ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 29 จากทั้งหมด 252 หน้า แสดงรายการที่ 561 - 580 จากข้อมูลทั้งหมด 5030 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
561 | แต่งตั้งผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค (นายเสรี ศุภราทิตย์) | มท | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนาย เสรี ศุภราทิตย์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค ตามมติคณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๙ ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
|||||||||||||||||||||
562 | การนำพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ในเรื่องเกี่ยวกับวินัยการดำเนินการทางวินัย มาบังคับใช้กับข้าราชการศาลยุติธรรม | ศย | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สำนักงานศาลยุติธรรมนำพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ในเรื่องเกี่ยวกับวินัยและการดำเนินการทางวินัย มาบังคับใช้กับข้าราชการศาลยุติธรรมโดยอนุโลม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๙ เป็นต้นไป และไม่นำพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ในเรื่องเกี่ยวกับการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ได้แก่ การอุทธรณ์ การร้องทุกข์ และการคุ้มครองระบบคุณธรรมมาบังคับใช้ ทั้งนี้ ตามมติคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๙ และมติคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ครั้งที่ ๗/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
563 | ข้อแนะนำการเริ่มการเพาะปลูกฤดูกาลผลิต ปี 2559/60 | กษ | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อแนะนำการเริ่มการเพาะปลูกฤดูการผลิต ปี ๒๕๕๙/๖๐ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สภาพอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร ได้สรุปว่าสภาพอากาศเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว และคาดการณ์ว่า ปริมาณฝนปีนี้จะมากกว่าปกติ ร้อยละ ๖ สำหรับประเทศไทยคาดการณ์ว่าทั้งปีจะมีปริมาณฝนอยู่ในเกณฑ์ปกติ และจะเข้าสู่ฤดูฝนในสัปดาห์ที่ ๓ ของเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ ๒. สถานการณ์น้ำ ณ วันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ มีปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีน้ำใช้การได้ ๑๐,๓๙๐ ล้านลูกบาศก์เมตร กรณีที่ไม่มีฝนตกปริมาณน้ำดังกล่าวสามารถสนับสนุนการใช้น้ำสำหรับอุปโภค บริโภค และรักษาระบบนิเวศ ได้จนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙ ๓. การบริหารจัดการน้ำในฤดูฝน ปี ๒๕๕๙ เพื่อให้ปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำมีเพียงพอสำหรับการใช้น้ำตลอดฤดูฝน ๒๕๕๙ และเก็บกักไว้ใช้ในฤดูแล้งที่จะถึง กรมชลประทานพิจารณาดำเนินการจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค และรักษาระบบนิเวศให้เพียงพอตลอดทั้งปี ส่งเสริมการปลูกพืชฤดูฝนให้ใช้น้ำฝนเป็นหลัก บริหารจัดการน้ำท่าให้มีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยระบบและอาคารชลประทาน และดำเนินการเก็บกักน้ำในเขื่อนให้มากที่สุด ๔. การวางแผนการเพาะปลูกฤดูกาลผลิต ปี ๒๕๕๙/๖๐ ประกอบด้วย (๑) พื้นที่เพาะปลูกในเขตชลประทาน ได้แก่ ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง พื้นที่ลุ่มต่ำ แนะนำให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกเมื่อกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศการเข้าสู่ฤดูฝนของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๙ และพื้นที่ดอน ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะมีปริมาณมากเพียงพอ แนะนำให้เพาะปลูกได้ตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม สำหรับพื้นที่โครงการชลประทานอื่น ๆ การเพาะปลูกพืชฤดูฝนจะดำเนินการตามมติคณะกรรมการจัดการชลประทาน (JMC) ของแต่ละพื้นที่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมการประชุม จะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ (๒) พื้นที่เพาะปลูกนอกเขตชลประทาน แนะนำให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกตามฤดูกาลปกติ ประมาณกลางเดือนกรกฎาคม ทั้งนี้ ในพื้นที่ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ฤดูฝนจะแตกต่างจากภาคอื่น แนะนำให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกตามฤดูกาลปกติประมาณเดือนตุลาคม ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||
564 | สรุปมติที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก ครั้งที่ 1/2559 | คค | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เรื่องเพื่อทราบ ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) การปรับปรุงคณะอนุกรรมการภายใต้ คจร. (๒) ความคืบหน้าการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม และ (๓) สถานะการดำเนินโครงการตามแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ๒. เรื่องเพื่อพิจารณา ๙ เรื่อง ได้แก่ (๑) การแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจราจรทางบก (๒) การขอขยายแนวเส้นทางโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) (๓) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน ส่วนต่อขยายช่วงบางหว้า-ตลิ่งชัน (๔) โครงการระบบขนส่งมวลชนระบบรองของกรุงเทพมหานคร (โครงการรถไฟฟ้าสายสีเทา โครงการรถไฟฟ้าสายบางนา-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง) (๕) มาตรฐานป้ายสัญลักษณ์ในระบบขนส่งสาธารณะ (๖) การจำกัดความสูงของรถพ่วงและการใช้รถบรรทุกที่จดทะเบียนเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล (๗) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ (๘) การพัฒนาและแก้ไขการจราจรแออัดของสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินต่าง ๆ และ (๙) การเชื่อมโยงระบบโครงข่ายคมนาคมของภูมิภาคเข้ากับเมืองใหญ่
|
|||||||||||||||||||||
565 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2559 (ครั้งที่ 6) | พน | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ (ครั้งที่ ๖) เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับด้านพลังงาน รวม ๗ เรื่อง ได้แก่ (๑) แผนการขับเคลื่อนภารกิจด้านพลังงานเพื่อส่งเสริมการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทย (๒) หลักเกณฑ์และรายละเอียดของโครงการหรือกิจการที่ได้รับการยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม สำหรับการประกอบกิจการบางประเภท (๓) ขอความเห็นชอบแก้ไขสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการน้ำงึม ๒ เพื่อปรับปรุงสถานีไฟฟ้านาบง (๔) ขอความเห็นชอบลงนาม Side Letter Agreement (Amendment to Gas Sales Agreement Yetagun) กับผู้ขายก๊าซธรรมชาติแหล่งเยตากุน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (๕) แนวทางการแก้ไขปัญหาโรงไฟฟ้าชีวมวล (๖) แนวทางการแก้ไขปัญหาที่ไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (SCOD) ได้ภายในกำหนดเวลา และ (๗) ปรับกรอบอัตราภาษีสรรพสามิตของกลุ่มน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาและการถ่ายทอดเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้มากขึ้น และควรศึกษาความเป็นไปได้และโครงการนำร่องของรถเมล์ล้อยางที่ใช้ไฟฟ้าตรงแบบรถรางโดยไม่ต้องมีแบตเตอรี่ราคาแพง และสามารถติดเครื่องปรับอากาศได้ เพื่อเป็นข้อมูลเปรียบเทียบกับรถเมล์ไฟฟ้าแบบที่ใช้แบตเตอรี่และต้องมีสถานีประจุไฟฟ้า สำหรับการดำเนินการ ระยะที่ ๑ การเตรียมความพร้อม ควรพิจารณาให้ครอบคลุมไปถึงประสิทธิภาพและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะเปรียบเทียบกับรถยนต์สาธารณะทั่วไปด้วย รวมทั้งควรมีนโยบายและมาตรการในการส่งเสริมให้มีการผลิตรถโดยสารไฟฟ้าภายในประเทศ เพื่อเป็นทางเลือกที่จะทำให้ต้นทุนของรถโดยสารลดลงกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศ และเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ภายในประเทศ โดยทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมกันวางยุทธศาสตร์ในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยให้ยั่งยืนในระยะยาว ภาครัฐจะต้องมีนโยบายและมาตรการส่งเสริมการลงทุนให้กับชิ้นส่วนเทคโนโลยีที่สำคัญของยานยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ การกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในช่วงแรกเพื่อจูงใจให้มีผู้ใช้งานในช่วงเวลาที่เหมาะสมและไม่กระทบกับระบบไฟฟ้าโดยรวมของประเทศมากเกินไป ควรคำนึงถึงความเหมาะสมและผลกระทบต่ออัตราค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้ารายอื่นด้วย และควรกำหนดกลไกในการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของแผนการขับเคลื่อนภารกิจด้านพลังงานเพื่อส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เพื่อให้สามารถนำไปปรับใช้ให้เกิดประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนแผนงานในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
566 | การแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร จำนวน 478 ราย ตามโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร (คปร.) และโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร (ผกก.) | กษ | 16/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติปรับโครงสร้างหนี้ของเกษตรกรตามโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร (คปร.) และโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร (ผกก.) ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน จำนวน ๔๗๘ ราย เป็นเงิน ๖๑.๘๘ ล้านบาท (เงินต้น ๔๔.๙๖ ล้านบาท และดอกเบี้ย ๑๖.๙๒ ล้านบาท) ตามมติคณะกรรมการบริหารสินเชื่อเกษตรกรแห่งชาติ ในคราวประชุมเมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ โดยแนวทางการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เกษตรกร ให้นำกรอบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ มาใช้ดำเนินการ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการติดตามผลการชำระคืนเงินให้เสร็จสิ้นตามระยะเวลาที่กำหนด การสนับสนุนองค์ความรู้และแนวทางการพัฒนาอาชีพและรายได้ให้กับเกษตรกรกลุ่มนี้เพื่อให้สามารถนำเงินมาชำระคืนและเหลือเพียงพอในการฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพและรายได้อย่างยั่งยืน การให้ความสำคัญกับการปรับปรุงกระบวนการประชาสัมพันธ์และการเข้าถึงเกษตรกรเพื่อชี้แจงภารกิจและวิธีดำเนินการในการพัฒนาและให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในทุก ๆ ด้าน เพื่อให้เกษตรกรในทุกพื้นที่ได้รับทราบถึงนโยบายและมาตรการของรัฐอย่างทั่วถึงและมีความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงกันตามเจตนารมณ์ของภาครัฐ การให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของเกษตรกรในการร่วมพิจารณาและจัดทำโครงการตั้งแต่ต้นเพื่อให้ได้โครงการที่ตรงกับความต้องการของเกษตรกรและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด และเกษตรกรมีศักยภาพและมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมโครงการอย่างแท้จริง รวมทั้งการปรับปรุงข้อมูลหนี้สินของเกษตรกรที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนทั้ง ๔๗๘ ราย ให้ทันสมัย เนื่องจากพบว่ามีบางรายชำระหนี้แล้ว และเกษตรกรจะต้องมาขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับความช่วยเหลือภายใน ๓ เดือน นับจากวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ตามกรอบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินฯ ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลังตรวจสอบข้อมูลสถานะหนี้สินของเกษตรกรให้เป็นปัจจุบัน รวมทั้งเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรที่เหมาะสมในระยะยาวเพื่อให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวเป็นไปอย่างยั่งยืน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
567 | รายงานผลการดำเนินการตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Market : e-market) และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Bidding : e-bidding) และการเพิ่มความคล่องตัวในการจัดหาพัสดุของส่วนราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | กค | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินการตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Market : e-market) และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Bidding : e-bidding) ประกอบด้วย ๑.๑ การลงทะเบียนในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีส่วนราชการที่ลงทะเบียนในระบบฯ จำนวน ๓๙,๖๓๖ หน่วยงาน และผู้ค้ากับภาครัฐที่ลงทะเบียนในระบบฯ จำนวน ๑๕๒,๙๔๐ ราย ๑.๒ ผลการจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ โดยการดำเนินการดังกล่าวสามารถประหยัดงบประมาณได้จำนวน ๒๘,๗๘๕.๑๙ ล้านบาท ๑.๓ การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ส่วนราชการทั่วประเทศ ผู้ค้ากับภาครัฐ โดยผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้แก่ การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ การจัดทำคู่มือ การจัดทำคลิปวีดิโอและภาพเคลื่อนไหว (Animation) การใช้งานระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน ๑๓ ชุด เผยแพร่ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ศูนย์รับโทรศัพท์ และเปิดช่องทาง Facebook โดยการจัดทำ Facebook จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ๑.๔ การสอบถามความเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานในการจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งส่วนราชการและผู้ค้ากับภาครัฐมีความเห็นสรุปว่า การจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ มีขั้นตอนการปฏิบัติที่ชัดเจนและเป็นการส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ๒. มติคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ (กวพ.) ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง การอนุมัติให้ขยายระยะเวลามาตรการเพิ่มความคล่องตัวในการจัดหาพัสดุของส่วนราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||
568 | การให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิต ปี 2558/2559 | อก | 10/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการให้ความช่วยเหลือด้านปัจจัยการผลิตแก่ชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิต ปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ โดยให้เงินช่วยเหลือกับชาวไร่อ้อยในอัตรา ๑๖๐ บาทต่อตันอ้อย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวไร่อ้อยจากภาวะภัยแล้ง เป็นการชั่วคราวเฉพาะฤดูการผลิตนี้ ตามมติคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ๑.๒ อนุมัติให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรหรือธนาคารพาณิชย์อื่น ตามนัยมาตรา ๒๗ (๖) แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ ตามปริมาณอ้อยที่เข้าหีบในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ จำนวน ๙๔,๐๔๗,๐๔๑.๕๖๒ ตัน วงเงินประมาณ ๑๕,๐๔๗,๕๒๖,๖๔๙.๙๒ บาท หรือจำนวนเงินที่จะต้องจ่ายจริงตามปริมาณอ้อยที่เข้าหีบในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ เพื่อจ่ายให้กับชาวไร่อ้อย แล้วนำเงินรายได้ของกองทุนฯ ที่ได้รับจากการขายน้ำตาลทรายโควตา ก. และเงินรักษาเสถียรภาพอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของกองทุนฯ ตามมติคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายมาชำระหนี้ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมควบคุม ตรวจสอบ กำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยให้ถึงมือชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ์ให้ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ มีการบันทึกบัญชีให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยเป็นลูกหนี้ของกองทุนฯ และให้มีข้อมูลลูกหนี้แยกเป็นรายให้ชัดเจน อีกทั้งจัดระบบควบคุม ตรวจสอบ และกำกับดูแล โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการด้วย ๑.๓ เห็นชอบในหลักการของข้อเสนอแนวทางการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย จำนวน ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑) การปรับปรุงพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย รวมทั้งกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้ครอบคลุมการนำอ้อยไปผลิตเอทานอลและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้ (๒) การเพิ่มผลิตภาพอ้อยและน้ำตาลทราย (๓) การกำหนดต้นทุนมาตรฐานอ้อยและน้ำตาลทราย และมาตรฐานการผลิตน้ำตาลทราย (๔) การรักษาเสถียรภาพกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย และ (๕) การจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาอ้อยและน้ำตาลทราย และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรควบคุม ตรวจสอบ กำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยให้ถึงมือชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ์ให้ถูกต้องโดยเร็ว อีกทั้งจัดระบบควบคุมตรวจสอบและกำกับดูแลโดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการด้วย และควรปรับปรุงข้อเสนอแนวทางการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายให้มีรายละเอียดที่มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และมีการหารือกับผู้มีส่วนได้เสียและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการยอมรับร่วมกัน ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบอีกครั้งหนึ่ง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานกระทรวงพาณิชย์ (กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามความคืบหน้าในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามข้อกำหนดขององค์การการค้าโลก (WTO) (การอุดหนุนราคาน้ำตาลในตลาดโลก) เพื่อประกอบการจัดทำแผนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายให้เกิดผลเป็นรูปธรรมได้โดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ ให้นำเสนอแผนดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๙ |
|||||||||||||||||||||
569 | การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 - 2561 [การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 (7 หน่วยงาน)] | นร | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติอัตราข้าราชการตั้งใหม่ ๖ หน่วยงาน จำนวน ๑,๔๕๗ อัตรา ได้แก่ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (กรมอุตุนิยมวิทยา) จำนวน ๑๒๖ อัตรา กระทรวงพาณิชย์ (กรมทรัพย์สินทางปัญญา) จำนวน ๑๒๐ อัตรา กระทรวงมหาดไทย (กรมที่ดิน) จำนวน ๙๗๑ อัตรา สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ) จำนวน ๔๘ อัตรา สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน ๘ อัตรา และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จำนวน ๑๘๔ อัตรา โดยไม่ให้นำตำแหน่งที่ได้รับการจัดสรรไปยุบเลิกเพื่อปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งเป็นระดับสูงขึ้น ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ และครั้งที่ ๒/๒๕๕๙ วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ส่วนงบประมาณดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้หน่วยงานปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ๒. รับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ เกี่ยวกับอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน จำนวน ๒๒๑ อัตรา เป็นเงิน ๗๑,๑๕๓,๑๖๐ บาทต่อปี และให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเพิ่มอัตรากำลังข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) ให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วนด้วย |
|||||||||||||||||||||
570 | การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 [การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 (7 หน่วยงาน)] | นร | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติอัตราข้าราชการตั้งใหม่ ๖ หน่วยงาน จำนวน ๑,๔๕๗ อัตรา ได้แก่ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (กรมอุตุนิยมวิทยา) จำนวน ๑๒๖ อัตรา กระทรวงพาณิชย์ (กรมทรัพย์สินทางปัญญา) จำนวน ๑๒๐ อัตรา กระทรวงมหาดไทย (กรมที่ดิน) จำนวน ๙๗๑ อัตรา สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ) จำนวน ๔๘ อัตรา สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน ๘ อัตรา และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จำนวน ๑๘๔ อัตรา โดยไม่ให้นำตำแหน่งที่ได้รับการจัดสรรไปยุบเลิกเพื่อปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งเป็นระดับสูงขึ้น ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ และครั้งที่ ๒/๒๕๕๙ วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ส่วนงบประมาณดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้หน่วยงานปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ๒. รับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ เกี่ยวกับอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน จำนวน ๒๒๑ อัตรา เป็นเงิน ๗๑,๑๕๓,๑๖๐ บาทต่อปี และให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเพิ่มอัตรากำลังข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) ให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วนด้วย |
|||||||||||||||||||||
571 | การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 [การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 (7 หน่วยงาน)] | นร | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติอัตราข้าราชการตั้งใหม่ ๖ หน่วยงาน จำนวน ๑,๔๕๗ อัตรา ได้แก่ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (กรมอุตุนิยมวิทยา) จำนวน ๑๒๖ อัตรา กระทรวงพาณิชย์ (กรมทรัพย์สินทางปัญญา) จำนวน ๑๒๐ อัตรา กระทรวงมหาดไทย (กรมที่ดิน) จำนวน ๙๗๑ อัตรา สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ) จำนวน ๔๘ อัตรา สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน ๘ อัตรา และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จำนวน ๑๘๔ อัตรา โดยไม่ให้นำตำแหน่งที่ได้รับการจัดสรรไปยุบเลิกเพื่อปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งเป็นระดับสูงขึ้น ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ และครั้งที่ ๒/๒๕๕๙ วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ส่วนงบประมาณดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้หน่วยงานปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ๒. รับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ เกี่ยวกับอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน จำนวน ๒๒๑ อัตรา เป็นเงิน ๗๑,๑๕๓,๑๖๐ บาทต่อปี และให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเพิ่มอัตรากำลังข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) ให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วนด้วย |
|||||||||||||||||||||
572 | การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 [การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 (7 หน่วยงาน)] | นร | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติอัตราข้าราชการตั้งใหม่ ๖ หน่วยงาน จำนวน ๑,๔๕๗ อัตรา ได้แก่ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (กรมอุตุนิยมวิทยา) จำนวน ๑๒๖ อัตรา กระทรวงพาณิชย์ (กรมทรัพย์สินทางปัญญา) จำนวน ๑๒๐ อัตรา กระทรวงมหาดไทย (กรมที่ดิน) จำนวน ๙๗๑ อัตรา สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ) จำนวน ๔๘ อัตรา สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน ๘ อัตรา และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จำนวน ๑๘๔ อัตรา โดยไม่ให้นำตำแหน่งที่ได้รับการจัดสรรไปยุบเลิกเพื่อปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งเป็นระดับสูงขึ้น ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ และครั้งที่ ๒/๒๕๕๙ วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ส่วนงบประมาณดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้หน่วยงานปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ๒. รับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ เกี่ยวกับอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน จำนวน ๒๒๑ อัตรา เป็นเงิน ๗๑,๑๕๓,๑๖๐ บาทต่อปี และให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเพิ่มอัตรากำลังข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) ให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วนด้วย |
|||||||||||||||||||||
573 | การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 [การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 (7 หน่วยงาน)] | นร | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติอัตราข้าราชการตั้งใหม่ ๖ หน่วยงาน จำนวน ๑,๔๕๗ อัตรา ได้แก่ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (กรมอุตุนิยมวิทยา) จำนวน ๑๒๖ อัตรา กระทรวงพาณิชย์ (กรมทรัพย์สินทางปัญญา) จำนวน ๑๒๐ อัตรา กระทรวงมหาดไทย (กรมที่ดิน) จำนวน ๙๗๑ อัตรา สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ) จำนวน ๔๘ อัตรา สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน ๘ อัตรา และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จำนวน ๑๘๔ อัตรา โดยไม่ให้นำตำแหน่งที่ได้รับการจัดสรรไปยุบเลิกเพื่อปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งเป็นระดับสูงขึ้น ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ และครั้งที่ ๒/๒๕๕๙ วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ส่วนงบประมาณดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้หน่วยงานปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ๒. รับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ เกี่ยวกับอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน จำนวน ๒๒๑ อัตรา เป็นเงิน ๗๑,๑๕๓,๑๖๐ บาทต่อปี และให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเพิ่มอัตรากำลังข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) ให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วนด้วย |
|||||||||||||||||||||
574 | การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 [การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 (7 หน่วยงาน)] | นร | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติอัตราข้าราชการตั้งใหม่ ๖ หน่วยงาน จำนวน ๑,๔๕๗ อัตรา ได้แก่ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (กรมอุตุนิยมวิทยา) จำนวน ๑๒๖ อัตรา กระทรวงพาณิชย์ (กรมทรัพย์สินทางปัญญา) จำนวน ๑๒๐ อัตรา กระทรวงมหาดไทย (กรมที่ดิน) จำนวน ๙๗๑ อัตรา สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ) จำนวน ๔๘ อัตรา สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน ๘ อัตรา และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จำนวน ๑๘๔ อัตรา โดยไม่ให้นำตำแหน่งที่ได้รับการจัดสรรไปยุบเลิกเพื่อปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งเป็นระดับสูงขึ้น ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ และครั้งที่ ๒/๒๕๕๙ วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ส่วนงบประมาณดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้หน่วยงานปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ๒. รับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ เกี่ยวกับอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน จำนวน ๒๒๑ อัตรา เป็นเงิน ๗๑,๑๕๓,๑๖๐ บาทต่อปี และให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเพิ่มอัตรากำลังข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) ให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วนด้วย |
|||||||||||||||||||||
575 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2558 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 1/2559 | ทส | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) จำนวน ๕ เรื่อง ได้แก่ ๑.๑ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการอุตสาหกรรม ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การกำหนดมาตรฐานค่าควันดำของเรือกลที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัด ๑.๓ โครงการนำมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อมศิลปกรรมประเภทย่านชุมชนเก่าไปสู่การปฏิบัติ : แผนจัดการการอนุรักษ์และปรับปรุงสภาพแวดล้อมย่านชุมชนเก่าท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ๑.๔ โครงการทำเหมืองชนิดแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์) ของบริษัท ปูนซีเมนต์เอเซีย จำกัด (มหาชน) คำขอประทานบัตร ๒๓/๒๕๕๓ ร่วมแผนผังโครงการทำเมืองเดียวกันกับคำขอประทานบัตรที่ ๒๔/๒๕๕๓, ๒๕/๒๕๕๓, ๒๖/๒๕๕๓, ๒๗/๒๕๕๓ และประทานบัตรที่ ๓๒๔๕๘/๑๕๖๙๗, ๓๒๔๕๙/๑๕๖๙๘ ตั้งอยู่ที่ตำบลพุกร่าง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ๑.๕ การเสนอรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อเป็นกรรมการในคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอุตสาหกรรม และระบบสาธารณูปโภคที่สนับสนุน ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ๒. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ จำนวน ๑๓ เรื่อง ได้แก่ ๒.๑ โครงการระบบรถไฟฟ้าชานเมืองร่วมกับรถไฟทางไกลเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สายรังสิต-ชุมทาง บ้านภาชี ๒.๒ โครงการระบบรถไฟฟ้าชานเมืองร่วมกับรถไฟทางไกลเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สายมักกะสัน-ฉะเชิงเทรา ๒.๓ แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพิ่มเติม ๒.๔ ร่างกฎกระทรวง กำหนดให้พื้นที่ตำบลทรงคนอง ตำบลบางกระสอบ ตำบลบางน้ำผึ้ง ตำบลบางยอ ตำบลบางกะเจ้า และตำบลบางกอบัว อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ๒.๕ การขอขยายเวลาการบังคับใช้ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชลบุรี และจังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๕๓ รวม ๓ ฉบับ ออกไปอีก ๑ ปี ๒.๖ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติและแนวทางในการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... ๒.๗ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติและแนวทางในการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... ๒.๘ ร่างกฎกระทรวง กำหนดให้พื้นที่ตำบลบางแก้ว ตำบลบางจะเกร็ง ตำบลแหลมใหญ่ และตำบลคลองโคน อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติและแนวทางในการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณตำบลบางแก้ว ตำบลบางจะเกร็ง ตำบลแหลมใหญ่ และตำบลคลองโคน อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม พ.ศ. .... ๒.๙ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ตำบลพระธาตุผาแดง ตำบลแม่ตาว และตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม และร่างกรอบแผนปฏิบัติการเพื่อฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่ตาว ๒.๑๐ ร่างแผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) ๒.๑๑ การแก้ไขร่างบันทึกข้อตกลงโครงการ The Ratification and Early Implementation of the Minamata Convention on Mercury ๒.๑๒ การเสนอรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อเป็นกรรมการในคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอุตสาหกรรม และระบบสาธารณูปโภคที่สนับสนุน ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ๒.๑๓ การแก้ไขปัญหาการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด
|
|||||||||||||||||||||
576 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2559 | กษ | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) การยกร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการปฏิรูปปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบ (๒) การบริหารจัดการน้ำมันปาล์มของกลางของกรมศุลกากร (๓) ค่าใช้จ่ายจากการตรวจจับการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์ม (๔) การระบายน้ำมันปาล์มดิบ (๕) ร่างพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม พ.ศ. .... (๖) ข้อเสนอเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผลปาล์มน้ำมันจังหวัดกระบี่ และ (๗) แนวทางการพัฒนาคุณภาพปาล์มน้ำมันจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ประธานกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเสนอ ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการปฏิรูปปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบที่จะดำเนินการโดยคณะอนุกรรมการปฏิรูปปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบนั้น ควรนำแนวทางตามยุทธศาสตร์ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ภายใต้ยุทธศาสตร์สินค้าเกษตร ๔ สินค้า (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลังผลิตภัณฑ์ ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม อ้อยโรงงานและน้ำตาลทราย) ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๘ มาประกอบการพิจารณาด้วย เพื่อให้การดำเนินนโยบายมีความชัดเจน ต่อเนื่อง และเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
577 | การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 [การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 (7 หน่วยงาน)] | นร | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติอัตราข้าราชการตั้งใหม่ ๖ หน่วยงาน จำนวน ๑,๔๕๗ อัตรา ได้แก่ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (กรมอุตุนิยมวิทยา) จำนวน ๑๒๖ อัตรา กระทรวงพาณิชย์ (กรมทรัพย์สินทางปัญญา) จำนวน ๑๒๐ อัตรา กระทรวงมหาดไทย (กรมที่ดิน) จำนวน ๙๗๑ อัตรา สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ) จำนวน ๔๘ อัตรา สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน ๘ อัตรา และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จำนวน ๑๘๔ อัตรา โดยไม่ให้นำตำแหน่งที่ได้รับการจัดสรรไปยุบเลิกเพื่อปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งเป็นระดับสูงขึ้น ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ และครั้งที่ ๒/๒๕๕๙ วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ส่วนงบประมาณดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้หน่วยงานปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ๒. รับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ เกี่ยวกับอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน จำนวน ๒๒๑ อัตรา เป็นเงิน ๗๑,๑๕๓,๑๖๐ บาทต่อปี และให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเพิ่มอัตรากำลังข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) ให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วนด้วย |
|||||||||||||||||||||
578 | การขอเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การครองยศตามโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล | ตช | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้แก้ไขปรับปรุงระยะเวลาการครองยศของผู้เข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล จากเดิม “การนับจำนวนปีการครองยศเพื่อสิทธิประโยชน์สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการนับเต็มปี (วันชนวัน) เว้นแต่ในปีแรกของการครองยศปัจจุบันถึง ๑ ตุลาคมของปีนั้นมีระยะเวลาครองยศ ไม่น้อยกว่า ๘ เดือน ให้นับเป็น ๑ ปี” เป็น “การนับจำนวนปีการครองยศเพื่อสิทธิประโยชน์สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการในปีแรกที่ได้รับการแต่งตั้งในวาระการแต่งตั้งประจำปี ไม่ว่าคำสั่งนั้นมีผลใช้บังคับเมื่อใดให้นับระยะเวลาการครองยศปัจจุบันถึง ๑ ตุลาคมของปีนั้น เป็น ๑ ปี ส่วนการแต่งตั้งนอกวาระประจำปีให้นับระยะเวลาการครองยศปัจจุบันถึง ๑ ตุลาคมไม่น้อยกว่า ๘ เดือน เป็น ๑ ปี” ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่โครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล รุ่นที่ ๑๖ (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามมติคณะกรรมการข้าราชการตำรวจในการประชุมครั้งที่ ๑๘/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
579 | การดำเนินการให้เอกชนเข้าร่วมงานตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - บางซื่อ (งานสัญญาที่ 5) | คค | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรายงานผลการดำเนินการให้เอกชนเข้าร่วมงานตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางซื่อ (งานสัญญาที่ ๕) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ [เรื่อง ขออนุมัติผลการเจรจาต่อรองกับ BEM สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางซื่อ (งานสัญญาที่ ๕)] เกี่ยวกับผลการเจรจาระหว่างคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนลงทุนงานระบบไฟฟ้าและรับจ้างดำเนินกิจการโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางซื่อ (งานสัญญาที่ ๕) กับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) และข้อเสนอแนะของที่ปรึกษา BBML รวมทั้งการปรับปรุงและยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางซื่อ ๒. รับทราบผลการเจรจาของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนลงทุนฯ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ ได้ข้อสรุปได้ว่า BEM ไม่สามารถลงทุนดำเนินงานช่วงเตาปูน-บางซื่อ (๑ สถานี) จนถึง พ.ศ. ๒๕๗๒ ได้ เพราะการลงทุนดำเนินงานเพียงช่วง ๑ สถานีมีรายได้ไม่เพียงพอกับต้นทุนการดำเนินงาน ทำให้เกิดการขาดทุนในการดำเนินงานเป็นอย่างมาก และหากรัฐเป็นผู้ลงทุนจ้าง BEM ดำเนินงานในรูปแบบ PPP-Gross Cost ก็จะเป็นภาระทางการเงินต่อรัฐอย่างมาก ๓. เห็นชอบให้ยุติการดำเนินการคัดเลือกเอกชนลงทุนงานระบบรถไฟฟ้าและรับจ้างดำเนินการกิจการโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางซื่อ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ และให้ดำเนินการเดินรถช่วงเตาปูน-บางซื่อ รวมอยู่ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ตามมติคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (คณะกรรมการ รฟม.) เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๙ โดยให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เร่งรัดดำเนินการช่วงบางซื่อ-เตาปูน เพื่อให้เชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้โดยสารเป็นลำดับแรกก่อน ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม และ รฟม. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการดำเนินการช่วงบางซื่อ-เตาปูน เพื่อให้เชื่อมต่อได้กับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งเร่งรัดทำบัตรโดยสารร่วม (Common Ticket) และอัตราค่าโดยสารร่วม (Common Fare) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และกำหนดเป็นเงื่อนไขให้เอกชนที่จะเป็นผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายและโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนเส้นทางอื่น ๆ ในอนาคตจะต้องใช้บัตรโดยสารร่วมและอัตราค่าโดยสารร่วมดังกล่าวในการให้บริการประชาชน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. เห็นชอบให้ปรับปรุงและยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวกับการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางซื่อ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการ รฟม. ได้แก่ ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ และวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๖ และยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ วันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๙ และวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ ตามข้อเสนอของกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอเพิ่มเติม ๕. ให้คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐและคณะกรรมการตามมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ เร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เพื่อให้สามารถคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ เพื่อดำเนินงานเดินรถให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ ในขั้นตอนการดำเนินการให้ระมัดระวังเรื่องการเอื้อประโยชน์ต่อเอกชนรายใดรายหนึ่ง รวมทั้งคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศเป็นหลักในการพิจารณา ๖. ให้กระทรวงคมนาคม และ รฟม. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการพิจารณาหาข้อยุติเกี่ยวกับแผนการอำนวยความสะดวกในช่วงระยะเวลาที่ยังไม่สามารถให้บริการเดินรถไฟฟ้าได้ให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน และต้องสามารถเปิดให้บริการตามแผนการอำนวยความสะดวกได้ก่อนที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน จะเปิดให้บริการ (มีกำหนดเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๙) |
|||||||||||||||||||||
580 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2559 | กค | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๙ และมอบหมายผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่าง ๆ ดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจดังกล่าวต่อไป สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงานตามแผนการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๗ แห่ง ในช่วง ๑ ปีที่ผ่านมา ได้แก่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) รวมถึงการประเมินผลการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจครั้งที่ ๑ (ณ สิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๘) และมอบหมายให้รัฐวิสาหกิจ กระทรวงเจ้าสังกัด และกระทรวงการคลัง ดำเนินการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหา รวมถึงกำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายสำหรับการประเมินผลในครั้งที่ ๒ (ณ สิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๙) ๑.๒ เห็นชอบในหลักการและแนวทางการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ที่ได้มีการปรับปรุงแก้ไขตามความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนจากการสัมมนารับฟังความเห็นเกี่ยวกับกฎหมาย และมอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๓ เห็นชอบหลักการการคงอยู่ของบริษัทในเครือที่มีการดำเนินการสอดคล้องกับภารกิจตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ และบริษัทในเครือที่จัดตั้งขึ้นตามความจำเป็นต่อการดำเนินภารกิจเฉพาะตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ โดยหากบริษัทในเครือใดมีผลประกอบการขาดทุน ให้รัฐวิสาหกิจร่วมกับบริษัทในเครือจัดทำแผนแก้ไขปัญหาโดยเร็ว รวมทั้งเห็นชอบการยุบเลิกหรือถอนการลงทุนบริษัทในเครือที่มิได้ดำเนินการสอดคล้องกับภารกิจตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ ๑.๔ เห็นชอบในหลักการให้นำค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการของขวัญปีใหม่ ๒๕๕๙ ให้แก่ประชาชน ของธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารอาคารสงเคราะห์ บวกกลับกำไรสุทธิเพื่อการคำนวณโบนัสพนักงานรัฐวิสาหกิจในปีที่เกิดค่าใช้จ่ายขึ้นจริง ๑.๕ รับทราบความคืบหน้าการปรับปรุงและเพิ่มเติมข้อมูลที่เปิดเผยของโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ ๒๕๕๔-๒๕๖๐) ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) เพื่อแก้ไขปัญหาธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ควรมีมาตรการที่เป็นรูปธรรมและชัดเจนในการเตรียมการแก้ไขปัญหาและรับมือกับสถานการณ์หรือการป้องกันการบริหารหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ สำหรับการดำเนินการเพื่อรองรับร่างพระราชบัญญัติการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐ พ.ศ. .... ควรเตรียมการจัดทำแผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจและหลักเกณฑ์การประเมินผลบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ส่วนกรณีขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ นั้น ให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพพิจารณาจัดทำแผนปรับปรุงการบริหารจัดการและบริการระบบขนส่งมวลชนเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และเพิ่มรายได้จากการบริการ รวมทั้งเร่งรัดการแก้ไขปัญหาอุปสรรคและปรับปรุงระบบการบริหารการเงินให้เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
.....