ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 554 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 11061 - 11080 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11061 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงสัดส่วนการลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศ จากไม่เกินร้อยละ ๓๐ เป็นไม่เกินร้อยละ ๔๐ เพื่อเป็นการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศที่มีความหลากหลาย และมีสภาพคล่องสูงกว่าตลาดในประเทศ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุน และเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่สมาชิก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เช่น กระทรวงการคลังควรพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศดังกล่าวอย่างรอบคอบด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11062 | ร่างแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2563 - 2565) | สศส03 | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบร่างแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕) เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติต่อไป ตามที่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) เสนอ โดยสาระสำคัญของร่างแผนปฏิบัติการฯ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ วิสัยทัศน์ : ประเทศไทยเป็นแหล่งอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และนวัตกรรมของโลก ๑.๒ เป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทย : แบ่งออกเป็น ๔ ช่วง ช่วงแรก มีระยะ ๓ ปี ส่วนช่วงที่ ๒-๔ มีระยะช่วงละ ๕ ปี โดยในช่วงระยะ ๓ ปีแรก มีเป้าหมายเพิ่มอัตราการขยายตัวของสินค้าและบริการสร้างสรรค์ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๕ และประเทศไทยมีเมืองที่ได้รับการคัดเลือกและประกาศให้เป็นเมืองสร้างสรรค์จากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization : UNESCO) ๑ เมือง ๑.๓ ยุทธศาสตร์ : ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) สร้างและส่งเสริมการจัดองค์ความรู้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (๒) ยกระดับทักษะและความสามารถบุคลากรในธุรกิจสร้างสรรค์และการกระตุ้นกระบวนการคิดเชิงสร้างสรรค์แก่คนไทย (๓) ยกระดับความสามารถในการดำเนินธุรกิจและสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และ (๔) พัฒนาเมืองและระบบนิเวศสร้างสรรค์ และส่งเสริมให้ภาครัฐให้ความสำคัญกับแนวคิดเชิงสร้างสรรค์ ๑.๔ กลไกในการขับเคลื่อน : สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) จะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในภาพรวม และการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ฯ โดยอาศัยการดำเนินงานและการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ๒. ให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) รับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เช่น ควรให้ความสำคัญในการวางระเบียบเชื่อมโยงบูรณาการจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันดำเนินการส่งเสริมเศรษฐกิจไปในทิศทางเดียวกัน ควรพิจารณาทบทวนโครงการภายใต้แผนยุทธศาสตร์ที่ ๓ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์โลกและแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และควรติดตามผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของร่างแผนปฏิบัติการฯ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11063 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดเชียงใหม่ (นายอู๋ จื้ออู่) | กต | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอู๋ จื้ออู่ (Mr. Wu Zhiwu) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน พะเยา พิษณุโลก แพร่ สุโขทัย ตาก และอุตรดิตถ์ สืบแทน นายเหริน อี้เชิง (Mr. Ren Yisheng) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11064 | การจำหน่ายข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 1/2550 ระหว่าง บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ผู้เรียกร้อง กับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้คัดค้าน | นร01 | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจำหน่ายข้อพิพาทหมายเลขดำที่ ๑/๒๕๕๐ ระหว่าง บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ผู้เรียกร้อง กับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้คัดค้าน ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถาบันอนุญาโตตุลาการได้นำคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด ตามคำร้องที่ ค. ๕/๒๕๖๑ คำสั่งที่ ค. ๕/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๒ ที่ศาลมีคำสั่งว่า กรณีนี้ไม่ใช่ข้อพิพาทที่จะนำเสนอต่อคณะอนุญาโตตุลาการได้ ตามมาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. ๒๕๔๕ ประกอบข้อ ๗ วรรคหนึ่ง ของข้อบังคับสำนักงานศาลยุติธรรม ว่าด้วยอนุญาโตตุลาการ สถาบันอนุญาโตตุลาการ และไม่อาจร้องขอให้ศาลปกครองตั้งอนุญาโตตุลาการแทนผู้เรียกร้องได้ สถาบันอนุญาโตตุลาการจึงไม่อาจรับข้อพิพาทรายนี้ไว้ดำเนินการได้อีกต่อไป ให้ยกเลิกคำสั่งชะลอกระบวนการพิจารณา ลงวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๑ และจำหน่ายข้อพิพาทออกจากระบบ ๒. สำนักงานการยุติการดำเนินคดีแพ่งและอนุญาโตตุลาการ สำนักงานอัยการสูงสุดเห็นว่า สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีควรเสนอเรื่องนี้ให้คณะกรรมการศึกษาและเตรียมการต่อสู้คดี กรณีข้อพิพาทหรือคดีที่เกิดขึ้นจากสัญญาเข้าร่วมงานและดำเนินการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบ ยู เอช เอฟ กับบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เพื่อทราบและพิจารณาต่อไป ๓. คณะกรรมการศึกษาและเตรียมการ กรณีข้อพิพาทหรือคดีที่เกิดขึ้นจากสัญญาเข้าร่วมงานและดำเนินการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบ ยู เอช เอฟ กับบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ได้มีมติมอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอเรื่องดังกล่าวต่อรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และขอความเห็นชอบให้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบคำสั่งสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11065 | การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | นร07 | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แนวทางการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ๑.๒ การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11066 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายพีรพันธ์ คอทอง) | กษ | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายพีรพันธ์ คอทอง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11067 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 3 ราย 1. นายกอบชัย บุญอรณะ ฯลฯ รวม 3 ราย) | มท | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายกอบชัย บุญอรณะ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11068 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว | กษ | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวม ๖ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ เมษายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. นายวีระชัย นาควิบูลย์วงศ์ ประธานกรรมการ ๒. นายสุวรรณ บูราพรนุสรณ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์) ๓. นางอุษา กลิ่นหอม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการเกษตร) ๔. นายธีระ พุ่มเสนาะ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการบริหารจัดการ) ๕. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ทวี วัชระเกียรติศักดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการวิจัยและกระบวนการเรียนรู้) ๖. นายเสถียร ใจคำ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการพัฒนาชุมชนและเครือข่ายเศรษฐกิจพอเพียง)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11069 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (จำนวน 6 ราย 1. นายชวลิต ชูขจร ฯลฯ) | กษ | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตรชุดใหม่ รวม ๖ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิม ได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ เมษายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. นายชวลิต ชูขจร ประธานกรรมการ ๒. นายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการเกษตร) ๓. นางสาวสุกัญญา ธีระกูรณ์เลิศ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านวิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี/นวัตกรรม) ๔. นายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการพาณิชย์/อุตสาหกรรม) ๕. นางจิราวรรณ แย้มประยูร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการบริหาร/การเงิน) ๖. นายสรรเสริญ อัจจุตมานัส กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านกฎหมาย)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11070 | แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการการประปานครหลวง (จำนวน 4 ราย 1. นายจำเริญ โพธิยอด ฯลฯ) | มท | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการการประปานครหลวง จำนวน ๔ คน แทนกรรมการเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์และลาออก ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ เมษายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งแทนอยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่ากำหนดเวลาของผู้ซึ่งตนแทน ดังนี้
๑. นายจำเริญ โพธิยอด กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๒. พลเอก สิงห์ทอง หมีทอง กรรมการ ๓. นายวรายุทธ เย็นบำรุง กรรมการ ๔. นายชัยทัต แซ่ตั้ง กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11071 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการสภาการศึกษา แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ | ศธ | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบกรณี นายสุภกร บัวสาย พ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาในคณะกรรมการสภาการศึกษา เนื่องจากลาออก ๑.๒ เห็นชอบแต่งตั้ง นายนิติ นาชิต เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาในคณะกรรมการสภาการศึกษา แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ ๒. ให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทน อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน โดยให้การแต่งตั้งมีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ เมษายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ในครั้งต่อ ๆ ไปให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสภาการศึกษาให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัดด้วย ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11072 | การรับรองขอบเขตอำนาจหน้าที่สภาการเทคนิคอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมแห่งอาเซียน (Ad-referendum Adoption of the Terms of Reference of the ASEAN TVET Council) | ศธ | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11073 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์สำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน และการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม สมัยพิเศษ ว่าด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) | กต | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11074 | การขอความเห็นชอบต่อถ้อยแถลงรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ว่าด้วยการตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด 19) เพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร ความปลอดภัยด้านอาหารและคุณค่าทางโภชนาการในอาเซียน | กษ | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ว่าด้วยการตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด 19) เพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร ความปลอดภัยด้านอาหารและคุณค่าทางโภชนาการในอาเซียน มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการยืนยันความมุ่งมั่นของรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด 19) เพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร ความปลอดภัยด้านอาหารและคุณค่าทางโภชนาการในอาเซียน และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างถ้อยแถลงฯ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า นอกจากความมั่นคงและความปลอดภัยของอาหารแล้ว ประเทศสมาชิกอาเซียนควรคำนึงถึงการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 หรือโรคที่อาจอุบัติใหม่ ตั้งแต่กระบวนการผลิต การขนส่ง จนกระทั่งถึงมือผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจต่อประเทศคู่ค้า และเป็นการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศมิให้ล่าช้าออกไปด้วยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนถ้อยแถลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11075 | การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ และมาตรการเพิ่มสิทธิประโยชน์อื่นสำหรับบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขรองรับภาวะฉุกเฉินในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 | นร10 | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๓ ที่เห็นชอบให้จัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ รวมทั้งสิ้น ๔๐,๘๙๗ อัตรา ประกอบด้วย การจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ เพื่อรองรับการบรรจุบุคลากรในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่ต้องปฏิบัติงานด่านหน้าในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ให้เข้ารับราชการ รวม ๓๘,๑๐๕ อัตรา และการจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ เพื่อรองรับการบรรจุนักศึกษาวิชาแพทยศาสตร์และทันตแพทยศาสตร์ ที่เป็นนักศึกษาคู่สัญญากับกระทรวงสาธารณสุขและสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ รวม ๒,๗๙๒ อัตรา รวมทั้งมาตรการเพิ่มสิทธิประโยชน์อื่นสำหรับบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข รองรับภาวะฉุกเฉินในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ตามที่สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอ และให้พิจารณาบรรจุแพทย์แผนไทยโดยอาจใช้อัตรากำลังที่เหลืออยู่ไปพร้อมกันด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง เหมาะสม เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควร (๑) ดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๓ เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ พร้อมปฏิทินการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ อย่างเคร่งครัด (๒) กำหนดนิยามคุณลักษณะของบุคลากรและลักษณะงานที่จะได้รับการพิจารณาให้เปลี่ยนสถานภาพเป็นข้าราชการให้มีความชัดเจน และสอดคล้องกับการให้ได้รับเงินเพิ่มพิเศษรายเดือน รวมทั้งการเลื่อนเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษ และ (๓) เร่งจัดทำแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปกำลังคนและภารกิจบริการด้านสาธารณสุขให้แล้วเสร็จ เพื่อให้สามารถวางระบบการบริหารอัตรากำลังให้สอดคล้องกับภารกิจบริการสุขภาพในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11076 | ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2563 เรื่อง การผ่อนปรนการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2562 | รง | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๓ เรื่อง การผ่อนปรนการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ จากเดิมให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงแรงงานไปดำเนินการแก้ไขเงื่อนเวลาในร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ และร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ (ฉบับที่ ..) รวม ๒ ฉบับ ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ ตรวจพิจารณาแล้ว จากเดิม “วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓” เป็น “วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๓” และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงแรงงานได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11077 | ร่างกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ พ.ศ. .... | รง | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยด้วยโรคติดต่อ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน ตามร่างข้อ ๓ และตามร่างข้อ ๔ ไม่เกินเก้าสิบวัน ทั้งนี้ ให้กฎกระทรวงมีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒. ให้กระทรวงแรงงาน (สำนักงานประกันสังคม) ร่วมกับกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณจัดทำประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสำหรับมาตรการเยียวยาตามร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ ทั้งนี้ ตามนัยมาตรา ๒๘ และมาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ๓. ให้กระทรวงแรงงานพิจารณาดำเนินการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และระยะเวลาที่เหมาะสมเท่าที่จำเป็นตามสถานการณ์อย่างเป็นธรรม รวมทั้งดำเนินการด้วยความรอบคอบ โปร่งใส และระมัดระวัง เพื่อให้การจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ให้เกิดผลกระทบทางการเงิน อันจะก่อให้เกิดภาระต่อรัฐบาล ตลอดจนวางแผนการดำเนินการทางการเงินของกองทุนประกันสังคมทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อสภาพคล่องและเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคมในอนาคตตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไปด้วย ๔. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11078 | มาตรการรองรับการดำเนินการในระยะยาวตามประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (กรณีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 74/2557 ) | นร09 | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า โดยที่ปัจจุบันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อยู่ในภาวะระบาดใหญ่ทั่วโลก ประกอบกับระบบกฎหมายไทยใช้ระบบคณะกรรมการมากกว่าร้อยละเก้าสิบห้าของกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ทั้งหมด ทั้งการประกอบกิจกรรมภาครัฐและภาคเอกชน และรัฐบาลได้กำหนดมาตรการให้ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนปฏิบัติงานจากที่บ้าน (Work From Home : WFH) และมีระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เพื่อมิให้มีการชุมนุมของกลุ่มคนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้การประชุมในรูปแบบคณะกรรมการตามที่กฎหมายกำหนดทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนต้องกระทำผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ดี การประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๗๔/๒๕๕๗ เรื่อง การประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ ๒๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ อันเป็นกฎหมายกลางว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์มีบทบัญญัติบางประการไม่สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากมีข้อจำกัดบางประการที่ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้เต็มรูปแบบ เช่น ในเรื่ององค์ประชุมซึ่งอย่างน้อยหนึ่งในสามของผู้เข้าร่วมประชุมยังคงต้องมาอยู่ในสถานที่เดียวกัน และผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมดต้องอยู่ในราชอาณาจักร จึงทำให้เกิดผลกระทบอย่างมากต่อความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาระบาดอย่างรุนแรง ซึ่งภาคธุรกิจต้องปรับตัวอย่างมากเพื่อรองรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยเห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ สมควรตรากฎหมายกลางว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นพระราชกำหนดตามมาตรา ๑๗๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ขึ้นใช้บังคับแทนประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติดังกล่าว จึงลงมติ
๑. เห็นชอบในหลักการให้มีกฎหมายกลางเพื่อรองรับการประชุมตามกฎหมายที่ดำเนินการผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำร่างพระราชกำหนดตามหลักการดังกล่าว และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย โดยเร่งด่วนต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11079 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 112/2563 (เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลด้านผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19) | นร04 | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๑๒/๒๕๖๓ (เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลด้านผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19) ลงวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๓ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11080 | การดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน | นร | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า ถึงแม้สถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือในภาพรวมจะลดความรุนแรงลง โดยเจ้าหน้าที่และทุกภาคส่วนได้ร่วมมือกันแก้ไขปัญหา และสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้มากขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ปัญหาไฟป่าก็ยังคงเกิดขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ อยู่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อให้การจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น จึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพภาคที่ ๓ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกับภาคเอกชน เครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่ อาสาสมัครและจิตอาสา เร่งรัดดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในทุกพื้นที่ ดังนี้
๑. ด้านการป้องกันและแก้ไข ให้ระดมสรรพกำลังและเครื่องมือในการดับไฟป่าให้รวดเร็ว โดยอาจพิจารณาใช้วิธีการดับไฟทางอากาศ เฝ้าระวังไม่ให้เกิดการประทุของไฟซ้ำในพื้นที่เดิมอีก จัดให้มีชุดดับไฟป่าและชุดพิทักษ์ป่าประจำหมู่บ้าน โดยอบรมให้ความรู้ที่จำเป็นและเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ให้ชัดเจน ๒. ด้านการบังคับใช้กฎหมาย ให้กวดขัน จับกุม และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดแก่ผู้กระทำความผิดและมีเจตนาเผาป่า ๓. ด้านความร่วมมือระดับภูมิภาค ให้สร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันข้ามแดนด้วย ๔. ถอดบทเรียนจากสภาพปัญหาและการดำเนินการแก้ไขปัญหาไฟป่าในช่วงที่ผ่านมา เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการในครั้งต่อ ๆ ไปให้เหมาะสม สอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ในจังหวัด เพื่อให้สามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืนต่อไป
|
.....