ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 560 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 11181 - 11200 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11181 | การขอความเห็นชอบเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์และแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองอิซมีร์ และเมืองโบลู สาธารณรัฐตุรกี (นายเออเมอร์ เจลัล อูมูร์ และนายจีฮันกีร์ โจชคุน คูบิไลย์) | กต | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองอิซมีร์ สาธารณรัฐตุรกี โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมเมืองอัยดิน เมืองเดนิซลี เมืองมูลา และเมืองมานีซา และแต่งตั้ง นายเออเมอร์ เจลัล อูมูร์ (Mr. Omer Celal Umur) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองอิซมีร์ สาธารณรัฐตุรกี ๒. เปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองโบลู สาธารณรัฐตุรกี โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมเมืองดึซเซ เมืองซองกุลดัก เมืองบาร์ติน เมืองคาราบึก และเมืองชังกีรี และแต่งตั้ง นายจีฮันกีร์ โจชคุน คูบิไลย์ (Mr. Cihangir Coskun Kubilay) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองโบลู สาธารณรัฐตุรกี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11182 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การแก้ไขเพิ่มเติมการแบ่งส่วนราชการกองบัญชาการศึกษา ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) | ตช | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการยกฐานะศูนย์ฝึกยุทธวิธีตำรวจ เป็น ศูนย์ฝึกยุทธวิธีตำรวจกลาง มีฐานะเป็นส่วนราชการระดับกองบังคับการ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้น และเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติหน้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11183 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวมลฤดี อภิชนาพงศ์) | นร07 | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวมลฤดี อภิชนาพงศ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11184 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงการากัส สาธารณรัฐโบลีวาร์แห่งเวเนซุเอลา (นายโอสการ์ เด กูรูเซอากา) | กต | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายโอสการ์ เด กูรูเซอากา (Mr. Oscar de Guruceaga) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงการากัส สาธารณรัฐโบลีวาร์แห่งเวเนซุเอลา โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมสาธารณรัฐโบลีวาร์แห่งเวเนซุเอลา สืบแทน นายชอง ปอล กูปาล (Mr. Jean Paul Coupal) ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐโบลีวาร์แห่งเวเนซุเอลาเพิกถอนอนุมัติบัตร เนื่องจากประพฤติตนไม่เหมาะสม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11185 | ขอความเห็นชอบการต่อสัญญาจ้างผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการต่อสัญญาจ้าง นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเงินเดือน ๑๖๗,๐๐๐ บาท รวมทั้งค่าตอบแทนพิเศษประจำปี และสิทธิประโยขน์อื่น ที่ผู้รับจ้างจะได้รับตามที่กระทรวงการคลังเห็นชอบแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11186 | การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) | นร | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า โดยที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ซึ่งติดต่อได้ง่ายและเป็นอันตรายอย่างมากต่อชีวิตของประชาชน ประกอบกับในขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคทั้งยังไม่มียารักษาโรคโดยตรง จึงมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโรคดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากทั่วโลก จนองค์การอนามัยโลกต้องประกาศให้การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เป็นการระบาดใหญ่ และขอให้ประเทศต่าง ๆ บังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดเด็ดขาดยิ่งขึ้น จึงเป็นสถานการณ์อันกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชน ตลอดจนการดำรงชีวิตโดยปกติสุขของประชาชน ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงมีมติเห็นชอบให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อบังคับใช้ทั่วราชอาณาจักรหรือในบางท้องที่ได้ตามความจำเป็นแห่งสถานการณ์เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ตามมาตรา ๕ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ รวมถึงการออกประกาศ คำสั่ง ข้อกำหนด ในส่วนที่เกี่ยวข้องตามพระราชกำหนดดังกล่าว โดยให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติดำเนินการเสนอเรื่องดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11187 | การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร07 | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ของหน่วยรับงบประมาณที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัด ส่งให้สำนักงบประมาณ รวมทั้งสิ้น ๑๓,๕๕๓.๑ ล้านบาท สำนักงบประมาณได้ปรับปรุงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้เป็นไปตามแนวทางการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓ จำนวน ๕,๐๐๓.๒ ล้านบาท ซึ่งการปรับปรุงดังกล่าวมีผลให้โครงสร้างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตลอดจนงบประมาณรายจ่ายจำแนกตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ มีการเปลี่ยนแปลงไปจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11188 | ขออนุมัติใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร | กษ | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ในวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๕๒๓,๒๔๔,๕๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ค่าชดใช้ราคาสุกรที่ถูกทำลายโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ มาตรา ๑๓ (๔) ประมาณ ๗๗,๕๗๘ ตัว เป็นเงิน ๓๘๑,๗๗๒,๕๐๐ บาท ๑.๒ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเกี่ยวกับการเฝ้าระวังโรค ตรวจวินิจฉัยและทำลายเชื้อโรค/ซากสัตว์ ได้แก่ ค่าจ้างเหมาในการขนส่งและขุดหลุมฝังกลบทำลายซาก ค่าจ้างเหมาบริการช่วยงานสัตวแพทย์ และค่าวัสดุเวชภัณฑ์/วัสดุวิทยาศาสตร์หรือการแพทย์ เป็นเงิน ๙๙,๘๕๒,๐๐๐ บาท โดยให้ถัวจ่ายกันได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ๑.๓ จัดซื้อครุภัณฑ์ รวม ๔ รายการ เป็นเงิน ๔๑,๖๒๐,๐๐๐ บาท ได้แก่ ๑.๓.๑ เครื่องตรวจวิเคราะห์สารพันธุกรรมในสภาพจริงแบบเคลื่อนที่ จำนวน ๗ ชุด ชุดละ ๔๐๐,๐๐๐ บาท เป็นเงิน ๒,๘๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๓.๒ เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิชนิดเคลื่อนที่แบบอินฟราเรด (Thermal Imaging System) จำนวน ๑๐๘ เครื่อง เครื่องละ ๔๐,๐๐๐ บาท เป็นเงิน ๔,๓๒๐,๐๐๐ บาท ๑.๓.๓ รถขนซากสัตว์ติดเชื้อระบบปิด จำนวน ๓ คัน คันละ ๗,๙๐๐,๐๐๐ บาท เป็นเงิน ๒๓,๗๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๓.๔ รถสามล้อพ่นยาฆ่าเชื้อ จำนวน ๒๗ คัน คันละ ๔๐๐,๐๐๐ บาท เป็นเงิน ๑๐,๘๐๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์) เร่งรัดการดำเนินการป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรโดยเร็ว เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11189 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 2/2563 | นร04 | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๓ ตามที่คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เสนอ ๒. รับทราบและเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๒.๑ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) เสนอว่า ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ ได้มีมติเห็นชอบมาตรการเร่งด่วนด้านสาธารณสุขเพื่อยับยั้งการระบาดของโรคภายในประเทศ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยกำหนดให้ประชาชนทุกคน ผู้ประกอบการ ผู้ร่วมกิจกรรม หรือผู้ใช้บริการ เว้นระยะนั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อย ๒ เมตร นั้น อาจไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงในบางสถานการณ์ เช่น การใช้บริการขนส่งสาธารณะ ดังนั้น จึงเห็นควรแก้ไขระยะห่าง จากที่กำหนดไว้เดิม อย่างน้อย ๒ เมตร เป็น ไม่น้อยกว่า ๑ เมตร ๒.๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอว่า ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ ได้มีมติมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับมาตรการรองรับผู้โดยสารที่ต้องการใช้ประเทศไทยเป็นช่องทาง Transit เพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศปลายทาง โดยจะต้องไม่เป็นการเพิ่มภาระของบุคลากรทางการแพทย์ของไทยและให้มีสถานที่รองรับภายในสนามบินที่เพียงพอ ไม่แออัด และไม่อนุญาตผู้โดยสารประเภท Transit เดินทางออกนอกสนามบินโดยเด็ดขาด นั้น กระทรวงการต่างประเทศได้หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม แล้ว เห็นว่าในส่วนของผู้เดินทางชาวต่างประเทศประเภท Transit จะอนุญาตให้เฉพาะผู้ที่เดินทางระหว่างประเทศซึ่งมีใบรับรองแพทย์ (fit-to-fly certificate) ประกอบการเดินทาง และให้อยู่ในบริเวณหรือพื้นที่ที่จัดให้เท่านั้น และกระทรวงการต่างประเทศจะได้ประสานกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11190 | หลักเกณฑ์การบริหารสัญญาระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนเพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | นร | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๓ ให้กระทรวงการคลังพิจารณากำหนดมาตรการที่เกี่ยวข้องเพื่อลดผลกระทบอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ต่อเอกชนคู่สัญญาในการระงับหรือเลื่อนการเดินทางไปศึกษา ดูงาน ฝึกอบรม หรือประชุมให้น้อยที่สุด และต่อมากรมบัญชีกลางได้ซักซ้อมความเข้าใจกับส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การบริหารสัญญากรณีที่ได้รับผลกระทบจากกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) (ตามหนังสือคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) ๐๔๐๕.๒/ว ๘๓ ลงวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๓) แล้ว นั้น แต่โดยที่หลักเกณฑ์ดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมถึงกรณีการบริหารสัญญาระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนสำหรับแผนงาน/โครงการอื่น ๆ อย่างครบถ้วน เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบของภาคเอกชนซึ่งเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐในการดำเนินโครงการ/กิจกรรมต่าง ๆ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เร่งพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการบริหารสัญญาระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนให้ครบถ้วนโดยเร็วด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11191 | มาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ระยะที่ 2 | กค | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ระยะที่ ๒ ของกระทรวงการคลัง ดังนี้ ๑.๑ มาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบหรือผู้ได้รับผลกระทบอื่น ๆ ของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) เห็นชอบในหลักการมาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบหรือผู้ได้รับผลกระทบอื่น ๆ ของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังกำหนดประเภท กลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุม เป็นธรรม รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยา และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบข้อมูลกลุ่มเป้าหมายให้มีความชัดเจน ถูกต้อง ครบถ้วน ครอบคลุมในระดับพื้นที่ และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้ถูกต้องครบถ้วนต่อไปด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๑.๒ มาตรการเสริมสร้างความรู้ ให้ชะลอมาตรการเสริมความรู้ไว้ก่อน โดยหากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาเข้าสู่ภาวะปกติ ให้กระทรวงการคลังบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามภารกิจ เพื่อเสริมสร้างความรู้ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว รวมถึงการจ้างงาน ให้เป็นไปตามแนวทางเดียวกัน และหากมีความจำเป็นจะต้องใช้จ่ายงบประมาณก็ให้ดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๓ [เรื่อง มาตรการด้านการงบประมาณเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และสถานการณ์ภัยแล้ง] เป็นลำดับแรกก่อน สำหรับกรณีการช่วยเหลือ เยียวยา และบรรเทาผู้ได้รับผลกระทบต่อการจ้างงานภายในประเทศ ให้ดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓ [เรื่อง การขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามมาตรการด้านการงบประมาณเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และสถานการณ์ภัยแล้ง] ซึ่งได้อนุมัติหลักการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๒,๗๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่งในเรื่องของการจ่ายเงิน และมอบหมายเรื่องการฝึกอบรมให้ทุกหน่วยงานหารือร่วมกันเพื่อแบ่งเบาภาระงบประมาณ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๑.๓ มาตรการด้านภาษี ๑.๓.๑ รับทราบและเห็นชอบในหลักการมาตรการด้านภาษี จำนวน ๙ มาตรการ ประกอบด้วย (๑) มาตรการเลื่อนเวลาการชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (๒) มาตรการเลื่อนเวลาการยื่นแบบแสดงรายการ นำส่ง และชำระภาษี (๓) มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าตอบแทนในการเสี่ยงภัยของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข (๔) มาตรการเพิ่มวงเงินหักลดหย่อนค่าเบี้ยประกันสุขภาพ (๕) มาตรกรเลื่อนเวลาการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคล (๖) มาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (๗) มาตรการยกเว้นอากรขาเข้าของที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) (๘) มาตรการขยายเวลาการยื่นแบบรายการภาษีพร้อมกับชำระภาษีของสถานบริการที่ประกอบกิจการตามบัญชีพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ และ (๙) มาตรการขยายเวลาการชำระภาษีให้แก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น มาตรการขยายเวลาการยื่นแบบรายการภาษีพร้อมชำระภาษีของสถานบริการที่ประกอบกิจการตามบัญชีพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรการขยายเวลาการชำระภาษีให้แก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ควรพิจารณาดำเนินการเป็นมาตรการชั่วคราวเท่านั้น และมาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ควรดำเนินมาตรการในระยะสั้นเพื่อการบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) เท่านั้น โดยให้เร่งประเมินเพื่อปรับมาตรการภาษีในระยะต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๑.๓.๒ เห็นชอบในหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร จำนวน ๒ ฉบับ (มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าตอบแทนในการเสี่ยงภัยของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และมาตรการเพิ่มวงเงินหักลดหย่อนค่าเบี้ยประกันสุขภาพ) ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ..) จำนวน ๑ ฉบับ [มาตรการยกเว้นอากรขาเข้าของที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19)] ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๑ ฉบับ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ จำนวน ๑ ฉบับ และการปรับปรุงร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๒ ฉบับ (มาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานำร่างกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้มารวมพิจารณากับร่างกฎหมายที่มีหลักการเช่นเดียวกับที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๓ (มาตรการต่อเติม เสริมทุน SMEs สร้างไทย) และยังอยู่ในระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย ๑.๔ มาตรการด้านการเงิน เห็นชอบในหลักการมาตรการด้านการเงิน จำนวน ๔ มาตรการ ประกอบด้วย (๑) โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) (๒) โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) (๓) โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับสำนักงานธนานุเคราะห์เพื่อช่วยเหลือประชาชนฐานรากที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) และ (๔) โครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินมาตรการรวมทั้งสิ้น ๒๙,๓๔๖ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น การพิจารณาให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจร่วมรับภาระต้นทุนในการดำเนินงาน การพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขเพื่อคัดกรองผู้เข้าร่วมโครงการให้เป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างแท้จริง การพิจารณากำหนดเงื่อนไขให้เข้าร่วมโครงการได้ครัวเรือนละ ๑ โครงการ และการขยายการดำเนินมาตรการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรนดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงกองทุนหมู่บ้าน และสหกรณ์ต่าง ๆ เพื่อจะได้กระจายความช่วยเหลือไปยังผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๑.๕ การดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในระยะต่อไป มอบหมายให้กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ กระทรวงสาธารณสุข ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาศึกษาแนวทาง พร้อมทั้งแหล่งเงินที่สามารถนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในระยะต่อไป เพื่อเป็นอีกกลไกหนึ่งในการรับมือกับวิกฤติการระบาดของไวรัส COVID-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า เพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการที่กระทรวงการคลังเสนอดังกล่าว เป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ กระทรวงการคลังสมควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตลอดจนติดตามประเมินผลสมฤทธิ์และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดเวลาดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11192 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินหลักประกัน พ.ศ. .... | กก | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินหลักประกัน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยลดจำนวนเงินหลักประกันที่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องวางต่อนายทะเบียนเพื่อเป็นหลักประกันการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวในระยะเร่งด่วนเนื่องจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้พิจารณาในประเด็นการกำหนดมาตรการในการคืนหลักประกันที่ได้เคยวางไว้เกินจำนวนหลักประกันตามกฎกระทรวงนี้ให้แก่ผู้วางหลักประกันด้วยตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11193 | การผ่อนปรนการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2562 | รง | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการผ่อนปรนการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง แนวทางการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานต่างด้าว ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๓) ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ โดยให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่ได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ ซึ่งนายจ้างหรือผู้ได้รับอนุญาตให้นำคนต่างด้าวมาทำงานได้ยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวกับเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงแรงงาน หรือยื่นผ่านระบบออนไลน์ ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ และไม่สามารถดำเนินการขอตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไปเพื่อการทำงานได้ทันภายในกำหนด รวมถึงผู้ติดตาม อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ทั้งนี้ มิให้นำมาตรา ๑๒ (๑๐) และมาตรา ๕๔ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ มาบังคับใช้แก่คนต่างด้าว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ เพื่อผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวและผู้ติดตามที่การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวได้ต่อไปได้จนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ และให้ยกเว้นค่าเปรียบเทียบปรับการอยู่เกินกำหนด (Over Stay) รวมถึงการยกเว้นการปฏิบัติตามคำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ ๑/๒๕๕๘ เรื่อง การไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาในราชอาณาจักร สั่ง ณ วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ (ฉบับที่ ..) เพื่อผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวที่การอนุญาตทำงานสิ้นสุดสามารถทำงานไปพลางก่อนได้จนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ และใช้บัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวที่กรมการจัดหางานออกให้และใบอนุญาตทำงานฉบับเดิมไปพลางก่อนได้ โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวจนกว่าจะไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. ให้หน่วยงานด้านความมั่นคงดำเนินการตรวจสอบ ปราบปราม จับกุมดำเนินคดีนายจ้างแรงงานผิดกฎหมายที่ลักลอบทำงานและผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดหลังสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ ๕. ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11194 | ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบของนายจ้าง และผู้ประกันตน พ.ศ. .... | รง | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบของนายจ้าง และผู้ประกันตน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ (๑) ให้นายจ้างที่ขึ้นทะเบียนนายจ้างและขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ได้รับการขยายกำหนดเวลายื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบตามมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ดังนี้ ค่าจ้างงวดเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้ยื่นแบบรายการแสดงการนำส่งเงินสมทบและนำส่งเงินสมทบ ภายในวันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ค่าจ้างงวดเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้ยื่นแบบรายการแสดงการนำส่งเงินสมทบและนำส่งเงินสมทบ ภายในวันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ค่าจ้างงวดเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้ยื่นแบบรายการแสดงการนำส่งเงินสมทบและนำส่งเงินสมทบ ภายในวันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ และ (๒) ให้ผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ได้รับการขยายกำหนดเวลานำส่งเงินสมทบเข้ากองทุนตามมาตรา ๓๙ วรรคสาม ดังนี้ เงินสมทบงวดเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้นำส่งเงินสมทบเข้ากองทุน ภายในวันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เงินสมทบงวดเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้นำส่งเงินสมทบเข้ากองทุน ภายในวันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เงินสมทบงวดเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้นำส่งเงินสมทบเข้ากองทุน ภายในวันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการขยายกำหนดเวลาดังกล่าวมีผลทำให้สำนักงานประกันสังคมได้รับเงินสมทบล่าช้าจากเดิมในสถานการณ์ปกติ ซึ่งสำนักงานประกันสังคมจะต้องเร่งพิจารณาวางแผนการดำเนินการทางการเงินของกองทุนประกันสังคมทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อสภาพคล่องและเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคมในอนาคตไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11195 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายชยพล ธิติศักดิ์ และนายมณฑล สุดประเสริฐ) | มท | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายชยพล ธิติศักดิ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ๒. นายมณฑล สุดประเสริฐ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11196 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย พ.ศ. 2551 (จำนวน 12 ราย 1. นางกนกวลี กันไทยราษฎร์ ฯลฯ) | วธ | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย จำนวน ๑๒ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๔ มีนาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. ผู้ทรงคุณวุฒิจากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านศิลปะร่วมสมัย ๑.๑ นางกนกวลี กันไทยราษฎร์ สาขาวรรณศิลป์ ๑.๒ นายกรีพงศ์ เทียมเศวต สาขาศิลปะการแสดง (อายุ ๗๐ ปี ๓ เดือน) ๑.๓ นายนิธิ สถาปิตานนท์ สาขาสถาปัตยกรรม (อายุ ๗๓ ปี) ๑.๔ นายปัญญา วิจินธนสาร สาขาทัศนศิลป์ ๑.๕ นายพิชิต วีรังคบุตร สาขาเรขศิลป์ ๑.๖ นายวรนันทน์ ชัชวาลทิพากร สาขาทัศนศิลป์ ๑.๗ นายศิริชัย ทหรานนท์ สาขาออกแบบเครื่องแต่งกาย ๑.๘ นายสมเถา สุจริตกุล สาขาดนตรี ๒. ผู้ทรงคุณวุฒิจากนักวิชาการด้านศิลปะร่วมสมัยจากสถาบันอุดมศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน ๒.๑ ศาสตราจารย์พรรัตน์ ดำรุง สาขาศิลปะการแสดง ๒.๒ ผู้ช่วยศาสตราจารย์โสภาวรรณ บุญนิมิตร สาขาภาพยนตร์ ๒.๓ นายอานันท์ นาคคง สาขาดนตรี ๒.๔ ศาสตราจารย์เอกชาติ จันอุไรรัตน์ สาขามัณฑนศิลป์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11197 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอาหารแห่งชาติ (จำนวน 7 ราย 1. ศาสตราจารย์พิเศษภักดี โพธิศิริ ฯลฯ) | สธ | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอาหารแห่งชาติ จำนวน ๗ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๔ มีนาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. ศาสตราจารย์พิเศษภักดี โพธิศิริ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านคุณภาพอาหาร ๒. นางสาวเมทนี สุคนธรักษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านความปลอดภัยด้านอาหาร ๓. นายยุคล ลิ้มแหลมทอง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านความมั่งคงด้านอาหาร ๔. ศาสตราจารย์วิสิฐ จะวะสิต กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านอาหารศึกษา ๕. ศาสตราจารย์พิเศษเรวัต ฉ่ำเฉลิม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านกฎหมาย ๖. นายวิชานัน นิวาตจินดา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านเศรษฐกิจและการค้า ๗. นายวนัส แต้ไพสิฐพงษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการบริหารจัดการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11198 | ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้ลดหย่อนการออกเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตน กรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] | รง | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้ลดหย่อนการออกเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตน กรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ หรือโรคโควิด ๑๙ [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้นายจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ ได้รับการลดหย่อนการออกเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมประจำงวดเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ถึงงวดเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยให้นายจ้างส่งเงินสมทบในอัตราร้อยละสี่ และผู้ประกันตนส่งเงินสมทบในอัตราร้อยละหนึ่ง ของค่าจ้างของผู้ประกันตน และให้ผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙ ได้รับการลดหย่อนการออกเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมประจำงวดเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ถึงงวดเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยให้ส่งเงินสมทบในอัตราเดือนละสองร้อยสิบเอ็ดบาท ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ที่นายจ้างและผู้ประกันตนจะได้รับ รวมทั้งวางแผนการดำเนินการทางการเงินของกองทุนประกันสังคมทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อสภาพคล่อง และเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคมในอนาคตไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11199 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฏากร (มาตรการสร้างความเชื่อมั่นในระบบตลาดทุน) | กค | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินได้เท่าที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออมตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ บางกรณี เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรเร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11200 | มาตรการให้ความช่วยเหลือเยียวยากรณีได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แพร่ระบาด | กค | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการให้ความช่วยเหลือเยียวยากรณีได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิค-๑๙) แพร่ระบาด ของกรมธนารักษ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. มาตรการการยกเว้นการเรียกเก็บค่าเช่าให้แก่ผู้เช่าของกรมธนารักษ์ เป็นระยะเวลา ๑ ปี (๑๒ เดือน) สำหรับผู้เช่าเพื่ออยู่อาศัยและผู้เช่าเพื่อการเกษตร ๒. มาตรการช่วยเหลือผู้เช่ารายใหญ่และผู้เช่าที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง โดยผู้เช่าดังกล่าวสามารถเลื่อนกำหนดการชำระค่าเช่าและค่าตอบแทนของเดือนมีนาคม ๒๕๖๓-สิงหาคม ๒๕๖๓ (รวมระยะเวลา ๖ เดือน) ได้ถึงวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๓ โดยให้ยกเว้นเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ ๑.๕ ต่อเดือนของเงินที่ค้างชำระตามสัญญาที่กำหนดไว้
|
.....