ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1275 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 25481 - 25500 จากข้อมูลทั้งหมด 123968 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25481 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยโรคระบาดสัตว์เพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยโรคระบาดสัตว์เพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้โรคที่ติดต่อในสัตว์ รวม ๗ ชนิด ได้แก่ โรค Peste des Petits Ruminants (PPR), โรค Contagious Bovine Pleuropneumonia (CBPP), โรคบลูทัง Bluetongue, โรคท้องร่วงติดต่อในสุกร Porcine Epidemic Diarrhea (PED), โรค African Swine Fever (ASF), โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา Ebola Virus Disease และโรคตับวายเฉียบพลันในกุ้ง Acute Hepatopancreatic Necrosis Disease (AHPND) เป็นโรคระบาดสัตว์เพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. ๒๔๙๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
25482 | รายงานประจำปี พ.ศ. 2556 คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ | ยธ | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลงานที่สำคัญ ประกอบด้วย การจัดทำแผนและการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารงานยุติธรรม การส่งเสริมและประสานความร่วมมือเพื่อพัฒนาระบบการบริหารงานยุติธรรม การศึกษา วิจัย และพัฒนากฎหมายและระบบงานยุติธรรม การประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้สู่สังคม และการพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม ๒. สถิติประเภทเรื่องที่เข้าสู่คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ประกอบด้วย ๒.๑ เรื่องเพื่อพิจารณา เช่น เรื่อง โครงการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การดำเนินงานของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ และการนำเสนอแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๙ เรื่อง การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์และแผนงานในการเตรียมความพร้อมและรองรับการจัดตั้งศาลชั้นต้นและแผนกคดีในศาลยุติธรรม เรื่อง แนวทางการดำเนินงานของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติตามนโยบายรัฐบาล และเรื่อง ร่างแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐ ร้อยละ ๔๓ ๒.๒ เรื่องเพื่อทราบ เช่น เรื่อง ความคืบหน้าในการจัดทำร่างแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๙ และร่างแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๙ เรื่อง รายงานข้อมูลผลการสำรวจสถิติอาชญากรรมในภาคประชาชนปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เรื่อง การปรับปรุงและแต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ และเรื่อง โครงการสำรวจข้อมูลการกระทำผิดซ้ำของผู้ที่เคยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา เป็นต้น ร้อยละ ๕๗ ๓. รายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ประกอบด้วย ด้านภารกิจ งานเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ด้านการจัดทำแผนและการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารงานยุติธรรม ด้านการศึกษาวิจัยและพัฒนากฎหมายและระบบงานยุติธรรม ด้านการส่งเสริมและประสานความร่วมมือเพื่อพัฒนาระบบการบริหารงานยุติธรรม ด้านการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้สู่สังคม และด้านพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม งบประมาณรายจ่ายรวมทั้งสิ้น ๘๒,๘๗๑,๗๕๐.๗๘ บาท
|
|||||||||||||||||||||
25483 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 7 ราย) (1. นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ฯลฯ) | ศธ | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๗ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายชาญวิทย์ ทับสุพรรณ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายสุรพงษ์ จำจด ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายเกษม สดงาม ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายสุภัทร จำปาทอง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นางทิพย์สุดา สุเมธเสนีย์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๗. นายชาญเวช บุญประเดิม ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
|
|||||||||||||||||||||
25484 | รายงานการปฏิบัติงานของศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครอง ประจำปี 2556 | ศป | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานการปฏิบัติงานของศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครอง ประจำปี ๒๕๕๖ ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับแผนยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ๕ ยุทธศาสตร์ ตามที่สำนักงานศาลปกครองเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ พัฒนาการอำนวยความยุติธรรมทางปกครองให้เป็นที่เชื่อมั่นแก่สังคมไทย ได้เสริมสร้างมาตรฐานการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลปกครองที่รวดเร็วและมีคุณภาพ ตลอดจนเสริมสร้างระบบการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้มีประสิทธิผล ๑.๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ พัฒนาหลักกฎหมายและองค์ความรู้เพื่อให้เป็นศูนย์กลางวิชาการด้านกฎหมายมหาชนที่เป็นที่ยอมรับ ได้จัดทำองค์ความรู้ด้านกฎหมายมหาชนเพื่อเผยแพร่แก่ตุลาการศาลปกครองและข้าราชการฝ่ายปกครอง เช่น คำแปลคำพิพากษาของต่างประเทศ งานวิจัย เป็นต้น และได้พัฒนาการให้บริการของหอสมุดกฎหมายมหาชน ตลอดจนให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับต่างประเทศ ๑.๓ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนและเสริมสร้างการปฏิบัติราชการที่ดีให้แก่หน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ได้ส่งเสริมโอกาสการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมทางปกครองของประชาชน เช่น กิจกรรมศาลปกครองพบประชาชนและเสริมสร้างเครือข่ายด้านสื่อมวลชน กิจกรรมศาลปกครองของประชาชนในเวทีสื่อมวลชน เป็นต้น และได้เสริมสร้างการปฏิบัติราชการที่ดีแก่หน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น จัดโครงการอบรมหลักสูตรนักบริหารการยุติธรรมทางปกครองระดับสูง โครงการอบรมหลักสูตรกฎหมายปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองตามมาตรฐานที่คณะกรรมการตุลาการศาลปกครองรับรอง เป็นต้น ๑.๔ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ พัฒนาระบบบริหารทรัพยากรมนุษย์เพื่อมุ่งสู่องค์การที่มีขีดสมรรถนะสูง ได้ดำเนินการปรับปรุงภารกิจ โครงสร้าง และอัตรากำลังของสำนักงานศาลปกครอง ตลอดจนได้เสริมสร้างความเชี่ยวชาญและขีดสมรรถนะของบุคลากรของศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครอง ๑.๕ ยุทธศาสตร์ที่ ๕ พัฒนาระบบบริหารจัดการองค์การเพื่อเอื้อต่อการปฏิบัติภารกิจของศาลปกครอง ได้กำหนดแนวทางการปฏิบัติงานระดับหน่วยงาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยกำหนดให้ทุกหน่วยงานจัดทำแนวทางการยกระดับขีดความสามารถในการทำงานและคุณภาพการให้บริการของหน่วยงานในสำนักงานศาลปกครองให้อยู่ในระดับสูง เพิ่มประสิทธิภาพระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารให้สามารถสนับสนุนการปฏิบัติงานตามภารกิจของศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครองและรองรับการพัฒนาองค์การในอนาคต ตลอดจนเสริมสร้างประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการ การบริหารทรัพย์สิน การคลัง และการตรวจสอบ ๒. การรายงานผลการปฏิบัติงานดังกล่าว สมควรนำไปสื่อสารให้กับประชาชนอีกทางหนึ่งเพื่อสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ดีต่อศาลปกครอง และสามารถนำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของประชาชนที่เป็นประโยชน์มาปรับปรุงพัฒนาคุณภาพการให้บริการของศาลปกครองในทุกด้านด้วย
|
|||||||||||||||||||||
25485 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... | คค | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้า ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
25486 | มาตรการเร่งรัดการออกกฎหมายเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล | นร05 | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ให้ทุกส่วนราชการและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการดำเนินการตามมาตรการเร่งรัดการออกกฎหมายตามมติการประชุมร่วมคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง รายงานผลการบริหารราชการแผ่นดินและการผลักดันนโยบายของคณะรัฐมนตรี ด้านกฎหมาย) ๑.๑ ให้ทุกส่วนราชการเร่งแจ้งยืนยันร่างกฎหมายที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มาที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว รวมทั้งเร่งจัดทำร่างกฎหมายใหม่หรือปรับปรุงร่างกฎหมายและเสนอไปยังคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ทั้งนี้ การเสนอร่างกฎหมายจะต้องยึดหลักการตามกรอบแนวทางตามมติคณะรัฐมนตรีที่กำหนดให้ทุกส่วนราชการจัดทำแผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ ๑ ปี (ตุลาคม ๒๕๕๗-ตุลาคม ๒๕๕๘) โดยให้จัดกลุ่มกฎหมายแบ่งออกเป็น กฎหมายที่ล้าสมัย กฎหมายที่ลดความเหลื่อมล้ำของสังคมหรือให้สังคมดีขึ้น กฎหมายที่เกี่ยวกับการค้า การลงทุน หรืออนุวัติการตามหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ และกฎหมายที่วางแนวทางการพัฒนาหรือแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ ทั้งนี้ ให้จัดทำเป็นตารางและกำหนดกรอบระยะเวลาแต่ละขั้นตอนให้ชัดเจน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ๑.๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งการดำเนินการตรวจพิจารณาร่างกฎหมายที่มีความจำเป็นเร่งด่วนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ เพื่อให้ส่วนราชการจะได้แจ้งยืนยันร่างกฎหมายที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มาที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว หรือเพื่อเสนอคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป รวมทั้งให้จัดทำกลุ่มประเภทกฎหมายตามกรอบแนวทางตามมติคณะรัฐมนตรีในข้อ ๑.๑ ตลอดจนจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนและกรอบระยะเวลาในการเสนอร่างกฎหมายต่อคณะรัฐมนตรี แล้วเสนอให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๒. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) ในฐานะรัฐมนตรีผู้ประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อเร่งรัดร่างกฎหมายที่อยู่ระหว่างพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้สามารถออกบังคับใช้เป็นกฎหมายโดยเร็ว รวมทั้งเร่งรัดการพิจารณาหนังสือสัญญาระหว่างประเทศตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
25487 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีเช่าบ้านพักข้าราชการและการเช่าสำนักงานของหน่วยงานที่ประจำในต่างประเทศ | กษ | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีการเช่าบ้านพักข้าราชการและการเช่าสำนักงานของหน่วยงานที่ประจำในต่างประเทศ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ รายการค่าเช่าสำนักงานและบ้านพัก สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ (ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๖๐) เป็นเงิน ๘,๖๔๐,๐๐๐ บาท หรือ ๒๑๖,๐๐๐ ยูโร อัตราแลกเปลี่ยน ๑ ยูโร เท่ากับ ๔๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๒,๑๖๐,๐๐๐ บาท งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๒,๑๖๐,๐๐๐ บาท ซึ่งได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๔,๓๒๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ รายการค่าเช่าบ้านพัก สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-พ.ศ. ๒๕๕๘) เป็นเงิน ๑,๙๒๐,๐๐๐ บาท หรือ ๔๘,๐๐๐ ยูโร อัตราแลกเปลี่ยน ๑ ยูโร เท่ากับ ๔๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๒๔๐,๐๐๐ บาท งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๙๖๐,๐๐๐ บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๗๒๐,๐๐๐ บาท ซึ่งได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว ๑.๓ รายการค่าเช่าบ้านพัก สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-พ.ศ. ๒๕๕๗) เป็นเงิน ๑,๙๙๔,๕๐๐ บาท หรือ ๖,๗๒๐,๐๐๐ เยน อัตราแลกเปลี่ยน ๑ เยน เท่ากับ ๐.๒๙๖๘ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๔๙๘,๖๒๔ บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑,๔๙๕,๘๗๖ บาท ๑.๔ รายการค่าเช่าบ้านพัก ฝ่ายการเกษตรประจำกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.. ๒๕๕๖-พ.ศ. ๒๕๕๗) เป็นเงิน ๑,๓๐๕,๖๐๐ บาท หรือ ๔๐,๘๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ อัตราแลกเปลี่ยน ๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๒ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๒๗๒,๐๐๐ บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑,๐๓๓,๖๐๐ บาท ๑.๕ รายการค่าเช่าสำนักงานที่ทำการ ฝ่ายการเกษตรประจำกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๗ (ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-พ.ศ. ๒๕๕๗) เป็นเงิน ๕๗๖,๓๐๐ บาท หรือ ๑๐๕,๑๔๙.๑๖ หยวน อัตราแลกเปลี่ยน ๑ หยวน เท่ากับ ๕.๔๘ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๔๘,๑๐๐ บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๕๒๘,๒๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการดำเนินการในครั้งต่อไปจะต้องมีการวางแผนที่สมบูรณ์ และขออนุมัติคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้องก่อนที่จะทำสัญญา และไม่ควรขออนุมัติย้อนหลัง รวมทั้งแนวทางตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง โครงการบูรณาการงานบริการภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ) ที่ให้ดำเนินการบูรณาการงานบริการภาครัฐให้มีประสิทธิภาพและสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว ในทำนองเดียวกับศูนย์ดำรงธรรม รวมทั้งนโยบายการใช้พื้นที่ร่วมกัน (One Roof Policy) ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน ณ นครนิวยอร์ก) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
25488 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงพลังงานแห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงาน | พน | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงพลังงานแห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงาน (Memorandum of Understanding between the Ministry of Energy of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Energy of the Russian Federation on Energy Cooperation) ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน) เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญเพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ให้กระทรวงพลังงานหารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมหรือโครงการภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ ควรรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อกิจกรรมหรือโครงการด้วย และในการดำเนินงานตามบันทึกความเข้าใจฯ อาทิ การสำรวจไฮโดรคาร์บอน การก่อสร้างและการใช้โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการขนส่ง การเก็บ การจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ และการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ ควรทำการศึกษาอย่างรอบด้าน และปฏิบัติตามขั้นตอน กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องภายในประเทศอย่างเคร่งครัด รวมทั้งการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการค้าหรือนำไปสู่ประเด็นด้านการค้า ให้มีการพิจารณาถึงการแบ่งปันผลประโยชน์ที่ยุติธรรม และการชดเชยที่เหมาะสมในกรณีที่ความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ การดำเนินกิจกรรมควรดำเนินการในลักษณะที่จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบทางลบต่อความมั่นคงทางอาหาร ทรัพยากรน้ำ และทรัพยากรป่าไม้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ในส่วนที่เกี่ยวกับด้านต่างประเทศด้วย |
|||||||||||||||||||||
25489 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลนามะเขือ อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ..... | กษ | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลนามะเขือ อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
25490 | ผลการเยือนญี่ปุ่นของคณะผู้แทนนายกรัฐมนตรี | นร | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนญี่ปุ่นของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) และคณะผู้แทนนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เพื่อหารือความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลญี่ปุ่น ทั้งในด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ซึ่งเป็นการหารือจากการที่นายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้หารือทวิภาคีระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซม เมื่อวันที่ ๑๖-๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ ณ เมืองมิลาน สาธารณรัฐอิตาลี รวมทั้งเป็นการเตรียมการเบื้องต้นในการเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เสนอ ดังนี้
๑. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่ง และการท่องเที่ยว ของญี่ปุ่น ผ่านคณะทำงานร่วมที่มีอยู่แล้ว ดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอของฝ่ายญี่ปุ่น เพื่อดำเนินการศึกษารายละเอียดความเป็นไปได้ของการพัฒนาระบบรถไฟเส้นทางเชื่อมระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (แม่สอด-พิษณุโลก-ขอนแก่น-มุกดาหาร) ๒. มอบหมายกระทรวงการต่างประเทศประสานกับฝ่ายญี่ปุ่นเพื่อดำเนินการเรื่องการยกระดับคณะกรรมการร่วมไทย-ญี่ปุ่น (Joint Committee : JC) จากระดับปลัดกระทรวง เป็นระดับรองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี และจัดให้มีการประชุมโดยเร็ว ๓. มอบหมายสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาในการยกระดับความร่วมมือในการพัฒนาโครงการท่าเรือน้ำลึกและเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายให้เป็นความร่วมมือของสามประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ไทย และญี่ปุ่น ๔. มอบหมายกระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดพิจารณามาตรการห้ามนำเข้าสินค้าอาหารจากเมืองที่เหลืออีก ๓ เมืองของญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่กระจายของกัมมันตภาพรังสีหลังเหตุการณ์สึนามิ แล้วแจ้งให้ญี่ปุ่นทราบโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||
25491 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลองครักษ์ ตำบลศีรษะกระบือ ตำบลบางลูกเสือ ตำบลพระ อาจารย์ ตำบลบางสมบูรณ์ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก และตำบลดอนเกาะกา ตำบลสิงโตทอง ตำบลหมอนทอง ตำบลบางน้ำเปรี้ยว อำเภอบาง น้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลองครักษ์ ตำบลศีรษะกระบือ ตำบลบางลูกเสือ ตำบลพระอาจารย์ ตำบลบางสมบูรณ์ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก และตำบลดอนเกาะกา ตำบลสิงโตทอง ตำบลหมอนทอง ตำบลบางน้ำเปรี้ยว อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นกรณีมีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทนเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างตามโครงการขยายทางหลวงชนบท นย. ๓๐๐๑ ได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
25492 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (องค์ประกอบคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม) | ศย | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไของค์ประกอบคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม ให้สอดคล้องตามหลักอาวุโสและการจัดประเภทตำแหน่งและระดับตำแหน่งของข้าราชการศาลยุติธรรมและพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
25493 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศญี่ปุ่น | กห | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศญี่ปุ่น ของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ระหว่างวันที่ ๒๘-๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ และวันที่ ๖-๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เพื่อพบปะหารือกับผู้บริหารระดับสูง ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ๑.๑ ไทยและจีนจะใช้ความร่วมมือในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาลดำเนินโครงการรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐานเส้นทางหนองคาย-โคราช-แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด (ประมาณ ๗๓๔ กิโลเมตร) และเส้นทางแก่งคอย-กรุงเทพฯ (ประมาณ ๑๓๓ กิโลเมตร) ซึ่งจีนจะรับผิดชอบในการก่อสร้างและหาแหล่งเงินทุนสนับสนุน นอกจากนี้ จีนพร้อมจะลงนามในสัญญาซื้อข้าวใหม่จากไทยเพิ่มขึ้นอีก ๑ ล้านตัน และข้าวเก่าในคลังอีก ๑ ล้านตัน ในปี ๒๕๕๘ และจะเร่งรัดการซื้อข้าวที่เหลืออีก ๗๐๐,๐๐๐ ตัน รวมทั้งตกลงในหลักการที่จะซื้อยางพาราจากไทย จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ ตัน ๑.๒ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ชี้แจงให้ทราบถึงความคืบหน้าของสถานการณ์ทางการเมืองของไทยและการปฏิบัติตาม Road Map ซึ่งจีนมีความเข้าใจและเคารพการปฏิบัติของไทย ๑.๓ ไทยและจีนจะเพิ่มความร่วมมือด้านการฝึกระหว่างกองทัพอากาศของทั้งสองประเทศ โดยฝ่ายไทยได้ให้ความสำคัญต่อการประชุมคณะกรรมการนโยบายดำเนินงานความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศ รวมทั้งขอให้จีนสนับสนุนหาคู่เจรจาให้กระทรวงกลาโหมของไทยในการส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศในด้านการวิจัยและพัฒนา ๒. ผลการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่น ๒.๑ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ชี้แจงถึงความคืบหน้าของสถานการณ์ทางการเมืองของไทย ซึ่งญี่ปุ่นมีความเข้าใจและเคารพต่อการดำเนินการของไทย และขอให้การปฏิบัติตาม Road Map บรรลุผลสำเร็จ ๒.๒ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้เชิญชวนให้นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมแปรรูปและเพิ่มคุณค่าสินค้าเกษตรของไทย รวมทั้งในเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดนไทย-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และไทย-สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา จำนวน ๕ แห่ง ๒.๓ ไทยได้เชิญชวนให้นักลงทุนชาวญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดนและโครงการพัฒนาเส้นทาง ซึ่งนักลงทุนชาวญี่ปุ่นให้ความสนใจการพัฒนาเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจแนวตะวันออก-ตะวันตก (EAST-WEST Economic Corridor) และแนวเหนือ-ใต้ (NORTH-SOUTH Economic Corridor) แต่เนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณจึงให้ความเร่งด่วนต่อแนวตะวันออก-ตะวันตกก่อน ๒.๔ ญี่ปุ่นขอให้ไทยพิจารณาโครงการรถไฟของญี่ปุ่น และพิจารณาการจำกัดการนำเข้าอาหารจากญี่ปุ่นซึ่งเป็นผลมาจากการเกิดสึนามิเมื่อหลายปีก่อน รวมทั้งญี่ปุ่นมีความสนใจในโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายและเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย โดยขอให้ไทยจัดการหารือระหว่างไทย-สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา-ญี่ปุ่น อีกครั้ง
|
|||||||||||||||||||||
25494 | ร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (วาระการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบ) | ศย | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมวาระการดำรงตำแหน่งของผู้พิพากษาสมทบ และแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการพ้นจากตำแหน่งของผู้พิพากษาสมทบ ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
25495 | มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในกระบวนการลักลอบตัดและค้าไม้พะยูง | ปช | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อเสนอของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในกระบวนการลักลอบตัดและค้าไม้พะยูง เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการ หรือวางแผนงานโครงการของส่วนราชการ เพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่ การกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ตามนัยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ มาตรา ๑๙ (๑๑) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการเร่งด่วน ๑.๑.๑ การกำหนดนโยบายบริหาร (แผนงาน/โครงการ/งบประมาณ/บุคลากร) โดยกำหนดให้การคุ้มครองป้องกันไม้พะยูงเป็นวาระแห่งชาติ การจัดสรรงบประมาณค่าใช้จ่ายสำหรับการคุ้มครองและอนุรักษ์ไม้พะยูง การกำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีไม้พะยูงอยู่ในเขตพื้นที่เร่งรัดจัดทำยุทธศาสตร์จังหวัดและกลุ่มจังหวัดเพื่อการป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดและค้าไม้พะยูงอย่างจริงจัง สำรวจและจัดทำแผนที่แสดงที่ตั้งและจำนวนของไม้พะยูงทั้งที่อยู่ในที่ดินของรัฐและในที่ดินเอกชนโดยวิธีการและเทคโนโลยีที่เหมาะสม การกำหนดให้ไม้พะยูงเป็นไม้หวงห้ามประเภท ข การจัดหาเมล็ดพันธุ์ที่ได้จากแม่ไม้ที่ผ่านการคัดเลือกว่าเป็นพันธุ์ที่ดีเพื่อให้ได้กล้าไม้พะยูงที่มีคุณภาพ และการกำหนดมาตรการสร้างแนวร่วมและเครือข่ายพิทักษ์ป่า ปลูกจิตสำนึก และสร้างความเข้าใจให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการปกป้องและรักษาทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ ๑.๑.๒ การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยการเร่งเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงร่วมกันกับประเทศเพื่อนบ้านให้ไม้พะยูงเป็นสินค้าห้ามผ่านแดน และการจัดเจรจา (ระดับทวิภาคี) หรือจัดประชุมระหว่างประเทศกับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศที่มีความต้องการไม้พะยูง หรือเกี่ยวข้องกับตลาดการค้าไม้พะยูง เพื่อหารือแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และการผลักดันให้ไม้พะยูงอยู่ในบัญชีแนบท้ายอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (CITES) เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเคลื่อนย้าย และการค้าระหว่างประเทศ ๑.๑.๓ การกำกับติดตามและดำเนินคดีทางกฎหมาย โดยการรับคดีการลักลอบตัดและค้าไม้พะยูงเป็นคดีพิเศษ การสอบสวนการกระทำความผิดในคดีเกี่ยวกับป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะการกระทำความผิดในคดีลักลอบตัดและค้าไม้พะยูงทุกคดีเป็นกรณีพิเศษ การจัดทำฐานข้อมูลของผู้กระทำความผิด รายการไม้ของกลาง และอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดอย่างเป็นระบบ การกำหนดแนวทางปฏิบัติในการดำเนินคดีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการลักลอบตัดและค้าไม้พะยูง การริบอุปกรณ์ เครื่องมือ ยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำความผิดของขบวนการลักลอบตัดและค้าไม้พะยูง การกำหนดมาตรการลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรงแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำความผิด ร่วมกระทำความผิด มีส่วนรู้เห็นเป็นใจ หรือให้การสนับสนุนในคดีความผิดที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบตัดและค้าไม้พะยูง รวมทั้งการให้สินบนและรางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแสนำจับ และผู้ที่ทำการจับกุมผู้กระทำความผิดในกระบวนการลักลอบตัดและค้าไม้พะยูง ๑.๒ มาตรการระยะยาว ได้แก่ การกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการบริหารจัดการไม้พะยูงที่เป็นไม้ของกลางที่ได้มาจากการกระทำความผิดให้ชัดเจน โดยไม่ต้องก่อให้เกิดวงจรของการลักลอบตัดและค้าไม้พะยูงอีกต่อไป รวมทั้งการปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติของประเทศให้ทันสมัยและสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยพิจารณาเพิ่มบทลงโทษผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะการลักลอบตัดและค้าไม้พะยูงให้เทียบเคียงกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ๒. รับทราบคำสั่งรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ที่ได้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประชุมหารือกำหนดวิธีการและแนวทางในการปฏิบัติ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
|
|||||||||||||||||||||
25496 | ร่างพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขนิยามคำว่า “ส่งออก” และ “นำเข้า” ให้มีความหมายรวมถึงการนำผ่านโดยวิธีการผ่านแดนและการถ่ายลำ เพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วนเพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมนิยามคำว่า ส่งออก และนำเข้า ให้รวมถึงการผ่านแดนและการถ่ายลำตามกฎหมายศุลกากร เนื่องจากจะเป็นอุปสรรคต่อการค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งการกำหนดให้สินค้าผ่านแดนและสินค้าถ่ายลำต้องปฏิบัติตามร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ไม่สอดคล้องกับการเข้าเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี ๒๕๕๘ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่อาเซียนรวมตัวกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจเดียวกัน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณากำหนดมาตรการชั่วคราวเพื่อป้องกันมิให้เกิดช่องว่างในการนำวิธีการผ่านแดน และการถ่ายลำมาใช้กับสินค้าต้องห้ามและต้องกำกัด ในระหว่างที่การแก้ไขพระราชบัญญัติฯ ยังไม่แล้วเสร็จ |
|||||||||||||||||||||
25497 | ร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการจดทะเบียนสถาบันชาวไร่อ้อย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อก | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยการจดทะเบียนสถาบันชาวไร่อ้อย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขคุณสมบัติของผู้มีสิทธิยื่นขอจดทะเบียนเป็นสถาบันชาวไร่อ้อย โดยยกเลิกข้อยกเว้นที่เคยให้แก่ชุมนุมสหกรณ์จากเดิมไม่ต้องมีคุณสมบัติเกี่ยวกับจำนวนสมาชิกและปริมาณอ้อยตามที่ระเบียบกำหนดก็สามารถยื่นขอจดทะเบียนเป็นสถาบันชาวไร่อ้อยได้ เป็นให้ใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน และแก้ไขระยะเวลาการยื่นขอ และเปิดรับจดทะเบียนจากทุก ๒ ปี เป็น ทุกปี ภายหลังจากสิ้นสุดฤดูการหีบอ้อยของทุกโรงงาน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงอุตสาหกรรมไปหารือในเรื่องคุณสมบัติของผู้มีสิทธิยื่นคำร้องขอจดทะเบียนเป็นสถาบันชาวไร่อ้อยนั้น ยังมีสหกรณ์ชาวไร่อ้อยอยู่เป็นจำนวนมากที่มีจำนวนสมาชิกน้อยกว่า ๖๐๐ คน ซึ่งหากร่างระเบียบนี้มีผลใช้บังคับจะทำให้สหกรณ์ที่มีสมาชิกน้อยกว่า ๖๐๐ คน ไม่สามารถจดทะเบียนเป็นสถาบันชาวไร่อ้อยได้ จะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการจัดการเรื่องการจำหน่ายอ้อยให้แก่โรงงานน้ำตาลได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสมาชิกของสหกรณ์ดังกล่าวตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และหากได้ข้อยุติโดยไม่มีการแก้ไขหลักการของร่างระเบียบในเรื่องนี้ ให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรพิจารณาทบทวนประเด็นการยกเลิกการรายงานจำนวนพื้นที่ปลูกอ้อยและปริมาณอ้อยของสมาชิกสถาบันชาวไร่อ้อยต่อนายทะเบียนสถาบันชาวไร่อ้อย เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการพิจารณากำหนดแนวทางการบริหารจัดการอ้อยและน้ำตาลทรายภายในประเทศที่เหมาะสม และควรเผยแพร่ข้อมูลและสร้างความเข้าใจให้กับผู้มีสิทธิยื่นคำร้องขอจดทะเบียนเป็นสถาบันชาวไร่อ้อย รวมทั้งควรกำหนดแนวทางในการสนับสนุนให้สถาบันชาวไร่อ้อยมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างเกษตรกร โรงงานน้ำตาลทราย สถาบันการศึกษา และหน่วยงานภาครัฐ ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ทั้งด้านพันธุ์อ้อย เครื่องจักรกลทางการเกษตร และระบบชลประทาน และเตรียมความพร้อมของเกษตรกรในการปรับเปลี่ยนแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมในการลดพื้นที่ปลูกข้าวที่ไม่เหมาะสมไปปลูกอ้อยโรงงานทดแทน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ แต่หากต้องมีการปรับปรุงคุณสมบัติของผู้มีสิทธิยื่นคำร้องขอจดทะเบียนเป็นสถาบันชาวไร่อ้อยต่างไปจากหลักการที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||
25498 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสุวินทวงศ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. .... | มท | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสุวินทวงศ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลศาลาแดง ตำบลบางน้ำเปรี้ยว อำเภอบางน้ำเปรี้ยว ตำบลคลองนครเนื่องเขต ตำบลบางขวัญ ตำบลท่าไข่ ตำบลคลองหลวงแพ่ง ตำบลคลองอุดมชลจร ตำบลหนามแดง ตำบลวังตะเคียน ตำบลคลองเปรง ตำบลบางเตย ตำบลโสธร ตำบลบางกะไห ตำบลบางพระ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา และตำบลเกาะไร่ ตำบลเทพราช ตำบลคลองประเวศ ตำบลบางกรูด ตำบลสนามจันทร์ ตำบลลาดขวาง อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
25499 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... | มท | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวมบ้านโป่ง ในท้องที่ตำบลท่าผา ตำบลลาดบัวขาว ตำบลปากแรต ตำบลเบิกไพร ตำบลบ้านโป่ง ตำบลสวนกล้วย ตำบลหนองกบ ตำบลหนองอ้อ และตำบลนครชุมน์ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
25500 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (จำนวน 2 ราย) (1. นายสุนัย อภิรักษ์ธาธาร ฯลฯ) | มท | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายสุนัย อภิรักษ์ธาธาร ดำรงตำแหน่งสถาปนิกใหญ่ (สถาปนิกทรงคุณวุฒิ) กรมโยธาธิการและผังเมือง ตั้งแต่วันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๖ ๒. นายเกียรติศักดิ์ จันทรา ดำรงตำแหน่งวิศวกรใหญ่ (วิศวกรโยธาทรงคุณวุฒิ) กรมโยธาธิการและผังเมือง ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๗
|
.....