ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1933 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 38641 - 38660 จากข้อมูลทั้งหมด 124242 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
38641 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย | คค | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการบันทึกการหารือระหว่างไทย-ประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย
พร้อมเอกสารประกอบ โดยสาระสำคัญของบันทึกการหารือ ฯ ได้แก่ การจัดทำร่างความตกลงว่าด้วยบริการ เดินอากาศฉบับใหม่ระหว่างประเทศไทยกับเดนมาร์ก ประเทศไทยกับนอร์เวย์ และประเทศไทยกับสวีเดน รวม ทั้งการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวียเกี่ยวกับเครือข่าย สายการบินสแกนดิเนเวีย และว่าด้วยการแต่งตั้งสายการบิน และให้เสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบ แล้ว ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบบันทึกการหารือดังกล่าวแล้ว
|
|||||||||||||||||||||
38642 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในพระองค์ พ.ศ. .... | นร | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในพระองค์ พ.ศ. .... มีสาระ สำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการกำหนดตำแหน่ง การให้ได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง การบรรจุ การแต่งตั้ง การเพิ่มพูนประสิทธิภาพและเสริมสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติราชการ การรักษาจรรยา การ รักษาวินัย การออกจากราชการ การอุทธรณ์ การร้องทุกข์ และการอื่นตามที่จำเป็นของข้าราชการพลเรือนในพระ องค์ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และอนุมัติในหลักการการกำหนดเงินค่าตอบแทนพิเศษให้แก่ข้าราชการพลเรือน ในพระองค์ในพระราชกฤษฎีกา ฯ ตามที่สำนักราชเลขาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณา 2. ให้สำนักงาน ก.พ. และสำนักราชเลขาธิการรับมติที่ประชุมร่วมระหว่างส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็น ว่า การกำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในพระองค์ได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษตามข้อกฎหมายปัจจุบัน สามารถกระทำได้ แต่ถ้าจะกำหนดให้ อ.ก.พ. กระทรวงของสำนักพระราชวัง หรือสำนักราชเลขาธิการ แล้วแต่กรณี เป็นผู้พิจารณาเช่นเดียวกับ ก.พ. โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลังจะสามารถกระทำได้หรือไม่ ไปประกอบ การพิจารณาด้วย พร้อมทั้งให้เชิญผู้แทนของสำนักงาน ก.พ. และกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังเข้าร่วมชี้แจงด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
38643 | การลดภาระการชำระหนี้เพื่อเสริมสภาพคล่องและเสริมสร้างความเข้มแข็งของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม | อก | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอขอรับเรื่อง การลดภาระการ
ชำระหนี้เพื่อเสริมสภาพคล่องและเสริมสร้างความเข้มแข็งของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ไปหารือร่วมกับ กระทรวงการคลัง |
|||||||||||||||||||||
38644 | แนวทางการเจรจาการค้าระหว่างประเทศของไทย | พณ | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบแนวทางการเจรจาการค้าระหว่างประเทศของไทย ระหว่างปี พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2556 ตามที่ กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ 1.1 การเจรจาระดับภูมิภาค ให้ความสำคัญกับการเจรจาร่วมกับอาเซียนเป็นลำดับแรก คือ ASEAN AEC (AEC : ASEAN Economic Community) 10 ประเทศ ASEAN FTA (FTA : Free Trade Area) [ที่กำลังเจรจาอยู่ คืออาเซียน-อินเดีย (บริการและการลงทุน) อาเซียน-เกาหลี (การลงทุน) อาเซียนญี่ปุ่น (บริการและการลงทุน) อาเซียน-สหภาพยุโรป] และ ASEAN+X 1.2 การเจรจาระดับทวิภาคี ให้ความสำคัญกับการเจรจากับประเทศต่าง ๆ คือ 1.2.1 การเจรจากับประเทศใหม่ที่มีศักยภาพเป็นคู่ค้ากับไทย และ/หรือเป็นแหล่งทุน วัตถุดิบและ เทคโนโลยี ได้แก่ GCC Mercosur (GCC : Gulf Cooperation Council, Mercosur : Mercado Comun del Sur) และ ชิลี 1.2.2 การเจรจากับประเทศที่ค้างอยู่เฉพาะกับประเทศที่ประเมินแล้วว่าไทยจะได้รับประโยชน์โดย รวมจากการเจรจา คือ BIMSTEC (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Coopera tion) อินเดียและเปรู และประเทศที่ต้องเจรจาต่อคือ EFTA (European Free Trade Area) รวมทั้งออสเตรเลียและนิว ซีแลนด์ 1.2.3 เจรจากับประเทศที่มีศักยภาพแต่อาจยังไม่เหมาะสมที่จะใช้แนวทางการเจรจา FTA ให้นำรูป แบบการสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าอื่น ๆ มาใช้ เช่น การทำสัญญาความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้า การเยือน ระดับสูง การพบปะของคณะนักธุรกิจ เป็นต้น ซึ่งได้แก่ รัสเซียและแอฟริกาใต้ 1.3 การเจรจาระดับพหุภาคี เร่งผลักดันให้การเจรจารอบโดฮาสำเร็จโดยเร็ว และเพิ่มความสนใจการ ติดตามตรวจสอบไม่ให้ประเทศต่าง ๆ มีการใช้มาตรการกีดกันสินค้าและบริการของไทย 2. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นว่าปัจจุบันประเด็นด้านเศรษฐกิจ ระหว่างประเทศมีความละเอียดอ่อนและซับซ้อนมากขึ้น ในการเจรจาต้องคำนึงถึงปัจจัยทางเศรษฐศาสตร์การเมือง ต่าง ๆ ที่มีผลกระทบนอกเหนือจากปัจจัยด้านการค้า อาทิ แรงงานย้ายถิ่น ปัญหาโลกร้อน พลังงาน สิ่งแวดล้อม ความยากจน และการลดช่องว่างความยากจน โดยนำปัจจัยเหล่านี้มาบูรณาการในการกำหนดนโยบายการเจรจา ด้วย และกำหนดจุดยืนที่ชัดเจนของไทยในองค์การระหว่างประเทศด้านการค้าและการพัฒนา นอกเหนือจากองค์ การการค้าโลก อาทิ ธนาคารโลก UNCTAD ADB IOM ILO ICO (องค์การกาแฟระหว่างประเทศ) รวมถึงใช้ประโยชน์ จากการประชุมของคณะกรรมาธิการร่วม (Joint Commission-JC) และคณะกรรมาธิการร่วมด้านเศรษฐกิจ (Joint Economic Commission-JEC) ที่ไทยมีกับประเทศต่าง ๆ ในการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ด้วย นอกจากนี้ มี ความเห็นเกี่ยวกับเป้าหมายในการเจรจาการค้าของไทย แนวทางการใช้ประโยชน์จากเวทีต่าง ๆ ลำดับความสำคัญ ของการเจรจาในระดับต่าง ๆ และการคัดเลือกคู่เจรจา FTA ในอนาคต รวมทั้งความเห็นของสำนักงานคณะกรรม การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรใช้โอกาสของวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งประเทศพัฒนาแล้ว ได้ประกาศในเวทีต่าง ๆ เช่น การประชุมกลุ่ม G-20 ยืนยันในระบบการค้าเสรี และไม่สนับสนุนมาตรการปกป้อง การค้า ผลักดันให้มีการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม โดยการลดอุดหนุนการผลิตสินค้าเกษตรในประเทศพัฒนาแล้ว และ จริงจังในการดำเนินการเจรจารอบโดฮาให้ก้าวหน้า สำหรับการเจรจาการค้ากับตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูงควรมี กระบวนการเตรียมการเพื่อสร้างและเพิ่มศักยภาพของสินค้าและผู้ประกอบการไทยควบคู่กันไปด้วย ส่วนการใช้ ประโยชน์จากข้อตกลงด้านการค้า การบริการ และการลงทุน นั้น จะต้องประกอบด้วยปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ การ เชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งและระบบอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจและการค้าที่มีประสิทธิ ภาพ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
38645 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติ หน้าที่ และจำนวนของผู้รับผิดชอบด้านพลังงาน พ.ศ. .... | พน | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติ หน้าที่ และจำนวนของผู้รับผิดชอบด้าน
พลังงาน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. กำหนดคุณสมบัติของผู้รับผิดชอบด้านพลังงานจะต้องเป็นผู้ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงและ มีประสบการณ์การทำงานในโรงงานหรืออาคารอย่างน้อยสามปี หรือเป็นผู้ได้รับปริญญาทางวิศวกรรมศาสตร์ หรือทางวิทยาศาสตร์ โดยมีผลงานด้านการอนุรักษ์พลังงานตามการรับรองของเจ้าของโรงงานควบคุม หรือเจ้า ของอาคารควบคุม หรือเป็นผู้สำเร็จการฝึกอบรมด้านการอนุรักษ์พลังงาน หรือหลักสูตรผู้รับผิดชอบด้านพลัง งานอาวุโส หรือเป็นผู้ที่สอบได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดจากการจัดสอบผู้รับผิดชอบด้านพลังงาน 2. กำหนดหน้าที่ของผู้รับผิดชอบด้านพลังงานในการดำเนินการอนุรักษ์พลังงาน 3. กำหนดให้เจ้าของโรงงานควบคุม หรือเจ้าของอาคารควบคุม ซึ่งมีจำนวนและคุณสมบัติตามขนาด หรือปริมาณพลังงานในแต่ละกรณีต้องจัดให้มีผู้รับผิดชอบด้านพลังงานประจำที่โรงงานควบคุม หรืออาคารควบ คุมภายใน 180 วัน นับแต่วันที่เป็นโรงงานควบคุม หรืออาคารควบคุม แล้วแจ้งให้อธิบดีทราบ 4. กำหนดวิธีการแจ้งการแต่งตั้งผู้รับผิดชอบด้านพลังงานพร้อมทั้งเอกสารและหลักฐานประกอบการ แจ้ง
|
|||||||||||||||||||||
38646 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม พ.ศ. .... | ศธ | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม พ.ศ. .... ตามที่กระทรวง
ศึกษาธิการเสนอ มีสาระสำคัญคือ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนใบระบบ ใบอนุญาต ให้จัดตั้งโรงเรียนนอกระบบ ใบแทนใบอนุญาต ค่ายื่นคำขอกรณีการจัดตั้งโรงเรียนหรือสาขาของโรงเรียน การ เปลี่ยนแปลงรายการในตราสารจัดตั้ง การโอนกิจการโรงเรียน และการเลิกกิจการโรงเรียน และให้ส่งสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
38647 | รัฐบาลสาธารณรัฐอิตาลีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายมีเกลันเจโล ปิปัน (Mr. Michelangelo Pipan)] | กต | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายมีเกลันเจโล ปิปัน (Mr. Michelangelo Pipan) ให้ดำรงตำแหน่งเอก
อัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทยคนใหม่ สืบแทนนายอิกนาซีโอ ดี ปาเช (Mr. Ignazio Di Pace) โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
38648 | คำขอของสาธารณรัฐเอสโตเนียเกี่ยวกับสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ในประเทศไทย | กต | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติคำขอของสาธารณรัฐเอสโตเนียเกี่ยวกับสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ในประเทศ
ไทยตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ 1. เปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐเอสโตเนียประจำจังหวัดภูเก็ต โดยมีเขตกงสุลครอบคลุม จังหวัดชุมพร กระบี่ นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ระนอง สตูล สงขลา สุราษฎร์ ธานี ตรัง และยะลา 2. แต่งตั้งนางสาวปิยะนุช หงษ์หยก เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐเอสโตเนียประจำจังหวัดภูเก็ต โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดชุมพร กระบี่ นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ระนอง สตูล สงขลา สุราษฎร์ธานี ตรัง และยะลา 3. ปรับลดเขตกงสุลของสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐเอสโตเนียประจำกรุงเทพมหานคร จาก ครอบคลุมทั่วประเทศไทย เป็นครอบคลุมพื้นที่อื่น ๆ ในประเทศไทยยกเว้นจังหวัดชุมพร กระบี่ นครศรีธรรม ราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ระนอง สตูล สงขลา สุราษฎร์ธานี ตรัง และยะลา เพื่อให้สอดรับ กับการขอเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐเอสโตเนียประจำจังหวัดภูเก็ต โดยมีเขตกงสุลครอบคลุม 14 จังหวัดภาคใต้ 4. เลื่อนฐานะนายวีระชัย เตชะวิจิตร์ กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐเอสโตเนียประจำกรุงเทมหานคร เป็นกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์สาธารณรัฐเอสโตเนียประจำกรุงเทพมหานคร
|
|||||||||||||||||||||
38649 | แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณายกเว้นอากรนำเข้าสื่อ วัสดุ เครื่องมือ และอุปกรณ์ ทางการศึกษา | ศธ | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณายกเว้นอากร
นำเข้าสื่อ วัสดุ เครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการศึกษา โดยมีรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมการ และผู้อำนวยการสำนักอำนวยการ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจ หน้าที่ในการพิจารณายกเว้นอากรนำเข้าสิ่งของที่นำมาใช้เพื่อการศึกษาและการวิจัยของหน่วยงาน/ส่วนราชการ /สมาคมและมูลนิธิต่าง ๆ ที่เสนอขอยกเว้นอากรนำเข้าว่า เป็นไปตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลด อัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ลงวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ข้อ 3 (19) แล้วจึงมีหนังสือรับรองให้หน่วยงานผู้เสนอขอยกเว้นอากรนำเข้าได้ทราบ และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณานำเข้าวัสดุการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมตามความตกลงฟลอเรนซ์ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
38650 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "ยุทธศาสตร์การพัฒนาและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมของต่างประเทศ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับประเทศไทย" | สสป | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ ของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "ยุทธศาสตร์การพัฒนาและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมของต่างประเทศเพื่อนำมา ประยุกต์ใช้กับประเทศไทย สรุปได้ดังนี้ 1.1 ด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ 1.1.1 จัดลำดับความสำคัญและกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับกรอบนโยบายเศรษฐกิจมหภาค โดยเฉพาะนโยบายด้านการเงินการคลังให้ชัดเจนและวิเคราะห์ข้อดีข้อด้อยของกรอบนโยบายเศรษฐกิจปัจจุบัน เพื่อใช้ประกอบเป็นแนวทางการกำหนดกรอบนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่เหมาะสมต่อไป 1.1.2 ให้การสนับสนุนการขยายตลาดและหาตลาดใหม่ ๆ สำหรับสินค้าที่ส่งออก และการ กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศจากนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศและจากในประเทศ 1.1.3 ให้การสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำระยะ 2 ปีแรก แก่วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และขนาดย่อย ธุรกิจส่งออก ธุรกิจการท่องเที่ยว เกษตรกร และกลุ่มเกษตรกร และสหกรณ์การเกษตร 1.1.4 สร้างความเข้มแข็งให้กับโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน (Financial Safety Net) รวมทั้ง เศรษฐกิจมหภาค 1.2 ด้านสังคม 1.2.1 ปรับเปลี่ยนทัศนคติคนในชาติให้เห็นถึงความสำคัญของปรัชญาในการดำเนินชีวิตโดย เน้นเศรษฐกิจพอเพียง การออม ความซื่อสัตย์ การตรงต่อเวลา การเคารพกฎระเบียบ และการมีวินัยในการ ดำเนินชีวิต ตลอดจนการรักษาสิ่งแวดล้อม 1.2.2 ให้ความสำคัญกับโครงสร้างการจัดบริการทางสังคมให้มีความเท่าเทียมกัน รวมทั้งให้ ความสำคัญกับหลักการการกระจายอำนาจบริการทางสังคมหรือให้มีการจัดการโดยอิสระ 1.2.3 ผลักดันนโยบายสวัสดิการทางสังคมของภาครัฐให้ครอบคลุมถึงประชากรที่ยากจนทั้ง ประเทศ ลดภาระการส่งเงินประกันสังคมของแรงงานที่มีรายได้น้อย และขยายโอกาสการเข้าถึงทางการศึกษา อย่างทั่วถึง รวมทั้งทบทวนโครงสร้างค่าจ้างขั้นต่ำของผู้ใช้แรงงาน และการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการ แก้ไขปัญหาทางสังคม 1.3 ด้านสิ่งแวดล้อม (รวมถึงปัญหาโลกร้อน) 1.3.1 มีการคัดกรองประเภทของการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนจากต่างประเทศ หรือการ ทำความตกลงระหว่างประเทศที่จะก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมตามมา โดยใช้เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์เข้ามา ช่วยในการวิเคราะห์ และตัดสินใจ เช่น การคำนวณต้นทุนทรัพยากรภายในที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Domestic Resource Cost) เป็นต้น 1.3.2 สร้างและพัฒนากลไกในการบริหารจัดการที่มีธรรมาภิบาลและความเป็นธรรมในการ จัดการสิ่งแวดล้อม เช่น การแก้ปัญหาโครงสร้างของหน่วยงานที่มีความขัดแย้งด้านผลประโยชน์ (Conflict of interests) พัฒนากลไกและสร้างระบบการตรวจสอบเพื่อการถ่วงดุลและพัฒนาระบบให้ประชาชนสามารถเข้า ถึงกระบวนการยุติธรรมได้สะดวก ลดค่าใช้จ่าย รวมทั้งกำหนดกลไกการเยียวยาและชดเชยผู้ที่ได้รับความเสีย หายจากผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจนและเป็นธรรม เป็นต้น 1.3.3 สร้างความร่วมมือในเชิงสร้างสรรค์กับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศอื่นในภูมิภาคใน การเจรจาด้านการค้าและสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้นเพื่อสร้างอำนาจต่อรองในเวทีโลก 1.4 ด้านการเปิดเสรี 1.4.1 ควรกำหนดท่าทีและนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่อง FTA แบบทวิภาคี 1.4.2 ควรเปิดเสรีการค้าที่เหมาะสมและรอบคอบ โดยยึดเอาข้อตกลงการค้าในเวทีองค์การ การค้าโลก (WTO) เป็นหลัก 1.4.3 มีความชัดเจนในการสร้างเศรษฐกิจฐานความรู้เพื่อเชื่อมโยงกับการคุ้มครองทรัพย์สิน ทางปัญญา 1.5 ด้านการพัฒนาคุณภาพคน 1.5.1 สนับสนุนด้านการเงินให้แก่มหาวิทยาลัยที่มีผลงานดีเด่นทางการวิจัย การเสริมสร้าง บรรยากาศด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยถือเป็นนโยบายหลักที่มีความสำคัญในการวางรากฐานวิทยา การของประเทศ โดยรัฐต้องร่วมมือกับสถาบันการศึกษา กลุ่มอุตสาหกรรม และสื่อมวลชนในการปลุกกระแส ความตื่นตัวทางด้านวิทยาศาสตร์ให้กับสาธารณชนในการนำหลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในชีวิต ประจำวัน โดยการสร้างสรรค์อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งผลักดันเยาวชนให้มีจิตวิญญาณ (Spirit) ในด้าน วิทยาศาสตร์เพื่อเป็นการสร้างฐานการพัฒนากำลังคนที่มีคุณภาพในอนาคต 1.5.2 ผลิตบุคลากรด้านสาธารณสุขที่ยังขาดแคลนให้เพียงพอต่อความต้องการ 1.5.3 จัดให้มีการประสานงานในการฝึกอบรมและพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อให้แรงงานไทยมี ฝีมือและเป็นที่ยอมรับของนายจ้าง 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||
38651 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (GCC 1111) ประจำปีงบประมาณ 2552 ของไตรมาสสอง | ทก | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรายงานผลการดำเนินงาน
โครงการศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (Government Contact Center : GCC 1111) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ของไตรมาสสอง สรุปได้ดังนี้ 1. สถิติการใช้บริการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ของไตรมาสสอง มีจำนวนค่าเฉลี่ยต่อเดือน 587,294 ครั้ง เปรียบเทียบกับการใช้บริการของไตรมาสแรก มีจำนวนค่าเฉลี่ยการเรียกเข้าเพิ่มขึ้น 31,649 ครั้ง คิดเป็นอัตรา ร้อยละ 5.69 2. บริการสอบถามข้อมูลทั่วไปแยกตามประเภทเรื่องที่มีประชาชนสนใจสอบถาม 2.1 การเมือง-การปกครอง เช่น การจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 14 ผลการนับคะแนนเลือก ตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร วิธีการส่งและติดตามผลเรื่องร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรี และการขึ้นทะเบียนทหาร กองเกิน ฯลฯ 2.2 เศรษฐกิจ เช่น มาตรการและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล มาตรการสนับสนุนการซื้อขาย อสังหาริมทรัพย์ห้องชุดตามมติคณะรัฐมนตรี และวิธีการ สถานะ ระยะเวลาของการคืนเงินภาษี ฯลฯ 2.3 สังคมและสวัสดิการ เช่น โครงการต้นกล้าอาชีพ โครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนและบุคลา กรภาครัฐ 2,000 บาท และนโยบายการขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ฯลฯ 2.4 การศึกษาและเทคโนโลยี เช่น การเปิดรับสมัครนักเรียน-นักศึกษาใหม่ของสถาบันการศึกษาต่างๆ กำหนดการตารางสอบการวัดผลทางการศึกษาขั้นพื้นฐาน (O-NET) และการสมัครทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ ชั้นสูง (A-NET) ฯลฯ 3. บริการรับเรื่องร้องเรียนแยกตามประเภทเรื่องที่มีประชาชนสนใจสอบถาม 3.1 สังคมและสวัสดิการ เช่น สาธารณูปโภค สังคมเสื่อมโทรม การพนัน 3.2 การเมือง-การปกครอง เช่น กล่าวโทษหรือร้องเรียนเจ้าหน้าที่ของรัฐ นโยบายของรัฐบาล การ เมือง ฯลฯ 3.3 เศรษฐกิจ เช่น การค้า การเกษตร และปัญหาหนี้สิน ฯลฯ 3.4 ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น ปัญหาในพื้นที่ป่า ปัญหาของเสีย คุณภาพอากาศและ เสียง ฯลฯ 3.5 กฎหมาย เช่น การกระทำความผิดอาญา การเสนอและตรากฎหมาย และการบังคับตามกฎหมาย ฯลฯ
|
|||||||||||||||||||||
38652 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลแพ่งธนบุรี ศาลอาญาธนบุรี ศาลจังหวัดพระโขนง ศาลจังหวัดตลิ่งชัน ศาลแขวงพระนครใต้ และศาลแขวงธนบุรี พ.ศ. .... | นร | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ศาลอาญา
กรุงเทพใต้ ศาลแพ่งธนบุรี ศาลอาญาธนบุรี ศาลจังหวัดพระโขนง ศาลจังหวัดตลิ่งชัน ศาลแขวงพระนครใต้ และ ศาลแขวงธนบุรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรม เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ มีสาระสำคัญคือ 1. กำหนดให้เปลี่ยนแปลงเขตอำนาจศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลแพ่งธนบุรี ศาล อาญาธนบุรี ศาลจังหวัดพระโขนง ศาลจังหวัดตลิ่งชัน ศาลแขวงพระนครใต้ และศาลแขวงธนบุรี 2. กำหนดให้บรรดาคดีของท้องที่เขตคลองเตยและเขตวัฒนาซึ่งค้างการพิจารณาอยู่ในศาลจังหวัดพระ โขนงหรืออยู่ระหว่างศาลจังหวัดพระโขนงมีคำสั่งให้ผัดฟ้อง หรือให้ขังผู้ต้องหาไว้ระหว่างการสอบสวน และบรรดา คดีของท้องที่เขตบางแคและเขตภาษีเจริญซึ่งค้างการพิจารณาอยู่ในศาลจังหวัดตลิ่งชันหรืออยู่ระหว่างศาลจังหวัด ตลิ่งชันมีคำสั่งให้ผัดฟ้อง หรือให้ขังผู้ต้องหาไว้ระหว่างสอบสวน ให้ศาลจังหวัดพระโขนง หรือศาลจังหวัดตลิ่งชัน แล้วแต่กรณี มีอำนาจดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
38653 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี พ.ศ. .... | มท | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ มีสาระสำคัญ คือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบลนายาว ตำบลพระพุทธบาท ตำบลธารเกษม ตำบลพุคำจาน ตำบล หนองแก ตำบลขุนโขลน และตำบลพุกร่าง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
38654 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบธุรกิจโรงแรมทุกประเภท พ.ศ. .... | มท | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบธุรกิจโรงแรมทุก
ประเภท พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ มีสาระสำคัญคือ ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียนการประกอบธุรกิจ โรงแรมทุกประเภท ในปี พ.ศ. 2553 และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการ ต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
38655 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของ บุตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยร่างระเบียบ ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1.1 ยกเลิกสำนักงานคลังจังหวัด ณ อำเภอ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง พ.ศ. 2551 1.2 แก้ไขเพิ่มเติมให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกรม หรือผู้ที่หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมมอบ หมาย ซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าตำแหน่งประเภททั่วไป ระดับชำนาญงาน ประเภทวิชาการ ระดับชำนาญ การหรือตำแหน่งไม่ต่ำกว่าระดับ 6 หรือเทียบเท่าเป็นผู้มีอำนาจอนุมัติให้เบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการ ศึกษาของบุตร 1.3 ยกเลิกการยื่นขอเบิกเงิน การอนุมัติ และการเบิกจ่ายและจ่ายเงินในส่วนที่เกี่ยวกับสำนัก งานคลังจังหวัด ณ อำเภอ 2. ให้กระทรวงยุติธรรมแก้ไขวันใช้บังคับร่างระเบียบ ฯ โดยแก้ไขเป็น "ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่ วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป" ตามข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และ ให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
38656 | การรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดซื้อยาของกระทรวงสาธารณสุข) | สธ | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตาม
มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดซื้อยาของกระทรวงสาธารณสุข โดยกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้ การจัดซื้อยาร่วมในระดับเขต หรือในระหว่างกลุ่มของโรงพยาบาลในสังกัดกรมต่าง ๆ ตามมาตรการ ฯ เป็น ตัวชี้วัดหนึ่งในการพัฒนาธรรมาภิบาลในระบบยาของกระทรวงสาธารณสุขโดยมีหลายเขตได้เริ่มดำเนินการ เพื่อจัดซื้อยาร่วมในระดับเขตแล้ว สำหรับขั้นตอนในการจัดซื้อยาร่วมกันในระดับเขต มีดังนี้ 1. การขึ้นทะเบียนบริษัทผู้จำหน่ายที่ประสงค์จะเป็นคู่ค้ากับหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข 2. การกำหนดกรรมการผู้รับผิดชอบในระดับเขต/กรม 3. การคัดเลือกรายการยาที่จะจัดซื้อร่วมกัน 4. การหารายการยาและปริมาณที่จะดำเนินการ 5. การเสนอราคาของบริษัทผู้จำหน่าย 6. การกำหนดราคาและคัดเลือกบริษัทผู้จำหน่าย 7. การทำสัญญาหรือข้อผูกพัน 8. การจัดซื้อและจัดส่งยา 9. การชำระเงิน 10. การควบคุมกำกับ ติดตามและประเมินผล 11. การรายงาน
|
|||||||||||||||||||||
38657 | ผลการดำเนินงานการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปีงบประมาณ 2552 (1 ตุลาคม 2551 - 31 มีนาคม 2552) | สช | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอรายงานของสำนักงานหลักประกันสุขภาพ
แห่งชาติ (สปสช.) เรื่อง ผลการดำเนินงานการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 (1 ตุลาคม 2551-31 มีนาคม 2552 สรุปได้ดังนี้ 1. ความครอบคลุมสิทธิหลักประกันสุขภาพ ณ เดือนมีนาคม 2552 มีประชาชนคนไทยมีหลักประกัน สุขภาพ 62.10 ล้านคน ความครอบคลุมคิดเป็นร้อยละ 98.97 ของประชากรผู้มีสิทธิทั้งประเทศ 62.75 ล้านคน) เป็นประชากรลงทะเบียนสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 47.24 ล้านคน (ร้อยละ 75.29) โดยลงทะเบียนสิทธิ กับหน่วยบริการของรัฐนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 1.95 ล้านคน (ร้อยละ 4.12) และหน่วยบริการสังกัดเอก ชน 2.78 ล้านคน (ร้อยละ 5.88) ส่วนการใช้บริการทางการแพทย์เฉพาะผู้ที่มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพ ถ้วนหน้ามีการใช้บริการของผู้ป่วยนอก 58.65 ล้านครั้งต่อ 18.84 ล้านคน อัตราการใช้บริการ (ต่อประชากรผู้มี สิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า) เท่ากับ 2.48 ครั้งต่อคนต่อปี และผู้ป่วยใน 2.40 ล้านคนต่อ 9.95 ล้านวัน โดยมีอัตราการใช้บริการเท่ากับ 0.10 ครั้งต่อคนต่อปี 2. การควบคุมคุณภาพและกำกับมาตรฐานบริการ ได้กำหนดการประเมินคะแนนการพัฒนาคุณภาพใน กลุ่มเป้าหมาย 961 แห่ง และการประเมินรับรองคุณภาพโรงพยาบาล 25 แห่ง ซึ่งทางสถาบันพัฒนาและรับรอง คุณภาพโรงพยาบาลได้ดำเนินการลงเยี่ยมประเมินคะแนนคุณภาพในโรงพยาบาลสามารถรายงานผลการดำเนิน งานได้ในเดือนมิถุนายน 2552 ส่วนการสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพระบบยาในโรงพยาบาลปี พ.ศ. 2552 ด้าน การควบคุมคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการสาธารณสุข หน่วยบริการถูกร้องเรียนมากที่สุดคือ เอกชน รอง ลงมาเป็นภาครัฐนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ตามลำดับ 3. การคุ้มครองสิทธิและการช่วยเหลือเบื้องต้น โดยในส่วนของการให้บริการประชาชนเพื่อช่วยเหลือผู้มี สิทธิ และผู้ให้บริการในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ณ เดือนมีนาคม 2552 ได้ให้บริการทั้งสิ้น 382,041 เรื่อง ส่วนใหญ่เรื่องสอบถาม 373,212 เรื่อง จำแนกเป็นประชาชนสอบถาม 351,891 เรื่อง และผู้ให้บริการสอบ ถาม 21,321 เรื่อง สำหรับการช่วยเหลือเบื้องต้นผู้รับบริการกรณีได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการใช้บริการ รักษาพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้รับบริการ 333 ราย เป็น เงินทั้งสิ้น 35.97 ล้านบาท รวมทั้งช่วยเหลือเบื้องต้นผู้ให้บริการที่ได้รับความเสียหายจากการให้บริการสาธารณ สุขในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 198 ราย เป็นเงินทั้งสิ้น 3.61 ล้านบาท 4. การส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนรวมของภาคี เครือข่ายองค์กรประชาชน 9 ด้าน ได้กำหนดแนว ทางการบูรณาการงานกองทุนหลักประกันสุขภาพองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)/เทศบาล ระหว่างเครือข่าย องค์กรประชาชน และ อบต./เทศบาล สำหรับพื้นที่นำร่อง 21 แห่ง ด้านการมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นได้ดำเนินการโอนเงินสมทบประมาณ 3,640 พื้นที่ ครอบคลุมประชากร 26.37 ล้านคน ส่วนองค์กรวิชา ชีพ โดยเครือข่ายชมรมผู้บริหารการพยาบาล ได้จัดทำความร่วมมือในการจัดตั้งและพัฒนาศูนย์ส่งเสริมมิตรภาพ บำบัดในหน่วยบริการทุกระดับ ระยะที่ 1 จำนวนหน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการ 134 แห่ง 5. การบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สปสช. ได้มีการเบิกจ่ายงบกองทุน ฯ ณ วันที่ 20 เมษายน 2552 จำนวน 43,188.22 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 53.58 (ของงบกองทุน ฯ ที่ได้รับ 80,597.69 ล้าน บาท)
|
|||||||||||||||||||||
38658 | ขอถอนร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายความร่วมมือในการลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน พ.ศ. .... | นร | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายความ
ร่วมมือในการลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน พ.ศ. .... ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
38659 | รัฐบาลสาธารณรัฐโครเอเชียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายเจลโค ชิมบูร์ (Mr. Zeljko Cimbur)] | กต | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายเจลโค ชิมบูร์ (Mr. Zeljko Cimbur) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราช
ทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐโครเอเชียประจำประเทศไทยคนใหม่ สืบแทนนายอะเล็กซานดาร์ บรอซ (Mr. Aleksandar Broz) โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงจาการ์ตา ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
38660 | คณะกรรมการต่างๆ ที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง (กระทรวงวัฒนธรรม) (จำนวน 9 คณะ) | วธ | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการจำนวน 9 คณะ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
ดังนี้ 1. คณะกรรมการประสานงานฝ่ายไทยว่าด้วยวัฒนธรรมและสนเทศอาเซียน 2. คณะกรรมการอำนวยการและควบคุมการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติ ศาสตร์พระนครศรีอยุธยา 3. คณะกรรมการอำนวยการจัดตั้งหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช 4. คณะกรรมการอำนวยการและประสานงานระบบสารนิเทศทางวิชาการแห่งชาติ 5. คณะกรรมการอำนวยการและควบคุมการดำเนินงานโครงการอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย 6. คณะกรรมการอำนวยการวันอนุรักษ์มรดกไทย 7. คณะกรรมการจดหมายเหตุแห่งชาติ 8. คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยสภาการพิพิธภัณฑ์ระหว่างชาติ (The Thai National Committee for International Council of Museum) 9. คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย
|
.....