ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 30 จากทั้งหมด 252 หน้า แสดงรายการที่ 581 - 600 จากข้อมูลทั้งหมด 5030 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
581 | การแก้ไขปัญหาการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด | ทส | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบร่างคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ .../๒๕๕๙ เรื่อง มอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการแก้ไขคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๖/๒๕๕๓ โดยแก้ไขนิยามคำว่า “สัตว์น้ำ” หมายความว่า สัตว์น้ำมาตรา ๔ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. ๒๔๙๐ เป็น “สัตว์น้ำ” หมายความว่า สัตว์น้ำที่กำหนดนิยามไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการประมง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสัตว์น้ำในอนาคต และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด เกี่ยวกับการระงับความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืดโดยด่วนต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการเร่งดำเนินการศึกษาแผนแม่บทการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศให้แล้วเสร็จควบคู่กับการศึกษาผลกระทบของการเลี้ยงสัตว์น้ำด้วยระบบปิดที่มีต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่น้ำจืดในภูมิภาคต่าง ๆ และศึกษาการกำหนดเขตพื้นที่น้ำจืดใหม่ที่ชัดเจนโดยละเอียด รวมทั้งการเร่งพิจารณาและกำหนดกรอบระยะเวลาในการจัดทำและประกาศใช้แผนแม่บทการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศ การจัดเตรียมแนวทางและความพร้อมในการชี้แจงความจำเป็นในการเร่งปรับระบบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืดให้มีความยั่งยืนและการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งขาวในเบื้องต้นอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม และการพิจารณาถึงความจำเป็นและเหมาะสมในการผ่อนผันให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งขาวที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมประมงภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
582 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 งบกลาง เพิ่มเติม (โครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ) | กห | 26/04/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป จำนวน ๖๒๕,๙๕๗,๒๐๐ บาท ให้กองทัพบก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๘๔ โครงการ ต่อไป ตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
583 | ขอให้คณะรัฐมนตรีสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูล | ปช | 12/04/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) เสนอขอให้คณะรัฐมนตรีสั่งการให้หัวหน้าหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินส่งข้อมูลหรือคำสั่งทางราชการในการบริหารบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีดังกล่าว ให้ สำนักงาน ป.ป.ช. ทราบทุกครั้งที่มีการแต่งตั้ง โยกย้าย สับเปลี่ยนตำแหน่ง ออกจากราชการ และเกษียณอายุราชการ และแจ้งให้ผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินยื่นบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินให้สำนักงาน ป.ป.ช. ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ตามมติคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ในการประชุมครั้งที่ ๗๒๕-๙๗/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ และครั้งที่ ๗๓๔-๐๘/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๙ ๒. ให้หัวหน้าหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของผู้ดำรงตำแหน่งการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินให้ความร่วมมือในการดำเนินการตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ครั้งที่ ๗๒๕-๙๗/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ และครั้งที่ ๗๓๔-๐๘/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๙ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
584 | มติคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ 1/2559 และการดำเนินการตามมติคณะกรรมการฯ | ทก | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ และการดำเนินการตามมติคณะกรรมการฯ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ฉบับประกาศทั่วไป เล่ม ..... ตอนพิเศษ ..... การดำเนินการคืนคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz ขนาดความกว้างแถบคลื่นความถี่ 4.8 MHz ของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และการขอปรับปรุงการใช้คลื่นความถี่ย่าน 2300 MHz ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) รวมทั้งความก้าวหน้ากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ ๘ ฉบับ ๒. ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการ (ร่าง) แผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะจากที่ประชุมแล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป และเห็นชอบ (ร่าง) แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑) (Digital Government Development Plan) โดยให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้และความเหมาะสมการพัฒนาศูนย์ข้อมูลในประเทศ (Data Center) เพื่อนำเสนอแนวทางในการบริหารจัดการ และการพัฒนาศูนย์ข้อมูลและบริการกลางภาครัฐในรายละเอียดต่อไป และให้ประสานงานกับสำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการในการบูรณาการศูนย์ข้อมูลบริการภาครัฐ รวมทั้งเห็นชอบรายละเอียดการดำเนินการโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เช่น การขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็น ASEAN Digital Hub ๓. กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้จัดให้มีการประชุมการชี้แจงสาระสำคัญและรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) แผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ สำหรับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียจากภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม และประชาชนทั่วไป และเมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ สำหรับผู้บริหารของหน่วยงานภาครัฐ พร้อมทั้งได้รับความคิดเห็นเพิ่มเติมจากหนังสือราชการ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ และความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ www.digitalthailand.in.th ซึ่งกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้นำข้อคิดเห็นดังกล่าวมาพิจารณาประกอบการปรับปรุง (ร่าง) แผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
585 | ขอให้คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติในการออกเสียงประชามติ | ลต | 05/04/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางปฏิบัติในการออกเสียงประชามติตามมติคณะกรรมการการเลือกตั้ง ครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๙ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้กระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐถือปฏิบัติต่อไป ดังนี้
๑. สั่งข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ และลูกจ้าง รวมทั้งขอความร่วมมือกลุ่มอาสาสมัครหรือกลุ่มเครือข่ายต่าง ๆ ในสังกัดทุกประเภท และทุกระดับ ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือ และสนับสนุนในการดำเนินการออกเสียงประชามติ รวมทั้งการจัดบุคลากรทำหน้าที่เกี่ยวกับการออกเสียงประชามติเพี่อให้เกิดความถูกต้อง โปร่งใส และดำเนินการอื่นใดที่จำเป็น เมื่อเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโดยตรงหรือคณะกรรมการการเลือกตั้งร้องขอ โดยให้ถือเป็นงานในหน้าที่ของข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ และลูกจ้างนั้น ๆ ด้วย ๒. ให้ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ และลูกจ้างในสังกัดทุกประเภท และทุกระดับ ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น วางตัวเป็นกลางในการออกเสียงประชามติอย่างเคร่งครัด ไม่ปฏิบัติการใด ๆ ในลักษณะเป็นการชี้นำให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไปลงคะแนนออกเสียงเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ ๓. ให้ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ และลูกจ้างในสังกัดทุกประเภท และทุกระดับ ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติให้เป็นตัวอย่างแก่ประชาชนทั่วไป และให้คำแนะนำ ชักชวนบุคคลผู้มีสิทธิในครอบครัว ญาติ และมิตรสหาย ไปใช้สิทธิออกเสียงโดยพร้อมเพรียงกัน รวมทั้งให้ทุกหน่วยงานอำนวยความสะดวกแก่ผู้มีสิทธิออกเสียงในสังกัดในการไปใช้สิทธิออกเสียงด้วย ๔. ให้การสนับสนุนสถานที่เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการจัดการออกเสียงประชามติ ๕. ให้กระทรวงแรงงานกำหนดแนวทางหรือมาตรการการดำเนินงานที่มีความชัดเจนและมีผลในทางปฏิบัติระหว่างกระทรวงแรงงานกับภาคเอกชนต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้แรงงาน และลูกจ้างสามารถไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติได้ โดยไม่ถือเป็นวันลาหรือวันหยุด อีกทั้งเพื่อมิให้มีผลกระทบต่อภาคเอกชน ๖. ให้หน่วยงานด้านสื่อต่าง ๆ ของรัฐ ทั้งสื่อวิทยุ และโทรทัศน์ เผยแพร่ข่าวสารการออกเสียงประชามติอย่างต่อเนื่อง และทั่วถึง เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนไปใช้สิทธิออกเสียงให้มากที่สุด ๗. ให้หน่วยงานต่าง ๆ พิจารณาความเหมาะสมในการจัดให้มีการฝึกอบรม หรือประชุมสัมมนา โดยให้คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดกับการปฏิบัติงานในการออกเสียงประชามติ รวมทั้งการไปใช้สิทธิออกเสียงของบุคลากรในสังกัดเป็นสำคัญ ๘. ให้กระทรวงมหาดไทยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดทำและตรวจสอบทะเบียนราษฎร ดำเนินการสำรวจและตรวจสอบพร้อมทั้งดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในการปรับปรุงข้อมูลทะเบียนราษฎรในส่วนของผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริง และเป็นปัจจุบัน ทั้งนี้ เพื่อให้สถิติของผู้มาใช้สิทธิออกเสียงมีความสอดคล้อง และถูกต้องตามข้อเท็จจริง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
586 | การแต่งตั้งผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม) | อก | 29/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ตามมติคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๘ ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
587 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการให้สิทธิพิเศษแก่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ตั้งแต่ 10,000 ลิตรขึ้นไป กับส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจอื่น | กค | 22/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ที่กำหนดให้สิทธิพิเศษของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ ลิตรขึ้นไป ให้แก่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจอื่นนอกจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นประเภทไม่บังคับ เพื่อให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจอื่นนอกจาก กฟผ. มีทางเลือกในการจัดซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ ลิตรขึ้นไป และให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐถือปฏิบัติต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
588 | แต่งตั้งและกำหนดอัตราเงินเดือนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (นายธีธัช สุขสะอาด) | กษ | 15/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายธีธัช สุขสะอาด ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ ๑๑๓,๕๒๐ บาท ตามมติคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย ในคราวประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ และครั้งที่ ๖/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการแต่งตั้งผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทยในครั้งต่อไปให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
589 | ขอความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล) | คค | 01/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ตามมติคณะกรรมการบริหารกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ในการประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่นรวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
590 | สรุปมติที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก ครั้งที่ 1/2558 | คค | 01/03/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ ซึ่งที่ประชุมรับทราบองค์ประกอบ อำนาจหน้าที่ของ คจร. และการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน คจร. ผลการดำเนินงานของ คจร. ผลการดำเนินงานของอนุกรรมการภายใต้ คจร. ผลการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทด้านการขนส่งและจราจรในเมืองภูมิภาคจังหวัดลำปาง แนวทางการดำเนินการโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ในเมืองภูมิภาค ผลการดำเนินงานบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม และโครงข่ายทางหลวงและทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและทางพิเศษ รวมทั้งพิจารณาเกี่ยวกับการปรับปรุงคณะอนุกรรมการภายใต้ คจร. การดำเนินการโครงข่ายทางเชื่อมระหว่างทางยกระดับอุตราภิมุขและทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร การรายงานผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของการบริหารจัดการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ การขออนุมัติดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยมีนบุรี (สุวินทวงศ์) การแก้ไขกฎหมายทางด้านการจราจรเกี่ยวกับใบอนุญาตขับขี่และอายุการใช้งานของรถโดยสารสาธารณะ และโครงการที่จะส่งเสริมให้ประชาชนในเมืองออกไปอยู่นอกเมือง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
591 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2558 | ทก | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ ตามที่ประธานกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๓๔/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๘ ที่กำหนดให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ และรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ปฏิบัติหน้าที่รองประธานกรรมการ ๑.๒ รับทราบและเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับแนวคิดการดำเนินงานด้านดาวเทียมสื่อสารภาครัฐที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๑.๓ รับทราบการพิจารณาประเด็นข้อหารือที่สำนักงานกิจการอวกาศส่วนนอกแห่งสหประชาชาติ (UNOOSA) เพื่อขอทราบข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการด้านกฎหมายอวกาศของประเทศไทย รวม ๖ ประเด็น ซึ่งคณะอนุกรรมการพัฒนากฎหมายอวกาศภายใต้คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ พิจารณาแล้ว ๒ ประเด็น ได้แก่ คำจำกัดความและการกำหนดขอบเขตอวกาศส่วนนอกและลักษณะและการใช้วงโคจรค้างฟ้า (Geostationary orbit) และกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศด้านการสำรวจและการใช้อวกาศส่วนนอกในทางสันติ ๑.๔ พิจารณากรอบและแนวทางการเจรจาโครงการระบบดาวเทียวสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) และเห็นชอบและให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ดำเนินการจัดทำรายละเอียดเอกสารที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อ (๑) ให้ความเห็นชอบกรอบและแนวทางการเจรจา วิธีการจัดหาดาวเทียม ระยะเวลา ประโยชน์ที่จะได้รับของโครงการ THEOS-2 (๒) ให้คณะอนุกรรมการเจรจา และคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติพิจารณากลั่นกรองประเทศที่เหมาะสม เพื่อจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างประเทศ (MOU) (๓) ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบ และ (๔) รับทราบกรอบวงเงิน ๗,๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อการพัฒนาโครงการ THEOS-2 ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับกรณีของแหล่งเงินทุนในการดำเนินการจะต้องมีความครอบคลุม โดยคำนึงถึงความเหมาะสมของแหล่งเงินและกรอบวงเงิน ความประหยัด ความคุ้มค่า การมีส่วนร่วมของภาคเอกชน และการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ให้ถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งกรอบและแนวทางการเจรจาเพื่อการจัดหาระบบดาวเทียมที่ให้คณะอนุกรรมการเจรจาไปดำเนินการเจรจากับประเทศที่มีศักยภาพ เพื่อกลั่นกรองประเทศที่เหมาะสมและจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับหน่วยงานของรัฐต่างประเทศนั้น ควรกำหนดกรอบรายละเอียดของเนื้องาน (TOR) ของโครงการและวิธีการลงทุนให้ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำโครงการ THEOS-2 ไปพิจารณาให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับ (๑) การกำหนดหน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการ (๒) ขั้นตอน กระบวนการ วิธีการดำเนินโครงการ และวิธีการลงทุนของโครงการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และ (๓) ประโยชน์ที่จะได้รับ ความคุ้มค่า และผลตอบแทนจากการลงทุนของโครงการ ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินำข้อสรุปดังกล่าว เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
592 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2559 | นร | 23/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๙ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การเตรียมการเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง ปี ๒๕๕๙ ๑.๒ การวางแผนเพิ่มน้ำต้นทุนโครงการขนาดใหญ่หรือโครงการผันน้ำ ๑.๓ การจัดทำระบบการเก็บกักน้ำและการส่งน้ำควบคู่กับการดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง จำนวน ๓ โครงการ ๑.๔ การจัดการทรัพยากรน้ำที่เกี่ยวกับต่างประเทศ ๑.๕ ความตกลงรับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากธนาคารพัฒนาเอเชีย Community Based-Flood Risk Management and Response in the Chao Phraya Basin ๑.๖ ขอรับการสนับสนุนงบประมาณการดำเนินโครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ (โครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ ประจำปี ๒๕๕๙ ให้กับมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์) ๑.๗ ร่างข้อตกลงโครงการ Technical Assistance of Sewage Technology in Collaboration with Public and Private Sectors in Thailand ระหว่างองค์การจัดการน้ำเสียกับหน่วยงานระบายน้ำประเทศญี่ปุ่น ๒. ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และรับความเห็นของกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการเร่งรัดให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยบริหารโครงการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ภายในระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งเร่งดำเนินการเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้งในปี ๒๕๕๙ การจัดเตรียมแผนงาน/โครงการในระยะยาวรวมทั้งการจัดการน้ำที่เกี่ยวกับต่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ สำหรับแผนงาน/โครงการใดที่จะต้องขออนุมัติเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้หน่วยงานดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางการเสนอเรื่องงบประมาณต่อคณะรัฐมนตรี) ด้วย ๓. ให้คณะทำงานในระดับพื้นที่เร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ที่คาดว่าจะประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการจัดหาน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคให้เพียงพอ รวมทั้งดำเนินการให้การช่วยเหลือตามมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตามลำดับความสำคัญเร่งด่วน ๔. ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาการก่อสร้างแหล่งกักเก็บน้ำขนาดเล็กในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการอุปโภค เนื่องจากมีความเป็นไปได้ในการดำเนินการได้มากกว่าการก่อสร้างแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
593 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2558 และครั้งที่ 5/2558 | ทส | 09/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๖ เรื่อง ได้แก่ (๑) โครงการทางหลวงหมายเลข ๑๑๘ สายเชียงใหม่-เชียงราย ตอนอำเภอดอยสะเก็ด-บ้านแม่เจดีย์ ของกรมทางหลวง (๒) โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองตำมะลัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลตำมะลัง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ของกรมทางหลวงชนบท (๓) โครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าระดับแรงดัน ๑๑๕ กิโลโวลต์ ช่วงสถานีไฟฟ้าฮอด อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ถึงสถานีไฟฟ้าแม่สะเรียง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (๔) (ร่าง) กรอบทิศทางการสนับสนุนเงินกองทุนสิ่งแวดล้อมตามมาตรา ๒๓ (๔) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙ และ (ร่าง) ระเบียบคณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อม ว่าด้วยหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการขอจัดสรรและขอกู้ยืมเงินกองทุนสิ่งแวดล้อม ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ....) (๕) รายงานโครงการศึกษาการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment : SEA) ในพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และ (๖) แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๑.๒ มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๑ เรื่อง ได้แก่ โครงการระบบรถไฟทางคู่เพื่อการขนส่งและการจัดการโลจิสติกส์ (ระยะที่ ๑) แนวเส้นทางมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ๒. ให้ทุกส่วนราชการจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องเสนอรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่อคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อให้โครงการสำคัญต่าง ๆ สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
594 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2558 (ครั้งที่ 5) | พน | 02/02/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบนโยบายการกำหนดโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานเสนอ และมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจการรับซื้อไฟฟ้าโครงการน้ำเทิน และมอบหมายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยไปลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ร่วมกับผู้ลงทุน เมื่อผ่านการพิจารณาจากอัยการสูงสุดแล้ว และเห็นชอบในหลักการให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยสามารถปรับปรุงเงื่อนไขในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในชั้นการจัดทำร่างสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ จะต้องไม่กระทบต่ออัตราค่าไฟฟ้า ๓. เห็นชอบแนวทางการดำเนินการเพื่อขายไฟฟ้าให้กับประเทศเพื่อนบ้านผ่านการเชื่อมโยงระบบส่งไฟฟ้า ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเสนอ ๔. เห็นชอบตามความเห็นของกระทรวงพลังงานเกี่ยวกับการขยายระยะเวลากำหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์สำหรับการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) การประกาศรับข้อเสนอขอขายไฟฟ้า FiT แบบ Competitive Bidding การทบทวนปริมาณรับซื้อไฟฟ้ารายพื้นที่ใหม่ รวมทั้งการปรับปรุงการจัดลำดับความสำคัญการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานร่วมกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานสามารถพิจารณาปรับปรุงแนวทางการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนได้ตามความเหมาะสม ยกเว้นเฉพาะเรื่องอัตรารับซื้อไฟฟ้า FiT ที่หากจะมีการเปลี่ยนแปลงจะต้องนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ๕. เห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๔๙ (ครั้งที่ ๑๐๖) เมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๔๙ และเห็นชอบตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเสนอเกี่ยวกับการปรับปรุงการมอบอำนาจในการดำเนินคดีทางปกครอง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
595 | ขอความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (นายณรงค์ เขียดเดช) | คค | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายณรงค์ เขียดเดช ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ ๓๒๐,๐๐๐ บาท ตามมติคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ และเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่นรวมทั้งเงื่อนไขการจ้าง และการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
596 | การดำเนินการตามมติคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช | กษ | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการตามมติคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ในฐานะประธานกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้บริหารการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) กรอบเขตการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area : AFTA) กรอบการเจรจาการตกลงการค้า (Free Trade Agreement : FTA) และยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy : ACMECS) โดยผู้มีสิทธินำเข้า ๘ สมาคม ๑๒ บริษัท และให้ผู้มีสิทธินำเข้าให้การสนับสนุนและส่งเสริมการผลิตถั่วเหลืองภายในประเทศ โดยรับซื้อเมล็ดถั่วเหลืองที่ผลิตได้ภายในประเทศในราคาตามกลไกตลาด แต่ไม่ต่ำกว่าราคาขั้นต่ำตามชั้นคุณภาพ และให้ความร่วมมือรับซื้อเมล็ดถั่วเหลืองภายในประเทศและการใช้เมล็ดถั่วเหลืองนำเข้าตามนโยบาย เป็นลายลักษณ์อักษรกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ๒. เห็นชอบเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลเมล็ดถั่วเหลือง ปี ๒๕๕๘-๒๕๕๙ จากเดิม “พิจารณาผู้มีสิทธินำเข้าถั่วเหลืองรายใหม่ เป็น “พิจารณาผู้มีสิทธินำเข้าถั่วเหลืองรายใหม่และพิจารณาตัดสิทธิผู้มีสิทธินำเข้ารายเดิมในกรณีที่ทำผิดสัญญา” ๓. เห็นชอบใช้ร่างสัญญารับซื้อเมล็ดถั่วเหลืองในประเทศปี ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดได้ปรับแก้ไข โดยไม่ต้องวางหลักประกันสัญญา ๔. เปิดตลาดนำเข้าน้ำมันถั่วเหลือง มะพร้าว เนื้อมะพร้าวแห้ง น้ำมันมะพร้าว ปี ๒๕๕๙ ตามปริมาณและอัตราภาษีที่ผูกพัน ทุกกรอบการค้า โดยการบริหารการนำเข้าเช่นเดียวกับ WTO ๕. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไปทบทวนกรณีการนำผ่านเมล็ดถั่วเหลือง น้ำมันถั่วเหลือง มะพร้าวผลมะพร้าวฝอย เนื้อมะพร้าวแห้ง และน้ำมันมะพร้าว ตามพันธกรณีความตกลงระหว่างประเทศ และนำกลับมาเสนอคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชพิจารณาอีกครั้ง ๖. เห็นชอบให้กระทรวงการคลังดำเนินการเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้ากากถั่วเหลืองที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ให้เป็นไปตามกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ๗. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาส่งเสริมการผลิตถั่วเหลืองให้มีปริมาณเพิ่มขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
597 | สรุปมติ - ข้อสั่งการที่สำคัญในการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2558 | สลธ.คสช. | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปมติ-ข้อสั่งการที่สำคัญในการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ครั้งที่ ๗/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ โดยมีมติคณะกรรมการรับทราบผลการดำเนินงานเกี่ยวกับด้านการป้องกันการทุจริต ได้แก่ ด้านการปลูกจิตสำนึกและสร้างการรับรู้ การสำรวจผลสัมฤทธิ์จากการปฏิบัติตามมติและข้อสั่งการของคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ การขับเคลื่อนศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตระดับกระทรวง ด้านการประชาสัมพันธ์การต่อต้านการทุจริต ด้านความร่วมมือข้อตกลงคุณธรรม การเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล การดำเนินงานของภาคเอกชนและต่างชาติในการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการต่อต้านการ และมีข้อสั่งการและมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ตามที่คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมสรรพากร) กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
598 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการเหมืองแร่โพแทช | อก | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการเหมืองแร่โพแทช ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กระทรวงอุตสาหกรรมได้อนุญาตประทานบัตรการทำเหมืองแร่โพแทช จำนวน ๒ ราย ได้แก่ บริษัท เหมืองแร่โปแตชอาเซียน จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยคาลิ จำกัด โดยผ่านขั้นตอนที่ ๑ เป็นขั้นตอนการดำเนินการยื่นคำขอประทานบัตรในพื้นที่ และขั้นตอนที่ ๒ เป็นขั้นตอนการพิจารณาของกระทรวงอุตสาหกรรมผ่านคณะกรรมการชุดต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ยังคงเหลือขั้นตอนที่ ๓ เป็นขั้นตอนการตรวจเปิดการประกอบการ และอยู่ระหว่างการดำเนินการคำขอประทานบัตรทำเหมืองแร่โพแทช จำนวน ๑ ราย คือ บริษัท เอเชีย แปซิฟิค โปแตช คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งอยู่ในขั้นตอนที่ ๑ ๑.๒ กระทรวงอุตสาหกรรมได้ลงพื้นที่เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๘ และเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ ชี้แจงชาวบ้าน โดยเชิญผู้มีส่วนได้เสียเข้าร่วมประชุมหารือพร้อมผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งได้เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสียและผู้แทนจากทั้ง ๒ หน่วยงานดังกล่าวสอบถามรายละเอียดและข้อกังวล รวมถึงแนวทาง การแก้ไขปัญหา โดยมีเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการทำหน้าที่ตอบคำถาม ผลการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปด้วยดี และที่ประชุมเห็นด้วยกับโครงการพร้อมทั้งมีการรับรองรายงานการประชุมเรียบร้อยแล้ว ๑.๓ กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการจัดทำรายงานการศึกษาและประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์การพัฒนาเหมืองแร่โพแทช (Strategic Environmental Assessment : SEA) ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยได้ศึกษาในเชิงพื้นที่ครอบคลุม ๔ มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ผลการศึกษาสรุปได้ว่า การพัฒนาเหมืองแร่โพแทชต้องเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียอย่างแท้จริง อีกทั้งโครงการเหมืองแร่โพแทชทั้ง ๓ โครงการได้จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเรียบร้อยแล้ว ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการอนุญาตให้เปิดการทำเหมืองแร่โพแทช ควรจะต้องกำกับดูแลให้เป็นไปตามมาตรการที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอย่างเคร่งครัด และให้ความสำคัญในการสนับสนุนการใช้กองทุนสุขภาพ เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง ป้องกันและส่งเสริมสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ ให้เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันเกี่ยวกับการดำเนินกิจการและแผนการดำเนินกิจการระยะต่อไปของโครงการเหมืองแร่โพแทชเป็นระยะ ทั้งกรณีโครงการที่ได้รับอนุญาตประทานบัตรแล้ว และอยู่ระหว่างการดำเนินการขออนุญาตประทานบัตร รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบ ควบคุม กำกับดูแลการดำเนินการทำเหมืองแร่โพแทชให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ผู้ประกอบการได้เสนอไว้เป็นเงื่อนไขแนบท้ายในประทานบัตร และเป็นไปตามมาตรการป้องกันและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยให้ความสำคัญในระดับสูงสุดในการให้การคุ้มครองสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ ตามมาตรา ๘๘/๑๒ และมาตรา ๘๘/๑๓ ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
599 | ขอขยายวงเงินชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2558/59 | พณ | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการอนุมัติวงเงินชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวเพิ่มเติม จำนวน ๒๐๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สำหรับงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า เมื่อรวมกับที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบไว้แล้วเมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๘ (๓๘๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ จะมีค่าใช้จ่ายเป็นเงินรวม ๕๘๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณคงเหลือของโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกเพิ่มขึ้น ที่กรมการค้าภายในเบิกจ่ายแทนสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ วงเงิน ๓๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับส่วนที่เหลือหากไม่เพียงพอหรือมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายจากงบประมาณเพิ่มเติม ก็ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว โดยให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำรายละเอียดและแผนการใช้จ่ายเงินงบกลางเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรติดตามและกำกับการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
600 | การสมทบงบประมาณโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | ทส | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการสมทบงบประมาณโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๖ แห่ง ปรับลดเงินสมทบงบประมาณจากร้อยละ ๑๐ เหลือร้อยละ ๕ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในโอกาสต่อไปหากมีการแก้ไขกฎหมายหรือมีการกำหนดมาตรการจัดเก็บรายได้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถจัดเก็บรายได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ก็เห็นควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการใช้จ่ายรายได้สมทบงบประมาณค่าก่อสร้างระบบการจัดการน้ำเสียและมูลฝอยชุมชนภายใต้หลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย และเห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมติดตามประเมินผลการดำเนินงาน ตลอดจนผลสัมฤทธิ์ของโครงการอย่างใกล้ชิด โดยผ่านกลไกคณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณสำหรับโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมระดับจังหวัดที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณปี ๒๕๕๙ เพื่อให้โครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....