ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1939 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 38761 - 38780 จากข้อมูลทั้งหมด 124242 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
38761 | รายงานผลการปฏิบัติการตามมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2552 | รง | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานผลการปฏิบัติการตามมาตรการป้องกันและ
ลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2552 โดยได้จัดทำโครงการกรมพัฒนาฝีมือแรงงานร่วมกันป้อง กันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2552 "Safety Holiday" และมอบหมายให้สถาบันพัฒนา ฝีมือแรงงานภาค (สพภ.)/ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด (ศพจ.) ดำเนินการโดยจัดอบรมให้ประชาชนทั่วไปได้มี ความรู้ความเข้าใจในการขับขี่อย่างถูกวิธี การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และการตระหนักถึงความสูญเสียที่เกิดขี้น มี ผู้เข้ารับการอบรมทั้งสิ้น 1,643 คน และจัดฝึกอบรมยกระดับฝีมือแรงงาน หรือเสริมทักษะฝีมือแรงงานให้แก่ผู้มี หน้าที่ให้บริการผู้ขับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ หรือมีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจจราจร ตำรวจทางหลวง หน่วย กู้ภัย มูลนิธิ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่ดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้องในเบื้องต้น มีผู้เข้า รับการฝึกอบรมทั้งสิ้น 656 คน นอกจากนี้ ยังได้จัดทำโครงการให้บริการตรวจสภาพซ่อมบำรุงรักษารถยนต์และ จักรยานยนต์
|
|||||||||||||||||||||
38762 | รัฐบาลสมาพันธรัฐสวิสเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นางคริสทีเนอ ชราเนอร์ บูร์เกเนอร์ (Mrs. Christine Schraner Burgener)] | กต | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางคริสทีเนอ ชราเนอร์ บูร์เกเนอร์ (Mrs. Christine Schraner
Burgener) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย คนใหม่ สืบแทนนายโรดอล์ฟ อิมโฮฟ (Mr. Rodolphe Imhoof) โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร ตาม ที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
38763 | รัฐบาลสาธารณรัฐออสเตรียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายโยฮันเนิส เปเทอร์ลิค (Mr. Johannes Peterlik)] | กต | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายโยฮันเนิส เปเทอร์ลิค (Mr. Johannes Peterlik) ให้ดำรงตำแหน่ง
เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐออสเตรียประจำประเทศไทยคนใหม่ สืบแทนนายอาร์โน รีเดิล (Mr. Arno Riedel) โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
38764 | แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติเพิ่มเติม (นายวีระชัย วีระเมธีกุล) | นร | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็น
กรรมการในคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติเพิ่มเติม ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ประธานกรรมการนโยบายยางธรรมชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
38765 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ) | นร | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ เป็นข้าราชการการเมืองตำแหน่งรอง
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรี มีมติ (9 มิถุนายน 2552) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
38766 | การปรับเพิ่มเป้าหมายปริมาณรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 | พณ | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ
เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2552 และการประชุมคณะอนุกรรมการดำเนินการรับจำนำข้าวเปลือก เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2552 สรุปได้ดังนี้ 1. การประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ที่ประชุม ฯ มีมติอนุมัติให้ปรับเพิ่มเป้าหมายปริมาณ รับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 จากเดิม 4.0 ล้านตัน เพิ่มอีก 2.0 ล้านตัน รวมเป็น 6.0 ล้านตัน ระยะเวลารับ จำนำสิ้นสุด 31 กรกฎาคม 2552 ส่วนภาคใต้ให้รับจำนำ 1 กรกฎาคม-30 กันยายน 2552 ตามที่กำหนดไว้เดิม และเห็นชอบให้ใช้วงเงินดำเนินการรับจำนำเพิ่มเติมจำนวน 23,600 ล้านบาท จากเงินทุนดำเนินการของธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำหรับค่าใช้จ่ายในการรับจำนำ 1,162.880 ล้านบาท ให้องค์ การคลังสินค้า (อคส.) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และ ธ.ก.ส. จัดทำรายละเอียด โดยปรับลดค่าใช้ จ่ายในการรับฝากและออกใบประทวนตามที่เกิดขึ้นจริงที่เคยได้รับอนุมัติในอัตราตันละ 100 บาท และให้คณะอนุ กรรมการดำเนินการรับจำนำข้าวเปลือกจัดสรรประมาณการรับจำนำข้าวเปลือกให้แต่ละจังหวัดตามเกณฑ์ผลผลิต คงเหลือของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และทบทวนการสั่งสีแปรสภาพข้าวเปลือก จากเดิมทุก 15 วัน เป็นทุก 30 วัน ในอัตราร้อยละ 50 ของปริมาณรับจำนำ รวมทั้งให้คณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติระดับจังหวัด อคส. อ.ต.ก. และ ธ.ก.ส. กำกับดูแลการรับจำนำในจังหวัด โดยกวดขันการออกหนังสือรับรองเกษตรกรให้สอด คล้องกับข้อเท็จจริง โดยข้าวเปลือกที่เกษตรกรนำมาจำนำ ต้องเป็นข้าวเปลือกที่เพาะปลูกในฤดูนาปรัง ปี 2552 อย่างแท้จริง และออกหนังสือรับรองเกษตรกร รายละ 1 ใบ 2. การประชุมคณะอนุกรรมการดำเนินการรับจำนำข้าวเปลือก ที่ประชุม ฯ มีมติเห็นชอบให้ อคส. และ อ.ต.ก. ปรับเปลี่ยนการสั่งสีแปรสภาพข้าวเปลือกโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 ทุกชนิด และเห็น ชอบให้จัดสรรปริมาณการรับจำนำข้าวเปลือกที่ได้รับอนุมัติเพิ่มเติมอีกจำนวน 2 ล้านตัน ตามแนวทางที่กำหนด ไว้เดิม กรณีมีความจำเป็นและจังหวัดร้องขอให้จัดสรรเพิ่มเติม ให้ฝ่ายเลขานุการพิจารณาจัดสรรจากโควตากลาง โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานอนุกรรมการ และให้คณะอนุ กขช. ระดับจังหวัด พิจารณาจัดสรรปริมาณรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 ให้โรงสีที่เข้าร่วมโครงการกับ อคส. และ/หรือ อ.ต.ก. ตามปริมาณที่ได้รับจัดสรร โดยพิจารณาตามกำลังการผลิตของโรงสีที่เข้าร่วมโครงการหรือตามที่เห็นสมควร
|
|||||||||||||||||||||
38767 | ยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหาการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ (เอช 1 เอ็น 1) ของประเทศไทย | นร | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหาการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
ชนิดเอ (เอช1 เอ็น1) ของประเทศไทย ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ 1. ขอความร่วมมือหน่วยราชการ และรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการระบาด ของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ (เอช1 เอ็น1) ตามยุทธศาสตร์ของประเทศไทย เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ (เอช 1 เอ็น1) ของประเทศไทยรวมถึงการทำแผนประคองกิจการ ภายในองค์กรและซ้อมแผนดังกล่าว 2. ขอความร่วมมือหน่วยราชการดำเนินการสนับสนุนการดำเนินงานตามข้อ 1 เพื่อเร่งรัดการป้องกัน โรคไข้หวัดใหญ่ให้ทันกับสถานการณ์ โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรที่มีโอกาสอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีความ เสี่ยงต่อการระบาดของไข้หวัดใหญ่ เช่น 2.1 กระทรวงศึกษาธิการ จัดการรณรงค์ส่งเสริมการป้องกันโรค ในช่วงระยะเปิดภาคเรียนใหม่ ให้ ครอบคลุมโรงเรียนและสถานศึกษาทั่วประเทศ 2.2 กระทรวงแรงงาน จัดการรณรงค์ส่งเสริมการป้องกันโรคในโรงงานทั่วประเทศ ระยะ 2-3 เดือน ข้างหน้า 2.3 กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี จัดทำแผนเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารประชาสัมพันธ์ การ ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ (เอช1 เอ็น1) 3. ขอความร่วมมือให้หน่วยราชการ และรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตาม ยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหาการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ (เอช1 เอ็น1) ของประเทศ ไทย ต่อคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์การระบาดใหญ่ของไข้ หวัดใหญ่ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) เป็นประธาน เป็นประจำทุกเดือน
|
|||||||||||||||||||||
38768 | แนวทางการบริหารจัดการลำไยอบแห้งปี 2546 และปี 2547 ที่เหลืออยู่และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ | กษ | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบและอนุมัติในหลักการแนวทางการบริหารจัดการลำไยอบแห้งปี 2546 และปี 2547 ที่เหลือ อยู่และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์เสนอเพิ่มเติมขอตัดข้อความในข้อเสนอของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ข้อ 4.1 (ในหนังสือกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ ด่วนที่สุด ที่ กษ 2215/4100 ลงวันที่ 8 มิถุนายน 2552 หน้า 6) ความว่า "...และขอให้ยกเว้น การปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ..." ออก 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประสานหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีเกี่ยวกับลำไย อบแห้งปี 2546 และปี 2547 เช่น สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นต้น ก่อนด้วยว่า การนำลำไยอบแห้งดังกล่าวไปทำ ลาย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอจะมีผลกระทบถึงพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ หากมี ผลกระทบจะใช้วิธีถ่ายเป็น VDO ไว้เป็นหลักฐานได้หรือไม่ 3. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการบริหารจัดการลำไยและทำลายลำ ไยอบแห้งปี 2546 และปี 2547 เป็นดังนี้ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน รองปลัดกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ที่ได้รับมอบหมาย ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทนกองทัพภาคที่ 3 รองผู้ว่าราชการจังหวัด เชียงใหม่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ผู้แทนกรมวิชาการเกษตร ผู้แทนกรมพัฒนาที่ดิน ผู้แทนกรมส่งเสริมการ เกษตร ผู้แทนกรมโรงงานอุตสาหกรรม ผู้แทนสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทน กรมการค้าภายใน ประธานมูลนิธิสถาบันพัฒนาทรัพยากรชุมชน ผู้แทนคณะกรรมการกลางกลุ่มเกษตรกรจังหวัด เชียงใหม่ ผู้แทนคณะกรรมการกลางกลุ่มเกษตรกรจังหวัดลำพูน ผู้แทนสมาคมผู้ผลิตลำไยอบแห้งภาคเหนือ ผู้ อำนวยการองค์การคลังสินค้า และผู้แทนสื่อมวลชน ตามที่ประธานกำหนดเป็นกรรมการ โดยให้ผู้อำนวยการองค์ การตลาดเพื่อเกษตรกร เป็นกรรมการและเลขานุการ
|
|||||||||||||||||||||
38769 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 2/2552 | นร | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก
(กพอ.) ครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2552 ซึ่งได้พิจารณาแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหาผลกระทบ จากอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุดและจังหวัดระยอง การประกาศใช้ผังเมืองรวมมาบตาพุด จาก พ.ศ. 2531 จนถึง ปัจจุบัน และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์ เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่บริเวณ ชายฝั่งทะเลตะวันออก และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและมติคณะกรรมการ กพอ. ไปพิจารณาประกอบ การดำเนินการ และรายงานให้คณะกรรมการ กพอ. และคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นาย กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ประธานกรรมการ กพอ. เสนอ ทั้งนี้ ในส่วนของมติคณะกรรมการ กพอ. เกี่ยวกับการชะลอ การขยายและการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมใหม่ในพื้นที่มาบตาพุด ฯ และแนวทางปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรา 67 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย นั้น มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ 1. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาหาแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนกรณีที่องค์การอิสระด้านสิ่ง แวดล้อมและสุขภาพ ตามมาตรา 67 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยยังจัดตั้งไม่แล้วเสร็จ แล้วนำเสนอคณะ รัฐมนตรีโดยด่วน 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการเรื่องประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ (HIA) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อออกเป็นระเบียบหรือกำหนด วิธีปฏิบัติให้ชัดเจน เหมาะสม แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน 2 สัปดาห์ 3. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งทบทวนประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง โรงงานที่อาจก่อให้เกิดผล กระทบอย่างรุนแรงต่อชุมชน ลงวันที่ 22 กรกฎาคม 2551 กำหนดให้โรงงานตามบัญชีท้ายประกาศของกระทรวง วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดของโครงการที่ต้องจัดทำ EIA ตามพระราช บัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 เป็น "โรงงานที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชน อย่างรุนแรง" เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง และไม่ส่งผลกระทบต่อการชะลอการขยายและการก่อสร้างโรงงาน อุตสาหกรรมใหม่ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เนื่องจากโรงงานที่ต้องทำ EIA อาจไม่เข้าข่ายเป็น "โรงงานที่อาจก่อให้ เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง"
|
|||||||||||||||||||||
38770 | การขยายระยะเวลารับจำนำมันสำปะหลังจังหวัดระยอง | พณ | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาการรับจำนำมันสำปะหลังให้จังหวัดระยองเป็นกรณีพิเศษ จาก
เดิม "สิ้นสุดวันที่ 16 พฤษภาคม 2552" เป็นสิ้นสุด "วันที่ 31 สิงหาคม 2552" ภายใต้หลักเกณฑ์และวิธีการที่ กำหนดไว้เดิม โดยให้จังหวัดจัดหาลานมัน/โรงแป้ง เข้าร่วมโครงการเพิ่มเติมเพื่อสามารถดำเนินการรับจำนำได้ทัน ภายในระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องจำนำข้ามจังหวัดหรือต้องจัดหาลานมัน/โรงแป้งจากจังหวัดอื่นเข้า ไปดำเนินการ ให้จังหวัดพิจารณาหักลดค่าขนส่งจากราคารับจำนำ หรือจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบค่าขนส่งให้แก่ลาน มัน/โรงแป้งในอัตราที่เหมาะสม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
38771 | สรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ | นร | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน
2552 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 2 ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน 2552 และครั้งที่ 2 (สมัยวิสามัญ) วันพุธที่ 17 และวันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน 2552
|
|||||||||||||||||||||
38772 | การบรรเทาปัญหาการว่างงาน | นร | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รัฐมนตรีทุกท่านเร่งรัดติดตามเกี่ยวกับการบรรจุบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นข้าราช
การของส่วนราชการในสังกัดให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลาที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนได้ขยายเวลาให้ส่วนราช การดำเนินการสรรหาบุคคลเพื่อบรรจุแต่งตั้งในตำแหน่งว่างจนถึงวันที่ 15 มิถุนายน 2552 โดยเร็ว ตามที่นายก รัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
38773 | ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในชุมชน | นร | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการดำเนินการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กในชุมชน
ในด้านสุขอนามัยและการพัฒนาของเด็กเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยมอบให้กระทรวง สาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักและเร่งประสานกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษา ธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการให้เหมาะสมและครบวงจร ครอบคลุมถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น การเลี้ยงดู การโภชนาการ และการจัดอาหารกลางวันแก่เด็กเล็ก เป็น ต้น
|
|||||||||||||||||||||
38774 | การสนับสนุนงบประมาณแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการสนับสนุนงบประมาณแก่องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น โดยให้กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) ติดตามตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงกรณี ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดประสบปัญหาเกี่ยวกับงบประมาณเพื่อการดำเนินการในภารกิจสำคัญและจำเป็นเร่ง ด่วนของท้องถิ่น ให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามความจำเป็นเหมาะสมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
38775 | ร่างพระราชบัญญัติสภาวิจัยแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วช | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสภาวิจัยแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรม การวิจัยแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วนำเสนอสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติ ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1.1 กำหนดให้สภาวิจัยแห่งชาติมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดทำนโยบายและแผนหลักหรือแผน แม่บทการวิจัยแห่งชาติตามที่กำหนด 1.2 ให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ มีเลขาธิการคนหนึ่ง และรองเลขาธิการไม่เกิน 4 คน โดยให้เลขาธิการมีหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการทั่วไปซึ่งราชการของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และบังคับ บัญชาข้าราชการในสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติมีหน้าที่ตาม ที่กำหนด 1.3 ให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติอาจมีรายได้ที่ใช้เป็นทุนเพื่อการวิจัยจากเงินงบประมาณ แผ่นดิน ค่าธรรมเนียม เงินและผลประโยชน์อื่น ๆ และเงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้ และให้การรับและการจ่ายเงิน รายได้ออกเป็นระเบียบสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารสภาวิจัย แห่งชาติ 2. ให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ที่เห็นควรแก้ ไขเพิ่มเติมร่างมาตราต่าง ๆ อาทิ เพิ่มวรรคสุดท้ายของร่างมาตรา 11 โดยกำหนดให้ วช. รับฟังความคิดเห็นจาก หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยภาคเอกชน และภาคประชาชน ประกอบการจัดทำนโยบาย แผนและยุทธ ศาสตร์ ตาม (1) และ (2) แก้ไขร่างมาตรา 11(3) จากพิจารณาจัดตั้งงบประมาณเกี่ยวกับการวิจัยของชาติ เป็น พิจารณาเสนอแนะเกี่ยวกับงบประมาณการวิจัยของประเทศ ปรับร่างมาตรา 11(5) เป็น เป็นแหล่งรวบรวมความ ต้องการและจัดการข้อมูลการวิจัยของประเทศรวมทั้งเป็นศูนย์สารสนเทศและการแปลในเรื่องการวิจัย และปรับร่าง มาตรา 11(7) ในเรื่องการสร้างความตกลงและส่งเสริมความร่วมมือกับสถาบันการวิจัยและนักวิจัยให้ครอบคลุมทั้ง ในประเทศและต่างประเทศ เป็นต้น นอกจากนี้ เห็นควรให้ตัดประเด็นการกำหนดจำนวนรองเลขาธิการออก เนื่อง จากเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการจัดโครงสร้างและอัตรากำลังของ วช. ที่ต้องหารือกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราช การพลเรือน หรือหากคงไว้ก็ไม่ควรระบุจำนวนที่ตายตัว รวมทั้งเห็นควรให้มีกลไกการมีส่วนร่วมในการทำงานของ ภาคีที่เกี่ยวข้องกับทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อสนับสนุนอำนาจหน้าที่ที่เพิ่มขึ้นของ วช. ไปประกอบการ พิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||
38776 | ขออนุมัติกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุก
เฉินหรือจำเป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจาก สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 400,000,000 บาท ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนัก นายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เสนอ โดยให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีขอรับการสนับ สนุนค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2548 (เรื่อง การให้ ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้) และวัน ที่ 1 สิงหาคม 2550 [เรื่อง หลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และคำสั่งแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการนโยบายและอำนวยการการ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ฯ (กยต.) เพิ่มเติม] รวมทั้งระเบียบ ข้อบังคับและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามความ เห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
38777 | โครงการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัท ผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น จำกัด | พน | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้กระทรวงพลังงานรับเรื่อง โครงการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า ของบริษัท ผลิตไฟฟ้า และน้ำเย็น จำกัด ไปพิจารณาทบทวนร่วมกับกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับสัดส่วนการถือหุ้นของการไฟฟ้านครหลวง ในการลงทุนโครงการ ฯ แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งภายใน 2 สัปดาห์ 2. ให้กระทรวงพลังงาน (บริษัท ผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น จำกัด) รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่า การดำเนินโครงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและน้ำเย็น ของบริษัท ฯ ที่ผ่านมาพบว่า มีผลการติดตามตรวจสอบคุณ ภาพสิ่งแวดล้อมด้านเสียงทั่วไปมีค่าเกินค่าที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม บริษัท ฯ ควร ดำเนินการแก้ไขในเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จก่อนขยายโครงการ และเพื่อเป็นการเตรียมการรองรับการขยายตัวของ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสร้างความมั่นคงและเชื่อถือได้ในระบบพลังงานสำหรับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และ บริเวณใกล้เคียง ให้บริษัท ฯ วิเคราะห์และติดตามปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอย่าง ใกล้ชิดเพื่อจัดทำแผนรองรับในกรณีที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าไม่เป็นไปตามประมาณการ นอกจากนี้ ให้บริษัท ฯ จัด ทำแผนบริหารความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจเพื่อเตรียมการรองรับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกที่อาจเกิดขึ้น เช่น ราคาเชื้อเพลิง ความต้องการไฟฟ้า และน้ำเย็นสำหรับระบบปรับอากาศ เป็นต้น และพิจารณาดำเนินการเพื่อให้มี การจำหน่ายคาร์บอนเครดิตที่เกิดจากการดำเนินโครงการ ฯ รวมทั้งให้มีหน่วยงานกลางที่ไม่มีส่วนได้เสียกับธุรกิจ ของบริษัท ฯ เข้ามามีส่วนร่วมพิจารณาตรวจสอบและรับรองความเหมาะสมทางด้านเทคนิคของโครงการ ฯ อีกทาง หนึ่งด้วย ไปประกอบการพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||
38778 | ขอให้พิจารณาอนุมัติงบประมาณ เพื่อดำเนินโครงการวางท่อเชื่อมจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ไปอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ จังหวัดระยอง | กษ | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า เพื่อให้การชำระค่าก่อสร้างโครงการวางท่อเชื่อมจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ไปอ่างเก็บ
น้ำคลองใหญ่ จังหวัดระยอง ให้แก่บริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EAST WATER เป็นไปด้วยความเหมาะสมถูกต้องตามภาระงาน ข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จึงมี มติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับเรื่องนี้ไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงาน อัยการสูงสุด แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งภายใน 2 สัปดาห์ |
|||||||||||||||||||||
38779 | ผลการประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ครั้งที่ 1/2552 | นร | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอผลการประชุมคณะกรรมการผู้ช่วย
รัฐมนตรี ครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2552 ซึ่งที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับแนวทางการจัดประชุม คณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี การพิจารณาและประเมินผลรายงานผลการดำเนินการของผู้ช่วยรัฐมนตรีในระยะ ที่ผ่านมา รวมทั้งการเสนอแนะมาตรการอันเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรีหรือ ของรัฐมนตรี ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบกรอบการดำเนินงานของคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี และข้อ เสนอแนะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี กับเห็นชอบหลักการให้คณะ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีแก้ไขปรับปรุงคู่มือคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี และแต่งตั้งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่าย ข้าราชการประจำ ด้านประสานกิจการภายในประเทศ (นายฐานิต ชัยยศ) และผู้อำนวยการสำนักประสานงาน การเมือง สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||
38780 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (โครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์) | ศธ | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินโครงการพัฒนาศิริราชสู่
สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ ครั้งที่ 2 โดยผลการดำเนินงานโครงสร้างอาคารชั้นใต้ดินและอาคาร โรงพยาบาล (SiMC) จนถึงเดือนพฤษภาคม 2551 ดำเนินการได้ร้อยละ 33 และได้ผลงานตามเป้าหมายในงวด ที่ 8 ภายในเดือนพฤษภาคม 2551 หรือคิดเป็นร้อยละ 7.92 ของโครงการ โดยจำนวนเงินงบประมาณที่ใช้จ่าย ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ใช้จ่ายเป็นค่าจ้างล่วงหน้าตามสัญญา จากเงินงบประมาณแผ่นดิน 307,437,750 บาท และงานงวดที่ 1 จากเงินนอกงบประมาณ 43,579,301.06 บาท และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ระหว่าง เดือนตุลาคม 2550-พฤษภาคม 2551 ใช้จ่ายงบประมาณ 301,568,763.34 บาท จากเงินงบประมาณแผ่นดิน 159,210,350.00 บาท และเงินนอกงบประมาณ 142,358,413.34 บาท สำหรับปัญหา/อุปสรรค ได้แก่ ที่ดินที่ได้รับจากการรถไฟที่ขาดอยู่ประมาณ 1.5 ไร่ การรถไฟอนุญาตให้ก่อสร้างชั้นใต้ดินได้ ส่วนที่ชั้น 1 ยัง จำเป็นต้องคงรางรถไฟไว้ในพื้นที่โครงการบางส่วนทำให้ต้องมีการแก้ไขแบบ รวมทั้งมีแนว Duct Bank ไฟฟ้าแรง สูง (ใต้ดิน) ผ่านพื้นที่โครงการทำให้ต้องแก้ไขแบบให้อาคารหลบแนว Duct Bank
|
.....