ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
1 | กรอบเจรจาภายใต้ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) เกี่ยวกับการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 16 และการประชุมคณะกรรมาธิการบริหาร ครั้งที่ 63 และครั้งที่ 64 | ทส | 11/09/2555 |
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี (คณะที่ ๑) (ฝ่ายความมั่นคงและโครงสร้างพื้นฐาน)
ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เป็นประธานกรรมการ ในการประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๕ โดยคณะกรรมการกลั่นกรองฯ มีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบกรอบการเจรจาภายใต้ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) เกี่ยวกับการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๖ และการประชุมคณะกรรมาธิการบริหาร ครั้งที่ ๖๓ และครั้งที่ ๖๔ ซึ่งกำหนดให้มีขึ้นในระหว่างวันที่ ๒-๑๕ มีนาคม ๒๕๕๖ ณ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย เพื่อขอความเห็นชอบต่อรัฐสภาต่อไป โดยสาระสำคัญของกรอบเจรจาฯ ได้แก่ ๑.๑ การจัดการประชุมสมัยภาคีอนุสัญญาครั้งที่ ๑๖ และข้อปฏิบัติด้านการเงิน ๑.๑.๑ รัฐบาลไทยต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดหาและจัดเตรียมสถานที่ พร้อมวัสดุอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก การรักษาความปลอดภัย และการจัดหาเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นสนับสนุนการจัดประชุม ๑.๑.๒ รัฐบาลไทยต้องจัดหาค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมเป็นส่วนต่างระหว่างการดำเนินการจัดประชุมที่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย กับการดำเนินการจัดประชุมที่สำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ ในสวิตเซอร์แลนด์ ๑.๑.๓ รัฐบาลไทยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขนย้ายและประกันภัยเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการประชุม ๑.๑.๔ สำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ จะส่งรายละเอียดบัญชีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงภายใน ๑๘๐ วัน หลังการประชุม และจะส่งเงินส่วนที่เหลือคืนให้กับรัฐบาลไทย ถ้าเกินกว่าที่ชำระไว้รัฐบาลไทยต้องชำระเพิ่ม ๑.๒ เอกสิทธิ์และความคุ้มกัน ๑.๒.๑ รัฐบาลไทยจะต้องดำเนินการเพื่อให้ความคุ้มกันจากกระบวนการทางกฎหมายที่เกี่ยวกับคำพูดหรือข้อเขียนและการกระทำต่าง ๆ ในระหว่างการประชุมให้แก่ ผู้แทนของรัฐภาคีอนุสัญญาฯ ผู้สังเกตการณ์ขององค์การสหประชาชาติ ผู้สังเกตการณ์จากหน่วยงานหรือองค์กรที่มีคุณสมบัติเชี่ยวชาญเฉพาะทางในด้านการคุ้มครอง การอนุรักษ์ หรือการจัดการเกี่ยวกับสัตว์ป่าหรือพืชป่า และคณะเจ้าหน้าที่ของสำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ และคณะเจ้าหน้าที่ที่รัฐบาลไทยจัดหาให้สำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ ๑.๒.๒ รัฐบาลไทยจะต้องดำเนินการเพื่อกำหนดให้สถานที่และอาณาบริเวณสำหรับการจัดประชุม ในระหว่างการประชุมจะต้องละเมิดมิได้ ๑.๒.๓ รัฐบาลไทยจะให้เอกสิทธิ์บางประการแก่ผู้เข้าร่วมประชุม เช่น การอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับวีซ่า การยกเว้นภาษีสำหรับการนำเข้าเอกสาร เป็นต้น ๑.๓ ความรับผิดชอบต่อความเสียหาย ๑.๓.๑ รัฐบาลไทยจะต้องรับผิดชอบต่อการปฏิบัติใด ๆ การเรียกร้อง หรือความต้องการอื่น ๆ ที่ต่อต้านสำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ หรือเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่อาจเกิดความบาดเจ็บต่อร่างกาย และ/หรือความเสียหายหรือความสูญเสียซึ่งทรัพย์สินในสถานที่จัดการประชุม ที่มีสาเหตุหรือเกิดขึ้นในการใช้บริการคมนาคมที่รัฐบาลไทยจัดให้ และการจ้างบุคลากรสำหรับการประชุมฯ ของรัฐบาลไทย ๑.๓.๒ รัฐบาลไทยสามารถใช้มาตรการใด ๆ ตามสมควรในการป้องกันภัยที่อาจเกิดกับสถานที่ประชุม บุคคล และทรัพย์สินภายในสถานที่จัดประชุม ๑.๓.๓ รัฐบาลไทยจะต้องจ่ายค่าชดเชยและป้องกันภัยให้สำนักงานเลขาธิการอนุสัญญาฯ และเจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติ การเรียกร้องหรือความต้องการใด ๆ ยกเว้นการปฏิบัติและข้อเรียกร้องดังกล่าวเกิดจากความเพิกเฉยหรือความจงใจของเจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการฯ ที่เข้าประชุม ๑.๓.๔ แต่ละฝ่ายสงวนสิทธิ์สำหรับเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้น เช่น ความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือการสาธารณสุข ๑.๓.๕ ข้อพิพาทใด ๆ ระหว่างสำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ และรัฐบาลไทย ให้พิจารณาตามกฎอนุญาโตตุลาการ UNCITRAL ๑.๓.๖ ความตกลงและภาคผนวกทั้งหมดที่จะลงนามจะมีผลนับตั้งแต่วันที่รัฐบาลไทยแจ้งสำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ ทราบว่าได้เสร็จสิ้นกระบวนการตามกฎหมายภายในประเทศเพื่อให้มีผลบังคับใช้แล้ว ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปดำเนินการยกร่างพระราชบัญญัติเพื่อให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกัน เนื่องจากในการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๖ และการประชุมคณะกรรมาธิการบริหาร ครั้งที่ ๖๓ และครั้งที่ ๖๔ ไม่เป็นการประชุมของ UNEP (United Nations Environmental Programme) จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสหประชาชาติและทบวงการชำนัญพิเศษในประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๐๔ ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศต่อไป |
.....