ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 555 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 11081 - 11100 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11081 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการจัดทำ ปัก ติดตั้งป้ายจราจร เครื่องหมายจราจร หรือสัญญาณจราจร สำหรับการจราจรบนทางหลวง พ.ศ. .... | คค | 03/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดการจัดทำ ปัก ติดตั้งป้ายจราจร เครื่องหมายจราจร หรือสัญญาณจราจร สำหรับการจราจรบนทางหลวง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงรูปแบบ ความหมาย ลักษณะ และตัวอย่างของเครื่องหมายจราจร อุปกรณ์จราจร และสัญญาณจราจร ให้สอดคล้องกับประกาศคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก เรื่อง มาตรฐานเครื่องหมายจราจร ข้อกำหนดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง สัญญาณจราจร เครื่องหมายจราจรและความหมายของสัญญาณจราจร และเครื่องหมายจราจร และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควร (๑) ให้มีการจัดทำ ติดตั้งป้ายจราจร เครื่องหมายจราจร ที่เป็นภาษาอังกฤษสำหรับความเข้าใจของนักท่องเที่ยว (๒) การจัดทำและติดตั้งป้ายจราจร เครื่องหมายจราจร ควรมีความเป็นสากลและสอดคล้องกับความตกลงที่มีอยู่ภายใต้กรอบอาเซียน และ (๓) ให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนให้เกิดความรู้ความเข้าใจ และมีการกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการที่เหมาะสม รวมทั้งให้ความสำคัญกับการทบทวนตำแหน่งการติดตั้งป้ายจราจร ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11082 | การรับรองร่างปฏิญญาการเมืองในการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี สมัยที่ 64 | พม | 03/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาการเมืองในการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี สมัยที่ ๖๔ ซึ่งจะมีการรับรองในการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี สมัยที่ ๖๔ ระหว่างวันที่ ๙-๒๐ มีนาคม ๒๕๖๓ ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยร่างปฏิญญาการเมืองฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศภาคีสมาชิกในการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศและการเสริมพลังของสตรีและเด็กหญิง การเน้นความเชื่อมโยงระหว่างการนำปฏิญญาปักกิ่งและแผนปฏิบัติการเพื่อความก้าวหน้าของสตรี (Beijing Declaration and Platform for Action) และวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนไปปฏิบัติร่วมกับการดำเนินการตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (Convention on the Elimination of All Forms of Discrimination against Women : CEDAW) การย้ำความรับผิดชอบหลักของคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานสภาพสตรีในการเป็นกลไกหลักในการติดตามผลการประชุมระดับโลกว่าด้วยเรื่องสตรี และปฏิญญาปักกิ่งและแผนปฏิบัติการเพื่อความก้าวหน้าของสตรี รวมทั้งการผลักดันและติดตามให้เกิดความเท่าเทียมระหว่างเพศในระบบสหประชาชาติ และย้ำความมุ่งมั่นที่จะทำให้เกิดความเท่าเทียมระหว่างเพศภายใน ค.ศ. ๒๐๓๐ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาการเมืองฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. เห็นชอบให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ให้การรับรองร่างปฏิญญาการเมืองฯ แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ชี้แจงเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11083 | การขอความเห็นชอบต่อร่างหนังสือตราสารการโอนกรรมสิทธิ์ (Deed of Grant) เรือลาดตระเวนฉบับใหม่ ระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส. และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเมียนมา | ยธ | 03/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11084 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ) | พน | 03/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11085 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายนิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์) | อก | 03/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายนิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงอุตสาหกรรม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11086 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข | สธ | 03/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข โดยมีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ มีนาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11087 | ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ | สผ | 03/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา ๑๕๑ ของรัฐธรรมนูญ เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ซึ่งลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้ง ๖ คน ด้วยคะแนนเสียงไม่มากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร จึงถือว่ารัฐมนตรีทั้ง ๖ คน ได้รับความไว้วางใจจากสภาผู้แทนราษฎร ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11088 | การเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | สธ | 03/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11089 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร07 | 03/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้หน่วยงานรับงบประมาณ ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณใหม่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๑,๔๗๐ รายการ เป็นวงเงินภาระผูกพันรวมทั้งสิ้น ๓๐๗,๖๐๒.๒ ล้านบาท สำหรับรายการที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๔๓ รายการ วงเงิน ๑๑๑,๒๒๕.๐ ล้านบาท เมื่อทราบผลประกวดราคาแล้ว เห็นสมควรให้หน่วยรับงบประมาณนำเสนอนายกรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่งก่อนดำเนินการต่อไป ๑.๒ อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามที่เสนอได้ ๑.๓ รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่จะต้องจ่ายในรูปของเงินตราต่างประเทศ เช่น รายการค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าอาคารสำนักงาน และค่าเช่าทรัพย์สินในต่างประเทศ ฯลฯ ให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติวงเงินผูกพันที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้รับอนุมัติเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน ในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณสามารถปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง ๑.๔ ให้หน่วยรับงบประมาณเร่งรัดดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ โดยให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลและเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๓ เรื่อง มาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11090 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าวัสดุอุปกรณ์ในการจัดทำหน้ากากอนามัยในการดำเนินโครงการพลังคนไทยร่วมใจป้องกันไวรัสโคโรนา (COVID - 19) | มท | 03/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบการจัดทำโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้ในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และการจัดทำหน้ากากอนามัยเพื่อการป้องกันตนเอง ๑.๒ อนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงินงบประมาณ ๒๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับเป็นค่าวัสดุอุปกรณ์ในการจัดทำหน้ากากอนามัยในโครงการพลังคนไทยร่วมใจป้องกันไวรัสโคโรนา (COVID-19) โดยการจัดสรรเป็นเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๗,๗๗๔ แห่ง (เทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล) ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11091 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะการระบาดในวงจำกัด (ระยะที่ 2) | สธ | 03/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบโครงการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะระบาดในวงจำกัด (ระยะที่ ๒) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๑.๒ อนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ๑,๒๓๓,๒๗๒,๙๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11092 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 03/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๓ นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งรัดดำเนินการป้องกัน ควบคุม แก้ไขปัญหา และบรรเทาผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ดังต่อไปนี้
ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๑. ด้านการป้องกันโรค/สุขภาพ ๑.๑ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) อย่างเคร่งครัด และหากมีความจำเป็น ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐสามารถกำหนดมาตรการภายในได้ตามความเหมาะสมต่อไป ๑.๒ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐระงับหรือเลื่อนการเดินทางไปศึกษา ดูงาน ฝึกอบรม หรือประชุม ในประเทศที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และประเทศเฝ้าระวัง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยในส่วนของการดูงานหรือฝึกอบรม ให้พิจารณาเปลี่ยนแปลงงบประมาณเป็นการดูงาน หรือฝึกอบรมภายในประเทศแทน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เว้นแต่กรณีมีความจำเป็นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ต้องได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรจากหัวหน้าส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังพิจารณากำหนดมาตรการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีผลกระทบต่อเอกชนคู่สัญญาในการระงับหรือเลื่อนการเดินทางไปศึกษา ดูงาน ฝึกอบรม หรือประชุมน้อยที่สุด ๑.๓ ให้เจ้าหน้าที่ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เดินทางกลับมาจาก หรือเดินทางผ่าน หรือมีเส้นทางแวะผ่าน (Transit/Transfer) ประเทศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และจำเป็นต้องสังเกตอาการ อยู่ปฏิบัติงานภายในที่พักเป็นเวลา ๑๔ วัน โดยไม่ถือเป็นวันลา ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับให้ข้าราชการปฏิบัติงานภายในที่พักตามแนวทางดังกล่าวข้างต้นได้ โดยให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ๑.๔ ให้ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการคัดกรองประชาชนที่เดินทางกลับมาจาก หรือเดินทางผ่าน หรือมีเส้นทางแวะผ่าน (Transit/Transfer) ประเทศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) อย่างเคร่งครัด และปฏิบัติตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนด ในกรณีที่มีความจำเป็นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการขนส่งประชาชนกลุ่มดังกล่าวกลับภูมิลำเนาหรือไปยังสถานพยาบาลอย่างเหมาะสม และการกำกับดูแล การกักกันตนเอง ณ ที่พักอาศัย โดยให้มีการบูรณาการการดำเนินงานระหว่างชุมชน จิตอาสา อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และสถานพยาบาลในพื้นที่ในการติดตาม เฝ้าระวัง ตรวจสอบ และป้องกันอย่างใกล้ชิด ๑.๕ ให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินมาตรการคัดกรองผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยาน ท่าเรือ สถานีรถไฟ สถานีรถไฟฟ้า สถานีขนส่งผู้โดยสาร และท่ารถอย่างเคร่งครัด ๑.๖ ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกลาโหมจัดเตรียมสถานที่/พื้นที่สำหรับสังเกตอาการในกรณีที่พบว่าผู้เดินทางเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตราย โรคระบาด หรือพาหะนำโรคตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ๑.๗ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการภาคเอกชนหลีกเลี่ยงหรือเลื่อนการจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของประชาชนเป็นจำนวนมาก และอาจมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโดยไม่จำเป็น เช่น การแข่งขันกีฬา การจัดคอนเสิร์ต และการจัดมหรสพ เว้นแต่ในกรณีที่ผู้ประกอบการภาคเอกชนมีความจำเป็นต้องจัดกิจกรรมโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ให้ดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด ในกรณีที่เป็นกิจกรรมที่ต้องขออนุญาตจากส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เป็นผู้มีอำนาจอนุญาตพิจารณาความเหมาะสมของการจัดกิจกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมที่มีการรวมตัวของประชาชนจำนวนมาก ให้พิจารณาอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความเสี่ยงต่อสาธารณชนโดยรวมต่อการแพร่ระบาดของโรคเป็นสำคัญ ๑.๘ ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกันพิจารณาปริมาณความต้องการของสินค้าที่จำเป็นต่อการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) เช่น หน้ากากอนามัย และน้ำยาฆ่าเชื้อหรือเจลฆ่าเชื้อและจัดหาให้เพียงพอกับความต้องการดังกล่าวในแต่ละช่วงเวลา โดยควรจัดลำดับความสำคัญในการกระจายสินค้าที่จำเป็นดังกล่าวตามระดับความเสี่ยงของบุคคล หน่วยงาน และสถานที่ เช่น สถานพยาบาลทั้งภาครัฐและภาคเอกชน กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และประชาชนทั่วไป ๑.๙ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการป้องกันการกักตุนและควบคุมราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) เช่น หน้ากากอนามัย และน้ำยาฆ่าเชื้อหรือเจลฆ่าเชื้ออย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ให้ครอบคลุมถึงช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ด้วย ๑.๑๐ ในกรณีกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความจำเป็นต้องจัดหาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นเพิ่มเติม ให้ประสานสำนักงบประมาณ เพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อให้มีเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับดำเนินการอย่างเพียงพอ ๑.๑๑ ให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงแรงงานติดตามและดูแลคนไทยที่พำนักอยู่ในประเทศที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และประเทศเฝ้าระวัง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างใกล้ชิด ๑.๑๒ ให้คณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติมีการประชุมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรับทราบสถานการณ์และข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งพิจารณาตัดสินใจกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาให้ทันต่อสถานการณ์ ๑.๑๓ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจัดให้มีศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ขึ้น ณ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อบูรณาการข้อมูลจากทุกส่วนราชการ รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน และสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องให้แก่สาธารณชน โดยเฉพาะในส่วนของมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ในทุกมิติ รวมถึงจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ให้เข้าถึงทุกกลุ่ม เพื่อสร้างการรับรู้ ตระหนัก และขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยเฉพาะขั้นตอนการเฝ้าระวังและการป้องกัน ๑.๑๔ ให้กระทรวงสาธารณสุขดูแลบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องในด้านต่าง ๆ อย่างเหมาะสม และจัดให้มีสวัสดิการพิเศษเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง และครอบครัว ๑.๑๕ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีพิจารณาจัดตั้งกองทุนสนับสนุนการดำเนินการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) เพื่อสนับสนุนการจัดหาสินค้าที่จำเป็นต่อการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) เช่น หน้ากากอนามัย และน้ำยาฆ่าเชื้อหรือเจลฆ่าเชื้อ ดูแลบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องในด้านต่าง ๆ อย่างเหมาะสม และการดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยคณะรัฐมนตรีจะสมทบเงินเข้ากองทุนดังกล่าวเป็นทุนประเดิม ๑.๑๖ ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุขบูรณาการและเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) เพื่อรองรับการดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ หากมีความจำเป็น ๒. ด้านการบรรเทาผลกระทบที่เกี่ยวข้อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนดมาตรการบรรเทาผลกระทบและกระตุ้นเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) โดยครอบคลุมด้านต่าง ๆ ได้แก่ มาตรการทางภาษี มาตรการด้านสินเชื่อและพักชำระหนี้ มาตรการด้านงบประมาณ มาตรการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุน มาตรการการจ้างงานและพัฒนาทักษะ และมาตรการด้านสินค้าเกษตรและสินค้าอื่นในชุมชน เพื่อเสนอคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจพิจารณาโดยเร็ว ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป รวมทั้งให้ข้อมูลและสื่อสารกับสาธารณชน เพื่อให้เกิดเอกภาพและสร้างความมั่นใจให้แก่สาธารณชน ผ่านศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ที่จะได้มีการจัดตั้งขึ้น ณ ทำเนียบรัฐบาล ในการดำเนินมาตรการบรรเทาผลกระทบและกระตุ้นเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11093 | การแก้ไขปรับปรุุงบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 301 ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้กระทรวงสาธรณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันดำเนินการแก้ไขปรับปรุงประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๑ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ ๔/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ เพื่อดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสามร้อยหกสิบวับนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย โดยให้รับฟังความคิดเห็นของบุคลากรทางการแพทย์และดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๗๗ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11094 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2562 | ทส | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ ๖/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๒ ซึ่งได้พิจารณาเรื่องเชิงนโยบายที่สำคัญและได้ข้อยุติแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กก.วล. มีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในภาพรวม (รายงานสถานการณ์) โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีข้อเสนอแนะต่อ กก.วล. เช่น ควรระบุหน่วยงานอนุญาตและขั้นตอนการเสนอรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) ให้สอดคล้องกับขั้นตอนการอนุญาตตามกฎหมายของหน่วยงานอนุญาต พร้อมทั้งพัฒนาระบบ Smart EIA ให้เชื่อมโยงกับระบบฐานข้อมูลของหน่วยงานอนุญาต เพื่อให้สามารถใช้งานระบบฐานข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เป็นต้น ๒. กก.วล. มีมติรับทราบนโยบายและแผนการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๘๐ และแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๕ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๓. กก.วล. มีมติเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่อรายงาน EIA จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน หารายได้ จังหวัดภูเก็ต (เทพกระษัตรี ๒ และ ๓) ของการเคหะแห่งชาติ และ (๒) โครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้า ๕๐๐ กิโลโวลต์ สุราษฎร์ธานี ๒-ภูเก็ต ๓ (ส่วนที่พาดผ่านพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๔. กก.วล. มีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง คณะกรรมการเปรียบเทียบและวิธีพิจารณาของคณะกรรมการเปรียบเทียบตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยมีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแต่งตั้งคณะกรรมการเปรียบเทียบในเขตกรุงเทพมหานครและในส่วนภูมิภาคตามความเหมาะสม และ (๒) การเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการเปรียบเทียบ ๕. กก.วล. มีมติเห็นชอบตามความเห็นของคณะอนุกรรมการกำกับการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ โดยเห็นชอบแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ รวม ๔๒ จังหวัด และเห็นชอบโครงการภายใต้แผนดังกล่าว จำนวน ๗ โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๑๖๐,๒๔๕,๑๐๐ บาท ซี่งเป็นการก่อสร้างหรือดำเนินการเพื่อให้มีระบบบำบัดน้ำเสียรวม ๖. กก.วล. มีมติเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง การยกเลิกประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๕๘) เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการในการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอุตสาหกรรมและระบบสาธารณูปโภคที่สนับสนุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยมีเหตุผลของการยกเลิก เนื่องจากในระยะที่ผ่านมามีรายงาน EIA ด้านอุตสาหกรรมและระบบสาธารณูปโภคที่สนับสนุนในพื้นที่ดังกล่าวเพียง ๓ โครงการ ประกอบกับปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จึงทำให้ไม่มีการนำเสนอรายงาน EIA ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง ๑๐ จังหวัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11095 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมสำหรับความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระดับรัฐมนตรี อย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 3 | คค | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมสำหรับความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระดับรัฐมนตรี อย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ กรุมพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายถาวร เสนเนียม) ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง “ระยะแรก” (Memorandum of Understanding on the ‘Early Harvest’ Implementation of the Greater Mekong Subregion Cross-Border Transport Facilitation Agreement) ของแต่ละประเทศสมาชิกลุ่มแม่น้ำโขง และสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกดำเนินการออกใบอนุญาตการขนส่งทางถนน “ระยะแรก” (Permit) และเอกสารนำเข้าชั่วคราว (TAD) ให้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งให้การยอมรับใบอนุญาตการขนส่งทางถนนระหว่างกันโดยเร็ว ๒. ที่ประชุมรับทราบว่าที่ประชุมคณะอนุกรรมการด้านศุลกากร (Customs Sub-Committee) ครั้งที่ ๒ ได้ร่วมกันพิจารณารูปแบบของระบบศุลกากรผ่านแดน (Customs Transit System) สำหรับการดำเนินการภายใต้บันทึกความเข้าใจ “ระยะแรก” เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกด้านการดำเนินการพิธีศุลกากรผ่านแดนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเห็นชอบให้เจ้าหน้าที่อาวุโสของคณะกรรมการอำนวยความสะดวกการขนส่งแห่งชาติ (National Transport Facilitation Committee : NTFC) ร่วมกับธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) ร่างแนวทางและขั้นตอนสำหรับผู้ประกอบการขนส่งระหว่างประเทศภายใต้บันทึกความเข้าใจ “ระยะแรก” ให้สามารถเข้าถึงระบบศุลกากรผ่านแดนของประเทศสมาชิกได้ และมอบหมายให้ที่ประชุมคณะอนุกรรมการด้านศุลกากรพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดทำบันทึกความเข้าใจ ทั้งแบบทวิภาคีและพหุภาคีตามหลักการทางกฎหมายและเพื่อการเข้าถึงระบบศุลกากรผ่านแดนของแต่ละประเทศ และรายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการร่วมฯ ครั้งที่ ๘ ในปี ๒๕๖๓ ๓. ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการภายใต้บันทึกความเข้าใจในการเริ่มใช้ความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (The Initial Implementation of the Cross-Border Transport Agreement : IICBTA) ของประเทศสมาชิก และเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการสิ้นสุดของการมีผลบังคับใช้การดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจ IICBTA ออกไปอีก ๑ ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๓ เป็นจนถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ๔. ที่ประชุมรับทราบว่า ไทย เมียนมา และกัมพูชาได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเปิดเส้นทางการขนส่งระหว่างประเทศและจุดข้ามแดนเพิ่มเติม ภายใต้พิธีสาร ๑ ของความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion Cross-Border Transport Facilitation Agreement : CBTA) แล้ว และที่ประชุมขอให้ประเทศสมาชิกที่เหลือดำเนินกระบวนการภายในของตนให้แล้วเสร็จเพื่อให้สามารถลงนามได้ภายในวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๓ ๕. ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกันในการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกในด้านการค้า การลงทุน การเพิ่มจำนวนรถขนส่งสินค้าและรถขนส่งผู้โดยสาร ภายใต้บันทึกความเข้าใจ “ระยะแรก” และเห็นชอบให้ ADB จัดเวทีการหารือระหว่างรัฐมนตรีและภาคเอกชนเพื่อรับฟังความเห็นของภาคเอกชน ตลอดจนปัญหาอุปสรรคในการขนส่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11096 | รายงานผลการประชุมใหญ่ระดับโลกว่าด้วยวิทยุคมนาคม ค.ศ. 2019 (WRC - 19) | กสทช | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการประชุมใหญ่ระดับโลกว่าด้วยวิทยุคมนาคม ค.ศ. ๒๐๑๙ (World Radiocommunication Conference : WRC-19) ระหว่างวันที่ ๒๘ ตุลาคม-๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ เมืองชาร์ม อัค ซีค สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ โดยที่ประชุมฯ ได้พิจารณาท่าทีตามกลุ่มทำงานที่ทำการศึกษาตามวาระการประชุมฯ จำนวน ๖ กลุ่มทำงาน ได้แก่ (๑) กิจการเคลื่อนที่ทางบกและกิจการประจำที่ (๒) กิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลและการสื่อสารไร้สายความเร็วสูง (Mobile Broadband) อื่น ๆ (๓) กิจการดาวเทียม (๔) กิจการเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ (๕) กิจการวิทยุสมัครเล่น กิจการทางการบิน และกิจการทางทะเล และ (๖) ประเด็นทั่วไป (general issues) ได้แก่ ศึกษาหัวข้อการส่งกำลังไร้สาย (WPT) สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้า และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับกิจการวิทยุคมนาคม ศึกษาการกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อจำกัดการส่งขาขึ้นของอุปกรณ์สถานีดาวเทียมภาคพื้นโลกให้มีได้เพียงเฉพาะอุปกรณ์ที่ได้รับอนุญาตโดยถูกต้อง ตามที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11097 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ครั้งที่ 1/2562 | สพร. | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เสนอมติการประชุมคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ซึ่งที่ประชุมฯ ได้รับทราบและพิจารณาในประเด็นสำคัญต่าง ๆ ประกอบด้วย (๑) เรื่องเสนอเพื่อพิจารณา จำนวน ๓ เรื่อง ได้แก่ (ร่าง) แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เรื่อง ธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ และมาตรการต่าง ๆ ในโครงการนำร่องศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จของภาครัฐ (One-Stop Service) และ (๒) เรื่องเพื่อทราบ จำนวน ๒ เรื่อง ได้แก่ หลักการและสาระสำคัญของพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๒ และรายงานการขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลในช่วงที่ผ่านมา และสั่งการหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ๑.๑ ให้หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เรื่อง ธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ โดยระยะแรกมุ่งเน้นให้หน่วยงานระดับกระทรวง และการดำเนินการจัดทำธรรมาภิบาลข้อมูลภายในหน่วยงานให้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เรื่อง ธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ ภายใต้เป้าหมายการขับเคลื่อนประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓-๒๕๖๕ ๑.๒ ให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการระยะสั้นและระยะยาวของโครงการนำร่องศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จของภาครัฐ (One-Stop Service) ตามมติที่ประชุมฯ ๒. ให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. เช่น กำหนดระยะเวลาและตัวชี้วัดของการดำเนินการต่าง ๆ ให้ชัดเจน และประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนปฏิบัติการธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐทั้งระบบ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11098 | การกำหนดค่าตอบแทนคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และคณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจแต่งตั้ง | กค | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดค่าตอบแทนกรรมการในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และคณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจแต่งตั้ง โดยให้ได้รับค่าตอบแทนเป็นรายเดือนเฉพาะเดือนที่มาร่วมประชุม และให้ได้รับค่าตอบแทนตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจครบถ้วนเมื่อวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน หรือที่ได้รับจัดสรรตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11099 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำราชรัฐโมนาโก (นายเรฌี แบร์กอนซี) | กต | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเรฌี แบร์กอนซี (Mr. Regis Bergonzi) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำราชรัฐโมนาโก สืบแทน นายฌอง-โคลด มูรู (Mr. Jean-Claude Mourou) ซึ่งลาออกจากตำแหน่ง โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมราชรัฐโมนาโก ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11100 | รัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์ - เลสเตเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์ - เลสเตประจำประเทศไทย (นางสาวอาร์มังดีนา มารียา กุชเมา ดุช ซังตุช) | กต | 24/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวอาร์มังดีนา มารียา กุชเมา ดุช ซังตุช (Ms. Armandina Maria Gusmao dos Santos) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเตประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายโจอาคิม อามารัล (Mr. Joaquim Amaral) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
.....