ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1274 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 25461 - 25480 จากข้อมูลทั้งหมด 123968 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25461 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (นักบริหารระดับสูง) (จำนวน 2 ราย) (1. นางสุรีย์พรรณ เอื้อเสถียร ฯลฯ) | นร | 25/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคำสั่งให้ข้าราชการรักษาราชการแทนในตำแหน่งดังกล่าว ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) เสนอ ดังนี้
๑. นางสุรีย์พรรณ เอื้อเสถียร ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ๒. นายรวี ประจวบเหมาะ ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||
25462 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (เพิ่มเติม) | มท | 25/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้พลเอก วิโรจน์ บัวจรูญ กรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคพ้นจากตำแหน่งโดยมติคณะรัฐมนตรี และให้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (เพิ่มเติม) จำนวน ๗ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นที่ลาออก และแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. พลเอก วิโรจน์ บัวจรูญ ประธานกรรมการ ๒. นายถวิล เปลี่ยนศรี กรรมการอื่น (บุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจตามประกาศกระทรวงการคลัง) ๓. นายไพบูลย์ ศิริภาณุเสถียร กรรมการอื่น (บุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจตามประกาศกระทรวงการคลัง) ๔. นายสุรงค์ บูลกุล กรรมการอื่น (บุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจตามประกาศกระทรวงการคลัง) ๕. นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี กรรมการอื่น ๖. นายสมพร ใช้บางยาง กรรมการอื่น ๗. รองศาสตราจารย์ วิสุทธิ์ สุนทรกนกพงศ์ กรรมการอื่น
|
|||||||||||||||||||||
25463 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2556/2557 และการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2557/2558 | อก | 25/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ เป็นรายเขต โดยมีราคาอ้อยขั้นสุดท้ายเฉลี่ยทั่วประเทศที่ ๙๕๘.๓๑ บาทต่อตันอ้อย ณ ระดับค่าความหวาน ๑๐ ซี.ซี.เอส. และกำหนดอัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อยเท่ากับ ๕๗.๕๐ บาท ต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส. ต่อเมตริกตันและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ เฉลี่ยทั่วประเทศเท่ากับ ๔๑๐.๗๐ บาทต่อตันอ้อย ๑.๒ กำหนดราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ ในอัตรา ๙๐๐.๐๐ บาทต่อตันอ้อย ณ ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส. หรือเท่ากับร้อยละ ๙๗.๖๔ ของประมาณการราคาอ้อยเฉลี่ยทั่วประเทศ ๙๒๑.๗๓ บาทต่อตันอ้อย และกำหนดอัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อยเท่ากับ ๕๔.๐๐ บาท ต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส. ต่อเมตริกตัน และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้นฤดูการผลิตปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ เท่ากับ ๓๘๕.๗๑ บาทต่อตันอ้อย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการทบทวนโครงสร้างการคำนวณต้นทุนการผลิตอ้อยที่มีความเหมาะสมสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เร่งรัดการหาข้อยุติเรื่องการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบตามผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (TDRI) และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็ว รวมทั้งจัดทำแนวทางเตรียมความพร้อมในการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมเป็นอ้อยโรงงานเพื่อลดความเสี่ยงของการลดต่ำลงของราคาอ้อยจากปริมาณอ้อยล้นตลาด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
25464 | ขอความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทยในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558 - 2565 | คค | 25/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทยในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ มีสาระสำคัญคือ รัฐบาลไทยตกลงให้รัฐบาลจีนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการตาม “กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕” โดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐาน (Standard Gauge) เส้นทางหนองคาย-โคราช-แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด (ประมาณ ๗๓๔ กิโลเมตร) และเส้นทางแก่งคอย-กรุงเทพฯ (ประมาณ ๑๓๓ กิโลเมตร) ซึ่งเป็นโครงการรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐานโครงการแรกของไทย โดยทั้งสองฝ่ายจะใช้ความร่วมมือในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาลในการดำเนินโครงการความร่วมมือดังกล่าว และให้เสนอร่างบันทึกความเข้าใจฯ เพื่อขอความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจฯ แล้ว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยไม่มีผลเปลี่ยนแปลงหลักการและสาระสำคัญ ให้กระทรวงคมนาคมสามารถหารือกับกระทรวงการต่างประเทศและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการต่อไปโดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ความร่วมมือในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาลในการดำเนินโครงการฯ เป็นการลงทุนขนาดใหญ่และมีวงเงินงบประมาณสูง จึงเห็นควรดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนก่อนดำเนินโครงการต่อไป และเพื่อให้การดำเนินงานภายใต้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ เป็นไปอย่างรอบครอบ เกิดความโปร่งใส และเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบรางของประเทศ เห็นควรพิจารณาความสอดคล้องของแผนการพัฒนาระบบรางขนาดมาตรฐานของประเทศกับแผนการพัฒนาระบบรถไฟของประเทศเพื่อนบ้าน อาเซียน และสาธารณรัฐประชาชนจีน (จีนตอนใต้) การเปรียบเทียบความเหมาะสมและความคุ้มค่าของการพัฒนารถไฟขนาดมาตรฐานในระดับความเร็วต่าง ๆ การพิจารณากำหนดรูปแบบการร่วมลงทุนที่เหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องสิทธิในการพัฒนาที่ดินตามแนวเส้นทาง การกำหนดให้มีการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีอย่างเป็นระบบ รวมทั้งการสงวนสิทธิของรัฐบาลไทยในการพิจารณารูปแบบการลงทุนจัดหาขบวนรถ ผู้ให้บริการเดินรถและบำรุงรักษาที่เหมาะสมตามขั้นตอนกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||
25465 | ขอความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตร | พณ | 25/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตร มีสาระสำคัญโดยสรุป คือ ในปี ๒๕๕๘ รัฐบาลจีนพร้อมที่จะลงนามสัญญาการซื้อข้าวจากไทย โดยเป็นข้าวใหม่ จำนวน ๑ ล้านตัน และข้าวในสต็อกของรัฐบาลไทยอีก จำนวน ๑ ล้านตัน ตั้งแต่ปี ๒๕๕๘ ถึง ๒๕๕๙ นอกจากนี้ จีนยังได้ตกลงในหลักการที่จะซื้อยางพาราจากไทย จำนวน ๒ แสนตัน และในช่วงระยะเวลาของการปฏิบัติตามความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของไทย จีนตกลงที่จะเพิ่มการซื้อข้าวและ/หรือสินค้าเกษตรอื่น ๆ จากไทยในแต่ละปี ที่ราคาตลาดโลก เพิ่มมากกว่าปริมาณการค้าเฉลี่ยต่อปีที่มีอยู่ในรอบห้าปีย้อนหลัง ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการปรับแก้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยไม่มีผลเปลี่ยนแปลงหลักการและสาระสำคัญ ให้กระทรวงพาณิชย์สามารถหารือกับกระทรวงการต่างประเทศและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการต่อไปได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ๒. เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตร ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนสำหรับการลงนามดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||
25466 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามแผนปฏิบัติการว่าด้วยการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย และ กระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างปี พ.ศ. 2557 - 2559 | วธ | 25/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำและลงนามแผนปฏิบัติการว่าด้วยการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว แห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๙ (Cultural Exchange Programme between the Ministry of Culture, Sports, and Tourism of the Socialist Republic of Viet Nam and the Ministry of Culture of the Kingdom of Thailand for the years 2014-2016) เพื่อเป็นกรอบการดำเนินงานในการกระชับความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมระดับทวิภาคีไทย-เวียดนาม มีสาระสำคัญครอบคลุมแผนงานด้านวัฒนธรรมและการส่งเสริมด้านวิจิตรศิลป์ รวมทั้งเพิ่มความร่วมมือในสาขาใหม่ ๆ ได้แก่ มานุษยวิทยา และภาพยนตร์ และการแลกเปลี่ยนการจัดงานสัปดาห์วัฒนธรรมเพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตครบ ๔๐ ปีในปี ๒๕๕๙ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นให้สามารถปรับปรุงถ้อยคำของแผนปฏิบัติการฯ ได้เท่าที่ไม่ขัดกับหลักการและสาระสำคัญที่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีหรือเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในแผนปฏิบัติการฯ ดังกล่าว ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามในแผนปฏิบัติการฯ
|
|||||||||||||||||||||
25467 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 ประจำปีงบประมาณ 2557 | กค | 25/11/2557 | ||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
25468 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 20 (COP20) และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 10 (CMP10) | ทส | 25/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๐ (COP20) และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๐ (CMP10) ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เอกอัครราชทูต ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งสิ้น ๕๐ คน ๑.๒ เห็นชอบต่อท่าทีการเจรจาของไทยสำหรับใช้ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๐ (COP20) และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๐ (CMP10) ซึ่งเน้นย้ำการดำเนินงานภายใต้อนุสัญญาฯ โดยมุ่งหวังให้รัฐภาคียกระดับการดำเนินงานด้านการลดก๊าซเรือนกระจก การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสนับสนุนทางการเงินและเทคโนโลยีจากประเทศพัฒนาแล้ว ทั้งนี้ เรียกร้องให้ประเทศพัฒนาแล้ว ต้องเป็นผู้นำในการดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจก และการให้การสนับสนุนทางการเงิน การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านวิชาการและประสบการณ์ ๑.๓ หากมีข้อเจรจาใดที่นอกเหนือจากท่าทีการเจรจาฯ และไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (Legally Binding) ต่อประเทศไทย ขอให้เป็นดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้พิจารณา โดยไม่ต้องนำกลับเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหม่จนสิ้นสุดการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๐ (COP20) และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๐ (CMP10) ในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ด้านการต่างประเทศ ที่ให้ส่วนราชการต่าง ๆ ที่จะไปประชุมระดับนานาชาติ และจะเสนอตัวให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดงานหรือการประชุมระดับนานาชาติต่าง ๆ รายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสแรกโดยเคร่งครัดด้วย |
|||||||||||||||||||||
25469 | เสนอขอแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (กระทรวงยุติธรรม) | ยธ | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
25470 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ) | วช | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คงคณะกรรมการต่าง ๆ ของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๔ คณะ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คณะกรรมการแห่งชาติเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบพฤติกรรมไทย (คพท.) ๒. คณะกรรมการโครงการความร่วมมือการวิจัยระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ๓. คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการประสานงานของสภาสหภาพวิทยาศาสตร์ระหว่างประเทศ (ICSU-ไทย) ๔. คณะกรรมการแห่งชาติเพื่อพัฒนางานเลี้ยงและใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์
|
|||||||||||||||||||||
25471 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงมหาดไทย) | มท | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการของกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๑๐ คณะ ดังนี้
๑. คณะกรรมการพิจารณาตั้งกิ่งอำเภอและอำเภอ ๒. คณะกรรมการสถาบันดำรงราชานุภาพ ๓. คณะกรรมการศูนย์ดำเนินการเกี่ยวกับผู้อพยพและหลบหนีเข้าเมือง ๔. คณะกรรมการบริหารเขตอุตสาหกรรมปัตตานี ๕. คณะกรรมการที่ปรึกษาเขตอุตสาหกรรมปัตตานี ๖. คณะกรรมการอำนวยการโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเศรษฐกิจแบบพอเพียงเฉลิมพระเกียรติ ๗. คณะกรรมการบูรณาการและปฏิรูประบบการทะเบียนแห่งชาติ ๘. คณะกรรมการพิจารณาให้สัญชาติและให้สถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายแก่ชนกลุ่มน้อย ๙. คณะกรรมการบูรณาการการบริหารจัดการที่ดินเชิงระบบ ๑๐. คณะกรรมการนโยบายการผังเมืองแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||
25472 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๘ คณะ ดังนี้
๑. คณะกรรมการอำนวยการโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ ๕๐ ๒. คณะกรรมการบริหารโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ ๕๐ ๓. คณะกรรมการกองทุนโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ ๕๐ ๔. คณะกรรมการโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ ๕๐ ประจำจังหวัด ๕. คณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ๖. คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ๗. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าแห่งชาติ ๘. คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ระดับประเทศ (ฝ่ายไทย)
|
|||||||||||||||||||||
25473 | รายงานการตรวจสอบคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ) | นร08 | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คงคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี ของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ รวม ๒ คณะ คือ คณะกรรมการพิจารณาปัญหาเขตแดนของประเทศไทย และคณะกรรมการนโยบายและอำนวยการแก้ไขปัญหาการก่อการร้ายสากล โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่เช่นเดิม ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
25474 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงาน ก.พ.) | นร10 | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้คณะกรรมการจัดงานวันข้าราชการพลเรือน และคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ยังคงมีอยู่ โดยปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการจัดงานวันข้าราชการพลเรือน ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ๒. ให้คณะกรรมการของสำนักงาน ก.พ. ซึ่งได้แจ้งยืนยันการคงอยู่ของคณะกรรมการไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ เรื่อง คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี) มีผลต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
25475 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฯ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน รวม 2 ฉบับ (ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ตำบลโคกเพลาะ ตำบลวัดหลวง ตำบลหัวถนน ตำบลหนองปรือ ตำบลไร่หลักทอง ตำบลหนองเหียง ตำบลบ้านช้าง ตำบลนาวังหิน ตำบลนาเริก อำเภอพนัสนิคม และตำบลท่าบุญมี ตำบลเกาะจันทร์ อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน) | กษ | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฯ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน รวม ๒ ฉบับ เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อการก่อสร้างคลองส่งน้ำและคลองระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบฝั่งขวา ตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลห้วยน้ำหอม ตำบลมาบแก ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ อำเภอวังเมือง อำเภอลาดยาว ตำบลปางสวรรค์ ตำบลชุมตาบง อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ และตำบลไผ่เขียว อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ๒. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลโคกเพลาะ ตำบลวัดหลวง ตำบลหัวถนน ตำบลหนองปรือ ตำบลไร่หลักทอง ตำบลหนองเหียง ตำบลบ้านช้าง ตำบลนาวังหิน ตำบลนาเริก อำเภอพนัสนิคม และตำบลท่าบุญมี ตำบลเกาะจันทร์ อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน |
|||||||||||||||||||||
25476 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ฯ เป็นกรณีที่มีความจำแป็นโดยเร่งด่วน รวม 2 ฉบับ (ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลห้วยน้ำหอม ตำบลมาบแก ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ ตำบลวังเมือง อำเภอลาดยาว ตำบลปางสวรรค์ ตำบลชุมตาบง อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ และตำบลไผ่เขียว อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน) | กษ | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฯ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน รวม ๒ ฉบับ เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อการก่อสร้างคลองส่งน้ำและคลองระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบฝั่งขวา ตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลห้วยน้ำหอม ตำบลมาบแก ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ อำเภอวังเมือง อำเภอลาดยาว ตำบลปางสวรรค์ ตำบลชุมตาบง อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ และตำบลไผ่เขียว อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ๒. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลโคกเพลาะ ตำบลวัดหลวง ตำบลหัวถนน ตำบลหนองปรือ ตำบลไร่หลักทอง ตำบลหนองเหียง ตำบลบ้านช้าง ตำบลนาวังหิน ตำบลนาเริก อำเภอพนัสนิคม และตำบลท่าบุญมี ตำบลเกาะจันทร์ อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดลพบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน |
|||||||||||||||||||||
25477 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายเหนือ ช่วงลพบุรี - ปากน้ำโพ จำนวน 4 ฉบับ | คค | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายเหนือ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ จำนวน ๔ ฉบับ โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางรถไฟทางคู่ และสร้างทาง สร้างสะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ และทางรถยนต์ลอดใต้ทางรถไฟ ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายเหนือ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเชียงงา และตำบลบ้านหมี่ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเขาทอง อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองปลิง อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านกลับ อำเภอหนองโดน จังหวัดสระบุรี ตำบลโพตลาดแก้ว ตำบลบางคู้ อำเภอท่าวุ้ง และตำบลโคกลำพาน ตำบลโพธิ์เก้าต้น ตำบลโพธิ์ตรุ ตำบลบางขันหมาก ตำบลโคกกระเทียม อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... ๒. ให้รับไปพิจารณาด้วยว่าจะตราเป็นพระราชกฤษฎีกาฉบับเดียวกัน แต่ให้มีแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาหลายฉบับได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นการดำเนินการตามโครงการเดียวกัน แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
25478 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (จำนวน 9 ราย) (1. นายจักรกฤษณ์ ศรีวลี ฯลฯ) | กต | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน จำนวน ๙ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายจักรกฤษณ์ ศรีวลี ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอาเซียน ๒. นายเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม ราชอาณาจักรสวีเดน สำนักงาน ปลัดกระทรวง ๓. นายพิริยะ เข็มพล ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายอภิชาติ เพ็ชรรัตน์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัมมาน ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายเจษฎา ชวาลภาคย์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบัวโนสไอเรส สาธารณรัฐอาร์เจนตินา สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นายอิศร ปกมนตรี ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๗. นายณัฏฐวุฒิ โพธิสาโร ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา สำนักงานปลัดกระทรวง ๘. นายสุวัฒน์ จิราพันธุ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๙. ร้อยโทจอมพละ เจริญยิ่ง ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||
25479 | ขอความเห็นชอบให้ต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ (ครั้งที่ 1) (นายวิบูลย์ทัต สุทนธนกิตติ์) | ทก | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนายวิบูลย์ทัต สุทันธนกิตติ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ ซึ่งดำรงตำแหน่งดังกล่าวเมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ จะครบกำหนด ๔ ปี ในวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ต่อไปอีกเป็นครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ (เกษียณอายุราชการในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘) ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
25480 | รายงานสรุปผลดำเนินงานการกำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิต ปี 2556/2557 | อก | 18/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินการกำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิต ปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ ของคณะกรรมการกำกับการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิต ปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ ประจำเดือนกันยายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. จัดระบบควบคุม ตรวจสอบ กำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือให้ถึงมือชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ์ให้ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ โดยกำหนดขั้นตอนการปฏิบัติในการจ่ายเงินช่วยเหลือค่าอ้อยในฤดูการผลิต ปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ ๒. สรุปผลการจ่ายเงินเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิต ปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ มีชาวไร่อ้อยที่เป็นคู่สัญญาและมีสิทธิ์ในการได้รับเงินเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้น ๑๖๐ บาท/ตันอ้อย จำนวน ๑๔๖,๔๙๑ ราย ปริมาณอ้อยเข้าหีบ (ณ วันปิดหีบ) จำนวน ๑๐๓,๖๖๕,๗๕๐.๔๖๐ ตัน รวมเป็นเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้น จำนวน ๑๖,๕๘๖,๕๒๐,๐๗๓.๖๐ บาท ซึ่งกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายได้แจ้งให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรโอนเงินเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิต ปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ เข้าบัญชีชาวไร่อ้อยแล้ว รวม ๑๐ งวด จำนวนเงินทั้งสิ้น ๑๖,๕๑๙,๖๗๖,๗๙๑.๐๔ บาท ส่วนที่เหลืออีก ๔๑๗,๗๗๐.๕๑๖ ตัน คิดเป็นเงินช่วยเหลือ จำนวน ๖๖,๘๔๓,๒๘๒.๕๖ บาท อยู่ระหว่างดำเนินการ ๓. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิต ปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ จำนวน ๒ ชุด ประกอบด้วย ชุดที่ ๑ กรมโรงงานอุตสาหกรรม รับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก และชุดที่ ๒ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม รับผิดชอบพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อลงพื้นที่ควบคุม ตรวจสอบ กำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ |
.....