ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1494 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 29861 - 29880 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
29861 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - อิหร่าน | คค | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดย
๑. เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของประเทศไทยและอิหร่าน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ สาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๑.๑ สายการบินที่กำหนด คณะผู้แทนของอิหร่านได้แจ้งแต่งตั้งสายการบิน Iran Air เป็นสายการบินที่กำหนดของฝ่ายตนเพิ่มเติม (รวมเป็น ๒ สายการบิน) จากเดิมที่แจ้งแต่งตั้งไว้เพียงสายการบินเดียว คือ สายการบิน Mahan Air ส่วนฝ่ายไทยยังคงแต่งตั้งสายการบินที่กำหนดเพียงสายการบินเดียว คือ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ๑.๑.๒ ความจุความถี่ ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงปรับปรุงสิทธิความจุความถี่ โดยเพิ่มสิทธิความจุความถี่จากเดิมฝ่ายละ ๕ เที่ยวต่อสัปดาห์ เป็นฝ่ายละ ๑๔ เที่ยวต่อสัปดาห์ ด้วยอากาศยานแบบใด ๆ ๑.๑.๓ เส้นทางบิน ทั้งสองฝ่ายตกลงกันดังต่อไปนี้ เส้นทางบินที่จะดำเนินบริการเดินอากาศโดยสายการบินที่กำหนดของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ดังนี้ ฝ่ายอิหร่าน จุดต่าง ๆ ในอิหร่าน-จุดระหว่างทาง ดูไบ และอีกหนึ่งจุดที่จะระบุภายหลัง-จุดต่าง ๆ ในไทย-จุดพ้น ฮ่องกง มะนิลา เซี่ยงไฮ้ จาการ์ตา และเส้นทางบินที่จะดำเนินบริการเดินอากาศโดยสายการบินที่กำหนดของราชอาณาจักรไทย ดังนี้ ฝ่ายไทย จุดต่าง ๆ ในไทย-จุดระหว่างทาง ดูไบ และอีกหนึ่งจุดที่จะระบุภายหลัง-จุดต่าง ๆ ในอิหร่าน-จุดพ้น สี่จุดที่จะระบุในภายหลัง ๑.๑.๔ การใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน คณะผู้แทนของอิหร่านเสนอให้ตัดข้อบทเกี่ยวกับการใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกันกับประเทศที่สามออกไป ซึ่งคณะผู้แทนของไทยได้หารือร่วมกันแล้วเห็นว่า ในขณะนี้สายการบินที่กำหนดของฝ่ายไทย คือ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ยังไม่มีแผนจะทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกันกับประเทศที่สามเพื่อเข้าไปยังประเทศอิหร่าน แต่อาจจะมีแผนทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกันกับสายการบิน Mahan Air ดังนั้น จึงตกลงให้ตัดข้อบทเกี่ยวกับการใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกันกับประเทศที่สามออกไปตามที่ฝ่ายอิหร่านเสนอ ๑.๑.๕ สิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่ ๕ ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงให้สายการบินที่กำหนดของภาคีผู้ทำความตกลงแต่ละฝ่ายสามารถใช้สิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่ ๕ ไปยัง/มาจากจุดพ้นได้ ๓ เที่ยวต่อสัปดาห์ ในแต่ละช่วงเส้นทางบิน ตามเส้นทางบินที่ระบุของตน ๑.๒ สาระสำคัญของร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ได้แก่ การกำหนดสายการบิน ความจุความถี่ การแก้ไขภาคผนวก (ใบพิกัดเส้นทางบิน) ท้ายความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศ การใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน และสิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่ ๕ ๒. ให้นำเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจฯ โดยในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ
|
|||||||||||||||||||||||||||
29862 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรการในการควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. .... | สธ | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรการในการควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรการในการควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๔๕ ๑.๒ กำหนดเพิ่มเติมให้สถานประกอบกิจการประเภทที่มีการประกอบกิจการเกี่ยวกับการใช้รังสีต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น และกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย ๑.๓ กำหนดให้สถานประกอบกิจการที่มีสภาพในลักษณะที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์ อันมีผลกระทบอย่างกว้างขวางหรือรุนแรงต่อสุขภาพของประชาชนต้องปฏิบัติตามที่ประกาศกำหนด ๑.๔ แก้ไขหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสถานที่ตั้ง และการสุขาภิบาลของสถานประกอบกิจการ ๑.๕ แก้ไขเพิ่มเติมให้สถานประกอบกิจการต้องมีมาตรการความปลอดภัยในการป้องกันวัตถุอันตราย อุบัติเหตุ จากสารเคมีและวัตถุอันตรายในการทำงาน อาชีวอนามัย และการป้องกันเหตุรำคาญ ๑.๖ กำหนดบทเฉพาะกาลให้นำมาตรการในการควบคุมสถานประกอบการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาใช้บังคับจนกว่าจะได้มีประกาศของรัฐมนตรีตามกฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ และให้สถานประกอบกิจการที่ตั้งขึ้นก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับต้องแก้ไขปรับปรุงให้เป็นไปตามกฎกระทรวงนี้ ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงแรงงานไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ หมวด ๑ สถานที่ตั้ง ลักษณะอาคาร และการสุขาภิบาล ข้อ ๙ และข้อ ๑๐ ควรเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการน้ำเสียที่เกิดจากการชำระล้างในกรณีที่เปรอะเปื้อนสารเคมี และน้ำเสียที่เกิดจากการทำความสะอาดภาชนะรองรับมูลฝอย ๒.๒ หมวด ๒ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และการป้องกันเหตุรำคาญ ข้อ ๑๘ (๑) ควรระบุความถี่ในการจัดการฝึกอบรมการดับเพลิงเบื้องต้น ๒.๓ ร่างข้อ ๑๘ (๑) เนื้อหาตอนท้าย ที่กำหนดว่า “...และมีการฝึกอบรมการดับเพลิงเบื้องต้นจากหน่วยงานราชการที่กำหนดหรือยอมรับให้แก่ผู้ปฏิบัติงานไม่น้อยกว่าร้อยละสี่สิบของจำนวนคนงานในสถานประกอบกิจการนั้น” ปรับแก้เป็น “และมีการฝึกอบรมการดับเพลิงตามกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน” ๒.๔ ร่างข้อ ๒๒ เกี่ยวกับการกำหนดให้สถานประกอบกิจการต้องจัดให้มีการตรวจสุขภาพของผู้ปฏิบัติงาน โดยในกรณีมีเหตุอันสมควรให้อำนาจรัฐมนตรีประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ในการตรวจสุขภาพเพื่อคุ้มครองสุขภาพผู้ปฏิบัติงานได้นั้น เนื่องจากกระทรวงแรงงานได้มีกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสุขภาพของลูกจ้างและส่งผลการตรวจแก่พนักงานตรวจแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยกำหนดให้มีการตรวจสุขภาพของลูกจ้างที่ทำงานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงไว้แล้ว หากมีการออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ในการตรวจสุขภาพเพื่อคุ้มครองสุขภาพผู้ปฏิบัติงาน ควรคำนึงถึงความซ้ำซ้อนในกรณีนี้ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
29863 | สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจานขอเปิดสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจานประจำประเทศไทย | กต | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจานเปิดสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจานประจำประเทศไทย โดยมีเขตอาณาครอบคลุมประเทศไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
29864 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาพื้นที่การเกษตรและชุมชนที่ประสบภัยธรรมชาติ วุฒิสภา | สว | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาพื้นที่การเกษตรและชุมชนที่ประสบภัยธรรมขาติ วุฒิสภา และผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการดังกล่าว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณทั้งแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยเฉพาะโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ระยะที่ ๒ โดยมีกรอบการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ การสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดสรรน้ำ รวมทั้งกำหนดแนวทางที่ครบถ้วนและชัดเจนในการแก้ไขปัญหาลุ่มน้ำยมเพื่อบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้ง กรมส่งเสริมการเกษตรได้จัดทำคู่มือการบริหารจัดการการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตรเพื่อให้การปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตรมีประสิทธิภาพ รวดเร็วทันต่อสถานการณ์ และถูกต้องตามระเบียบราชการ เป็นต้น ๒. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้นำเสนอการจัดการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเลและพื้นที่ชายฝั่งทะเลต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ แล้ว การจัดทำแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบและพัฒนากลไกการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ รวมทั้งแผนการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ แผนพัฒนาโครงข่ายน้ำ เป็นต้น ดำเนินการส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน องค์กรลุ่มน้ำ เครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการน้ำ ตลอดจนการพัฒนากลไก กฎ ระเบียบ ระบบข้อมูลสารสนเทศทรัพยากรน้ำ การวิจัยด้านทรัพยากรน้ำ และการรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ เป็นต้น ๓. สำนักงบประมาณได้จัดทำกรอบยุทธศาสตร์การจัดการด้านอาหารของประเทศไทยให้ครอบคลุมทุกมิติทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน การฝึกซ้อมด้านสาธารณภัยและด้านความมั่นคง การจัดทำเครือข่ายข้อมูลด้านความมั่นคงของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และการดำเนินการระบบงานเตรียมความพร้อมของชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๓ (เรื่อง การฝึกซ้อมการบริหารวิกฤตการณ์ระดับชาติ ประจำปี ๒๕๕๓) ๔. คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้พิจารณาปรับปรุงการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรณีการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยมีคำสั่งแต่งตั้งอนุกรรมการเฉพาะกิจ ๔ คณะ เพื่อจัดทำแผนยุทธศาสตร์กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจสิ่งแวดล้อม และได้ส่งเรื่องดังกล่าวให้คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจที่เกี่ยวข้องรับไปเป็นข้อมูลประกอบการจัดทำแผนยุทธศาสตร์กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ต่อไป ซึ่งคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้นำเรียนนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว ๕. กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ได้ดำเนินการด้านกฎหมาย โดยใช้พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นกฎหมายหลักในการบริหารจัดการภัยพิบัติของประเทศ ด้านแผน ได้จัดทำแผนเพื่อเป็นกรอบแนวทางในการดำเนินการบริหารจัดการภัยพิบัติแบบบูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพ การดำเนินการฝึกซ้อมแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทุกระดับ (กลุ่มจังหวัด จังหวัด และอำเภอ) การดำเนินโครงการฟื้นฟู บูรณะแหล่งน้ำเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งและอุทกภัย การจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นตลอด ๒๔ ชั่วโมง เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
29865 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนประดิพัทธ์กับถนนกำแพงเพชร พ.ศ. .... | มท | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนประดิพัทธ์กับถนนกำแพงเพชร พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนประดิพัทธ์กับถนนกำแพงเพชร ในท้องที่แขวงสามเสนใน เขตพญาไท และแขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอนได้อีกสามปี และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
29866 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 สายแม่สอด (เขตแดน) - มุกดาหาร ตอนกาฬสินธุ์ - นาไคร้ พ.ศ. .... | คค | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๒ สายแม่สอด (เขตแดน) - มุกดาหาร ตอนกาฬสินธุ์ -นาไคร้ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๒ สายแม่สอด (เขตแดน) - มุกดาหาร ตอนกาฬสินธุ์ -นาไคร้ ในท้องที่อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอดอนจาน อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ และอำเภอโพธิ์ชัย อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
29867 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดเขาช่องพราน ตำบลเตาปูน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... | พศ | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดเขาช่องพรานตำบลเตาปูน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดเขาช่องพราน ตำบลเตาปูน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๖๐๑๖ (บางส่วน) เนื้อที่ ๘ ไร่ ๓ งาน ๔๓ ตารางวา ให้แก่กรมชลประทาน เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ตามโครงการระบายน้ำ ที่ตำบลเตาปูน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
29868 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออก และนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2554 | กค | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม๒๕๕๔ และให้นำเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป ดังนี้
๑. ธสน. มีสินทรัพย์จำนวน ๗๔,๑๐๙ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๕,๙๕๒ ล้านบาท มีหนี้สิน ๕๘,๘๓๑ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๕,๕๒๗ ล้านบาท มีกำไรสุทธิ ๖๐๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๔๖๐ ล้านบาท มียอดสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) จำนวน ๓,๓๔๐ ล้านบาท และได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ จำนวน ๒,๗๖๕ ล้านบาท ๒. ธสน. มีการอนุมัติสินเชื่อทั้งภายในและต่างประเทศ ๒.๑ มีการอนุมัติสินเชื่อและค้ำประกันเพื่อการสนับสนุนและส่งเสริมการส่งออก การ นำเข้า และการลงทุนภายในประเทศ โดยวงเงินอนุมัติแก่ผู้ประกอบการภายในประเทศ จำนวน ๑๒๙,๘๖๓ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๘.๑๙ ๒.๒ มีการอนุมัติสินเชื่อและค้ำประกันเพื่อการสนับสนุนนักธุรกิจไทยไปลงทุนในต่างประเทศ โดยมีวงเงินอนุมัติ จำนวน ๓๘,๖๒๓ ล้านบาท ลดลงร้อยละ ๑.๙๗ ๓. ธสน. มีการให้บริการประกันการส่งออก ๓.๑ การประกันการส่งออกระยะสั้น เป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ส่งออกในการค้าขายระหว่างประเทศในการป้องกันความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้า ให้การรับประกันผู้ซื้อ ๙๐ ประเทศ มีมูลค่าการรับประกันจำนวน ๑๓๔,๖๙๒ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๓.๙๒ ๓.๒ การประกันการส่งออกระยะกลางและระยะยาว เป็นการรับประกันความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินที่มีระยะเวลาการชำระเงินหรือระยะสัญญาเกินกว่า ๑๘๐ วัน แต่ไม่เกิน ๕ ปี โดยมีอัตราการชดเชยสูงสุดร้อยละ ๙๐ ของมูลค่าความเสียหาย ๓.๓ การประกันความเสี่ยงการลงทุน เป็นการรับประกันความเสี่ยงจากการที่โครงการลงทุนของผู้เอาประกันได้รับความเสียหายจากการดำเนินนโยบาย กฎระเบียบ หรือการดำเนินการใดๆ ของรัฐบาลประเทศที่ผู้เอาประกันไปลงทุน โดยมีอัตราการชดเชยสูงสุดร้อยละ ๙๐ ของมูลค่าความเสียหาย
|
|||||||||||||||||||||||||||
29869 | ขอความเห็นชอบจัดทำข้อตกลงความร่วมมือ (Arrangement of Cooperation) ระหว่างสำนักงานความร่วมมือในการพัฒนาแห่งราชอาณาจักรนอร์เวย์กับกรมประมงแห่งราชอาณาจักรไทย | กษ | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้จัดทำข้อตกลงความร่วมมือ (Arrangement of Cooperation) ว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการด้านประมงระหว่างสำนักงานความร่วมมือในการพัฒนาแห่งราชอาณาจักรนอร์เวย์ (Norwegian Agency for Development Cooperation : Norad) และกรมประมงแห่งราชอาณาจักรไทย ทั้งนี้ Arrangement of Cooperation เป็นข้อตกลงความร่วมมือที่จัดทำขึ้นสำหรับโครงการ Towards an assessment-based management of Andaman Sea fishery resources 2011-2014 ที่จะดำเนินการในปี พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๗ เป็นเวลา ๔ ปี ภายใต้โครงการ Development of Marine Aquaculture and Assessment of Fisheries Resources in Andaman Sea, Thailand (2006-2009) ที่กรมประมงและ Norad ได้ลงนามแล้วเมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๐ ซึ่งจะใช้เป็นข้อกำหนดแนวทางการปฏิบัติเพื่อการสนับสนุนโครงการย่อย Towards an assessment-based management of Andaman Sea fishery resources 2011-2014 โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ ๑.๑.๑ Contribution of Norad ข้อตกลงด้านการเงินที่ได้รับการสนับสนุนจาก Norad จำนวน ๓.๙๙ ล้านนอร์วิเจียนโครน (Norwegian Kroner : NOK) รายละเอียดเกี่ยวกับเงินดอกเบี้ย เงินเหลือจ่าย ๑.๑.๒ Disbursements to Department of Fisheries (DOF) การจัดสรรเงินโครงการ การจัดการบัญชีธนาคาร การจัดทำใบสำคัญรับเงิน ระเบียบการเบิกจ่าย ๑.๑.๓ Consultations การประชุมประจำปี การจัดทำบัญชีการหารือ (Agree Minutes) ๑.๑.๔ Reports ข้อกำหนดแนวทาง/ระยะเวลาในการจัดทำรายการต่อ Norad ประกอบด้วย Progress report, Financial statement, Work plan, Final report ๑.๑.๕ Audit การตรวจสอบด้านการเงิน การกำหนดผู้ตรวจบัญชี การจัดทำ Audit report การตรวจสอบรับรองบัญชี ๑.๑.๖ Steering Committee การแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการร่วม ๑.๒ อนุมัติให้จัดทำ Exchange of letters (Addendum) เพื่อเป็นการดำเนินการร่วมกับสถาบันวิจัยทางทะเลแห่งราชอาณาจักรนอร์เวย์ (Institute of Marine Research : IMR) และกรมประมง ๑.๓ อนุมัติในหลักการว่าก่อนที่จะมีการลงนาม หากมีการแก้ไขร่างข้อตกลงความร่วมมือ (Arrangement of Cooperation) และ Exchange of letters (Addendum) ในประเด็นที่ไม่ใช่หลักการสำคัญ ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการต่างประเทศ ๑.๔ อนุมัติให้อธิบดีกรมประมงเป็นผู้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (Arrangement of Cooperation) และ Exchange of letters (Addendum) ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศไม่ต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่อธิบดีกรมประมงในการลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (Arrangement of Cooperation) ระหว่างสำนักงานความร่วมมือในการพัฒนาแห่งราชอาณาจักรนอร์เวย์กับกรมประมงแห่งราชอาณาจักรไทย และ Exchange of letters (Addendum) ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรคำนึงถึงผลกระทบจากกิจกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและการประมงต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ ในพื้นที่ที่ดำเนินโครงการ รวมทั้งให้มีการเพิ่มเติม และ/หรือ ปรับแก้ไขข้อความในข้อตกลงฯ เพื่อให้มีความถูกต้องและชัดเจนขึ้น ตามความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมว่า เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ มีหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องชัดเจนว่ากรณีใดจึงต้องขอให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ในการลงนามความตกลงฯ ที่เกี่ยวข้อง จึงมอบหมายให้เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีการับเรื่องนี้ไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
29870 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนสำหรับปีบัญชี 2554 (1 มกราคม 2554 - 31 ธันวาคม 2554) ของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย | กค | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนสำหรับปีบัญชี ๒๕๕๔ (๑ มกราคม ๒๕๕๔ - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔) ของบรรษัทตลาดรองสินเชื่ออุตสาหกรรมที่อยู่อาศัย (บตท.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้นำเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑. ผลการดำเนินการของ บตท. ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มีสินทรัพย์รวม ๑,๙๘๐.๓ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑๔๐.๔ ล้านบาท มีหนี้สินรวม ๑,๒๖๑.๗ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑๓๘.๙ ล้านบาท มีรายได้รวม ๑๑๓.๗ มีค่าใช้จ่ายรวม ๑๐๔.๘ ล้านบาท มีกำไรสุทธิจำนวน ๔.๑ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๓.๘ ล้านบาท มีอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ร้อยละ ๑๘.๘ ๒. บตท. ดำเนินการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ โดยดำเนินการจัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจ (SPV) มาแล้วจำนวน ๔ บริษัท ปัจจุบันคงเหลือเฉพาะนิติบุคคลเฉพาะกิจ บตท. (SPV ๔) โดยการออกหุ้นกู้มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิ รวมจำนวน ๔๒๐.๐ ล้านบาท ๓. การพัฒนาตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย ๓.๑ โครงการความร่วมมือกับสถาบันการเงินพันธมิตร ๓ แห่ง ในการจัดซื้อสินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะยาว ๓.๒ โครงการความร่วมมือกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ (Developer) โดย บตท. ได้ร่วมมือกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์นำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่อยู่อาศัย ให้แก่ลูกค้าของโครงการอย่างต่อเนื่อง ๓.๓ โครงการจัดซื้อสินเชื่อจาก Mortgage Company ปัจจุบันอยู่ระหว่างหาผู้วิเคราะห์สินเชื่อที่พร้อมให้บริการ คาดว่าจะดำเนินโครงการได้ในปี ๒๕๕๕ ๓.๔ โดยที่ธนาคารกสิกรไทยมีความประสงค์จะขายสินเชื่อให้กับ บตท. ภายในปี ๒๕๕๔ จึงได้ลงนาม MOU ร่วมกันและลงนามในสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแล้ว ได้ทยอยจัดซื้อสินเชื่อได้จำนวนเพียงเล็กน้อย เนื่องจากกองสินเชื่อที่คัดเลือกไว้ลูกค้าอยู่ในเขตประสบปัญหาอุทกภัย ๔. การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยการบริหารจัดการกองสินเชื่อปกติ NPL และทรัพย์สินรอการขาย (Non - Performing Asset : NPA) ได้เร่งดำเนินการแก้ไขอย่างใกล้ชิดรวมทั้งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ภายใต้นโยบายและมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||
29871 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดแหลมมะเกลือ ตำบลสามง่าม อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... | พศ | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดแหลมมะเกลือ ตำบลสามง่าม อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดแหลมมะเกลือ ตำบลสามง่าม อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๑๓๖๒ เนื้อที่ ๑ ไร่ ๒ งาน ๙๖ ๗/๑๐ ตารางวา ให้แก่กรมชลประทาน เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ตามโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากำแพงแสน ที่ตำบลสามง่าม อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
29872 | รายงานผลการสอบบัญชีของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สำหรับปีบัญชี 2554 และ 2553 | อก | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการสอบบัญชีของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สำหรับปีบัญชี ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๓ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๓ ของ กนอ. ฐานะการเงิน ณ วันสิ้นงวดปีบัญชี ๒๕๕๔ กนอ. มีสินทรัพย์รวมจำนวน ๑๙,๐๐๙ ล้านบาท หนี้สินรวมจำนวน ๙,๒๑๓ ล้านบาท และส่วนของทุนจำนวน ๙,๗๙๖ ล้านบาท และผลประกอบการในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มีกำไรสุทธิ ๑,๙๔๖ ล้านบาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
29873 | การจัดทำความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเช็ก | กต | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดย
๑. เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเช็ก โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถเปลี่ยนแปลงถ้อยคำในส่วนที่ไม่กระทบต่อสาระสำคัญของความตกลงฯ ได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก สรุปสาระสำคัญของร่างความตกลงฯ ได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างความตกลงฯ ให้ความสำคัญต่อการขยายความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยกับสาธารณรัฐเช็ก ในด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม วิชาการ และเทคโนโลยี ตลอดจนความร่วมมือด้านการพัฒนาในสาขาต่าง ๆ รวมทั้งสนับสนุนการติดต่อและพัฒนาโอกาสทางธุรกิจและอำนวยความสะดวกให้เกิดการขยายการลงทุนระหว่างกัน เกื้อหนุนให้เกิดความร่วมมือในสาขาที่มีความสนใจร่วมกัน โดยเฉพาะด้านการเงิน การธนาคาร และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ๑.๒ ทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และมีหน่วยงานผู้ประสานงานของฝ่ายไทย คือ กระทรวงการต่างประเทศ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานร่วม และฝ่ายเช็ก คือ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเป็นประธานร่วม ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมอบหมาย เป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ |
|||||||||||||||||||||||||||
29874 | ขออนุมัติลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับกระทรวงการต่างประเทศบราซิลว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการหารือทางการเมืองในเรื่องที่มีความสนใจร่วมกัน | กต | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับกระทรวงการต่างประเทศบราซิลว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการหารือทางการเมืองในเรื่องที่มีความสนใจร่วมกัน ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อจัดตั้งกรอบและกลไกการหารือทวิภาคีระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศของไทยและบราซิล ในลักษณะเปิดกว้าง โดยคู่ภาคีจะจัดให้มีการปรึกษาหารือเป็นประจำเพื่อประเมินความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างประเทศทั้งสองในทุกด้านที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน อาทิ การเมือง เศรษฐกิจ การพาณิชย์ วิทยาศาสตร์ วิชาการ และวัฒนธรรม ซึ่งทั้งสองฝ่ายสามารถกำหนดวาระการหารือระดับหัวหน้าคณะ ช่วงเวลา สถานที่ประชุมหารือ ประเด็นหารือให้ครอบคลุมความสัมพันธ์ทวิภาคี ประเด็นระหว่างประเทศ และอื่น ๆ ตามที่ทั้งสองฝ่ายเห็นเหมาะสม ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ และไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการที่ไทยและบราซิลมีเป้าหมายมุ่งส่งเสริมการค้าการลงทุน การท่องเที่ยว และความเชื่อมโยงระหว่างกันมากขึ้น จำเป็นต้องตระหนักถึงผลกระทบทางลบอันสืบเนื่องมาจากเป้าหมายดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยอาจพิจารณาเพิ่มประเด็นด้านความมั่นคงในข้อ ๑ ข้อย่อย ๑. ซึ่งเกี่ยวกับขอบเขตของการหารือ ดังนี้ “The Parties will carry out regular … mutual interest, such as political, security, commercial….” ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
29875 | การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ดำเนินโครงการละครและภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ “รักไม่สิ้น แผ่นดินแม่” ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ และอนุมัติการจัดสรรเงินสำรองจ่ายภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ วงเงิน ๔๐ ล้านบาท ให้แก่สำนักงานปลัดกระทรวงการคลังเพื่อจัดสรรต่อเป็นเงินอุดหนุนทั่วไปให้แก่มูลนิธิเศรษฐกิจชุมชนพึ่งตนเองในการจัดสร้างละครและภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ “รักไม่สิ้น แผ่นดินแม่” ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
29876 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช (จำนวน 12 คน 1. นายณัฐ โฆษิวากาญจน์ ฯลฯ) | กษ | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช จำนวน ๑๒ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ สิงหาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. นายณัฐ โฆษิวากาญจน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากเกษตรกรภาคเหนือ ๒. นายสำอาง แก้วประดับ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากเกษตรกรภาคกลาง ๓. นายเกรียงไกร ไทยอ่อน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากเกษตรกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๔. นางประมวญ พงษ์ไพบูลย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากเกษตรกรภาคตะวันออก ๕. นายวิเชียร เจียระธรรม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากเกษตรกรภาคตะวันตก ๖. นายสัญญา ปานสวี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากเกษตรกรภาคใต้ ๗. รองศาสตราจารย์ธีระ เอกสมทราเมษฐ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นนักวิชาการ ด้านปรับปรุงพันธุ์พืชจากสถาบันการศึกษา ๘. รองศาสตราจารย์เสวียน เปรมประสิทธิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นนักวิชาการ ด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติจากสถาบันการศึกษา ๙. นางอณัญญา หงษา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากองค์การพัฒนาเอกชน ที่ไม่แสวงหากำไรที่มีกิจกรรมเกี่ยวกับการเกษตร ๑๐. นางสาวกิ่งกร นรินทรกุล ณ อยุธยา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากองค์การพัฒนาเอกชน ที่ไม่แสวงหากำไรที่มีกิจกรรมเกี่ยวกับการอนุรักษ์ ๑๑. นายสุพล ธนูรักษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากสมาคมที่มีวัตถุประสงค์ เกี่ยวกับการปรับปรุงพันธุ์และขยายพันธุ์พืช ๑๒. รองศาสตราจารย์จวงจันทร์ ดวงพัตรา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากสมาคมที่มีวัตถุประสงค์ เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์พืช
|
|||||||||||||||||||||||||||
29877 | ผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ ครั้งที่ 5/2555 (กรณีเร่งด่วน 4 ประเด็น) | นร11 | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ ๕/๒๕๕๕ (กรณีเร่งด่วน ๔ ประเด็น ตามข้อเสนอของประธาน กยอ.) เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการ กยอ. รวบรวมข้อมูลความคืบหน้าในการดำเนินโครงการ/แผนงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการแล้ว ให้ครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน เพื่อรายงานให้ กยอ. ทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย สรุปสาระสำคัญของผลการประชุมฯ ดังนี้
๑. ประเด็นที่ ๑ นโยบายการลงทุนของประเทศไทย นับตั้งแต่วิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ภาพรวมการลงทุนของประเทศไทยรอบระยะเวลา ๑๕ ปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถบริหารให้เกิดการลงทุนที่สร้างรากฐานสำหรับอนาคตของประเทศได้ดีพอ ทั้งที่ประเทศไทยมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง การออมสุทธิสูงแต่ยังไม่มีการนำเงินออมในระบบดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ในการลงทุนเพื่อการพัฒนาโครงการสำคัญต่าง ๆ ของประเทศ ให้มีมาตรฐานและเพียงพอ ดังนั้น รัฐบาลจึงควรพิจารณากำหนดนโยบายการลงทุนในระยะ ๕-๑๐ ปีข้างหน้า โดยให้ความสำคัญกับการใช้แหล่งเงินกู้ในประเทศเป็นหลัก ๒. ประเด็นที่ ๒ โครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย มีความสำคัญในระดับภูมิภาค เนื่องจากเป็นการเชื่อมโยงพื้นที่ชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกของประเทศไปสู่ชายฝั่งทะเลด้านตะวันตก ดังนั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เห็นควรยกระดับความร่วมมือในการพัฒนาโครงการดังกล่าวขึ้นเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล ทั้งนี้ ในระหว่างที่ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤษภาคม-๒ มิถุนายน ๒๕๕๕ และมีกำหนดพบหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีในช่วงเวลาดังกล่าว เห็นควรเสนอฝ่ายเมียนมาร์ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างไทย-เมียนมาร์ เพื่อให้มีกลไกในระดับรัฐบาลของทั้งสองประเทศในการขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม ๓. ประเด็นที่ ๓ การลงทุนพัฒนาระบบราง ควรดำเนินการควบคู่กันไปทั้งการปรับปรุงระบบรถไฟที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง โดยควรมีการวางแผนเพื่อใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงของทั้งสองระบบในลักษณะสนับสนุนกัน ทั้งนี้ ในส่วนของการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงควรให้ความสำคัญกับการขนส่งสินค้าเพื่อช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของประเทศ และสนับสนุนการเชื่อมโยงโครงข่ายการขนส่งกับท่าเรือน้ำลึกฝั่งอันดามันและฝั่งทะเลจีนใต้ เพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายเสรีสินค้าและบริการภายใต้แผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ๔. ประเด็นที่ ๔ การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ การสนับสนุนสินเชื่อแบบผ่อนปรนของธนาคารพาณิชย์ยังมีผลการดำเนินงานในการอนุมัติสินเชื่อค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับการสนับสนุนสินเชื่อแบบผ่อนปรนผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน เป็นต้น ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการจัดสรรวงเงินสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ ในวงเงิน ๓๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ให้กับธนาคารพาณิชย์ ภายใต้พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย พ.ศ. ๒๕๕๕ แล้ว ดังนั้น เห็นควรขอความร่วมมือให้สมาคมธนาคารไทยช่วยเร่งรัดธนาคารพาณิชย์ในการอำนวยความสะดวกเพื่อปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และรายย่อย |
|||||||||||||||||||||||||||
29878 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. .... | นร | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. .... ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ ให้ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑.๒ กำหนดนิยามคำว่า “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” หมายความว่า แนวคิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจบนพื้นฐานของการใช้องค์ความรู้ การศึกษาวิจัย การสร้างสรรค์งาน และการใช้ทรัพย์สินทางปัญญา ที่เชื่อมโยงกับรากฐานทางวัฒนธรรมการสั่งสมความรู้ของสังคม เทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ และ “ธุรกิจสร้างสรรค์” หมายความว่า ธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อสร้างสรรค์สินค้าและบริการใหม่ที่ก่อให้เกิดคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคม ๑.๓ กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (กศส.) มีผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นรองประธานกรรมการ และผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พิจารณาให้ความเห็นชอบกรอบการจัดสรรเงินกองทุน กำหนดแนวทางและมาตรการเพื่อส่งเสริมความร่วมมือและประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เสนอแนะมาตรการด้านการเงิน การคลัง การภาษีอากร รวมถึงการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย และเสนอรูปแบบองค์กรเพื่อขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ๑.๔ กำหนดให้มีสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (สศส.) เป็นหน่วยงานภายในสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของ กศส. และให้ กศส. แต่งตั้งผู้อำนวยการ สศส. ๑.๕ กำหนดให้จัดตั้งกองทุนส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลืออุดหนุนการดำเนินการตามนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ วิจัยและพัฒนาของธุรกิจสร้างสรรค์ ร่วมมือกับองค์การหรือหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศในกิจการที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของสำนักงานและการบริหารกองทุน และค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่น ๆ ๑.๖ กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหาร ประกอบด้วย เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ผู้อำนวยการ สศส. เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และนโยบายในการบริหารเงินกองทุน พิจารณาการจัดสรรเงินกองทุน พิจารณากลั่นกรองและอนุมัติแผนงานและโครงการภายใต้กรอบการจัดสรรเงินกองทุน ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของกองทุน ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการโอนเงินกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีอยู่เดิม จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปไว้ที่สำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ ควรกำหนดบทเฉพาะกาลเพิ่มเติมเพื่อให้มีความชัดเจนและสามารถบริหารจัดการเงินกองทุน ส่วนค่าใช้จ่ายสำหรับเบี้ยประชุม ค่าตอบแทนและประโยชน์อื่นของ กศส. คณะกรรมการบริหาร และสำนักงาน และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของ กศส. คณะกรรมการบริหาร และสำนักงาน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๖ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงาน นอกจากนี้ เห็นควรปรับคำนิยามของ “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” ให้มีความชัดเจน โดยให้ความสำคัญกับ “การพัฒนา” มากกว่าการเป็นเพียง “แนวคิด” และคำนิยามของ “ธุรกิจสร้างสรรค์” ควรครอบคลุมถึงการนำเสนอในรูปแบบใหม่ด้วย อีกทั้งธุรกิจสร้างสรรค์ควรมีจุดเน้นที่การสร้าง “มูลค่าเพิ่ม” ทางเศรษฐกิจ ไม่ควรจำกัดเพียงการสร้างสรรค์ “คุณค่า” เท่านั้น ควรระบุสถานะและบทบาทของ สศส. ที่จะจัดตั้งขึ้นให้ชัดเจนหลังจากมีองค์กรเพื่อขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์แล้ว รวมทั้งปรับแก้ถ้อยคำในประเด็นของอำนาจหน้าที่ กศส. ที่กำหนดว่า “กำหนดนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี” เป็น “เสนอแนะการกำหนดนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ต่อคณะรัฐมนตรี” เพื่อให้เกิดความชัดเจนในอำนาจหน้าที่ของ กศส. ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
29879 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และเขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย เขตบางซื่อ และเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และเขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย เขตบางซื่อ และเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และเขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย เขตบางซื่อ และเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทนเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และส่งให้คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
29880 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 122 สายทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ ที่บ้านหนองตะโก พ.ศ. .... | คค | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๒๒ สายทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ ที่บ้านหนองตะโก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๒๒ สายทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ ที่บ้านหนองตะโก ในท้องที่ตำบลนครสวรรค์ตก ตำบลหนองกรด อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....