.4 ในกรณีที่โครงการใดเข้าข่ายต้องดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมาย เช่น พระราช บัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการ ในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 เป็นต้น เมื่อคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการ ฯ พิจารณากลั่นกรองแล้วเสร็จ ให้ หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไป 2.5 ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแจ้งกระทรวงที่เกี่ยวข้องจัดทำ รายละเอียดโครงการ และแผนการดำเนินการโครงการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 เพื่อนำเสนอคณะกรรม การกลั่นกรองโครงการ ฯ พิจารณาภายใน 1 เดือน 2.6 เห็นชอบให้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการ ดำเนินงานโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรสำหรับปีการผลิต 2551/2552 เพื่อชดเชยให้แก่หน่วยงานที่ เกี่ยวข้องต่อไป 2.7 สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 เห็นชอบให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร องค์การคลังสินค้า องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการจัดหาเม็ดเงินเพื่อใช้ในการดำเนินงานไปก่อน โดยอาจเจียดจ่ายจากงบ ประมาณของหน่วยงาน ซึ่งรัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณชดเชยคืนให้ต่อไปในโอกาสแรก
|
|||||||||||||||||||||
6370 | ผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องตามความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อคณะรัฐมนตรี | นร | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
1. รับทราบแนวทางการดำเนินการของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีในเรื่องที่สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติให้คำปรึกษา ข้อเสนอแนะ หรือความเห็นต่อคณะรัฐมนตรี รวม 4 ขั้นตอน ดังนี้ 1.1 ขั้นตอนที่ 1 จัดทำบันทึกเสนอนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายให้กำกับ การบริหารราชการสภาที่ปรึกษา ฯ แทนนายกรัฐมนตรี 1.2 ขั้นตอนที่ 2 การจัดทำความเห็นของหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 1.3 ขั้นตอนที่ 3 การนำเสนอคณะรัฐมนตรี 1.4 ขั้นตอนที่ 4 การแจ้งมติคณะรัฐมนตรี การเผยแพร่รายงาน ผลการพิจารณา หรือผลการดำเนิน การของคณะรัฐมนตรี 2. รับทราบผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องความเห็น และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ ที่เสนอต่อ คณะรัฐมนตรี ซึ่งส่งมายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และอยู่ระหว่างการดำเนินการในขั้นตอนต่าง ๆ มีจำนวน รวมทั้งสิ้น 35 เรื่อง อยู่ในขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้ 2.1 เรื่องที่อยู่ระหว่างรองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) พิจารณาสั่งการ (ขั้นตอนที่ 1) จำนวน 5 เรื่อง 2.2 เรื่องที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานหลักที่ได้รับมอบหมาย (ขั้นตอนที่ 2) จำนวน 26 เรื่อง 2.3 เรื่องที่หน่วยงานหลักพิจารณาแล้วและได้เสนอความเห็นมาแล้วอยู่ระหว่างเสนอบันทึกให้นายก รัฐมนตรี/รองนายกรัฐมนตรีสั่งการเพื่อนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี (ขั้นตอนที่ 3) จำนวน 4 เรื่อง
|
|||||||||||||||||||||
6371 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การเพิ่มความปลอดภัยในการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ" | สสป | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ ของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "การเพิ่มความปลอดภัยในการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ" สรุปได้ดังนี้ 1.1 การพัฒนามาตรฐานรถโดยสารสาธารณะ อาทิ การตรากฎระเบียบว่าด้วยมาตรฐานพนักงาน ขับรถ ระบบค่าจ้าง สวัสดิการ ระยะเวลาการทำงาน การพักผ่อนที่เหมาะสม วินัย และมาตรฐานวิชาชีพของพนัก งานขับรถ การกำหนดมาตรฐานรถโดยสารสาธารณะและมาตรฐานอู่ต่อรถโดยสารสาธารณะ รวมทั้งมีกระบวน การในการตรวจสภาพรถโดยมีการออกใบรับรองมาตรฐานเป็นระยะทุก 3 เดือน ส่วนพนักงานบริการบนรถโดย สารสาธารณะต้องได้รับการอบรม การตรวจสอบประวัติ และมีข้อกำหนดว่าด้วยวินัยและมารยาท เป็นต้น 1.2 การพัฒนามาตรฐานที่ปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะ อาทิ สนับสนุนให้องค์กรผู้ประกอบ การและองค์กรของพนักงานมีส่วนร่วมในการควบคุม พัฒนามาตรฐาน และจัดทำแนวทางหรือข้อปฏิบัติที่ดี และ การใช้มาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาคุณภาพรถโดยสารสาธารณะ จัดสรรเงิน จากภาษีน้ำมัน หรือกองทุนอื่นของรัฐให้ผู้ประกอบการกู้ยืมระยะยาวในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น 1.3 ควรปรับปรุงระบบการเดินรถให้เป็นธรรม โดยให้ความสำคัญกับระบบการให้สัมปทานเดินรถ ที่เป็นธรรมอย่างน้อยให้มีผู้ประกอบการตั้งแต่ 2 รายขึ้นไปในทุกเส้นทาง 1.4 ตรากฎระเบียบกำหนดมาตรฐานการประกันภัยผู้เสียหายจากรถโดยสารสาธารณะ 1.5 จัดตั้งส่วนงานที่รับเรื่องร้องเรียนจากผู้โดยสาร 1.6 ส่งเสริมสิทธิของผู้ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะและการเข้าถึงสิทธิของผู้ใช้บริการ โดยให้ตรา เป็นกฎระเบียบว่าด้วยสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้โดยสาร 1.7 ตรากฎระเบียบว่าด้วยมาตรฐานรถที่ปลอดภัยที่ทางราชการจะเช่าหรือซื้อเพื่อใช้ในราชการเพื่อ ความปลอดภัยของข้าราชการ หรือผู้เข้าร่วมกิจกรรมของส่วนราชการ 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาด ไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนัก งานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และผู้ประกอบการรถโดยสาร ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมไปดำเนินการตาม มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2551 (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง แนวทางการดำเนินการ ของคณะรัฐมนตรีในเรื่องที่สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้คำปรึกษา ข้อเสนอแนะ หรือความเห็นต่อ คณะรัฐมนตรี) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
6372 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... | วท | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ จัดตั้งสำนักงานนวัตกรรมขึ้นเป็นองค์การมหาชนตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหา ชน โดยให้ตัดความในร่างมาตรา 43 ออกเพื่อให้สอดคล้องกับองค์การมหาชนแห่งอื่นในสังกัดกระทรวงวิทยา ศาสตร์และเทคโนโลยี ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 (เรื่อง นโยบายการพัฒนาระบบราชการ) ในประเด็นที่ให้ระงับการขอจัดตั้ง องค์การมหาชนเป็นการเฉพาะราย 2. คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า การจัดตั้งองค์กรในรูปแบบองค์การมหาชน มักเป็นการโอนภารกิจ ของส่วนราชการมาปฏิบัติโดยมุ่งหวังให้เกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากกว่าเดิมโดย กำหนดเงินเดือนและค่าตอบแทนของบุคลากรที่ปฏิบัติงานในองค์การมหาชนไว้สูงกว่าส่วนราชการ ดังนั้น ใน การคัดเลือกบุคลากรเข้าปฏิบัติงานในองค์การมหาชนแต่ละแห่ง จึงควรให้ความสำคัญกับการคัดเลือกบุคคล ที่เป็นมืออาชีพ มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นลำดับแรก ส่วนการรับ โอนข้าราชการและเจ้าหน้าที่จากส่วนราชการเดิมควรดำเนินการเท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยว ข้องรับข้อสังเกตดังกล่าวไปเป็นแนวทางในการพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
6373 | ร่างพระราชบัญญัติพัฒนาเมือง พ.ศ. .... | พม | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติพัฒนาเมือง พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่น คงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยไม่ให้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการ จัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงาน แล้วนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติ ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1.1 กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเมืองและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ 1.2 กำหนดให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเมืองเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็น ส่วนราชการและไม่เป็นรัฐวิสาหกิจ มีฐานะเป็นนิติบุคคล และกำหนดอำนาจหน้าที่ของสำนักงาน 1.3 กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายตรวจสอบเพื่อเสนอความเห็นเกี่ยวกับผลการตรวจสอบภาย ในต่อคณะกรรมการนโยบาย 1.4 กำหนดให้การพัฒนาเมืองต้องสอดคล้องกับการใช้ประโยชน์ในที่ดินตามที่กำหนดไว้ในผังเมือง และคำนึงถึงความต้องการของประชาชนในพื้นที่เมืองและเขตพื้นที่พัฒนาการบำรุงรักษาสภาพแวดล้อมทางธรรม ชาติ 1.5 กำหนดให้จัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเมือง 1.6 กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารกองทุนและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ 2. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยว กับการจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเมือง ควรดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 26 สิงหาคม 2551 ซึ่งกำหนดหลักการในการจัดตั้งทุนหมุนเวียนจะกระทำได้เฉพาะที่เป็นกิจกรรมที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ต้องปฏิบัติตามหน้าที่เพื่อสาธารณประโยชน์ทางเศรษฐกิจหรือเพื่อช่วยเหลือในการครองชีพ หรืออำนวยบริการแก่ ประชาชน และเป็นกรณีที่ไม่สามารถใช้วิธีดำเนินการตามระเบียบของทางราชการได้ และการออกพระราชบัญญัติ ควรให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย รวมทั้งให้มีการนำมาตรการในการ จูงใจมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและการดำเนินงาน โดยเฉพาะการกำหนดให้มีการยกเว้นค่า ธรรมเนียม เนื่องจากมีผลกระทบกับผู้อยู่อาศัยในเขตพื้นที่พัฒนา ส่วนบทนิยามของคำว่า "การพัฒนาเมือง" ควร กำหนดให้มีความหมายที่ครอบคลุมทุกสาขาของการพัฒนา อาทิ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาสิ่งแวด ล้อมและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และการพัฒนาสังคมและการพัฒนาเศรษฐกิจ นอกจากนี้ การกำหนดให้ กองทุนเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเมืองส่วนหนึ่ง ประกอบด้วยเงินกู้ที่รัฐบาลกู้เพื่อสมทบกองทุนโดยอนุมัติจากคณะ รัฐมนตรี นั้น น่าจะเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้องตามหลักการจัดตั้งกองทุนในการที่จะต้องกู้เงินมาสมทบกองทุนเพื่อเป็น ค่าใช้จ่าย ควรกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้รับผิดชอบ และขอรับการ จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีจะเหมาะสมว่า จึงไม่มีความจำเป็นต้องจัดตั้งกองทุนดังกล่าว ไปประกอบการ พิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||
6374 | ข้อเสนอมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ (โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด) | นร | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ (โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด) สำหรับ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (ออกจากราชการวันที่ 1 ตุลาคม 2552) ที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบาย กำลังคนภาครัฐ (คปร.) มีมติเห็นชอบในคราวประชุม ครั้งที่ 1/2552 วันที่ 2 มีนาคม 2552 โดยมีสาระสำคัญและ หลักการตามมาตรการปรัปบรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2550 และ ปรับรายละเอียดเพิ่มเติม ดังนี้ 1.1 ปรับจำนวนสูงสุดของผู้เข้าร่วมมาตรการ ฯ ตามสัดส่วนของข้าราชการอายุ 50 ปีขึ้นไปที่มีใน ส่วนราชการ (จากตั้งแต่ร้อยละ 10 จนถึงร้อยละ 20 ขึ้นไปของข้าราชการอายุ 50 ปีขึ้นไป) และใช้กลไกของ อ.ก.พ. กระทรวงในการเกลี่ยโควตาผู้เข้าร่วมมาตรการ ฯ ภายในกระทรวงโดยให้ใช้งบประมาณเงินก้อนของส่วนราชการที่ ผู้เข้าร่วมมาตรการ ฯ สังกัด 1.2 เพิ่มเติมการกำหนดคุณสมบัติของผู้ออกจากราชการตามมาตรการ ฯ โดยจะต้องไม่เป็นจำเลยใน คดีอาญาซึ่งมิใช่ความผิดลหุโทษหรือความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของมาตรการ ฯ ที่กำหนดคุณสมบัติเฉพาะผู้ไม่มีข้อกล่าวหาใด ๆ เป็นคุณสมบัติของผู้ออกจากราชการตามมาตรการ ฯ ซึ่งจะมีสิทธิ ได้รับสิทธิประโยชน์เงินก้อน 8-15 เท่า 2. ให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการศึกษาวิจัยผลการดำเนินงานโครง การ ฯ ไปพิจารณาดำเนินการ สำหรับในขั้นการดำเนินโครงการของส่วนราชการ ให้ส่วนราชการให้ความสำคัญกับ กระบวนการคัดกรองผู้เข้าร่วมโครงการอย่างมีประสิทธิภาพโดยให้ความสำคัญกับกลุ่มที่มีปัญหาด้านสุขภาพเพื่อให้ เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่าต่อองค์กรร่วมทั้งป้องกันการสูญเสียกำลังคนที่มีคุณภาพซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติ งานขององค์กรในระยะยาวต่อไป ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ |
|||||||||||||||||||||
6375 | นโยบายสร้างจิตสำนึกเยาวชนด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้จัดตั้งหน่วยงานระดับสำนักภายใต้สังกัดกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่ง
แวดล้อม และให้มีการจัดสรรอัตรากำลังเพื่อรองรับการปฏิบัติงาน โดยการเกลี่ยอัตราว่างภายในกระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 (เรื่อง นโยบายการพัฒนาระบบราชการ) เป็นการเฉพาะราย และให้กรมส่งเสริม คุณภาพสิ่งแวดลัอมจัดทำแผนการดำเนินงานให้มีความครอบคลุมถึงเป้าหมาย ตัวชี้วัด และประมาณการค่าใช้จ่าย ที่ชัดเจน และบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติราชการ 4 ปี และแผนปฏิบัติราชการประจำปี เพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณ รายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับความจำเป็นและแผนการดำเนินงานในแต่ละปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบ ประมาณ |
|||||||||||||||||||||
6376 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการพัฒนากำลังคนด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (ทุนเรียนดีมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย) ครั้งที่ 3 | ศธ | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
6377 | การกำกับดูแลและตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล | พณ | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2551 โดยให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักในการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการจัดตั้งคณะ กรรมการเพื่อกำกับ ติดตาม และตรวจสอบการดำเนินการตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลแทน สำนักนายกรัฐมนตรี และให้แต่งตั้งคณะกรรมการ จำนวน 2 คณะ ประกอบด้วย คณะกรรมการกำกับการ ตรวจสอบข้าวตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล และคณะกรรมการสอบการดำเนินการตามโครง การรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล ทำหน้าที่กำกับติดตามและตรวจสอบการดำเนินการตามโครงการรับจำ นำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2551/52 และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 ที่จะดำเนินการ ต่อไปให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการและป้องกันการทุจริต 2. ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดการดำเนินการเพิ่มศูนย์รับจำนำข้าวเปลือกในภาคตะวันออกเฉียง เหนือ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2552 (เรื่อง มาตรการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรับ ปี 2552 และคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ) รวมทั้งการแก้ไขปัหาราคาข้าวโพดตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรยังมีข้อร้อง เรียนอยู่ เช่น กรณีจังหวัดชลบุรี เป็นต้น ให้แล้วเสร็จโดยเร็วด้วย
|
|||||||||||||||||||||
6378 | แผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ (ระยะ 5 ปี) | มท | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
1. แผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ (ระยะ 5 ปี) มีเป้าหมายเพื่อลดความสูญเสีย ชีวิตและทรัพย์สินของผู้ประสบภัย ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยและสร้างความมั่นคงของผู้ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติ โดยเร็วที่สุด ตลอดจนบูรณาการปฏิบัติงานระหว่างหน่วยงาน เครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน และให้ หน่วยงานต่าง ๆ สามารถนำไปสู่การจัดทำแผนปฏิบัติการและแผนงบประมาณ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ 4 ยุทธศาสตร์ คือ 1.1 ยุทธศาสตร์ที่ 1 การป้องกันและลดผลกระทบ มี 9 กลยุทธ์ (44 กิจกรรมหลัก) 1.2 ยุทธศาสตร์ที่ 2 การเตรียมพร้อมรับภัย มี 6 กลยุทธ์ (21 กิจกรรมหลัก) 1.3 ยุทธศาสตร์ที่ 3 การจัดการในภาวะฉุกเฉิน มี 7 กลยุทธ์ (31 กิจกรรมหลัก) 1.4 ยุทธศาสตร์ที่ 4 การจัดการหลังเกิดภัย มี 5 กลยุทธ์ (36 กิจกรรมหลัก) 2. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นหน่วยงานประสานหลักร่วม กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการและแผนงบประมาณรองรับแผนแม่บทดังกล่าว รวมทั้งให้รับความ เห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ควรมีการกำหนดเป้าหมายของแผนแม่บท ฯ ให้มี ลักษณะเป็นรูปธรรมหรือมีเป้าหมายเชิงปริมาณมากขึ้น เช่น จำนวนระบบเตือนภัยที่จะต้องดำเนินการ จำนวน ระบบสื่อสารที่จำเป็นต้องจัดหา จำนวนศูนย์อำนวยการที่จะต้องจัดตั้ง จำนวนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่ต้อง ดำเนินการปรับปรุงหรือพัฒนา เพื่อให้เกิดความชัดเจนในขั้นตอนการแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติ รวมทั้งกระบวน การจัดทำงบประมาณ และการจัดทำแผนแม่บท ฯ ควรสอดคล้องกับกรอบแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณ ภัยแห่งชาติ กรอบแผนปฏิบัติการการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแบบบูรณาการระดับกระทรวง และแผน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และให้นำผลการฝึกซ้อมการบริหารวิกฤตการณ์ด้านสาธารณภัย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2550 และวันที่ 11 พฤศจิกายน 2551 เรื่อง การฝึกซ้อมการ บริหารวิกฤตการณ์ด้านสาธารณภัย โดยเฉพาะการฝึกซ้อมระดับชาติกรณีภัยพิบัติสึนามิ ไปประกอบแผนแม่ บท ฯ เพื่อให้แผนมีความรอบด้านยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
6379 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการพัฒนากำลังคน ด้านวิทยาศาสตร์ (ทุนเรียนดีวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย) ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2551 - 2566) ครั้งที่ 3 | ศธ | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินโครงการพัฒนากำลังคน
ด้านวิทยาศาสตร์ (ทุนเรียนดีวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย) ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2566) ครั้งที่ 3 โดย ผลการดำเนินโครงการ ฯ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2551-ตุลาคม 2551 ได้ปรับลดเป้าหมายการดำเนินโครงการ ฯ เหลือ 4 รุ่น ๆ ละ 200 คน จำนวน 800 คน รวมเป้าหมายทั้งโครงการ ฯ จำนวน 1,600 คน แบ่งเป็นการให้ทุน นักศึกษาระดับปริญญาตรี-โท-เอก ต่อเนื่อง จำนวน 4 รุ่น ๆ ละ 200 คน จำนวน 800 คน และการให้ทุนระดับ ปริญญาโท-เอก จำนวน 800 คน ส่วนเป้าหมายการรับนักศึกษาทุนโครงการ ฯ จำแนกเป็นระดับตรี-โท-เอก ต่อเนื่อง รวม 80 ทุน จำแนกปีละ 200 ทุน จำนวน 4 รุ่น เริ่มรับนักศึกษาในปีการศึกษา 2552 เป็นปีแรก และ ระดับโท-เอก รวม 800 ทุน เริ่มรับนักศึกษาในปีการศึกษา 2551 เป็นปีแรก นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรม การการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้กำหนดแนวทางการจัดสรรทุนรุ่นปีการศึกษา 2551 และ 2552 โดยปีการศึกษา 2551 มีเป้าหมายรับนักศึกษาทุน จำนวน 100 ทุน และในปีการศึกษา 2552 มีเป้าหมายการรับนักศึกษาทุน ระดับปริญญาตรี-โท-เอก ต่อเนื่อง จำนวน 200 ทุน
|
|||||||||||||||||||||
6380 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการครูสหกิจ ครั้งที่ 3 | ศธ | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินโครงการครูสหกิจ ครั้งที่ 3
(เมษายน 2551-ตุลาคม 2551) มีนิสิต/นักศึกษาที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการ จำนวน 5,296 คน จากสถาบันการ ศึกษา จำนวน 50 แห่ง ในจำนวนนี้ มีนิสิต/นักศึกษาครูที่ไปปฏิบัติการในโรงเรียนพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 28 คน ประกอบด้วย จังหวัดยะลา 9 คน นราธิวาส 10 คน และปัตตานี 9 คน โดย ได้กระจายการสอนในสถานศึกษาที่ขาดแคลนครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และ สำนักงานการอาชีวศึกษา (สอศ.) จำนวน 1,678 แห่ง ครอบคลุม 73 จังหวัด ส่วนผลการใช้จ่ายเงินงบประมาณ พ.ศ. 2551 (2 ภาคการศึกษา) ใช้จ่ายงบประมาณไปแล้ว 171,050,746 บาท คงเหลือเงินจำนวน 27,049,254 บาท ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้กันเงินเหลื่อมปีเพื่อใช้ดำเนินงานโครงการ ฯ ในปีงบ ประมาณต่อไปแล้ว
|
.....