ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1280 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 25581 - 25600 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25581 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวน ที่ตั้ง เขตศาล และวันเปิดทำการของศาลแรงงานภาค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 04/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวน ที่ตั้ง เขตศาล และวันเปิดทำการของศาลแรงงานภาค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเปลี่ยนแปลงที่ตั้งศาลแรงงานภาค ๑ จากจังหวัดลพบุรีไปยังจังหวัดสระบุรี ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ เป็นต้นไป เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและความยุติธรรมให้แก่ประชาชนในส่วนภูมิภาคได้อย่างทั่วถึง ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
25582 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในงานเกษตรกรรม พ.ศ. .... | รง | 04/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในงานเกษตรกรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดห้ามมิให้นายจ้างจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กอายุต่ำกว่า ๑๕ ปีทำงาน รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์การคุ้มครองลูกจ้าง การจัดสวัสดิภาพ และการสร้างความปลอดภัยและสุขอนามัยของลูกจ้าง เพื่อเป็นการยกมาตรฐานการคุ้มครองลูกจ้างซึ่งเป็นแรงงานเด็กในงานเกษตรกรรมให้มีมาตรฐานการคุ้มครองสอดคล้องกับอนุสัญญาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ รวมทั้งเป็นมาตรการการป้องกันและแก้ไขการค้ามนุษย์ซึ่งเป็นนโยบายหลักที่สำคัญของรัฐบาล ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
25583 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 04/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๒๑/๒๕๕๗ วันพฤหัสบดีที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ และครั้งที่ ๒๒/๒๕๕๗ วันศุกร์ที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
|
||||||||||||||||||||||||
25584 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ พ.ศ. 2558 (ตั้งแต่วันที่ 1 - 31 ตุลาคม 2557) | กค | 04/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๑-๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ มีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น จำนวน ๓๖๗,๗๐๓.๖๗ ล้านบาท ดังนี้
๑. เงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีการเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๓๔๔,๘๐๑.๔๔ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๑.๙๐ ของวงเงินจัดสรร (๑,๕๗๔,๖๙๓.๗๐ ล้านบาท) เป็นรายจ่ายประจำ จำนวน ๓๒๙,๙๗๗.๑๘ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๖.๔๔ ของวงเงินจัดสรร (๑,๒๔๘,๑๕๓.๑๗ ล้านบาท) และรายจ่ายลงทุน จำนวน ๑๔,๘๒๔.๒๖ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔.๕๔ ของวงเงินจัดสรร (๓๒๖,๕๔๐.๕๓ ล้านบาท) ๒. เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี มีการเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๒,๗๙๖.๘๔ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๒.๖๘ ของวงเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี (๑๗๙,๗๓๖.๖๕ ล้านบาท) ๓. เงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ มีการเบิกจ่าย จำนวน ๒.๖๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๐.๐๐๐๘ ของวงเงินจัดสรร (๓๓๗,๐๖๖.๑๑ ล้านบาท) โดยตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ เบิกจ่ายแล้วทั้งสิ้น จำนวน ๓๓๒,๒๘๘.๕๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๘.๕๘ ของวงเงินจัดสรร ๔. เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ มีการเบิกจ่าย จำนวน ๑๐๒.๗๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๐.๐๓ ของวงเงินจัดสรร (๓๔๘,๖๗๑.๘๑ ล้านบาท) โดยตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ เบิกจ่ายแล้วทั้งสิ้น จำนวน ๒๒,๓๙๘.๐๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖.๔๒ ของวงเงินจัดสรร
|
||||||||||||||||||||||||
25585 | แนวทางและวิธีการจ่ายเงินโครงการชดเชยรายได้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง | กษ | 04/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางและวิธีการจ่ายเงินโครงการชดเชยรายได้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ประกอบด้วย คุณสมบัติเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการ ต้องมีสัญชาติไทย เป็นหัวหน้าครัวเรือนหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย (๑ ครัวเรือน ๑ สิทธิ์) ตามทะเบียนเกษตรกร เปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และมีสวนยางตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ การรับแจ้งเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน-๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ และสามารถขยายระยะเวลาได้ตามความจำเป็น การตรวจสอบรับรองสิทธิ์เกษตรกร ให้มีคณะทำงานตรวจสอบสิทธิ์โครงการชดเชยรายได้แก่เกษตรกรชาวสวนยางระดับตำบล คณะกรรมการบริหารโครงการชดเชยรายได้แก่เกษตรกรชาวสวนยางระดับอำเภอ และระดับจังหวัด ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้ง การขอใช้สิทธิ์ของเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการ และการจ่ายเงินให้เกษตรกร ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ในส่วนของการขยายระยะเวลาการรับแจ้งเข้าร่วมโครงการ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการขยายระยะเวลาการเข้าร่วมโครงการภายในไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะ ๓ เดือนแรก ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจ่ายเงินตามโครงการฯ ให้เป็นไปด้วยความถูกต้อง โปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการตรวจสอบสิทธิ์ของเกษตรกรที่มีพื้นที่สวนยางเปิดกรีดเกินกว่า ๑๕ ไร่ ให้ได้รับเงินชดเชยรายได้ไม่เกินครัวเรือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท โดยต้องไม่มีการแบ่งเอกสารสิทธิ์การถือครองที่ดินเพื่อขอรับเงินชดเชยรายได้เพิ่มขึ้น ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ใช้ระบบดาวเทียมในการตรวจสอบพื้นที่เพาะปลูกยางพาราให้มีความถูกต้อง ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน เพื่อใช้ประกอบการตรวจสอบพื้นที่ตามโครงการดังกล่าวข้างต้นต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
25586 | การพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี | นร01 | 04/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบแนวทางการพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และให้ส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ด้านการพัฒนางาน โดยการบูรณาการการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องทุกข์ ได้ร่วมกับส่วนราชการเพื่อให้บริการเบ็ดเสร็จในจุดบริการเดียว (One Stop Service) โดยเชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเฉพาะเรื่องที่มีความสำคัญเป็นหลักมาร่วมปฏิบัติงาน ณ เรือนรับรองประชาชน ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรับเรื่องและให้คำแนะนำ และร่วมกับศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ศูนย์ดำรงธรรมทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และท้องถิ่น สามารถใช้งานระบบสารสนเทศในชื่อ “ระบบการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์” ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รวมทั้งร่วมกับคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดเพื่อช่วยในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และเป็นกลไกการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐให้เกิดความโปร่งใส ๑.๒ ด้านการประสานความร่วมมือ ได้ขอความร่วมมืออาสาสมัคร (เช่น นิสิต นักศึกษา และมูลนิธิต่าง ๆ เป็นต้น) ที่มีความรู้ ความเข้าใจในการรับฟังปัญหา และให้คำแนะนำ เพื่อเป็นภาคสมทบกับเจ้าหน้าที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ณ เรือนรับรองประชาชน ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ๑.๓ ด้านการบริหารจัดการ ได้แก่ ระดับปฏิบัติงาน มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บริหารจัดการการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ โดยมีรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นผู้ควบคุมดูแล และระดับนโยบาย เห็นควรแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาลเพื่อดำเนินการศึกษาวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์ที่เป็นประเด็นสำคัญ โดยให้นำเสนอคณะกรรมการการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธานกรรมการให้ความเห็นชอบ ๑.๔ ด้านการติดตามผลเรื่องร้องทุกข์ มอบหมายให้ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบการติดตามผลการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องทุกข์ในภาพรวม และให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงที่เกี่ยวข้องติดตามผลการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องทุกข์ที่เกี่ยวข้องเป็นการเฉพาะเป็นกรณี ๆ ไป ๑.๕ ด้านงบประมาณ การดำเนินงานใช้งบประมาณของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีอย่างประหยัด คุ้มค่า โปร่งใส เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการปรับปรุงระบบเครือข่ายและการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกระทรวง กรม จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพและคล่องตัว รวมทั้งให้เชื่อมโยงข้อมูลกับสถานทูตไทยในประเทศต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย |
||||||||||||||||||||||||
25587 | เอกสารสำคัญด้านเศรษฐกิจที่จะเสนอผู้นำอาเซียนในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 25 | พณ | 04/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. รับทราบเอกสารด้านเศรษฐกิจที่จะมีการนำเสนอต่อผู้นำอาเซียนในที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๕ ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๒-๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ณ กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อให้การรับรองและรับทราบ ได้แก่ ๑.๑ เสนอผู้นำรับรองเอกสารองค์ประกอบหลักของวิสัยทัศน์ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ภายหลังปี ๒๕๕๘ ซึ่งจะเสนอร่วมกับองค์ประกอบหลักฯ ของอีก ๒ เสาของประชาคมอาเซียน โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ให้ความเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๑.๒ เสนอผู้นำรับทราบเอกสาร ASEAN Principle for PPP Frameworks โดยรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนจะให้การรับรองก่อนนำเสนอผู้นำ ๑.๓ เสนอผู้นำรับทราบเอกสาร Bridging the Development Gap : ASEAN Equitable Development ๒. มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนของประเทศไทยเป็นผู้ร่วมรับรองเอกสารตามข้อ ๑.๒ ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวตามข้อ ๑ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการไปได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก |
||||||||||||||||||||||||
25588 | ขอความเห็นชอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558 - 2565 | คค | 04/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เมื่อวันที่ ๒๘-๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือในการสั่งซื้อผลิตผลทางการเกษตรของไทย พร้อมทั้งหารือการเตรียมการเยือนของนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะผลักดันความร่วมมือในการสั่งซื้อผลิตผลทางการเกษตรของไทย รวมทั้งความร่วมมือด้านการพัฒนารถไฟระหว่างไทย-จีนให้มีผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น จึงได้มีการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ เพื่อให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ระหว่างผู้แทนทั้งสองฝ่ายในการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ในระหว่างวันที่ ๙-๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๒. อนุมัติในหลักการการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจแบบทวิภาคีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) รับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นต้น เพื่อจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจฯ ให้มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๒.๑ ประเด็นความร่วมมือ ให้แยกเป็น ๒ เรื่อง ได้แก่ (๑) การซื้อขายผลผลิตทางการเกษตร และ (๒) การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งทางรถไฟตามกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ ๒.๒ ร่างบันทึกความเข้าใจฯ จะไม่มีการกำหนดเกี่ยวกับการชำระเงินโดยแลกเปลี่ยนกับสินค้าเกษตร และในกรณีที่บันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้มีผลขัดหรือแย้งกับบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับเดิมที่ทั้งสองฝ่ายเคยได้จัดทำไว้ก่อนหน้านี้ ก็ให้ถือว่าบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้มีผลบังคับใช้เหนือบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับเดิม หากจำเป็นต้องยกเลิกบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับเดิม เพื่อให้บันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ก็ให้ดำเนินการยกเลิกเท่าที่จำเป็น ทั้งนี้ หากร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง จะต้องได้รับความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติก่อนดำเนินการต่อไปด้วย ตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ และให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) นำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๓. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดในการขายข้าวให้กับสาธารณรัฐประชาชนจีนตามข้อตกลงหรือการเจรจาที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว และรายงานคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
25589 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (จำนวน 2 ราย 1. นายชาญณัฏฐ์ แก้วมณี ฯลฯ) | กค | 04/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
๑. นายชาญณัฏฐ์ แก้วมณี ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ ๒. นางปนัสย์สร อริยวงศ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์
|
||||||||||||||||||||||||
25590 | รายงานผลการดำเนินงานตามประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ประจำปี พ.ศ. 2555 - 2556 | พม | 04/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยการดำเนินการของประเทศไทย มีพัฒนาการในภาพรวมที่สำคัญ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียนเมื่อปี ๒๕๕๑ และได้ริเริ่มการจัดการหารือระหว่างผู้นำอาเซียนกับภาคประชาชน เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมต่อกระบวนการสร้างประชาคมอาเซียน และเป็นสังคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และข้อเสนอดังกล่าวผ่านการเห็นชอบในที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๑๔ ที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และมีการจัดตั้งสมาคมอาเซียนประเทศไทย (ASEAN Association-Thailand) เพื่อช่วยส่งเสริมการดำเนินงานของภาครัฐในการสร้างประชาคมอาเซียน และเป็นเวทีปฏิสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐ สถาบันการศึกษา และภาคประชาชน รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องของประชาชนเกี่ยวกับอาเซียนและความร่วมมือในกรอบต่าง ๆ ของอาเซียน และได้ผลักดันให้หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (Universal Health Coverage : UHC) เป็นวาระสำคัญของการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน (ASEAN Health Ministerial Meeting : AHMM) ครั้งที่ ๑๑ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๑.๒ การกำหนดยุทธศาสตร์การศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นประชาคมอาเซียนและความคืบหน้าในการสร้างระบบถ่ายโอนหน่วยกิต ซึ่งดำเนินการโดยเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน (ASEAN University Network : AUN) ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดยุทธศาสตร์การเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๑ ใน ๕ ด้าน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และผลักดันให้มีการประกาศทศวรรษคนพิการอาเซียน (ค.ศ. ๒๐๑๑-๒๐๒๐) เพื่อส่งเสริมความสามารถและศักยภาพของคนพิการ รวมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของคนพิการในสังคมมากขึ้น ๑.๓ การส่งเสริมบทบาทของภาคประชาสังคม โดยการจัดตั้ง GO-NGO Forum ซึ่งเป็นข้อริเริ่มของประเทศไทยเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการขับเคลื่อนและผลักดันการดำเนินการตามแผนงานการจัดตั้งประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน และการพัฒนาองค์ความรู้และการจัดการความรู้ทางด้านมรดกวัฒนธรรมและความหลากหลายทางวัฒนธรรมในอาเซียน โดยเผยแพร่องค์ความรู้ดังกล่าวผ่านสื่อต่าง ๆ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับงานด้านวัฒธรรม ทั้งในระดับผู้บริหาร ระดับปฏิบัติการ ผู้เชี่ยวชาญ ศิลปินแห่งชาติ ศิลปินพื้นบ้าน ช่างหัตถกรรม นักเรียน นักศึกษา เยาวชน และประชาชน เป็นต้น ๑.๔ การกำหนดให้ พ.ศ. ๒๕๕๖ (ค.ศ. ๒๐๑๓) เป็นปี ASEAN Sports Industry Year และการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน โดยกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานประสานหลัก ได้จัดโครงการต่าง ๆ อาทิ การแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ระหว่างประเทศไทยกับประเทศสมาชิกอาเซียน โครงการพัฒนาทีมวิทยากร โดยให้ตัวแทนชุมชนมารับความรู้จาก ส่วนกลางและนำไปขยายผลต่อในชุมชน เป็นต้น ๑.๕ ประเทศไทยได้ผลักดันให้เกิดระบบ Manifest System ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลไกของอาเซียนเพื่อส่งเสริมการเฝ้าระวังและติดตามการลักลอบทิ้งของเสียที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งการทิ้งของเสียจากการเดินเรือทะเล (ASEAN Mechanism to Enhance Surveillance against Illegal Desludging and Disposal of Tanker Sludge at Sea) ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ในฐานะประธานกรรมการศูนย์อำนวยการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗๑/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๗) เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับด้านสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักของประเทศไทยในการประสานการดำเนินงานตามแผนการจัดตั้งประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน เพื่อจัดทำแผนฉบับใหม่ทดแทนแผนเดิมที่จะสิ้นสุดลงในปี ๒๕๕๘ ตามสาระสำคัญของร่างปฏิญญาว่าด้วยวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
25591 | ขออนุมัติวงเงินโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกปี 2557/58 เพิ่มเติม | พณ | 04/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณ ๖๑๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ในการดำเนินการตามโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปี ๒๕๕๗ เพื่อชดเชยดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากการเก็บสต็อกข้าวเปลือกเพิ่มอีก จำนวน ๔ ล้านตัน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. สำหรับงบประมาณในการดำเนินการให้ใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับอนุมัติจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๗/๕๘) ในโอกาสแรกก่อน และเมื่อตรวจสอบรายละเอียดแล้วปรากฏว่า มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณเพิ่มเติม ก็ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว โดยให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำรายละเอียดเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรตรวจสอบเอกสารหลักฐานให้ถูกต้อง และติดตามตรวจสอบปริมาณความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับสต็อกข้าวของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการไม่ให้นำไปหมุนเวียนออกสู่ตลาด และดำเนินการตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญด้วย นอกจากนี้ ควรกำหนดประเภทข้าวและราคารับซื้อสำหรับข้าวแต่ละประเภทที่จะเข้าร่วมโครงการฯ ให้ชัดเจนเพื่อป้องกันการนำข้าวเปลือกคุณภาพต่ำเข้าสู่โครงการฯ และจัดทำแผนการระบายสต็อกข้าวเปลือกสำหรับผู้ประกอบการค้าข้าวแต่ละราย เพื่อป้องกันการระบายสต็อกข้าวเปลือกปริมาณมากในช่วงเวลาเดียวกันกับการระบายข้าวเปลือกในสต็อกของรัฐบาล ตลอดจนให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการค้าข้าวและเกษตรกรได้รับทราบ และมีความรู้ความเข้าใจในสาระสำคัญของการดำเนินโครงการฯ อย่างทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
25592 | การรายงานผลการบริหารราชการแผ่นดินและการผลักดันนโยบายของคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ [ผลการดำเนินงานในเดือนตุลาคม 2557 ของรองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล)] | นร04 | 04/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) รายงานผลการบริหารราชการแผ่นดินและการผลักดันนโยบายของคณะรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ประกอบด้วย ความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (โดยการเร่งรัดการใช้จ่ายเงินงบประมาณ) ความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (โดยการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย) การแก้ไขปัญหาสินค้ายางพารา การดำเนินการด้านพลังงาน การเร่งรัดโครงการด้านการคมนาคมขนส่ง การดำเนินการด้านการพาณิชย์ การดำเนินงานด้านอุตสาหกรรม การดำเนินการด้านการคลัง และการดำเนินการด้าน ICT ๒. ให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามแนวทางที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติไว้แล้วอย่างต่อเนื่อง เช่น การเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับโครงการขนาดเล็กที่สามารถเริ่มดำเนินการได้ทันที เป็นต้น ทั้งนี้ ให้ระมัดระวังปัญหาการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นจากการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณด้วย ๓. ให้กระทรวงพลังงานเผยแพร่ข้อมูลที่สร้างความตระหนักเรื่องการประหยัดพลังงานและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์พลังงานของไทยในปัจจุบัน รวมทั้งให้พิจารณาแนวทางส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน และให้เร่งทบทวนโควตาการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนซึ่งได้รับอนุมัติไปแล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการใน ๓ ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ สำหรับโครงการที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีความโปร่งใส ให้เร่งดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลผลงานของผู้ประกอบการทางการเกษตรซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลและประสบความสำเร็จ เช่น ผู้ประกอบการแปรรูปยางที่ได้รับสินเชื่อและนำไปลงทุนแล้วประสบความสำเร็จ เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีและเป็นการเผยแพร่ผลงานของรัฐบาลอีกทางหนึ่ง ๕. ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งสรุปผลการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวในสต็อกของรัฐบาลเพื่อแจ้งผลต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. และให้เร่งระบายข้าวในสต็อกโดยเร็วเพื่อลดปัญหาการเสื่อมคุณภาพ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) โดยให้ประสานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอระบายข้าวที่เสร็จสิ้นกระบวนการตรวจสอบแล้ว ทั้งนี้ ต้องไม่ให้กระทบกับราคาข้าวทั้งในส่วนที่มีอยู่เดิมและข้าวในฤดูกาลใหม่ที่จะออกมาสู่ท้องตลาด นอกจากนี้ ให้เร่งตรวจสอบสต็อกยางพาราเพื่อจะได้เร่งระบายต่อไป ๖. ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ วันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ วันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ และวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) เกี่ยวกับการส่งเสริมการปลูกพืชทดแทนตามแผนการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) ของพืชเกษตร และเร่งดำเนินโครงการต้นแบบศูนย์การเรียนรู้เพื่อสร้างความรู้ให้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับการปลูกพืชทดแทน พืชหมุนเวียน และเกษตรผสมผสาน โดยนำองค์ความรู้จากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ศูนย์การเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ และปราชญ์ชาวบ้านมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ๗. ให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) โดยพิจารณาทบทวนความตกลงระหว่างประเทศที่ได้ทำไว้กับประเทศต่าง ๆ ในด้านการคมนาคมว่าเรื่องใดสามารถดำเนินการต่อไปได้หรือเรื่องใดควรพิจารณาปรับปรุงแก้ไข โดยให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลักและไม่ให้ส่งผลประทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ๘. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเร่งรัดการดำเนินการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเพื่อให้เริ่มดำเนินการได้โดยเร็ว ตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ [เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๗] และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ๙. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาเกี่ยวกับกรณีที่ราชอาณาจักรกัมพูชาประสงค์ให้ประเทศไทยไปลงทุนตั้งโรงงานผลิตน้ำผลไม้ในราชอาณาจักรกัมพูชา โดยให้ประสานผู้ที่สนใจจะไปลงทุนดังกล่าว ๑๐. ให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทยเร่งสำรวจและดำเนินการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดบริเวณเส้นทางที่เป็นจุดตัดทางรถไฟ โดยให้หามาตรการป้องกันและติดตั้งสัญญาณเตือนและอุปกรณ์ป้องกันเพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้ที่ต้องสัญจรผ่านบริเวณดังกล่าวโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||
25593 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการรับรองระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 25 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง | กต | 04/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสาร จำนวน ๑๐ ฉบับ ซึ่งจะมีการรับรองระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๕ และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ ๑๒ ถึง ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๑.๑.๑ ร่างปฏิญญาว่าด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่สำนักเลขาธิการอาเซียนและการทบทวนองค์กรต่าง ๆ ของอาเซียน (Declaration on the Strengthening of the ASEAN Secretariat and Reviewing the ASEAN Organs) ๑.๑.๒ ร่างปฏิญญาเนปิดอว์ว่าด้วยวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี พ.ศ. ๒๕๕๘ (Nay Pyi Taw Declaration for the ASEAN Community’s Post-2015 Vision) ๑.๑.๓ ร่างแผนงานชั่วคราวอาเซียน-สหประชาชาติ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘ (ASEAN-UN Interim Work Plan for 2014-2015) ๑.๑.๔ ร่างปฏิญญาการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกว่าด้วยการปราบปรามการลักลอบค้าสัตว์ป่า (East Asia Summit Declaration on Combating Wildlife Trafficking) ๑.๑.๕ ร่างแถลงการณ์การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกว่าด้วยแนวทางในการตอบสนองอย่างเร่งด่วนต่อภัยพิบัติ (Statement on EAS Guidelines for Rapid Disaster Response) ๑.๑.๖ ร่างแถลงการณ์ร่วม/ปฏิญญาการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ ๙ ว่าด้วยการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาของภูมิภาค (Joint Statement/Declaration of the 9th East Asia Summit on Regional Response to the Outbreak of Ebola/Spread of Ebola) ๑.๑.๗ ร่างแถลงการณ์การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกว่าด้วยความรุนแรงและความโหดร้ายที่เพิ่มขึ้นจากการกระทำขององค์กรก่อการร้าย/หัวรุนแรงในอิรักและซีเรีย (Draft EAS Statement on the Rise of Violence and Brutality Committed by Terrorist/Extremist Organizations in Iraq and Syria) ๑.๑.๘ ร่างแถลงการณ์การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือทางทะเลของภูมิภาค (EAS Statement on Enhancing Regional Maritime Cooperation) ๑.๑.๙ ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียน-สหรัฐฯ ว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (ASEAN-U.S. Joint Statement on Climate Change) ๑.๑.๑๐ ร่างแถลงการณ์ร่วมผู้นำอาเซียน-ออสเตรเลียในโอกาสครบรอบ ๔๐ ปี แห่งความสัมพันธ์คู่เจรจาอาเซียน-ออสเตรเลีย (Joint ASEAN-Australia Leaders'' Statement on the 40th Anniversary of ASEAN-Australia Dialogue Relations) ๑.๒ ให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสาร ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการปรับแก้ข้อความบางประการในร่างเอกสารฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
25594 | การรายงานผลการบริหารราชการแผ่นดินและการผลักดันนโยบายของคณะรัฐมนตรีด้านต่างประเทศ (การประชุมร่วมคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 2/2557) | กต | 04/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานผลการบริหารราชการแผ่นและการผลักดันนโยบายของคณะรัฐมนตรี ด้านการต่างประเทศ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๓๐-๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ได้มีการหารือถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยจะพัฒนาความร่วมมือทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และการพัฒนา ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้เสนอให้จัดทำความตกลงเพื่อยกเว้นการเก็บภาษีซ้อนและอำนวยความสะดวกในการลงทุนในกัมพูชา รวมถึงเสนอให้กัมพูชาใช้ตลาดทุนของไทยเป็นแหล่งระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยด้วย ๑.๒ ผลการดำเนินงานตามนโยบายในช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๗ ๑.๒.๑ ด้านการต่างประเทศ ได้แก่ การเดินทางเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา การเข้าร่วมประชุมผู้นำเอเชียยุโรป ครั้งที่ ๑๐ ณ เมืองมิลาน สาธารณรัฐอิตาลี เยือนกรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ของนายกรัฐมนตรี การเดินทางเยือนประเทศอื่น ๆ ของรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ๑.๒.๒ ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ได้จัดโครงการเยาวชนคนดีรู้คุณแผ่นดิน ปี ๒๕๕๗ และจัดการประชุมหารือระดับผู้เชี่ยวชาญเรื่องเกษตรและอาหารเพื่อสุขภาพจากอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ถึงความมั่นคงด้านอาหารและโภชนาการ ๑.๒.๓ ด้านการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ได้จัดงานประกวดศิลปะปูนปั้นแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๑๔ ประจำปี ๒๕๕๗ หัวข้อเรื่อง วัฒนธรรมอาเซียน และจัดเทศกาลภาพยนตร์โลกแห่งกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ ๑๒ เพื่อเผยแพร่ภาพยนตร์ต่างประเทศและภาพยนตร์ไทยให้ผู้ชมรู้จักวัฒนธรรมที่มีความหลากหลาย ๑.๒.๔ ด้านการปลูกฝังศีลธรรม ได้ดำเนินโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ด้วยการใช้บ้าน วัด และโรงเรียนเป็นกลไกในการขับเคลื่อน จัดโครงการเด็กไทยกับ IT ปี ๒ ค่านิยมไทยสร้างสังคมไทยเป็นสุข โดยใช้อุปกรณ์ IT เพื่อดึงดูดและสร้างความท้าทายในการจัดระดับค่านิยม ๑๒ ประการ ๑.๒.๕ ด้านการท่องเที่ยวและกีฬา ได้จัดงานเดิน-วิ่งมินิมาราธอนเชื่อมความสัมพันธ์ไทย-จีน ในโอกาสครบรอบ ๔๐ ปี และจัดการแสดงวัฒนธรรมร่วมในพิธีเปิดกิจกรรมเดินหน้าประเทศไทยร่วมปฏิรูป ๑.๒.๖ ด้านการพัฒนาสุขภาพร่างกาย ได้เพิ่มชั่วโมงพลศึกษาขึ้น ๑ ชั่วโมงต่อสัปดาห์ รวมทั้งสนับสนุนให้มีลานกีฬา สวนสาธารณะเพื่อเป็นแหล่งพักผ่อน เล่นกีฬา และออกกำลังกายของประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ๑.๓ แผนการดำเนินการในห้วงต่อไป ๑.๓.๑ การทูตเชิงรุก ด้วยการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การตอบรับการเยือนประเทศไทยของคณะนักธุรกิจที่เป็นผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ การประชุมผู้นำเอเปค ณ กรุงปักกิ่ง การประชุมผู้นำอาเซียน ณ กรุงเนปิดอว์ การประชุม ADC และกาiจัดงานรำลึกครบรอบ ๑๐ ปี ธรณีพิบัติภัยสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย ณ จังหวัดพังงา ในวันที่ ๒๖-๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๑.๓.๒ การส่งเสริมการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม เช่น จัดมหกรรมลอยกระทงประเพณีลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟ และนาฏยจักรกลแห่งอนาคต ดำเนินโครงการ ๑๒ เมืองต้องห้ามพลาด ๑.๓.๓ การยกระดับด้านการกีฬาไปสู่สากล โดยจะจัดการประชุมสมัชชาใหญ่สมาคมสหพันธ์โอลิมปิกแห่งชาติประจำปี ๒๕๕๗ จัดการแข่งขันกีฬา Asian Beach Games ครั้งที่ ๔ ประจำปี ๒๕๕๗ และการจัดเทศกาลหุ่นโลกกรุงเทพ Harmony World Puppet Carnival in Bangkok Thailand 2014 ๒. ให้ทุกส่วนราชการเร่งจัดส่งข้อมูลในความรับผิดชอบ เช่น แผนและยุทธศาสตร์ของหน่วยงาน ให้กระทรวงการต่างประเทศเพื่อใช้ประกอบการดำเนินการของศูนย์ความร่วมมือการค้าและการลงทุนของไทยในต่างประเทศตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ และวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวและเข้าชมการแข่งขันกีฬา Asian Beach Games ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ ๑๔-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ณ จังหวัดภูเก็ต ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผลักดันการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าไทยในราชอาณาจักรบาห์เรนเพื่อเป็นแหล่งกระจายสินค้าไทยไปยังภูมิภาคตะวันออกกลาง
|
||||||||||||||||||||||||
25595 | ขอความเห็นชอบการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน+3 และการประชุมวิชาการเจ้าหน้าที่อาวุโส เรื่อง การเตรียมพร้อมและแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา | สธ | 04/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการต่างประเทศร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน+๓ และการประชุมวิชาการเจ้าหน้าที่อาวุโส เรื่อง การเตรียมพร้อมและแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ณ กรุงเทพมหานคร ในช่วงเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. งบประมาณสำหรับการจัดประชุม ให้กระทรวงสาธารณสุขเจียดจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๗ [เรื่อง ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อโครงการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา (Ebola)] โดยให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขประสานงานเพื่อส่งข้อมูลและคำกล่าวให้กระทรวงการต่างประเทศและเลขาธิการนายกรัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อประกอบการจัดทำเป็นคำกล่าวของนายกรัฐมนตรีในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค ครั้งที่ ๒๒ และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ ๙ ว่าด้วยการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาของภูมิภาคต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดทำรายงานผลการจัดการประชุมฯ โดยเฉพาะในประเด็นผลการประชุมเจรจาและประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีทราบตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ด้านต่างประเทศด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
25596 | รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2555 | สม | 04/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี ๒๕๕๕ ประกอบด้วย สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม สิทธิชุมชนและการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม การคุ้มครองและช่วยเหลือกลุ่มที่เสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน สิทธิด้านสถานะบุคคลของผู้ไร้สัญชาติ ไทยพลัดถิ่น ผู้อพยพ และชนพื้นเมือง และสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ๑.๒ รายงานผลการปฏิบัติประจำปี ๒๕๕๕ ประกอบด้วย การตรวจสอบและรายงานการกระทำหรือการละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน การเสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง และการฟ้องร้องคดีต่อศาลยุติธรรมแทนผู้เสียหาย การเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายและกฎ การส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและสิทธิมนุษยชนศึกษา การศึกษาวิจัยด้านสิทธิมนุษยชน การส่งเสริมความร่วมมือและการประสานงานเครือข่าย การดำเนินงานสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การดำเนินงานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ ๒. มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับไปประสานงานและชี้แจงทำความเข้าใจกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเกี่ยวกับข้อห่วงใยของรัฐบาลในการดำเนินการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยยังมิได้เข้าสู่สภาวะปกติและอยู่ในช่วงการปฏิรูปประเทศ และปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ รวมทั้งอาจถูกต่างประเทศหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องหยิบยกเป็นเหตุผลในการดำเนินมาตรการอันก่อให้เกิดผลกระทบในทางลบต่อประเทศไทยทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ดังนั้น การดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้จึงต้องเป็นไปด้วยความถูกต้อง รอบคอบ ทั้งนี้ กรณีเรื่องใดที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติรับดำเนินการแล้วมีข้อยุติหรือปรากฏข้อเท็จจริงในภายหลังว่าข้อร้องเรียนดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนก็ขอความร่วมมือให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติดำเนินการชี้แจงให้สาธารณชนและผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทราบข้อเท็จจริงให้ถูกต้องโดยทั่วกันด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
25597 | ร่างเอกสารผลการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล (LLDCs) ครั้งที่ 2 | กต | 04/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมรับรองเอกสารผลการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล (LLDCs) ครั้งที่ ๒ ซึ่งเน้นความสำคัญการแก้ไขปัญหาด้านการพัฒนาต่างๆ ของประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๓-๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ๒. ในกรณีที่มีการแก้ไขร่างเอกสารผลการประชุมฯ ที่มิใช่สาระสำคัญ หรือขัดผลประโยชน์ของไทย อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาและดำเนินการได้โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบอีก
|
||||||||||||||||||||||||
25598 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในงานประมงทะเล พ.ศ. .... | รง | 04/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในงานประมงทะเล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ยกเลิกข้อยกเว้นที่มิให้ใช้บังคับแก่เรือประมงที่มีจำนวนลูกจ้างไม่ถึง ๒๐ คน ยกเลิกข้อยกเว้นที่มิให้ใช้บังคับแก่เรือประมงที่ไปดำเนินการประจำอยู่นอกราชอาณาจักรติดต่อกันตั้งแต่ ๑ ปีขึ้นไป กำหนดเพิ่มเติมเกี่ยวกับชั่วโมงพักการทำงาน การจัดทำสัญญาจ้าง การจัดสวัสดิภาพ การสร้างความปลอดภัยและสุขอนามัย และการป้องกันอุบัติเหตุในการทำงานของแรงงานที่ทำงานบนเรือประมง เพื่อให้การคุ้มครองแรงงานแก่ลูกจ้างในงานประมงทะเลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ๒. ให้รับข้อสังเกตของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เกี่ยวกับร่างข้อ ๑๘ ซึ่งกำหนดให้เด็กอายุต่ำกว่า ๑๘ ปีที่ทำงานอยู่ในเรือประมงก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้ทำงานต่อไปได้จนกว่าจะสิ้นสุดสัญญาจ้าง อาจก่อให้เกิดปัญหาการนำเด็กอายุต่ำกว่า ๑๘ ปีมาสวมสิทธิทำงานในเรือประมง ซึ่งอาจทำให้การบังคับใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ไม่มีประสิทธิภาพ ควรมีมาตรการในการป้องกันปัญหาดังกล่าวด้วย รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับร่างข้อ ๓ บทนิยามศัพท์ คำว่า “งานประมงทะเล” และคำว่า “เรือประมง” ไม่ชัดเจนว่ามีความหมายครอบคลุมไปถึงเรือที่ประกอบกิจกรรมขนถ่ายหรือเก็บรักษาสัตว์น้ำที่กระทำการรับและขนย้ายสัตว์น้ำจากเรือที่ทำประมงในทะเลมายังฝั่งหรือไม่ (เรียกกันโดยทั่วไปว่า เรือทัวร์และเรือห้องเย็น) อาจทำให้ลูกจ้างที่ทำงานในเรือดังกล่าวไม่ได้รับความคุ้มครองตามร่างกฎกระทรวงนี้ และกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ เรื่อง การคุ้มครองแรงงานในงานบรรทุกหรือขนถ่ายสินค้าเรือเดินทะเล ร่างข้อ ๗ ให้ตัดคำว่า “ในกรณีที่นายจ้างมีลูกจ้างตั้งแต่สิบคนขึ้นไป” และเพิ่มเติมข้อความ “นายจ้างจัดให้ลูกจ้างตรวจสุขภาพปีละหนึ่งครั้งและประกันสุขภาพไม่น้อยกว่าที่ได้รับอนุญาตทำงานและอาศัยอยู่ในประเทศไทย” และ “การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค” ในร่างข้อ ๑๓ และข้อ ๑๗ ตามลำดับ รวมทั้งเพิ่มช่องข้อมูลในทะเบียนลูกจ้างในเรือประมงทะเล ได้แก่ หมายเลขโทรศัพท์ ชื่อญาติผู้ใกล้ชิด ที่อยู่ญาติผู้ใกล้ชิด และผู้รับประโยชน์เมื่อเสียชีวิต ตลอดจนเพิ่มข้อความ “และให้มีการจัดอบรมเรื่องการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค และอื่น ๆ ตามความเหมาะสมแก่ลูกจ้าง” ในสัญญาจ้างในงานประมง ข้อ ๕.๔ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงแรงงานร่วมกับคณะกรรมการนโยบายการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์รับไปพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว การบังคับใช้แรงงาน และการใช้แรงงานเด็กในเรือประมง ให้สอดคล้องกับกฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี และพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
25599 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ (จำนวน 9 คน) | ยธ | 04/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ จำนวน ๙ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษชุดปัจจุบันที่พ้นวาระ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายวิรัช ชินวินิจกุล ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๑.๒ นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๑.๓ นายสุเจตน์ จันทรังษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ๑.๔ รองศาสตราจารย์ เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ ๑.๕ นายธวัชชัย ยงกิตติกุล ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการธนาคาร ๑.๖ นายฉัตรพงศ์ ฉัตราคม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านความมั่นคงประเทศ ๑.๗ นายสันทัด สมชีวิตา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๑.๘ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ผู้ทรงคุณวุฒิด้านอุตสาหกรรม ๑.๙ นายประมนต์ สุธีวงศ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ๒. ยกเว้น นายวิรัช ชินวินิจกุล ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการตุลาการอนุมัติเป็นต้นไป ซึ่งต้องไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
||||||||||||||||||||||||
25600 | การอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (จำนวน 9 คน) (1. นายประพันธ์ เทียนวิหาร ฯลฯ) | กษ | 04/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จำนวน ๙ คน เนื่องจากกรรมการชุดเดิมได้ครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายประพันธ์ เทียนวิหาร ผู้แทนเกษตรกร ๒. นายตระกูล สว่างอารมย์ ผู้แทนเกษตรกร ๓. นายกันยา จักร์นารายณ์ ผู้แทนเกษตรกร ๔. นายโชคดี ปรโลกานนท์ ผู้แทนเกษตรกร ๕. นายขวัญชัย รักษาพันธ์ ผู้แทนเกษตรกร ๖. นายประยงค์ รณรงค์ ผู้แทนเกษตรกร ๗. นายเกษมสันต์ จิณณวาโส ผู้ทรงคุณวุฒิ ๘. นางสาวลดาวัลย์ คำภา ผู้ทรงคุณวุฒิ ๙. ผู้ช่วยศาสตราจารย์อิทธิพล ศรีเสาวลักษณ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ
|
.....