ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1272 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 25421 - 25440 จากข้อมูลทั้งหมด 123968 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25421 | ร่างพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการและกำหนดหน้าที่ของส่วนราชการกองทัพอากาศ กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กห | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการและกำหนดหน้าที่ของส่วนราชการกองทัพอากาศ กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดชื่อโรงเรียนนายเรืออากาศใหม่ตามที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานว่า “โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช” ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
25422 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงานซึ่งโรงงานตั้งอยู่ในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา พ.ศ. .... | อก | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงอุตสาหกรรมยกเว้นค่าธรรมเนียมตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงานที่โรงงานตั้งอยู่ในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา รวม ๕ ปี โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ๒. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงานซึ่งโรงงานตั้งอยู่ในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นค่าธรรมเนียมให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงงานเป็นเวลา ๕ ปี ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงาน และกระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดแผนงาน/โครงการ โดยมุ่งเน้นแนวทางหรือมาตรการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ กลุ่มพลังงานทดแทน กลุ่มอาหารและสินค้าเกษตรแปรรูป โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือแก่ (SMEs) ในพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น การปรับปรุงคุณภาพ/ประสิทธิภาพแรงงาน การปรับปรุงเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน และการบริหารจัดการพลังงานเพื่อลดต้นทุน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
25423 | ร่างกฎกระทรวงแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ พ.ศ. .... | สธ | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ. ๒๕๓๗ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
25424 | การแต่งตั้งสมาชิกฝ่ายไทยในศาลประจำอนุญาโตตุลาการ ณ กรุงเฮก | กต | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายประจิตต์ โรจนพฤกษ์ เป็นสมาชิกฝ่ายไทยในศาลประจำอนุญาโตตุลาการ ณ กรุงเฮก สืบต่อไปอีกวาระหนึ่ง มีวาระดำรงตำแหน่ง ๖ ปี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
25425 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่จังหวัดกระบี่ และจังหวัดพังงา พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ทส | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวม ๒ ฉบับ เพื่อกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณท้องที่จังหวัดกระบี่ และจังหวัดพังงา เพื่อแก้ไขปัญหาและป้องกันปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และเพื่อให้สามารถควบคุมการก่อสร้าง การกระทำหรือการประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและคุณภาพสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภออ่าวลึก อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พ.ศ. .... ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงานที่เห็นควรตัดข้อความ “ทั้งนี้ ให้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและให้เสนอคณะกรรมการตามข้อ ๑๔ ให้ความเห็นและคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป” เนื่องจากเป็นการซ้ำซ้อนกับกระบวนการศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ (EHIA) ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
25426 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ในส่วนที่เกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวผู้ที่ถูกปล่อยชั่วคราว หลักเกณฑ์การบังคับคดีผู้ประกัน และการอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว) | ศย | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ในส่วนที่เกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวผู้ที่ถูกปล่อยชั่วคราว หลักเกณฑ์การบังคับคดีผู้ประกัน และการอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
25427 | ร่างพระราชบัญญัติสภาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | นร09 | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติสภาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเร่งพิจารณาปรับปรุงให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ มีบทบาทในการกำกับดูแลการสื่อสารเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการดูแลสื่อสังคมออนไลน์ รวมทั้งปรับปรุงให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) มีการจัดองค์กรที่เหมาะสม มีศักยภาพในการหารายได้เพื่อเลี้ยงตนเอง มีกระบวนการทำงานที่ประสานกับหน่วยงานด้านนโยบาย ตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||
25428 | ขอความเห็นชอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยกลไกความร่วมมือของกลุ่มประเทศอาเซียนสำหรับการเตรียมการ และการจัดการน้ำมันรั่วไหลร่วมกัน | คค | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยกลไกความร่วมมือของกลุ่มประเทศอาเซียนสำหรับการเตรียมการ และการจัดการน้ำมันรั่วไหลร่วมกัน มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนความร่วมมือของประเทศในภูมิภาคอาเซียนในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการป้องกันและขจัดมลพิษทางทะเลเนื่องจากน้ำมัน พร้อมทั้งสนับสนุนความร่วมมือและความช่วยเหลือในการควบคุมและขจัดมลพิษที่เกิดขึ้นในภูมิภาค โดยประเทศผู้ขอรับความช่วยเหลือเป็นผู้รับผิดชอบในค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และประเทศสมาชิกตกลงที่จะร่วมกันพัฒนากลยุทธ์และแผนการปฏิบัติการเพื่อสร้างความสามารถและขีดความสามารถของสมาชิกประชาคมอาเซียน รวมถึงการเริ่มการอบรมร่วมหรือการฝึกร่วมเพื่อยกระดับการเตรียมการความร่วมมือและการประสานงานระหว่างบุคลากรผู้ปฏิบัติ โดยเฉพาะผู้ที่มีหน้าที่ในการขจัดคราบน้ำมันของภาคีทั้งหมด การแบ่งปันข้อมูลเพื่อเพิ่มระดับของการเตรียมการกรณีอุบัติการณ์น้ำมันรั่วไหล และสร้างความเข้มแข็งในการปฏิบัติงานจริง ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงบันทึกความเข้าใจฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนการลงนามและเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ให้กระทรวงคมนาคมสามารถดำเนินการได้โดยประสานกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทนสำหรับการลงนามดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับข้อสังเกตของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับคำแปลภาษาไทยของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในย่อหน้าแรก ขาดสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และข้อบทที่ ๒ ขอบเขตของความร่วมมือ (ซี) พัฒนาแผนรับมือฉุกเฉินกรณีน้ำมันรั่วไหล เพื่อร่วมกัน และบูรณาการการรับมืออุบัติการณ์น้ำมันรั่วไหล ควรระบุให้ครอบคลุมว่า ทุกชาติสมาชิกต้องจัดทำแผนป้องกันระยะยาว และแผนฉุกเฉินที่ครอบคลุมการรั่วไหลของน้ำมันในทุกระดับ รวมถึงให้มีการซ้อมแผนปฏิบัติการอย่างสม่ำเสมอด้วย โดยควรมีมาตรฐานเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ ควรมีศูนย์ข้อมูลกลางทางด้านการเตรียมการและการขจัดน้ำมันรั่วไหลของแต่ละประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการน้ำมันรั่วไหลที่ผ่านมาของประเทศไทยเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน (ASEAN Transport Minister Meeting : ATM) ครั้งที่ ๒๐ ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
25429 | ขอความเห็นชอบแผนฉุกเฉินเพื่อประสานงานและการจัดการอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือในแม่น้ำล้านช้าง - แม่น้ำโขง และระเบียบว่าด้วยการจัดการค้นหาและช่วยเหลือ การกู้ภัยและการเคลื่อนย้ายซากเรือในแม่น้ำล้านช้าง - แม่น้ำโขง | คค | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนฉุกเฉินเพื่อประสานงานและการจัดการอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง และระเบียบว่าด้วยการจัดการค้นหาและช่วยเหลือ การกู้ภัย และการเคลื่อนย้ายซากเรือในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง มีสาระสำคัญเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในการเดินเรือในแม่น้ำโขงตอนบนเพื่อรองรับการค้าระหว่างประเทศไทยกับประเทศภาคีความตกลงว่าด้วยการเดินเรือพาณิชย์ในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง โดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริม สนับสนุน และอำนวยความสะดวกในการใช้ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนอันจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพประตูการค้าหลักและการเชื่อมโยงระหว่างประเทศไทยและประเทศภาคีความตกลงฯ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม ๑.๓ เห็นชอบให้กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม เป็นหน่วยงานปฏิบัติและประสานงานหลักในการดำเนินการตามแผนฉุกเฉินเพื่อประสานงานและการจัดการอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง และระเบียบว่าด้วยการจัดการค้นหาและช่วยเหลือ การกู้ภัย และการเคลื่อนย้ายซากเรือในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ๑.๔ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทนสำหรับการลงนามเอกสารทั้งสองฉบับ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาตรวจสอบถ้อยคำที่ใช้ในร่างเอกสารทั้งสองฉบับให้มีความสอดคล้องชัดเจนยิ่งขึ้น และตรวจสอบการใช้ไวยากรณ์ให้ถูกต้องสมบูรณ์ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในขั้นตอนการนำแผนฉุกเฉินดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติ ควรเสนอที่ประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อประสานการดำเนินการตามความตกลงสี่ฝ่ายว่าด้วยการเดินเรือพาณิชย์ในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง พิจารณาข้อกำหนดรายละเอียดของขั้นตอนในทางปฏิบัติให้ชัดเจน โดยคำนึงถึงอธิปไตยและกฎหมายของแต่ละภาคีสมาชิก รวมทั้งการพัฒนาความร่วมมือไปสู่ในระดับการฝึกอบรมร่วม การสนับสนุนอุปกรณ์การให้ความช่วยเหลือเมื่อมีการร้องขอ และการแบ่งปันข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการเดินเรือ ตลอดจนการกำหนดหลักเกณฑ์ของเรือขนส่งน้ำมันและสินค้าอันตรายให้เป็นมาตรฐานสากล ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมนำเสนอประเด็นเกี่ยวกับการเชื่อมโยง (Connectivity) ด้านการคมนาคมและการขนส่งทางน้ำ ในการประชุมเพื่อลงนามเกี่ยวกับแผนฉุกเฉินเพื่อประสานงานและการจัดการอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง และระเบียบว่าด้วยการจัดการค้นหาและช่วยเหลือ การกู้ภัย และการเคลื่อนย้ายซากเรือในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง เพื่อนำไปสู่การพิจารณาแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือในการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมและการขนส่งทางน้ำภายในกลุ่มประเทศภาคีและในภูมิภาคต่อไปในอนาคต |
||||||||||||||||||||||||
25430 | บันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการพัฒนาโรงพยาบาลแขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระยะที่ 2 | กต | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการพัฒนาโรงพยาบาลแขวงบ่อแก้ว ระยะที่ ๒ ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีสาระสำคัญเพื่อดำเนินการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยในและแม่และเด็ก ณ โรงพยาบาลแขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พร้อมกำหนดกรอบความร่วมมือและการอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับแก้ถ้อยคำในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
25431 | ร่างแผนยุทธศาสตร์สวัสดิการสังคมไทย ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2555 - 2559) | พม | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างแผนยุทธศาสตร์สวัสดิการสังคมไทย ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙) มีสาระสำคัญเพื่อยกระดับคุณภาพของระบบการคุ้มครองทางสังคมให้ครอบคลุมทุกคนอย่างทั่วถึง มีกลไกที่มีความสามารถในการบริหารจัดการ มีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเชื่อมโยงกันเป็นสังคมสวัสดิการ รวมทั้งนโยบายของคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติในการมุ่งก่อให้เกิดสังคมสวัสดิการและให้ประชาชนได้รับสวัสดิการถ้วนหน้า ประกอบด้วย ๖ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) ยุทธศาสตร์การสร้างและพัฒนาระบบสวัสดิการเพื่อสวัสดิการถ้วนหน้า (๒) ยุทธศาสตร์เสริมพลังทุกภาคส่วนสู่สังคมสวัสดิการ (๓) ยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพ และมาตรฐานบริการ และการบริหารจัดการ (๔) ยุทธศาสตร์การสร้างและพัฒนามาตรการทางการเงิน การคลัง และการระดมทุนเพื่อสังคม (๕) ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนระบบสวัสดิการสังคมไทยสู่ประชาคมอาเซียนและประชาคมโลก และ (๖) ยุทธศาสตร์การสร้างความเข้มแข็งของระบบเตรียมความพร้อมและฟื้นฟูในภาวะฉุกเฉิน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และกระทรวงการคลังรับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางและแหล่งเงินสนับสนุนการดำเนินงานของกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม รวมทั้งกองทุนการออมแห่งชาติให้เพียงพอและเหมาะสมแก่การดำเนินงานของกองทุนดังกล่าวต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
25432 | (ร่าง) แผนการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ | ศธ | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบ (ร่าง) แผนการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดย (ร่าง) แผนการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติมีเป้าหมายเพื่อให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติเกิดการรับรู้ เข้าใจ ตระหนักถึงภารกิจ ความรับผิดชอบร่วมกัน และความเชื่อมโยงในการปฏิบัติงาน ส่งผลให้การขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ๑.๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การพัฒนาความร่วมมือระหว่างสถานประกอบการ สมาคม/องค์กรวิชาชีพ กลุ่มวิชาชีพและ/หรือกลุ่มอาชีพ กับสถาบันการศึกษาอย่างเป็นระบบ เพื่อนำกรอบคุณวุฒิแห่งชาติเป็นกรอบแนวทางในการผลิตและพัฒนากำลังคนให้มีทักษะ ความรู้ความสามารถ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ และสมรรถนะในการปฏิบัติงานตามระดับคุณวุฒิ ๑.๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับขอบเขตความรู้ ทักษะ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ การประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ๑.๓ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การพัฒนาระบบการทดสอบ วัดและประเมินผล การเทียบโอนผลการเรียน เทียบโอนประสบการณ์จากการทำงาน การสะสมหน่วยการเรียนและการให้การรับรองผลลัพธ์การเรียนรู้ตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ จำแนกตามระดับคุณวุฒิ ๑.๔ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การเสริมสร้างศักยภาพและขีดความสามารถให้แก่สถาบันการศึกษา เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนให้สนองตอบความต้องการของตลาดแรงงานตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งจัดทำตัวชี้วัด ผลผลิตและผลลัพธ์ของแผนงาน/โครงการภายใต้ยุทธศาสตร์/มาตรการตามแผนขับเคลื่อนฯ ให้ชัดเจนและเร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ๓. มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับ ดูแล และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้โรงเรียนกวดวิชาต่าง ๆ มีการจัดการเรียนการสอนอย่างมีคุณภาพและกำหนดอัตราค่าเล่าเรียนอย่างเหมาะสมเป็นธรรมแก่ผู้เรียน รวมทั้งให้พิจารณาแนวทางในการควบคุมการจัดตั้งโรงเรียนกวดวิชาให้มีจำนวนที่เหมาะสม รวมตลอดถึงประเด็นการเก็บภาษีเงินได้จากโรงเรียนกวดวิชาดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||||||||
25433 | แนวทางปฏิบัติในการจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Market : e-market) และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Bidding : e-bidding) | กค | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงการคลังนำแนวทางปฏิบัติในการจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Market : e-market) และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Bidding : e-bidding) ไปดำเนินการในลักษณะของโครงการนำร่องในระยะแรก และให้มีการประเมินผล หากมีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขระเบียบที่เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรีก็ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับวันเริ่มบังคับใช้แนวทางปฏิบัตินี้ ควรปรับให้เป็นปัจจุบัน เป็น “ให้แนวทางปฏิบัตินี้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีลงมติเห็นชอบแนวทางปฏิบัตินี้ถึงก่อนวันที่มีการปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม...” ส่วนการแจ้งหรือประกาศมติคณะรัฐมนตรีที่กำหนดแนวทางปฏิบัติให้แก่ส่วนราชการในการจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ ควรดำเนินการในรูปแบบประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีและประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้โดยทั่วกัน รวมทั้งการกำหนดโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนแนวทางปฏิบัตินี้ ไม่มีความจำเป็นที่ต้องมีบทกำหนดโทษไว้ เพราะการไม่ปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวย่อมเป็นการฝ่าฝืนมติคณะรัฐมนตรีอันถือเป็นการกระทำผิดวินัยตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนอยู่แล้ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป รวมทั้งกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการจัดทำข้อมูลรายละเอียดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างโดยเฉพาะราคากลางและการคำนวณราคากลางไว้ในระบบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐๓/๗ วรรคหนึ่ง ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ ๒. ให้กระทรวงการคลังหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดรายละเอียดคุณลักษณะของสินค้าหรือบริการที่มีความซ้ำซ้อนหรือมีเทคนิคเฉพาะให้มีความชัดเจนสำหรับใช้ในการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อให้ได้สินค้าและบริการที่เป็นไปตามความต้องการของหน่วยงานทั้งในด้านคุณภาพ ราคา และบริการที่ถูกต้องด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๗ (เรื่อง การแก้ไขปัญหาความล่าช้าในขั้นตอนของการจัดซื้อจัดจ้าง) ที่มอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) รับไปดำเนินการแก้ไขปัญหาความล่าช้าในขั้นตอนของการจัดซื้อจัดจ้างในกระบวนการการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) การประกาศราคากลางสำหรับกรณีเฉพาะที่ไม่สามารถกำหนดราคากลางได้ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
25434 | การเสนอเรื่องจากมติการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ | พม | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการตามมติคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๗ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติในหลักการให้เพิ่มอัตราเบี้ยความพิการให้แก่คนพิการ จากเดิมรายละ ๕๐๐ บาทต่อเดือน เป็นรายละ ๘๐๐ บาทต่อเดือน ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต้นไป โดยมีผลครอบคลุมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการเบิกจ่ายเบี้ยความพิการให้เป็นอัตราเดียวกันทั้งประเทศ สำหรับภาระงบประมาณเพื่อการนี้ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๓,๓๕๓,๖๒๘,๘๐๐ บาท โดยภาระงบประมาณส่วนที่เพิ่มขึ้น จำนวน ๓,๓๓๘,๔๐๗,๒๐๐ บาท ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณในการใช้เงินเหลือจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ และพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ภายใต้มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ มาดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน หากไม่เพียงพอ ก็ให้ขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๑.๒ อนุมัติการถอนถ้อยแถลงตีความข้อ ๑๘ ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ และให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๓ มอบให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาดำเนินการในการจัดหารถยนต์โดยสารสาธารณะที่เหมาะสมและสามารถอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการทุกกลุ่ม เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของคนในสังคม โดยเฉพาะผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพพลภาพ เพื่อให้เป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงข้อจำกัดทางด้านสภาพของถนนด้วย ๒. สำหรับการขออนุมัติในหลักการอัตรากำลังข้าราชการประจำศูนย์บริการคนพิการระดับจังหวัดทั่วประเทศ ศูนย์ละ ๒ อัตรา รวมจำนวน ๑๕๔ อัตรา นั้น ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับไปพิจารณาเหตุผลความจำเป็นของการกำหนดอัตรากำลังข้าราชการเพิ่มใหม่ในกรณีดังกล่าว โดยอาจพิจารณาจ้างบุคลากรประเภทอื่นทดแทน และหากมีความจำเป็นอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง มาตรการบริหารและพัฒนากำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑)] โดยให้ อ.ก.พ. กระทรวง พิจารณาเกลี่ยอัตรากำลังให้สอดคล้องกับความจำเป็นตามภารกิจของแต่ละส่วนราชการ หากไม่เพียงพอ ให้ดำเนินการจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับภารกิจ อัตรากำลังทุกประเภทและค่าใช้จ่ายด้านบุคคล พร้อมทั้งเหตุผลความจำเป็น เสนอคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐพิจารณาตามขั้นตอนก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
25435 | ขออนุมัติงบลงทุนโครงการให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล และให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ | นร01 | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. งบลงทุนโครงการให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล และให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) (บมจ. อสมท) จำนวน ๑,๔๘๐.๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย งบลงทุนโครงการให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล วงเงินลงทุน จำนวน ๗๕๒.๐๐๐ ล้านบาท และงบลงทุนโครงการให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ วงเงินลงทุน จำนวน ๗๒๘.๐๐๐ ล้านบาท ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ บมจ. อสมท ดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งพิจารณาโครงสร้าง รูปแบบ กลไก การกำกับดูแลการบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจที่มีฐานะเป็นบริษัทมหาชนจำกัด เพื่อให้รัฐวิสาหกิจที่มีสถานะเป็นบริษัทมหาชนจำกัด โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจในสาขาสื่อสารโทรคมนาคมที่มีการแข่งขันเสรีสามารถดำเนินธุรกิจภายใต้สภาวะการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นควรให้ บมจ. อสมท ให้ความสำคัญกับการกำหนดขอบเขตการดำเนินงาน (TOR) เพื่อให้การจัดซื้อและจัดจ้างของโครงการมีการแข่งขันจากผู้ประกอบการหลายราย และให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรม สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน และให้จัดทำแผนบริหารความเสี่ยงของโครงการ แผนกลยุทธ์ด้านการตลาดในเชิงรุก ศึกษาและวิจัยตลาดในเชิงลึก พัฒนาเป้าหมาย ตลอดจนสร้างความมั่นใจและความพึงพอใจแก่ผู้ประกอบการทั้งด้านคุณภาพการให้บริการและความมั่นคงของระบบในระยะยาว และควรปรับโครงสร้างองค์กรให้เป็นหน่วยธุรกิจโดยแยกบัญชีของแต่ละธุรกิจให้ชัดเจน รวมทั้งให้จัดทำแผนการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์และแผนการบริหารทรัพยากรโครงข่ายเพื่อควบคุมป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และให้จัดทำแผนปรับปรุงพื้นที่สถานีโทรทัศน์โครงข่ายวิทยุโทรทัศน์ภูมิภาคให้สามารถรองรับการให้บริการโทรทัศน์ชุมชน วิทยุโทรทัศน์ และวิทยุดิจิตอลได้ในอนาคต ตามความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
||||||||||||||||||||||||
25436 | สรุปผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 12 (COP12) ณ เมืองพยองชาง สาธารณรัฐเกาหลี | ทส | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๒ (The Twelfth Conference of the Parties to the Convention on Biological Diversity : COP12) จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๖-๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ และการประชุมระดับรัฐมนตรี (High Level Segment) จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๕-๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๗ ณ เมืองพยองชาง สาธารณรัฐเกาหลี โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๒ สมัชชาภาคีอนุสัญญาฯ เน้นการหารือในประเด็นหลักเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยที่ประชุมได้ให้การรับรองข้อตัดสินใจและมีมติในประเด็นสำคัญ เช่น การนำเสนอรายงานโลกทรรศน์ความหลากหลายทางชีวภาพ ฉบับที่ ๔ การปรับปรุงประสิทธิภาพของโครงสร้างและกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ และพิธีสารของอนุสัญญาฯ การทบทวนความก้าวหน้าในการให้การสนับสนุนการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาฯ และแผนกลยุทธ์ของอนุสัญญาฯ ค.ศ. ๒๐๑๑-๒๐๒๐ การสนับสนุนเพื่อการบรรลุเป้าประสงค์การพัฒนาแห่งสหัสวรรษและวาระการพัฒนาและการพัฒนาที่ยั่งยืนภายหลังปี ค.ศ. ๒๐๑๕ การขับเคลื่อนทรัพยากร กลไกการเงิน และชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน ทั้งนี้ คณะผู้แทนไทยได้นำเสนอความเห็นและท่าทีของประเทศในประเด็นต่าง ๆ เช่น การสนับสนุนให้เพิ่มสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เพื่อใช้เป็นเครื่องมือ ช่องทาง และวิธีการในการติดต่อสื่อสารเกี่ยวกับชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน และเอื้อให้สาธารณชนสามารถมีส่วนร่วมในงานวิจัย การติดตาม และการแจ้งเตือน การเรียกร้องให้มีการสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาในการเสริมสร้างสมรรถนะในการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุแผนกลยุทธ์อนุสัญญาฯ และเป้าหมายไอจิ (Aichi Targets) รวมถึงการเรียกร้องให้ภาคเอกชนสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาในเรื่องแผนสนับสนุนทางการเงินร่วม (co-financing scheme) เป็นต้น ซึ่งความเห็นและท่าทีของประเทศไทยดังกล่าวได้ถูกบรรจุเป็นข้อตัดสินใจของสมัชชาภาคีอนุสัญญาภายใต้วาระต่าง ๆ แล้ว ๑.๒ การประชุมระดับรัฐมนตรีในระหว่างการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๑๒ เป็นการจัดประชุมร่วมและเปิดโอกาสให้ผู้แทนแต่ละประเทศได้แสดงความเห็นภายใต้หัวข้อที่สำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ และรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีกำหนด ได้มีการรับรองในประเด็นที่สำคัญเรื่อง ปฏิญญากังวอน เพื่อยืนยันถึงความสำคัญของการดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ฯ และเป้าหมายไอจิ กับการดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และวาระหลังปี ค.ศ. ๒๐๑๕ และเรื่องข้อตกลงเรื่องแผนยุทธศาสตร์พยองชาง ในการนี้ผู้แทนรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของอาเซียนได้กล่าวแถลงการณ์แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของชาติสมาชิกอาเซียนในประเด็นที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งคณะผู้แทนไทยได้ให้การรับรองปฏิญญากังวอน และเห็นชอบกับร่างแถลงการณ์ของอาเซียน รวมทั้งเสนอท่าทีและประเด็นแลกเปลี่ยนในระหว่างการประชุมดังกล่าว ๒. เห็นชอบให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
25437 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ งานจ้างก่อสร้างระบบส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้ายพร้อมอาคารประกอบ โครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ | กษ | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ งานจ้างก่อสร้างระบบส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้ายพร้อมอาคารประกอบ โครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ ในวงเงิน ๑,๔๗๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนเรื่องงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๓๑๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๖๕,๙๖๘,๘๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๑,๐๙๗,๐๓๑,๒๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๑ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรเร่งรัดดำเนินการให้สามารถเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ การดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
25438 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ งานจ้างก่อสร้างระบบชลประทานฝั่งซ้าย สัญญาที่ 1 โครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี | กษ | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อดำเนินรายการก่อสร้างระบบชลประทานฝั่งซ้าย สัญญาที่ ๑ โครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี ในวงเงิน ๘๖๒,๘๘๘,๘๘๘ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๗๑,๖๗๖,๑๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๖๑๑,๒๑๒,๗๘๘ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการปฏิบัติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๖ ที่กำหนดให้ส่วนราชการเจ้าของเรื่องพิจารณาและนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป อีกครั้งหนึ่งเป็นกรณี ๆ ไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรให้มีการติดตาม กำกับการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด เพื่อใช้เป็นกรณีตัวอย่างของการดำเนินโครงการภาครัฐที่สามารถประหยัดงบประมาณดำเนินงานและให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งเร่งรัดดำเนินการให้สามารถเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด และการดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
25439 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างทำนบดินหัวงานและอาคารประกอบ โครงการอ่างเก็บน้ำแม่สาย จังหวัดแพร่ | กษ | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ การเพิ่มวงเงินค่างานก่อสร้างทำนบดินหัวงานและอาคารประกอบ โครงการอ่างเก็บน้ำแม่สาย จังหวัดแพร่ จากวงเงินเดิมตามสัญญา ๓๑๗,๙๑๓,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๔๐๔,๗๐๘,๗๔๔.๕๔ บาท ๑.๒ การขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๕ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๗ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรเร่งรัดดำเนินการให้สามารถเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ทั้งนี้ การดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
25440 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการประตูระบายน้ำและอาคารประกอบ โครงการประตูระบายน้ำบ้านวังสะตือ จังหวัดสุโขทัย | กษ | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการประตูระบายน้ำและอาคารประกอบ โครงการประตูระบายน้ำบ้านวังสะตือ จังหวัดสุโขทัย โดยเพิ่มวงเงินรายการดังกล่าว จากวงเงิน ๒๑๘,๙๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๒๒๔,๒๒๒,๘๒๑.๒๑ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ. ๒๕๕๘ ส่วนงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยในส่วนงบประมาณค่างานส่วนที่เพิ่มขึ้น จำนวน ๑๕,๗๒๒,๘๒๑.๒๑ บาท ให้กรมชลประทานขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ภายใต้มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อเป็นค่างานดังกล่าวต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จ ภายในกรอบเวลาที่ได้ขยาย เนื่องจากโครงการฯ ได้ดำเนินการขอขยายเวลามาครั้งหนึ่งแล้ว นอกจากนี้ ควรศึกษาสภาพแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างละเอียดรอบคอบ และเหมาะสมกับสภาพทางกายภาพของพื้นที่ก่อสร้างเพื่อป้องกันการแก้ไขแบบก่อสร้างในภายหลัง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
.....