ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1276 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 25501 - 25520 จากข้อมูลทั้งหมด 123968 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25501 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2557 | กค | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๗ ของส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เป้าหมายการเบิกจ่ายรายจ่ายภาพรวม ร้อยละ ๙๕.๐๐ ของวงเงินงบประมาณ และรายจ่ายลงทุนร้อยละ ๘๒.๐๐ ของงบประมาณรายจ่ายลงทุน มีการเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒,๒๔๖,๓๐๖.๒๒ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๘.๙๖ ของวงเงินงบประมาณ จำนวน ๒,๕๒๕,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายร้อยละ ๖.๐๔ ประกอบด้วย รายจ่ายประจำ จำนวน ๑,๙๖๒,๒๕๖.๖๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๓.๗๓ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำหลังโอนเปลี่ยนแปลง จำนวน ๒,๐๙๓,๔๕๒.๓๑ ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน จำนวน ๒๘๔,๐๔๙.๕๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖๕.๘๒ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลง จำนวน ๔๓๑,๕๔๗.๖๙ ล้านบาท ๑.๒ เงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีและขยายเวลาเบิกจ่ายเงิน ประกอบด้วยเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘-๒๕๕๖ จำนวนเงินรวมทั้งสิ้น ๓๐๒,๓๓๙.๖๘ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๑๓,๖๘๔.๒๕ ล้านบาท หรือร้อยละ ๗๐.๖๘ ของวงเงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี ๑.๓ เงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท เบิกจ่ายตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นเดือนกันยายน ๒๕๕๗ จำนวน ๔,๕๙๖.๕๗ ล้านบาท ตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงสิ้นเดือนกันยายน ๒๕๕๗ จัดสรรแล้วจำนวนทั้งสิ้น ๓๓๗,๑๑๕.๘๓ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๓๓๒,๒๘๕.๙๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๘.๕๗ ของวงเงินที่จัดสรร ๑.๔ เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ วงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติจำนวน ๓๔๙,๙๙๘.๙๙ ล้านบาท เบิกจ่ายตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงสิ้นเดือนกันยายน ๒๕๕๗ จำนวน ๖,๗๙๓.๒๒ ล้านบาท ตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงสิ้นเดือนกันยายน ๒๕๕๗ จัดสรรแล้วจำนวนทั้งสิ้น ๓๔๘,๗๒๔.๒๙ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๒,๒๙๕.๒๒ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖.๓๙ ของวงเงินที่จัดสรร ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยให้เร่งรัดการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ เพื่อก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้เพื่อให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนไปในทุก ๆ ไตรมาส ตามแนวทางของมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๗ (เรื่อง มาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) รวมทั้งให้เร่งรัดการพิจารณาทบทวนเงินกันไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปี ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘-๒๕๕๖ ตามแนวทางของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะ ๓ เดือนแรก) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
25502 | การพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงานอันเนื่องมาจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เพิ่มเติมจากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2556 | กค | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงานอันเนื่องมาจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ๓๐๐ บาท เพิ่มเติมจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ที่คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ (กวพ.) ได้พิจารณาแล้วในการประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๑.๑.๑ การเพิ่มระยะเวลาในการดำเนินงานให้กับผู้ประกอบการก่อสร้าง เนื่องจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ๓๐๐ บาท เห็นควรเพิ่มระยะเวลาในการดำเนินงานดังกล่าวออกไปอีก เพื่อเร่งรัดให้งานก่อสร้างภาครัฐดำเนินการให้แล้วเสร็จ และเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการก่อสร้างเร่งรัดดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามสัญญาโดยเร็ว และเพื่อเป็นการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประกอบการก่อสร้างที่เป็น SME ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าว ๑.๑.๒ การพิจารณาไม่ลงโทษเป็นผู้ทิ้งงาน (เพิ่มเติม) เห็นควรพิจารณาให้ความช่วยเหลือฯ เพิ่มเติม หากในกรณีที่หน่วยงานได้มีการบอกเลิกสัญญาจ้างก่อสร้างไปแล้ว สืบเนื่องจากผู้รับจ้างได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงานอันเนื่องมาจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ๓๐๐ บาท ซึ่งได้บอกเลิกสัญญาในช่วงระหว่างวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๖ จนถึงวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ให้ถือว่าไม่เป็นผู้ทิ้งงาน ๑.๒ เห็นชอบให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐนำหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงานอันเนื่องมาจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ๓๐๐ บาท เพิ่มเติมจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ที่ กวพ. ได้พิจารณาแล้วไปถือปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยนำหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังกล่าวไปใช้บังคับในการจัดจ้างก่อสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยโดยอนุโลม ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาแนวทางการพัฒนาเพื่อส่งเสริมภาคก่อสร้างและวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง โดยปรับปรุงกฎระเบียบทั้งด้านการจัดซื้อจัดจ้างและการประเมินราคาก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้าง และแรงงานเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมก่อสร้าง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
25503 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สาม และแนวโน้มปี 2557 - 2558 | นร11 | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สาม และแนวโน้มปี ๒๕๕๗-๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี ๒๕๕๗ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่สามของปี ๒๕๕๗ ขยายตัวร้อยละ ๐.๖ เทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๐.๔ ในไตรมาสที่สองของปี ๒๕๕๗ และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามของปี ๒๕๕๗ ขยายตัวจากไตรมาสที่สองของปี ๒๕๕๗ ร้อยละ ๑.๑ (QoQ_SA %) เมื่อรวมกับครึ่งแรกของปีซึ่งเศรษฐกิจหดตัวร้อยละ ๐.๑ ทำให้เศรษฐกิจไทยในช่วง ๙ เดือนแรกของปี ๒๕๕๗ ขยายตัวร้อยละ ๐.๒ ๑.๒ แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๕๗ จะขยายตัวร้อยละ ๑.๐ ปรับลดลงจากประมาณการร้อยละ ๑.๕-๒.๐ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เป็นผลมาจากปัจจัยสำคัญ ๔ ประการ ได้แก่ (๑) เศรษฐกิจโลกในไตรมาสที่สามขยายตัวต่ำกว่าในไตรมาสที่สอง โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีน ในขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นและยุโรปอยู่ในภาวะอ่อนแอ (๒) ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งยังหดตัวต่อเนื่องร้อยละ ๔๑.๙ หดตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และส่งผลให้ปริมาณการผลิตรถยนต์ต่ำกว่าที่ประมาณการ (๓) การเบิกจ่ายงบประมาณในไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ ๒๕๕๗ อยู่ที่ร้อยละ ๒๐.๘ ต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดร้อยละ ๒๕.๐ และอัตราเบิกจ่ายรวมทั้งปีงบประมาณอยู่ที่ร้อยละ ๘๙.๐ ต่ำกว่าเป้าหมายการเบิกจ่ายที่ตั้งไว้ที่ร้อยละ ๙๕.๐ และ (๔) การท่องเที่ยวยังฟื้นตัวได้ช้า จำนวนนักท่องเที่ยวในไตรมาสที่สามลดลงมากกว่าที่คาดไว้ ๑.๓ แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๕๘ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๕-๔.๕ โดยมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ (๑) การส่งออกที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก (๒) การปรับตัวดีขึ้นของการท่องเที่ยวตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและเงื่อนไขภายในประเทศ รวมทั้งผลของการดำเนินนโยบายรัฐบาล (๓) การลงทุนภาคเอกชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมไปแล้วในปี ๒๕๕๗ จะเริ่มดำเนินการ (๔) การเร่งการใช้จ่ายและดำเนินโครงการลงทุนที่สำคัญ ๆ ของภาครัฐ (๕) การเริ่มกลับมาขยายตัวของการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ และ (๖) การลดลงของราคาน้ำมันในตลาดโลกจะลดแรงกดดันด้านราคาและเพิ่มอำนาจซื้อ ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) สำนักงบประมาณ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะในส่วนของการดำเนินโครงการในพื้นที่เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนโดยเร็ว ๓. ในการแถลงข่าวและประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจไทย นั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานอื่น ๆ ที่รับผิดชอบอธิบายให้ชัดเจนถึงสาเหตุของการขยายตัวหรือหดตัวของดัชนีเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีสถานการณ์ไม่ปกติ การนำเสนอควรเน้นการเปรียบเทียบข้อมูลกับไตรมาสก่อนหน้าหรือเดือนก่อนหน้า เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่สาม การขยายตัวด้านการลงทุนของเอกชน และการบริโภคเริ่มมีอัตราขยายตัวที่เป็นบวกเมื่อเทียบกับการติดลบในช่วงต้นปี และในขณะนี้ผลกระทบจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังหดตัวมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจไทย
|
|||||||||||||||||||||
25504 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
25505 | ร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. .... | ตช | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้ชุมนุมมีหน้าที่ต้องแจ้งวันเวลาและสถานที่ชุมนุมต่อหัวหน้าสถานีตำรวจผู้รับผิดชอบ กำหนดหน้าที่ของผู้จัดการชุมนุมและผู้ชุมนุม กำหนดสถานที่ต้องห้ามไม่ให้จัดการชุมนุม และกำหนดการคุ้มครองความสะดวกของประชาชนและการดูแลการชุมนุมสาธารณะ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
25506 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น รวม 4 ฉบับ | คค | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น รวม ๔ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางและสะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับไปพิจารณาด้วยว่าจะตราเป็นพระราชกฤษฎีกาฉบับเดียวกัน แต่ให้มีแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาหลายฉบับได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นการดำเนินการตามโครงการเดียวกัน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพลสงคราม อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโนนสมบูรณ์ อำเภอบ้านแฮด จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... ๔. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าพระ อำเภอบ้านแฮด จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... |
|||||||||||||||||||||
25507 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ | คค | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ รวม ๑๕ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทาง สะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ และสร้างทางรถไฟทางคู่ ตามโครงการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับไปพิจารณาด้วยว่าจะตราเป็นพระราชกฤษฎีกาฉบับเดียวกัน แต่ให้มีแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาหลายฉบับได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นการดำเนินการตามโครงการเดียวกัน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทับกวาง ตำบลท่าคล้อ อำเภอแก่งคอย และตำบลมิตรภาพ ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพญาเย็น และตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๔. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลกลางดง และตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๕. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๖. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๗. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลจันทึก อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๘. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลจันทึก อำเภอปากช่อง และตำบลคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๙. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๑๐. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลลาดบัวขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๑๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๑๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลมะเกลือเก่า และตำบลเสมา อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๑๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสูงเนิน และตำบลโคราช อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๑๔. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสูงเนิน ตำบลนากลาง และตำบลกุดจิก อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... ๑๕. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนากลาง และตำบลกุดจิก อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... |
|||||||||||||||||||||
25508 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายใต้ ช่วงประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร รวม 8 ฉบับ | คค | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายใต้ ช่วงประจวบคีรีขันธ์ รวม ๘ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางรถไฟทางคู่และสร้างทางและสะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายใต้ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับไปพิจารณาด้วยว่าจะตราเป็นพระราชกฤษฎีกาฉบับเดียวกัน แต่ให้มีแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาหลายฉบับได้หรือไม่ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาหูกวาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลธงชัย อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... ๔. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลดอนยาง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... ๕. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลชุมโค อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... ๖. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลดอนยาง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... ๗. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องทึ่ตำบลบางสน อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... ๘. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาชะอัง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... |
|||||||||||||||||||||
25509 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายใต้ ช่วงนครปฐม - หัวหิน รวม 19 ฉบับ | คค | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายใต้ ช่วงนครปฐม-หัวหิน รวม ๑๙ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางและสะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายใต้ ช่วงนครปฐม-หัวหิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับไปพิจารณาด้วยว่าจะตราเป็นพระราชกฤษฎีกาฉบับเดียวกัน แต่ให้มีแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาหลายฉบับได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นการดำเนินการตามโครงการเดียวกัน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองปากโลง และตำบลโพรงมะเดื่อ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโพรงมะเดื่อ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโพรงมะเดื่อ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม และตำบลหนองกบ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... ๔. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองกบ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... ๕. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนครชุมน์ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... ๖. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองตาคต อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... ๗. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโพธาราม อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... ๘. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโพธาราม และตำบลคลองตาคต อำเภอโพธาราม จังหวัด ราชบุรี พ.ศ. .... ๙. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเจ็ดเสมียน อำเภอโพธาราม และตำบลท่าราบ อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... ๑๐. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ่อกระดาน อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... ๑๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวังมะนาว อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี และตำบลห้วยโรง อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... ๑๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลธงชัย อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... ๑๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองกระแชง อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... ๑๔. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองกระแชง ตำบลหนองโสน และตำบลท่าราบ อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... ๑๕. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าราบ และตำบลนาวุ้ง อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... ๑๖. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสมอพลือ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... ๑๗. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองกระเจ็ด อำเภอบ้านลาด และตำบลดอนยาง อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... ๑๘. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองจอก อำเภอท่ายาง และตำบลหนองศาลา อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... ๑๙. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... |
|||||||||||||||||||||
25510 | การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ 14 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทก | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (ASEAN Telecommunications and IT Ministers Meeting : ASEAN TELMIN) ครั้งที่ ๑๔ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประเทศไทย โดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กำหนดจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๙-๒๓ มกราคม ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารพิจารณาเสนอประเด็นที่เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการเข้าสู่ Digital Economy และการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสารในกระบวนการนำเข้า ส่งออกสินค้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ (National Single Windows : NSW) ในที่ประชุมดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||
25511 | รายงานการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 | นร01 | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานการปฏิบัติราชการตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (กขร.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่ประธานกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการเสนอ ประกอบด้วย งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่ได้รับจัดสรร จำนวน ๖๑,๗๐๒,๐๙๐ บาท รวมทั้งภารกิจต่าง ๆ ได้แก่ การสอดส่องดูแล และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานของรัฐในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ การให้คำปรึกษาแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ ตามที่ได้รับคำขอ การเสอนแนะในการตราพระราชกฤษฎีกาและการออกกฎกระทรวงหรือระเบียบของคณะรัฐมนตรีตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ การเสนอแนะในการตราพระราชกฤษฎีกาและการออกกฎกระทรวงหรือระเบียบของคณะรัฐมนตรีตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ การพิจารณาให้ความเห็นเรื่องร้องเรียนตามมาตรา ๑๓ การดำเนินการเรื่องอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ การจัดทำรายงานเกี่ยวกับปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ เสนอคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งคราวตามความเหมาะสม แต่อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง การปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ การเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ และการผลิตและเผยแพร่ผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ การพัฒนาระบบสารสนเทศข้อมูลข่าวสาร ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ การติดตามประเมินผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ ของหน่วยงานของรัฐ ความร่วมมือทางวิชาการกับต่างประเทศ และปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการ ตลอดจนเป้าหมายการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ๒. คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่าข้อมูลข่าวสารของราชการที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐที่จะเผยแพร่หรือเปิดเผยต่อประชาชน ควรมีการจัดระบบฐานข้อมูลแบ่งเป็นหมวดหมู่อย่างชัดเจน เช่น ด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง เป็นต้น เพื่อสะดวกต่อการสืบค้นและเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||
25512 | การลงนามในร่างความตกลงเพื่อความร่วมมือด้านภาษีอากรระหว่างประเทศและการปฏิบัติตาม FATCA | กค | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อความร่วมมือด้านภาษีอากรระหว่างประเทศและการดำเนินการตาม Foreign Account Tax Compliance Act (FATCA) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายละเอียดของความร่วมมือที่จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงการเก็บภาษี โดยมีข้อกำหนดเกี่ยวกับลักษณะของข้อมูล กำหนดเวลาและวิธีแลกเปลี่ยนข้อมูล การยกเว้นให้สถาบันการเงินไทยไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายภายในของสหรัฐฯ รวมถึงขั้นตอนในการแก้ไขและยกเลิกสัญญา และร่างบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding : MOU) ประกอบการลงนามในความตกลง FATCA มีสาระสำคัญเป็นความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับการยกเว้นการรายงานข้อมูลของผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตรายย่อยและการดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายของไทยเพื่อให้ความตกลงฯ มีผลสมบูรณ์ รวมถึงกำหนดขั้นตอนในการขยายเวลาการสิ้นสุดของความตกลงหากไทยยังไม่สามารถเริ่มส่งข้อมูลให้สหรัฐฯ ได้ตามกำหนดของความตกลงฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอร่างความตกลงฯ เพื่อขอความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ และร่างบันทึกความเข้าใจฯ เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบร่างความตกลงดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในร่างความตกลงฯ หรือร่างบันทึกความเข้าใจฯ ให้ผู้ลงนามสามารถใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ ได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามความตกลงฯ ต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||
25513 | เอกสารผลการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 13 | กต | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาริยาดสำหรับการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD) ครั้งที่ ๑๓ ซึ่งให้ความสำคัญกับความร่วมมือด้านการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฐานความรู้ ภายใต้หัวข้อการประชุม “การศึกษาที่เป็นเลิศ-เส้นทางสู่อนาคต” และมีสาระสำคัญอื่น ๆ เช่น การส่งเสริมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี ความร่วมมือทางวัฒนธรรม การดำเนินงานภายใต้เป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ความร่วมมือด้านพลังงาน การลดอุปสรรคทางการค้าและการลงทุน การสร้างความมั่นคงทางอาหาร ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างปฏิญญาฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างปฏิญญาฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรมีการกำหนดเป้าหมายการพัฒนาให้สอดคล้องและสนับสนุนวาระการพัฒนาหลังปี ค.ศ. ๒๐๑๕ ของสหประชาชาติที่มุ่งเน้นการขจัดความยากจนเป็นเป้าหมายหลัก และตอบสนองสิ่งท้าทายที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น รวมถึงการร่วมสนับสนุนการกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสะท้อนขีดความสามารถของแต่ละประเทศสมาชิกภายใต้กรอบความร่วมมือเอเชียที่อยู่บนหลักการความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่างกันในการดำเนินการ ส่วนการประสานงานเพื่อระดมทรัพยากรต่าง ๆ ในการสร้างความมั่นคงทางอาหาร และการแสวงหาสาขาความร่วมมือที่เป็นไปได้ โดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ ควรคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ควรเพิ่มเติมหรือเน้นประเด็นเรื่องการเสริมสร้างความรู้ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยอย่างชัดเจนขึ้น ไปพิจารณาต่อไป ๓. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) เสนอเพิ่มเติมว่า รัฐบาลซาอุดีอาระเบียขอเลื่อนการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ ๑๓ ออกไปก่อน ทั้งนี้ เมื่อได้รับแจ้งกำหนดการประชุมฯ อย่างเป็นทางการแล้ว ให้กระทรวงการต่างประเทศรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่งก่อนเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมฯ ดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||
25514 | ร่างกรอบความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับองค์การกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) | พม | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างกรอบความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับองค์การกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ [Draft Framework Agreement for Cooperation between the Association of Southeast Asian Nations (ASEAN) and the United Nations Children’s Fund (UNICEF)] มีสาระสำคัญเป็นกรอบความร่วมมือระหว่างองค์การกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติกับอาเซียนในการดำเนินงานด้านการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความร่วมมือทางวิชาการด้านสุขภาพ สวัสดิการสังคม และการพัฒนาอย่างรอบด้าน และมุ่งเน้นการปกป้องคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิเด็กตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก รวมทั้งสนับสนุนต่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (MDGs) ตามปฏิญญาแห่งสหัสวรรษเพื่อการพัฒนา และหากมีการแก้ไขถ้อยคำหรือประเด็นที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ให้อยู่ในดุลพินิจของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนลงนามร่างกรอบความร่วมมือฯ พร้อมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้แจ้งความเห็นชอบของไทยต่อสำนักงานเลขาธิการอาเซียน ผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับด้านต่างประเทศด้วย |
|||||||||||||||||||||
25515 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) กับประเทศเพื่อนบ้านภายใต้ยุทธศาสตร์ ACMECS | พณ | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. โดยที่ข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์ขอให้คณะรัฐมนตรีมอบหมาย “คณะกรรมการจัดทำแผนการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญากับประเทศเพื่อนบ้าน” เป็นผู้พิจารณาจัดทำแผนงานการดำเนินโครงการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญากับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวจัดตั้งโดยคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นการดำเนินการภายในระดับกระทรวง มิได้อยู่ในอำนาจของคณะรัฐมนตรีที่จะมอบหมายคณะกรรมการดังกล่าวได้ ประกอบกับเพื่อให้การปฏิบัติงานในเรื่องนี้มีความคล่องตัวและยืดหยุ่นขึ้น จึงควรตัดคำว่า “ในแต่ละปี” ออก ดังนั้น จึงเห็นควรแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๐ จาก “การพิจารณาแผนการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) ในแต่ละปี มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับผิดชอบดำเนินการโดยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป” เป็น “การพิจารณาแผนการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับผิดชอบดำเนินการโดยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป และให้รายงานความก้าวหน้าต่อคณะรัฐมนตรีทุกปี” ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (คณะกรรมการจัดทำแผนการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญากับประเทศเพื่อนบ้าน) พิจารณาแนวทางให้ศูนย์ขายสินค้าเกษตรตามแนวชายแดนเป็นกลไกในการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรล้นตลาดในพื้นที่ชายแดนเนื่องจากการผลิตของเกษตรกรรายย่อยในประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่นอกแผนการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญา |
|||||||||||||||||||||
25516 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงานอัยการสูงสุด) | อส | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงยุติธรรม เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นกรรมการ อัยการสูงสุด เป็นกรรมการและเลขานุการ อธิบดีอัยการ สำนักงานการยุติการดำเนินคดีแพ่งและอนุญาโตตุลาการ และรองอธิบดีอัยการ สำนักงานการยุติการดำเนินคดีแพ่งและอนุญาโตตุลาการ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๒. ให้คณะกรรมการของสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งได้แจ้งยืนยันการคงอยู่ของคณะกรรมการไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ เรื่อง คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี) มีผลต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ๓. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการยกร่างระเบียบเพื่อรองรับคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสำนักงานอัยการสูงสุด
|
|||||||||||||||||||||
25517 | การต่ออายุสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีของสำนักงานธนานุเคราะห์ | พม | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ต่ออายุสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีของสำนักงานธนานุเคราะห์ (สธค.) เพื่อเป็นเงินทุนสำรองหมุนเวียนรับจำนำและสำหรับใช้จ่ายในการบริหารการเงินให้เกิดสภาพคล่องในกิจการ จำนวน ๕๐๐ ล้านบาท ออกไปอีกเป็นเวลา ๒ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการขยายโอกาสให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงแหล่งเงินทุนของภาครัฐ และลดการกู้ยืมเงินนอกระบบ จึงขอให้กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาและเร่งรัดดำเนินการมาตรการสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงเงินทุนของประชาชนรายย่อย (สินเชื่อ Nano-Finance) ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม และ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ ให้แล้วเสร็จและนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ทั้งนี้ จะต้องปฏิบัติตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||
25518 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) | วท | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คงคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรี ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน ๔ คณะ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
๑. คณะกรรมการพิจารณาเครื่องจักร วัสดุ และอุปกรณ์ประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม ๒. คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๓. คณะกรรมการกำหนดนโยบายและกำกับดูแลโครงการสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย ๔. คณะกรรมการบริหารโครงการสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย
|
|||||||||||||||||||||
25519 | ขอความเห็นชอบการเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 (เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี) | วท | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ขอเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ จำนวน ๓๔,๕๓๗,๘๐๐ บาท จากเดิม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการร่วมดำเนินการสนับสนุนองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency : JICA) เพื่อจัดทำข้อมูลความสูงภูมิประเทศของพื้นที่รับน้ำนอง ภายใต้แผนปฏิบัติการบรรเทาปัญหาอุทกภัยระยะเร่งด่วน เป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการใน ๒ กิจกรรม ๑ โครงการ ดังนี้ ๑.๑ กิจกรรมการจัดทำแผนที่การใช้ที่ดินในเขตป่าไม้ในปัจจุบันเพื่อสนับสนุนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๖๖/๒๕๕๗ จำนวน ๘,๓๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ กิจกรรมภูมิสารสนเทศเพื่อติดตามเฝ้าระวังโซนการเกษตรของประเทศไทยในฤดูเพาะปลูก พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๓ โครงการพัฒนาภูมิสารสนเทศกลางเพื่อสนับสนุนการจัดการทรัพยากรและการจัดการพื้นที่ของประเทศตามศักยภาพ (Zoning) จำนวน ๘,๒๓๗,๘๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป รวมทั้งให้รับไปหารือร่วมกับหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องที่ใช้ประโยชน์จากดาวเทียมไทยโชต หรือดาวเทียมธีออส (Thailand Earth Observation Systems : THEOS) เพื่อพิจารณาแนวทางการเตรียมการรองรับกรณีที่ดาวเทียมไทยโชตจะหมดอายุการใช้งานในทางเทคนิคประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ โดยให้คำนึงถึงประโยชน์ความคุ้มค่าที่จะได้รับ รวมทั้งความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการร่วมมือกับต่างประเทศดำเนินการส่งดาวเทียมดวงใหม่ขึ้นสู่วงโคจรแทนดาวเทียมไทยโชต และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
25520 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงวัฒนธรรม) | วธ | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๘ คณะ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการประสานงานฝ่ายไทยว่าด้วยวัฒนธรรมและสนเทศอาเซียน ๑.๒ คณะกรรมการพัฒนากฎหมายกระทรวงวัฒนธรรม ๑.๓ คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย ๑.๔ คณะกรรมการอำนวยการและควบคุมการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ๑.๕ คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยสภาการพิพิธภัณฑ์ระหว่างชาติ (The Thai Nation Committee for international Council of Museum) ๑.๖ คณะกรรมการอำนวยการและควบคุมการดำเนินงานโครงการอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ๑.๗ คณะกรรมการอำนวยการวันอนุรักษ์มรดกไทย ๑.๘ คณะกรรมการวรรณคดีแห่งชาติ ๒. ให้คณะกรรมการของกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งได้แจ้งยืนยันการคงอยู่ของคณะกรรมการไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ เรื่อง คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี) มีผลต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ เป็นต้นไป
|
.....