ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1931 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 38601 - 38620 จากข้อมูลทั้งหมด 124241 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
38601 | ขอความเห็นชอบการแต่งตั้งผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (พันโท ทวีสิน รักกตัญญู) | คค | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งพันโท ทวีสิน รักกตัญญู ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการทางพิเศษแห่ง
ประเทศไทย โดยให้ได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 300,000 บาท และการปรับขึ้นค่าตอบแทนคงที่ ค่าตอบแทนพิเศษ และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ตามที่กระทรวงการคลังเห็นชอบแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
38602 | การจัดการประชุม World Saxophone Congress XV 2009 | นร | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีสามารถจัดสรรงบประมาณ จำนวน
5 ล้านบาท ให้แก่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดประชุม World Saxophone Congress XV 2009 ครั้งที่ 15 ระหว่างวันที่ 7-12 กรกฎาคม 2552 โดยใช้งบประมาณจากโครง การฟื้นฟูความเชื่อมั่นและเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ เพื่อประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในภาพรวม ตามที่ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการให้ถูกต้องเป็น ไปตามกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ของทางราชการที่เกี่ยวข้องด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
38603 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายถนนพุทธมณฑลสาย 1 พ.ศ. .... | มท | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อ
สร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายถนนพุทธมณฑลสาย 1 พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ มีสาระ สำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายถนนพุทธมณฑลสาย 1 ในท้องที่แขวงฉิมพลี แขวงบางระมาด แขวงบางพรม แขวงบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชัน แขวงคลองขวาง แขวงบาง ด้วน แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ และแขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร และให้ส่งสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
38604 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การคุ้มครองสิทธิบุคคลที่มีคู่สมรสเป็นชาวต่างชาติ | สสป | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ ของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การคุ้มครองสิทธิบุคคลที่มีคู่สมรสเป็นชาวต่างชาติ สรุปได้ดังนี้ 1.1 ด้านกฎหมาย 1.1.1 ออกกฎหมายเพิ่มเติมเพื่อคุ้มครองดูแลช่วยเหลือคนไทยที่มีคู่สมรสเป็นชาวต่างชาติให้มี ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 1.1.2 ให้ตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจตรวจคนเข้าเมืองมีอำนาจสอบสวนคดีบางประเภทที่เกีjยว ข้องโดยตรงตามควรแก่กรณี เช่น คดีหลอกลวงต้มตุ๋น ฉ้อโกงนักท่องเที่ยว คดีที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ หลอกลวง หญิงไทยไปขายหรือไปทำงาน 1.1.3 ทบทวนนโยบายการเปิดเสรีการเข้าออกประเทศไทยภายใน 30 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า กับในบางประเทศเพื่อป้องกันกลุ่มอิทธิพลในการมาแสวงหาผลประโยชน์หรือการหลบหนีของผู้กระทำความผิด ในประเทศเหล่านั้นเข้ามาอยู่ในประเทศไทย 1.2 ด้านการบริการ 1.2.1 เพิ่มศูนย์คุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือคนไทยที่สมรสกับชาวต่างชาติในจังหวัดที่มีชาวต่าง ชาติอาศัยอยู่มาก และในต่างประเทศที่มีคนไทยอาศัยอยู่มาก 1.2.2 พัฒนาระบบการให้บริการคุ้มครองสิทธิและการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายผ่าน ระบบอินเทอร์เน็ตแก่คนไทยที่มีคู่สมรสเป็นคนต่างชาติ 1.2.3 จัดทำฐานข้อมูลของคนไทยที่สมรสกับชาวต่างชาติให้ทันสมัย 1.3 ด้านการเผยแพร่และการให้ความรู้ 1.3.1 จัดให้มีการจัดพิมพ์เอกสารหรือคู่มือ เพื่อเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายอย่างกว้างขวางที่ เกี่ยวข้องกับสิทธิการสมรส มรดก การหย่า การรับรองบุตรที่เกี่ยวกับกฎหมายไทย และกฎหมายประเทศนั้น ๆ 1.3.2 สร้างฐานข้อมูลชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทย 1.4 ด้านวัฒนธรรมและประเพณี 1.4.1 จัดกิจกรรมหรือการตั้งชมรมเพื่อส่งเสริมความเข้าใจทางวัฒนธรรม ความคิดระหว่างคน ไทยและชาวต่างชาติ และจัดฝึกอบรมทางด้านภาษาให้กับหญิงไทยที่มีคู่สมรสเป็นชาวต่างชาติ 1.4.2 ส่งเสริมพัฒนาให้เด็กและเยาวชนที่ถูกทอดทิ้งจากบิดามารดาชาวต่างชาติ (ลูกครึ่ง) ได้ รวมกลุ่มกันเพื่อร่วมทำกิจกรรมในเชิงบวก และให้คนไทยที่มีคู่สมรสเป็นชาวต่างชาติได้มีโอกาสรวมกันเป็นเครือ ข่ายในการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และร่วมกันพัฒนาส่งเสริมเยาวชนที่ถูกทอดทิ้งจากบิดามารดาชาวต่างชาติไป ในทางที่ดี 1.4.3 จัดตั้งศูนย์วัฒนธรรมเฉพาะสำหรับคนไทยที่สมรสกับคนต่างชาติ และคนต่างชาติที่มีคู่ สมรสเป็นคนไทย รวมทั้งบุตรของบุคคลเหล่านั้นให้มีการดำเนินกิจกรรมเพื่อลดความขัดแย้ง ความแตกต่างทาง วัฒนธรรม ค่านิยม ความคิด 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา รวมทั้งผลการดำเนินการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒน ธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด และกรมการกงสุล
|
||||||||||||||||||||||||
38605 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยา บาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยร่างระเบียบ ฯ มีสาระสำคัญคือ 1.1 กำหนดให้ผู้มีอำนาจอนุมัติการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล เป็นผู้มี อำนาจออกหนังสือรับรองการมีสิทธิรับเงินค่ารักษาพยาบาล 1.2 กำหนดวิธีการในการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการ 1.3 กำหนดตำแหน่งผู้มีอำนาจรับรองการใช้สิทธิ และผู้มีอำนาจอนุมัติการเบิกจ่ายเงินสวัสดิ การ ฯ 1.4 กำหนดวิธีการเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลกรณีเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาล ของทางราชการประเภทผู้ป่วยใน 1.5 กำหนดให้การเบิกจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลกับสำนักงานคลังจังหวัดให้เบิกได้โดยไม่ต้อง ขอโอนเงินจัดสรร 2. ให้แก้ไขวันใช้บังคับของร่างระเบียบ ฯ เป็น "ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป" ตามข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และให้ดำเนินการต่อไป ได้
|
||||||||||||||||||||||||
38606 | แต่งตั้งกรรมการบริหารและกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ (จำนวน 164 คน) | วช | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการบริหารและกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ จำนวน 164 คน
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (30 มิถุนายน 2552) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. กรรมการบริหารซึ่งนายกรัฐมนตรีคัดเลือกแล้ว จำนวน 5 คน 2. กรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ จำนวน 159 คน 12 สาขาวิชาการ คือ 2.1 สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพและคณิตศาสตร์ 13 คน 2.2 สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ 11 คน 2.3 สาขาวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัช 13 คน 2.4 สาขาเกษตรศาสตร์และชีววิทยา 14 คน 2.5 สาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย 15 คน 2.6 สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและนิเทศศาสตร์ 12 คน 2.7 สาขาปรัชญา 12 คน 2.8 สาขานิติศาสตร์ 15 คน 2.9 สาขารัฐศาสตร์และประศาสนศาสตร์ 14 คน 2.10 สาขาเศรษฐศาสตร์ 14 คน 2.11 สาขาสังคมวิทยา 12 คน 2.12 สาขาการศึกษา 14 คน
|
||||||||||||||||||||||||
38607 | ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและการสนับสนุนส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว | นร | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอสรุปผลการดำเนินการของกระทรวง
คมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทย ตามมติคณะรัฐมนตรี (3 มิถุนา ยน 2552) เรื่อง การเร่งรัดการดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูวิกฤตการท่องเที่ยว ประกอบด้วย 1. การยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวทุกประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทย 1.1 ออกประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราประเภทนัก ท่องเที่ยวแก่คนต่างด้าวเป็นการชั่วคราว ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2552 โดยให้มีผลเมื่อพ้นกำหนด 3 วันนับแต่วัน ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป 2. การยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบธุรกิจโรงแรม 2.1 คณะรัฐมนตรีมีมติวันที่ 23 มิถุนายน 2552 อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรม เนียมการประกอบธุรกิจโรงแรมทุกประเภท พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ 3. การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการขึ้นลงของอากาศยานและที่เก็บอากาศยาน (Landing & Parking Fee) 3.1 ออกประกาศกรมการขนส่งทางอากาศ เรื่อง ขยายระยะเวลาการลดค่าธรรมเนียมในการขึ้น ลงของอากาศยาน และค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยานและสนามบินที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมการขนส่ง ทางอากาศ ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2552 โดยลดอัตราค่าธรรมเนียมลงร้อยละ 50 และขยายระยะเวลาออกไปจน ถึงวันที่ 30 กันยายน 2553 3.2 ลดอัตราค่าธรรมเนียมในการขึ้นลงของอากาศยาน (Landing Fee) จากเดิมในอัตราร้อยละ 20 เป็นอัตราร้อยละ 30 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2552 เวลา 00.01 น. ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 เวลา 24.00 น. 3.3 ขยายระยะเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยานสำหรับอากาศยานที่จอดไม่เกิน 24 ชั่วโมง จากกำหนดสิ้นสุดเดิมในวันที่ 30 กันยายน 2552 เวลา 24.00 น. เป็นวันที่ 31 ธันวาคม 2552 เวลา 24.00 น. 4. การลดหย่อนค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานแห่งชาติ 4.1 ออกประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เรื่อง การลดอัตราค่าบริการสำหรับ บุคคลที่เข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ ลงวันที่ 12 มิถุนายน 2552 โดยต่ออายุประกาศฉบับเดิมออกไปจนถึงวัน ที่ 31 ตุลาคม 2552 5. มาตรการเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว 5.1 พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 482) พ.ศ. 2552 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 126 ตอนที่ 31 ก วันที่ 18 มกราคม 2552 แล้ว 6. มาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปิดสนามบินในอนาคต 6.1 ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณ ภูมิ พ.ศ. .... ยังอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
||||||||||||||||||||||||
38608 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การบริหารจัดการลุ่มน้ำยม : กรณีโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้น | สสป | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ ของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การบริหารจัดการลุ่มน้ำยม : กรณีโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้น สรุปได้ดังนี้ 1.1 การบริหารจัดการทรัพยากรลุ่มน้ำยมทั้งระบบ 1.1.1 การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง อาทิ พัฒนาระบบประปาหมู่บ้านในลุ่มน้ำยม ให้มีน้ำสะอาดเพื่อ การอุปโภคอย่างเพียงพอและทั่วถึง พัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนและระบบชลประทานเพิ่มเติมโดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบ ต่อการใช้น้ำในพื้นที่ตอนล่าง ทบทวนโครงการผันน้ำจากลุ่มน้ำยมไปสู่ลุ่มน้ำน่านที่จะเกิดขึ้นใหม่โดยมีการศึกษา ผลกระทบต่อการขาดแคลนน้ำในลุ่มน้ำยมตอนล่างและต่อระบบนิเวศน์พื้นที่ชุ่มน้ำในลุ่มน้ำยม เป็นต้น 1.1.2 การป้องกันอุทกภัย อาทิ ส่งเสริมและสนับสนุนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมโดยชุมชนในแต่ ละพื้นที่ เพื่อให้ชุมชนมีบทบาทสำคัญในการป้องกันน้ำท่วมด้วยตนเอง และพัฒนาการไปสู่ความเข้มแข็งของชุมชน ในการป้องกันภัยธรรมชาติ ส่งเสริมและสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทำการสำรวจพื้นที่รับน้ำตามธรรม ชาติหรือแก้มลิง ขุดคูคลองเชื่อมระหว่างแม่น้ำยมกับแก้มลิง และพัฒนาพื้นที่แก้มลิงให้สามารถรองรับน้ำได้อย่าง เต็มที่ รวมทั้งดำเนินการปรับปรุงโดยขุดลอกลำน้ำเดิมที่ถูกพัฒนาจนเปลี่ยนสภาพไป เป็นต้น 1.1.3 การอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ ทรัพยากรน้ำและคุณภาพน้ำ โดยให้มีมาตรการรักษา ป่าธรรมชาติเพื่อให้คงสภาพสมบูรณ์ และฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรมในเขตต้นน้ำยมและลุ่มน้ำสาขาให้กลับคืนเป็นแหล่ง น้ำต้นน้ำตามธรรมชาติดังเดิม ตลอดจนส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ ทรัพยากรป่าไม้อย่างยั่งยืนเพื่อรักษาพื้นที่ป่าต้นน้ำตามจารีตประเพณี วัฒนธรรมท้องถิ่น และดำเนินการเพื่อหา มาตรการลดการชะล้างและการพังทลายของดินในบริเวณต้นน้ำยมและลำน้ำสาขา โดยให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการ กำหนดมาตรการดังกล่าว 1.1.4 การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำยม โดยปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้น้ำ ทั้งใน ด้านอุปโภคและบริโภคและระบบชลประทาน และปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติและแหล่งน้ำที่สร้างขึ้นอย่างมี ประสิทธิภาพ ปรับปรุงแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำยมในด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ และบรรเทา ภัยแล้ง ด้านบรรเทาน้ำท่วม ด้านการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรน้ำให้สอดคล้องกับสภาพที่เป็นจริง 1.2 โครงการสาธารณะที่เกี่ยวกับการสร้างแหล่งกักเก็บน้ำหรือทางน้ำไหลที่มีผลกระทบต่อประชา ชน อาทิ 1.2.1 มีหลักประกันให้แก่ชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนด้วยการจัดหาพื้นที่รองรับ การย้ายถิ่นฐานของชุมชน มีการพัฒนาที่ดินพัฒนาอาชีพ มีระบบโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภค-สาธารณูป การ การสาธารณสุข การศึกษาอย่างต่อเนื่องเป็นธรรมและมีส่วนร่วมของประชาชน 1.2.2 การจ่ายค่าชดเชยที่ดินและทรัพย์สินที่เหมาะสมและคุ้มค่าแก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ ให้คิดมูลค่าที่ดินตามราคาที่ดินที่ประมาณการว่าจะสูงขึ้นเมื่อสร้างเขื่อนเสร็จแล้ว 1.2.3 จัดทำแผนมวลชนสัมพันธ์ เพื่อประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้ รับผลกระทบ 1.3 การสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ 1.3.1 ลดความสูงของระดับสันเขื่อนและระดับกักเก็บในระดับที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดผลกระทบ ต่อประชาชน ระบบนิเวศน์ และทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่น้อยที่สุด 1.3.2 พิจารณาก่อสร้างเขื่อนขนาดเล็ก หรือฝายกั้นลำน้ำยมเพิ่มขึ้นให้มีระยะห่างจากจุดที่วาง แผนสร้างเขื่อนไว้เดิมอย่างเหมาะสมกับสภาพของแต่ละพื้นที่เพื่อช่วยรองรับน้ำจากการลดความสูงระดับสันเขื่อน แก่งเสือเต้นลง 1.3.3 จัดหาพื้นที่สร้างอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดย่อมเพื่อให้มีปริมาณมากพอที่จะรองรับ ปริมาณน้ำท่า และน้ำต้นทุนของแต่ละลุ่มน้ำสาขาท้ายเขื่อน 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับ ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||
38609 | ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. .... | นร | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูป
กระบวนการยุติธรรม พ.ศ. .... ของกระทรวงยุติธรรม ไปพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากมีความเห็นสอดคล้องกับข้อ สังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 1 ที่เห็นว่า อำนาจหน้าที่บางประการของคณะกรรมการปฏิรูปกระบวน การยุติธรรมตามร่างพระราชบัญญัติ ฯ อาจซ้ำซ้อนกับคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติตาม พระราชบัญญัติพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2549 ซึ่งมีอำนาจหน้าที่เสนอแนะและให้ความเห็น ชอบเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและแนวทางการบริหารงานยุติธรรมต่อคณะรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน ดังนั้น เพื่อให้ การปฏิบัติภารกิจของคณะกรรมการทั้ง 2 คณะไม่ซ้ำซ้อนกัน อาจต้องมีการปรับปรุงแก้ไขเฉพาะพระราชบัญญัติ พัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2549 หรือรวมร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับเป็นฉบับเดียวกัน แล้ว นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
38610 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยา
เสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติ ฯ มีสาระสำคัญคือ 1. ปรับปรุงบทกำหนดโทษกรณีความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และกรณีผู้ใด ไม่มาให้ถ้อยคำ ไม่ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือ หรือไม่ส่งบัญชีเอกสารหรือหลักฐานตามมาตรา 25 (2) หรือขัดขวาง หรือไม่ให้ความสะดวกตามมาตรา 25 (3) หรือ (4) 2. ปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินและพนักงานเจ้าหน้าที่ 3. กำหนดหลักเกณฑ์ในการยึดหรืออายัดทรัพย์สินเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่า เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่อง กับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดก่อนหรือหลังที่คณะกรรมการหรือเลขาธิการมีคำสั่งตรวจสอบทรัพย์สิน ตามมาตรา 19 หรือก่อนที่คณะกรรมการหรือเลขาธิการมีคำสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินตามมาตรา 22 4. ปรับปรุงระยะเวลาในการยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด เกี่ยวกับยาเสพติดตกเป็นของกองทุนและระยะเวลาในการยื่นคำร้องเพิ่มเติม และกำหนดให้พนักงานอัยการยื่นคำ ร้องต่อศาลเพื่อไต่สวนทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในกรณีต้องผู้หา หรือจำเลย หลบหนีหรือถึงแก่ความตาย และให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของกองทุน 5. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอให้ศาลสั่งอนุญาตให้นำทรัพย์สิน ตามมาตรา 30 ออกขาย ทอดตลาด หรือไปใช้เพื่อประโยชน์ของทางราชการไปพลางก่อน ก่อนที่ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของกองทุน และ การประเมินราคาทรัพย์สิน ค่าเสียหายหรือค่าเสื่อมสภาพของทรัพย์สิน 6. ให้ทรัพย์สินของกองทุนรวมถึงทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุนตามมาตา 29 และมาตรา 30/2 7. แก้ไขผู้รับรายงานงบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินของกองทุนจากคณะรัฐมนตรีเป็นรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||
38611 | ขออนุมัติลงนามในบันทึกความเข้าใจสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) กับ Institute of Remote Sensing Applications (IRSA) สาธารรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีการสำรวจระยะไกลและการประยุกต์ใช้ และบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) กับ National Geospatial-Intelligence Agency (NGA) ประเทศสหรัฐอเมริกา | วท | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ 1.1 เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) กับ Institute of Remote Sensing Applications (IRSA) สาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยความร่วมมือ ด้านเทคโนโลยีการสำรวจระยะไกลและการประยุกต์ใช้ 1.2 เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่าง สทอภ. กับ National Geospatial-Intelligence Agen cy (NGA) ประเทศสหรัฐอเมริกา 1.3 อนุมัติให้ผู้อำนวยการ สทอภ. เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจทั้ง 2 ฉบับ ทั้งนี้ หากมีการ เปลี่ยนแปลงถ้อยคำที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่มีผลกระทบต่อเนื้อหาสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ ให้ ผู้อำนวยการ สทอภ. สามารถเปลี่ยนแปลงในเรื่องนั้น ๆ ได้ 1.4 ให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) ให้ผู้อำนวยการ สทอภ. เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจทั้ง 2 ฉบับ 2. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจระหว่าง สทอภ. กับ IRSA ฯ เพื่อให้มีความชัดเจนเกี่ยวกับผลผูกพันทางกฎหมาย (Statutory Compliance) เหมือนกับบันทึกความ เข้าใจระหว่าง สทอภ. กับ NGA ฯ ก่อนการลงนามกับฝ่ายจีนด้วย |
||||||||||||||||||||||||
38612 | ยุทธศาสตร์การพัฒนาข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2552-2556 | นร | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบยุทธศาสตร์การพัฒนาข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2556 มีสาระสำคัญคือ เสริม สร้างให้ข้าราชการพลเรือนมีคุณภาพ คุณธรรม จริยธรรม คุณภาพชีวิตและมีขวัญกำลังใจในการปฏิบัติราชการเพื่อ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจภาครัฐและประโยชน์สุขประชาชน ประกอบด้วยยุทธศาสตร์ 4 ประการ คือ 1.1 ยุทธศาสตร์ที่ 1 การพัฒนาคุณภาพข้าราชการในการปฏิบัติงานบนพื้นฐานของสมรรถนะ 1.2 ยุทธศาสตร์ที่ 2 การพัฒนาข้าราชการให้เป็นคนดีมีความซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรม จริยธรรม มี วินัย และเข้าถึงประชาชน 1.3 ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาผู้นำการเปลี่ยนแปลงทุกระดับในองค์การ โดยผ่านกระบวนการเรียน รู้ที่หลากหลายให้สามารถเป็นผู้นำตนเอง ผู้นำทีม ผู้นำองค์การ และผู้นำเครือข่าย 1.4 ยุทธศาสตร์ที่ 4 การส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของข้าราชการทุกคนทุกระดับให้มีพลังกายที่ เข้มแข็งและพลังใจที่พร้อมอุทิศเพื่อผลสัมฤทธิ์ของงาน 2. ให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับประเด็นที่ให้ส่วนราชการคงการจัดสรร งบประมาณเพื่อการพัฒนาข้าราชการไม่น้อยกว่าร้อยละ 3 ของหมวดเงินเดือนและค่าจ้างประจำ โดยแยกรายการ ค่าใช้จ่ายสำหรับการพัฒนาข้าราชการโดยเฉพาะอย่างชัดเจนในเอกสารงบประมาณ โดยเห็นควรให้สำนักงาน ก.พ. กำหนดมาตรการต่าง ๆ ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาข้าราชการพลเรือนโดยเฉพาะการกำหนดหลักสูตรที่สอดคล้อง กับพันธกิจและภารกิจของหน่วยงาน และการจัดทำแผนการพัฒนาหรือหลักสูตรกลาง รวมถึงการติดตามประเมิน ผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรและข้าราชการที่เข้ารับการพัฒนาสำหรับการกำหนดวงเงินงบประมาณในการสนับสนุนค่า ใช้จ่ายในการพัฒนาข้าราชการของหน่วยงาน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย 3. คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่าผลจากการดำเนินการตามยุทธศาสตร์การปรับขนาดกำลังคนภาครัฐและ การควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรภาครัฐไม่ให้สูงขึ้น ทำให้ส่วนราชการต่าง ๆ ที่ขอกำหนดตำแหน่งในระดับสูง เช่น ชำนาญการพิเศษ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้อำนวยการ เป็นต้น ต้องยุบตำแหน่งระดับปฏิบัติ ซึ่งเป็นผลให้ส่วนราชการมี ตำแหน่งระดับสูงเพิ่มขึ้นแต่จะขาดแคลนเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติที่จะรับผิดชอบการดำเนินการดำเนินงานตามภารกิจ ต่าง ๆ ขององค์กรได้อย่างเพียงพอ จึงให้สำนักงาน ก.พ. รับข้อสังเกตดังกล่าวไปศึกษาในรายละเอียดเพื่อกำหนด แนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เหมาะสมต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
38613 | ผลการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาโครงการบ้านเอื้ออาทร | มท | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการปรับลดหน่วยก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทรที่ให้การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ปรับ ลดหน่วยก่อสร้างโครงการ ฯ จาก 300,504 หน่วย เป็น 281,556 หน่วย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาด ไทย ประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาโครงการบ้านเอื้ออาทรเสนอ (ประกอบ ด้วยหน่วยก่อสร้างที่ กคช. แจ้งว่า จำหน่ายได้แล้วจำนวนประมาณ 210,000 หน่วย และหน่วยที่ยังจำหน่ายไม่ได้ จำนวนประมาณ 70,000 หน่วย) 2. เห็นชอบในหลักการมาตรการการเงินที่เห็นควรจัดสรรงบประมาณชดเชยภาระดอกเบี้ยเงินกู้ยืมให้แก่ กคช. จำนวนรวม 4,792 ล้านบาท ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจ ฯ (ประกอบด้วยเงินชดเชยภาระดอกเบี้ยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 3,587 ล้านบาท และเงินชดเชยกรณีไม่ สามารถแยกทรัพย์สินเอื้ออาทรออกจากบัญชี กคช. ได้แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2553 จำนวน 1,205 ล้านบาท) โดยใน ส่วนของเงินชดเชยภาระดอกเบี้ยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 3,587 ล้านบาท นั้น อนุมัติให้ กคช. เบิกจ่าย ได้เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าทางการเงิน โดยให้ กคช. ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ แล้ว ดำเนินการต่อไปได้ 3. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมทั้ง กคช. รับความเห็นเกี่ยวกับมาตรการ ต่าง ๆ ของคณะกรรมการเฉพาะกิจ ฯ เช่น ขายโครงการในลักษณะยกอาคารหรือขายทั้งโครงการให้แก่หน่วยงาน ภาครัฐ รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ การปรับราคาขายบ้านเอื้ออาทรตามทำเลและศักยภาพของโครงการ รวมถึงการปรับราคาขายที่มีความแตกต่างกันภายในโครงการเดียวกันให้เหมาะสมกับโอกาสทางการตลาด และให้ สิทธิผู้ซื้อแต่ละรายสามารถซื้อได้ไม่เกิน 2 หน่วย/ครัวเรือน (ราย) เพื่อรองรับการขยายครอบครัวของผู้ซื้อได้อย่าง เหมาะสมโดยยังคงได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ จำนวน 80,000 บาทต่อหน่วย เป็นต้น และความเห็นของกระทรวงการ คลังที่เห็นว่า ในการจัดหาเงินกู้ให้ กคช. จะได้รับอัตราดอกเบี้ยตามสภาวะตลาดการเงินในขณะนั้น ๆ และเงินกู้ของ กคช. ส่วนใหญ่เป็นการกู้เงินแบบ Term Loan จากสถาบันการเงินเพื่อความคล่องตัวในการบริหารหนี้ ซึ่งหากภาวะ ตลาดการเงินเอื้ออำนวยก็จะพิจารณาดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้อยู่แล้ว โดย กคช. ต้องขออนุมัติต่อคณะ รัฐมนตรีเพื่อขอกู้เงินใหม่เพื่อชำระคืนหนี้เงินกู้เดิม (Refinance) ไปพิจารณาแนวทางการดำเนินการต่าง ๆ ในราย ละเอียดอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาสถานะทางการเงินของ กคช. ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่าง ยิ่งในส่วนของหน่วยก่อสร้างของโครงการ ฯ ที่ยังจำหน่ายไม่ได้ นั้น ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์พิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในทางธุรกิจที่ผ่อนปรนเพื่อให้สามารถจำหน่าย หน่วยก่อสร้างดังกล่าวได้โดยเร็วในราคาที่เป็นธรรมซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะทางการเงินของ กคช. และลดภาระ ค่าใช้จ่ายของรัฐลงได้ รวมทั้งพิจารณาความเหมาะสมของการยกเลิกโดยเปรียบเทียบความคุ้มค่าและภาระของ กคช. แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
38614 | ร่างพระราชบัญญัติวิทยาลัยชุมชน พ.ศ. .... | ศธ | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
38615 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | วท | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งศาสตราจารย์ หม่อมราชวงศ์ชิษณุสรร สวัสดิวัตน์ รองศาสตราจารย์
โรจน์ คุณเอนก นางศุภรัตน์ โชติสกุลรัตน์ และรองศาสตราจารย์สุปราณี แจ้งบำรุง เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ โดย ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (30 มิถุนายน 2552) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
38616 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพัน เกินกว่าวงเงินและระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ รายการปรับปรุงเรือนจำกลางปัตตานี | ยธ | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมถอนเรื่อง ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะ
เวลาก่อหนี้ผูกพัน เกินกว่าวงเงินและระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติรายการปรับปรุงเรือนจำกลางปัตตานี คืนไปได้ ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
38617 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยผู้แทนการค้าไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้ถอนร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยผู้แทนการค้าไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อ นำกลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ 2. ให้รับข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณเกี่ยวกับสถานะของหัวหน้าสำนักงานผู้ แทนการค้าไทยซึ่งเป็นหน่วยงานภายในสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี การกำหนดให้หัวหน้าสำนักงานผู้แทน การค้าไทยเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง อาจไม่สอดคล้องกับสาระสำคัญของ การกำหนดตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตามกฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดประเภทตำแหน่งและระดับ ตำแหน่ง พ.ศ. 2551 ข้อ 3(2) สำหรับการปรับปรุงข้อ 5(3) เสนอและให้ความเห็นแก่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการจัดทำแผนงานและงบประมาณรายจ่ายด้านการค้าและการลงทุนระหว่าง ประเทศของส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐที่เกี่ยวข้อง นั้น การให้ข้อเสนอแนะและความเห็นดังกล่าว ควร ได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรี ก่อนที่ผู้แทนการค้าไทยจะให้ความเห็นชอบหรือข้อเสนอแนะแก่รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกับนโยบายรัฐบาล ไปพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||||||||
38618 | ข้อตกลงร่วมระหว่างผู้แทนคณะรัฐมนตรีและสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย | นร | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) เสนอบันทึกผลการ
เจรจาระหว่างผู้แทนคณะรัฐมนตรีและสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย ดังนี้ 1. ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย และสหภาพ ฯ ประชุมหารือและหาข้อตกลงร่วมกันเพื่อหาข้อสรุปตาม ข้อตกลงสภาพการจ้าง เมื่อได้ข้อสรุปแล้วให้นำผลข้อตกลงร่วมระหว่างทั้งสองฝ่ายรายงานรองนายกรัฐมนตรีเพื่อ นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป โดยระหว่างนี้ให้ชะลอการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มิถุนา ยน 2552 ที่ให้ความเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงิน ของการรถไฟ ฯ ไว้ก่อน 2. เรื่องการเพิกถอนสิทธิ์การครอบครองที่ดินของการรถไฟ ฯ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 3. เห็นชอบให้สหภาพ ฯ ได้มีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของการรถไฟ ฯ 4. เรื่องกรอบและอัตรากำลังที่คณะกรรมการการรถไฟ ฯ และผู้บริหารจะพิจารณา นั้น ให้สหภาพ ฯ มี ส่วนรับทราบในการพิจารณาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
38619 | เอกสารผลลัพธ์ของการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน - กลุ่มความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ ครั้งที่ 1 | กต | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรับรองเอกสารวิสัยทัศน์ร่วมกับ
รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนและกลุ่มความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของรัฐมนตรี ต่างประเทศของทั้งสองภูมิภาคที่จะเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันในด้านต่าง ๆ โดยหากมีความจำเป็น ต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการ ต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
38620 | รายงานผลการดำเนินการ กรณีชุมนุมประท้วงปิดถนนพหลโยธินเพื่อให้ปิดบ่อฝังกลบกากอุตสาหกรรมของบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) จังหวัดสระบุรี | ทส | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถอนเรื่อง รายงาน
ผลการดำเนินการ กรณีชุมนุมประท้วงปิดถนนพหลโยธินเพื่อให้ปิดบ่อฝังกลบกากอุตสาหกรรมของบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) จังหวัดสระบุรี คืนไปได้ ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งสรุปผลการดำเนินการเรื่องนี้ รวมทั้งความคืบหน้าในการดำเนินการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้เป็นปัจจุบัน แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
.....