ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1495 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 29881 - 29900 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
29881 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||
29882 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. .... | นร | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
29883 | ร่างพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
29884 | การโอนข้าราชการประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงมหาดไทยและศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้) (นายประมุข ลมุล และนายมณฑล สุดประเสริฐ) | มท | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยและศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ ดังนี้
๑. นายประมุข ลมุล รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ๒. นายมณฑล สุดประเสริฐ รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
|
|||||||||||||||||||||||||||
29885 | การจัดทำรายงานแสดงผลการดำเนินการของรัฐบาลในรอบ1ปี | นร | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า คณะรัฐมนตรีได้เข้ามาบริหารราชการแผ่นดินนับแต่วันที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาครบ ๑ ปี ในวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๕ ที่จะถึงนี้ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๗๕ วรรคสอง บัญญัติให้คณะรัฐมนตรีต้องจัดทำรายงานแสดงผลการดำเนินการ รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคเสนอต่อรัฐสภาปีละหนึ่งครั้ง ในการนี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ยกร่างรายงานแสดงผลการดำเนินการของรัฐบาลในรอบ ๑ ปี เสร็จแล้ว โดยการดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานจะเป็นการเสนอข้อมูลในลักษณะบูรณาการข้อมูลของทุกหน่วยงาน จึงขอมอบหมายให้รัฐมนตรีทุกท่านดำเนินการ ดังนี้
๑. พิจารณาร่างรายงานผลการดำเนินการฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้อง หากยังมีข้อมูลใดที่ต้องการเพิ่มเติมหรือปรับปรุงแก้ไข ขอให้จัดทำข้อมูลดังกล่าวในเชิงการวิเคราะห์ (ไม่เน้นการพรรณนาความ) ที่กระชับชัดเจน แล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติโดยด่วนภายในวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๕ เพื่อที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะได้รวบรวมดำเนินการต่อไป ๒. จัดทำ Power Point แสดงผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยแยกเป็นการดำเนินการตามนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล และการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวง/หน่วยงานที่รับผิดชอบ โดยอาจเปรียบเทียบกับผลการดำเนินการในเรื่องเดียวกันของรัฐบาลที่ผ่านมาด้วย แล้วส่งให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีโดยด่วนภายในวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๕
|
|||||||||||||||||||||||||||
29886 | ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
29887 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
29888 | การจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 | นร | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับโครงการประชาอาสาปลูกป่า ๘๐๐ ล้านกล้า ๘๐ พรรษามหาราชินี เป็นโครงการที่คนไทยทุกคนร่วมเป็นเจ้าภาพในการปลูกป่าน้อมเกล้าฯ ถวายในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ เพื่อร่วมกันฟื้นฟูและเพิ่มพื้นที่สีเขียวและต้นไม้ในท้องถิ่น ชุมชน และพื้นที่ป่าต่าง ๆ ให้มีความสมบูรณ์ โดยมีระยะเวลา ๕ ปี ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ รวมทั้งเป็นการรณรงค์ปลูกจิตสำนึกและสร้างความตระหนักให้ประชาชนในทุกพื้นที่ได้มีส่วนร่วมในการดูแลบำรุงรักษาต้นไม้และพื้นที่ป่าด้วยจิตอาสา ซึ่งจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๕ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิดที่จังหวัดเชียงใหม่ รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) รองนายกรัฐมนตรี (นายชุมพล ศิลปอาชา) และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล) เป็นประธานในพิธีเปิดในภูมิภาคอีก ๔ จังหวัด คือ จังหวัดนครศรีธรรมราช นครราชสีมา อุทัยธานี และน่าน ตามลำดับ โครงการประชาอาสาปลูกป่าฯ นี้ ได้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการสนองพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในด้านการฟื้นฟูและรักษาทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม ดังนั้น จึงให้เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่จะต้องดำเนินการ ดังนี้
๑. ให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันดำเนินโครงการนี้อย่างพร้อมเพรียงและมีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด หากมีหน่วยงานหรือภาคเอกชนสนใจจะเข้าร่วมดำเนินการเพิ่มเติม ขอให้แจ้งความประสงค์ที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) ๒. ให้นำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีมาเป็นแนวทางในการปลูกป่าภายใต้โครงการนี้ ๓. ให้ยึดหลักในการดำเนินงาน ๔ ประการ คือ น้อมนำ ปฏิบัติการ ป้องกัน และรักษา ๔. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นเจ้าภาพหลักในการบูรณาการการดำเนินโครงการฯ ๕. ให้ส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการปลูกป่า การดูแลรักษา และการใช้ประโยชน์
|
|||||||||||||||||||||||||||
29889 | การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ถือเป็นปัญหาสำคัญของชาติที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมดำเนินการแก้ไขให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว และในขณะนี้สถานการณ์ในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังมีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรง จึงมีความจำเป็นต้องวางยุทธศาสตร์แก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างบูรณาการ โดยการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.จชต.) เป็นหน่วยบัญชาการกลาง ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ยุทธศักดิ์ ศศิประภา) รับผิดชอบร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) และรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน รวมทั้งบูรณาการการทำงานและการสั่งการในพื้นที่ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน โดยการรวบรวมข้อมูลและข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาจากกระทรวงและหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงการติดตามการดำเนินงานจากระดับพื้นที่มายังหน่วยงานหรือผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจ ดังนั้น เพื่อให้มีการเตรียมความพร้อมในการดำเนินงานให้เป็นรูปธรรมจึงได้กำหนดให้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๔.๐๐ น. โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รัฐมนตรีทั้ง ๑๗ กระทรวงที่เกี่ยวข้อง และหน่วยงานด้านความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการประสานการดำเนินงานเข้าร่วมประชุมเพื่อจัดเตรียมแผนการดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างบูรณาการและเป็นเอกภาพต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
29890 | การดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2555 กรณี องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) | นร | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้ ก.พ.ร. รับเรื่อง การดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ กรณีองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.) เกี่ยวกับข้อเสนอการพัฒนาและปรับปรุง อพท. และการมอบการบริหารจัดการโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีและพื้นที่เชื่อมโยง ไปพิจารณาทบทวนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน โดยให้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้าร่วมพิจารณาด้วย ๒. ให้ ก.พ.ร. รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการควบรวมโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีและพื้นที่เชื่อมโยงเข้ากับองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ควรมีการศึกษาวัตถุประสงค์เดิมของการจัดตั้งโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีฯ ให้มีความชัดเจน เพื่อให้การพัฒนาปรับปรุงโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีฯ ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถรองรับนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับหน่วยงานได้อย่างเพียงพอ และความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ อพท. เกี่ยวกับการควบรวมโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีฯ เข้ากับองค์การสวนสัตว์ฯ ควรมีการจัดทำแผนการควบคุมและแผนธุรกิจที่มีความชัดเจนเป็นรูปธรรม และสามารถดำเนินโครงการในรูปแบบเชิงธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ ก.พ.ร. หารือและบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนศึกษาความเหมาะสมในเรื่องดังกล่าวร่วมกัน โดยพิจารณารายละเอียด เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย ข้อจำกัด ประเด็นข้อกฎหมายและผลกระทบจากการดำเนินมาตรการดังกล่าวให้ชัดเจนและครบถ้วน รวมทั้งศึกษาความพร้อมขององค์การสวนสัตว์ฯ ก่อนมีการถ่ายโอน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
29891 | บันทึกความเข้าใจโครงการสาธิตการผลิตเอทานอลจากกากมันสำปะหลังในประเทศไทยระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กับองค์การพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่นต่อคณะรัฐมนตรีตามมติเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2555 | วท | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการลงนามบันทึกความเข้าใจโครงการสาธิตการผลิตเอทานอลจากกากมันสำปะหลังในประเทศไทย ระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับองค์การพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น อีกครั้งหนึ่ง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕ โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้นำความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมทั้งความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและกระทรวงการต่างประเทศมาพิจารณา และได้ดำเนินการตามความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลังแล้ว ดังนี้ ๑.๑ สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นผู้ทำหน้าที่นำเข้าเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัสดุต่าง ๆ ภายใต้โครงการสาธิตการผลิตเอทานอลจากกากมันสำปะหลังในประเทศไทยเอง เพื่อให้สามารถใช้สิทธิขอรับการยกเว้นภาษีอากรเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัสดุต่าง ๆ ที่องค์การพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (New Energy and Industrial Technology Development Organiztion : NEDO) ประเทศญี่ปุ่น จัดหาและนำเข้ามาใช้ในโครงการ ๑.๒ แก้ไขถ้อยคำของบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนของ Article 8 ข้อ ๑ จากเดิม “สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.) ได้รับสิทธิการยกเว้นภาษีอากรเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัสดุต่าง ๆ ที่ NEDO จัดหาและนำเข้ามาใช้ในโครงการ” แก้ไขเป็น “สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้รับสิทธิการยกเว้นภาษีอากรเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัสดุต่าง ๆ ที่ NEDO จัดหาและนำเข้ามาใช้ในโครงการ” ๑.๓ คู่สัญญาตามบันทึกความเข้าใจฯ จะปรากฏเพียงสำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ NEDO โดยไม่มีชื่อของ สนช. เข้ามาร่วมเกี่ยวข้องในแต่ละข้อสัญญา ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยให้รับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของตัวแทนจากโรงงานอุตสาหกรรมในกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีศักยภาพ และเห็นควรให้จัดทำบันทึกความเข้าใจฯ ในระดับรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น โดยรัฐบาลทั้งสองประเทศทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (full power) ให้แก่ผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ในนามรัฐบาลของแต่ละประเทศ เพื่อให้บันทึกความเข้าใจฯ เป็นสัญญาที่ประเทศไทยทำกับนานาประเทศซึ่งเข้าลักษณะที่จะขอรับยกเว้นภาษีอากรตามรายการของที่ได้รับยกเว้นอากรภาค ๔ ประเภทที่ ๑๐ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
29892 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีการเช่าที่พักข้าราชการของหน่วยงานที่ประจำในต่างประเทศ | กษ | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติยกเว้นให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการเช่าที่พักข้าราชการของหน่วยงานที่ประจำในต่างประเทศ (สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป ประเทศเบลเยี่ยม) ได้เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ตามนัยมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยมีระยะเวลาผูกพันการเช่าตั้งแต่วันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ เป็นเงิน ๒,๗๖๙,๔๐๐ บาท หรือ ๗๐,๔๙๘ ยูโร อัตราแลกเปลี่ยน ๑ ยูโร เท่ากับ ๓๙.๒๘ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ของสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๒๕๕,๘๐๐ บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่ได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว จำนวน ๘๙๐,๗๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๑,๖๒๒,๙๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ในโอกาสต่อไปการดำเนินการในลักษณะดังกล่าวสมควรที่สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะพิจารณาและตรวจสอบการดำเนินงานให้สอดคล้องกับขั้นตอนและระยะเวลาตามระเบียบแบบแผนของทางราชการด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
29893 | รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ณ วันที่ 30 กันยายน 2554 | นร | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณรายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ (๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ ถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔) ซึ่งจากการติดตามผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณฯ มีข้อค้นพบปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะในภาพรวม ทำให้ผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในแผนการปฏิบัติงานที่สำคัญ ดังนี้
๑. การกำหนดผลผลิต/โครงการ กิจกรรม และตัวชี้วัดในระดับหน่วยงาน ยังไม่สามารถสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงสอดคล้องไปถึงเป้าหมายและผลลัพธ์ในระดับกระทรวงและระดับยุทธศาสตร์ชาติ หน่วยงานที่มีปัญหาควรทบทวนการกำหนดผลผลิต/โครงการ กิจกรรม และตัวชี้วัดในแต่ละระดับให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรม สามารถวัดถึงผลสำเร็จของการดำเนินงานได้อย่างแท้จริง ๒. การจัดซื้อจัดจ้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) มีขั้นตอนที่ต้องดำเนินการให้ครบถ้วน ใช้ระยะเวลานาน รวมทั้งบางครั้งไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในครั้งเดียว ทำให้ต้องเริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างล่าช้า หน่วยงานที่มีปัญหาควรเตรียมความพร้อมของงานก่อนที่จะดำเนินการและวางแผนการจัดซื้อจัดจ้างล่วงหน้าให้ชัดเจน เป็นรูปธรรม และสามารถปฏิบัติได้ ๓. ช่วงระยะเวลาในการก่อสร้างไม่เหมาะสม อยู่ในช่วงฤดูฝนหรือฤดูกาลเพาะปลูก รวมทั้งสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศที่ไม่เอื้อต่อการก่อสร้าง มีการแก้ไขแบบรูปรายการ แก้ไขสัญญาจ้าง ผู้รับจ้างขาดสภาพคล่อง/ละทิ้งงาน/บอกเลิกสัญญา ต้องหาผู้รับจ้างใหม่ และการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินมีความล่าช้า หน่วยงานที่มีปัญหาควรกำหนดแผนการปฏิบัติงานในแต่ละช่วงเวลาให้สอดคล้องกับการดำเนินงานจริงและควรตรวจสอบผลการปฏิบัติงานในแต่ละช่วงเวลาเป็นระยะ ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือในการติดตาม/เร่งรัดการปฏิบัติงาน ๔. การจัดซื้อวัสดุ อุปกรณ์ และครุภัณฑ์ที่มีความจำเป็นต้องสั่งจากต่างประเทศต้องใช้ระยะเวลาในการสั่งซื้อและการรับมอบของนานกว่าการจัดซื้อจัดจ้างโดยทั่วไป หน่วยงานที่มีปัญหาควรติดตามเร่งรัดการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด ๕. การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ ๒๓ - ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ และกำหนดมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้สอดคล้องกับแผนการบริหารราชการแผ่นดินฉบับใหม่และวิกฤตการณ์มหาอุทกภัย ส่งผลกระทบต่อแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงาน ๖. หน่วยงานส่วนใหญ่มีผลการปฏิบัติงานสูงกว่าแผนการปฏิบัติงานที่กำหนดค่อนข้างมาก เห็นควรให้หน่วยงานนำผลการปฏิบัติงานในปีงบประมาณที่ผ่านมาใช้ในการกำหนดค่าเป้าหมายของแผนปฏิบัติงานในปีต่อไป เพื่อให้ใกล้เคียงและสอดคล้องกับข้อเท็จจริงตามผลการปฏิบัติงานที่เกิดขึ้นจริง รวมทั้งขอตั้งงบประมาณให้สอดคล้องกับเป้าหมายในการดำเนินงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||
29894 | การขอรับบำนาญปกติและบำเหน็จดำรงชีพของ พลตรี สุริโย อินทร์บำรุง | กห | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการคลังสั่งจ่ายบำนาญปกติและบำเหน็จดำรงชีพให้แก่ พลตรี สุริโย อินทร์บำรุง ต่อไปได้ โดยจ่ายบำนาญรายเดือน เดือนละ ๔๘,๓๙๒.๒๐ บาท ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๐ (วันที่ลาออกจากราชการ) เป็นต้นไป และจ่ายบำเหน็จดำรงชีพ จำนวน ๔๐๐,๐๐ บาท ภายใน ๒๑ วัน (ตามมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๔๙๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม)
|
|||||||||||||||||||||||||||
29895 | การให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการก่อสร้างในภาคใต้ อันเนื่องมาจากเหตุอุทกภัย | กค | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมผู้ประกอบการก่อสร้างในภาคใต้ อันเนื่องมาจากเหตุอุทกภัย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขประกอบการพิจารณาให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ เป็นการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ภาคใต้ ๑๐ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สงขลา กระบี่ ชุมพร พังงา นราธิวาส และสตูล ๑.๒ เป็นการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างเท่านั้น ๑.๓ ผู้ประกอบการก่อสร้างที่มีสิทธิได้รับการพิจารณาขยายระยะเวลาก่อสร้างเพิ่มเติม จะต้องเป็นผู้รับจ้างที่ได้ลงนามในสัญญาจ้างก่อสร้างกับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ โดยบังคับใช้กับสัญญาจ้างก่อสร้างที่ได้ลงนามไว้กับทางราชการก่อนวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๔ หรือสัญญาจ้างก่อสร้างได้ลงนามไว้กับทางราชการตั้งแต่วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๔ จนถึงวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๔ ซึ่งสัญญาจ้างดังกล่าว ณ วันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ ยังมีนิติสัมพันธ์อยู่และยังมิได้มีการส่งมอบงานงวดสุดท้าย หรือสัญญาดังกล่าวยังมีนิติสัมพันธ์อยู่ แต่ได้มีการส่งมอบงานงวดสุดท้ายในช่วงวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่เกิดเหตุอุทกภัย ยกเว้นสัญญาที่หน่วยงานได้พิจารณาก่อนวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๕ แล้วว่า จะบอกเลิกสัญญาเนื่องจากคู่สัญญาไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้ กรณีดังกล่าวไม่เข้าเกณฑ์ที่จะได้รับความช่วยเหลือ ๑.๔ หากสัญญาจ้างก่อสร้างอยู่ในหลักเกณฑ์ตามข้อ ๑.๑ - ๑.๒ ให้หน่วยงานขยายระยะเวลาออกไปอีก จำนวน ๖๐ วัน ต่อเนื่องจากที่ได้รับความช่วยเหลือตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง มาตรการการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย) โดยกรณีสัญญาจ้างก่อสร้างที่ยังอยู่ภายในระยะเวลาตามสัญญา ให้ขยายระยะเวลาโดยนับถัดจากวันสิ้นสุดระยะเวลาที่ขยายตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวไว้เดิม ๑.๕ ผู้ประกอบการที่ประสงค์จะขอรับความช่วยเหลือฯ จะต้องยื่นคำร้องขอต่อหน่วยงานคู่สัญญาภายใน ๖๐ วัน นับถัดจากวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.๖ สำหรับเงื่อนไขอื่นที่กำหนดไว้ตามมาตรการการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๕ ได้แก่ กรณีการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างและผู้ประกอบการอื่นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔ - ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ และกรณีที่หน่วยงานได้ลงนามในสัญญาจ้างก่อสร้างกับผู้รับจ้าง และได้ส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้แก่ผู้รับจ้างก่อนเกิดเหตุอุทกภัย และสัญญานั้นยังมีนิติสัมพันธ์อยู่ในช่วงเกิดอุทกภัย หากผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติตามสัญญา และยังไม่เคยเข้ามาทำงานในสถานที่ก่อสร้างดังกล่าว โดยไม่มีเหตุอันสมควร จนกระทั่งเกิดเหตุอุทกภัย ผู้รับจ้างไม่อาจขอรับความช่วยเหลือฯ ได้ ยังคงให้ถือปฏิบัติตามเดิม ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องควรมีแผนการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผนงาน/โครงการเดิม เพื่อไม่ให้การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าออกไปมากจนเกินไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
29896 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ลักเซมเบิร์ก | คค | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดย
๑. เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจลับระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชรัฐลักเซมเบิร์ก และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของประเทศไทยและลักเซมเบิร์ก โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ สาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๑.๑ การกำหนดสายการบิน การให้อนุญาตและเพิกถอนใบอนุญาต ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงปรับปรุงหลักการคุณสมบัติของสายการบินที่กำหนดของลักเซมเบิร์ก อันเป็นประเทศสมาชิกของประชาคมยุโรป พร้อมทั้งข้อกำหนดเงื่อนไขการปฏิเสธ เพิกถอน ระงับใช้หรือจำกัดการอนุญาตการทำการบินของสายการบิน เพื่อให้สอดคล้องตามที่ฝ่ายไทยได้ตกลงไว้ในคราวเจรจากับประชาคมยุโรป ขณะที่คุณสมบัติของสายการบินที่กำหนดของฝ่ายไทยและเงื่อนไขการเพิกถอนฯ ดังกล่าว ยังคงเป็นไปตามหลักการเดิมที่ตกลงไว้ ๑.๑.๒ ข้อบทความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยการบิน ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงเพิ่มเติมข้อบทความปลอดภัยการบินและการรักษาความปลอดภัยการบินไว้ในความตกลงฯ โดยเนื้อหาของข้อบทดังกล่าวเป็นไปตามร่างแนะนำขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศและร่างมาตรฐานของไทย รวมทั้งระบุสิทธิการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยการบินให้สอดคล้องตามกฎหมายประชาคมยุโรป อันเป็นไปตามที่ฝ่ายไทยได้ตกลงไว้ในคราวเจรจากับประชาคมยุโรป ๑.๑.๓ ความจุความถี่ ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงให้สายการบินที่กำหนดของภาคีผู้ทำความตกลงแต่ละฝ่ายสามารถทำการบินได้ฝ่ายละ ๑๔ เที่ยวต่อสัปดาห์ จากเดิมฝ่ายละ ๙ เที่ยวต่อสัปดาห์ เพื่อเป็นการเตรียมการให้สายการบินสามารถเพิ่มเที่ยวบินรองรับการเติบโตของตลาดได้ตามแผนที่ต้องการ ๑.๑.๔ เรื่องอื่น ๆ คณะผู้แทนลักเซมเบิร์กได้เสนอให้เพิ่มวรรค (๗) ของข้อ ๘ ของความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศในเรื่องข้อบทพิกัดอัตราค่าขนส่ง ซึ่งคณะผู้แทนไทยรับทราบและได้เสนอให้นำเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาในการหารือครั้งต่อไป และลักเซมเบิร์กได้ตกลงตามข้อเสนอนี้ ๑.๑.๕ การมีผลบังคับใช้ ระหว่างรอการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตตามวรรค (๑) ของข้อ ๑๒ และวรรค (๔) ของข้อ ๖ สำหรับการแก้ไขข้อกำหนดใด ๆ ของความตกลงปัจจุบันและสำหรับการเปลี่ยนแปลงความจุตามลำดับ คณะผู้แทนทั้งสองฝ่ายได้ตกลงให้ข้อความทั้งหมดของบันทึกความเข้าใจลับฉบับนี้สามารถนำไปใช้เป็นการชั่วคราวนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ๑.๒ สาระสำคัญของร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ได้แก่ การแต่งตั้งสายการบินที่กำหนด การให้อนุญาต และการเพิกถอนใบอนุญาต ความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยการบิน ความจุความถี่ และเรื่องอื่น ๆ ๒. ให้นำเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจลับฯ โดยในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ
|
|||||||||||||||||||||||||||
29897 | รายงานผลการประชุมใหญ่ประจำปีองค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ 101 | รง | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมใหญ่ประจำปีองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization : ILO) สมัยที่ ๑๐๑ ระหว่างวันที่ ๓๐ พฤษภาคม-๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๕ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมใหญ่ ILO ได้ลงมติและรับรองรายงานที่สำคัญ ๆ ได้แก่ ๑.๑ มติยกเลิกข้อมติของ ILO จำนวน ๒ ฉบับ ที่เป็นมาตรการลงโทษเมียนมาร์ เนื่องจากละเมิดอนุสัญญา ฉบับที่ ๒๙ ว่าด้วยแรงงานบังคับที่ให้สัตยาบันไว้โดยปล่อยให้กองทัพและหน่วยงานราชการบังคับใช้แรงงานทั้งผู้ใหญ่และเด็กอย่างแพร่หลายทั่วประเทศ ที่ประชุมใหญ่ ILO จึงมีข้อมติ ฉบับที่ ๑ ปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่ไม่ให้เมียนมาร์เข้าร่วมกิจกรรมกับ ILO ทั้งความช่วยเหลือทางวิชาการและการเชิญเข้าร่วมการประชุมใด ๆ ที่ ILO จัดขึ้น ยกเว้นความช่วยเหลือจาก ILO ในการแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานบังคับในเมียนมาร์ และฉบับที่ ๒ ปี พ.ศ. ๒๕๔๓ ที่ให้ประเทศสมาชิกทบทวนการดำเนินความสัมพันธ์ใด ๆ กับเมียนมาร์ที่เอื้อต่อการใช้แรงงานบังคับในเมียนมาร์ ต่อมาหลังจากรัฐบาลเมียนมาร์ได้ร่วมมือกับ ILO ปรับปรุงแก้ไขจนสถานการณ์ดีขึ้น ที่ประชุมใหญ่ ILO สมัยที่ ๑๐๑ จึงมีมติยกเลิกข้อมติทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว ๑.๒ มติรับรองร่างข้อแนะว่าด้วยพื้นฐานการคุ้มครองทางสังคม ด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ ด้วยเสียงเห็นชอบ ๔๕๓ เสียง งดออกเสียง ๑ เสียง และไม่เห็นชอบ ๐ เสียง นับเป็นข้อแนะฉบับที่ ๒๐๒ ของ ILO มีวัตถุประสงค์เพื่อเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกจัดทำพื้นฐานการคุ้มครองทางสังคมในฐานะปัจจัยพื้นฐานของระบบความมั่นคงทางสังคมของชาติ โดยครอบคลุมมาตรการต่าง ๆ ตลอดวงจรชีวิต อาทิ การให้บริการ การรักษาพยาบาลที่จำเป็น ความมั่นคงด้านรายได้พื้นฐาน การลดความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ และลดการเจ็บป่วยและการตายก่อนวัยอันควร โดยครอบคลุมทั่วถึงแรงงานทุกกลุ่มทั้งในและนอกระบบ ข้อแนะมีสถานะเป็นมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศที่ให้สมาชิกนำไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาการบริหารแรงงาน แต่ไม่ต้องให้สัตยาบันและไม่มีสถานะผูกพันตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศดังเช่นอนุสัญญา ๑.๓ มติรับรองข้อมติว่าด้วยวิกฤตการมีงานทำของเยาวชน : เรียกร้องให้มีการปฏิบัติการที่มีเนื้อหาระบุว่า ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ มีเยาวชนทั่วโลก จำนวนประมาณ ๗๕ ล้านคน ประสบปัญหาการว่างงาน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. ๒๕๕๐ จำนวนประมาณ ๔ ล้านคน และเยาวชนจำนวนกว่า ๒๐๐ ล้านคน ที่ทำงานโดยได้รับค่าจ้างต่ำกว่าวันละ ๒ ดอลลาร์สหรัฐ หากไม่มีการแก้ไขอย่างแข็งขัน โลกจะเผชิญกับภาวะสูญเสียกำลังแรงงานในรุ่นต่อไป รัฐบาลต้องดำเนินมาตรการต่าง ๆ โดยร่วมมือกับนายจ้างและลูกจ้าง อาทิ การฝึกฝีมือแรงงานให้ตรงกับอุปสงค์ของตลาดแรงงาน ปรับปรุงระบบการฝึกงาน และส่งเสริมการเป็นผู้ประกอบการของเยาวชน ๒. ที่ประชุมคณะประศาสน์การสมัยที่ ๓๑๔ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ILO ได้จัดการเลือกตั้งผู้อำนวยการใหญ่ ILO คนใหม่ สืบเนื่องจากนายฮวน โซมาเวีย ผู้อำนวยการใหญ่ ILO คนปัจจุบัน ซึ่งขอลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ โดยมีผลในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ ผลปรากฏว่า นายกาย ไรเดอร์ (Mr. Guy Ryder) จากสหราชอาณาจักรชนะการเลือกตั้ง และจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ โดยนายไรเดอร์นับเป็นผู้อำนวยการใหญ่ ILO คนที่ ๑๐ วาระดำรงตำแหน่ง ๕ ปี
|
|||||||||||||||||||||||||||
29898 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง | วธ | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง โดยกำหนดมาตรการในการฟื้นฟูและช่วยเหลือเป็น ๒ มาตรการ ได้แก่ มาตรการระยะสั้น ระยะเวลา ๖-๑๒ เดือน และมาตรการระยะยาว ระยะเวลา ๑-๓ ปี เน้นประเด็นเรื่อง อัตลักษณ์ ชาติพันธุ์และวัฒนธรรม การจัดการทรัพยากร สิทธิในสัญชาติ การสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรม และการศึกษา ดังนี้
๑. ผลการดำเนินการตามมาตรการระยะสั้น ๑.๑ ประเด็นอัตลักษณ์ ชาติพันธุ์และวัฒนธรรม การดำเนินการในระดับพื้นที่มีโครงการที่หลากหลาย ได้แก่ ด้านการส่งเสริมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีกะเหรี่ยง เช่น การแสดงดนตรีพื้นบ้าน ด้านการรวบรวมองค์ความรู้ เช่น จัดทำข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่นชาวกะเหรี่ยง และด้านการเพิ่มพูนทักษะชีวิตและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เช่น ฝึกอบรมการทำอิฐ ๑.๒ ประเด็นการจัดการทรัพยากร การดำเนินการในระดับพื้นที่มีกิจกรรมที่ขับเคลื่อนเรื่องการจัดการทรัพยากร ได้แก่ กิจกรรมด้านการแก้ไขปัญหาที่ดินและการสำรวจการถือครองที่ดิน เช่น โครงการจัดทำโฉนดชุมชน กิจกรรมด้านการยุติการจับกุมและให้ความคุ้มครองกับชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงท้องถิ่นดั้งเดิม เช่น นโยบายยุติการจับกุมและให้ความคุ้มครองกับชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง และกิจกรรมการส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพในชุมชนบนพื้นที่สูง เช่น การให้ความรู้ทางการเกษตรชีวภาพ ๑.๓ ประเด็นสิทธิในสัญชาติ ได้ดำเนินการออกบัตรประจำตัวประชาชนและการให้สิทธิขั้นพื้นฐาน เช่น ทำบัตรประจำตัวให้กับชาวกะเหรี่ยง ประชาสัมพันธ์ให้ชาวกะเหรี่ยงนำเอกสารหลักฐานมาขอลงทะเบียนผู้มีสิทธิประกันสุขภาพ รวมถึงสำรวจและทำทะเบียนประวัติบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ ๑.๔ ประเด็นการสืบทอดมรดกวัฒนธรรม การดำเนินงานในระดับพื้นที่ ได้แก่ กิจกรรมการจัดตั้งศูนย์วัฒนธรรมชุมชนชาวกะเหรี่ยง เช่น จัดตั้งศูนย์วัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนกะเหรี่ยง กิจกรรมส่งเสริมและสืบทอดศิลปวัฒนธรรม เช่น ส่งเสริมเวทีลานวัฒนธรรมชาวกะเหรี่ยงในวันสำคัญ และกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้และเพิ่มพูนทักษะชีวิต เช่น ส่งเสริมการเรียนรู้การประกอบอาชีพตามแนวพระราชดำริ ๑.๕ ประเด็นการศึกษา มีการดำเนินกิจกรรม ได้แก่ การพัฒนาศักยภาพชาวกะเหรี่ยง/บุคลากร/ครู/คณะกรรมการสถานศึกษา และการสนับสนุนทุนการศึกษา เช่น อบรมเผยแพร่องค์ความรู้ด้านวัฒนธรรมและด้านอาชีพ การพัฒนาหลักสูตรที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมกะเหรี่ยง เช่น พัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นโดยปรับสาระการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง ๒. ปัญหาและอุปสรรค ได้แก่ การไม่มีเป้าหมายและแผนการดำเนินการอย่างชัดเจน ความไม่เข้าใจของหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในมาตรการการฟื้นฟู การไม่มีงบประมาณดำเนินงาน เนื่องจากไม่ได้เสนอไว้ล่วงหน้า และบางหน่วยงานไม่สามารถเจียดจ่ายเงินจากงบปกติได้ การยึดถือกฎระเบียบของหน่วยงานของตนที่มีอยู่แล้วและไม่สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี รวมทั้งการขาดแนวคิดและทักษะในการทำงานร่วมกับชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานราชการในระดับต่าง ๆ ๓. ข้อเสนอแนะต่อแนวทางการทำงานฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง ๓.๑ ควรตั้งหน่วยงานสำหรับการผลักดันเรื่องนี้โดยเฉพาะ พร้อมทั้งการจัดสรรงบประมาณพิเศษ โดยหน่วยงานนี้มีบทบาทในการทำงานเชิงบูรณาการ โดยมีการวางแผนปฏิบัติการหลัก (Master plan) ที่มีเป้าหมาย แผนการดำเนินการและการประเมินผลอย่างชัดเจนที่ทุกหน่วยงานสามารถปฏิบัติการได้ และมีงบประมาณสนับสนุน เพื่อประกันว่ามติคณะรัฐมนตรีจะได้ผลในระยะ ๓ ปีภายหน้า ๓.๒ การดำเนินงานของคณะกรรมการระดับจังหวัดควรมีทิศทางที่สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีมากขึ้น มีการกำหนดแผนงานการดำเนินงาน ติดตามแก้ปัญหาในพื้นที่ โดยวางแผนให้มีความสอดคล้องกับแผนระดับชาติ และได้รับงบประมาณสนับสนุน ๓.๓ ดำเนินแผนการประชาสัมพันธ์ การสื่อสารกับสังคม รวมทั้งการอบรม และการสร้างความเข้าใจในรูปแบบอื่น ๆ ทั้งกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ชุมชน นักเรียนนักศึกษา และบุคคลทั่วไปในประเด็นสำคัญที่เกี่ยวกับการฟื้นฟูวิถีชีวิตของกะเหรี่ยง เช่น ประเด็นอัตลักษณ์ ชาติพันธุ์ มรดกทางวัฒนธรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ การจัดการทรัพยากร ระบบไร่หมุนเวียน การจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับภูมิปัญญาและวัฒนธรรม ๓.๔ การเพิ่มพื้นที่และโอกาสการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ เอกชน และชุมชน เพื่อทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดอคติที่มีต่อกันทั้งในรูปแบบของการวิจัยเชิงปฏิบัติการ การวางแผนการทำกิจกรรม และการติดตามประเมินผลร่วมกัน
|
|||||||||||||||||||||||||||
29899 | รายงานผลการช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง (พ.ศ. 2548 - 2553) | พม | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง (พ.ศ. ๒๕๔๘-๒๕๕๓) ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ในฐานะหน่วยเบิกจ่ายได้ดำเนินการตามกรอบหลักเกณฑ์และวิธีการให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรมสำหรับผู้เสียหายกลุ่มที่ ๑ จากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง (พ.ศ. ๒๕๔๘- ๒๕๕๓) สรุปได้ ดังนี้
๑. เปิดศูนย์เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบทางการเมือง (พ.ศ. ๒๕๔๘-๒๕๕๓) เพื่อรับคำร้องลงทะเบียนเยียวยา ระหว่างวันที่ ๘ มีนาคม- ๑๒ เมษายน ๒๕๕๕ มีผู้ลงทะเบียนรวม ๕,๘๘๕ ราย ประกอบด้วยผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตและร่างกาย จำนวน ๑,๐๐๓ ราย ตรวจสอบและประกาศรายชื่อเอกสารสมบูรณ์ จำนวน ๑,๕๗๑ ราย ตัดผู้ลงทะเบียนซ้ำซ้อน จำนวน ๙๔๕ ราย คงเหลือที่ต้องตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของเอกสาร จำนวน ๒,๓๖๖ ราย ๒. รายชื่อผู้ที่มีเอกสารครบถ้วนสมบูรณ์ที่ประกาศรายชื่อแล้ว จำนวน ๑,๕๗๑ ราย ได้มีการขออนุมัติจัดสรรเงินจากสำนักงบประมาณ ๕ ครั้ง รวมทั้งสิ้น ๑,๒๙๓ ราย ประกอบด้วยผู้รับเงินเยียวยาไปแล้ว จำนวน ๑,๒๔๘ ราย ติดต่อขอรับภายหลัง จำนวน ๒๙ ราย ขออุทธรณ์ให้พิจารณาสิทธิใหม่ จำนวน ๗ ราย และคืนสำนักงบประมาณ จำนวน ๙ ราย (เนื่องจากตรวจพบว่ามีคดีความ ๕ ราย เสียชีวิตและสูญหายก่อนรับเงิน ๓ ราย และขอปรับสิทธิ์ ๑ ราย) ส่วนรายชื่อที่ยังไม่ได้ขออนุมัติจัดสรรเงิน จำนวน ๒๗๘ ราย แยกเป็น รายชื่อที่ต้องนำเข้าคณะทำงานช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรมพิจารณาในครั้งต่อไป จำนวน ๑๙๒ ราย และรายชื่อที่ต้องนำเสนอคณะอนุกรรมการเยียวยาทางแพ่งและการฟื้นฟูด้วยวิธีการอื่น จำนวน ๘๖ ราย เพื่อวินิจฉัยเกี่ยวกับประเด็นในเรื่องคดีความ สถานที่เกิดเหตุ และความเหมาะสมต่อไป ๓. ผู้ที่ยังไม่ได้ประกาศรายชื่อ จำนวน ๒,๓๖๖ ราย ได้ทำการตรวจสอบเอกสารหลักฐานเพียงพอที่จะนำเข้าคณะทำงานช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรมพิจารณา จำนวน ๑,๒๕๑ ราย ส่วนรายชื่อ จำนวน ๑,๑๑๕ ราย เอกสารหลักฐานไม่ครบถ้วน จึงได้มีหนังสือแจ้งให้บุคคลดังกล่าวส่งเอกสารเพิ่มเติม และมีผู้ส่งเอกสารกลับมาแล้ว จำนวน ๓๖๓ ราย ๔. ผลการใช้จ่ายงบประมาณ จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท ที่ได้รับอนุมัติตามมติคณะรัฐมนตรี (๖ มีนาคม ๒๕๕๕) จนถึงวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ได้มีการใช้จ่ายให้แก่ผู้เสียหายไปแล้ว จำนวน ๑,๒๙๓ ราย (ประกอบด้วยผู้เสียชีวิต ๗๙ ราย ทุพพลภาพ ๑๕ ราย สูญเสียอวัยวะและบาดเจ็บ ๑,๑๙๙ ราย) เป็นเงิน ๑,๑๘๑,๔๓๓,๒๑๗.๙๖ บาท คงเหลือวงเงินใช้จ่ายเป็นเงิน ๘๑๘,๕๖๖,๗๘๒.๐๔ บาท แต่ยังมีผู้เสียหายที่ต้องพิจารณาจัดสรรเงินเยียวยาให้อีก จำนวน ๒,๓๖๖ ราย ประมาณการวงเงินค่าใช้จ่ายตามกรอบอัตราความเสียหายตามมติคณะรัฐมนตรี (๑๐ มกราคม และ ๖ มีนาคม ๒๕๕๕) เป็นเงิน ๒,๐๐๕,๕๒๕,๐๐๐ บาท ซึ่งกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการจะได้นำเสนอคณะอนุกรรมการด้านการเยียวยาทางแพ่งและการฟื้นฟูด้วยวิธีอื่นพิจารณาต่อไป ๕. ปัญหาที่ปรากฏระหว่างกระบวนการให้บริการ อาทิ ความไม่เข้าใจกระบวนการทำงานของภาครัฐซึ่งต้องมีขั้นตอนการตรวจสอบเอกสารที่ต้องรอบคอบ เอกสารทางการแพทย์ไม่ชัดเจนตามหลักเกณฑ์ฯ ใหม่ ไม่มีเอกสารหลักฐานประกอบเหตุการณ์ เอกสารทางการแพทย์ และใบแจ้งความ การศึกษาคัดแยกจัดกลุ่มคำร้องไม่สามารถกระทำได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเจ้าหน้าที่ประจำที่มีความรู้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ฯ มีจำนวนจำกัด ผู้มีสิทธิรับเงินเยียวยากรณีเสียชีวิตไม่สามารถตกลงกันได้ในสัดส่วนการรับเงินตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
29900 | แผนเตรียมรับสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร ประจำปีงบประมาณ 2555 ระยะที่ 2 (ช่วงเดือนพฤษภาคม - กันยายน 2555) | กษ | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนเตรียมรับสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ระยะที่ ๒ (ช่วงเดือนพฤษภาคม-กันยายน ๒๕๕๕) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยสาระสำคัญของแผนเตรียมรับสถานการณ์ฯ มีดังนี้
๑. การเตรียมรับสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร ระยะที่ ๒ ช่วงเดือนพฤษภาคม-กันยายน ๒๕๕๕ โดยกำหนดมาตรการในการป้องกันแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร ดังนี้ ๑.๑ มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝนทิ้งช่วง มีจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวัง จำนวน ๕๒ จังหวัด คิดเป็นเนื้อที่ จำนวน ๒.๖๙ ล้านไร่ โดยช่วงเวลาในการเฝ้าระวังภัยคือ เดือนมิถุนายน-กันยายน ๒๕๕๕ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ปรับแผนการปฏิบัติการฝนหลวง โดยจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงและฐานเติมสารฝนหลวงเพิ่มเติม รวมทั้งวางแผนการจัดสรรน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร ๑.๒ มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย มีพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัย จำนวน ๕๙ จังหวัด คิดเป็นเนื้อที่ จำนวน ๖.๗๕ ล้านไร่ มีพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดดินถล่ม จำนวน ๕๒ จังหวัด คิดเป็นเนื้อที่รวม ๔.๓๔ ล้านไร่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ปรับแผนการดำเนินการภายใต้มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลและแผนปฏิบัติการเพื่อป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยั่งยืน รวมทั้งวางแผนเพื่อการเตรียมความพร้อมด้านอาหารในสถานการณ์ฉุกเฉิน (Food Emergency) ๑.๓ มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาศัตรูพืชระบาด ได้จัดทำปฏิทินการระบาดของศัตรูพืช ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง และมะพร้าว ๒. แผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้แก่ แผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและฝนทิ้งช่วง (ภัยแล้ง) และแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาศัตรูพืชระบาด
|
.....