ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1275 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 25481 - 25500 จากข้อมูลทั้งหมด 124251 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25481 | รายงานผลการดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ | สว | 23/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (นายวีระพันธ์ มุขสมบัติ) และนายโชติจุฑา อาจสอน กรรมการบริหารกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาบริหารโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ รายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) สรุปได้ว่า การดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่มีความล่าช้าไปกว่าที่กำหนด (กำหนดระยะเวลาก่อสร้าง ๙๐๐ วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๖ สิ้นสุดวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘) เนื่องจากมีการส่งมอบพื้นที่สำหรับดำเนินโครงการก่อสร้างล่าช้า จากเดิมที่กำหนดส่งมอบพื้นที่ในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๖ แต่สามารถส่งมอบพื้นที่ได้จริงในวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ จำนวน ๑๐๒-๓-๗๖ ไร่ (ร้อยละ ๘๓.๕ ของพื้นที่ทั้งหมด) ยังเหลือพื้นที่ในส่วนของการปรับปรุงภูมิทัศน์ (บริเวณโรงเรียนโยธินบูรณะ ชุมชนองค์การทอผ้า และบ้านพักทหารของกรมการอุตสาหกรรมทหาร) อีกจำนวน ๒๐-๑-๒๘ ไร่ คาดว่าจะส่งมอบให้แก่ผู้รับจ้างได้ในช่วงเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ปัจจุบันโครงการฯ อยู่ระหว่างการดำเนินงานก่อสร้างชั้นใต้ดิน โดยจะต้องทำงานเสาเข็มเจาะ งานระบบป้องกันดินพัง และงานขุดดิน ซึ่งมีขั้นตอนการก่อสร้างจากบนลงล่างเพื่อการก่อสร้างชั้นใต้ดิน ชั้น B2 ระดับความลึกที่ -๑๐.๓๐ ถึง -๑๖.๐๐ เมตร ใช้เวลาในการดำเนินการค่อนข้างมากถึง ๑๔ เดือน เมื่อเทียบกับแผนงานที่ได้รับอนุมัติทั้งโครงการ ๓๐ เดือน และขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการขุดดินที่ระดับ -๑๐.๓๐ เมตร เพื่อเร่งรัดจัดงานก่อสร้างฐานรากบริเวณฐานเครื่องยอดส่วนที่เป็นสายงานวิกฤติและส่วนอื่น ๆ ให้สามารถเร่งรัดงานโครงสร้างรองรับส่วนเครื่องยอดได้ต่อไป ซึ่งความก้าวหน้างานโครงสร้างปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ ๒๕ งานเตรียมการอยู่ที่ร้อยละ ๖๐ ในขณะนี้งานเสาเข็มเจาะอาคารหลักแล้วเสร็จ งานฐานรากแล้วเสร็จ ๓๔ ฐาน ดังนั้น เมื่อเทียบความก้าวหน้าของโครงการทั้งหมด จะมีความก้าวหน้าของงานก่อสร้างอยู่ที่ร้อยละ ๘.๖๖ ล่าช้าไปจากแผนงานที่กำหนดไว้ คิดเป็นระยะเวลาล่าช้า จำนวน ๓๔๑ วัน และคาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ได้แล้วเสร็จในช่วงปลายปี ๒๕๕๙ และสามารถเข้าใช้อาคารได้ในช่วงปลายปี ๒๕๖๐ ทั้งนี้ ในส่วนของดินที่ขุดขึ้นมาจากพื้นที่ก่อสร้าง ได้นำไปบริจาคให้กับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์และวัดแก้วฟ้าจุฬามณี จำนวนประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ คิว นำไปขายทอดตลาดแล้ว จำนวนประมาณ ๒๔๐,๐๐๐ คิว และอยู่ระหว่างการดำเนินการขายทอดตลาดอีกจำนวนประมาณ ๓๐๐,๐๐๐ คิว ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยจัดตั้งคณะทำงานขึ้นคณะหนึ่ง โดยให้มีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นคณะทำงาน เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ รวมทั้งโครงการที่เกี่ยวข้อง เช่น โครงการสร้างถนนและสะพานเกียกกาย เป็นต้น แล้วให้นำผลการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการฯ พร้อมทั้งให้จัดทำข้อเสนอแนะและแนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
25482 | ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรี | นร | 16/12/2557 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมร่วมคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านการต่างประเทศ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์โดยดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง สถานการณ์การค้ามนุษย์และการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย) และดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัดด้วย ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) เร่งรัดและกำกับให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาและชาวสวนยางตามมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย และโครงการชดเชยรายได้แก่เกษตรกรชาวสวนยางให้มีความโปร่งใสและแล้วเสร็จตามกำหนดเวลา ๒.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) และหน่วยงานด้านเศรษฐกิจติดตามสถานการณ์ความผันผวนของการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งนี้ หากพิจารณาแล้วเห็นว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศให้ดำเนินมาตรการเพื่อดูแลสถานการณ์ดังกล่าวให้กลับมาอยู่ในภาวะปกติต่อไป ๒.๓ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดการประกวดภาพถ่ายเพื่อใช้ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ ๒.๔ ให้กระทรวงพลังงานพิจารณาความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าของครัวเรือนให้สอดคล้องกับต้นทุนค่าน้ำมันที่ขณะนี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ๒.๕ ให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ร่วมกันพิจารณาปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพในการจัดบริการระบบขนส่งสาธารณะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยพิจารณาความเป็นไปได้ในการให้กรุงเทพมหานครบริหารจัดการระบบขนส่งสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เป็นต้น ๒.๖ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาหาแนวทางการขยายตลาดสินค้าเกษตรชุมชนให้ครอบคลุมพื้นที่เกษตรกรรมทั่วประเทศ โดยให้ศึกษาแนวทางการดำเนินงานจากประเทศที่ประสบความสำเร็จ เช่น ประเทศญี่ปุ่น ๒.๗ ให้กระทวงพาณิชย์พิจารณาหาแนวทางการส่งเสริมการค้ากับประเทศที่สนใจซื้อข้าวและยางพาราจากประเทศไทย เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยพิจารณาใช้วิธีซื้อขายต่างตอบแทน หรือวิธีอื่นตามความเหมาะสม ๓. ด้านสังคม ๓.๑ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) พิจารณากำหนดแนวทางการจัดระเบียบพื้นที่ค้าขายบริเวณบนทางเท้า เช่น คลองถม ตลาดมหานาค โดยอาจจะกำหนดเวลาการค้าขาย จัดหาพื้นที่ใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความสวยงาม โดยอาจศึกษาวิธีการจัดการจากต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี ๓.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อพัฒนาพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งสองฝั่งในลักษณะเป็นสะพานยกสูงเหนือระดับน้ำท่วมสูงสุดเพื่อใช้เป็นเส้นทางสัญจรรองรับการเดินทางด้วยจักรยาน (Bike Lane) การชมทัศนียภาพริมแม่น้ำเจ้าพระยา การพักผ่อนหย่อนใจ การออกกำลังกาย และการจัดกิจกรรมเพื่อสุขภาพและนันทนาการ โดยสะพานแต่ละฝั่งจะยกสูงกว่าระดับน้ำประมาณ ๒.๘ เมตร ตามที่รัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทยเสนอ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยนำข้อมูลเกี่ยวกับระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาในอดีตและระดับการทรุดตัวของพื้นดินในกรุงเทพมหานคร รวมทั้งการคาดการณ์ระดับน้ำในอนาคตมาพิจารณาประกอบการกำหนดความสูงของพื้นที่โครงการด้วย ๔. ด้านกฎหมาย ให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม พิจารณาดำเนินการเรียกตัวผู้กระทำผิดกฎหมายที่หลบไปพำนักในต่างประเทศกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ๕. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๕.๑ ให้ทุกส่วนราชการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินตามยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้ ๘ ด้านอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การบริหารราชการแผ่นดินร่วมกันของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี การปฏิรูปและการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การดำเนินการตามวาระแห่งชาติ การรักษาความสงบเรียบร้อย การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและสังคม การส่งเสริมด้านการศึกษา และกระบวนการยุติธรรม ๕.๒ ให้คณะกรรมการติดตามการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะกรรมการขับเคลื่อนกระบวนการสร้างความโปร่งใสและความยุติธรรม (ซึ่งอยู่ระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติแต่งตั้ง) จัดทำรายงานผลการดำเนินการเสนอต่อที่ประชุมร่วมคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีทุกเดือน ๕.๓ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ให้ศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จขยายการดำเนินการออกใบอนุญาตทำงานชั่วคราวให้ครอบคลุมถึงแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม นั้น ให้กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการออกใบอนุญาตทำงานชั่วคราวให้แก่แรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนามโดยเร็วต่อไป ๕.๔ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เพื่อนำมาวิเคราะห์และประเมินผลการปฏิบัติงานของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการที่เป็นไปตามหลักวิชาการ และสำรวจความความเห็นตามหัวข้อนโยบายของรัฐบาล ผลงานที่ดำเนินการไปแล้ว ผลงานที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ หรืองานที่จะทำในระยะต่อไป เพื่อสร้างการรับรู้ ความเข้าใจกับประชาชนเป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||
25483 | ผลการประชุมสุดยอดอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ ของนายกรัฐมนตรี และผลการหารือทวิภาคีในระหว่างการประชุมฯ | นร | 16/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ (ASEAN-ROK Commemorative Summit) ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ ในการนี้ ได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดภาคธุรกิจอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (ASEAN-ROK CEO Summit) ด้วย ซึ่งในการประชุมดังกล่าวนายกรัฐมนตรีได้แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและบทบาทของเอเชีย พร้อมกับเน้นย้ำนโยบายของรัฐบาลไทยในการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยใช้แนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนและการส่งเสริมการค้าการลงทุนกับต่างประเทศ รวมทั้งมีการหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี และภาคเอกชนชั้นนำของสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับประเทศไทย และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. รับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีรายงานว่า ในการหารือทวิภาคีกับสาธารณรัฐเกาหลีได้มีการหารือเกี่ยวกับการขยายความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เช่น การพิจารณาให้ภาคเอกชนของสาธารณรัฐเกาหลีเข้ามาลงทุนในสาขาต่าง ๆ ในประเทศไทย และการให้สาธารณรัฐเกาหลีดูแลสินค้าส่งออกของไทยที่ยังมีปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ โดยเฉพาะไก่แช่แข็งและผลไม้ไทย รวมทั้งเพิ่มการนำเข้าจากเดิม และมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
25484 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสุชาดา ฮุนพงษ์สิมานนท์) | สธ | 16/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือน สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๕ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายวีระ สถิรอังกูร ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านเวชกรรม สาขาออร์โธปิดิกส์) กลุ่มศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านออร์โธปิดิกส์ กลุ่มภารกิจวิชาการ โรงพยาบาลเลิดสิน กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๕ ๒. นายเอกชัย โควาวิสารัช ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาสิติ-นรีเวชกรรม) กลุ่มงานสูติ-นรีเวชศาสตร์ กลุ่มภารกิจวิชาการ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๖ ๓. นายชุษณะ มะกรสาร ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านสาธารณสุข) กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๖ ๔. นางสุชาดา ฮุนพงษ์สิมานนท์ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขารังสีวิทยา) กลุ่มงานรังสีวิทยา กลุ่มภารกิจวิชาการ โรงพยาบาลราชวิถี กรมแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ๕. นายวีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลขอนแก่น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
|
|||||||||||||||||||||
25485 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นายชุษณะ มะกรสาร 2. นายวีระ สถิริอังกูร 3. นายเอกชัย โควาวิสารัช) | สธ | 16/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือน สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๕ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายวีระ สถิรอังกูร ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านเวชกรรม สาขาออร์โธปิดิกส์) กลุ่มศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านออร์โธปิดิกส์ กลุ่มภารกิจวิชาการ โรงพยาบาลเลิดสิน กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๕ ๒. นายเอกชัย โควาวิสารัช ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาสิติ-นรีเวชกรรม) กลุ่มงานสูติ-นรีเวชศาสตร์ กลุ่มภารกิจวิชาการ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๖ ๓. นายชุษณะ มะกรสาร ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านสาธารณสุข) กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๖ ๔. นางสุชาดา ฮุนพงษ์สิมานนท์ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขารังสีวิทยา) กลุ่มงานรังสีวิทยา กลุ่มภารกิจวิชาการ โรงพยาบาลราชวิถี กรมแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ๕. นายวีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลขอนแก่น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ |
|||||||||||||||||||||
25486 | รายงานสรุปการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยโภชนาการ ครั้งที่ 2 | สธ | 16/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานสรุปการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยโภชนาการ ครั้งที่ ๒ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ณ กรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี จัดโดยองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) และองค์การอนามัยโลก (WHO) ในหัวข้อเรื่อง “โภชนาการที่ดีขึ้น เพื่อชีวิตที่ดีกว่า : Better nutrition for better lives” สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ที่ประชุมได้รับรองเอกสารที่เกี่ยวข้อง ๒ ฉบับ ประกอบด้วย (๑) ประกาศปฏิญญากรุงโรมว่าด้วยโภชนาการ (Rome Declaration on Nutrition) เพื่อให้ทุกประเทศสมาชิกให้คำมั่นสัญญา ๑๐ ขั้นว่าจะดำเนินการขจัดความหิวโหยและป้องกันภาวะทุพโภชนาการในทุกรูปแบบตลอดช่วงชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดอาหารในเด็ก โลหิตจางในสตรีและเด็ก การขาดวิตามินเกลือแร่อื่น ๆ รวมทั้งลดภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน และ (๒) กรอบเพื่อการปฏิบัติการ (Framework for Action) ซึ่งเป็นชุดแนวทางนโยบายและยุทธศาสตร์ ๘ เรื่อง รวมคำแนะนำ ๖๐ ข้อ ประกอบด้วย การสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อในการสร้างความเข้มแข็งของการจัดระบบอาหารอย่างยั่งยืน ซึ่งรวมถึงการลงทุนทางการเกษตร การพัฒนาด้านอาหาร ยกระดับโภชนาการ การให้โภชนศึกษา การปกป้องด้านสังคม ด้านสุขภาพ น้ำสะอาด สุขาภิบาลและสุขลักษณะ อาหารปลอดภัย รวมทั้งข้อแนะนำในการรายงาน เพื่อให้รัฐบาลนำไปใช้ดำเนินการตามความสมัครใจ โดยนำไปผนวกเข้ากับแผนโภชนาการ สาธารณสุข เกษตร การพัฒนาและการลงทุนของประเทศนั้น ๆ ให้บรรลุเป้าหมายโภชนาการที่ดีขึ้นถ้วนหน้า ๑.๒ การประชุมครั้งนี้เพื่อให้รัฐบาลและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องร่วมกันให้คำมั่นสัญญาในการดำเนินการขจัดปัญหาทุพโภชนาการทั้งด้านขาดและเกินให้บรรลุเป้าหมาย ภายในปี ๒๕๖๘ โดยมีสาระสำคัญเน้นย้ำให้เห็นว่า ปัญหาทุพโภชนาการด้านขาดสารอาหาร แม้ว่าในสถานการณ์โลกโดยรวมจะดีขึ้นแต่ก็ยังมีการขาดสารอาหารอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมยอมรับในประกาศปฏิญญากรุงโรมและแนวทางในการดำเนินการเพื่อที่จะนำไปบรรจุในแผนพัฒนาแต่ละด้านของแต่ละประเทศ โดยทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งในด้านการเกษตร สาธารณสุข ศึกษาธิการ และการค้าการลงทุน โดยความร่วมมือทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาค และระดับโลกเพื่อเป้าหมายในการขจัดภาวะทุพโภชนาการภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๘ ๒. คณะรัฐมนตรีมีความเห็นว่า ในการเข้าร่วมการประชุม/สัมมนาในเวทีระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับอาหารและโภชนาการ ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรนำเสนอประเด็นการกำหนดคุณภาพมาตรฐานทางโภชนาการของอาหาร รวมถึงการรณรงค์เผยแพร่คุณภาพ มาตรฐาน และคุณประโยชน์ของข้าวไทยและสินค้าเกษตรอื่น ๆ ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายเพื่อเพิ่มความต้องการสินค้าไทยให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยยกระดับราคาสินค้าของไทยในตลาดโลกได้
|
|||||||||||||||||||||
25487 | ร่างพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือ ส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ตช | 16/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่อเพิ่มอำนาจหน้าที่ให้กองบัญชาการตำรวจสันติบาล รวมทั้งหน่วยงานระดับกองบังคับการในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสันติบาลที่มีอำนาจหน้าที่ในการสืบสวน ให้สามารถปฏิบัติงานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... |
|||||||||||||||||||||
25488 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6) ในคดีระหว่างนายชั้น ด้วงใหญ่ ที่ 1 กับพวกรวม 23 คน ผู้ฟ้องคดี กับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ระงับการให้บริการการขึ้น - ลงของเครื่องบินทุกประเภท และขอให้ศาลพิพากษาให้ดำเนินการเพื่อประกาศให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ และการกำหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดดังกล่าว รวมทั้งร่วมกันชำระค่าเสียหายทางละเมิด (มีการแก้ไข บ. หน้าแรก ตรงหมายเลขคดี มาแก้หลังออกแฟ้มไปแล้ว) | อส | 16/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๖) ในคดีระหว่างนายชั้น ด้วงใหญ่ ที่ ๑ กับพวกรวม ๒๓ คน ผู้ฟ้องคดี กับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ระงับการให้บริการการขึ้น-ลงของเครื่องบินทุกประเภท และขอให้ศาลพิพากษาให้ดำเนินการเพื่อประกาศให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ และการกำหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดดังกล่าว รวมทั้งร่วมกันชำระค่าเสียหายทางละเมิด เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ๑๖๗๒-๑๖๙๔/๒๕๕๗
|
|||||||||||||||||||||
25489 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้า พ.ศ. .... | รง | 16/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้า พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้นายจ้างต้องมีระบบการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานอันจะทำให้ลูกจ้างมีความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้ายิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
25490 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ 75) พ.ศ. 2533 พ.ศ. .... | พณ | 16/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๗๕) พ.ศ. ๒๕๓๓ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกมาตรการควบคุมเครื่องแต่งกายตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๗๕) พ.ศ. ๒๕๓๓ ที่กำหนดให้เครื่องแต่งกายตามพิกัดศุลกากรประเภทที่ ๖๑.๐๑ ถึง ๖๑.๑๔ ๖๑๑๗.๙๐, ๖๒.๐๑ ถึง ๖๒.๑๑ และ ๖๒๑๗.๙๐ เฉพาะที่ยังไม่สำเร็จรูปไม่ว่าจะสมบูรณ์แล้วหรือไม่ก็ตาม และส่วนต่าง ๆ ของเครื่องแต่งกายดังกล่าวตามพิกัดอัตราศุลกากรดังกล่าว เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นในการแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่เกิดจากมาตรการที่มิใช่ภาษี ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรีกรณีการลดหรือยกเลิกมาตรการซึ่งเป็นอุปสรรคทางการค้าควรพิจารณาด้วยว่า การลดหรือยกเลิกมาตรการนั้น ๆ จะส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกของไทยและก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่ผู้ส่งออกสินค้าไทยด้วยหรือไม่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
25491 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่ราชอาณาจักรกัมพูชา ณ จังหวัดสระแก้ว [นายบุน สกวิบล (Mr. Bun Sokvibol)] | กต | 16/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายบุน สกวิบล (Mr. Bun Sokvibol) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่ราชอาณาจักรกัมพูชา ณ จังหวัดสระแก้ว โดยมีเขตกงสุลครอบคลุม ๘ จังหวัดของประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี ตราด บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี ศรีสะเกษ สระแก้ว สุรินทร์ และอุบลราชธานี ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
25492 | รัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายขคนาถ อธิการี (Mr. Khaga Nath Adhikari)] | กต | 16/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายขคนาถ อธิการี (Mr. Khaga Nath Adhikari) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายนวีน ประกาศ ชังคะ ชาห์ (Mr. Naveen Prakash Jung Shah) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
25493 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของอาเซียน พ.ศ. .... | กต | 16/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของอาเซียน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
25494 | ข้อสั่งการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์และค่าตอบแทนของพนักงานมหาวิทยาลัย | ศธ | 16/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการของกระทรวงศึกษาธิการตามข้อสั่งการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์และค่าตอบแทนของพนักงานมหาวิทยาลัย โดยได้จัดประชุมเพื่อหารือร่วมกันระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ผู้แทนสำนักงบประมาณ ผู้แทนที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ผู้แทนที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ผู้แทนที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ ผู้แทนที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล และผู้แทนกรมบัญชีกลาง เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๗ เกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินปรับเพิ่มตามคุณวุฒิของพนักงานมหาวิทยาลัยที่จ้างด้วยเงินงบประมาณแผ่นดินที่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งก่อนวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปผลการประชุมได้ ดังนี้
๑. เงินปรับเพิ่มตามคุณวุฒิที่ยังค้างจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ สถาบันอุดมศึกษาได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ในสัดส่วนโดยเฉลี่ยร้อยละ ๕๐ ของเงินปรับเพิ่มตามคุณวุฒิที่ยังค้างจ่าย และส่วนที่เหลือให้สถาบันอุดมศึกษาใช้จ่ายจากเงินรายได้ ๒. เงินปรับเพิ่มตามคุณวุฒิที่ยังค้างจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้สถาบันอุดมศึกษาเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ๓. สถาบันอุดศึกษาที่ได้นำเงินรายได้สำรองจ่ายเพื่อเป็นเงินปรับเพิ่มตามคุณวุฒิ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้แก่พนักงานมหาวิทยาลัยไปแล้ว จำนวน ๑๓ แห่ง เป็นเงิน ๑,๕๓๒.๐๖๔๔ ล้านบาท ให้สถาบันอุดมศึกษาเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อนำไปใช้จ่ายเป็นโครงการพัฒนามหาวิทยาลัย ๔. ที่ประชุมอธิการบดีทั้ง ๔ แห่ง ประกอบด้วยที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ และที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล จะดำเนินการรวบรวมข้อมูลภาระงบประมาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงินปรับเพิ่มตามคุณวุฒิที่จ่ายให้กับพนักงานมหาวิทยาลัยที่บรรจุก่อนวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ และ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ และนำเสนอสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาเพื่อนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเพื่อขออนุมัติคณะรัฐมนตรีให้พนักงานมหาวิทยาลัยกลุ่มดังกล่าวได้รับจัดสรรเงินปรับเพิ่มคุณวุฒิตามแนวทางเดียวกับการปรับค่าตอบแทนภาคราชการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๕ (เรื่อง การปรับปรุงค่าตอบแทนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ) ๕. เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้ขอความร่วมมือจากที่ประชุมอธิการบดีทั้ง ๔ แห่ง เร่งรัดการพิจารณาดำเนินการเพื่อให้มีข้อมูลบัญชีถือจ่ายของพนักงานมหาวิทยาลัยที่เป็นจริง และจัดส่งให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการขอปรับค่าตอบแทนพนักงานมหาวิทยาลัยพร้อมกับการปรับค่าตอบแทนภาคราชการที่จะดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อไป |
|||||||||||||||||||||
25495 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางด้วน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง พ.ศ. .... | กษ | 16/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางด้วน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางด้วน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบ ตามโครงการบรรเทาอุทกภัยย่านตาขาว จังหวัดตรัง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
25496 | ขอขยายระยะเวลาโครงการสินเชื่อส่งเสริมผู้ประกอบอาชีพให้บริการรถสาธารณะในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย | กค | 16/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาโครงการสินเชื่อส่งเสริมผู้ประกอบอาชีพให้บริการรถสาธารณะในพื้นที่ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ออกไปถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ เป็นครั้งสุดท้าย และให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยรายงานความคืบหน้าของการดำเนินโครงการฯ เป็นรายไตรมาสให้กระทรวงการคลังได้รับทราบและใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดนโยบายและมาตรการในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. สำหรับเรื่องงบประมาณให้กระทรวงการคลัง โดยธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณในการขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามรายจ่ายที่เกิดขึ้นจริงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๓. ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและประธานกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เห็นควรติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการฯ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาทบทวนมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลให้สามารถครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
25497 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือค่าอุปกรณ์การเรียนของนักเรียนสายอาชีพอาชีวศึกษา | ศธ | 16/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการอุดหนุนอุปกรณ์การเรียนให้กับผู้เรียนสายอาชีพ อาชีวศึกษา ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ภายในกรอบวงเงิน ๔๑๔,๕๒๗,๐๐๐ บาท โดยที่เงินอุดหนุนรายหัวเพื่อช่วยเหลือค่าอุปกรณ์การเรียนเป็นค่าเครื่องมือประจำตัวผู้เรียนเฉพาะอาชีพที่ขอเพิ่มเติมในครั้งนี้อาจมีความซ้ำซ้อนกับค่าใช้จ่ายรายหัวที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้ว รวมทั้งยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับอัตราค่าเครื่องมือประจำตัวผู้เรียนสายอาชีพดังกล่าว จึงเห็นสมควรให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณในเรื่องดังกล่าวก่อนดำเนินการต่อไป แล้วจึงปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จากค่าใช้จ่ายรายหัวที่ได้ตั้งงบประมาณไว้แล้ว สำหรับส่วนที่ขาดให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณากำหนดรายการและอัตราค่าอุปกรณ์การเรียนส่วนที่จะเพิ่มเติมให้มีความเหมาะสม โดยคำนึงถึงวิธีการจัดหาและแจกจ่ายอุปกรณ์การเรียนดังกล่าว รวมถึงความปลอดภัยและประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ สำหรับในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำแผนหรือมาตรการจูงใจให้เด็กและเยาวชนให้มาเรียนสายอาชีพมากขึ้น รวมทั้งเร่งขยายความร่วมมือกับภาคเอกชน สถานประกอบการในการสนับสนุนส่งเสริมการจัดการศึกษาและยกระดับคุณภาพการผลิตกำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
25498 | ขออนุมัติโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | สธ | 16/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จากแผนงานพัฒนาด้านสาธารณสุข ผลผลิต ผลิตและพัฒนาบุคลากรทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข รายการอาคารศูนย์เรียนรู้ เป็นอาคาร คสล. ๑๐ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๑๓,๐๐๐ ตารางเมตร พร้อมอุปกรณ์ประกอบอาคาร วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพฯ ๑ หลัง วงเงิน ๔๕,๙๙๕,๐๐๐ บาท ไปตั้งจ่ายในแผนงานพัฒนาระบบประกันสุขภาพ ผลผลิตประชาชนได้รับการบริการสุขภาพที่มีคุณภาพมาตรฐาน รายการครุภัณฑ์การแพทย์ที่มีราคาต่อหน่วยต่ำกว่า ๑ ล้านบาท จำนวน ๖๙ รายการ ภายในกรอบวงเงิน ๔๕,๙๙๕,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ หากกระทรวงสาธารณสุขมีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการสร้างอาคารศูนย์เรียนรู้ ของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพฯ ที่ได้ขออนุมัติโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณไปแล้วบางส่วน ให้กระทรวงสาธารณสุขนำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||
25499 | โครงการรังวัดออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง เพื่อความมั่นคงและการอนุรักษ์ที่ยั่งยืน เทิดไท้ 82 พรรษา มหาราชินี | มท | 16/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้กรมที่ดินดำเนินโครงการรังวัดออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง เพื่อความมั่นคงและการอนุรักษ์ที่ยั่งยืน เทิดไท้ ๘๒ พรรษา มหาราชินี ภายในกรอบวงเงิน ๒๙๓,๙๐๐,๑๔๓ บาท โดยปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ได้รับอนุมัติจากกรมบัญชีกลางให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ในวงเงิน ๘๕,๕๗๓,๔๔๓ บาท ในลักษณะการเบิกจ่ายงบประมาณแทนกัน โดยมีเป้าหมายดำเนินการ ๑,๔๖๗ แปลง ในพื้นที่ ๑๘ จังหวัด ทั้งนี้ การดำเนินการใช้จ่ายและเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าว ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐ ให้กรมที่ดินเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ภายในกรอบวงเงินไม่เกิน ๒๐๘,๓๒๖,๗๐๐ บาท โดยมีเป้าหมายดำเนินการ ๘,๕๐๐ แปลง ในพื้นที่ ๕๒ จังหวัด ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
25500 | ขออนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติ | กษ | 16/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ รองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นรองประธานกรรมการ มีกรรมการ จำนวน ๒๗ คน โดยมีอธิบดีกรมประมง เป็นกรรมการและเลขานุการ ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติเร่งดำเนินการจัดทำบัญชีรายชื่อเรือประมงและลูกเรือ รวมทั้งเร่งดำเนินการให้มีการติดตั้งระบบติดตามตำแหน่งเรือประมงไทยเพื่อให้สมารถติดตามตรวจสอบการทำประมงของเรือประมงไทยทั้งในน่านน้ำไทยและในน่านน้ำต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้การทำประมงถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง การดำเนินการตามมาตรการควบคุมการทำประมงที่ผิดกฎหมายขาดการรายงานและไร้การควบคุม) ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๖ เดือน ตามที่กำหนดไว้ในแผนระยะสั้นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการลักลอบทำประมงที่ผิดกฎหมาย
|
.....