ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 558 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 11141 - 11160 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11141 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การออกหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา สามารถยื่นคำขอรับหนังสือคนประจำเรือ เพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และทำงานกับนายจ้างในกิจการประมงทะเล รวม 2 ฉบับ | กษ | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างประกาศ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การออกหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนและการขอรับหนังสือคนประจำเรือสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่มีและไม่มีใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว และเพื่อขยายอายุหนังสือคนประจำเรือสำหรับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายดังกล่าว ซึ่งหนังสือเดินทางเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางหรือหนังสือรับรองสถานะบุคคล ซึ่งจะสิ้นอายุในวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๓ ออกไปอีก ๑ ปี ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา สามารถยื่นคำขอรับหนังสือคนประจำเรือ เพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และทำงานกับนายจ้างในกิจการประมงทะเล มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการอนุญาตให้คนต่างด้าวที่ได้รับหนังสือคนประจำเรือ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่ถือหนังสือเดินทาง เอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง หรือหนังสือรับรองสถานะบุคคล ให้สามารถอยู่ในราชอาณาจักรได้เป็นการชั่วคราวมีระยะเวลาไม่เกิน ๑ ปีตามอายุหนังสือคนประจำเรือ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการจัดทำแผนความต้องการแรงงานประมงร่วมกันระหว่างประเทศไทยและประเทศต้นทาง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการแรงงานประมงได้อย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ ตรงตามความต้องการ และทันเวลา และควรมีการจัดทำแผนสำรองเพื่อรองรับในกรณีประเทศต้นทางไม่สามารถจัดส่งแรงงานให้ได้ อาทิ การใช้เทคโนโลยีเพื่อทดแทนแรงงาน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11142 | ผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศ ณ สาธารณรัฐเกาหลี | คค | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศ ณ สาธารณรัฐเกาหลี เมื่อวันที่ ๒๑-๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมทวิภาคีระดับรัฐมนตรีด้านคมนาคมขนส่ง ระหว่างไทย-สาธารณรัฐเกาหลี ทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ ความสัมพันธ์ไทย-สาธารณรัฐเกาหลี ความสนใจในการลงทุนโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทย บันทึกความร่วมมือด้านการขนส่งทางถนน ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน และการขนส่ง (Ministry of Land, Infrastructure and Transport : MOLIT) แห่งสาธารณรัฐเกาหลี และการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับนานาชาติด้านการจราจรอัจฉริยะ (ITS World Congress) ในปี ๒๕๖๘ (ค.ศ. ๒๐๒๕) ณ สาธารณรัฐเกาหลี โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ รัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายได้ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือด้านการขนส่งทางถนนฯ ซึ่งมีสาระสำคัญเพื่อร่วมกันพัฒนาแผนงานและโครงการด้านการขนส่งทางถนนที่ฝ่ายไทยและฝ่ายเกาหลีมีความสนใจร่วมกัน ครอบคลุมถึงการแก้ไขปัญหาการจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง การบริหารจุดพักรถและพื้นที่เชิงพาณิชย์อย่างผสมผสาน และระบบขนส่งอัจฉริยะสำหรับการขนส่งทางถนน ๒. การศึกษาดูงาน เช่น (๑) การทดสอบรับแรงกระแทกของคอนกรีตแบริเออร์หุ้มยางพารา (Rubber Fender Barrier : RFB) ณ สถาบัน Korea Automobile Testing & Research Institute (KATRI) (๒) การบริหารจัดการศูนย์ควบคุมจราจร (Traffic Center) ภายใต้การบริหารจัดการโดยการทางพิเศษแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (Korea Expressway Corporation : KEC) หน่วยงานรัฐวิสาหกิจภายใต้ MOLIT (๓) ระบบจัดเก็บค่าผ่านทางพิเศษแบบ Hi-Pass Multi-Lane Free Flow (MLFF) และ (๔) การบริหารจัดการจุดพักรถ-พื้นที่เชิงพาณิชย์ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11143 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติ ครัวเรือนละ 5,000 บาท ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2562 วันที่ 7 ตุลาคม 2562 และวันที่ 3 ธันวาคม 2562 | มท | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติ ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๒ วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ และวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ จากเดิมกำหนดสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติ ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ โดยขยายระยะเวลาดำเนินการออกไปถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นวันที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายงบประมาณรายการนี้ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรดำเนินการขอขยายเวลาเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๓ เพื่อมิให้งบประมาณดังกล่าวต้องถูกพับไป และเมื่อใช้จ่ายงบประมาณบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้รับอนุมัติเงินจัดสรรแล้วมีงบประมาณเหลือจ่าย ให้แจ้งสำนักงบประมาณภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ทราบยอดเงินเหลือจ่ายเพื่อดำเนินการนำงบประมาณส่งคืน รวมถึงรายงานผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่แสดงถึงประโยชน์ที่จะได้รับต่อสำนักงบประมาณภายในสิบห้าวันนับแต่สิ้นไตรมาสและวันที่การใช้จ่ายงบประมาณแล้วเสร็จ ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11144 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2550 | วธ | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ จำนวน ๑๐ รูป/คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) ๒. นายสันติ เสือสมิง ๓. นายมาโนช แจ้งมุข ๔. พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ (ชวิน รังสิพราหมณกุล) ๕. นายกิตติพันธ์ ใจดี ๖. นายปรารพ เหล่าวานิช ๗. นายกล้า สมตระกูล (อายุ ๗๕ ปี) ๘. นายบัญชา พงษ์พานิช ๙. นายอภิชัย พันธเสน (อายุ ๗๗ ปี) ๑๐. นายเกริก มีมุ่งกิจ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11145 | รายงานประจำปีกองุทนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | กค | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ได้แก่ ข้อมูลทั่วไป ผลการดำเนินงานของกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม รายงานของผู้สอบบัญชี และรายงานการเงินของกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11146 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายไพศาล หรูพาณิชย์กิจ) | กต | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายไพศาล หรูพาณิชย์กิจ ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเม็กซิโก สหรัฐเม็กซิโก ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11147 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายธนาวัฒน์ สังข์ทอง) | นร09 | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายธนาวัฒน์ สังข์ทอง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นวันที่มีคำสั่งให้รักษาราชการแทน เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11148 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนคร | นร04 | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนคร รวม ๓ คน แทนผู้ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายเทวัญ ลิปตพัลลภ) เสนอ ดังนี้
๑. นายณอคุณ สิทธิพงศ์ เป็นประธานกรรมการ ๒. นายเบญจพล นาคประเสริฐ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายราม สุภา เป็นกรรมการภาคเอกชน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11149 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ | กค | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ จำนวน ๓ คน แทนกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากมีอายุครบ ๖๕ ปีบริบูรณ์ และขอลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งแทนนี้ให้อยู่ในตำแหน่งตามวาระของผู้ซึ่งตนแทน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายวิชิต แสงทองสถิตย์ กรรมการ ๒. นายพิพัฒน์ ขันทอง กรรมการ ๓. นายอิทธิ พงศ์อุสรา กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11150 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษ หมายเลข 9 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์และปีใหม่เป็นประจำทุกปี พ.ศ. 2550 | คค | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปดำเนินการยกเลิกกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์และปีใหม่เป็นประจำทุกปี พ.ศ. ๒๕๕๐ เนื่องจากกฎกระทรวงดังกล่าวไม่มีสภาพใช้บังคับแล้ว และไม่มีความจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงเพื่อยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงดังกล่าว และให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่งโดยด่วน ๒. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11151 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดท้องที่เขตสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. .... | มท | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดท้องที่เขตสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดท้องที่เขตสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ตามพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. ๒๔๙๗ เพื่อรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยของประชาชน และการดำรงชีวิตโดยปกติสุขของประชาชน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11152 | แต่งตั้งคณะกรรมการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ตามพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2497 (จำนวน 11 ราย) | มท | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๔๙๗ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ และแต่งตั้งคณะกรรมการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ตามพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. ๒๔๙๗ ขึ้นใหม่ รวม ๑๑ คน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานกรรมการ ๑.๒ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นกรรมการ ๑.๓ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นกรรมการ ๑.๔ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นกรรมการ ๑.๕ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นกรรมการ ๑.๖ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการ ๑.๗ อธิบดีกรมสรรพากร เป็นกรรมการ ๑.๘ อธิบดีกรมศุลกากร เป็นกรรมการ ๑.๙ อธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นกรรมการ ๑.๑๐ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นกรรมการ ๑.๑๑ อธิบดีกรมการปกครอง เป็นกรรมการ และเลขานุการ ๒. ให้สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11153 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ | ตช | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11154 | การผ่อนปรนการอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและการทำงานให้กับแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานตามข้อตกลงที่รัฐบาลไทยได้ลงนามกับรัฐบาลประเทศคู่ภาคี | รง | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการผ่อนปรนการอยู่ในราชอาณจักรเป็นการชั่วคราวและการทำงานให้กับแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานตามข้อตกลงที่รัฐบาลไทยได้ลงนามกับรัฐบาลประเทศคู่ภาคี ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. อนุมัติในหลักการร่างประกาศ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักร ตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานหรือบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงาน กรณีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าว ๓ สัญชาติ (กัมพูชา ลาว เมียนมา) ซึ่งเข้ามาทำงานตาม MoU ที่การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดสามารถอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวได้ต่อไปจนถึงระยะเวลาตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ หรือสิ้นสุดระยะเวลาตามที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เพิ่มเติม (หากมี) ๒.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา และเมียนมา ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักร ตามมาตรา ๖๔ แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม กรณีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าว กัมพูชาและเมียนมา ซึ่งเข้ามาทำงานในประเทศไทยโดยใช้บัตรผ่านแดน ที่การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลง สามารถอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวได้ต่อไปจนถึงระยะเวลาตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ หรือสิ้นสุดระยะเวลาตามที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เพิ่มเติม (หากมี) ๓. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวที่การอนุญาตทำงานสิ้นสุดสามารถทำงานไปพลางก่อนได้ จนถึงระยะเวลาตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ หรือสิ้นสุดระยะเวลาตามที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เพิ่มเติม (หากมี) ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. ให้หน่วยงานด้านความมั่นคงดำเนินการตรวจสอบ ปราบปราม จับกุมดำเนินคดีนายจ้างแรงงานผิดกฎหมายที่ลักลอบทำงานและผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดหลังสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ ๕. ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11155 | ขอทบทวนอัตราและระยะเวลาการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานตามร่างกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย พ.ศ. .... | รง | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการทบทวนอัตราและระยะเวลาการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานตามร่างกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย พ.ศ. .... โดยปรับเพิ่มอัตราและระยะเวลาการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยที่นายจ้างรับรองหรือนายจ้างไม่ให้ทำงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย ทำให้ไม่สามารประกอบกิจการได้ตามปกติ เป็นอัตราร้อยละหกสิบสองของค่าจ้างรายวัน โดยให้ได้รับตลอดระยะเวลาที่ผู้ประกันตนไม่ได้ทำงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัย แต่ทั้งนี้ไม่เกินเก้าสิบวัน และปรับเพิ่มอัตราและระยะเวลาการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยในกรณีหน่วยงานภาครัฐมีคำสั่งให้นายจ้างหยุดประกอบกิจการเพื่อป้องกันการระบาดของโรค เป็นอัตราร้อยละหกสิบสองของค่าจ้างรายวัน โดยให้ได้รับตลอดระยะเวลาที่นายจ้างหยุดประกอบกิจการตามคำสั่ง แต่ทั้งนี้ไม่เกินเก้าสิบวัน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งร่างกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย พ.ศ. .... ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ที่ผู้ประกันตนจะได้รับความเป็นธรรมในสังคม การคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมในสภาวการณ์วิกฤตของทุกภาคส่วน รวมทั้งวางแผนการดำเนินการทางการเงินของกองทุนประกันสังคมทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อสภาพคล่องและเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคมในอนาคต ตลอดจนดำเนินการตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างถูกต้องครบถ้วน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11156 | ขอทบทวนอัตราตามร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ลดหย่อนการออกเงินสมทบของนายจ้าง และผู้ประกันตน กรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] | รง | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการทบทวนอัตราเงินสมทบที่จัดเก็บสำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙ ตามร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ลดหย่อนการออกเงินสมทบของนายจ้าง และผู้ประกันตน กรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] ตามร่างข้อ ๒ จาก “...ให้ส่งเงินสมทบในอัตราเดือนละสองร้อยสิบเอ็ดบาท” เป็น “...ให้ส่งเงินสมทบในอัตราเดือนละแปดสิบหกบาท” ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ที่นายจ้างและผู้ประกันตนจะได้รับ รวมทั้งวางแผนการดำเนินการทางการเงินของกองทุนประกันสังคม ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยคำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบเพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อสภาพคล่อง และเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคมในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11157 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการนำเข้ายา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ต้านโควิด - 19 สำหรับบริจาคเป็นสาธารณกุศล) | กค | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการนำเข้ายา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ต้านโควิด-๑๙ สำหรับบริจาคเป็นสาธารณกุศล) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่การนำเข้าสินค้าที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] เพื่อบริจาคเป็นสาธารณกุศลบางกรณี และยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคสินค้าดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11158 | ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ระยะที่ 2 | กค | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ระยะที่ ๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การทบทวนมาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบหรือผู้ได้รับผลกระทบอื่น ๆ ของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ในการขยายกลุ่มเป้าหมายผู้ได้รับสิทธิ จาก ๓ ล้านคน เป็น ๙ ล้านคน โดยนำเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง จำนวนไม่เกิน ๔๕,๐๐๐ ล้านบาท ที่ได้รับอนุมัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๓ มาใช้ในการชดเชยรายได้ในเดือนเมษายน ๒๕๖๓ ไปพลางก่อน สำหรับในเดือนต่อ ๆ ไป กระทรวงการคลังจะได้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาจัดหาแหล่งเงินที่เหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินสนับสนุนที่ได้รับตามมาตรการชดเชยรายได้ฯ โดยให้กรมสรรพากรเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๑.๒ การทบทวนโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) เพื่อชดเชยต้นทุนการดำเนินงาน จำนวนไม่เกิน ๑,๖๐๐ ล้านบาท แบ่งเป็น ธนาคารออมสิน ไม่เกิน ๘๐๐ ล้านบาท และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไม่เกิน ๘๐๐ ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อให้ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ดำเนินการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมาย โดยไม่กระทบฐานะและผลการดำเนินการ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) มาตรการชดเชยรายได้ฯ ควรให้ความสำคัญกับการกำหนดคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการได้รับความช่วยเหลือที่รัดกุม รวมทั้งตรวจสอบหลักฐานของผู้ลงทะเบียนให้มีความถูกต้องครบถ้วน เพื่อคัดกรองให้ผู้ได้รับสิทธิเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบที่มีความเดือดร้อนในการดำรงชีพและมีความจำเป็นที่จะได้รับความช่วยเหลืออย่างแท้จริง และ (๒) โครงการสินเชื่อฯ ควรพิจารณาให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจมีส่วนร่วมรับภาระต้นทุนในการดำเนินงานด้วย เพื่อสะท้อนประสิทธิภาพการดำเนินงานและร่วมแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11159 | โครงการ สธค. โรงรับจำนำของรัฐ สู้ภัยโควิด 19 โดยขยายเวลาตั๋วจำนำและลดดอกเบี้ยรับจำนำและการกู้เงิน Soft loan จำนวน 2,000 ล้านบาท จากธนาคารออมสิน โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน | พม | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการกู้เงิน Soft loan ของสำนักงานธนานุเคราะห์ (สธค.) จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท จากธนาคารออมสิน เพื่อเป็นการเตรียมเงินทุนหมุนเวียนรองรับธุรกรรมการให้บริการรับจำนำแก่ประชาชนสำหรับโครงการ สธค. โรงรับจำนำของรัฐ สู้ภัยโควิด ๑๙ ส่วนการปรับเป้าหมายผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ ให้ สธค. เสนอคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้ สธค. ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๒. ให้ สธค. เร่งจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ เช่น Infographic VDO Clip เพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน รวดเร็ว และทั่วถึงด้วย ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11160 | หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] | สธ | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ยกเว้นหลักเกณฑ์ฯ ข้อ ๙) โดยให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินการดังกล่าวจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่ผู้ป่วยจะได้รับเป็นสำคัญ และการจัดให้มีระบบการกำกับ ติดตาม และตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข อัตราที่กำหนด และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนต่อไปด้วย ๒. เห็นชอบให้กระทรวงการคลัง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานประกันสังคม หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ เอกชน หรือกองทุนอื่นที่มีวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดบริการด้านการแพทย์หรือสาธารณสุข ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] และดำเนินการจ่ายค่าใช้จ่ายในอัตราตามบัญชีแนบท้ายหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] ทั้งนี้ ในกรณีที่ผู้ป่วยมีสิทธิได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต กฎหมายว่าด้วยประกันวินาศภัยให้ใช้สิทธิดังกล่าวก่อน ๓. เห็นชอบให้กองทุนของส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดบริการด้านการแพทย์หรือสาธารณสุขดำเนินการแก้ไขปรับปรุง กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] ๔. เห็นชอบให้สถานพยาบาลซึ่งดำเนินการโดยกระทรวง ทบวง กรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษาของรัฐ สภากาชาดไทย ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] ๕. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
.....