ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 559 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 11161 - 11180 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11161 | ขอเปลี่ยนแปลงสถานที่ดำเนินการก่อสร้างอาคารบ้านพักตุลาการและข้าราชการศาลปกครองระยอง | ศป | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานศาลปกครองเปลี่ยนแปลงสถานที่ดำเนินการก่อสร้างอาคารบ้านพักตุลาการและข้าราชการศาลปกครองระยอง จากเดิมตำบลเนินพระ เป็นตำบลเชิงเนิน ให้ตรงตามหนังสืออนุญาตให้ใช้ที่ราชพัสดุของกระทรวงการคลัง แปลงหมายเลขทะเบียนที่ รย.๓๖๒ (บางส่วน) ตำบลเชิงเนิน อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เนื่องจากมีการบันทึกข้อมูลคลาดเคลื่อนของรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณในระบบคำของบประมาณของสำนักงบประมาณ (ระบบ e-Budgeting) และเอกสารงบประมาณที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักงานศาลปกครองเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11162 | การกำหนดเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่น ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2562 | กค | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นให้แก่ประธานกรรมการ กรรมการในคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม และประธานอนุกรรมการ อนุกรรมการที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ การกำหนดอัตราเบี้ยประชุมของรองประธานกรรมการในคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ. โดยเห็นควรพิจารณาให้สอดคล้องกับแนวทางการกำหนดอัตราเบี้ยประชุมตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเคยพิจารณากำหนดให้รองประธานกรรมการในคณะกรรมการอื่นได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนอัตราไม่เกิน ๙,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเห็นชอบด้วยแล้ว สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าว ให้สำนักงาน ก.พ. ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน หรือที่ได้รับเงินจัดสรรตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดจำนวนคณะอนุกรรมการ องค์ประกอบของคณะอนุกรรมการแต่ละคณะ และจำนวนครั้งของการประชุมรายปีของคณะอนุกรรมการแต่ละคณะ ควรพิจารณาความเหมาะสมและความจำเป็น รวมทั้งสอดคล้องกับแนวทางการบริหารงบประมาณที่ไม่ทำให้เกิดภาระงบประมาณ และขอให้เป็นไปเพื่อความคุ้มค่าและประโยชน์ราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11163 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม 4.0) | กค | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในส่วนที่จ่ายไปเพื่อทรัพย์สินที่บริจาคให้แก่ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม ๔.๐ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรม ๔.๐ ที่สถานศึกษาของรัฐหรือโรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนจัดตั้งขึ้น สำหรับการบริจาคที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ แต่ไม่รวมถึงโรงเรียนนอกระบบตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน หรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาเพิ่มบทนิยามคำว่า “อุตสาหกรรม ๔.๐” เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และควรมีการเผยแพร่ข้อมูลของศูนย์ฯ เพื่อประกอบการตัดสินใจของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในการบริจาคทรัพย์สิน ตลอดจนควรมีการวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของศูนย์ฯ ที่ได้รับการบริจาคทรัพย์สินภายใต้มาตรการดังกล่าว เพื่อสร้างฐานข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อการจัดทำมาตรการส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม ๔.๐ ในอนาคต ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11164 | ข้อเสนอหลักการและแนวทางแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม | นร01 | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบประเด็นข้อเสนอหลักการและแนวทางแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) รวม ๖ ประการ เช่น (๑) ให้ยุติการคุกคามพื้นที่สมาชิกของ ขปส. ด้วยการยุติการแจ้งความดำเนินคดีในทุกพื้นที่ คดีใหม่ต้องไม่มีหรือให้ยุติทุกกรณี คดีเก่าที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมให้มีมาตรการจำหน่ายหรือชะลอการดำเนินคดี (๒) กรณีชุมชนของ ขปส. ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหาร่วมกับรัฐบาล ต้องให้ชุมชนเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ซ่อมแซมบ้านเรือน และเข้าถึงโครงการพัฒนาของรัฐได้เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติสุข และ (๓) ให้มีการนำข้อเสนอเชิงนโยบายของ ขปส. ๙ ประการ เช่น ให้ยกเลิกนโยบายและกฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปดำเนินการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เป็นต้น ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงมหาดไทย เช่น การพิจารณาให้ยุติคดีทุกกรณีอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ควรต้องพิจารณาเป็นรายคดี รวมทั้งการกำหนดมาตรการหรือการชะลอการดำเนินการในคดีเก่าที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมควรที่จะพิจารณาขอบเขตอำนาจในการดำเนินการที่ไม่อาจก้าวล่วงในกระบวนการพิจารณาของศาลยุติธรรมด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11165 | รัฐบาลมองโกเลียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งมองโกเลียประจำประเทศไทย (นายทูมูร์ อามาร์ซานา) | กต | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายทูมูร์ อามาร์ซานา (Mr. Tumur Amarsanaa) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งมองโกเลียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายทุกสบิลกูน ทูมูร์คูเลก (Mr. Tugsbilguun Tumurkhuleg) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11166 | การเข้าร่วมเป็นสมาชิกของที่ประชุมแห่งกรุงเฮกว่าด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล (Hague Conference on Private International Law) | ยธ | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ไทยเข้าเป็นสมาชิกของที่ประชุมแห่งกรุงเฮกว่าด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล (Hague Conference on Private International Law : HCCH) โดยการเข้าเป็นสมาชิกดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และหารือถึงแนวทางการพัฒนากฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล เสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับประเทศสมาชิกในด้านกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล และเพื่อศึกษา เรียนรู้เทคนิคในการพิจารณาและร่างอนุสัญญาในทางระหว่างประเทศ และความรู้ทางวิชาการกฎหมายระหว่างประเทศที่อยู่ในความสนใจของนานาประเทศ ซึ่งการเข้าเป็นสมาชิกฯ จะต้องใช้งบประมาณสำหรับปี ค.ศ. ๒๐๑๙-๒๐๒๐ จำนวน ๒๒,๕๐๐ ยูโร (คิดเป็นเงินไทยประมาณ ๗๖๖,๐๐๐ บาท อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๓) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงบประมาณที่เห็นว่า เมื่อกระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการตามกระบวนการขอเข้าเป็นสมาชิก HCCH เรียบร้อยแล้ว จะต้องแจ้งให้กระทรวงการต่างประเทศทราบ เพื่อจัดทำตราสารการยอมรับสำหรับนำไปยื่นต่อรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ เพื่อให้กระบวนการเข้าเป็นสมาชิกเสร็จสิ้นสมบูรณ์ สำหรับค่าธรรมเนียมการเข้าเป็นสมาชิกฯ ที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๒๒,๕๐๐ ยูโร หรือประมาณ ๗๖๖,๐๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณของกระทรวงยุติธรรม ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11167 | การแก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบคณะกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนา | กษ | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบคณะกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนา โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนาเพิ่มเติม จำนวน ๖ คน โดยเป็นผู้แทนกลุ่มราษฎรตำบลโนนสังที่คณะกรรมการแต่งตั้ง จำนวน ๓ คน ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. ปรับปรุงชื่อตำแหน่งกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ จากเดิม “ผู้อำนวยการกองกฎหมายและที่ดิน กรมชลประทาน” เป็น “ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและที่ดิน กรมชลประทาน”
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11168 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวเกตสุดา สุประดิษฐ์) | กค | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวเกตสุดา สุประดิษฐ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11169 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง | กต | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมและเอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑-๓ สิงหาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร โดยการประชุมดังกล่าวประกอบด้วย ๔ กรอบความร่วมมือ ได้แก่ (๑) ข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๑๒ (๒) ความร่วมมือแม่น้ำโขง-คงคา ครั้งที่ ๑๐ (๓) ความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๙ และ (๔) ความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๑๒ ซึ่งเป็นเวทีที่ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงกับหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนานอกภูมิภาค ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเกาหลี และญี่ปุ่น โดยมีเป้าหมายหลักในการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน การลดความเหลื่อมล้ำ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาทางสังคม เพื่อส่งเสริมการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน โดยไทยเน้นการแสดงบทบาทนำในฐานะผู้ให้ร่วมกับหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และมอบหมายส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า (๑) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณารับความช่วยเหลือจากประเทศต่าง ๆ ให้หลากหลายและมีความเหมาะสม และ (๒) ความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงมีอยู่หลายกรอบความร่วมมือ ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจะต้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11170 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 | มท | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน เคลื่อนย้าย ใช้หรือเปลี่ยนการใช้อาคารที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันฝุ่นละออง ความปลอดภัยของนั่งร้าน ค้ำยัน ปั้นจั่นหอสูง (ทาวเวอร์เครน) และเดอร์ริกเครน เพื่อประโยชน์แห่งความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การสาธารณสุข และการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11171 | ขออนุมัติดำเนินการตามโครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์ม เพื่อบริหารจัดการและควบคุมสต็อกน้ำมันปาล์ม | พณ | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติวงเงินงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้เงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน หรืองบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น แล้วแต่กรณี จำนวน ๓๗๒.๕๑๖ ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์มเพื่อบริหารจัดการและควบคุมสต็อกน้ำมันปาล์ม และให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น ดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการดำเนินโครงการในระยะต่อไป ให้เป็นความรับผิดชอบของภาคเอกชนหรือผู้ประกอบการ โดยจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีและหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งดำเนินการอย่างโปร่งใส คำนึงถึงความคุ้มค่า ต้นทุนที่เหมาะสม ผลประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการ รวมถึงให้มีการติดตามและการประเมินผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์ที่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันจะได้รับจากการดำเนินโครงการเพื่อให้มีข้อมูลในการบริหารงานอย่างถูกต้องครบถ้วน สำหรับใช้ประกอบการกำหนดนโยบายของภาครัฐที่เหมาะสมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11172 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ | ทส | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ รวม ๗ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายวิจารย์ สิมาฉายา เป็นประธานกรรมการ ๒. นางสาวธัญลักษ์ เจริญปรุ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาบริหารเศรษฐกิจการเกษตร ๓. นายคนิต ลิขิตวิทยาวุฒิ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ๔. นางจิราวรรณ แย้มประยูร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๕. นางสาวนิลุบล เครือนพรัตน์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาการเงิน ๖. นายโยธิน มูลกำบิล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขานิติศาสตร์ ๗. นายชัยเกียรติ ห่านสัมฤทธิ์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาบริหารธุรกิจ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11173 | การเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 (จำนวน 12 ราย 1. นายสำราญ สาราบรรณ์ ฯลฯ) | อก | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการบริหารกองทุนตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ จำนวน ๑๒ คน แทนกรรมการชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสำราญ สาราบรรณ์ ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒. นายเกียรติณรงค์ วงศ์น้อย ผู้แทนกระทรวงการคลัง ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง กรมบัญชีกลาง ๓. นายสุพพัต อ่องแสงคุณ ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ๔. นายประกอบ วิวิธจินดา ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม อธิบดีกรมโรงงานอุสาหกรรม ๕. นางสาวเพ็ญแข จันทร์สว่าง ผู้แทนสำนักงบประมาณ ผู้อำนวยการกองจัดทำงบประมาณด้านเศรษฐกิจ ๑ ๖. นายจิตเกษม พรประพันธ์ ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายโครงสร้างเศรษฐกิจ สายนโยบายการเงิน ๗. นายเกียรติภูมิ ศรีจันทร์รัตน์ ผู้แทนชาวไร่อ้อย ๘. นายปารเมศ โพธารากุล ผู้แทนชาวไร่อ้อย ๙. นายสุวิทย์ พันธุ์วิทยากูล ผู้แทนชาวไร่อ้อย ๑๐. นายศรายุธ แสงจันทร์ ผู้แทนโรงงาน ๑๑. นายวิณณ์ ผาณิตวงศ์ ผู้แทนโรงงาน ๑๒. นายฉัตรชัย ธรรมสวยดี ผู้แทนโรงงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11174 | การสรรหาบุคคลเพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ | ปปท. | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายชื่อบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมครบถ้วนและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๕๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน ๔ คน เป็นบุคคลที่คณะรัฐมนตรีสรรหาและเสนอรายชื่อเพื่อเข้ารับการคัดเลือกโดยคณะกรรมการคัดเลือก ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ตามที่สำนักงาน ป.ป.ท. เสนอ ดังนี้
๑. นายประยงค์ ปรียาจิตต์ ๒. นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย ๓. นายประสาท พงษ์ศิวาภัย ๔. นายพิทยา บุญชู
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11175 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ | นร04 | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ รวม ๖ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการเดิมได้ดำรงตำแหน่งมาครบวาระสี่ปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รองรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11176 | คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร05 | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ที่มีคำวินิจฉัยโดยเสียงข้างมากว่า ให้สภาผู้แทนราษฎรดำเนินการให้ถูกต้องเฉพาะในวาระที่สองและวาระที่สามจากนั้นให้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวที่แก้ไขถูกต้องแล้วให้วุฒิสภาให้ความเห็นชอบเพื่อดำเนินการตามรัฐธรรมนูญต่อไป ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11177 | การแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี | นร04 | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๙/๒๕๖๓ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11178 | รายงานมติคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (กพยช.) ขอยกเลิกการผูกพันงบประมาณรายการค่าเช่าอุปกรณ์เครื่องมือติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring : EM) พร้อมระบบควบคุมการทำงาน จำนวน 4,000 เครื่อง ตามมติคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0505/8215 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2561 และขออนุมัติผูกพันงบประมาณรายการค่าเช่าอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring : EM) พร้อมระบบที่เกี่ยวข้อง จำนวน 30,000 เครื่อง | ยธ | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (กพยช.) ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ กรณีกระทรวงยุติธรรม (กรมคุมประพฤติ) ขอยกเลิกการผูกพันงบประมาณรายการค่าเช่าอุปกรณ์เครื่องมือติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring : EM) พร้อมระบบควบคุมการทำงาน จำนวน ๔,๐๐๐ เครื่อง ตามมติคณะรัฐมนตรี ที่ นร ๐๕๐๕/๘๒๑๕ ลงวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๑ และพิจารณาอนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม (กรมคุมประพฤติ) ผูกพันงบประมาณรายการค่าเช่าอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring : EM) พร้อมระบบที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๓๐,๐๐๐ เครื่อง ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้กระทรวงยุติธรรม (กรมคุมประพฤติ) ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ รายการค่าเช่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (Electronic Monitoring : EM) พร้อมระบบที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๓๐,๐๐๐ เครื่อง วงเงินรวม ๗๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลาในการดำเนินการ ๓๐ เดือน โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๑๖๖,๕๐๐,๐๐๐ บาท ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๕๐,๕๘๙,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย โครงการพัฒนาระบบการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดในชุมชน งบดำเนินงาน จำนวน ๕,๙๐๗,๐๐๐ บาท และจากการยกเลิกรายการก่อหนี้ผูกพันเดิม จำนวน ๔๔,๖๘๒,๐๐๐ บาท ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน และใช้จ่ายจากเงินกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมาสมทบอีก จำนวน ๑๑๕,๙๑๑,๐๐๐ บาท ส่วนวงเงินของโครงการที่เหลืออีก จำนวน ๕๕๓,๕๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11179 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการจ่ายเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | พม | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการจ่ายเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๒,๐๕๖,๕๑๖,๔๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11180 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563) | นร04 | 11/02/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพุธที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๗ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๒๘ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
.....