ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1272 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 25421 - 25440 จากข้อมูลทั้งหมด 124251 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25421 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป และให้ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งแทนอยู่ในตำแหน่งตามวาระของผู้ซึ่งตนแทน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายโอภาส กลั่นบุศย์ กรรมการ ผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์ แทนนายจุมพล สงวนสิน ๒. นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ กรรมการ แทนนายธนรัชต์ วิเชียรรัตน์ ที่ขอลาออก
|
|||||||||||||||||||||
25422 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (แทนตำแหน่งที่ว่างลง รวม 3 ตำแหน่ง) | กค | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ รวม ๓ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากมีอายุครบ ๗๐ ปีบริบูรณ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. รองศาสตราจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ เป็นประธานกรรมการ ๒. รองศาสตราจารย์ปาริชาติ วลัยเสถียร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล ๓. รองศาสตราจารย์นภาภรณ์ หะวานนท์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล
|
|||||||||||||||||||||
25423 | แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 | อก | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ จำนวน ๑๒ คน แทนชุดเดิมที่ครบวาระการดำรงตำแหน่งสองปีแล้วเมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายสรรเสริญ อัจจุตมานัส ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒. นายพชร อนันตศิลป์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านพัฒนาเงินนอกงบประมาณ กรมบัญชีกลาง ๓. นายธวัชชัย โสภาเสถียรพงศ์ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ ๔. นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม ๕. นางวีรวรรณ ลือสุทธิวิบูลย์ ที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ ผู้แทนสำนักงบประมาณ ๖. นางสาววรางคณา อิ่มอุดม ผู้บริหารส่วน ส่วนเศรษฐกิจด้านอุปทาน สำนักเศรษฐกิจมหภาค ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย ๗. นายชัยวัฒน์ คำแก่นคูณ ผู้แทนชาวไร่อ้อย ๘. นายเอกชัย อริยมงคลชัย ผู้แทนชาวไร่อ้อย ๙. นายไพบูลย์ ธิติศักดิ์ ผู้แทนชาวไร่อ้อย ๑๐. นายกัญจน์ ชินธรรมมิตร ผู้แทนโรงงาน ๑๑. นางสาวจุฑามาศ อรุณานนท์ชัย ผู้แทนโรงงาน ๑๒. นายณัฐพล อัษฎาธร ผู้แทนโรงงาน
|
|||||||||||||||||||||
25424 | แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการบริหารศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ | พณ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายกิตติ ตั้งจิตรมณีศักดา เป็นกรรมการผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในคณะกรรมการบริหารศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ แทนนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ที่ลาออก ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
25425 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการมาตรฐานแห่งชาติ | อก | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการมาตรฐานแห่งชาติชุดใหม่ จำนวน ๗ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ได้ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนดสามปีตามวาระแล้วเมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๗ และวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายสมชาย โรจน์รุ่งวศินกุล (ภาคราชการ) ๒. นายวีระชัย ศรีขจร (ภาคราชการ) ๓. นายไพโรจน์ สัญญะเดชากุล (ภาคเอกชน) ๔. นายนิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย (ภาคเอกชน) ๕. พลอากาศตรี เพียร โตท่าโรง (ภาคเอกชน) ๖. นายดำริ สุโขธนัง (ภาคเอกชน) ๗. นายศุภชัย สุทธิพงษ์ชัย (ภาคเอกชน)
|
|||||||||||||||||||||
25426 | รายงานผลการเดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชา | กห | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพร้อมคณะ ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้เข้าเยี่ยมคำนับ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา และพลเอก เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศ พร้อมทั้งขอให้ฝ่ายกัมพูชาร่วมพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณแนวชายแดน จังหวัดตราด และจังหวัดสระแก้ว ที่มีพื้นที่ติดกับจังหวัดเกาะกง และจังหวัดบันเตียเมียนเจยของกัมพูชา เพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงด้านการค้า การลงทุน รวมทั้งแก้ปัญหาความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนไปพร้อมกัน ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (กชท.) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๑๐ เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยมีการหารือเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ (๑) การเสริมสร้างความมั่นคงและรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศภายใต้กรอบ กชท. รวมถึงการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว (๒) การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ การเอาเปรียบแรงงาน และกิจกรรมที่ผิดกฎหมายทุกรูปแบบในพื้นที่ชายแดน (๓) การปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนตามแนวชายแดนในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านการค้าตามแนวชายแดนโดยการสนับสนุนการดำเนินการของรัฐบาลของทั้งสองประเทศในการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ด้านการเกษตร ด้านสาธารณสุข และด้านการท่องเที่ยว (๔) การเสริมสร้างพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนในการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยให้เป็นไปอย่างยั่งยืน และ (๕) การต่อต้านการก่อการร้าย โดยติดตามตรวจสอบอย่างเข้มงวดในกิจกรรมความเคลื่อนไหวของขบวนการก่อการร้าย และการลักลอบค้าอาวุธ พร้อมทั้งเพิ่มการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||
25427 | รายงานผลการดำเนินงานจัดกิจกรรม "คืนความสุขสู่ประชาชน" ของกระทรวงอุตสาหกรรม | อก | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานจัดโครงการ/กิจกรรม “คืนความสุขสู่ประชาชน” เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน จำนวน ๗ กิจกรรม ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. จัดกิจกรรมคาราวานสินค้าราคาโรงงาน โดยคัดสรรสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ได้แก่ ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำมันพืช น้ำตาล ซอสปรุงรส อาหารจากบริษัทในเครือซีพี กระจายออกไปจำหน่ายใน ๙ ชุมชนใหญ่ ในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีราคาถูกกว่าท้องตลาดร้อยละ ๓๐-๔๐ ๒. ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีแก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน โดยประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีแก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน จำพวกที่ ๒ และ ๓ ทุกขนาด ที่จะถึงกำหนดเรียกเก็บ ระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ๓. จัดกิจกรรมภายใต้ชื่องาน “นิคมอุตสาหกรรม ส่งความสุขให้ชุมชน” โดยการนิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งทั่วประเทศ (๓๒ แห่ง) ได้แก่ ทำบุญตักบาตร กิจกรรมลานสัมพันธ์ชุมชนรอบนิคม ออกร้านจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษ กีฬาสานสัมพันธ์ จัดคอนเสิร์ตและรำวงย้อนยุค เยี่ยมชมนิคมฯ นิทรรศการให้ความรู้ การรับสมัครงาน การให้บริการด้านอื่น ๆ การมอบทุนการศึกษา และจัดบริการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ตั้งแต่วันที่ ๑๒-๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ รวมทั้งกิจกรรมส่งแรงใจให้ทหารผู้กล้าเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับทหารที่เจ็บป่วย ๔. การจัดงานแฟร์ทั่วไทย รวม ๖ แห่ง เน้นสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่น สินค้าเอสเอ็มอี และสินค้าเด่นของจังหวัด โดยจัดในเมืองท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่ ประกอบด้วย (๑) งานจัดหัตถกรรมของขวัญที่ระลึก ครั้งที่ ๒๔ หรือ “GIFT FAIR 24th” ระหว่างวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน-๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ จังหวัดเชียงใหม่ (๒) งานเซรามิกส์แฟร์ ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน-๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ จังหวัดลำปาง (๓) งานอุตสาหกรรมแฟร์ ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน-๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ จังหวัดพิษณุโลก (๔) งานคืนความสุข ช็อปสนุก สินค้าไทย ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (๕) งานคลัสเตอร์เครื่องหนัง “BIG GIFT FAIR” ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และ (๖) งานเทศกาลไหมไทย ระหว่างวันที่ ๙-๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ จังหวัดนครราชสีมา ๕. มอบอุปกรณ์ช่วยพ่นยาโรคหอบหืดสำหรับเด็กเล็ก โดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและสถาบันพลาสติกได้ร่วมมือกับภาคเอกชนในการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ต้นแบบอุปกรณ์ช่วยพ่นยาโรคหอบหืดให้สามารถผลิตได้ในเชิงพาณิชย์ โดยกำหนดให้มีการผลิตเพื่อแจกจ่ายให้แก่เด็กด้อยโอกาส ในวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ เป็นจำนวน ๑,๐๐๐ ชิ้น ๖. โครงการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมครบวงจร โดยจัดทำโครงการบริหารจัดการกากของเสียอันตราย (เตาเผา) เพื่อศึกษาความเหมาะสมในการสร้างโรงงานกำจัดขยะของเสียอันตราย รวมถึงความสามารถในการรองรับการกำจัดของเสียในปริมาณที่เพียงพอต่อการขยายตัวทางอุตสาหกรรม ๗. โครงการสร้างความสามารถในการดำเนินการด้านระบบการบริหารจัดการและแข่งขันได้ในตลาดโลกสำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะบุคลากรของผู้ประกอบการ SMEs ในการนำมาตรฐานระบบการบริหารจัดการไปปฏิบัติและเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ผู้เข้าร่วมโครงการไม่เสียค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม (ยกเว้นค่าที่พักและค่าเดินทาง) โดยจะมีการเปิดตัวและชี้แจงโครงการในวันศุกร์ที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๘ ณ ห้องแคทลียา โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพมหานคร
|
|||||||||||||||||||||
25428 | โครงการของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชนของกระทรวงสาธารณสุข | สธ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินโครงการของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชนของกระทรวงสาธารณสุข ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. โครงการรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ และโครงการฟันเทียมพระราชทานและการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ โดยการให้บริการรากฟันเทียมแก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส ผลการดำเนินงาน ณ วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ ฝังรากฟันเทียมได้ จำนวน ๘๐๔ ราย ส่วนการให้บริการฟันเทียมแก่ผู้สูงอายุ ผู้ที่สูญเสียฟันตั้งแต่ ๑๖ ซี่ขึ้นไป รวมถึงผู้ป่วยที่สูญเสียฟันทั้งปาก ผลการดำเนินงาน ณ วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ บริการใส่ฟันเทียมได้ จำนวน ๑,๐๗๘ ราย ๒. โครงการรณรงค์ให้วัคซีนป้องกันโรคคอตีบและหัด เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ โดยการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ผลการดำเนินงาน ณ วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ ให้บริการได้ จำนวน ๓,๗๕๕,๑๐๗ คน ส่วนการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคหัด มีกำหนดดำเนินการในช่วงเดือนพฤษภาคม-กันยายน ๒๕๕๘ ๓. โครงการทีมหมอประจำครอบครัว หรือจัด Family care Team เพื่อดูแลประชาชนทุกกลุ่มวัย โดย (๑) จัดทีมหมอครอบครัวเพื่อรับผิดชอบประชากรในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล/ศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง อัตราส่วนหมอครอบครัว ๑ คน ต่อประชากร ๑,๒๕๐ คน ปัจจุบันดำเนินการแล้วที่ ๓๐,๐๐๐ ทีม (๒) พัฒนาอำเภอต้นแบบที่มีความพร้อมในการดำเนินการโดยมีการกระจายในทุกจังหวัด ทุกเขต ปัจจุบันมีจำนวน ๒๕๐ แห่ง สามารถเป็นพี่เลี้ยงหรือต้นแบบให้กับอำเภออื่น ๆ ได้ และ (๓) พัฒนาทีมแกนนำระดับเขต จำนวน ๑๒ เขต เพื่อให้เป็นพี่เลี้ยงที่ปรึกษาในการดำเนินการทีมหมอครอบครัว ๔. โครงการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุระยะยาว ผลการดำเนินงาน ณ วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ ได้อบรมผู้จัดการการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน (Care Manager) จำนวน ๗๑ ราย และในระดับพื้นที่อบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุในชุมชน (Care Giver) เพื่อดูแลผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านสุขภาพและปัญหาติดเตียงในชุมชนในกลุ่ม ๒๐ จังหวัดนำร่อง จำนวน ๑๖๑ ราย ๕. โครงการ “สาธารณสุขรวมใจ มอบโลกสดใส เทิดไท้องค์ราชัน” โดยตรวจคัดกรองและผ่าตัดต้อกระจก ผลการดำเนินงาน ณ วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ สามารถผ่าตัดต้อกระจกรวมทั้งสิ้น จำนวน ๔๕๓ ดวง โดยเป็นชนิดบอด จำนวน ๒๙๗ ดวง และ Low vision จำนวน ๑๕๖ ดวง ๖. โครงการจัดตั้งหน่วยดูแลแบบประคับประคองและดูแลระยะสุดท้าย หรือจัดตั้ง Palliative care unit ในโรงพยาบาล มีเป้าหมายตั้งหน่วย/แผนกดูแลประคับประคองในโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลสังกัดกรมวิชาการภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||
25429 | การดำเนินงานของกระทรวงแรงงานเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน | รง | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินงานของกระทรวงแรงงานเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. จัดตั้ง “ศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย” (Smart Job Center) เพื่อให้บริการด้านแรงงานแก่ประชาชนแบบครบวงจร โดยให้บริการตั้งแต่การบริการจัดหางานด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ผู้หางานสามารถสืบค้นตำแหน่งงานได้ด้วยตนเอง สามารถติดตามผลการบรรจุงานได้เป็นรายบุคคล และมีบริการแนะแนวและให้คำปรึกษาด้านอาชีพ การทดสอบความพร้อมทางวิชาชีพ รวมถึงห้องแสดงสินค้าของกลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้านและผู้ประกอบอาชีพอิสระ ห้องแสดงบทบาทอาชีพเสมือนจริง (Role Play) และการให้บริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการมีงานทำ ๒. เพิ่มสิทธิประโยชน์กองทุนเงินทดแทนให้แก่ลูกจ้างที่ประสบอันตรายเนื่องจากการทำงาน อยู่ระหว่างดำเนินการออกกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่ารักษาพยาบาลให้นายจ้างจ่ายตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงานให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. .... ๓. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินการเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด "ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น" อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ศูนย์ฟื้นฟูฯ จังหวัดขอนแก่น เป็นหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ วันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๔๗ ครอบคลุมการให้บริการแก่ลูกจ้าง ผู้ประกันตนที่พิการ ทุพพลภาพ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๒๐ จังหวัด มุ่งเน้นการให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพแก่ลูกจ้าง ผู้ประกันตนที่สูญเสียอวัยวะหรือสูญเสียสมรรถภาพในการทำงานและทุพพลภาพ โดยให้การฟื้นฟูฯ ที่เหมาะสมครบทุกด้าน ทั้งด้านการแพทย์ ด้านอาชีพ จิตใจและสังคม รวมทั้งกิจกรรมส่งเสริมการเล่นกีฬาเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพ จนกระทั่งจบการฟื้นฟูสามารถกลับไปดำรงชีวิตประจำวันและประกอบอาชีพเลี้ยงดูตนเองได้ ๔. จัดตั้ง “สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน)” เพื่อดำเนินการด้านการส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานให้กับแรงงานและคนทำงานทั้งในระบบและนอกระบบ ๕. การแก้ไขกฎหมายเพื่อการคุ้มครองแรงงาน ได้แก่ กฎกระทรวงว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในงานเกษตรกรรม พ.ศ. .... และกฎกระทรวงว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานในงานประมงทะเล พ.ศ. .... ๖. ดำเนิน “โครงการเพิ่มผลิตภาพแรงงานตามความต้องการของสถานประกอบกิจการ” เป็นการดำเนินงานเชิงรุกในการเข้าหาสถานประกอบกิจการ โดยให้คำปรึกษา แนะนำ แก่บุคลากรในสถานประกอบกิจการ ในการสร้างจิตสำนึกให้รู้คุณค่าของทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดและนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เข้าใจถึงความสูญเสียที่แฝงอยู่ในกระบวนการทำงานและดำเนินการแก้ไข ปรับปรุงได้อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง รวมถึงสามารถนำแนวทางไปปฏิบัติเพื่อเพิ่มผลิตภาพแรงงานในสถานประกอบกิจการ ๗. จัดทำโครงการคลินิกช่าง “กรมพัฒนาฝีมือแรงงานร่วมรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่” โดยจัดบริการตรวจเช็คสภาพรถ ซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ และรถจักรยานยนต์ แก่ประชาชนฟรี ในช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ ๑๕-๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ ที่ตั้งสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค และศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด และช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๗-๔ มกราคม ๒๕๕๘ ณ จุดบริการบนถนนสายหลักทั่วประเทศ และจัดให้มีบริการอื่น ๆ ที่นอกเหนือ เช่น ให้บริการเครื่องดื่ม ผ้าเย็น นวดแผนไทย และนวดฝ่าเท้า เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
25430 | ขอนำเสนอวีดีทัศน์สรุปการจัดงานรำลึกครบรอบ 10 ปี เหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย | กต | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการจัดงานรำลึกครบรอบ ๑๐ ปี เหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เสนอวีดิทัศน์สรุปการจัดงานรำลึกครบรอบ ๑๐ ปี เหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๖-๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ จังหวัดพังงา นายกรัฐมนตรีให้เกียรติเป็นประธาน มีผู้เข้าร่วมงานกว่า ๔๔ ประเทศ จำนวนรวมประมาณ ๑,๓๐๐ คน โดยในงานดังกล่าวมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การวางพวงมาลา การกล่าวสุนทรพจน์เพื่อไว้อาลัยต่อผู้เสียชีวิตและผู้สูญหาย และการสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเตือนภัยล่วงหน้าของไทย อันจะส่งผลดีต่อสถานการณ์ของการท่องเที่ยวภายในประเทศไทย ๒. มอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไปพิจารณาดำเนินการซ่อมแซมและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับทุ่นเตือนภัยสึนามิที่ชำรุด และให้กระทรวงการต่างประเทศประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการวางแผนการจราจรในพื้นที่จัดงานในปีต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
25431 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 23/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รายงาน ดังนี้ ๑.๑ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้เสนอร่างพระราชบัญญัติเหรียญพิทักษ์เสรีชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นเรื่องด่วน ตามหนังสือสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ นร ๐๕๐๓/๒๕๐๑๕ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ นั้น ได้หารือกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติและคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว โดยเห็นควรให้ปรับปรุงถ้อยคำในบันทึกหลักการและเหตุผลและร่างมาตรา ๓ ของร่างพระราชบัญญัติเหรียญพิทักษ์เสรีชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำร่างพระราชบัญญัติฯ ที่ได้แก้ไขแล้วเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาแทนร่างพระราชบัญญัติฯ ที่ได้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามหนังสือสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ นร ๐๕๐๓/๒๕๐๑๕ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ ซึ่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการดังกล่าวข้างต้นต่อไป ๑.๒ การเสนอรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน นั้น คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินแก้ไขเอกสารประกอบการเสนอรายชื่อบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินให้ทันสมัยสอดคล้องเป็นปัจจุบัน รวมทั้งจัดทำเอกสารประวัติของผู้ได้รับการเสนอชื่อ จำนวน ๙ คน ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพิ่มเติม เพื่อพิจารณาในวันจันทร์ที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๘ ๒. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๗
|
|||||||||||||||||||||
25432 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 23/12/2557 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ให้หน่วยงานต่าง ๆ เตรียมการเพื่อดูแลประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชนซึ่งจะเดินทางท่องเที่ยวและเดินทางกลับภูมิลำเนา และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานด้านความมั่นคงดูแลรักษาความปลอดภัยและป้องกันภัยต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงนี้ เช่น อัคคีภัย การก่อวินาศภัยในสถานที่ราชการ และสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก เช่น แหล่งท่องเที่ยว สถานีขนส่ง สถานที่จัดกิจกรรมต่าง ๆ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยและดินโคลนถล่มในพื้นที่ภาคใต้ เช่น นราธิวาส ปัตตานี พัทลุง รวมทั้งรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะการเฝ้าระวังมิให้มีการฉวยโอกาสขโมยทรัพย์สินจากบ้านเรือนประชาชนที่ต้องอพยพย้ายที่อยู่อาศัย ๓. สืบเนื่องจากที่นักฟุตบอลทีมชาติไทยได้ชนะการแข่งขันฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ๒๐๑๔ เป็นครั้งแรกในรอบ ๑๒ ปี ดังนั้น เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่นักกีฬาและผู้ที่เกี่ยวข้องที่ประสบความสำเร็จและสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย จึงให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาสนับสนุนเงินรางวัล ค่าตอบแทน หรือการยกย่องเชิดชูเกียรติให้แก่นักกีฬาและผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาอย่างต่อเนื่องต่อไป ๔. ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาหาแนวทางลดผลกระทบกับประชาชนผู้ใช้เส้นทางบนทางหลวงสัมปทาน ตอน ดินแดง-ดอนเมือง และทางหลวงสัมปทาน ตอน ต่อขยายทางด้านทิศเหนือ ซึ่งได้มีการปรับอัตราค่าผ่านทางตั้งแต่วันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
25433 | มาตรการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม | กค | 23/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายเพื่อปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง การปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) ๑.๒ ขอแก้ไขหนังสือกระทรวงการคลัง ลับ ด่วนที่สุด ที่ กค ๐๗๒๖/ล ๒๕๑๓ ลงวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ หน้า ๓ ข้อ ๖.๑ จาก “... และการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน ๓๐ ล้านบาท จากอัตราร้อยละ ๒๐ ของกำไรสุทธิ เป็นร้อยละ ๑๕ ของกำไรสุทธิ” เป็น “... และการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน ๓๐ ล้านบาท สำหรับช่วงกำไรสุทธิเกิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท แต่ไม่เกิน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท จากอัตราร้อยละ ๒๐ ของกำไรสุทธิ เป็นร้อยละ ๑๕ ของกำไรสุทธิ” ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้กำหนดให้ใช้บังคับตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป แต่โดยที่ขณะนี้ใกล้สิ้นปี ๒๕๕๗ แล้ว หากดำเนินการเพื่อให้ร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้มีผลใช้บังคับไม่ทันตามที่กำหนดดังกล่าว อาจต้องกำหนดให้มีผลใช้บังคับย้อนหลังซึ่งเรื่องในลักษณะนี้เคยดำเนินการมาแล้วกับมาตรการทางภาษีในเรื่องอื่น ๆ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
25434 | การยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดให้ทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางพิเศษสายบางนา-ชลบุรี) ทางยกระดับด้านทิศใต้ สนามบินสุวรรณภูมิเชื่อมทางพิเศษบูรพาวิถีและทางเชื่อมต่อทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) กับทางพิเศษบูรพาวิถีเป็นทางต้องเสียค่า ผ่านทางพิเศษ ประเภทของรถที่ต้องเสียหรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษและอัตราค่าผ่านทางพิเศษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2557 | คค | 23/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดให้ทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางพิเศษสายบางนา-ชลบุรี) ทางยกระดับด้านทิศใต้สนามบินสุวรรณภูมิเชื่อมทางพิเศษบูรพาวิถี และทางเชื่อมต่อทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) กับทางพิเศษบูรพาวิถี เป็นทางต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษ ประเภทของรถที่ต้องเสียหรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ และอัตราค่าผ่านทางพิเศษ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๗ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นให้ผู้ใช้รถบนทางพิเศษสายดังกล่าวไม่ต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษตามอัตราที่ประกาศตั้งแต่วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ถึงวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๘ เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
25435 | รายงานสรุปผลดำเนินงานการกำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิตปี 2556/2557 (ประจำเดือนตุลาคม 2557) | อก | 23/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานสรุปผลดำเนินงานการกำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ ประจำเดือนตุลาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ณ วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ มีชาวไร่อ้อยที่เป็นคู่สัญญาและมีสิทธิ์ในการได้รับเงินเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้น ๑๖๐ บาท/ตัน ปริมาณอ้อยเข้าหีบ (ณ วันปิดหีบ) จำนวน ๑๐๓,๖๖๕,๗๕๐.๔๖๐ ตัน รวมเป็นเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้น จำนวน ๑๖,๕๘๖,๕๒๐,๐๗๓.๖๐ บาท ซึ่งปัจจุบันกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายแจ้งให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรโอนเงินเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ เข้าบัญชีชาวไร่อ้อยแล้ว รวม ๑๑ งวด คิดเป็นปริมาณอ้อย ๑๐๓,๒๖๗,๑๓๖.๔๘๒ ตัน คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๑๖,๕๒๒,๗๔๑,๘๓๔.๑๒ บาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๙๙.๖๒ ส่วนปริมาณอ้อยที่เหลือจำนวน ๓๙๘,๖๑๓.๙๗๘ ตัน คิดเป็นเงินช่วยเหลือจำนวน ๖๓,๗๗๘,๒๓๖.๔๘ บาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๓๘ ๑.๒ ชาวไร่อ้อยที่ยังไม่ได้จดทะเบียนชาวไร่อ้อย หรือมีการย้ายที่อยู่ไม่สามารถติดต่อได้ ให้มีการชะลอการจ่ายเงินไว้ จำนวน ๑,๙๒๘ ราย คิดเป็นปริมาณอ้อย จำนวน ๓๕๑,๖๕๗.๑๗๐ ตัน จำนวนเงิน ๕๖,๒๖๕,๑๔๗.๒๐ บาท ๑.๓ ชาวไร่อ้อยที่จดทะเบียนและยื่นเอกสารขอรับเงินเพิ่มค่าอ้อยขั้นต้นไว้แล้วแต่ยังไม่ได้รับเงินเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้น เนื่องจากเอกสารการขอรับเงินไม่ถูกต้อง เช่น บัญชีธนาคาร การจดทะเบียนชาวไร่อ้อย คิดเป็นปริมาณอ้อย ๔๖,๙๕๖.๘๐๘ ตัน จำนวนเงิน ๗,๕๑๓,๐๘๙.๒๘ บาท อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลและตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารข้อมูล ๒. เพื่อให้การดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยคณะกรรมการกำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิต ปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗ เร่งรัดการจ่ายเงินเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้นส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งควบคุม ตรวจสอบ กำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ์ให้ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติในการจ่ายเงินช่วยเหลือค่าอ้อยที่ชัดเจน โปร่งใส และตรวจสอบได้ตามนัยมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ (เรื่อง การให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๖/๒๕๕๗) ด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
25436 | รายงานผลการดำเนินงานการเข้าร่วมทุนกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นของสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ประจำปี พ.ศ. 2556 | ทก | 23/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานการเข้าร่วมทุนกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นของสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยมีสาระสำคัญว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้ร่วมทุนจำนวน ๔ โครงการ งบประมาณรวมจำนวน ๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งปัจจุบันมีโครงการที่ได้ทำแล้วเสร็จ และได้นำไปใช้แล้วจำนวน ๓ โครงการ คือ การพัฒนาระบบบริหารทรัพยากรบุคคลและเงินเดือน โดยบริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด โครงการภาพยนตร์แอนิเมชั่น เรื่อง ปังปอนด์ จอมป่วน โดยบริษัท วิธิตาแอนิเมชั่น จำกัด และโครงการพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบ Internet Billing System โดยบริษัท เทอร์ราไบท์ เน็ท โซลูชั่น จำกัด ส่วนอีกโครงการ คือ โครงการภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง Gabriel and the Christmas โดยบริษัท ดิจิดรีม จำกัด สำนักงานฯ ได้แจ้งบอกเลิกสัญญาเนื่องจากบริษัท ฯ ไม่คืนเงินร่วมทุนตามระยะเวลาที่กำหนด ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร [สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาขน)] รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ควรมีการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ พร้อมทั้งปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจร่วมทุนให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและมีความคุ้มค่าในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||
25437 | การดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหามัคคุเทศก์ | กก | 23/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบมาตรการแก้ไขปัญหามัคคุเทศก์ ประกอบด้วย มาตรการระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ระยะสั้น ได้แก่ ให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องนำส่งใบสั่งงานมัคคุเทศก์ (Job Order) ต่อสำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กลางและสาขา กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องจัดหามัคคุเทศก์ชาวไทยที่มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายเดินทางไปกับกรุ๊ปทัวร์ตลอดเวลาที่นำเที่ยว แจ้งให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวแจ้งรายชื่อมัคคุเทศก์ที่ปฏิบัติงานเป็นมัคคุเทศก์ต่อสำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กลาง และให้แรงงานต่างด้าวที่ปฏิบัติหน้าที่ให้กับบริษัท มารายงานตัวที่กรมการจัดหางาน แจ้งมัคคุเทศก์ทุกคนให้มารายงานตัว ตั้งแต่วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ จนถึงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ เพื่อสำรวจข้อมูลสถานะปัจจุบันของมัคคุเทศก์ ดำเนินมาตรการปราบปรามผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่มีการดำเนินการในลักษณะตัวแทนอำพราง (NOMINEE) และขยายผลไปสู่การดำเนินธุรกิจที่เข้าข่ายการกระทำความผิดที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ พิจารณาหลักสูตรอบรมมัคคุเทศก์ที่มีมาตรฐานและเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน สร้างจิตสำนึกการเป็นเจ้าบ้านที่ดี โดยประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ในการไม่เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว และพัฒนาส่วนรับเรื่องราวร้องทุกข์ โดยจัดตั้งเป็นศูนย์รับเรื่องร้องเรียนและแก้ไขปัญหาธุรกิจนำเที่ยว มัคคุเทศก์ และผู้นำเที่ยว เพื่อให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและแก้ไขปัญหาเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว สะดวก และมีประสิทธิภาพ รวมถึงเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว ๑.๒ ระยะกลาง ได้แก่ แต่งตั้งคณะกรรมการทดสอบคุณภาพและความสามารถทางภาษาต่างประเทศของมัคคุเทศก์ และประสานผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวให้พนักงานเจ้าหน้าที่ร่วมสังเกตการณ์ตลอดการนำเที่ยวในกลุ่มตลาดต่าง ๆ ได้แก่ ตลาดรัสเซีย จีน เกาหลี เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถร่วมปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๓ ระยะยาว ได้แก่ สร้างเครือข่าย โดยเชิญผู้แทนของจังหวัด ผู้ประกอบการภาคเอกชน ดำเนินการตรวจปฏิบัติตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. ๒๕๕๑ เร่งผลิตมัคคุเทศก์ที่มีคุณภาพ และปรับปรุงพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. ๒๕๕๑ และระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งตรวจปฏิบัติตามกฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เห็นว่าผู้เกี่ยวข้องควรเข้มงวดในการตรวจสอบการประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมมากน้อยเพียงใด หากมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามที่กำหนด ควรเพิกถอนใบอนุญาตในการประกอบวิชาชีพและควรหามาตรการดำเนินการกับผู้ที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพดังกล่าว การให้ความสำคัญกับการบังคับใช้พระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. ๒๕๕๑ อย่างจริงจัง ในขณะเดียวกันให้เร่งพิจารณาปรับปรุงพระราชบัญญัติดังกล่าวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ควรใช้ประโยชน์จากสถาบันพัฒนาบุคลากรการท่องเที่ยวที่มีอยู่ โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษา และพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของมัคคุเทศก์ไทยให้ได้มาตรฐานสากล รวมทั้งพิจารณาเพิ่มเติมแนวทางปฏิบัติในการกำหนดจุดตรวจสอบใบสั่งงานมัคคุเทศก์ (Job Order) พื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญเบื้องต้น และบูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่ ๓ ส่วน ประกอบด้วย ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจพื้นที่ และเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อร่วมกันออกตรวจตราและบังคับใช้กฎหมายพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. ๒๕๕๑ อย่างจริงจังและเข้มงวด โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับผิดชอบด้านงบประมาณและการประสานการปฏิบัติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานผลการดำเนินงานที่กำหนดให้มัคคุเทศก์มารายงานตัว ซึ่งได้ขยายเวลาออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๘ ให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย |
|||||||||||||||||||||
25438 | การแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียน (จำนวน 12 คน) | กค | 23/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. ให้ยกเลิกคณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียนชุดเดิมที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๒. เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ดังนี้ ๒.๑ องค์ประกอบของคณะกรรมการฯ จำนวน ๑๒ คน ประกอบด้วยปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เลขาธิการ ก.พ. เลขาธิการ ก.พ.ร. เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา อธิบดีกรมบัญชีกลาง นายวิสุทธิ์ มนตริวัต นายศานิต ร่างน้อย นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ เป็นกรรมการ ผู้อำนวยการกองกำกับและพัฒนาระบบเงินนอกงบประมาณ เป็นกรรมการและเลขานุการ และเจ้าหน้าที่กองกำกับและพัฒนาระบบเงินนอกงบประมาณ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ ๒.๒ อำนาจหน้าที่ ๒.๒.๑ พิจารณากลั่นกรองการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียน โดยรวมถึงทุนหมุนเวียนที่จัดตั้งขึ้นโดยบทบัญญัติของกฎหมายเฉพาะเพื่อการนั้นด้วย ๒.๒.๒ พิจารณาให้ความเห็นชอบหลักเกณฑ์การจัดตั้งทุนหมุนเวียนตามที่กระทรวงการคลังกำหนด ๒.๒.๓ นำเสนอความเห็นการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียน ประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ๒.๒.๔ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานสนับสนุนการดำเนินการของคณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียน ๒.๒.๕ ดำเนินการอื่นใดตามที่ได้รับมอบหมาย
|
|||||||||||||||||||||
25439 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2556 | คค | 23/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ งบแสดงฐานะการเงิน มีสินทรัพย์รวม ๑,๑๔๘,๖๑๑,๐๘๓.๙๒ บาท มีหนี้สินรวม ๕๔๗,๒๑๐,๗๔๗.๔๒ บาท มีหนี้สินและส่วนของทุนรวม ๑,๑๔๘,๖๑๑,๐๘๓.๙๒ บาท ๑.๒ งบกำไรขาดทุน มีรายได้รวม ๔๙๒,๖๗๘,๘๙๕.๐๘ บาท มีค่าใช้จ่ายรวม ๓๙๑,๖๖๑,๙๑๙.๗๐ บาท มีกำไรสุทธิ ๑๐๑,๐๑๖,๙๗๕.๓๘ บาท ๑.๓ งบกระแสเงินสด มีเงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมดำเนินงานรวม ๔๗,๕๘๔,๖๔๕.๖๖ บาท เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมลงทุนรวม ๘๐,๒๗๓,๔๔๖.๕๕ บาท มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ วันสิ้นงวด ๔๗,๑๙๐,๗๘๖.๙๑ บาท ๒. ในการรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของ สบพ. ครั้งต่อไป ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการจัดทำรายงานดังกล่าวให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดด้วย
|
|||||||||||||||||||||
25440 | รายงานการรับเงินปันผลจากการซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบรรษัทประกันต่อแห่งเอเชียของรัฐบาลไทย | กค | 23/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการรับเงินปันผลจากการซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบรรษัทประกันต่อแห่งเอเชียของรัฐบาลไทย โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. ประเทศไทยได้ลงนามในความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งบรรษัทประกันต่อแห่งเอเชียระหว่างประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอกชนเพื่อร่วมเป็นสมาชิก เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๒๐ และบรรษัทได้มีการก่อตั้งเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๒๒ แต่เนื่องจากเหตุการณ์มหาอุทกภัยของประเทศไทยปี ๒๕๕๔ ทำให้บรรษัทประสบภาวะขาดทุนอย่างมากในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัทประกันวินาศภัยไทย จึงมีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนเพื่อรองรับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนจากเหตุการณ์ดังกล่าว ๒. คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ อนุมัติในหลักการซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบรรษัทประกันต่อแห่งเอเชียโดยรัฐบาลไทย จำนวน ๓.๑๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (ประมาณ ๑๐๒ ล้านบาท) และต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๖ เห็นชอบในหลักการซื้อหุ้นเพิ่มทุนเพิ่มเติมของบรรษัท จำนวน ๖.๘๒๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้ครบ ๑๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามเจตนารมณ์ในการเพิ่มทุนของรัฐบาลไทย ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้โอนให้แก่บรรษัทแล้ว และเนื่องจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในการเพิ่มทุนครั้งที่ ๑ การเพิ่มทุนจำนวน ๖.๘๒๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต้องใช้เงินทั้งสิ้น ๒๒๔,๙๘๙,๕๖๐ บาท จึงยังคงค้างเงินที่ต้องชำระให้แก่บรรษัท จำนวน ๕,๙๘๙,๕๖๐ บาท โดยเงินจำนวนดังกล่าวได้รับการอนุมัติเงินจากงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อชำระเงินให้แก่บรรษัทแล้ว ๓. ต่อมาบรรษัทได้มีหนังสือมายังกระทรวงการคลังเพื่อให้ยืนยันการรับเงินปันผลของรัฐบาลไทย อัตราร้อยละ ๓ ของจำนวนหุ้น Class B ซึ่งกระทรวงการคลังได้รับเงินปันผลจากการซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบรรษัทสำหรับการถือหุ้นในปี ๒๕๕๖ แล้วในรูปแบบเงินสด จำนวน ๙๕,๓๔๐ ดอลลาร์สหรัฐ หรือ ๓,๐๘๘,๐๖๒ บาท และจะนำส่งเงินดังกล่าวเป็นรายได้แผ่นดิน ทั้งนี้ จำนวนการถือหุ้นไม่มีผลต่อสิทธิในการออกเสียงของประเทศสมาชิก ซึ่งทุกประเทศจะมีเพียง ๑ สิทธิเท่านั้น ไม่ว่าจะมีจำนวนหุ้นเท่าใด
|
.....