ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1934 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 38661 - 38680 จากข้อมูลทั้งหมด 124242 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
38661 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย (จำนวน 12 คน 1. คุณหญิงชดช้อย โสภณพนิชฯ) | วธ | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย จำนวน 12
คน ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (23 มิถุนายน 2552) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. ผู้ทรงคุณวุฒิจากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านศิลปะร่วมสมัย 1.1 คุณหญิงชดช้อย โสภณพนิช สาขาทัศนศิลป์ 1.2 นายเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ สาขาทัศนศิลป์ 1.3 นายธงชัย รักปทุม สาขาทัศนศิลป์ 1.4 นายเอริค บุนนาค บูธซ์ สาขาออกแบบ (สถาปัตยกรรม มัณฑนศิลป์ เรขศิลป์) 1.5 นายนิธิ สถาปิตานนท์ สาขาออกแบบ (สถาปัตยกรรม มัณฑนศิลป์ เรขศิลป์) 1.6 พลเรือตรี วีระพันธ์ วอกลาง สาขาดนตรี 1.7 ศาสตราจารย์สุรพล วิรุฬห์รักษ์ สาขาศิลปะการแสดง 1.8 นายประภัสสร เสวิกุล สาขาวรรณศิลป์ 2. ผู้ทรงคุณวุฒิจากนักวิชาการด้านศิลปะร่วมสมัยจากสถาบันอุดมศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน 2.1 ศาสตราจารย์ปรีชา เถาทอง สาขาทัศนศิลป์ 2.2 รองศาสตราจารย์ธงสรวง สาขาดนตรี อิศรางกูร ณ อยุธยา 2.3 นายสรรเสริญ มิลินทสูต สาขาทัศนศิลป์ 2.4 นายกิตติศักดิ์ สุวรรณโภคิน สาขาภาพยนตร์
|
|||||||||||||||||||||
38662 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการซื้อหุ้นคืน การจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน และการตัดหุ้นที่ซื้อคืนของบริษัท (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. ให้ระงับการดำเนินการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการซื้อหุ้นคืน การ จำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน และการตัดหุ้นที่ซื้อคืนของบริษัท (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2546 และวันที่ 30 มกราคม 2550 2. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการซื้อหุ้นคืน การจำหน่าย หุ้นที่ซื้อคืน และการตัดหุ้นที่ซื้อคืนของบริษัท (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และส่งสำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการซื้อหุ้นคืน การจำหน่ายหุ้นคืน และการตัด หุ้นที่ซื้อคืนของบริษัท พ.ศ. 2544 ดังต่อไปนี้ 2.1 กำหนดวงเงินที่บริษัทจะทำการซื้อหุ้นคืนได้ และกำหนดให้บริษัทต้องกันกำไรสะสมไว้เป็น เงินสำรองเท่ากับจำนวนเงินที่ได้จ่ายซื้อหุ้นคืน 2.2 แก้ไขข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลโครงการซื้อหุ้นคืน 2.3 แก้ไขข้อกำหนดเกี่ยวกับระยะเวลาที่บริษัทจะทำการซื้อหุ้นคืนครั้งใหม่ได้ 2.4 แก้ไขข้อกำหนดเกี่ยวกับระยะเวลาที่บริษัทสามารถจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนได้ รวมทั้งแก้ไขให้ บริษัทที่ยังจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนไม่หมดสามารถจำหน่ายหุ้นใหม่ได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด 2.5 แก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดเกี่ยวกับวิธีการจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน 2.6 ให้บริษัทที่จัดทำโครงการซื้อหุ้นคืนโดยดำเนินการตามกฎกระทรวงฉบับเดิมและประสงค์ที่ จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ เพื่อดำเนินการตามกฎกระทรวงที่แก้ไขใหม่นี้ต้องเปิดเผยข้อมูลราย ละเอียดโครงการที่เปลี่ยนแปลงต่อสาธารณชนก่อนดำเนินการ
|
|||||||||||||||||||||
38663 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน - ญี่ปุ่น | สผ | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาความตกลงหุ้น ส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบ ต่อไป โดยผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ฯ สรุปได้ดังนี้ 1.1 มาตรการเยียวยาอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ คือ อุตสาหกรรมยานยนต์และเหล็ก ซึ่งได้มีการดำเนินงานเพื่อพัฒนาห่วงโซ่มูลค่า (Value Chain) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพภาคอุตสาหกรรม 1.2 การป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ได้มีการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างกรมควบ คุมมลพิษซึ่งเป็นหน่วยงานด้านนโยบายและกรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นหน่วยงานปฏิบัติในการจัดการขยะพิษ /ขยะสินค้าใช้แล้ว/สารอันตรายต่าง ๆ นอกจากนี้ กรมศุลกากรได้มีการติดตั้งเครื่องตรวจจับสารกัมมันตภาพรังสี ณ ท่าเรือแหลมฉบัง 1.3 ด้านโครงสร้างและกระบวนการในการจัดทำความตกลงการค้าเสรี ได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการดู แลการเจรจาความตกลงการค้าเสรี ภายใต้คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ มีรองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ เป็นประธาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นรองประธาน โดยให้คณะกรรมการดังกล่าว พิจารณาเกี่ยวกับการกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบกำกับดูแลการเยียวยาในภาพรวม ตามข้อสังเกตของคณะกรรมา ธิการวิสามัญ ฯ ต่อไป 2. ให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศ เร่งรัดแจ้งผลการพิจารณาดำเนินการตามข้อสัง เกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ฯ โดยด่วน กรณีควรให้มีหน่วยงานรับผิดชอบกำกับดูแลการเยียวยาในภาพรวม รวมทั้งให้มีการบูรณาการการบริหารจัดการกองทุนของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและไม่ซ้ำซ้อน ตลอดจนให้มีคณะทำงานระดับรัฐบาลศึกษาแนวทางและยุทธศาสตร์ในการพัฒนาความร่วมมืออาเซียนและญี่ปุ่น ในด้านอื่น ๆ นอกเหนือจากด้านการค้า แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
38664 | รายงานผลการตรวจติดตามโครงการการบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออก และแนวทางการรักษาเสถียรภาพมันสำปะหลัง ปี พ.ศ. 2552/2553 ณ จังหวัดตราด และจังหวัดจันทบุรี | นร | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการตรวจติดตามโครง
การการบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออก และแนวทางการรักษาเสถียรภาพมันสำปะหลัง ปี 2552/25553 ณ จังหวัดตราด และจังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2552 ของรองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) สรุปได้ดังนี้ 1. ผลการตรวจติดตามโครงการบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออก ปี 2552 โดยจังหวัดตราดรายงาน ว่าอยู่ระหว่างดำเนินโครงการ ฯ วงเงินงบประมาณ 113,650,000 บาท เป็นงบประมาณสำหรับการบริหารจัด การและมาตรการการกระจายสินค้าออกนอกแหล่งผลิตและจัดการผลผลิต ประกอบด้วยการรวบรวมผลผลิตของ สหกรณ์ การกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต การเจรจาธุรกิจกับสาธารณรัฐกัมพูชา สปป.ลาว รวมทั้งจังหวัด ต่าง ๆ ในภาคกลางและภาคใต้ และการจัดงานเทศกาลผลไม้ เป็นต้น คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามแผน ที่กำหนดไว้ ส่วนจังหวัดจันทบุรีรายงานว่าอยู่ระหว่างดำเนินโครงการ ฯ วงเงินงบประมาณ 48,400,000 บาท สำหรับการบริหารจัดการผลไม้ และการกระจายสินค้าออกนอกแหล่งผลิต รวมทั้งจัดการผลผลิตให้ถึงปลายทาง อย่างรวดเร็ว มีหน่วยงานสมัครเข้าร่วมโครงการ ฯ รวม 24 ราย และเกษตรกรกู้ยืมเงินแล้ว 13 ราย เป็นเงิน 35,200,000 บาท คาดว่าจะสามารถกระจายสินค้าออกสู่ตลาดได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ 2. แนวทางใหม่ในการรักษาเสถียรภาพราคามันสำปะหลัง ปี 2552/2553 ตามที่ได้มีการชี้แจงให้กลุ่ม เกษตรกรเข้าใจถึงนโยบายของรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรตามแนวทางใหม่ ฯ นั้น เกษตรกรเห็น ด้วยกับนโยบายของรัฐบาล แต่ยังมีปัญหาในเรื่องราคาอ้างอิงและการจดทะเบียนเกษตรกร ทั้งนี้ ได้ขอให้จังหวัด กำกับดูแลหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมในเรื่องระยะเวลาในการประกาศราคาอ้างอิง และเตรียม การจดทะเบียนเกษตรกรดังกล่าว พร้อมทั้งประสานกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลการจดทะเบียนเกษตรกร และให้เกษตรกรติดตามความเคลื่อนไหวของราคา น้ำมันซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้น เป็นสาเหตุที่ทำให้ประเทศต่าง ๆ หันมาให้ความสนใจกับการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น ซึ่งจะมีผลกระทบต่อราคามันสำปะหลังปี 2552/2553 ที่เกษตรกรประกันราคาไว้ต่ำกว่าราคาตลาด และส่งผลดี ต่อเกษตรกร
|
|||||||||||||||||||||
38665 | สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | พศ | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอมติที่ประชุมมหาเถรสมาคม ใน
การประชุมครั้งที่ 14/2552 เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2552 ที่เห็นชอบให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติดำเนิน การแก้ไขปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งส่งผลให้พระภิกษุสามเณรไม่สามารถออก บิณฑบาตได้ ดังนี้ 1. จัดเครื่องอุปโภคบริโภคไปถวายโดยผ่านเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ 2. ถวายเงินเจ้าอาวาสวัดวาลุการามเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบำเพ็ญกุศล พระสมบัติ อาทโร จำนวนเงิน 100,000 บาท และถวายเป็นค่ารักษาพยาบาลให้แก่พระธวัชชัย ธนิสสโร ที่ถูกคนร้ายลอบยิงได้รับบาดเจ็บ จำนวน เงิน 50,000 บาท พร้อมทั้งเข้านมัสการเจ้าคณะจังหวัดยะลา รองเจ้าคณะจังหวัดยะลา เลขานุการเจ้าคณะจังหวัด ยะลา เพื่อรับทราบปัญหาและขอคำแนะนำแนวทางในการสนองงานคณะสงฆ์ 3. ดำเนินการจัดสรรเงินเพื่อถวายเป็นค่าภัตตาหารแก่พระภิกษุสามเณรในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาค ใต้ วันละ 100 บาท เป็นเวลา 20 วัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น 4. มอบหมายให้ผู้แทนมหาเถรสมาคมออกเยี่ยมเยียนสร้างขวัญกำลังใจแก่เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์และพระ ภิกษุสามเณรในพื้นที่ 5. มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประสานฝ่ายความมั่นคงใน พื้นที่ได้ให้ความคุ้มครอง ดูแลความปลอดภัยให้กับวัดและคณะสงฆ์
|
|||||||||||||||||||||
38666 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 3 ราย 1. นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณฯ) | กค | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่ง
ประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 3 ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวง การคลังเสนอ ดังนี้ 1. นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร (นักบริหารระดับสูง) 2. นายอุทิศ ธรรมวาทิน ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง 3. นายสาธิต รังคสิริ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||
38667 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ครั้งที่ 2 (นายวัลลภ พลอยทับทิม) | พม | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขยายระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของนายวัลลภ พลอยทับทิม ข้าราชการพล
เรือนสามัญ ตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ต่อไปอีก 1 ปี (เป็นการต่อเวลาครั้งที่ 2) ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2552 ถึงวันที่ 19 กรกฎาคม 2553 ตามที่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
38668 | เอกสารผลลัพธ์ของการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน-กลุ่มความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ ครั้งที่1 | กต | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมรับรองร่างแถลงข่าวของที่ประชุมระดับรัฐมนตรี อาเซียนกับกลุ่มความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council-GCC) ครั้งที่ 1 ซึ่งออกแถลงข่าวร่วมเป็น เอกสารผลลัพธ์ของการประชุม โดยได้กำหนดสาขาความร่วมมือที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมระหว่างกัน ได้แก่ การค้าการลงทุน ทรัพย์สินทางปัญญา ความมั่นคงทางพลังงานและอาหาร การคมนาคม การท่องเที่ยว สิ่งแวด ล้อม และความช่วยเหลือทางเทคนิค ในวันที่ 30 มิถุนายน 2552 ที่กรุงมานามา ประเทศบาห์เรน 2. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญ หรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก
|
|||||||||||||||||||||
38669 | ร่างพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดการตรวจสอบและกักกันโรคสำหรับการขนส่งผลไม้ไทยที่ส่งผ่านประเทศที่สามสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน | กต | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า การปฏิบัติตามข้อกำหนดของจีนในการตรวจสอบและกักกันโรคของผลไม้
ไทยที่จะส่งออกไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นไปเพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งออกนำเข้า จึงไม่เข้าข่ายตาม มาตรา 190 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งจะต้องเสนอรัฐสภาให้ความเห็นชอบ จึงอนุมัติ ให้มีการลงนามพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดการตรวจสอบและกักกันโรคสำหรับการขนส่งผลไม้ไทยที่ส่งผ่านประเทศที่ สามสู่สาธารณรัฐประชาชนจีนได้
|
|||||||||||||||||||||
38670 | บันทึกความเข้าใจในการจัดงาน Bangkok - Gyeongju World Culture EXPO 2010 | วธ | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจในการจัดงาน Bangkok-Gyeongju World Culture EXPO 2010 2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ ฯ
|
|||||||||||||||||||||
38671 | การประชุมสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | นร | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โดยที่รัฐธรรมนูญมาตรา 177 วรรคสอง มีบท
บัญญัติไว้ว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ห้ามมิให้รัฐมนตรีที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรออกเสียงลงคะแนน ในเรื่องที่เกี่ยวกับการดำรงตำแหน่ง การปฏิบัติหน้าที่หรือการมีส่วนได้เสียในเรื่องนั้น จึงมีประเด็นปัญหาว่าเรื่อง ใดบ้างที่ห้ามมิให้รัฐมนตรีที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรออกเสียงลงคะแนน และเพื่อให้รัฐมนตรีที่เป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรออกเสียงลงคะแนนในเรื่องต่าง ๆ ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ สมควรส่งประเด็นปัญหาดัง กล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาวินิจฉัยต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
38672 | รัฐบาลจีนเสนอสร้างบ่อก๊าซชีวภาพในชนบทของไทย | กต | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการในการดำเนินความร่วมมือตามข้อเสนอของรัฐบาลจีนต่อรัฐบาลไทยในการสร้าง บ่อผลิตก๊าซชีวภาพให้แก่ครัวเรือนในชนบทของไทย และให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งข้อพิจารณาของฝ่ายไทย ผ่านช่องทางทางการทูตต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ 2. ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาในรายละเอียดความเหมาะสมในเรื่องพื้นที่ ดำเนินการโดยคำนึงถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและความเห็นของประชาชนในพื้นที่ควบคู่กันไปเพื่อให้เกิดประโยชน์ แก่ประชาชนในพื้นที่และประเทศโดยรวมอย่างแท้จริง 3. ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าพื้น ที่สาธิตโครงการก่อสร้างบ่อผลิตก๊าซชีวภาพ ควรเป็นพื้นที่ที่มีการเลี้ยงสัตว์หนาแน่น สามารถเป็นตัวอย่างและถ่าย ทอดความรู้ให้กับเกษตรกร นักเรียน นักศึกษา และผู้สนใจอื่น ๆ และในพื้นที่สาธิตต้องมีกิจกรรมการเลี้ยงปศุสัตว์ อาทิ โคเนื้อ โคนม กระบือ และสุกร โดยมีขนาดเหมาะสมสามารถผลิตมูลสัตว์เพื่อนำมาใช้ในการผลิตก๊าซได้อย่าง เพียงพอและมีความยั่งยืนในระบบการผลิต และในการดำเนินการสร้างบ่อก๊าซชีวภาพควรดำเนินการในองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นซึ่งมีระบบจัดการขยะมูลฝอยที่ถูกหลักสุขาภิบาลแล้ว รวมทั้งมีการศึกษาความเหมาะสมของสถาน ที่ แบบรายละเอียดของเทคโนโลยี ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ความคุ้มทุน และรูปแบบการบริหารจัดการที่เหมาะ สมสำหรับประเทศไทย นอกจากนี้ ควรพิจารณาถึงเทคโนโลยี และระบบที่นำมาใช้ในการผลิตก๊าซชีวภาพที่รักษา ระบบการบำบัดของเสียได้ง่ายและสะดวก รวมถึงไม่ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมตามมา เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนิน การด้วย |
|||||||||||||||||||||
38673 | ขอยกเลิกประกาศพื้นที่หมู่เกาะเสม็ดและพื้นที่เชื่อมโยง จังหวัดระยอง พื้นที่สวนสัตว์เปิดหนองเต็ง - จักราช จังหวัดนครราชสีมา และพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย - ศรีสัชนาลัย - กำแพงเพชร จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดกำแพงเพชร | นร | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) รับเรื่อง ขอยกเลิก
ประกาศพื้นที่หมู่เกาะเสม็ดและพื้นที่เชื่อมโยง จังหวัดระยอง พื้นที่สวนสัตว์เปิดหนองเต็ง-จักราช จังหวัดนคร ราชสีมา และพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดกำแพง เพชร ไปพิจารณาทบทวน ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ |
|||||||||||||||||||||
38674 | ขออนุมัติยุทธศาสตร์พัฒนาผลไม้ไทย ปี 2553 - 2557 | กษ | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการยุทธศาสตร์พัฒนาผลไม้ไทย พ.ศ. 2553-2557 ตามมติคณะกรรมการพัฒนาและ บริหารจัดการผลไม้ โดยยุทธศาสตร์การพัฒนาผลไม้ไทย ฯ มีหลักการคือ ให้ความสำคัญในการพัฒนาและแก้ไข ปัญหาผลไม้เศรษฐกิจหลัก 6 ชนิด ได้แก่ ทุเรียน ลำไย มังคุด มะม่วง เงาะ และลองกอง รวมทั้งผลิตผลไม้ที่มีคุณ ภาพและได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับของคู่ค้า และสนับสนุนให้กลไกตลาดผลไม้ภายในประเทศดำเนินไปได้อย่างมี ประสิทธิภาพ เป็นต้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ส่วนเรื่องงบประมาณให้ดำเนินการตามความเห็น ของสำนักงบประมาณ 2. การจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ ให้ส่งให้คณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุน หมุนเวียนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 เรื่อง แนวทางการจัดตั้งทุนหมุนเวียน พิจารณาความ เหมาะสมและความจำเป็นในการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป 3. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ความสำคัญเรื่องการวิจัยและการ พัฒนากระบวนการแปรรูปผลไม้และมาตรฐานการผลิตตามหลักสากลเพื่อยกระดับผลไม้ไทยออกสู่ตลาดโลก รวม ทั้งพัฒนาพื้นฐานความรู้และความสามารถของเกษตรกรและกลุ่มเกษตรกรให้สามารถบริหารจัดการการผลิต การ แปรรูป และการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพบนพื้นฐานของการพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว การพัฒนาคุณภาพ มาตรฐานของกระบวนการผลิต การแปรรูป และตัวสินค้าผลไม้และผลิตภัณฑ์ รวมถึงระบบการตรวจสอบและรับ รองความปลอดภัยอาหารของสินค้าและผลิตภัณฑ์ผลไม้ การขึ้นทะเบียนเกษตรกรและการพัฒนาระบบประกันภัย พืชผล การดูแลและติดตามให้เกิดการพัฒนาตลอดห่วงโซ่อุปทานของสินค้าผลไม้ และมีความสอดคล้องกันระหว่าง ปริมาณการผลิตกับความต้องการของตลาดสินค้าผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ที่กระจายตัวอยู่ทุกภูมิภาคของประเทศ และระหว่างประเทศ รวมทั้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร : สวนผลไม้ และการพัฒนาระบบการขนส่งเพื่อนำผลไม้ออกสู่ตลาดโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
38675 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลปงดอน ตำบลแจ้ห่ม ตำบลวิเชตนคร ตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม ตำบลห้างฉัตร ตำบลหนองหล่ม ตำบลปงยางคก อำเภอห้างฉัตร ตำบลไหล่หิน ตำบลใหม่พัฒนา ตำบลลำปางหลวง ตำบลท่าผา อำเภอเกาะคา และตำบลปงแสนทอง ตำบลบ่อแฮ้ว อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... | กษ | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่
ตำบลปงดอน ตำบลแจ้ห่ม ตำบลวิเชตนคร ตำบลบ้านเสา อำเภอแจ้ห่ม ตำบลห้างฉัตร ตำบลหนองหล่ม ตำบล ปงยางคก อำเภอห้างฉัตร ตำบลไหล่หิน ตำบลใหม่พัฒนา ตำบลลำปางหลวง ตำบลท่าผา อำเภอเกาะคา และ ตำบลปงแสนทอง ตำบลบ่อแฮ้ว อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอ มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลปงดอน ตำบลแจ้ห่ม ตำบลวิเชต นคร ตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม ตำบลห้างฉัตร ตำบลหนองหล่ม ตำบลปงยางคก อำเภอห้างฉัตร ตำบลไหล่หิน ตำบลใหม่พัฒนา ตำบลลำปางหลวง ตำบลท่าผา อำเภอเกาะคา และตำบลปงแสนทอง ตำบลบ่อแฮ้ว อำเภอเมือง ลำปาง จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... เพื่อก่อสร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมอาคารประกอบและระบบชลประทาน ตามโครงการ กิ่วคอหมา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
38676 | ของบประมาณเพิ่มเติมโครงการผลิตพยาบาลวิชาชีพเพิ่มเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | สธ | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ |
|||||||||||||||||||||
38677 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ (จำนวน 5 คน 1. นายกัมพล ตันสัจจาฯ) | นร | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ
เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จำนวน 5 คน แทนกรรมการที่พ้นจากตำแหน่ง ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (16 มิถุนายน 2552) เป็นต้นไป ดังนี้ 1. นายกัมพล ตันสัจจา 2. รองศาสตราจารย์ สมเจตน์ ทิณพงษ์ 3. นายภูษณ ปรีย์มาโนช 4. นายธงชัย ว่องไวพาณิชย์ 5. นายธวัชชัย ณ ระนอง
|
|||||||||||||||||||||
38678 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยแร่ พ.ศ. .... | อก | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยแร่ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราช บัญญัติ ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1.1 ยกเลิกกฎหมายว่าด้วยแร่ และกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราค่าภาคหลวงแร่ทุกฉบับ 1.2 กำหนดนิยามของการขุดหาแร่รายย่อยใหม่ โดยกำหนดให้ใช้เครื่องจักรได้ ทั้งนี้ ตามประเภท ชนิด และลักษณะที่กำหนดในประกาศกระทรวงซึ่งเดิมที่พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 กำหนดให้กระทำได้เฉพาะ การใช้แรงคนเท่านั้น 1.3 กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการในการอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการเพิกถอนใบอนุญาต ตลอดจนขั้นตอนในการปฏิบัติเกี่ยวกับสำรวจแร่ การทำเหมืองแร่ การประกอบธุรกิจแร่ และอัตราค่าธรรมเนียม 1.4 กำหนดให้การได้มาซึ่งแร่ด้วยวิธีการขุดหาแร่รายย่อย การร่อนแร่ หรือวิธีการอื่นใด ให้กระทำ ได้โดยการจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ แทนการขอรับใบอนุญาต 1.5 กำหนดการมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียเพื่อให้มีโอกาสโต้แย้ง คัดค้าน หรือ แสดงความคิดเห็น และกำหนดหลักเกณฑ์การอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองไว้เป็นการเฉพาะ โดยไม่ดำเนินการตาม พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง เพื่อความสะดวกต่อผู้ปฏิบัติ 1.6 แก้ไขเปลี่ยนแปลงบทกำหนดโทษ ผู้สำรวจแร่ ผู้ทำเหมืองแร่ ผู้ทำเหมืองใต้ดิน ผู้ประกอบกิจ การแร่ที่กระทำการโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือผู้ฝ่าฝืนบทบัญญัติตามกฎหมาย 2. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ที่เห็นควรกำหนดคำนิยาม "แร่" ไม่ให้ครอบคลุมถึงปิโตรเลี่ยมและแร่ดีบุกซึ่งมีพระราชบัญญัติปิโตรเลี่ยม พ.ศ. 2514 และพระราชบัญญัติควบคุม แร่ดีบุก พ.ศ. 2514 บัญญัติไว้โดยเฉพาะอยู่แล้ว สำหรับการยกเว้นเรื่องแดนกรรมสิทธิ์โดยกำหนดให้แร่ที่อยู่ในที่ ดินของเอกชนเป็นทรัพย์สินของรัฐนั้น ขัดกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 41 และบทบัญญัติของ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1335 จึงเห็นควรกำหนดให้เจ้าของที่ดินได้รับค่าทดแทนทำนองเดียว กับการเวนคืนที่ดิน ไปประกอบการพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||
38679 | ขออนุมัติจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร | กษ | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการการจัดสรรเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อดำเนินโครง การส่งเสริมการให้บริการเครื่องจักรกลของกลุ่มเกษตรกร ตามมติของคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร ในการ ประชุมครั้งที่ 3/2552 เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2552 โดยการสนับสนุนเงินกองทุน ฯ ให้แก่กรมส่งเสริมสหกรณ์เป็น เงินยืมปลอดดอกเบี้ย จำนวน 1,000 ล้านบาท กำหนดชำระคืนเงินภายใน 7 ปี ระยะปลอดการชำระหนี้ 2 ปีแรก และเงินจ่ายขาดตามที่จ่ายจริงไม่เกินร้อยละ 3 ของวงเงินยืม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมส่งเสริมสหกรณ์) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการดำเนินโครงการในระยะ แรกให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ยืมเงินจากกองทุน ฯ ไปดำเนินการนำร่องใน 76 จังหวัด จังหวัดละ 1 กลุ่ม ในวงเงิน กลุ่มละไม่เกิน 2.5 ล้านบาท โดยมีการประเมินผลการดำเนินงาน และรายงานให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการ สงเคราะห์เกษตรกร (สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) เพื่อวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ของโครงการ และราย งานผลการดำเนินงานโครงการต่อคณะกรรมการ ฯ ทราบทุกปีอย่างต่อเนื่อง และควรให้ความสำคัญกับการถ่าย ทอดและขยายองค์ความรู้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนการผลิตที่สามารถเชื่อมโยงกับประโยชน์ ที่เกษตรกรจะได้รับจากการใช้เครื่องจักรกลแต่ละประเภทให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และทรัพยากรในท้องถิ่น และ ดูแลไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนของเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายในการถ่ายทอดเทคโนโลยีในลักษณะเดียวกันของโครงการ ต่าง ๆ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่จะมีเพิ่มขึ้นทั้งจากแผนงานปกติและแผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ให้กรมส่งเสริมสหกรณ์จัดทำแผนดำเนินงาน ตลอดจนกำหนดตัวชี้วัดผลการดำเนินโครงการ และแผนการใช้คืน เงินกองทุน ฯ ให้ชัดเจนรัดกุมและติดตามประเมินผลโครงการอย่างใกล้ชิด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
38680 | การขออนุมัติงบประมาณโครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ ระยะที่ 2 | ศธ | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการวงเงินงบประมาณโครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2554-พ.ศ. 2556) วงเงิน 3,326,273,303 บาท โดย 1.1 งบลงทุนโครงการ วงเงิน 2,927,727,000 บาท ให้กระทรวงศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยมหิดล) จัดทำรายละเอียดโครงการเสนอต่อคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง เพื่อใช้จ่าย งบลงทุนโครงการดังกล่าว จากเงินกู้ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง พ.ศ. 2555 เพื่อผ่อนคลายภาระผูกพันการ ใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินในปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 1.2 งบบุคลากรของโครงการ จำนวนรวม 398,546,303 บาท ในส่วนที่จะใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน 211,964,908 บาท ให้กระทรวงศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยมหิดล) ปรับเกลี่ยจากอัตราเดิมที่มีอยู่ให้สอด คล้องกับความต้องการบุคลากรที่เพิ่มขึ้นทั้งด้านปริมาณและคุณภาพเพื่อมิให้เป็นภาระงบประมาณ โดยให้กระทรวง ศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยมหิดล) บริหารจัดการในเชิงบูรณาการทั้งมหาวิทยาลัย และเสนอขอจัดสรรงบประมาณ รายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 2. มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรับเรื่องการอนุญาตให้ใช้สิทธิเหนือพื้นดินสถานีรถไฟธนุบรี บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงที่เชื่อมคลองบางกอกน้อย รวมเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาศิริ ราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2546 และวันที่ 16 กันยายน 2546 (เรื่อง โครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์) ไปดำเนินการให้ ถูกต้องตามข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้โรงพยาบาลศิริราชใช้ประโยชน์ในที่ดินในการดำเนินการโครง การตลอดระยะเวลาการใช้งาน |