ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 556 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 11101 - 11120 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11101 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่นำเข้ามาเพื่อใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | นร09 | 07/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่นำเข้ามาเพื่อใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่นำเข้ามาเพื่อใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไม่ว่าจะอยู่ในพิกัดประเภทใด โดยแก้ไขวันใช้บังคับจากเดิม “ให้มีผลใช้บังคับนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓” เป็น “ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓” เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๓ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11102 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาวดารณี ลิขิตวรศักดิ์) | กก | 07/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวดารณี ลิขิตวรศักดิ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11103 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณี และเครื่องประดับแห่งชาติ (นายมนตรี เนรกัณฐี) | พณ | 07/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมนตรี เนรกัณฐี เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ แทนผู้ที่ลาออก โดยให้มีวาระการดำรงตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ซึ่งตนแทน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11104 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการศูนย์คุณธรรม | วธ | 07/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการศูนย์คุณธรรม รวม ๖ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ เมษายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ประธานกรรมการ ๒. นางสาวชุติมา บุณยประภัศร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. ศาสตราจารย์ สมคิด เลิศไพฑูรย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. ศาสตราจารย์ รณชัย คงสกนธ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายดนัย จันทร์เจ้าฉาย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11105 | ขอความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (นายนิรุฒ มณีพันธ์) | คค | 07/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายนิรุฒ มณีพันธ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ ๓๙๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งค่าตอบแทนพิเศษประจำปีและสิทธิประโยชน์อื่นตามที่กระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ทั้งนี้ ให้นายนิรุฒ มณีพันธ์ ลาออกจากตำแหน่งพนักงานของรัฐวิสาหกิจอื่นก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11106 | การโอนข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายดนัย มู่สา) | นร04 | 07/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน นายดนัย มู่สา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11107 | ขออนุมัติอัตราข้าราชการตั้งใหม่ และมาตรการเพิ่มสิทธิประโยชน์อื่นสำหรับบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขรองรับภาวะฉุกเฉินในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด 19 | สธ | 07/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการกรอบอัตรากำลังข้าราชการตั้งใหม่ จำนวนรวม ๔๕,๖๘๔ อัตรา (๓๘,๑๐๕+๗,๕๗๙) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) รับเรี่องนี้ไปพิจารณาในรายละเอียด เงื่อนไข เงื่อนเวลา ให้ถูกต้อง เหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์และความจำเป็นอันเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และกรอบอัตรากำลังของข้าราชการที่เกี่ยวข้องในภาพรวมทั้งหมดให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน ๒ สัปดาห์ ทั้งนี้ ให้พิจารณาในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ในสังกัดอื่น ๆ ด้วย และให้ คปร. นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการคัดเลือกบรรจุบุคคลซึ่งมิได้สำเร็จการศึกษาในวุฒิที่ ก.พ. กำหนด การสนับสนุนเงินเพิ่มพิเศษรายเดือน การจัดสรรโควตาพิเศษ ความดีความชอบพิเศษ การเพิ่มอายุราชการเพิ่มทวีคูณ การลดดอกเบี้ยเงินกู้ การปรับอัตราชดเชย และการปรับสิทธิประโยชน์บุคลากรที่ได้รับความเสียหายกรณีปฏิบัติหน้าที่ ไปพิจารณาในรายละเอียดให้ถูกต้อง เหมาะสม และเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ. คปร. กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11108 | หลักเกณฑ์และแนวทางการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 พร้อมปฏิทินการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร07 | 07/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ชะลอการดำเนินการโอนงบประมาณบูรณาการข้ามหน่วยรับงบประมาณตามระเบียบว่าด้วยการโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และงบประมาณรายจ่ายบุคลากรระหว่างหน่วยรับงบประมาณ ๑.๒ การโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกอบด้วย หลักเกณฑ์และแนวทางการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และปฏิทินการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) รับไปประสานงานกับองค์การมหาชนและหน่วยงานของรัฐที่ได้รับงบประมาณเป็นเงินอุดหนุนและทุนหมุนเวียนตามแต่กรณี เพื่อถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และแนวทางการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ด้วย ๓. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11109 | มาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | มท | 07/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพิ่มเติม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบกำหนดนโยบายมาตรการค่าไฟฟ้าฟรีกับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ติดตั้งมิเตอร์ไม่เกิน ๕ แอมป์ (ประเภทที่ ๑.๑ ของการไฟฟ้านครหลวง และประเภทที่ ๑.๑.๑ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) จาก ๕๐ หน่วยต่อเดือนเป็น ๙๐ หน่วยต่อเดือน โดยมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานดำเนินการโดยให้ใช้เงินเรียกคืนรายได้เพื่อให้การไฟฟ้า มีฐานะการเงินตามเกณฑ์ที่กำหนดมาเป็นแหล่งเงินในการสนับสนุนการดำเนินการ ๑.๒ เห็นชอบการขยายระยะเวลาการชำระค่าไฟฟ้าให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ติดตั้งมิเตอร์ไม่เกิน ๕ แอมป์ (ประเภทที่ ๑.๑ ของการไฟฟ้านครหลวง และประเภทที่ ๑.๑.๑ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) เป็นระยะเวลาไม่เกิน ๖ เดือนของแต่ละรอบบิลสำหรับใบแจ้งค่าไฟฟ้าประจำเดือนเมษายน ถึงเดือนมิถุนายน ๒๕๖๓ โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยขยายระยะเวลาการชำระค่าไฟฟ้าให้การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคโดยไม่มีเบี้ยปรับ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า มาตรการค่าไฟฟ้าฟรีกับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ติดตั้งมิเตอร์ไม่เกิน ๕ แอมป์ จาก ๕๐ หน่วยต่อเดือนเป็น ๙๐ หน่วยต่อเดือน เห็นควรพิจารณากลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าที่ซื้อไฟฟ้าตรงกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเพิ่มเติมด้วย เพื่อให้ครอบคลุมผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ติดตั้งมิเตอร์ไม่เกิน ๕ แอมป์ทั้งประเทศ โดยแหล่งเงินในการสนับสนุนการดำเนินการเห็นควรให้กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และการไฟฟ้าทั้ง ๓ หน่วยงาน ร่วมกันพิจารณาโดยคำนึงถึงความเป็นธรรมกับผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภท และผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าในอนาคตประกอบด้วย ส่วนการขยายระยะเวลาการชำระค่าไฟฟ้าให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ติดตั้งมิเตอร์ไม่เกิน ๕ แอมป์ เป็นระยะเวลาไม่เกิน ๖ เดือนของแต่ละรอบบิล เห็นควรพิจารณาความเป็นไปได้ในการขยายระยะเวลาให้ครอบคลุมผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภท เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลกระทบต่อทุกภาคครัวเรือน สำหรับผลกระทบต่อการดำเนินงานของการไฟฟ้าทั้ง ๓ หน่วยงานจากการขยายระยะเวลาการชำระค่าไฟฟ้าให้ผู้ใช้ไฟฟ้าดังกล่าว เห็นควรให้กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และการไฟฟ้าทั้ง ๓ หน่วยงาน ร่วมกันพิจารณาหาแนวทางในการบรรเทาผลกระทบ โดยพิจารณาปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วยไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11110 | การปรับการเปิดภาคเรียนที่หนึ่ง ปีการศึกษา 2563 | ศธ | 07/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับการเปิดภาคเรียนที่หนึ่ง ปีการศึกษา ๒๕๖๓ โดยให้สถานศึกษาเลื่อนการเปิดภาคเรียนที่หนึ่ง ปีการศึกษา ๒๕๖๓ จากวันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการจะปรับวิธีการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับหลักสูตรที่กำหนดไว้ในแต่ละระดับการศึกษา ของปีการศึกษา ๒๕๖๓ โดยกระทรวงศึกษาธิการจะได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับศูนย์บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในการแก้ปัญหาแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ศอฉ.โควิด-19) ต่อไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11111 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของกระทรวงวัฒนธรรมภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน : กรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ห้วงวันที่ 31 มีนาคม - 6 เมษายน 2563 | วธ | 07/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของกระทรวงวัฒนธรรมภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน : กรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ห้วงวันที่ ๓๑ มีนาคม-๖ เมษายน ๒๕๖๓ ประกอบด้วย (๑) การจัดทำจดหมายเหตุ เพื่อบันทึกเหตุการณ์สำคัญของประเทศไทย : กรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (๒) การออกประกาศกระทรวงวัฒนธรรม เรื่อง แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับเทศกาล ประเพณี พิธีทางศาสนา และพิธีการต่าง ๆ กรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (๓) การบูรณาการความร่วมมือกับชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนพลังบวร ภาคีเครือข่าย และหน่วยงานต่าง ๆ (๔) การรับรู้ข้อมูลข่าวสารตามแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับเทศกาล ประเพณี พิธีทางศาสนา และพิธีการต่าง ๆ กรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และ (๕) การทำงานนอกที่ตั้งสำนักงาน และเหลื่อมเวลาทำงานของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม รวมทั้งการดำเนินงานในส่วนที่ให้บริการประชาชน ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11112 | ขออนุมัติเงินงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อบริหารจัดการหน้ากากอนามัยในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) | พณ | 07/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนิน “โครงการบริหารจัดการหน้ากากอนามัยในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)” วงเงินรวมทั้งสิ้น ๘๐๑,๐๖๖,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการจัดหาในราคาที่เหมาะสม เกิดความคุ้มค่า ประหยัด และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการและประชาชนเป็นสำคัญ และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน โดยไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับค่าชดเชยส่วนต่างราคาหน้ากากอนามัยให้ผู้ผลิต ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓ อีกทั้งกระทรวงพาณิชย์จะต้องพิจารณาความต้องการใช้และกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการหน้ากากอนามัยในสถานการณ์การระบาดได้เพียงพอและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนได้รับทราบและป้องกันการกักตุน โดยประสานงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อดำเนินการจัดสรรและกระจายหน้ากากอนามัยให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงตามลำดับความสำคัญอย่างเหมาะสม ทั่วถึง และเป็นธรรม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การจัดซื้อหน้ากากอนามัยจากโรงงานผลิตให้แก่กระทรวงมหาดไทยเพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ทุกจังหวัดดังกล่าว จะต้องไม่ทับซ้อนกับการผลิตของโรงงานที่จะจัดสรรให้แก่กระทรวงสาธารณสุขเพื่อแจกจ่ายบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งควรต้องให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยควรมีการบริหารจัดการหน้ากากอนามัยแก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงอย่างทั่วถึงตามความเหมาะสมและจำเป็น รวมทั้งควรให้ความรู้แก่ประชาชนในการใช้หน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในแต่ละพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11113 | การดำเนินการที่เกี่ยวเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) | นร | 07/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า เพื่อให้การบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร จึงมีมติ ดังนี้
๑. ให้ทุกส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่ของทุกหน่วยงานในจังหวัดให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมีข้อสั่งการหรือประกาศกำหนดอันเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ตามนัยพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ และข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยเฉพาะในเรื่องการออกตรวจพื้นที่และตรวจการกักกันตนเองของผู้ต้องเฝ้าระวัง ๒. ให้กระทรวงคมนาคมกำกับติดตามให้มีการจัดรถโดยสารสาธารณะจำนวนและรอบเวลาการเดินรถเพิ่มขึ้นให้เหมาะสมกับจำนวนผู้โดยสาร โดยเฉพาะในช่วงเวลาก่อนและหลังกำหนดการห้ามออกนอกเคหสถาน ตามข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งเป็นช่วงที่มีประชาชนรีบเดินทางเป็นจำนวนมาก ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยประสานงานกับสำนักจุฬาราชมนตรีในการกำหนดมาตรการรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ในช่วงเดือนรอมฎอน ที่จะเริ่มต้นในช่วงปลายเดือนเมษายน ๒๕๖๓ เพื่อป้องกันการรวมกลุ่มของประชาชนจำนวนมากในช่วงเวลาฉลองการละศีลอดในแต่ละวัน โดยพิธีละศีลอดหรือการปฏิบัติศาสนกิจใด ๆ ควรขอความร่วมมือให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ผู้เข้าร่วมพิธีสามารถเดินทางกลับที่พักอาศัยได้ภายในกรอบเวลาของการห้ามออกนอกเคหสถาน ตามข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ และให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค เช่น การเว้นระยะห่างทางสังคม การสวมหน้ากากอนามัย โดยเคร่งครัด ๔. ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐในการบริหารจัดการเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ให้เกิดความชัดเจน เช่น ในประเด็นการดำเนินการตามมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่กำหนดให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการขนส่งผู้เดินทางซึ่งมากับพาหนะนั้น เพื่อแยกกัก กักกัน คุมไว้สังเกต หรือรับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ตลอดทั้งออกค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู การรักษาพยาบาล การป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยให้มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๕. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) กำกับให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงาน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและรับฟังความเห็นข้อเสนอแนะของภาคเอกชนและภาคประชาชนเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบฯ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11114 | ประโยชน์ทดแทนการว่างงานของผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | นร05 | 07/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาชี้แจงกรณีประโยชน์ทดแทนการว่างงานของผู้ประกันตนว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๓ และวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ เพื่อให้ผู้ประกันตนซี่งต้องว่างงานอันเนื่องมาจากวิกฤตเศรษฐกิจหรือเหตุสุดวิสัยถึงขนาดที่ทำให้นายจ้างไม่สามารถประกอบกิจการได้ เช่น โรงแรมต้องหยุดการประกอบกิจการ มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนการว่างงานไว้แล้ว ซึ่งครอบคลุมการว่างงานเพราะเหตุการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) นอกจากนี้ ลูกจ้างยังมีสิทธิได้รับความช่วยเหลือจาก “กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง” ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานด้วย โดยกระทรวงแรงงานสามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายดังกล่าว ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างกฎกระทรวงการได้รับผลประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย พ.ศ. .... ไปตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยให้ครอบคลุมถึงกรณีที่ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย เพราะนายจ้างต้องหยุดประกอบกิจการไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วนเป็นการชั่วคราว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) การออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร และข้อกำหนดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยการหยุดประกอบกิจการดังกล่าวมิได้เป็นผลจากคำสั่งของทางราชการ ตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงแรงงานร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาผลกระทบต่อสภาพคล่องและเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคม รวมทั้งภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากการให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานจากกรณีดังกล่าวข้างต้น เพื่อให้การดำเนินการตามร่างกฎกระทรวงดังกล่าวเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11115 | กำหนดให้การบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นวาระแห่งชาติ | นร. | 07/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) เป็นสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการดำรงชีวิตของประชาชน
รวมทั้งสภาพเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมของประเทศเป็นอย่างมาก และมีแนวโน้มว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะคงอยู่ต่อเนื่องต่อไปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ซึ่งการบริหารจัดการเพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน
ทั้งในสถานการณ์ที่เป็นอยู่และภายหลังสถานการณ์การระบาดของโรคสิ้นสุดลง ซึ่งจะต้องฟื้นฟูประเทศในมิติต่าง
ๆ อย่างเร่งด่วนด้วย โดยจะต้องบูรณาการความร่วมมือทั้งหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน
และประชาชนทุกภาคส่วนอย่างเป็นระบบ ให้ครอบคลุมทุกองคาพยพของประเทศ ดังนั้น
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบให้การบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้การบริหารจัดการในเรื่องดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้
ให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)
ส่วนราชการ
และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนวาระแห่งชาติดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11116 | รายงานแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามมาตรการด้านงบประมาณเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และสถานการณ์ภัยแล้ง | นร07 | 03/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามมาตรการด้านการงบประมาณเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และสถานการณ์ภัยแล้ง ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. หน่วยรับงบประมาณที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ภายใต้แผนงานพื้นฐานและแผนงานยุทธศาสตร์ จำนวน ๔๑๙ หน่วยงาน ปัจจุบันมีวงเงินคงเหลือที่ยังไม่ได้เบิกจ่ายและก่อหนี้ จำนวนทั้งสิ้น ๖๔๔,๑๘๑.๔๐๘๑ ล้านบาท โดยมีหน่วยรับงบประมาณกำหนดแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามมาตรการฯ จำนวน ๑๕๘ หน่วยงาน จำนวนทั้งสิ้น ๘,๔๕๕.๖๕๘๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑.๓๑ ของวงเงินคงเหลือที่ยังไม่ได้เบิกจ่ายและก่อหนี้ เพื่อดำเนินการตามมาตรการด้านงบประมาณเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และสถานการณ์ภัยแล้ง ๒. สำนักงบประมาณได้พิจารณาแล้วเห็นว่ารายการที่หน่วยรับงบประมาณเสนอแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามมาตรการฯ มานั้น มีวัตถุประสงค์สอดคล้องกับเป้าหมายตามมาตรการด้านงบประมาณเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และสถานการณ์ภัยแล้ง จำนวนทั้งสิ้น ๓,๗๒๖.๖๒๑๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๕๘ ของวงเงินคงเหลือที่ยังไม่ได้เบิกจ่ายและก่อหนี้ จำแนกเป็น การดำเนินการตามมาตรการด้านการงบประมาณเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) จำนวน ๓,๑๘๒.๔๖๒๕ ล้านบาท และการบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง จำนวน ๕๔๔.๑๕๙๑ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11117 | มาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนาต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ระยะที่ 3 | นร | 03/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเกี่ยวกับมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนาต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ระยะที่ ๓ แล้ว มีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการดำเนินมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนาต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ระยะที่ ๓ ของกระทรวงการคลัง ภายในกรอบวงเงิน ๑,๙๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย (๑) การให้ความช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ลูกจ้างชั่วคราว และผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา และการดำเนินการเพื่อรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ภายในกรอบวงเงิน ๑,๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาท และ (๒) การจัดตั้งกองทุนเสริมสภาพคล่องเพื่อรักษาเสถียรภาพระบบการเงินและตลาดตราสารหนี้ ภายในกรอบวงเงิน ๔๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ๒. ให้กระทรวงการคลังรับไปดำเนินการร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนาต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ระยะที่ ๓ ของกระทรวงการคลังให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันอังคารที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๓ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11118 | การสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม | อว | 03/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินงานรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-๑๙ ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในประเด็น “การสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์” โดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานในสังกัด มหาวิทยาลัย ตลอดจนภาคเอกชน เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-๑๙ โดยมุ่งเน้นประเด็นการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ๔ ประเด็น คือ (๑) หน้ากากทดแทน N95 (N95-equivalent) ที่สามารถใช้ได้หลายครั้ง (๒) อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment : PPE) (๓) เครื่องช่วยหายใจ (Ventilators) และ (๔) ห้องตรวจแยกโรคแรงดันลบ (Negative-pressure facilities) ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11119 | มาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัสโคโรนา (Covid -19) ของกระทรวงพลังงาน | พน | 03/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการดำเนินมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัสโคโรนา (Covid-19) เพิ่มเติม ของกระทรวงพลังงาน ประกอบด้วย (๑) การลดค่าครองชีพของประชาชนและช่วยเหลือผู้ประกอบการ (๒) การส่งเสริมการลงทุนและส่งเสริมอาชีพด้านพลังงาน (๓) การจัดหาแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันโควิด-19 ให้ประชาชนทั้งประเทศผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ (๔) การจำหน่ายแอลกอฮอล์ทำความสะอาด ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11120 | ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 พ.ศ. .... | สธ | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการอนุญาตจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๒ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต การขอต่ออายุใบอนุญาต การอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต การขอรับใบแทนใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๒ และแบบบัญชีรับจ่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท ๒ ให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันเพื่อประโยชน์ในการใช้บังคับกฎหมาย ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|