ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1492 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 29821 - 29840 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
29821 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. .... | นร | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง
การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
29822 | ขอถวายพระราชสมัญญา "พระมารดาแห่งไหมไทย" แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 | กษ | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการถวายพระราชสมัญญา “พระมารดาแห่งไหมไทย” แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในนามรัฐบาลและปวงชนชาวไทย เพื่อประกาศพระเกียรติคุณในพระปรีชาสามารถและพระอัจฉริยภาพ และเพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
29823 | รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนมิถุนายน 2555 | พณ | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศ เดือนมิถุนายน ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนมิถุนายน ๒๕๕๕ เท่ากับ ๑๑๕.๔๒ เทียบกับเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๕ เท่ากับ ๑๑๕.๒๓ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๑๖ (เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๕ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๓๙) เป็นการสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง โดยดัชนีราคาเฉลี่ยหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่เปลี่ยนแปลง และราคาสินค้าประเภทอาหารที่ขยับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวสารเจ้า ไก่สด ปลาและสัตว์น้ำ ไข่และผลิตภัณฑ์นม ผลไม้สด เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และอาหารสำเร็จรูป สำหรับดัชนีหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นร้อยละ ๐.๒๘ ขณะที่หมวดพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสาร ดัชนีลดลงร้อยละ ๐.๘๐ ๑.๑ ดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น โดยเฉลี่ยไม่เปลี่ยนแปลง ราคาสินค้าประเภทอาหารที่มีการเคลื่อนไหว ได้แก่ ข้าวสารเจ้าสูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๘ ไก่สดร้อยละ ๐.๒๐ ปลาและสัตว์น้ำร้อยละ ๐.๒๕ (ปลาช่อน ปลาทับทิม และปลาน้ำทะเลสด) ไข่และผลิตภัณฑ์นมร้อยละ ๑.๒๙ (ไข่ไก่ ไข่เป็ด นมข้นหวาน นมสด) ผลไม้สดร้อยละ ๓.๖๖ (ส้มเขียวหวาน ส้มโอ มะละกอ ฝรั่ง ชมพู่ แอ๊ปเปิ้ล) เครื่องปรุงรสร้อยละ ๐.๑๓ (น้ำปลา ซีอิ้ว น้ำพริกแกง) และอาหารสำเร็จรูปร้อยละ ๐.๐๑ (กับข้าวสำเร็จรูป บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง) สำหรับสินค้าที่มีราคาลดลง ได้แก่ ข้าวสารเหนียวลดลงร้อยละ ๐.๒๑ เนื้อสัตว์สดร้อยละ ๒.๗๒ (เนื้อสุกร กระดูกซี่โครงหมู) ผักสดร้อยละ ๘.๓๗ (แตงกวา ผักกาดขาว ผักบุ้ง ผักคะน้า เห็ด) ๑.๒ ดัชนีราคาหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ ๐.๒๘ จากการสูงขึ้นของหมวดเคหสถานร้อยละ ๑.๖๔ ตามการสูงขึ้นของราคาค่าเช่าบ้าน ค่าวัสดุก่อสร้าง (กระเบื้องซีเมนต์ใยหินมุงหลังคา ปูนซีเมนต์ แผ่นไม้อัด) ค่าแรงช่างไฟฟ้า ค่าแรงช่างประปา ค่าน้ำประปา ค่ากระแสไฟฟ้า นอกจากนี้สินค้าสำคัญที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด ร้อยละ ๐.๒๘ [ผงซักฟอก น้ำยารีดผ้า ผลิตภัณฑ์ซักผ้า (น้ำยาซักแห้ง) สารกำจัดแมลง/ไล่แมลง] ค่าตรวจรักษาและค่ายา ร้อยละ ๐.๔๓ (ยาแก้ไข้หวัด ยาคุมกำเนิด ยาลดกรดในกระเพาะ และเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ ร้อยละ ๐.๒๑ (เบียร์ ไวน์ สุรา) สำหรับสินค้าที่มีราคาลดลง เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง และอุปกรณ์การบันเทิง เช่น กล้องถ่ายรูป เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นต้น ๒. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนมิถุนายน ๒๕๕๕ เท่ากับ ๑๐๘.๓๑ เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๕ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๑๕ (เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๕ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๒๙) โดยมีผลกระทบมาจากการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า ค่าเช่าบ้าน วัสดุก่อสร้าง ค่าน้ำประปา ค่ากระแสไฟฟ้า ค่ายาและเวชภัณฑ์ ค่าของใช้ส่วนบุคคล และค่าโดยสารสาธารณะ สำหรับสินค้าที่มีราคาลดลง ได้แก่ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า เตารีด เครื่องซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างห้องน้ำ และยางรถยนต์ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
29824 | รายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลและการให้ความช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรม | อก | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลและการให้ความช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ได้แก่ การจัดงาน OUTLET เพื่อประชาชน “มหกรรมสินค้าช่วยค่าครองชีพส่งตรงจากโรงงาน” ครั้งที่ ๒/๒๕๕๕ ระหว่างวันที่ ๖-๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ณ บริเวณลานอนุสาวรีย์สุรนารี จังหวัดนครราชสีมา โดยประสานงานกับผู้ผลิตให้นำสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นมาจำหน่ายในราคาหน้าโรงงาน มีประชาชนเข้าร่วมซื้อสินค้าในงานรวม ๙๓,๓๐๖ คน ผู้ประกอบการที่นำสินค้ามาจำหน่าย จำนวน ๒๑๓ ราย มียอดขายสินค้ารวมทั้งสิ้น ๒๓,๙๒๑,๖๘๑ บาท ประเภทสินค้าที่ขายดี ๔ อันดับ ได้แก่ ประเภทอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้าและเครื่องสำอางค์ และอุปกรณ์เครื่องครัวและเครื่องใช้ภายในบ้าน ๒. การดำเนินการฟื้นฟู เยียวยานิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม ๗ แห่ง ที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดปทุมธานี ได้แก่ นิคมสหรัตนนคร นิคมไฮเทค นิคมบางปะอิน นิคมโรจนะ นิคมแฟคตอรี่แลนด์ นิคมนวนคร และนิคมบางกะดี ขณะนี้มีโรงงานประกอบกิจการแล้ว ๖๖๓ ราย คิดเป็นร้อยละ ๗๙.๐๒ ของโรงงานทั้งหมด ๘๓๙ ราย ๓. การดำเนินการฟื้นฟูโรงงานขนาดใหญ่ และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ประสบอุทกภัย ซึ่งตั้งอยู่นอกเขตนิคมอุตสาหกรรม ขณะนี้มีโรงงาน สถานประกอบการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เปิดดำเนินการแล้ว ๗,๘๐๒ ราย คิดเป็นร้อยละ ๙๘.๗๗ ของสถานประกอบการทั้งหมด ๗,๘๙๙ ราย ๔. โครงการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย อาทิ โครงการจัดตั้งศูนย์พักพิงอุตสาหกรรม โครงการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และกากอุตสาหกรรมในสถานประกอบการที่ประสบอุทกภัย โครงการตรวจสอบคุณภาพน้ำ ดิน และสารปนเปื้อนของสารพิษอุตสาหกรรมในสถานประกอบการทั้งในและนอกนิคม โครงการศูนย์สารพัดช่างเพื่อการฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย โครงการฟื้นฟูซ่อมแซมหน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย เป็นต้น ๕. ความคืบหน้าการก่อสร้างเขื่อน นิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ ๗ กิโลเมตร ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้าง เขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ ก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ ๗๕ กิโลเมตร ความก้าวหน้าในการก่อสร้างคิดเป็นร้อยละ ๗๓ นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ ๑๑.๐๓ กิโลเมตร ความก้าวหน้าในการก่อสร้างคิดเป็นร้อยละ ๗๐.๔๒ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ ๙.๘๙ กิโลเมตร ความก้าวหน้าในการก่อสร้างคิดเป็นร้อยละ ๕๘ เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร ก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ ๑๘ กิโลเมตร ความก้าวหน้าในการก่อสร้างคิดเป็นร้อยละ ๗๑.๓๙ และสวนอุตสาหกรรมบางกระดี ก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ ๙.๑๒ กิโลเมตร ความก้าวหน้าในการก่อสร้างคิดเป็นร้อยละ ๖๕.๒๗
|
||||||||||||||||||||||||||||||
29825 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์ พ.ศ. 2555-2557 (แผนระยะสั้น) ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 เพิ่มเติม | สธ | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ (แผนระยะสั้น) ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๔๒ เพิ่มเติม ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินงาน ได้แก่ การจัดทำแผนงาน/โครงการฯ ของจังหวัด รองรับการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายงบประมาณ การจัดตั้ง/ประชุมคณะกรรมการระดับจังหวัด การจัดทำทะเบียนข้อมูลสมุนไพร ๓ กลุ่ม (กลุ่มที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ กลุ่มที่มีค่าต่อการศึกษาวิจัย และกลุ่มที่อาจจะสูญพันธุ์) จำแนกแต่ละพื้นที่ การประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง/ชุมชน/เครือข่าย ในการดำเนินงานตามแผนฯ เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิชาการ อนุรักษ์ เสริมสร้างความรู้ตามมาตรการ/กิจกรรมแต่ละพื้นที่ รวมทั้งการพัฒนาต่อยอดเพื่อการใช้ประโยชน์ และกำหนดแผนติดตาม/ประเมินผลการดำเนินงานปีแรกของแผนงานฯ ภายหลังสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ๒. ปัญหาอุปสรรค ได้แก่ ข้อจำกัดด้านกฎหมาย ระเบียบในการอนุญาตเข้าไปในพื้นที่ บุคลากรในการปกป้องหรือป้องปรามและลาดตระเวนพื้นที่มีจำนวนจำกัด การสนับสนุนงบประมาณตามแผนฯ แต่ละพื้นที่ยังไม่เพียงพอ ตลอดจนภาคส่วนต่าง ๆ ยังขาดความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินการดังกล่าว ๓. ข้อเสนอแนะ แนวทางการดำเนินงานและการพัฒนา ได้แก่ การบูรณาการความร่วมมือทั้งทางวิชาการ กฎหมาย จากทุกภาคส่วน/ทุกระดับ โดยให้ส่วนราชการ/หน่วยงาน/องค์กรที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการรองรับภารกิจ/กิจกรรมตามแผน พร้อมจัดสรรงบประมาณเพื่อรองรับการดำเนินงานบูรณาการ การสนับสนุนและผลักดันในเชิงนโยบายของผู้บริหาร การจัดทำข้อตกลงความร่วมมือด้านต่าง ๆ ใช้เป็นกรอบในการทำงาน/การปฏิบัติงานร่วมกันทุกระดับ รวมทั้งการสนับสนุนให้มีการสำรวจและศึกษาสมุนไพรเพิ่มเติมในพื้นที่เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ รวมทั้งสนับสนุนการจัดทำระบบฐานข้อมูลทางภูมิศาสตร์เพื่อประโยชน์ในการอ้างอิงทางวิชาการและการต่อสู้เชิงกฎหมายในอนาคต ๔. แผนงานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้แก่ การสนับสนุนการดำเนินงานในพื้นที่โดยเน้นพื้นที่นอกเขตอนุรักษ์เพื่อขยายโอกาสให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น และเร่งรัดการออกกฎหมายลำดับรองเพื่อรองรับการขอขึ้นทะเบียนที่ดินเอกชน และนำที่ดินดังกล่าวมาขอรับการช่วยเหลือหรือสนับสนุนเกี่ยวกับการปลูก พัฒนา ส่งเสริมสมุนไพรตามเกณฑ์กำหนดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
29826 | ขอความเห็นชอบปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่เสียชีวิตและทุพพลภาพจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่เสียชีวิตและทุพพลภาพจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามมติคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๕ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ประธานกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ ดังนี้ ๑.๑ กรณีประชาชนผู้เสียชีวิตสืบเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เดิมได้รับการช่วยเหลือเป็นเงินจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท เพิ่มเป็น ๕๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ กรณีประชาชนผู้ทุพพลภาพสืบเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากเดิมได้รับการช่วยเหลือเป็นเงินจำนวน ๘๐,๐๐๐ บาท เพิ่มเป็น ๕๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบเป็นต้นไป และให้ย้อนหลังครอบคลุมผู้เสียชีวิตและทุพพลภาพ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๔๗ เป็นต้นมา โดยส่วนที่มีผลย้อนหลังจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นไม่ช้ากว่าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อไม่ให้เป็นภาระด้านงบประมาณในปีหนึ่งปีใดเกินสมควร และให้นำจำนวนเงินที่ได้รับความช่วยเหลือไปแล้วมาหักออกจากจำนวนเต็มที่พึงจะได้รับด้วย ๒. ส่วนรายละเอียดงบประมาณให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรที่เห็นควรดำเนินการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องหลักเกณฑ์การช่วยเหลือเยียวยาฯ ตลอดจนระเบียบ และวิธีการขอรับการช่วยเหลือต่อประชาชนในพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีนำไปใช้เป็นเงื่อนไขสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชนด้วยกันเองหรือประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งเร่งรัดเรื่องการนำคนที่กระทำผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมให้ได้โดยเร็วควบคู่ไปกับการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
29827 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนห้วยข้าวก่ำ จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... | มท | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนห้วยข้าวก่ำ จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลห้วยข้าวก่ำ บางส่วนของตำบลห้วยยางขาม และบางส่วนของตำบลจุน อำเภอจุน จังหวัดพะเยา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
29828 | แผนปฏิบัติการบูรณาการภูมิภาคลาตินอเมริกา ปี 2555-2559 | กต | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนปฏิบัติการบูรณาการภูมิภาคลาตินอเมริกา ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดยแผนปฏิบัติการบูรณาการฯ จัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ความสัมพันธ์ทางด้านการเมือง เศรษฐกิจการค้าและการลงทุน และพัฒนาความร่วมมือกับภูมิภาคลาตินอเมริกา โดยมีเป้าหมายเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตลอดจนสอดคล้องตามเจตนารมณ์ของแผนยุทธศาสตร์ภูมิภาคลาตินอเมริกา ในช่วงระยะเวลา ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙) ทั้งนี้ แผนปฏิบัติการบูรณาการฯ มีเป้าหมายในการดำเนินการแบ่งเป็น ๔ ส่วน ดังนี้ ๑.๑ ส่วนที่ ๑ การส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ทางการเมือง ความมั่นคง และความร่วมมือในเวทีระหว่างประเทศ เป้าหมายคือ ไทยเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ลำดับต้นจากอาเซียนกับกลุ่มประเทศเป้าหมายในภูมิภาคลาตินอเมริกา (เช่น บราซิล เม็กซิโก อาร์เจนตินา ชิลี และเปรู เป็นต้น) และไทยกับกลุ่มประเทศเป้าหมายในภูมิภาคลาตินอเมริกามีกรอบความร่วมมือและการสร้างเครือข่ายด้านความมั่นคงระหว่างกัน ๑.๒ ส่วนที่ ๒ การส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจการค้า เป้าหมายคือ มูลค่าการค้ารวมระหว่างไทยและประเทศในภูมิภาคลาตินอเมริกาเพิ่มขึ้นเป็น ๒ เท่า หรือ อย่างน้อยเป็น ๓ หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยมีสินค้าส่งออกเป้าหมายที่สำคัญ ได้แก่ รถยนต์ ยางพารา เครื่องยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์พลาสติก ปูนซีเมนต์ ผ้าผืน ผลิตภัณฑ์สปา และอัญมณี ๑.๓ ส่วนที่ ๓ การส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจการลงทุน การบริการ และการท่องเที่ยว เป้าหมายคือ ปริมาณการลงทุนและจำนวนบริษัทที่เข้าไปลงทุนในแต่ละฝ่ายเพิ่มขึ้นอย่างน้อย ๕-๑๐ บริษัท และจำนวนนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคลาตินอเมริกาเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็นแปดหมื่นคน/รายต่อปี ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ๑.๔ ส่วนที่ ๔ การส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือในสาขาที่มีศักยภาพ ประกอบด้วย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อมและนวัตกรรม การศึกษาและวิชาการ พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ ความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน ประชาชนและกีฬา และด้านวัฒนธรรม เป้าหมายคือ ไทยเป็นหุ้นส่วนอันดับต้นจากอาเซียนในการส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การศึกษาและวิชาการ พลังงาน ความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและประชาชน และวัฒนธรรมกับภูมิภาค และมีกรอบความร่วมมือในสาขาศักยภาพหลักอย่างเป็นระบบ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับเป้าหมายการดำเนินการที่ ๒ การส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจการค้า ซึ่งภายใต้แนวทางการปฏิบัติการมีประเด็นการให้การสนับสนุนด้านการเงินจากภาครัฐ โดยใช้ประโยชน์จากสถาบันการเงินของรัฐ และการพิจารณารูปแบบความเป็นไปได้ในการตั้ง Thailand Fund เพื่อสนับสนุนการค้าการลงทุนของภาคเอกชน ซึ่งการพิจารณาจัดตั้ง Thailand Fund ควรศึกษาในรายละเอียดถึงวัตถุประสงค์ แหล่งเงินทุน และประโยชน์ในภาพรวมที่ประเทศไทยจะได้รับ และการดำเนินการเพื่อสนับสนุนด้านการเงินในลักษณะดังกล่าวจะต้องไม่ขัดกับความตกลงด้านการค้าระหว่างประเทศที่ไทยร่วมเป็นภาคีด้วย สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการบูรณาการฯ ให้จัดทำรายละเอียดโครงการและกิจการ ตลอดจนแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม รวมทั้งให้มีการทบทวนกลางรอบของแผนปฏิบัติการบูรณาการฯ เพื่อให้แผนดังกล่าวมีความสอดคล้องกับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของโลกในอนาคต โดยอาจเพิ่มเติมโครงการจากหน่วยงานอื่น ๆ ที่ยังมิได้มีโครงการบรรจุอยู่ในแผนปฏิบัติการบูรณาการฯ ในรอบแรกแต่ได้พิจารณาเห็นความจำเป็นในภายหลัง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
29829 | การกู้เงินจากธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยปี 2554 ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ | กค | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กู้เงินจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อนำไปให้กู้ยืมแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยปี ๒๕๕๔ เพิ่มเติม จำนวน ๑๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขและรายละเอียดการกู้เงินดังกล่าวเป็นไปตามประกาศของ ธปท. ส่วนการขออนุมัติในหลักการให้ ธอส. สามารถกู้เงินกับ ธปท. ในส่วนของวงเงินส่วนกลาง (จำนวน ๔๑,๗๐๐ ล้านบาท) ที่ ธปท. ได้จัดสรรให้สถาบันการเงินต่าง ๆ ที่ยื่นขอจัดสรรหรือทบทวนวงเงินภายในเวลาที่ ธปท. กำหนด นั้น ให้ ธปท. เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติการกู้เงินดังกล่าวเมื่อทราบวงเงินกู้ตามผลการพิจารณาของ ธปท. ที่ชัดเจนแล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
29830 | การขอโอนสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 2/2550/78 แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G2/48 | พน | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้บริษัท เพิร์ล ออย ออฟชอร์ จำกัด โอนสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๒/๒๕๕๐/๗๘ แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G2/48 ให้แก่ บริษัท Rayong Offshore Exploration Limited ในอัตราร้อยละ ๕๐ โดยอาศัยความตามมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๐ และตามมาตรา ๒๒ (๗) แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งกำหนดให้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการปิโตรเลียม และต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี โดยให้ออกเป็นสัมปทานปิโตรเลียมเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๑) ของสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๒/๒๕๕๐/๗๘ ตามแบบ ชธ/ป๓ ที่กำหนดในกฎกระทรวงฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๓๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
29831 | ขออนุมัติงบประมาณและขยายเวลาผูกพันงบประมาณค่าเช่ารถยนต์ 3 คัน เพิ่มเติม | นร | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติขยายระยะเวลาผูกพันงบประมาณค่าเช่ารถยนต์ตู้ที่ติดตั้งอุปกรณ์ NGV ประจำสำนักพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาค จำนวน ๓ คัน จากเดิม ปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ รวมระยะเวลา ๓ ปี วงเงินทั้งสิ้น ๒,๙๗๐,๐๐๐ บาท เป็นปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙ รวมระยะเวลา ๕ ปี วงเงินทั้งสิ้น ๔,๔๕๕,๐๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ในกรอบวงเงิน ๙๙๐,๐๐๐ บาท ซึ่งสำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณให้แล้ว และผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๙ อีกจำนวน ๓,๔๖๕,๐๐๐ บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
29832 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันอังคารที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๕ ซึ่งเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว และเห็นชอบให้มีการถ่ายทอดทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
29833 | การจัดงานเผยแพร่ข้อมูล "5 กองทุน 5 นโยบายรัฐ" | นร | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง ให้กระทรวงการคลังเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งทุน) มอบหมายให้กระทรวงการคลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนต่าง ๆ ของภาครัฐทั้งหมดให้ครบถ้วน ชัดเจน แล้วให้ประสานงานกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อร่วมกันจัดการรณรงค์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร (caravan) ให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศได้ทราบข้อมูลและเข้าถึงแหล่งทุนต่าง ๆ ดังกล่าวอย่างถูกต้องทั่วถึง โดยเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๕ นั้น การดำเนินการดังกล่าวเป็นการนำนโยบายของรัฐบาลที่จะส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนไปชี้แจงและให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชน โดยจะจัดกิจกรรมขึ้นทั้งในต่างจังหวัดและในกรุงเทพมหานคร จึงขอให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือและร่วมดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดทำเอกสาร (brochure) เผยแพร่ข้อมูลต่าง ๆ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามแบบแผนเดียวกัน ทั้งนี้ รายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการจัดงาน ให้ประสานงานกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย) ต่อไป ๒. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย) เสนอเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรียมจัดงาน “๕ กองทุน ๕ นโยบายรัฐ” ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและสื่อสารให้ประชาชนได้รับทราบเกี่ยวกับนโยบายของภาครัฐและการใช้บริการของกองทุนต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น โดยมีกำหนดการจัดงาน ดังนี้ ๒.๑ วันที่ ๑๗-๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๕ การจัดงาน “Money Expo” ที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งจะมีการบรรยายให้ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาล ได้แก่ มาตรการภาษีสำหรับการซื้อรถยนต์คันแรก มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง (บ้านหลังแรก) โครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อย นโยบายการให้สินเชื่อแก่เกษตรกร และโครงการประกันภัยพืชผล และการใช้บริการกองทุนต่าง ๆ ทั้ง ๕ กองทุนดังกล่าว ๒.๒ วันที่ ๒๕-๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๕ การจัดงานพร้อมกันทั่วประเทศทั้งในกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ โดยในพื้นที่กรุงเทพมหานครจะมีการจัดงานที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องแจ้งรายชื่อผู้ประสานงานให้กระทรวงการคลังทราบภายในวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๕ หากกระทรวงใดมีข้อมูลเพิ่มเติมที่จะเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ ให้แจ้งกระทรวงการคลังทราบภายในวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ เพื่อจะได้ดำเนินการต่อไป ๓. สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ให้สำนักงบประมาณและกระทรวงมหาดไทยพิจารณาสนับสนุน โดยใช้จ่ายจากงบประมาณเหลือจ่ายของแต่ละจังหวัด ตามความเหมาะสมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
29834 | แผนการดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ รับทราบการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้จัดการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๕ เพื่อจัดเตรียมแผนการดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างบูรณาการและเป็นเอกภาพต่อไป นั้น เพื่อให้แนวทางการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงทั้ง ๑๗ กระทรวง กรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวน จัดลำดับความสำคัญและปรับแผนการดำเนินการในความรับผิดชอบให้สอดคล้องกับเป้าหมายยุทธศาสตร์ร่วม ๒๙ ข้อ ของแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ แล้วแจ้งข้อมูลดังกล่าวไปยังสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติโดยด่วน ๒. ให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาใช้จ่ายงบประมาณให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินการที่ปรับปรุงใหม่ตามข้อ ๑ โดยปรับแผนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ในภารกิจการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังไม่ผูกพันหรือเบิกจ่ายไปดำเนินการ โดยให้ความสำคัญกับการนำไปใช้จ่ายเพื่อการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ที่จำเป็นเร่งด่วน เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิดในพื้นที่เพิ่มเติม การจัดหาอุปกรณ์ตรวจจับอาวุธยุทโธปกรณ์และหลักฐานการกระทำความผิด เป็นต้น ก่อนที่จะใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
29835 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง | กษ | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายชวลิต ชูขจร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
29836 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) (นายสมเกียรติ ศิริวัฒนโชค) | ทก | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสมเกียรติ ศิริวัฒนโชค ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
29837 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายสมปอง สงวนบรรพ์ และนายธัชชยุติ ภักดี) | กต | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายสมปอง สงวนบรรพ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ๒. นายธัชชยุติ ภักดี ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
29838 | การจัดทำความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านพิพิธภัณฑ์ศึกษาและการออกแบบนิทรรศการฯ และความตกลงว่าด้วยความร่วมมือในด้านการคุ้มครอง การอนุรักษ์ การติดตามคืนและการส่งคืน ซึ่งทรัพย์สินทางวัฒนธรรม โบราณคดี ศิลปะ และประวัติศาสตร์ ที่ถูกปล้น โจรกรรมส่งออก หรือถ่ายโอนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย | วธ | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการยกระดับความตกลงจากระดับกรมเป็นระดับกระทรวงในการลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านพิพิธภัณฑ์ศึกษาและการออกแบบนิทรรศการระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐเปรู และความตกลงว่าด้วยความร่วมมือในด้านการคุ้มครอง การอนุรักษ์ การติดตามคืนและการส่งคืนซึ่งทรัพย์สินทางวัฒนธรรมโบราณคดี ศิลปะ และประวัติศาสตร์ ที่ถูกปล้นโจรกรรมส่งออก หรือถ่ายโอนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐเปรู ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในความตกลงฯ ทั้งสองฉบับ ๒. ยกเว้นกรณีหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นว่า ร่างความตกลงฯ ทั้งสองฉบับเป็นความตกลงที่จัดทำขึ้นระหว่างหน่วยงานระดับกระทรวงของทั้งสองประเทศ ดังนั้น จึงไม่ใช่หนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ และไม่ต้องใช้หนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ในการลงนามความตกลงฯ ทั้งสองฉบับ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
29839 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม) | กค | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม และคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ ๖.๓ (ไม่รวมภาษีท้องถิ่น) สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ๑.๒ กำหนดให้จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ ๙ (ไม่รวมภาษีท้องถิ่น) สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาความเป็นไปได้ในการให้มีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ ๙ (ไม่รวมภาษีท้องถิ่น) หรือร้อยละ ๑๐ (รวมภาษีท้องถิ่น) สำหรับสินค้านำเข้าที่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
29840 | ร่างกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนในระบบ การกำหนด รายการและการขอเปลี่ยนแปลงรายการในตราสารจัดตั้ง และการกำหนด ขนาดที่ดินที่ใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนในระบบ พ.ศ. .... | ศธ | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนในระบบ การกำหนดรายการและการขอเปลี่ยนแปลงรายการในตราสารจัดตั้ง และการกำหนดขนาดที่ดินที่ใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนในระบบ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดแบบคำขอและสถานที่ยื่นคำขอรับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนในระบบ ๒. กำหนดหลักฐานในการยื่นคำขอรับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนในระบบ กรณีผู้ยื่นคำขอเป็นบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ๓. กำหนดรายการอื่นในตราสารจัดตั้งโรงเรียน และรายละเอียดเกี่ยวกับกิจการของโรงเรียนในระบบ ๔. กำหนดหลักเกณฑ์การออกใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนในระบบ ๕. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับมาตรฐานการจัดตั้งโรงเรียน สุขลักษณะและอนามัยของนักเรียน ลักษณะและขนาดที่ดินที่ใช้ในการจัดตั้งโรงเรียนแต่ละประเภท ลักษณะอาคารเรียน ความจุและการคำนวณความจุนักเรียนต่อห้องของโรงเรียนแต่ละประเภท ๖. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอเปลี่ยนแปลงรายการในตราสารการจัดตั้งโรงเรียน ๗. กำหนดบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับคำขอรับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนในระบบที่ยื่นไว้ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ
|
.....