ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1935 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 38681 - 38700 จากข้อมูลทั้งหมด 124242 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
38681 | แผนยุทธศาสตร์ยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาระดับมัธยมศึกษา | ศธ | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการพื้นฐานของยุทธศาสตร์ แนวทาง/มาตรการเพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาระดับ มัธยมศึกษา มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาการศึกษาระดับมัธยมศึกษาให้มีคุณภาพและเพื่อยกระดับสู่มาตร ฐานสากล ระยะเวลาดำเนินงาน 4 ปี คือ ปี พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2555 งบประมาณดำเนินการ 9,080,000,000 บาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ ฯ โดยที่คณะรัฐมนตรีได้มี มติเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2552 เห็นชอบโครงการภายในแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2) ให้กับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยเป็นโครงการที่พร้อมดำเนินงานในปี พ.ศ. 2553 (ประเภทที่ 1) วงเงิน 25,233,875,000 บาท เพื่อดำเนินงานในสาขาการศึกษาและสาขาการลงทุนระดับชุมชนรวม 8 โครงการ ซึ่งครอบคลุมการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาระดับมัธยมศึกษา แล้วบางส่วน จึงเห็นควรนำไปประกอบการพิจารณาดำเนินการ และหากพิจารณาเห็นว่ามีความจำเป็นต้องดำเนิน การต่อเนื่องสำหรับในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะ สมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 2. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรพิจารณากำหนดแนวทางในการแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยให้ความสำคัญกับการ ขับเคลื่อนการดำเนินการตามแผนงานยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ทั้งระบบให้ทันสมัย ภายใต้แผนฟื้น ฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 ให้เกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ที่ เห็นควรวิเคราะห์ จำแนก และจัดลำดับความสำคัญกับสภาพปัญหาของคุณภาพการจัดการศึกษามัธยมศึกษาเพื่อวาง แผนการพัฒนาในระยะยาวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น สำหรับเป้าหมายในการดำเนินโครงการยังไม่ครอบคลุมโรง เรียนทั้งหมด เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการค่อนข้างสูง จึงควรเลือกดำเนินโครงการที่จะช่วยแก้ไขปัญหา เร่งด่วนก่อน และวางแผนแก้ไขปัญหาระยะยาวให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการ |
|||||||||||||||||||||
38682 | ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) | มท | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ 1.1 ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.2 ร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 5 ฉบับ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ 2.1 ร่างพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.2 ร่างพระราชบัญญัติรายได้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.4 ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... และร่างประมวล กฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2.5 ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 3. ให้ส่งร่างกฎหมายทั้ง 8 ฉบับดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณารวมกับร่าง พระราชบัญญัติเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 7 ฉบับ ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2548 ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดย รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่า อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการในการกำหนดแนวทางการพัฒนา การบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นเพื่อรองรับการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการในด้านการจัดและพัฒนาโครงสร้างส่วนราชการ และระบบบริหารจัดการขององค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการเชื่อมโยงระบบบุคลากรของท้องถิ่นให้สอดคล้องกับระบบบริหารงานบุคคลภาครัฐ ในภาพรวม นอกจากนี้ ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมและสอดรับกับการบูรณาการความสัมพันธ์ในการบริหารราช การระหว่างส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ส่วนการกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการมาตรฐานการ บริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น มีจำนวนผู้แทนของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องจำนวน 6 คน ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 คน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 5 คน และผู้แทนข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นจำนวน 5 คน ซึ่งมี ผลทำให้จำนวนผู้แทนแต่ละฝ่ายไม่เท่ากัน จึงเห็นควรแก้ไขให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณา จักรไทยที่กำหนดให้มีจำนวนผู้แทนของแต่ละฝ่ายเท่ากัน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย สำหรับการยกเลิก ตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ให้ใช้ในกรณีท้องถิ่นใดที่ยกฐานะเป็นเทศบาลนคร ส่วนท้องถิ่นใดที่ยกฐานะเป็น เทศบาลเมือง การยกเลิกตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ให้อยู่ในดุลพินิจของกระทรวงมหาดไทยที่จะประกาศยก เลิกตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้ การปรับปรุงกฎหมายในเรื่องนี้ไม่ให้มีผลย้อนหลัง แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||
38683 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) | มท | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ 1.1 ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.2 ร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 5 ฉบับ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ 2.1 ร่างพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.2 ร่างพระราชบัญญัติรายได้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.4 ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... และร่างประมวล กฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2.5 ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 3. ให้ส่งร่างกฎหมายทั้ง 8 ฉบับดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณารวมกับร่าง พระราชบัญญัติเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 7 ฉบับ ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2548 ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดย รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่า อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการในการกำหนดแนวทางการพัฒนา การบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นเพื่อรองรับการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการในด้านการจัดและพัฒนาโครงสร้างส่วนราชการ และระบบบริหารจัดการขององค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการเชื่อมโยงระบบบุคลากรของท้องถิ่นให้สอดคล้องกับระบบบริหารงานบุคคลภาครัฐ ในภาพรวม นอกจากนี้ ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมและสอดรับกับการบูรณาการความสัมพันธ์ในการบริหารราช การระหว่างส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ส่วนการกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการมาตรฐานการ บริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น มีจำนวนผู้แทนของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องจำนวน 6 คน ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 คน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 5 คน และผู้แทนข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นจำนวน 5 คน ซึ่งมี ผลทำให้จำนวนผู้แทนแต่ละฝ่ายไม่เท่ากัน จึงเห็นควรแก้ไขให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณา จักรไทยที่กำหนดให้มีจำนวนผู้แทนของแต่ละฝ่ายเท่ากัน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย สำหรับการยกเลิก ตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ให้ใช้ในกรณีท้องถิ่นใดที่ยกฐานะเป็นเทศบาลนคร ส่วนท้องถิ่นใดที่ยกฐานะเป็น เทศบาลเมือง การยกเลิกตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ให้อยู่ในดุลพินิจของกระทรวงมหาดไทยที่จะประกาศยก เลิกตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้ การปรับปรุงกฎหมายในเรื่องนี้ไม่ให้มีผลย้อนหลัง แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||
38684 | การปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) | นร | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ 1.1 ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.2 ร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 5 ฉบับ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ 2.1 ร่างพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.2 ร่างพระราชบัญญัติรายได้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.4 ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... และร่างประมวล กฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2.5 ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 3. ให้ส่งร่างกฎหมายทั้ง 8 ฉบับดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณารวมกับร่าง พระราชบัญญัติเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 7 ฉบับ ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2548 ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดย รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่า อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการในการกำหนดแนวทางการพัฒนา การบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นเพื่อรองรับการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการในด้านการจัดและพัฒนาโครงสร้างส่วนราชการ และระบบบริหารจัดการขององค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการเชื่อมโยงระบบบุคลากรของท้องถิ่นให้สอดคล้องกับระบบบริหารงานบุคคลภาครัฐ ในภาพรวม นอกจากนี้ ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมและสอดรับกับการบูรณาการความสัมพันธ์ในการบริหารราช การระหว่างส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ส่วนการกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการมาตรฐานการ บริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น มีจำนวนผู้แทนของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องจำนวน 6 คน ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 คน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 5 คน และผู้แทนข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นจำนวน 5 คน ซึ่งมี ผลทำให้จำนวนผู้แทนแต่ละฝ่ายไม่เท่ากัน จึงเห็นควรแก้ไขให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณา จักรไทยที่กำหนดให้มีจำนวนผู้แทนของแต่ละฝ่ายเท่ากัน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย สำหรับการยกเลิก ตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ให้ใช้ในกรณีท้องถิ่นใดที่ยกฐานะเป็นเทศบาลนคร ส่วนท้องถิ่นใดที่ยกฐานะเป็น เทศบาลเมือง การยกเลิกตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ให้อยู่ในดุลพินิจของกระทรวงมหาดไทยที่จะประกาศยก เลิกตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้ การปรับปรุงกฎหมายในเรื่องนี้ไม่ให้มีผลย้อนหลัง แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||
38685 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 | นร | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
1. รับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องเรียนจากประชาชนในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 (มกราคม-มีนาคม 2552) สรุปได้ดังนี้ การใช้บริการร้องเรียนของประชาชน ได้มีการใช้บริการการ ร้องเรียนผ่านช่องทางสายด่วนของรัฐบาล 1111 มากที่สุด รองลงมาคือ ช่องทางเว็ปไซต์ (www.1111.go.th) และช่องทางตู้ ปณ. 1111/ไปรษณีย์/โทรสาร ตามลำดับ โดยจำนวนการใช้บริการร้องเรียนช่วงไตรมาสที่ 2 มี จำนวน 6,064 ครั้ง เทียบกับช่วงไตรมาสที่ 1 เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 0.23 เท่า สำหรับประเภทเรื่องที่ประชาชน ร้องเรียนมากที่สุด ได้แก่ กล่าวโทษหรือร้องเรียนเจ้าหน้าที่ของรัฐ รองลงมาคือ สาธารณูปโภค และสังคมเสื่อม โทรม และหน่วยงานที่มีจำนวนเรื่องร้องเรียนมากที่สุด ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รองลงมาคือ กระทรวง แรงงาน และกระทรวงการคลัง ส่วนเรื่องร้องเรียนที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีประสานส่งหน่วยงาน "เพื่อทราบ" ส่วนใหญ่เป็นกรณีการเสนอข้อคิดเห็น ติชม แจ้งเหตุ แจ้งเบาะแส บัตรสนเทห์ เป็นต้น และเรื่องที่ ประสานส่งหน่วยงาน "เพื่อพิจารณา" ส่วนใหญ่เป็นกรณีปัญหาความเดือดร้อนการขอความช่วยเหลือ ขอความ อนุเคราะห์ ขอความเป็นธรรม การร้องเรียนกล่าวโทษ เป็นต้น สำหรับจังหวัดที่มีจำนวนเรื่องร้องเรียนมากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร รองลงมาคือ จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ 2. เห็นชอบให้ส่วนราชการที่มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนที่ผลกระทบ ต่อส่วนรวมกำหนดแนวทางดำเนินการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมตามความเหมาะสมในการแก้ไขปัญหาอย่าง เป็นรูปธรรมต่อไป 3. ให้จังหวัด/หน่วยงานที่มีร้อยละของเรื่องที่ดำเนินการจนได้ข้อยุติได้น้อยเร่งรัดดำเนินการจนได้ข้อ ยุติด้วย
|
|||||||||||||||||||||
38686 | แถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรี 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 15 | นร | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ 1.1 แถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนต รี 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 15 ซึ่งที่ประชุมระดับรัฐมนตรี 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 15 จะได้พิจารณาให้ความเห็นชอบในวันที่ 19 มิถุนายน 2552 1.2 ให้ สศช. สามารถปรับปรุงถ้อยคำในแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวได้ ในกรณีที่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลง สาระสำคัญในการประชุมคณะทำงานเพื่อปรับปรุงร่างแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีครั้งสุดท้าย ในวันที่ 16-17 มิถุนายน 2552 2. ให้ สศช. รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรส่งเสริมความร่วมมือในการใช้ประโยชน์ จากโครงข่ายเส้นทางคมนาคมใน GMS ที่ได้รับการพัฒนาไปมากแล้ว เพื่อขยายการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และควรมีข้อความที่กล่าวถึงวิกฤติการเงินเศรษฐกิจของโลกและศักยภาพ รวมทั้งบทบาทของประเทศ GMS ในการดำเนินการเพื่อรับมือและฟื้นฟูเศรษฐกิจของภูมิภาค และควรเพิ่มข้อความ ที่กล่าวถึงบทบาทของผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้นำท้องถิ่นของประเทศ GMS ในการดำเนินความร่วมมือเพื่อส่งเสริม การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว แ ละการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในกรอบความร่วมมือ GMS นอก จากนี้ ควรเพิ่มข้อความที่เน้นเรื่องการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนในลักษณะหุ้นส่วน (public -private partnership) เพื่อขยายการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว รวมทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของ ประเทศ GMS และความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรเพิ่มหัวข้อ เรื่องการบริหารจัดการน้ำในลุ่มแม่น้ำโขง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||
38687 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจัดหายุทโธปกรณ์ในการควบคุมฝูงชน | กห | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้กระทรวงกลาโหมจัดหายุทโธปกรณ์ในการควบคุมฝูงชนให้กองร้อยรักษาความสงบของ กองทัพไทย จำนวน 7 กองร้อย เป็นเงิน 66,236,800 บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามความเห็นของสำนักงบ ประมาณ 2. ให้คณะกรรมการอำนวยการและวางแผนการรักษาความปลอดภัยการประชุมสุดยอดอาเซียนกับ ประเทศคู่เจรจา และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานกรรมการ ตาม คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 121/2552 ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2552 รับผิดชอบเกี่ยวกับการรักษาความ ปลอดภัยการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ARF) ในห้วง 16-23 กรกฎาคม 2552 ณ จังหวัดภูเก็ต ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
38688 | ของบประมาณเพิ่มเติมตามโครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี | มท | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการงบประมาณเพิ่มเติมให้แก่โรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้อง
ถิ่นตามโครงการสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี เพื่อใช้จ่ายในรายการค่าเครื่องแบบนักเรียน เพิ่มอีกคนละ 1 ชุด ในทุกระดับชั้น และรายการค่ากิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนในทุกระดับชั้น ตามที่กระทรวง มหาดไทยเสนอ สำหรับงบประมาณดำเนินการให้กระทรวงมหาดไทยตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ในการดำเนินการให้ใช้แนวทางปฏิบัติและมาตรฐานเดียวกันกับกระทรวงศึกษาธิการตามนัยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2552 (เรื่อง โครงการเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ) |
|||||||||||||||||||||
38689 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหงษ์เจริญ ตำบลทรัพย์อนันต์ ตำบลคุริง ตำบลท่าแซะ ตำบลท่าข้าม และตำบลนากระตาม อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... | กษ | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบล
หงษ์เจริญ ตำบลทรัพย์อนันต์ ตำบลคุริง ตำบลท่าแซะ ตำบลท่าข้าม และตำบลนากระตาม อำเภอท่าแซะ จังหวัด ชุมพร พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ มี สาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหงษ์เจริญ ตำบลทรัพย์อนันต์ ตำบลคุริง ตำบลท่าแซะ ตำบลท่าข้าม และตำบลนากระตาม อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการท่าแซะ จังหวัดชุมพร และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
38690 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าช้าง ตำบลจันทนิมิต ตำบลพลับพลา ตำบลคลองนารายณ์ ตำบลเกาะขวาง และตำบลหนองบัว อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... | กษ | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่า
ช้าง ตำบลจันทนิมิต ตำบลพลับพลา ตำบลคลองนารายณ์ ตำบลเกาะขวาง และตำบลหนองบัว อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอ มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าช้าง ตำบลจันทนิมิต ตำบลพลับ พลา ตำบลคลองนารายณ์ ตำบลเกาะขวาง และตำบลหนองบัว อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี เพื่อประโยชน์แก่ การชลประทานในการก่อสร้างระบบระบายน้ำ ตามโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองจันทบุรี แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
38691 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานเชียงใหม่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ | กษ | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทาน
เชียงใหม่เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณา ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำบ้านแม่ตะไคร้ เป็นทางน้ำชลประทานที่ จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำบ้านแม่ตะไคร้ ใน ท้องที่ตำบลทาเหนือ อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน 2. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยมะนาว เป็นทางน้ำชลประทานที่จะ เรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยมะนาว ในท้องที่ ตำบลดอนเปา อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
|
|||||||||||||||||||||
38692 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานราชบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ | กษ | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทาน
ราชบุรีเป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำชัฏป่าหวาย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะ เรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำชัฏป่าหวาย ในท้อง ที่ตำบลท่าเคย อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน 2. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยมะหาด เป็นทางน้ำชลประทานที่จะ จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยมะหาด ใน ท้องที่ตำบลหนองพันจันทร์ อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
|
|||||||||||||||||||||
38693 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 สายสีคิ้ว - เชียงคาน ตอนทางเลี่ยงเมืองภูเขียว เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริม
ทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 สายสีคิ้ว-เชียงคาน ตอนทางเลี่ยงเมืองภูเขียว เป็นกรณีที่มีความ จำเป็นโดยเร่งด่วน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติ ที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
38694 | แจ้งยืนยันและปรับปรุงคณะกรรมการต่างๆ ที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง (สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ) | พศ | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้คงคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธมณฑล ซึ่งประกอบด้วยคณะ
กรรมการอำนวยการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธมณฑลฝ่ายสงฆ์ และคณะกรรมการอำนวยการอนุรักษ์และพัฒนา พุทธมณฑลฝ่ายฆราวาส โดยปรับปรุงรายพระนาม/รายนามคณะกรรมการ ฯ เพื่อให้ถูกต้องตามบทบัญญัติ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
38695 | ผลการเข้าร่วมงาน Roadshow ณ สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา และการประชุมของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (Spring Meeting) | กค | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอผลการเข้าร่วมงาน Roadshow ณ กรุง
ลอนดอน สหราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 22-23 เมษายน 2552 และกรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ใน วันที่ 24 เมษายน 2552 และการเข้าร่วมการประชุมของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (Spring Meeting) และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 24-26 เมษายน 2552 ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ คลัง สรุปได้ดังนี้ 1. การเข้าร่วมงาน Roadshow ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร และกรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐ อเมริกา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ชี้แจงต่อนักลงทุนให้ทราบถึงภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจ และการ เมืองล่าสุดของประเทศเศรษฐกิจของไทย และสร้างความเข้าใจในแนวนโนยบายของรัฐบาล พร้อมทั้งให้นักลงทุน ต่างชาติได้รับทราบในข้อเท็จจริง อุปสรรคและโอกาสในการลงทุนในประเทศไทย 2. การประชุมอย่างไม่เป็นทางการของกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia Voting Group : SEA Group) ของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ที่ประชุมได้มีการหารือแนวโน้มเศรษฐ กิจและผลกระทบของวิกฤติเศรษฐกิจโลกต่อประเทศด้อยพัฒนา 3. การประชุมคณะกรรมการพัฒนาการของธนาคารโลก ครั้งที่ 79 (79th Development Committee Meeting) ที่ประชุมได้หารือถึงผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินโลกต่อประเทศสมาชิก โดยเฉพาะประเทศ กำลังพัฒนา และกำลังจะส่งผลกระทบต่อประชากรโลกโดยเกิดเป็นวิกฤตด้านมนุษย์และวิฤตด้านสิ่งแวดล้อม 4. การประชุม Bali Brunch ที่ประชุมได้หารือถึงเรื่อง Climate Change Financing โดยธนาคารโลกได้ รายงานความคืบหน้าการดำเนินการจัดให้มีแหล่งเงินกู้เพื่อการแก้ไขปัญหา Climate Change โดยการจัดตั้งกอง ทุน Clean Technology Fund ที่จะให้ความช่วยเหลือทางการเงินในรูปแบบเงินกู้ดอกเบี้ยผ่อนปรนเพื่อจูงใจให้เกิด โครงการพัฒนาต่าง ๆ ที่ส่งเสริมเทคโนโลยีในการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคพลังงาน คมนาคม อุตสาห กรรม และการเกษตร
|
|||||||||||||||||||||
38696 | งบการเงินและรายงานประจำปี 2550 ขององค์การสะพานปลา | กษ | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบงบการเงินและรายงานประจำปี พ.ศ. 2550 ขององค์การสะพานปลา ตามที่
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ดังนี้ 1. ผลการดำเนินงานปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 องค์การสะพานปลามีรายได้ทั้งสิ้น 294.20 ล้านบาท มีรายจ่าย 292.54 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1.66 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานที่สำคัญขององค์การสะพาน ปลา ได้แก่ งานให้บริการสะพานปลาและท่าเทียบเรือประมง งานสินเชื่อการประมง และงานส่งเสริมการประมง 2. การดำเนินงานปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 องค์การสะพานปลาได้กำหนดแผนปฏิบัติการประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2551 ได้แก่ โครงการพัฒนาสะพานปลากรุงเทพ โครงการปรับปรุงสุขอนามัยท่าเทียบเรือประมง ระนอง โครงการพัฒนาศักยภาพท่าเทียบเรือประมงสตูล และโครงการอบรมความรู้ด้านสุขอนามัยแก่ชาวประมง และผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการประมง
|
|||||||||||||||||||||
38697 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การพัฒนาท่าเรือสองฝั่งทะเลในการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบาราและท่าเรือสงขลาแห่งที่ 2" | สสป | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะของ สภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "การพัฒนาท่าเรือสองฝั่งทะเลในการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบาราและท่าเรือสงขลา แห่งที่ 2" สรุปได้ดังนี้ 1.1 จัดทำแผนแม่บทในการสร้างและพัฒนาท่าเรืออ่าวไทยเชื่อมทะเลอันดามัน โดยกำหนดแนวทางใน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวเนื่องกับท่าเรืออย่างชัดเจนและอย่างบูรณาการ โดยคำนึงถึงอนาคตในการเติบ โตและโอกาสในการแข่งขันของประเทศในอนาคตข้างหน้า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเพื่อให้ ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่ง (logistics) ของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 1.2 ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาท่าเรือให้สามารถเชื่อมโยงกับแนวเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจแนวเหนือ -ใต้ และแนวตะวันออก-ตะวันตก (North-South/East-West Economic Corridor) โดยเฉพาะการเชื่อมโยงระบบการ คมนาคมขนส่งจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ภาคตะวันตกเฉียงใต้ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณ รัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยให้ความสำคัญต่อการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการขยายตัวด้านเศรษฐ กิจการค้าชายแดนซึ่งจะนำเข้าและส่งออกสินค้าส่งผ่านมายังท่าเรือแหลมฉบังหรือท่าเรือน้ำลึกปากบาราในอนาคต 1.3 จัดทำแผนส่งเสริมการพัฒนาการลงทุนโดยจัดตั้งเขตอุตสาหกรรมภาคใต้ (Southern Seaboard) เพื่อรองรับการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นหลังจากการสร้างท่าเรือซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากการก่อสร้างท่าเรือโดยอาศัยรูปแบบ การพัฒนาของเขตอุตสาหกรรมภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง หรือนิคมอุตสา หกรรมมาบตาพุด 1.4 พัฒนาการขนส่งระบบรางเพื่อเชื่อมต่อการขนส่งจากภาคอื่น ๆ มายังท่าเรือน้ำลึกปากบารา โดย จัดให้มีสถานีขนส่งเพื่อใช้สำหรับการเปลี่ยนโหมดการขนส่งอย่างมีประสิทธิภาพ 1.5 ต้องมีความชัดเจนในการอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยวและการประมงชายฝั่งโดยให้คำนึงถึงการขยายตัว ของภาคอุตสาหกรรมหลังพื้นที่ท่าเรือให้มีความเหมาะสม 1.6 คำนึงถึงปัจจัยด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมในบริเวณการสร้างท่าเรือ และให้ความสำคัญต่อชุมชนที่ อาจได้รับผลกระทบด้านวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป โดยรัฐควรมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาฝีมือแรงงานที่ อยู่ในพื้นที่เพื่อรองรับโอกาสการจ้างงานในอนาคต 1.7 ควรใช้โครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบาราเป็นการลงทุนโครงการสาธารณะขนาดใหญ่ เพื่อ ให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับมหภาคซึ่งจะทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบภายใต้ภาวะวิกฤตด้านการเงินและ การลงทุนของโลก 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา รวมทั้งผลการดำเนินการของกระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||
38698 | ผลการประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งของเอเปค ครั้งที่ 6 | คค | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอผลการประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งของเอเปค
ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 27-30 เมษายน 2552 ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ สรุปผลได้ดังนี้ ที่ประชุม ฯ ได้หา รือในประเด็นหลัก 3 เรื่อง ได้แก่ ความปลอดภัยและความมั่นคงด้านการขนส่ง การสนับสนุนด้านการเงินในสาขา โครงสร้างพื้นฐานการขนส่ง และระบบการขนส่งที่ยั่งยืนไร้รอยต่อเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน ซึ่งที่ประชุม ฯ ได้ให้การรับรองแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีด้านการขนส่งของเอเปค (Joint Ministerial Statement) และยืนยันเจตนารมณ์ของสมาชิกเขตเศรษฐกิจที่จะดำเนินงานเพื่อให้บรรลุระบบความขนส่งที่ปลอดภัย มั่นคง และ มีประสิทธิภาพตามเป้าหมายโบกอร์ที่มุ่งเน้นการเปิดเสรีด้านการค้าและการลงทุนในภูมิภาคเอเปค รวมถึงให้ความ สำคัญกับการพัฒนาและส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในภาคการขนส่ง นอกจากนี้ ที่ประชุม ฯ มีข้อ กังวลเป็นพิเศษในเรื่องการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการปล้นสะดมเรือ รวมทั้งเรียกร้องให้มีการเตรียมความพร้อม เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ และได้กำหนดมาตรการที่ จะบรรเทาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของราคาอาหารและน้ำมันซึ่งส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก รวมถึงการ แก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะปัญหาภาวะเรือนกระจก ซึ่งที่ประชุม ฯ ได้กำหนดแผนงานที่จะดำเนินการในอีก 2 ปีข้างหน้า ได้แก่ การดำเนินการตามเป้าหมายโบกอร์ในลักษณะดำเนินการเพียงฝ่ายเดียว (unilateral) และในรูป แบบความร่วมมือในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ด้านการค้าและการขนส่ง การบูรณาการทางเศรษฐกิจ การเปิดตลาด และการส่งเสริมการเคลื่อนย้ายคนและสินค้าในภูมิภาค และการส่งเสริมระบบการขนส่งในภูมิภาคให้เชื่อมโยงถึงกัน อย่างทั่วถึงเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน
|
|||||||||||||||||||||
38699 | สรุปผลการดำเนินกิจกรรม "เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เข้าสู่ปีที่ 60 แห่งการบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2553" | มท | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินกิจกรรม "เฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เข้าสู่ปีที่ 60 แห่งการบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2553" ของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ ได้รับมอบหมาย โดยมีผลการดำเนินงานสรุปได้ดังนี้ 1. เสนอเรื่องขอความเห็นชอบการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ฯ และเสนอคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ อำนวยการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ฯ รวมทั้งกำหนดการจัดกิจกรรม ฯ 2. จัดสร้างและตกแต่งเวทีกลาง จำนวน 2 เวที และจัดจอโปรเจคเตอร์ (LCD) จำนวน 50 จอ เพื่อรอง รับการถ่ายทอดสดกิจกรรมเวทีกลางไปยังเวทีอื่น ๆ และถนนราชดำเนิน 3. จัดเวทีการแสดง จำนวน 9 เวที ประกอบด้วย การแสดงดนตรี ภาพยนตร์ การละเล่นพื้นบ้าน และ การจำหน่ายสินค้า OTOP และธงฟ้าราคาประหยัด 4. เชิญส่วนราชการ หน่วยงานภาคเอกชน กลุ่มพลังมวลชน และจังหวัดทุกจังหวัดเข้าร่วมกิจกรรม และ อำนวยการและกำกับการจัดระเบียบกลุ่มมวลชน จัดจุดรับ-ส่ง จัดจุดพักรถ จัดตั้งกองอำนวยการร่วมรักษาความ ปลอดภัยระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายตำรวจ ทหาร และอาสารักษาดินแดน รวมทั้งจัดระบบติดต่อสื่อสารทางวิทยุสื่อ สาร 6 ช่องคลื่นความถี่ จัดเทียน และธงชาติแจกผู้มาร่วมพิธี
|
|||||||||||||||||||||
38700 | รายงานผลการจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 90 ปี องค์การแรงงานระหว่างประเทศ | รง | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานผลการจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 90 ปี แห่ง
การก่อตั้งองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization : ILO) โดยวัตถุประสงค์ของการจัด งานครั้งนี้ เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 90 ปี แห่งการก่อตั้ง ILO และครบรอบ 40ปี แห่งการก่อตั้งสำนักงาน ภูมิภาคประจำประเทศไทย โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นประธานจัดงาน สำหรับสาระสำคัญของการ จัดงานในครั้งนี้ กระทรวงแรงงานได้ร่วมกับ ILO จัดการประชุมไตรภาคีเรื่อง แผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่า โดยกระทรวงแรงงานได้ยกร่างขึ้นเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากฝ่ายต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ องค์การนายจ้างและลูกจ้าง โดย ร่างแผนงานได้กำหนดยุทธศาสตร์สำคัญตามบริบทของประเทศไทย 5 ประการ คือ การแก้ไขปัญหาแรงงานที่เกิด ขึ้นจากภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน การส่งเสริมการมีงานทำ การคุ้มครองแรงงาน การส่งเสริมการเจรจา ทางสังคม และการจัดระบบการเคลื่อนย้ายแรงงาน โดยที่ประชุมมีข้อเสนอเพิ่มเติมว่าควรให้ความสำคัญกับการเพิ่ม ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การดูแลบุตรของแรงงานก่อนวัยเรียน การคุ้มครองแรงงานนอกระบบ และแรงงานรับเหมาช่วง และการเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนโดยเฉพาะภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำ แผนงานดังกล่าวด้วย
|
.....