ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 553 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 11041 - 11060 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11041 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... | คค | 15/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11042 | ขอสิทธิพิเศษลดหย่อนค่ากระแสไฟฟ้าให้แก่ทหารผ่านศึก | กห | 15/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ ให้สิทธิพิเศษลดหย่อนค่ากระแสไฟฟ้าแก่ผู้ที่ได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ ๒ หรือเหรียญราชการชายแดน หรือเหรียญอื่นที่เทียบเท่า ที่มีคุณสมบัติเป็นทหารผ่านศึก และได้รับบัตรประจำตัวทหารผ่านศึกนอกประจำการ บัตรชั้นที่ ๓ แล้วเท่านั้น จำนวน ๑๐๒,๐๐๐ ราย ได้รับสิทธิพิเศษลดหย่อนค่ากระแสไฟฟ้า โดยแบ่งเป็น (๑) กลุ่มผู้ถือบัตรชั้นที่ ๓ ที่มีรายได้ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทต่อปี ให้ได้รับสิทธิพิเศษลดหย่อนค่ากระแสไฟฟ้า รายละ ๔๕ หน่วยต่อเดือน และ (๒) กลุ่มผู้ถือบัตรชั้นที่ ๓ ที่มีรายได้เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทต่อปี ให้ได้รับสิทธิพิเศษลดหย่อนค่ากระแสไฟฟ้า รายละ ๔๐ หน่วยต่อเดือน ๑.๒ การให้สิทธิพิเศษดังกล่าวควรมีการตรวจสอบจำนวนผู้มีสิทธิให้มีความถูกต้องชัดเจนตามจำนวนที่มีอยู่จริง และไม่ซ้ำซ้อนกับผู้มีสิทธิตามมาตรการหรือโครงการสวัสดิการอื่นของรัฐ โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เห็นควรให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกมาดำเนินการเพื่อการดังกล่าว หากไม่เพียงพอให้นำเงินนอกงบประมาณมาสมทบ สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้พิจารณาใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณเป็นลำดับแรก และหากไม่เพียงพอเห็นควรให้เสนอขอจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกที่จะได้รับอุดหนุนจากรัฐบาล ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีการขยายสิทธิพิเศษลดหย่อนค่ากระแสไฟฟ้าให้ครอบคลุมกรอบอัตราที่เพิ่มขึ้นของทหารผ่านศึกนอกประจำการ บัตรชั้นที่ ๓ ในอนาคต กระทรวงกลาโหมควรพิจารณาการให้สิทธิพิเศษและบริหารจัดการงบประมาณอย่างรอบคอบ และคำนึงถึงการประหยัดงบประมาณประกอบด้วย เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณภาครัฐที่มีอยู่อย่างจำกัดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11043 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการส่งเสริมความรู้ให้กับ SMEs ในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ตามมาตรการเพิ่มขีดความสามารถและส่งเสริมความรู้ให้กับ SMEs ในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน | นร53 | 15/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานโครงการส่งเสริมความรู้ให้กับ SMEs ในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ตามมาตรการเพิ่มขีดความสามารถและส่งเสริมความรู้ให้กับ SMEs ในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลการดำเนินโครงการส่งเสริมความรู้ให้กับ SMEs ในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน มีผลการดำเนินการ เช่น ผู้ประกอบการ SMEs เข้ารับการอบรม รวม ๔,๓๑๓ ราย ผู้ประกอบการ SMEs ได้รับสิทธิ์ซื้อ FX Option รวม ๓,๗๑๔ ราย และมูลค่าสัญญา FX Option รวม ๑๒๐.๒๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้จ่ายงบประมาณรวมทั้งสิ้น ๔๐.๕๙ ล้านบาท สำหรับปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน เช่น ผู้ประกอบการบางส่วนไม่เห็นถึงความจำเป็นในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และไม่เข้าใจเกี่ยวกับบริการ FX Options แม้ผ่านการอบรมแล้ว เป็นต้น ๑.๒ การดำเนินการในระยะต่อไป : โครงการส่งเสริมความรู้ด้านบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและสนับสนุน SME ที่ทำการค้าระหว่างประเทศ วงเงิน ๔๕๐ ล้านบาท เนื่องจากการดำเนินงานโครงการส่งเสริมความรู้ให้กับ SMEsฯ ไม่ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ SMEs มากนัก ดังนั้น คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ จึงได้มีมติอนุมัติและเห็นชอบการจัดสรรเงินกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตามมาตรา ๓๔ (๓) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓ เพื่อใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการส่งเสริมความรู้ด้านบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและสนับสนุน SMEs ที่ทำการค้าระหว่างประเทศ วงเงินงบประมาณ ๔๕๐ ล้านบาท รวมทั้งอนุมัติแผนการดำเนินงานโครงการส่งเสริมความรู้ด้านบริหารความเสี่ยงฯ วงเงินงบประมาณ ๒๒๕ ล้านบาท ๒. ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า ผลการดำเนินงานโครงการส่งเสริมความรู้ให้กับ SMEs ในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการ SMEs เข้าร่วมไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด เห็นควรนำปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานที่ผ่านมานำมาปรับปรุงแผนการดำเนินงานโครงการส่งเสริมความรู้ด้านบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและสนับสนุน SMEs ที่ทำการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงกำหนดกลุ่มเป้าหมายผู้ประกอบการ SMEs ที่มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่จะเข้าร่วมโครงการดังกล่าว เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล และดำเนินการตามข้อสั่งการประธานกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ตลอดจนให้มีการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของมาตรการดังกล่าวเป็นระยะ และรายงานต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11044 | รายงานงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ของการยางแห่งประเทศไทย | กษ | 15/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ ของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ในส่วนงบทำการ จำนวนทั้งสิ้น ๑๓,๙๙๔.๐๒๗๐ ล้านบาท ประกอบด้วย (๑) ทุน กยท. จำนวน ๒,๕๙๖.๖๕๘๐ ล้านบาท และ (๒) กองทุนพัฒนายางพารา จำนวน ๑๑,๓๙๗.๓๖๙๐ ล้านบาท ซึ่งผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย ในคราวประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๙/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๒ และครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11045 | นำส่งรายงานการเงินประจำปี และรายงานของผู้สอบบัญชี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | ศร | 15/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงิน และรายงานของผู้สอบบัญชี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐตามที่กระทรวงการคลังกำหนด สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11046 | ขอความเห็นชอบในหลักการการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ บางส่วน เพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำคลองลำรูใหญ่ จังหวัดพังงา | กษ | 15/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ บางส่วน เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำคลองลำรูใหญ่ จังหวัดพังงา ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกรอบระยะเวลาของโครงการที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น ให้กรมชลประทานดำเนินการตามมติคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ และดำเนินการตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด เป็นต้น ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการให้ถูกต้องและครบถ้วนตามมาตรา ๘ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ เกี่ยวกับการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียชุมชนที่เกี่ยวข้องและประชาชนไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11047 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. .... | สธ | 15/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11048 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายศรายุธ ทองกูล) | นร06 | 15/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายศรายุธ ทองกูล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านข่าวกรองความมั่นคงและสถาบันหลัก (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11049 | รายงานประจำปี 2561 ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ | อว | 15/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11050 | รายงานผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | นร01 | 15/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) ภารกิจของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (๒) ภารกิจของคณะอนุกรรมการต่าง ๆ ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (๓) ภารกิจของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาต่าง ๆ (๔) ภารกิจของสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ และ (๕) แผนงาน/โครงการในการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒. ให้ผู้บังคับบัญชาหน่วยงานกำกับดูแลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ สำหรับหน่วยงานที่ไม่ได้รายงานผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานข้อขัดข้องให้สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการทราบโดยเร็ว ๓. การรายงานผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ ในปีต่อไป ให้หน่วยงานต้นสังกัดเป็นผู้รายงานในภาพรวม สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้จังหวัดเป็นผู้รายงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11051 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดจำนวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. .... | มท | 15/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดจำนวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดจำนวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยกำหนดจำนวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรเป็นรายปีประเทศละไม่เกิน ๑๐๐ คนต่อปี และไม่เกิน ๕๐ คนต่อปี สำหรับคนไร้สัญชาติ ทั้งนี้ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยสามารถยื่นคำขอมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยต่อไป อันเป็นการส่งเสริมให้คนต่างด้าวเข้ามาลงทุนและทำงานในประเทศไทย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นว่า ในระยะต่อไปเห็นควรให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้พิจารณาประเมิน รวมถึงตรวจสอบและติดตามพฤติกรรมและสถานภาพการดำรงชีวิตของคนต่างด้าวซึ่งได้รับสถานะให้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำข้อมูลไปใช้ประกอบการทบทวนนโยบาย กฎหมาย ระเบียบและมาตรการที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมยิ่งขึ้นไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11052 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้เองทางชีวภาพ) | กค | 15/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้เองทางชีวภาพ) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละยี่สิบห้าของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพตามประเภทที่อธิบดีประกาศกำหนด และได้รับการรับรองผลิตภัณฑ์จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11053 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) สำหรับโครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบสารสนเทศของ สปป.ลาว เพื่อเชื่อมโยงกับระบบ ASEAN Single Window | กค | 15/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) สำหรับโครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบสารสนเทศของ สปป.ลาว เพื่อเชื่อมโยงกับระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน (ASEAN Single Window : ASW) ในรูปแบบเงินให้เปล่าทั้งจำนวน วงเงินรวม ๑๘,๘๒๐,๘๐๕.๑๒ บาท โดยใช้เงินสะสมของสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง [กรมศุลกากรและสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน)] รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป.ลาว ในกรณีโครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบฯ ในครั้งนี้ ฝ่ายไทยอาจพิจารณาใช้โอกาสที่เหมาะสมเร่งรัดและผลักดันประเด็นคงค้างสำคัญอื่น ๆ กับ สปป.ลาว เช่น การผลักดันให้ สปป.ลาว เปิดใช้พื้นที่ควบคุมร่วม (Common Control Area) บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ ๒ (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) ภายในปี ๒๕๖๓ และในการดำเนินโครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบฯ ควรมีการจัดทำแผนงานที่มีกลไกการติดตามให้เป็นไปตามกรอบ รวมถึงมีการประเมินผลสัมฤทธิ์โครงการร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ควรหารือร่วมกับ สปป.ลาว ในการพัฒนาและดูแลระบบ รวมทั้งการเชื่อมโยงข้อมูลและเอกสารอื่น ๆ ในทุกด่านพรมแดนถาวรด้วยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11054 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่สภากาชาดไทย) | กค | 15/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่สภากาชาดไทย) มีสาระสำคัญเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีโดยการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่บุคคลธรรมดา บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากรให้แก่สภากาชาดไทย ที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งการจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน สำหรับใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังของประเทศ และการจัดทำข้อมูลของเงินบริจาคที่สภากาชาดไทยในฐานะหน่วยรับงบประมาณได้รับในห้วงเวลาดังกล่าว เพื่อใช้ประกอบการจัดสรรงบประมาณของภาครัฐที่จะต้องคำนึงถึงฐานะเงินนอกงบประมาณ ความครอบคลุมของรายได้ หรือเงินอื่นใดที่มีอยู่หรือสามารถนำมาใช้จ่ายได้ ตามภารกิจและความจำเป็นที่เหมาะสม ตลอดจนการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวด้วยไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11055 | โครงการเพื่อการพัฒนาปี 2562 ของการประปาส่วนภูมิภาค | มท | 15/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการเพื่อการพัฒนาปี ๒๕๖๒ ของการประปาส่วนภูมิภาค จำนวน ๕ โครงการ ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาค สาขาเลย สาขาชัยนาท-(หันคา) สาขาสุไหงโก-ลก (ตากใบ) (เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนราธิวาส) สาขานครนายก และโครงการก่อสร้างปรับปรุงกิจการประปาภายหลังการรับโอนการประปาส่วนภูมิภาค สาขาสิงห์บุรี (ท่าวุ้ง) โดยจะดำเนินการก่อสร้างวางท่อส่งน้ำ ท่อจ่ายน้ำ ปรับปรุงเส้นท่อที่ชำรุด และวางท่อใหม่ในเขตจ่ายน้ำต่าง ๆ และพื้นที่ข้างเคียง รวมทั้งมีระบบผลิตน้ำประปาเพิ่มขึ้น วงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น ๒,๑๒๑.๑๔๔ ล้านบาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สำหรับงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้การประปาส่วนภูมิภาคพิจารณาใช้จ่ายเงินลงทุนจากเงินรายได้เป็นลำดับแรก และหากมีความจำเป็นต้องใช้เงินกู้ ให้กระทรวงมหาดไทย (การประปาส่วนภูมิภาค) ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (การประปาส่วนภูมิภาค) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เช่น การก่อหนี้และบริหารเงินกู้ดังกล่าว จะต้องกระทำด้วยความรอบคอบ คำนึงถึงความคุ้มค่า ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ และหากโครงการตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพิ่มเติมจะต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11056 | โครงการเพื่อการพัฒนาปี 2563 ของการประปาส่วนภูมิภาค | มท | 15/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการเพื่อการพัฒนาปี ๒๕๖๓ ของการประปาส่วนภูมิภาค จำนวน ๙ โครงการ ประกอบด้วย แผนงานโครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาค สาขาพัทยา-แหลมฉบัง-ศรีราชา [รองรับโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)] สาขาชลบุรี-พนัสนิคม-(พานทอง)-(ท่าบุญมี) ระยะที่ ๒ [รองรับโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)] สาขาเชียงใหม่-แม่ริม-สันกำแพง สาขายโสธร สาขานาทวี สาขาภูเขียว-(บ้านเป้า) สาขาจัตุรัส และสาขาปราจีนบุรี (ประจันตคาม)-(ศรีมหาโพธิ์) และแผนงานโครงการก่อสร้างปรับปรุงกิจการประปาภายหลังการรับโอนการประปาส่วนภูมิภาค สาขาตราด (องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะกูด) โดยจะดำเนินการปรับปรุงระบบประปาทั้งระบบ (ระบบน้ำดิบ ระบบผลิต ระบบจ่ายน้ำ และระบบอื่น ๆ) เพื่อตอบสนองความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้น ปรับปรุงการให้บริการ และแก้ไขปัญหาอื่น ๆ ไปพร้อมกัน และมีแผนบริหารจัดการลดน้ำสูญเสีย ประกอบด้วยกิจกรรมหลักคือ การบริหารจัดการแรงดัน การซ่อมท่อที่รวดเร็ว การสำรวจหาน้ำสูญเสียเชิงรุก การบริหารจัดการมาตรวัดน้ำ และให้ความสำคัญกับการปรับปรุงเส้นท่อซึ่งเป็นสาเหตุหลักของน้ำสูญเสียทั้งหมด วงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น ๙,๖๒๙.๙๙๑ ล้านบาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สำหรับงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้การประปาส่วนภูมิภาคพิจารณาใช้จ่ายเงินลงทุนจากเงินรายได้เป็นลำดับแรก และหากมีความจำเป็นต้องใช้เงินกู้ ให้กระทรวงมหาดไทย (การประปาส่วนภูมิภาค) ดำเนินตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (การประปาส่วนภูมิภาค) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น ให้กระทรวงมหาดไทยประสานงานและบูรณาการแผนงานการให้บริการน้ำประปาร่วมกับหน่วยงานผู้ให้บริการน้ำประปาอื่น อาทิ การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินงานและให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด และหากโครงการตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพิ่มเติมจะต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลให้การประปาส่วนภูมิภาคเร่งรัดการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดหาที่ดินเพื่อใช้ดำเนินโครงการโดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่ยังไม่มีความพร้อมด้านที่ดินอยู่ระหว่างการจัดหาที่ดินหรือการขอใช้ที่ดิน ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11057 | ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ) | ทส | 15/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11058 | ขอถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐอื่น ตามนัยมาตรา 6 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 | กค | 15/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐอื่น ตามนัยมาตรา ๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11059 | ร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเพื่อใช้ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. .... | อก | 15/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเพื่อใช้ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. .... ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์การส่งเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย อันเนื่องมาจากยกเลิกการกำหนดราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายที่ใช้บริโภคในราชอาณาจักร และการยกเลิกโควตา เพื่อให้โรงงานน้ำตาลทรายที่ไม่ได้จำหน่ายน้ำตาลทรายภายในราชอาณาจักรต้องนำส่งเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเช่นเดียวกันกับโรงงานน้ำตาลทรายที่จำหน่ายน้ำตาลทรายภายในราชอาณาจักร และให้มีผลใช้บังคับย้อนหลังตั้งแต่วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11060 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศสำหรับดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยและดอกเบี้ยพันธบัตรกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน) | กค | 15/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต่างประเทศสำหรับดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยและดอกเบี้ยพันธบัตรกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศและมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย สำหรับเงินได้พึงประเมินที่เป็นดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือดอกเบี้ยพันธบัตรกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เพื่อให้มาตรการภาษีในเรื่องนี้ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๗/๒๕๖๑ เรื่อง การยกเว้นภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากรบางกรณี ลงวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ เป็นมาตรการระยะยาว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
.....