ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 558 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 11141 - 11160 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11141 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายรุจ ธรรมมงคล และ นายพุทธพร อิ้วตกส้าน) | กต | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายรุจ ธรรมมงคล ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ คูเวต รัฐคูเวต ๒. นายพุทธพร อิ้วตกส้าน ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11142 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 2 ราย 1. นายวันชัย วราวิทย์ 2. นางวรรณภรณ์ เกตุทัต) | พณ | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. นายวันชัย วราวิทย์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางวรรณภรณ์ เกตุทัต ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11143 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 3 ราย 1. นายกวินทร์เกียรติ นนธ์พละ ฯลฯ รวม 3 ราย) | ศธ | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นายกวินทร์เกียรติ นนธ์พละ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน ๒. ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายวรัท พฤกษากุลนันท์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11144 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ( จำนวน 2 ราย 1. นางสาวสุรุ่งลักษณ์ เมฆะอำนวยชัย และนางนันทนา ธรรมสโรช) | นร12 | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง สังกัดสำนักงาน ก.พ.ร. สำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้
๑. รับโอน นางสาวสุรุ่งลักษณ์ เมฆะอำนวยชัย ตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.พ.ร. ๒. แต่งตั้ง นางนันทนา ธรรมสโรช ตำแหน่งที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ (นักพัฒนาระบบราชการทรงคุณวุฒิ) ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.พ.ร.
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11145 | การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต (นายธีรวัฒน์ ภูมิจิตร) | กต | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายธีรวัฒน์ ภูมิจิตร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ซึ่งดำรงตำแหน่งดังกล่าวจะครบ ๔ ปี ในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11146 | รายงานสถานภาพการดำเนินงานรายจ่ายลงทุน ตามมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร07 | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานภาพการดำเนินงานรายจ่ายลงทุน ตามมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ในภาพรวมประเทศ ณ วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ จำนวน ๕๐๘ หน่วยรับงบประมาณ รวมทั้งสิ้น ๑๖๐,๗๘๗ รายการ วงเงินทั้งสิ้น ๖๔๓,๖๖๘.๔๒๖๘ ล้านบาท ประกอบด้วย รายการปีเดียว จำนวน ๑๕๗,๑๘๒ รายการ วงเงิน ๔๓๔,๓๕๑.๐๗๙๑ ล้านบาท รายการผูกพันใหม่ จำนวน ๑,๒๓๘ รายการ วงเงิน ๕๓,๙๔๔.๙๑๙๖ ล้านบาท และรายการผูกพันเดิม จำนวน ๒,๓๖๗ รายการ วงเงิน ๑๕๕,๓๗๒.๔๒๘๑ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือรัฐมนตรีซึ่งกฎหมายกำหนดให้มีหน้าที่กำกับหรือควบคุมกิจการของหน่วยรับงบประมาณ ติดตามและเร่งรัดการดำเนินงานโดยเฉพาะรายจ่ายลงทุนที่อยู่ระหว่างการสำรวจออกแบบ การกำหนดคุณลักษณะ การจัดทำแบบรูปรายการ การกำหนดราคากลาง หรืออยู่ระหว่างการประกวดราคาหรือจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยรับงบประมาณ ให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ในปีงบประมาณ และสอดคล้องกับมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยเฉพาะการพิจารณากำหนดระยะเวลาการส่งมอบงานให้รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะรายการปีเดียวกันต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11147 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ของปี 2562 ทั้งปี 2562 และแนวโน้มปี 2563 | นร11 | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๒ ทั้งปี ๒๕๖๒ และแนวโน้มปี ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๒ ขยายตัวร้อยละ ๑.๖ ชะลอลงจากการขยายตัวร้อยละ ๒.๖ ในไตรมาสก่อนหน้า (%YOY) และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๒ ขยายตัวจากไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๒ ร้อยละ ๐.๒ (%QoQ SA) รวมทั้งปี ๒๕๖๒ เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๒.๔ เทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๔.๒ ในปี ๒๕๖๑ ทั้งนี้ การชะลอตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสนี้มีปัจจัยสำคัญจากการขยายตัวในเกณฑ์ที่ต่ำของเศรษฐกิจโลก ความไม่แน่นอนของทิศทางมาตรการกีดกันทางการค้า และการแข็งค่าของเงินบาท ความล่าช้าของกระบวนการงบประมาณ ผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง และปัจจัยชั่วคราวในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมบางรายการ ๒. เศรษฐกิจไทยโดยรวมทั้งปี ๒๕๖๒ ขยายตัวร้อยละ ๒.๔ เทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๔.๒ ในปี ๒๕๖๑ โดยในด้านการใช้จ่าย การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ ๔.๕ และร้อยละ ๒.๘ ต่อเนื่องจากการขยายตัวร้อยละ ๔.๖ และร้อยละ ๔.๑ ในปี ๒๕๖๑ ตามลำดับ ส่วนการใช้จ่ายของรัฐบาล และการลงทุนภาครัฐ ขยายตัวร้อยละ ๑.๔ และร้อยละ ๐.๒ เทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๒.๖ และร้อยละ ๒.๙ ในปี ๒๕๖๑ ตามลำดับ ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าลดลงร้อยละ ๓.๒ เทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๗.๕ ในปี ๒๕๖๑ ในด้านการผลิต การผลิตสาขาเกษตรกรรม การป่าไม้ และการประมง สาขาโรงแรมและภัตตาคาร สาขาการขายส่ง การขายปลีก และการซ่อมยานยนต์ และจักรยานยนต์ และสาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้าขยายตัวร้อยละ ๐.๑ ร้อยละ ๕.๕ ร้อยละ ๕.๗ และร้อยละ ๓.๔ ชะลอตัวลงจาการขยายตัวร้อยละ ๕.๕ ร้อยละ ๗.๖ ร้อยละ ๖.๖ และร้อยละ ๔.๔ ในปี ๒๕๖๑ ตามลำดับ ขณะที่การผลิตสาขาอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ ๐.๗ เทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๓.๒ ในปี ๒๕๖๑ รวมทั้งปี ๒๕๖๒ ผลิตภัณฑ์รวมมวลในประเทศ (GDP) อยู่ที่ ๑๖,๘๗๙.๐ พันล้านบาท (๕๔๓.๗ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ๓. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๖๓ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๑.๕-๒.๕ ชะลอตัวลงจากปี ๒๕๖๒ ตามข้อจำกัดที่เกิดจากการระบาดของไวรัสโควิด-๑๙ ปัญหาภัยแล้ง และความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายรัฐบาล มูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวร้อยละ ๑.๔ การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๓.๕ และร้อยละ ๓.๖ ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วงร้อยละ ๐.๔-๑.๔ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๕.๓ ของ GDP
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11148 | การขอรับจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | นร07 | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวนเงินทั้งสิ้น ๑,๒๐๐,๓๙๘,๒๐๘ บาท ให้แก่หน่วยรับงบประมาณ รวม ๓ กระทรวง ๕ หน่วยงาน ๔๒ รายการ ประกอบด้วย กระทรวงคมนาคม จำนวนเงิน ๒๔๕,๒๔๘,๗๒๐ บาท กระทรวงมหาดไทย จำนวนเงิน ๑๖๓,๑๓๕,๓๘๘ บาท และกระทรวงสาธารณสุข จำนวนเงิน ๗๙๒,๐๑๔,๑๐๐ บาท โดยให้ขอทำความตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกาศใช้บังคับแล้ว ให้หน่วยรับงบประมาณดังกล่าวหักจากแผนงานและรายการที่ได้รับจัดสรรงบประมาณคืนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามวิธีปฏิบัติในการอนุมัติเงินจัดสรร การบริหารงบประมาณรายจ่าย และการหักงบประมาณรายจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11149 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 | คค | 11/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน งบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน และงบกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองงบการเงินดังกล่าวแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้เสนอต่อรัฐสภาทราบต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมนำรายงานในเรื่องนี้ไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อรัฐสภาได้รับทราบรายงานดังกล่าวแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11150 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถ และการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถ และเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค | 11/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถ และการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถ และเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถ และการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อกำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถ สำหรับรถของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าของต่างประเทศที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามความระหว่างตกลงรัฐบาลไทยกับรัฐบาลต่างประเทศ และรถของเจ้าหน้าที่สำนักงานเศรษฐกิจและการค้าของต่างประเทศ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11151 | รายงานผลการตรากฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 | ทส | 11/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรากฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งไม่อาจดำเนินการได้ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎกระทรวงตามมาตรา ๗๘ เหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการออกกฎกระทรวงได้ เนื่องจากการยกร่างกฎกระทรวงตามมาตรา ๗๘ มีความซับซ้อนและเป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่เคยมีการศึกษามาก่อน รวมถึงมีความใกล้เคียงกับกฎหมายสิ่งแวดล้อม และมีความเชื่อมโยงกับกฎหมายผังเมือง ตลอดจนกฎหมายอื่นอีกหลายฉบับ อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก จึงต้องมีการรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน และจำเป็นต้องใช้ผู้มีความรู้และเชี่ยวชาญในการยกร่างฯ ประกอบกับเมื่อพิจารณาถึงเนื้อหาของมาตรา ๗๘ แล้ว พบว่า เป็นการออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อการอนุรักษ์และการพัฒนาทรัพยากรน้ำสาธารณะและกำหนดมาตรการคุ้มครองทรัพยากรน้ำสาธารณะอื่น ๆ ตามที่เห็นสมควรและเหมาะสมแก่สภาพของพื้นที่ โดยจะกำหนดให้ใช้บังคับเป็นการทั่วไปหรือใช้บังคับในท้องที่ใดท้องที่หนึ่งหรือจะกำหนดข้อยกเว้นการใช้บังคับทั้งหมดหรือบางส่วนสำหรับกิจกรรมบางประเภทหรือบางพื้นที่ก็ได้ ซึ่งเป็นมาตรการทางกฎหมายที่สามารถรอการดำเนินการได้ หากยังไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ทันภายใน ๙๐ วัน นับแต่พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ใช้บังคับ ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนและการบังคับใช้พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๒. ประกาศกระทรวงตามมาตรา ๘๑ เหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการออกกฎกระทรวงได้ เนื่องจากการยกร่างประกาศกระทรวงตามมาตรา ๘๑ ต้องมีการแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนแล้วจึงประกาศกำหนดรูปแบบบัตรพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ และการกำหนดว่าผู้ใดควรเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายในส่วนที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่ระหว่างการศึกษาและรับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11152 | ร่างกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 จำนวน 3 ฉบับ | รง | 11/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่ายเมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ๒. ร่างกฎกระทรวงค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงานที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงานที่ให้นายจ้างจ่ายเมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าทำศพที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าทำศพที่ให้นายจ้างจ่าย เมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจนถึงแก่ความตายหรือสูญหาย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11153 | การดำเนินการจัดทำอนุบัญญัติออกตามความในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 | อก | 11/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการจัดทำอนุบัญญัติออกตามความในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินการจัดทำอนุบัญญัติออกตามความในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ในส่วนที่ดำเนินการแล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้แล้ว ได้แก่ กฎกระทรวง ประกาศ และระเบียบที่จะต้องดำเนินการออกตามความในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีจำนวนทั้งสิ้น ๘๔ ฉบับ ประกอบด้วยกฎกระทรวง จำนวน ๘ ฉบับ ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน ๔๙ ฉบับ ประกาศกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ จำนวน ๒๑ ฉบับ ระเบียบกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน ๒ ฉบับ ระเบียบกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเมืองแร่ จำนวน ๒ ฉบับ และประกาศคณะกรรมการแร่ จำนวน ๒ ฉบับ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้จัดทำอนุบัญญัติดังกล่าวในเรื่องที่มีความจำเป็นต่อการบริหารจัดการแร่ การพิจารณาอนุมัติ อนุญาต การควบคุมตรวจสอบ การกำกับดูแล รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการประกอบกิจการตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยมีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๖๘ ฉบับ ๒. อนุบัญญัติที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จภายในสองปีนับแต่พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีผลใช้บังคับ จำนวน ๑๖ ฉบับ ได้แก่ กฎกระทรวงและประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อให้มีผลใช้บังคับ จำนวน ๔ ฉบับ และอนุบัญญัติที่ไม่ใช่เรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการอนุมัติอนุญาตโดยจะดำเนินการจัดทำเมื่อมีเหตุการณ์จำเป็น เพื่อจะนำไปบังคับใช้เมื่อมีเหตุการณ์เกี่ยวกับเรื่องนั้นโดยเฉพาะ จำนวน ๑๒ ฉบับ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11154 | ผลการประชุม Asian Financial Forum ครั้งที่ 13 และการพบปะผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานด้านเศรษฐกิจของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง | กค | 11/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุม Asian Financial Forum (AFF) ครั้งที่ ๑๓ และการพบปะผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานด้านเศรษฐกิจของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (ฮ่องกง) จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๑-๑๔ มกราคม ๒๕๖๓ ณ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เข้าร่วมการประชุม AFF ภายใต้หัวข้อ “Redefining Growth : Innovation, Breakthrough, Inclusiveness” ซึ่งเป็นเวทีการประชุมนานาชาติที่รวมผู้บริหารระดับสูงจากภาคการเงิน ภาครัฐ และภาคเอกชนของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยไทยได้เน้นย้ำในด้านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างความเชื่อมโยง (Connectivity) กับประเทศต่าง ๆ การส่งเสริมการเงินเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะการดำเนินโครงการ National e-Payment การสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อมุ่งสู่เศรษฐกิจนวัตกรรมโดยการลงทุนในด้านการศึกษาการวิจัยและพัฒนา ๒. การหารือผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานด้านเศรษฐกิจของฮ่องกง เช่น การหารือทวิภาคีกับนายพอล ชาน (Mr. Paul Chan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของฮ่องกง การหารือทวิภาคีร่วมกับนายปีเตอร์ แลม (Mr. Peter K N Lam) ประธานสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (Hong Kong Trade DEVELOPMENT Council : HKTDC) และการพบปะหารือกับคณะผู้แทนภาคการเงินการธนาคารในฮ่องกง (Thai Professional and Friends of Thailand from Financial Sector) เป็นต้น เพื่อขับเคลื่อนและสานต่อความร่วมมือระหว่างรัฐบาลของทั้งสองฝ่ายในด้านต่าง ๆ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11155 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องตัดวงจรใช้กระแสเหลือแบบไม่มีอุปกรณ์ป้องกันกระแสเกิน สำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและใช้ในลักษณะที่คล้ายกัน เล่ม 1 หลักเกณฑ์ทั่วไป ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 11/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องตัดวงจรใช้กระแสเหลือแบบไม่มีอุปกรณ์ป้องกันกระแสเกิน สำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและใช้ในลักษณะที่คล้ายกัน เล่ม ๑ หลักเกณฑ์ทั่วไป ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มเติมมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องตัดวงจรใช้กระแสเหลือแบบไม่มีอุปกรณ์ป้องกันกระแสเกิน โดยกำหนดให้เครื่องตัดวงจรใช้กระแสเหลือแบบไม่มีอุปกรณ์ป้องกันกระแสเกิน ที่มีค่ามาตรฐานของกระแสเหลือใช้งานขนาด ๐.๐๑๕ แอมแปร์ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11156 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 ตอนบางปะอิน - นครราชสีมา พ.ศ. .... | คค | 11/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข๖ ตอนบางปะอิน-นครราชสีมา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางหลวงพิเศษหมายเลข ๖ ตอนบางปะอิน-นครราชสีมา เป็นทางหลวงที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวง โดยกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมตามประเภทของยานยนตร์ และให้มีผลใช้บังคับนับแต่วันที่อธิบดีกรมทางหลวงประกาศกำหนด ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐและเอกชน เช่น (๑) ให้กรมทางหลวงพิจารณากำหนดกลไกการปรับอัตราค่าธรรมเนียมผ่านทางทุก ๕ ปี เพื่อลดความเสี่ยงด้านรายได้และค่าใช้จ่ายของโครงการฯ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของกองทุนเงินค่าธรรมเนียมผ่านทางพิเศษระหว่างเมืองจนอาจทำให้เกิดข้อจำกัดในการพัฒนาและปรับปรุงระบบทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน (๒) การกำหนดค่าธรรมเนียม กรมทางหลวงจะดำเนินการจัดเก็บได้ต่อเมื่อทางหลวงหมายเลข ๖ เปิดใช้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว จึงควรคำนึงถึงความเหมาะสมและสภาพเศรษฐกิจและสังคมในขณะนั้นด้วย และ (๓) กรมทางหลวงควรมีการบริหารจัดการบัญชีเงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทางให้มีความเพียงพอต่อการจ่ายค่าตอบแทนให้กับเอกชนตามกำหนดเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11157 | ร่างกฎกระทรวงเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การจัดตั้งบริษัท การร่วมกิจการกับบุคคลอื่น และการถือหุ้นในกิจการตามพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 2 ฉบับ | กค | 11/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทหรือร่วมกิจการกับบุคคลอื่นเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับหรือเนื่องในการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ร่วมกิจการกับบุคคลอื่นที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการสร้างระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล ๑.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. ๒๔๙๖ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์จัดตั้งบริษัท องค์กร หรือร่วมกิจการกับบุคคลอื่นที่เกี่ยวกับการรับประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือการรับประเมินมูลค่าทรัพย์สิน รวมทั้งกำหนดให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ถือหุ้นในบริษัทที่ประกอบธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยและประกันชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยได้ ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยเกี่ยวกับ (๑) กรณีการประกอบกิจการเกี่ยวกับการรับประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยที่พระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดให้การประกอบธุรกิจประกันภัยหรือผู้ทำการเป็นผู้รับประกันภัย โดยทำสัญญาประกันภัยหรือสัญญาประกันชีวิตกับบุคคลใด ๆ จะกระทำได้เมื่อจัดตั้งเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยหรือใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิต เว้นแต่มีกฎหมายอื่นกำหนดให้ทำการป็นผู้รับประกันภัยได้ เช่น ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และธนาคารออมสินที่มีการกำหนดขอบเขตการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการรับประกันภัยไว้ในกฎหมายระดับพระราชบัญญัติการปรับประกันภัยของธนาคารทั้งสองแห่ง จึงไม่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับดังกล่าว แต่กฎหมายที่กำหนดให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์จัดตั้งบริษัท องค์กร หรือหน่วยงาน ทำการเป็นผู้รับประกันภัย เป็นกฎหมายระดับพระราชกฤษฎีกาและกฎกระทรวง ซึ่งมีศักดิ์ทางกฎหมายต่ำกว่าพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับดังกล่าว ดังนั้น การประกอบกิจการเกี่ยวกับการรับประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารอาคารสงเคราะห์ จึงต้องจัดตั้งเป็นบริษัทมหาชนจำกัดและได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจ รวมทั้งต้องดำเนินงานภายใต้พระราชบัญญัติทั้งสองฉบับดังกล่าว และ (๒) กรณีกำหนดให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ประกอบธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยและประกันชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยสามารถตีความได้ว่า บริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์จะเข้าไปถือหุ้นต้องได้รับใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยหรือได้รับใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันชีวิตตามพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับดังกล่าว ตามแต่กรณีเท่านั้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11158 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ) | กค | 11/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการขยายเวลาการจดแจ้งการขอใช้สิทธิลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับการประกอบกิจการในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับออกไปถึงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ โดยกำหนดให้มีการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจากอัตราร้อยละ ๒๐ เหลือร้อยละ ๑๐ เป็นเวลา ๑๐ รอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีสถานประกอบการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสำหรับกำไรสุทธิจากรายได้ที่เกิดจากการผลิตสินค้าหรือการให้บริการและมีการใช้บริการในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลดังกล่าว ทั้งนี้ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ได้จดแจ้งการขอใช้สิทธิการเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในพื้นที่ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11159 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติจัดระเบียบการจอดรถในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2562 รวม 3 ฉบับ | มท | 11/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการ (๑) ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับขนาดความหนาแน่นในการจราจร รายได้ และขีดความสามารถในการใช้บังคับให้เป็นไปตามกฎหมายที่จะบังคับแก่เทศบาลตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. .... (๒) ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจอดรถในที่จอดรถ ค่าใช้จ่ายในการใช้เครื่องมือบังคับไม่ให้เคลื่อนย้ายรถ ค่าเคลื่อนย้ายรถ และค่าดูแลรักษารถในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... และ (๓) ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการมอบให้เอกชนทำหน้าที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจอดรถแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดความหนาแน่นในการจราจรที่จำเป็นต้องจัดให้มีที่จอดรถในทางหลวงหรือในที่สาธารณะและจัดระเบียบการจอดรถ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจอดรถ อัตราค่าใช้จ่ายในการใช้เครื่องมือบังคับไม่ให้เคลื่อนย้ายรถ อัตราค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายรถและอัตราค่าดูแลรักษารถที่ถูกเคลื่อนย้าย และกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อาจมอบหมายให้เอกชนทำหน้าที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจอดรถแทนก็ได้ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อ ๒ (๓) ของร่างกฎกระทรวงตาม (๑) เป็น “มีความพร้อมในการจัดบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ วัสดุอุปกรณ์ และการบริหารจัดการ” และมีขีดความสามารถในการบังคับตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบการจอดรถในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๒ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแก้ไขเพิ่มเติมข้อ ๔ ในส่วนของหมายเหตุของร่างกฎกระทรวงตาม (๒) เป็น “ในกรณีที่รถถูกใช้เครื่องมือบังคับไม่ให้เคลื่อนย้ายรถตาม ข้อ ๓ อีก” รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมข้อ ๕ ของร่างกฎกระทรวงตาม (๓) เป็น “เอกชนที่ได้รับมอบให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจอดรถแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องดำเนินการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามอัตราและวิธีการที่กำหนดไว้ในข้อบัญญัติท้องถิ่น และในอัตราไม่เกินกว่าที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชนเกินสมควร” ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินการดังกล่าวต้องคำนึงถึงการได้รับประโยชน์และไม่เป็นภาระแก่ประชาชนเป็นสำคัญ เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล คุ้มค่า โปร่งใสและตรวจสอบได้ และให้ อปท. ตรวจสอบ ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลโดยเคร่งครัด รวมทั้ง อปท. ควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการเก็บค่าธรรมเนียม ค่าดูแลรักษา และการปฏิบัติอื่น ๆ ให้เป็นไปอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11160 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... (การปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2554) | กค | 11/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยปรับปรุงขั้นตอนและวิธีการพิจารณาการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจให้สอดคล้องกับบริบทและสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติขอพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) คำนิยามคำว่า “เงินอุดหนุน” ควรระบุว่าแหล่งเงินที่ใช้ในการอุดหนุนจะมาจากแหล่งใด เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการจัดทำข้อเสนอขอรับเงินอุดหนุนของรัฐวิสาหกิจต่อไป และ (๒) การปรับปรุงบทนิยามคำว่า “บริการสาธารณะ” ซึ่งอาจทำให้รัฐวิสาหกิจทุกแห่งสามารถขอรับการอุดหนุนทางการเงินได้ อาจส่งผลให้รัฐมีภาระการอุดหนุนงบประมาณ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) การให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ ควรคำนึงถึงศักยภาพและความสามารถในการบริหารของรัฐวิสาหกิจ และควรมีการกำกับและประเมินผลการจัดทำบริการสาธารณะที่ได้รับเงินอุดหนุนตลอดระยะเวลาของการให้เงินอุดหนุน เพื่อไม่ให้เกิดภาระงบประมาณที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต และ (๒) ควรให้รัฐวิสาหกิจจัดทำข้อเสนอแนะการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะในระยะยาว โดยพิจารณากำหนดขอบเขตของรอบระยะเวลาการขอรับเงินอุดหนุนสำหรับการดำเนินงานในลักษณะดังกล่าวเพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....