ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1932 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 38621 - 38640 จากข้อมูลทั้งหมด 124242 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
38621 | รายงานผลการดำเนินการ กรณีชุมนุมประท้วงปิดถนนพหลโยธินเพื่อให้ปิดบ่อฝังกลบกากอุตสาหกรรมของบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) จังหวัดสระบุรี | ทส | 30/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถอนเรื่อง รายงาน
ผลการดำเนินการ กรณีชุมนุมประท้วงปิดถนนพหลโยธินเพื่อให้ปิดบ่อฝังกลบกากอุตสาหกรรมของบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) จังหวัดสระบุรี คืนไปได้ ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งสรุปผลการดำเนินการเรื่องนี้ รวมทั้งความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้เป็นปัจจุบัน แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
38622 | การแก้ไขปัญหาการคุ้มครองสิทธิของชาวต่างชาติในประเทศไทย | นร | 30/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีแจ้งเกี่ยวกับกรณีชาวต่างชาติร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติ
ตามกฎ ระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของชาวต่างชาติ เช่น สิทธิการถือครองและกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ การขอใบอนุญาตทำงาน รวมทั้งการขอต่ออายุและการยกเลิกวีซ่า เป็นต้น โดยการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่ยังไม่สอด คล้องถูกต้องตรงกัน ทำให้เกิดการเผยแพร่ข่าวสารที่ทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นและความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในหมู่ชาว ต่างชาติ ควรที่จะมีการตรวจสอบ พิจารณาทบทวน กฎ ระเบียบ และแนวปฏิบัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติทั้ง หมดให้เหมาะสม ชัดเจน และให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันในทางปฏิบัติมากยิ่งขึ้น โดยให้กระทรวงมหาดไทยรับ เรื่องนี้ไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงแรงงาน เป็นต้น แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
38623 | ขอให้พิจารณาลดหย่อนการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินของตู้โทรศัพท์สาธารณะ ของเทศบาลนครอุบลราชธานี | ทก | 30/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับเรื่อง ขอให้พิจารณาลดหย่อน
การประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินของตู้โทรศัพท์สาธารณะของเทศบาลนครอุบลราชธานี และความเห็นเพิ่มเติม ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์) เกี่ยวกับกรณีที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวัน ที่ 19 พฤษภาคม 2552 มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การประเมินค่าราย ปี และค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินสำหรับตู้โทรศัพท์สาธารณะให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศให้แล้วเสร็จก่อน การจัดเก็บภาษีประจำปี พ.ศ. 2552 นั้น กระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วคาดว่า จะสามารถเสนอคณะรัฐมนตรีได้ในสัปดาห์หน้า รวมทั้งเห็นด้วยกับการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินของตู้โทร ศัพท์สาธารณะของเทศบาลนครอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ไปประกอบการพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
38624 | ความตกลงให้ความช่วยเหลือด้านการเงินโครงการกลไกการหารือระดับภูมิภาคระหว่างสหภาพยุโรป - อาเซียน | กต | 30/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างความตกลงให้ความช่วยเหลือด้านการเงินโครงการกลไกการหารือระดับภูมิภาคระหว่าง สหภาพยุโรป-อาเซียน (Regional EC-ASEAN Dialogue Instrument : READI) โดยร่างความตกลง ฯ มีวัตถุประสงค์ เพื่อสนับสนุนการรวมตัวของอาเซียนและสนับสนุนการดำเนินการตามแผนงานการจัดตั้งประชาคมอาเซียน 2. อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลง ฯ ในนามของรัฐบาลไทย 3. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างความตกลง ฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญ หรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก |
|||||||||||||||||||||||||||
38625 | แผนปรับปรุงการบริหารจัดการและการบริการของระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) | นร | 30/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินการ ผลการพิจารณา และความเห็นของคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับแผนปรับปรุงการบริหารจัดการและบริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติเสนอ และให้แก้ไขถ้อยคำในหนังสือสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่ สุด ที่ นร 1115/2842 ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2552 หน้า 3 จากเดิม "3.3 กระทรวงคมนาคมควรพิจารณาทบ ทวนบทบาทของ ขสมก. ในการเป็นหน่วยงานกำกับดูแล (Regulator) และ/หรือการเป็นหน่วยงานให้บริการ (Operator) พร้อมทั้งจัดทำแผนการปรับบทบาทของ ขสมก. ที่ชัดเจน ..." เป็น "3.3 กระทรวงคมนาคมควรเป็น หน่วยงานกำกับดูแล (Regulator) ..." ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เสนอเพิ่มเติม 2. ให้กระทรวงคมนาคมรับผลการพิจารณารวมทั้งความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ไปปรับปรุงในส่วนของข้อมูลแผนปรับปรุงการบริหารจัดการและการบริการระบบขนส่งมวล ชนกรุงเทพ ของ ขสมก. ให้ชัดเจนครบถ้วนทั้ง 4 เรื่อง ได้แก่ ความเหมาะสมของเส้นทางเดินรถ ความเหมาะสม ของประมาณการผู้โดยสาร ผลกระทบด้านภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของผู้ใช้บริการที่มีรายได้น้อย รวมทั้งความ เหมาะสมของประมาณการรายได้ แล้วจัดส่งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||
38626 | การปรับโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย | นร | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
คมนาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นาย ถาวร เสนเนียม) รับไปชี้แจงทำความเข้าใจกับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย และพนักงานการ รถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กรณีที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 (เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2552) ว่าจะมีการแปรรูป รฟท. โดยให้ ชี้แจงทำความเข้าใจกับสหภาพแรงงาน ฯ และพนักงาน รฟท. ตลอดจนประชาชน ให้เข้าใจถูกต้องตรงกันว่ามติคณะ รัฐมนตรีดังกล่าวมุ่งปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการ รฟท. ให้ดียิ่งขึ้นและแก้ไขปัญหาการขาดทุนของ รฟท. ที่เป็นอย่างต่อเนื่อง การจะตั้งบริษัทลูก 2 บริษัท เพื่อแยกการบริหารทรัพย์สิน และการให้บริการของ รฟท. ให้ชัด เจนและมีประสิทธิภาพโดยบริษัทลูกทั้ง 2 บริษัท รฟท. ถือหุ้นร้อยละ 100 และไม่มีการแปรรูป ฯ แต่อย่างใด
|
|||||||||||||||||||||||||||
38627 | การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล | นร | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรายงานว่า กระทรวงการคลังได้วางแผนการดำเนินการ เกี่ยวกับการกู้เงินในงวดแรก โดยการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล วงเงิน 50,000 ล้านบาท ซึ่งแบ่งจำหน่ายให้ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปในวงเงิน 30,000 ล้านบาท และจำหน่ายให้บุคคลทั่วไปอีก 20,000 ล้านบาท ตั้งแต่ประมาณ กลางเดือนกรกฎาคม 2552 เป็นต้นไป ส่วนชื่อพันธบัตรอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะใช้ชื่อ "พันธบัตรไทยเข้มแข็ง" หรือ "พันธบัตรช่วยชาติ" ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังทำรายละเอียดเกี่ยวกับการออกพันธบัตรรัฐบาลและให้รับความ เห็นของคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า นอกจากบุคคลธรรมดาแล้ว นิติบุคคลต่าง ๆ ที่มีเงินออมจำนวนมากแสดงความสนใจ ในการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลด้วย จึงเห็นควรพิจารณาความเหมาะสมที่จะให้เกิดการมีส่วนร่วม ในการสนับสนุนแนวทางประเทศเข้มแข็งด้วย 2. ให้ทุกกระทรวงเตรียมความพร้อมในการดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (แผน ฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2) เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ภายในเดือนสิงหาคม 2552 ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
38628 | การจัดโครงสร้าง การแบ่งส่วนงาน และอำนาจหน้าที่ของส่วนงาน และอัตรากำลังของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร | นร | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การจัดโครงสร้าง การแบ่งส่วนงาน อำนาจ หน้าที่ของส่วนงาน และอัตรากำลังของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามที่กองอำนวยการ รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เสนอ มีสาระสำคัญคือ กำหนดโครงสร้างและแบ่งส่วนงานของ กอ.รมน. แบ่งเป็น 12 ส่วนงาน รวมทั้งกำหนดอัตรากำลังของ กอ.รมน. มีจำนวนทั้งสิ้น 977 อัตรา (เป็นอัตราช่วย ราชการ 777 อัตรา และอัตราประจำ 200 อัตรา) และให้หน่วยงานของรัฐให้การสนับสนุนการอำนวยการของ กอ.รมน. ตามที่ได้รับการประสานและร้องขอ และส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอ คณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะความเห็นของสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับการกำหนดประเภทตำแหน่งสายงาน และระดับตำแหน่ง ไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการกำหนด ตำแหน่งตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 รวมทั้งความเห็นของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยว กับการให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เป็นหน่วยควบคุมทางการบังคับบัญชาศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดน ภาคใต้ (ศอ.บต.) ไม่สอดคล้องกับโครงสร้างการจัดแบ่งส่วนราชการ อำนาจหน้าที่ และอัตรากำลังของ กอ.รมน. ซึ่ง ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2551 ได้กำหนดให้ ศอ.บต. เป็นหน่วยงานขึ้นตรงกับ ผู้อำนวยการ กอ.รมน. ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปด้วย 2. ในการบริหารจัดการตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้ ให้ กอ.รมน. รับความเห็นของกระทรวง มหาดไทย และสำนักงาน ก.พ. ไปพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมายด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
38629 | ร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ตช | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ จำนวน 2 ฉบับ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ 1. ร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ 1.1 กำหนดให้รัฐอุดหนุนงบประมาณรายจ่ายให้เพียงพอกับการปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1.2 ปรับปรุงระดับอัตราเงินเดือนของข้าราชการตำรวจชั้นยศต่าง ๆ 1.3 กำหนดอัตราเงินเดือนและอัตราเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ การจ่ายเงินเดือน และเงินประจำตำแหน่ง รวมทั้งกำหนดบัญชีอัตราเงินเดือนและบัญชีเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจไว้ เป็นการเฉพาะ 2. ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ 1.1 ยกเลิกอัตราเงินเดือนและเงินประจำตำแนห่งของข้าราชการตำรวจ 1.2 ยกเลิกบัญชีอัตราเงินเดือนและบัญชีอัตราเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ 3. ให้แก้ไขเพิ่มเติมร่างมาตรา 5(12) ที่กำหนดให้ข้าราชการตำรวจยศจ่าสิบตำรวจ สิบตำรวจเอก สิบ ตำรวจโท และสิบตำรวจตรี ได้รับเงินเดือนระดับ ป.1 ถึง ป.2 แตกต่างจากการได้รับเงินเดือนของข้าราชการ ทหารตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2551 ที่ไม่ได้กำหนดให้ข้าราชการทหาร ได้รับเงินเดือนเลื่อนไหลในระดับ ป.1 และ ป.2 เช่นเดียวกับข้าราชการตำรวจ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมระหว่าง ข้าราชการตำรวจและข้าราชการทหาร เห็นควรให้การกำหนดเงินเดือนดังกล่าวเป็นไปตามหลักการเดียวกันกับ ข้าราชการทหาร ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และคณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ รวมทั้งให้แก้ ไขเพิ่มเติมร่างมาตรา 18/1 เกี่ยวกับการกำหนดให้รัฐอุดหนุนงบประมาณรายจ่ายให้เพียงพอกับการปฏิบัติงาน ตามอำนาจหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเห็นสมควรให้ตัดออกเนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นส่วน ราชการตามกฎหมายวิธีการงบประมาณ มิใช่เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่สมควรต้องมีบทบัญญัติเกี่ยวกับความ เป็นอิสระด้านงบประมาณไว้เป็นการเฉพาะ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ แล้วนำเสนอสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
38630 | โครงการความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญาประชาคมยุโรป - อาเซียนระยะที่ 3 (ECAP III) | พณ | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) เสนอว่า โครงการ ความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญาประชาคมยุโรป-อาเซียนระยะที่ 3 (โครงการ ECAP III) เป็นโครงการ ย่อยภายใต้ความตกลงแม่บทระหว่างประชาคมเศรษฐกิจยุโรปกับรัฐบาลไทย เช่นเดียวกับโครงการ ECAP I และ ECAP II ซึ่งเป็นโครงการช่วยเหลือแบบให้เปล่าในระดับรัฐบาลกับรัฐบาล จึงไม่เข้าข่ายที่จะต้องเสนอรัฐ สภาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 190 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2. เห็นชอบเอกสารสัญญา (Financing Agreement) โครงการ ECAP III โดยมอบหมายให้เลขาธิ การอาเซียนเป็นผู้ลงนามแทนประเทศไทย 3. เห็นชอบในการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยน (Exchange letter) ระหว่างสำนักงานคณะกรรมาธิ การประชาคมยุโรปประจำประเทศไทยและกระทรวงพาณิชย์ เพื่อยืนยันเรื่องเอกสิทธิของสำนักงานโครงการ ที่ตั้งอยู่ ณ ประเทศไทย ว่าเป็นไปตามบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิพิเศษของผู้เชี่ยวชาญภายใต้โครงการที่ ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อกิจกรรมความร่วมมือของประชาคมยุโรป ลงวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2534 (Memorandum of Understanding relating to the privileges for experts under EC funded cooperation activities in Thailand of August 9,1991) และความตกลงแม่บทระหว่างประชาคมเศรษฐกิจยุโรปกับรัฐบาล ไทย ลงนามเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2524 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พาณิชย์เป็นผู้ลงนามหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายไทย ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ |
|||||||||||||||||||||||||||
38631 | หลักเกณฑ์การกู้ยืมเงิน การถือหุ้นหรือการเข้าเป็นหุ้นส่วน การเข้าร่วมทุนในกิจการของนิติบุคคลอื่น การจำหน่ายทรัพย์สินจากบัญชีเป็นสูญขององค์การมหาชน | นร | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการของหลักเกณฑ์การกู้ยืมเงิน การถือหุ้นหรือการเข้าเป็นหุ้นส่วนการ
เข้าร่วมทุนในกิจการของนิติบุคคลอื่น การจำหน่ายทรัพย์สินจากบัญชีเป็นสูญ ขององค์การมหาชน ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ โดยให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่เห็นว่าหลักเกณฑ์การจำหน่ายสินทรัพย์จากบัญชี เป็นสูญขององค์การมหาชน ให้รวมถึงกรณีทรัพย์สินที่ชำรุดหรือเสื่อมสภาพด้วย ไปปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์ดังกล่าว และให้นำเสนอคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการพิจารณาให้ความเห็นชอบ แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
38632 | ขอความเห็นชอบการจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวให้กับพนักงานรัฐวิสาหกิจ | มท | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ และนายถาวร
เสนเนียม) รับเรื่องการจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวให้แก่พนักงานรัฐวิสาหกิจ (การไฟฟ้านครหลวง และการ ประปานครหลวง) ไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการจ่ายเงิน เพิ่มการครองชีพชั่วคราวให้แก่พนักงานรัฐวิสาหกิจ ควรอยู่บนหลักการเดียวกับภาคราชการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2551 ซึ่งรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการไปแล้ว และความเห็นของประธานกรรมการนโยบาย พลังงานแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาอย่างรอบคอบ และเป็นไปตามความจำเป็น โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ พิจารณาภาพรวมของรัฐวิสาหกิจทุกแห่งในการกำหนดเพดานเงินเดือนขั้นต่ำ และอัตราค่าครองชีพที่เหมาะสม ตลอดจนประสานงานร่วมกับสำนักงบประมาณในการพิจารณาจัดสรรเงินในภาพรวมของประเทศต่อไป รวมทั้ง ความเห็นของคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า หากจะใช้แนวทางตามที่คณะรัฐมนตรีได้ให้เงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวให้แก่ ข้าราชการ และผู้มีสิทธิได้รับเช็คช่วยชาติแล้ว พนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจดังกล่าวที่ควรได้รับเงินเพิ่มการ ครองชีพชั่วคราวเดือนละ 2,000 บาท ควรเป็นพนักงานและลูกจ้างที่มีเงินเดือนไม่เกิน 15,000 บาท (รวมเงิน เพิ่มการครองชีพชั่วคราวที่ได้รับอยู่เดิมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2551) ซึ่งเมื่อรวมกับเงินเดือน แล้วต้องไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท และควรกำหนดให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเป็นเวลา 6 เดือน ไป ประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
38633 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงจำนวนหน่วยการก่อสร้าง ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี โครงการก่อสร้างที่พักอาศัยข้าราชการ สำนักงานอัยการสูงสุดพร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ | อส | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงบประมาณรับเรื่อง ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงจำนวนหน่วยการก่อสร้าง ขยาย
ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ และขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี โครงการก่อสร้างที่พักอาศัยข้าราชการ สำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ ไปประสานงานกับสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาเกี่ยว กับความเหมาะสมของจำนวนหน่วยก่อสร้าง รวมทั้งงบประมาณของโครงการที่พักอาศัยข้าราชการสำนักงานอัย การสูงสุด แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
38634 | รายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 | นร | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (กขร.) เสนอ ดังนี้
1. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ของ กขร. อาทิ การปรับปรุงแก้ไข พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้ มีผลในทางปฏิบัติมากขึ้น การเยียวยารักษาสิทธิให้ประชาชน โดยให้ความสำคัญต่อการดำเนินการเพื่อลดขั้นตอน การดำเนินงานเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียน เรื่องอุทธรณ์ และการตอบข้อหารือตามกฎหมาย รวมทั้งการเผยแพร่ความ รู้ความเข้าใจให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องทั้งในด้านการปฏิบัติหน้าที่ และการใช้ สิทธิตามกฎหมาย เป็นต้น 2. รับทราบเป้าหมายการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 โดย กขร. ได้กำหนดแนวทางในการ ดำเนินการในเรื่องสำคัญ คือ การติดตามเร่งรัดการตรากฎหมาย 2 ฉบับ การแนะนำและติดตามผลการปฏิบัติ งานของศูนย์ข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานของรัฐ การสร้างหน่วยงานตัวอย่าง และการขยายผลการกำหนดให้การ ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร ฯ เป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพหน่วยงานในราชการบริหารส่วนท้องถิ่น 3. เห็นชอบแนวทางดำเนินการเพื่อให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติ ดังนี้ 3.1 ให้หน่วยงานของรัฐในทุกระดับถือเป็นนโยบายสำคัญที่จะต้องดูแลและกำชับในการปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร ฯ ของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะการปฏิบัติตามตัวชี้วัด "ระดับความสำเร็จในการเปิดเผย ข้อมูลข่าวสาร" ให้มีการปฏิบัติได้ครบถ้วนถูกต้องตามขั้นตอนที่กำหนดโดยเคร่งครัด เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ สิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น 3.2 ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐฟ้องคดีปกครองเพื่อเพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการ เปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่มีคำวินิจฉัยให้หน่วยงานของรัฐเปิดเผยข้อมูลข่าวสารแก่ผู้อุทธรณ์ และต้องดำเนินการตาม คำวินิจฉัยภายใน 7 วัน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2542 โดยเคร่งครัด หากเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ ปฏิบัติตามโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการพิจารณาลงโทษทางวินัยทุกกรณี
|
|||||||||||||||||||||||||||
38635 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. .... | รง | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะ
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการ คุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน และเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
38636 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยพะเยา พ.ศ. .... | ศธ | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยพะเยา พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ มีสาระสำคัญคือ จัดตั้งมหาวิทยาลัยพะเยา เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐมีฐานะเป็นนิติบุคคล อยู่ในกำกับของรัฐและ ไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการ กระทรวงศึกษาธิการ กฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมาย ว่าด้วยวิธีงบประมาณหรือกฎหมายอื่น และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วนำเสนอ สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป 2. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการกำหนดให้มหาวิทยา ลัยพะเยาที่จะจัดตั้งขึ้นและมีฐานะเป็นนิติบุคคลในกำกับของรัฐรับโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบ ประมาณของมหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตสารสนเทศพะเยา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยนเรศวร ที่เป็น สถาบันอุดมศึกษาของทางราชการในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ดังนั้น สิทธิที่จะโอนไปจึง หมายความรวมถึงสิทธิการใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุ ประกอบกับมหาวิทยาลัยพะเยาที่จะจัดตั้งขึ้นตามร่างพระ ราชบัญญัติ ฯ ถือเป็นองค์การอื่นของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุ มหาวิทยาลัยพะเยาต้องทำความตกลง เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุดังกล่าวกับกรมธนารักษ์ด้วย สำหรับการกำหนดให้มหาวิทยาลัยพะเยามี อำนาจกู้ยืมเงิน และให้กู้ยืมเงินโดยมีหลักประกันด้วยบุคคลหรือทรัพย์ได้นั้น หากพิจารณาตามพระราชบัญญัติ การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 4 มหาวิทยาลัยมีสถานะเป็นหน่วยงานใน กำกับดูแลของรัฐ และตามมาตรา 19 กำหนดห้ามมิให้กระทรวงการคลังหรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐเข้ารับผิด ชอบหรือค้ำประกัน หรือตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่อชำระหนี้ต้นเงิน หรือดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับหน่วยงานในกำกับ ดูแลของรัฐ ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงไม่อาจเข้าค้ำประกันหนี้เงินกู้หรือหนี้ใด ๆ ของมหาวิทยาลัยได้ และไม่ สามารถจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระหนี้เงินกู้ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยให้แก่มหาวิทยาลัยได้ แต่ตามนัยมาตรา 25 กระทรวงการคลังมีอำนาจกู้เงินมาเพื่อให้มหาวิทยาลัยพะเยาซึ่งเป็นหน่วยงานในกำกับดูแลของรัฐกู้ต่อได้ นอก จากนี้ ในการยกร่างพระราชบัญญัตินี้ควรยึดถือมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2546 เรื่อง ร่างพระราช บัญญัติของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่จะออกนอกระบบที่กำหนดหลักการกลางที่จะบัญญัติไว้ในร่างพระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐทุกฉบับเป็นแนวทางในการยกร่าง จึงควรตรวจแก้ไขร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้ สอดคล้องกับหลักการกลางต่อไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
38637 | บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย - กาตาร์ | กต | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบต่อบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย-กาตาร์ เพื่อจัด ตั้งคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูง เพื่อพิจารณาประเด็นต่าง ๆ ในความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-กาตาร์ และอนุมัติ ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับปรุงถ้อยคำในร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ ซึ่งไม่มีผลเปลี่ยนแปลงในสาระ สำคัญ 2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศลงนามบันทึกความเข้าใจ ฯ ในนามของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย |
|||||||||||||||||||||||||||
38638 | การศึกษาดูงานในต่างประเทศของสถาบันพระปกเกล้า | พป | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ข้าราชการที่เป็นนักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าหลักสูตรการบริหารงานภาครัฐ
และกฎหมายมหาชน รุ่นที่ 8 เดินทางไปศึกษาดูงานในต่างประเทศชั่วคราว ระหว่างวันที่ 9-18 มีนาคม 2552 เป็น กรณีพิเศษ ตามที่สถาบันพระปกเกล้าเสนอ ทั้งนี้ เพื่อให้นักศึกษาที่เป็นข้าราชการสามารถเบิกค่าใช้จ่ายในการเดิน ทางได้เท่าเทียมกันทุกหน่วยงาน ให้สถาบันพระปกเกล้าขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป และในปีการ ศึกษาต่อไปให้สถาบันพระปกเกล้าพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี (20 มกราคม 2552)
|
|||||||||||||||||||||||||||
38639 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนชื่อส่วนราชการ "กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี" เป็น "กรมเจ้าท่า" พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนชื่อส่วนราชการ "กรมการขนส่งทางอากาศ" เป็น "กรมการบินพลเรือน" พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ | คค | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ จำนวน 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนชื่อส่วนราชการ "กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี" เป็น "กรมเจ้า ท่า" พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ 1.1 เปลี่ยนชื่อส่วนราชการจาก "กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี" เป็น "กรมเจ้าท่า" 1.2 เปลี่ยนชื่อตำแหน่งของข้าราชการในส่วนราชการดังกล่าว คือ อธิบดี รองอธิบดี ผู้อำนวยการ สำนักงาน หัวหน้าสำนักงาน 2. ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนชื่อส่วนราชการ "กรมการขนส่งทางอากาศ" เป็น "กรมการบินพลเรือน" พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ 2.1 เปลี่ยนชื่อส่วนราชการจาก "กรมการขนส่งทางอากาศ" เป็น "กรมการบินพลเรือน" 2.2 เปลี่ยนชื่อตำแหน่งของข้าราชการในส่วนราชการดังกล่าว คือ อธิบดี รองอธิบดี 3. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า ร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับ ดัง กล่าว จะมีผลกระทบต่อภาระงบประมาณในเรื่องของการจัดทำป้ายชื่อหน่วยงาน หรือป้ายสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่อยู่ ในส่วนกลางและต่างจังหวัด รวมทั้งการจัดทำเอกสารใบอนุญาตและใบสำคัญต่าง ๆ ที่จะต้องปรับเปลี่ยนให้สอด คล้องกับชื่อส่วนราชการใหม่ จึงเห็นควรให้ส่วนราชการทั้ง 2 แห่ง พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้ จ่ายงบประมาณประจำปีที่เกิดจากการเปลี่ยนชื่อส่วนราชการดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
38640 | การกำหนดวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ | กษ | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดให้วันที่ 5 มิถุนายน ของทุกปี เป็น "วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ" ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
.....