ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1498 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 29941 - 29960 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
29941 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (1. นายสมศักดิ์ สุริยวงศ์ ฯลฯ) | กต | 04/09/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายสมศักดิ์ สุริยวงศ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ๒. นายวราวุธ ชูวิรัช ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ๓. นายเสข วรรณเมธี ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้
|
|||||||||||||||||||||
29942 | ข้อเสนอเกี่ยวกับการค้าสินค้าสิ่งแวดล้อมของเอเปค และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้าและการลงทุนสำหรับการประชุมรัฐมนตรีเอเปค (AMM) และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (AELM) ปี 2555 | พณ | 04/09/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอเกี่ยวกับการค้าสินค้าสิ่งแวดล้อมของเอเปค และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้าและการลงทุนสำหรับการประชุมรัฐมนตรีเอเปค (AMM) และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (AELM) ปี ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๕ สมาชิกเอเปคจำนวน ๑๕ เขตเศรษฐกิจ ได้แก่ ออสเตรเลีย บรูไนดารุสซาลาม แคนาดา รัสเซีย ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย สหรัฐอเมริกา เวียดนาม และจีน ได้เสนอรายการสินค้าสิ่งแวดล้อม (product - based approach) รวมทั้งสิ้น ๓๔๐ รายการ (พิกัดอัตราศุลกากร ๖ หลัก) และออสเตรเลียในฐานะประธานในการจัดทำรายการสินค้าฯ ได้คัดเสนอสินค้ารวม ๙๗ รายการ เป็นรายการสินค้าสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น เพื่อให้สมาชิกพิจารณาและหารือให้ตกผลึกก่อนนำเสนอผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคให้การรับรองรายการสินค้าฯ ในการประชุม ณ นครวลาดิวอสต็อก สหพันธรัฐรัสเซีย ระหว่างวันที่ ๘ - ๙ กันยายน ๒๕๕๕ สำหรับสินค้าที่เหลืออีก ๒๔๓ รายการ อาจมีความเป็นไปได้ที่ประเทศสมาชิกจะพิจารณาให้มีการหารือเพิ่มเติมต่อไปในภายหลัง ทั้งนี้ มีแนวโน้มว่าจำนวนรายการสินค้าที่ประเทศสมาชิกจะตกลงกันเพื่อให้เป็นรายการสินค้าสิ่งแวดล้อมในปีนี้ อาจจะมีจำนวนน้อยกว่า ๙๗ รายการ โดยในส่วนของไทย จำนวนสินค้า ๙๗ รายการ มีสินค้าถึง ๖๔ รายการที่ไทยกำหนดอัตราภาษีศุลกากรในอัตราร้อยละ ๐ - ๕ อยู่แล้ว หากสินค้ากลุ่มนี้ได้รับคัดเลือก ไทยก็ไม่ต้องลดอัตราภาษีลงต่ำกว่านี้ ๒. เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๕ กระทรวงพาณิชย์ได้จัดประชุมหารือกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาและสร้างความเข้าใจที่สอดคล้องตรงกันเกี่ยวกับวิธีดำเนินการและสถานะล่าสุดในการดำเนินการของเอเปคในการจัดทำรายการสินค้าสิ่งแวดล้อม สรุปได้ ดังนี้ ๒.๑ ที่ประชุมมอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมจัดทำความเห็นต่อรายการสินค้าสิ่งแวดล้อมภายใต้เอเปค และส่งให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศภายในวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๕ เพื่อนำไปพิจารณาประกอบการหารือกับประเทศสมาชิกเอเปคต่อไป ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้จัดทำความเห็นต่อข้อเสนอรายการสินค้าสิ่งแวดล้อมของเอเปคแล้ว โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้ร่วมหารือกับสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเกี่ยวกับความเห็นดังกล่าวแล้ว ๒.๒ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเห็นว่า ไม่ควรมีสินค้าเกษตรหรือสินค้าที่เกี่ยวเนื่องรวมอยู่ในรายการสินค้าสิ่งแวดล้อมของเอเปค และพิจารณาว่าสินค้า ๙๗ รายการที่เอเปคกำลังพิจารณาอยู่นั้นไม่มีสินค้าเกษตรรวมอยู่ด้วย จึงขอให้ป้องกันโดยยืนยันสงวนท่าทีของไทยในเรื่องนี้ด้วย ๓. กระทรวงพาณิชย์ยืนยันจะดำเนินการเจรจาจัดทำรายการสินค้าสิ่งแวดล้อมภายใต้กรอบเอเปคอย่างดีที่สุด บนพื้นฐานของหลักการตามมติคณะรัฐมนตรี และจะคำนึงถึงความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยยึดหลักการรักษาผลประโยชน์โดยรวมของประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
29943 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นายระพีพันธุ์ สริวัฒน์) | นร | 04/09/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายระพีพันธุ์ สริวัฒน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่ง รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
29944 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ตช | 04/09/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ เพื่อจัดตั้งกองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดขึ้นใหม่ โดยเป็นหน่วยงานในสังกัดกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และแบ่งส่วนราชการใหม่ ได้แก่ ๑.๑ ให้กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด แบ่งเป็นดังนี้ ๑.๑.๑ กองบังคับการอำนวยการ ประกอบด้วย ฝ่ายธุรการและกำลังพล ฝ่ายยุทธศาสตร์ ฝ่ายส่งกำลังบำรุง ฝ่ายป้องกันอาชญากรรม ฝ่ายงบประมาณและการเงิน ฝ่ายกฎหมายและวินัย ฝ่ายกิจการต่างประเทศ และฝ่ายฝึกอบรม ๑.๑.๒ กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ๑ - ๔ แต่ละกองบังคับการ ประกอบด้วย ฝ่ายอำนวยการ กลุ่มงานสอบสวนและตรวจสอบทรัพย์สิน และกองกำกับการ ๑ - ๓ ๑.๑.๓ กองบังคับการข่าวกรองยาเสพติด ประกอบด้วย ฝ่ายอำนวยการ กลุ่มงานการข่าว กลุ่มงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ๑.๑.๔ กองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด ประกอบด้วย ฝ่ายอำนวยการ และกองกำกับการ ๑ - ๔ ๑.๑.๕ กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ ๑.๒ ให้กองบังคับการอำนวยการ กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ๑ - ๔ กองบังคับการข่าวกรองยาเสพติด กองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด และกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ แต่ละหน่วยงานมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๑.๓ ให้กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับอัตรากำลังข้าราชการตำรวจในกองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติปรับเกลี่ยจากอัตราว่าง และหากมีภาระด้านงบประมาณที่เกิดขึ้นจากการปรับเกลี่ยอัตรากำลัง เห็นควรให้พิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณที่จัดสรรไว้ในงบบุคลากรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และการแบ่งส่วนราชการดังกล่าวจะต้องไม่มีผลกระทบต่อการเพิ่มอัตรากำลังและงบประมาณด้านบุคคลในภาพรวม รวมทั้งควรกำหนดอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานดังกล่าวให้ชัดเจน ไม่ให้ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่ ไปประกอบการพิจารณา พร้อมทั้งเชิญผู้แทนหน่วยงานดังกล่าวเข้าร่วมชี้แจงด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
29945 | รายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ และการจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 | นร07 | 04/09/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ และการจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ จำนวน ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๑ การจัดสรร/การเบิกจ่าย/ลงนามสัญญาหรือดำเนินการเอง สำนักงบประมาณจัดสรรสุทธิ เป็นเงิน ๑๑๙,๓๒๐.๐๘๒๒ ล้านบาท มีการลงนามในสัญญาหรือดำเนินการเองแล้ว เป็นเงิน ๑๐๙,๒๖๒.๙๓๕๔ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๔๘๘.๑๓๔๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๔๕ และผลการเบิกจ่ายจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) เป็นเงิน ๘๗,๙๒๒.๖๐๗๒ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗๓.๖๙ จากยอดจัดสรร ๑.๒ ผลการดำเนินงาน มิติส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าร้อยละ ๘๐ มีจำนวน ๙ กระทรวง ที่เหลือมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ จำนวน ๙ กระทรวง ส่วนมิติจังหวัดที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าร้อยละ ๘๐ มีจำนวน ๔๓ จังหวัด ที่เหลือมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ จำนวน ๓๐ จังหวัด ๑.๓ การส่งคืนเงินงบประมาณและการใช้จ่ายจากเงินที่แจ้งส่งคืน ส่วนราชการฯ ส่งเงินคืนในระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) เป็นเงิน ๕,๒๐๙.๔๘๙๐ ล้านบาท และเงินที่ส่วนราชการจะใช้จ่ายจริงน้อยกว่ากรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ เป็นเงิน ๑๓๙.๐๐๖๐ ล้านบาท รวมเป็นเงินที่จะจัดสรรเพิ่มเติมได้อีก จำนวน ๕,๓๔๘.๔๙๕๐ ล้านบาท สำหรับการใช้จ่ายเงินที่แจ้งส่งคืน คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินที่ส่วนราชการฯ ส่งคืนงบประมาณรวม ๖ ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๕,๓๑๓.๕๔๔๙ ล้านบาท (สำนักงบประมาณจัดสรรแล้ว ๔,๕๔๑.๘๕๐๑ ล้านบาท) คงเหลือวงเงินที่คณะรัฐมนตรีจะอนุมัติเพิ่มเติมได้อีก เป็นเงิน ๓๔.๙๕๐๑ ล้านบาท ๒. การจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ (วงเงิน ๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท) คณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงินรวมทั้งสิ้น ๒๘,๙๑๘.๘๖๑๒ ล้านบาท สำนักงบประมาณจัดสรรเงินกู้ฯ ให้ส่วนราชการ จำนวน ๒๑,๓๗๒.๑๐๕๘ ล้านบาท คงเหลือจำนวน ๗,๕๔๖.๗๕๕๔ ล้านบาท ได้แก่ กระทรวงคมนาคม จำนวน ๓,๙๘๑.๙๘๘๐ ล้านบาท กระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน ๓,๒๓๖.๖๙๔๐ ล้านบาท กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๓๑๐.๗๔๘๔ ล้านบาท กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๑๗.๑๒๕๐ ล้านบาท และกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๐.๒๐๐๐ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
29946 | การผ่อนผันการก่อหนี้รายจ่ายลงทุน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | กค | 04/09/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาการผ่อนผันการก่อหนี้รายจ่ายลงทุน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจส่งเรื่องขอผ่อนผันการก่อหนี้รายจ่ายลงทุน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ถึงกรมบัญชีกลาง จำนวน ๒๕๕ หน่วยงาน จำนวน ๒,๐๘๙ รายการ จำนวนเงิน ๘๙,๗๒๑.๓๙ ล้านบาท ผ่อนผันให้ทุกรายการสามารถดำเนินการต่อไปได้ โดยต้องเร่งรัดก่อหนี้ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๕ หากไม่แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าวต้องขอผ่อนผันมาที่กรมบัญชีกลาง ซึ่งจะพิจารณาความเป็นไปได้ในการก่อหนี้ ถ้าไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ ให้งบประมาณพับไป ๒. ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่ไม่แจ้งขอผ่อนผันการก่อหนี้รายจ่ายลงทุน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๗๓ หน่วยงาน วงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน จำนวน ๓๕,๔๑๕.๖๑ ล้านบาท ประธานกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐได้สั่งการให้กรมบัญชีกลางระงับการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของหน่วยงานดังกล่าวแล้วตั้งแต่วันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๕ หากหน่วยงานมีความประสงค์จะขอดำเนินการต่อไป ให้ขอผ่อนผันพร้อมชี้แจงเหตุผลความจำเป็นเสนอต่อประธานกรรมการติดตามเร่งรัดฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
29947 | สรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำท่วมของประเทศไทยประจำสัปดาห์ (ครั้งที่ 2/2555 ณ วันที่ 3 กันยายน 2555) | นร | 04/09/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยสรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำท่วมของประเทศไทย ครั้งที่ ๒/๒๕๕๕ ณ วันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๕ ดังนี้
๑. สถานการณ์ภูมิอากาศ ในระหว่างวันที่ ๒๘ สิงหาคม-๓ กันยายน ๒๕๕๕ ยังไม่มีการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อนที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย แต่จะมีคลื่นกระแสลมตะวันออกเคลื่อนเข้ามาทำให้มีฝนตกหนาแน่นได้ โดยร่องมรสุมมีกำลังแรงขึ้นและเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนได้แก่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ๒. สถานการณ์น้ำและน้ำท่วม ดังนี้ ๒.๑ ปริมาณน้ำท่าในบริเวณจุดสำคัญ ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ ๙๕๓ ลูกบาศก์เมตร/วินาที และที่สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ๗๙๘ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๒.๒ ระดับความสูงของน้ำในแม่น้ำสายหลัก ได้แก่ ๒.๒.๑ แม่น้ำปิง ที่สถานี P.1 จังหวัดเชียงใหม่ ๓๐๒.๒๓ เมตรระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก. ) ต่ำกว่าตลิ่ง ๑.๙๗ เมตร ๒.๒.๒ แม่น้ำวัง ที่สถานี W.10A จังหวัดลำปาง ๒๕๙.๑๑ ม.รทก ต่ำกว่าตลิ่ง ๖.๔๙ เมตร ๒.๒.๓ แม่น้ำยม ที่สถานี Y.4 จังหวัดสุโขทัย ๔๗.๖๔ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๓.๒๓ เมตร ๒.๒.๔ แม่น้ำน่าน ที่สถานี N.1 จังหวัดน่าน ๑๙๖.๕๗ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๒.๖๓ เมตร ๒.๒.๕ แม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ ๒๑.๒๒ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๔.๙๘ เมตร และที่สถานี C.13 จังหวัดชัยนาท ระดับน้ำท้ายเขื่อน ๑๐.๗๕ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๕.๕๙ เมตร ๒.๓ น้ำในเขื่อน/อ่างเก็บน้ำ ได้แก่ ๒.๓.๑ เขื่อนภูมิพล น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ ๒๒.๙๓ ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๖,๖๑๒ ล้านลูกบาศก์เมตร ใช้การได้จริง ๒,๘๑๒ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒.๓.๒ เขื่อนสิริกิติ์ น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ ๕๓.๕๒ ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๕,๓๕๙ ล้านลูกบาศก์เมตร ใช้การได้จริง ๒,๕๐๙ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒.๓.๓ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ ๑๑.๑๒ ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๒๐๓ ล้านลูกบาศก์เมตร ใช้การได้จริง ๒๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒.๓.๔ น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่รวม ๓๓ อ่างทั่วประเทศ ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ รวม ๔๒,๗๗๓ ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ สะสมตั้งแต่ต้นปี ๒๒,๑๑๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำระบายจากอ่างเก็บน้ำ สะสมตั้งแต่ต้นปี ๓๗,๓๗๗ ล้านลูกบาศก์เมตร และความสามารถในการรับน้ำได้อีก ๒๗,๓๗๘ ล้านลูกบาศก์เมตร ๓. การบริหารน้ำในเขื่อน ดังนี้ ๓.๑ เขื่อนวชิราลงกรณ ให้ลดการระบายน้ำลงเหลือวันละ ๒๒ ล้านลูกบาศก์เมตร เริ่มตั้งแต่วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๕ ๓.๒ เขื่อนศรีนครินทร์ ให้คงการระบายน้ำวันละ ๑๐ ล้านลูกบาศก์เมตร จนถึงวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๕ หลังจากนั้นให้ลดการระบายน้ำลงเหลือวันละ ๘ ล้านลูกบาศก์เมตร ๓.๓ เขื่อนอุบลรัตน์ ในระยะสั้นให้ระบายน้ำเพียงพอต่อความต้องการขั้นต่ำ และให้เฝ้าติดตามปริมาณน้ำไหลเข้าในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคม ๓.๔ เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ให้คงการระบายน้ำที่เขื่อนภูมิพล วันละ ๘ ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเขื่อนสิริกิติ์ให้ลดการระบายน้ำลงเหลือวันละ ๘ ล้านลูกบาศก์เมตร ตั้งแต่วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ ๔. การทดสอบการระบายน้ำในกรุงเทพมหานคร จะทำการทดสอบประสิทธิภาพการระบายน้ำในพื้นที่ฝั่งตะวันตก ที่ระบบคลองทวีวัฒนาในวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๕ และในพื้นที่ฝั่งตะวันออก ที่ระบบคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิตและคลองลาดพร้าวในวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๕ เพื่อประเมินประสิทธิภาพการระบายน้ำในปัจจุบัน และหาข้อจำกัดหรืออุปสรรค เพื่อเร่งแก้ไขและบันทึกเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการบริหารจัดการและพัฒนาแบบจำลองการระบายน้ำต่อไป ๕. สถานการณ์น้ำป่าไหลหลาก ตั้งแต่วันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๕-ปัจจุบัน ฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ ๖ จังหวัด ๑๑ อำเภอ ๓๒ ตำบล ได้แก่ จังหวัดอุตรดิตถ์ ระนอง ตรัง สระบุรี น่าน และมุกดาหาร และตั้งแต่วันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๕-ปัจจุบัน มีพื้นที่ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) จำนวน ๘ จังหวัด ๖๖ อำเภอ ๔๙๒ ตำบล ๕,๗๘๔ หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ ชัยภูมิ มหาสารคาม สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา
|
|||||||||||||||||||||
29948 | ร่างปฏิญญาการประชุมระดับรัฐมนตรีของการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในภูมิภาคเอเชีย (CICA) ครั้งที่ 4 | กต | 04/09/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการต่อร่างปฏิญญาของการประชุมระดับรัฐมนตรีของการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในภูมิภาคเอเชีย (Conference on Interaction and Confidence Building Measures in Asia - CICA) ครั้งที่ ๔ เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๕ ณ กรุงอัสตานา สาธารณรัฐคาซัคสถาน โดยร่างปฏิญญาฯ เน้นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศที่จะร่วมมือกัน เพื่อเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศสมาชิกและเพื่อสันติภาพความมั่นคงและเสถียรภาพของภูมิภาคของประเทศสมาชิกในการเผชิญกับปัญหาและสิ่งท้าทายต่าง ๆ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ อารัมภบท เน้นความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก CICA ในการแก้ไขปัญหาที่ประเทศต่าง ๆ กำลังเผชิญและจะต้องมีการประสานความร่วมมือกันระหว่างประเทศสมาชิก ๑.๒ สถานการณ์ในภูมิภาคและระหว่างประเทศ มีเนื้อหากว้าง ๆ ครอบคลุมประเด็นปัญหาต่าง ๆ อาทิ ปัญหาการต่อต้านการก่อการร้าย การแบ่งแยกดินแดน การไม่แพร่ขยายหรือการขจัดอาวุธนิวเคลียร์และอาวุธทำลายล้างสูง การต่อสู้กับปัญหายาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ การค้ามนุษย์ การแสวงหาความร่วมมือด้านพลังงาน ความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน การคมนาคม สิ่งแวดล้อม และความร่วมมือในด้านการป้องกันภัยพิบัติ เป็นต้น ๒. ให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองปฏิญญาฯ ๓. ในกรณีที่มีการแก้ไขร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง |
|||||||||||||||||||||
29949 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือแม่น้ำโขง - คงคา ครั้งที่ 6 | กต | 04/09/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือแม่น้ำโขง - คงคา ครั้งที่ ๖ ซึ่งเป็นเอกสารรับทราบความคืบหน้าในการดำเนินการที่ผ่านมา และระบุถึงแนวทางการดำเนินงานในอนาคตในสาขาความร่วมมือต่าง ๆ รวมทั้งให้มีการจัดตั้งคณะทำงานด้านสาธารณสุขและด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยผลประโยชน์ที่จะได้จากการรับรองเอกสารดังกล่าว ได้แก่ ๑.๑ บทบาทที่เข้มแข็งของไทยในกรอบความร่วมมือนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการเร่งพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับอินเดีย รวมทั้งเป็นการเพิ่มบทบาทร่วมกับอินเดียในฐานะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาในกรอบความร่วมมือ ๑.๒ สนับสนุนการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การศึกษา การท่องเที่ยว และการอนุรักษ์วัฒนธรรม ซึ่งช่วยส่งเสริมความร่วมมือกันและลดความแตกต่างของระดับการพัฒนาในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนร่วมรับรองร่างเอกสารดังกล่าว ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง |
|||||||||||||||||||||
29950 | ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ 30 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | พน | 04/09/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ ๓๐ ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน+๓ (จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) และร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมสุดยอดรัฐมนตรีพลังงานเอเชียตะวันออก ครั้งที่ ๖ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นผู้ให้การรับรองในร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ร่วมกับรัฐมนตรีพลังงานของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ๑.๓ เห็นชอบให้กระทรวงพลังงานสามารถพิจารณาปรับปรุงถ้อยคำในร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ทั้ง ๓ ฉบับ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญได้ตามความเหมาะสมก่อนที่จะมีการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ดังกล่าวในที่ประชุมได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถบังเกิดผลเป็นรูปธรรมสำหรับความร่วมมือด้านพลังงานภายใต้กรอบดังกล่าว ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียนและการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ ๓๐ (The 30th ASEAN Ministers of Energy Meeting - AMEM) การประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน+๓ (จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) ครั้งที่ ๙ [The 9th ASEAN+3 (China Japan and Korea) Ministers on Energy Meeting] และการประชุมสุดยอดรัฐมนตรีพลังงานเอเชียตะวันออก ครั้งที่ ๖ (The 6th East Asian Summit Energy Ministers Meeting) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ในระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๓ กันยายน ๒๕๕๕ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ๒. ให้แก้ไขถ้อยคำในหนังสือกระทรวงพลังงาน ด่วนที่สุด ที่ พน ๐๒๐๖/๔๒๖๕ ลงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ หน้า ๓ ข้อ ๔.๑.๑ บรรทัดที่ ๙ จาก “...การผลักดันการดำเนินการโครงการเชื่อมโยงท่อส่งก๊าซธรรมชาติอาเซียน...” เป็น “...การติดตามการดำเนินการโครงการเชื่อมโยงท่อส่งก๊าซธรรมชาติอาเซียน...” เพื่อให้สอดคล้องกับร่างแถลงการณ์ร่วมฉบับภาษาอังกฤษ |
|||||||||||||||||||||
29951 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (กระทรวงคมนาคม) (นายประณต สุริยะ และนายสมชาย เดชภิรัตนมงคล) | คค | 04/09/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงคมนาคม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. นายสมชาย เดชภิรัตนมงคล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง ๒. นายประณต สุริยะ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||
29952 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย (จำนวน 7 ราย 1. นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ฯลฯ) | มท | 04/09/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง สังกัดกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๙ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายประภาศ บุญยินดี ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. ม.ล. ปนัดดา ดิศกุล ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายชวน ศิรินันท์พร ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมการปกครอง ๕. นายขวัญชัย วงศ์นิติกร ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมการพัฒนาชุมชน ๖. นายแก่นเพชร ช่วงรังษี ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ๗. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ๘. นายภาณุ อุทัยรัตน์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๙. นายมณฑล สุดประเสริฐ ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมโยธาธิการและผังเมือง
|
|||||||||||||||||||||
29953 | การโอนข้าราชการประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย (นายภาณุ อุทัยรัตน์ และนายมณฑล สุดประเสริฐ) | มท | 04/09/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง สังกัดกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๙ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายประภาศ บุญยินดี ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. ม.ล. ปนัดดา ดิศกุล ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายชวน ศิรินันท์พร ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมการปกครอง ๕. นายขวัญชัย วงศ์นิติกร ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมการพัฒนาชุมชน ๖. นายแก่นเพชร ช่วงรังษี ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ๗. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ๘. นายภาณุ อุทัยรัตน์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๙. นายมณฑล สุดประเสริฐ ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมโยธาธิการและผังเมือง
|
|||||||||||||||||||||
29954 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 5 ราย 1. พันตำรวจเอก ดุษฎี อารยวุฒิ ฯลฯ) | ยธ | 04/09/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง สังกัดกระทรวงยุติธรรม จำนวน ๕ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. พันตำรวจเอก ดุษฎี อารยวุฒิ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายชาติชาย สุทธิกลม ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ๔. นายธวัชชัย ไทยเขียว ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายฐานิส ศรียะพันธ์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
|
|||||||||||||||||||||
29955 | ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ (นายพิทยา พุกกะมาน) | นร04 | 04/09/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอให้ นายพิทยา พุกกะมาน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่ง ๑ ปี ในวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๕ คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ
|
|||||||||||||||||||||
29956 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร04 | 04/09/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๕ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๐ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๕ และครั้งที่ ๑๑ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพฤหัสบดีที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
29957 | ยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร | 04/09/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างเป็นระบบมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นทั้งในส่วนของงานป้องกันและงานพัฒนา จึงขอให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเร่งรัดติดตามการดำเนินการเกี่ยวกับการปรับปรุงแผนการดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณของกระทรวง กรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับเป้าหมายยุทธศาสตร์ร่วม ๒๙ ข้อ ของแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง แผนการดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้) ให้แล้วเสร็จ และให้รายงานนายกรัฐมนตรีโดยด่วน
|
|||||||||||||||||||||
29958 | แนวทางการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2554 (เรื่อง การเสนอเรื่องที่อาจเกี่ยวข้องกับบทบัญญัติตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) | นร | 04/09/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง การเสนอเรื่องที่อาจเกี่ยวข้องกับบทบัญญัติตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ เพื่อให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีระยะเวลาเพียงพอในการดำเนินการหรือให้ความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีได้อย่างรอบคอบ
|
|||||||||||||||||||||
29959 | แนวทางการบริหารจัดการน้ำของประเทศ | นร04 | 04/09/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า การจัดงานนิทรรศการ “มุ่งมั่นทำงาน บริหารจัดการน้ำเพื่อประชาชน” เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕-๒ กันยายน ๒๕๕๕ ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี มีผู้สนใจเข้าร่วมชมงานเป็นจำนวนมาก โดยแนวทางการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ได้น้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาเป็นแนวทางในการดำเนินการ รวมทั้งได้ปรับกระบวนการทำงานของหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย และคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ให้ประสานสอดคล้องและเชื่อมโยงข้อมูลกันให้เป็นปัจจุบันและมีเอกภาพเสมือนเป็นหน่วยงานเดียวกันที่จะปฏิบัติงานเชื่อมโยงจากส่วนกลางไปยังจังหวัด และให้ทุกจังหวัดมีการจัดตั้งศูนย์ส่วนหน้า (โดยใช้สำนักงานและบุคลากรที่มีอยู่ในปัจจุบัน) เชื่อมโยงต่อไปในระดับอำเภอและท้องถิ่นเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลในภาวะปกติ และเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติก็ให้สามารถรายงานข้อมูลสถานการณ์ภัยพิบัติในระดับต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วทันการณ์ โดยให้กระทรวง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และทุกจังหวัดมอบหมายเจ้าหน้าที่ในการติดตาม รวบรวม รายงาน และปรับข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัยและข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องในเว็บไซต์ของหน่วยงานให้ครบถ้วน ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน (update) อย่างต่อเนื่อง เพื่อเผยแพร่ให้สาธารณชนได้รับทราบอย่างถูกต้อง ทันเหตุการณ์ รวมทั้งสามารถใช้เป็นข้อมูลในการประกอบการพิจารณาตัดสินใจในการบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป นอกจากนี้ ให้ กบอ. ประสานงานกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อติดตามและเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัยที่อาจได้รับผลกระทบจากลมมรสุมที่พัดผ่านในช่วงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน
|
|||||||||||||||||||||
29960 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานอุดรธานี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน 6 ฉบับ | กษ | 28/08/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวง จำนวน ๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองตาไก้ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองตาไก้ ในท้องที่ตำบลหนองบัว อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองปะโค เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองปะโค ในท้องที่ตำบลปะโค อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองโอน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองโอน ในท้องที่ตำบลเชียงพิณ อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถอนร่างกฎกระทรวง จำนวน ๓ ฉบับ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป ดังนี้ ๒.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยสามพาด เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๒.๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองสำโรง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๒.๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยทราย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
|
.....