ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1279 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 25561 - 25580 จากข้อมูลทั้งหมด 124251 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25561 | ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจัดทำสัญญาเช่าที่ทำการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก | พณ | 09/12/2557 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง การจัดทำสัญญาเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ได้มีการลงนามในสัญญาเช่าที่ทำการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก ไปก่อนการนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว แล้วรายงานผลการดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้คณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๖๐ วัน ต่อไป
|
|||||||||||||||
25562 | การบริหารโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : เงินกู้ DPL) | กค | 09/12/2557 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้ดำเนินโครงการและอนุมัติจัดสรรเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : เงินกู้ DPL) ให้กับสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการแก้ไขปัญหาจำนวนลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ SAP (SAP Software License) ที่ใช้งานในระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) วงเงิน ๘๖๐ ล้านบาท และ (๒) โครงการปรับปรุงและพัฒนาระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) ให้รองรับซอฟต์แวร์ SAP ECC 6.0 วงเงิน ๘๒๓ ล้านบาท โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงการคลังดำเนินการตามหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐที่มีงบประมาณเกินกว่า ๑๐๐ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติให้ดำเนินโครงการและอนุมัติจัดสรรเงินกู้ DPL ให้กับกรมศุลกากรสำหรับโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมทางศุลกากรด้วยระบบเอ็กซเรย์ตู้คอนเทนเนอร์สินค้าสัมภาระและหีบห่อสินค้าของผู้เดินทาง รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) วงเงิน ๑,๓๑๘ ล้านบาท โดยให้กรมศุลกากรนำสัญญาคุณธรรม (Integrity Pact) มาพิจารณาดำเนินการด้วย ๑.๓ อนุมัติให้ดำเนินโครงการและอนุมัติจัดสรรเงินกู้ DPL ให้กับกรมสรรพากร สำหรับโครงการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จำนวน ๖ โครงการ วงเงิน ๓๙๓.๘๖๒๗ ล้านบาท โดยให้กรมสรรพากรดำเนินการตามหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐที่มีงบประมาณเกินกว่า ๑๐๐ ล้านบาท ๑.๔ ให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะเป็นผู้พิจารณารายละเอียดค่าใช้จ่ายโครงการฯ ต่อไป ทั้งนี้ ในกรณีโครงการใดต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบใด ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เห็นควรให้ความสำคัญในประเด็นเกี่ยวกับการจัดทำแบบพิมพ์เขียวของสถาปัตยกรรมองค์กร (Enterprise Architecture) ทั้งภายในและภายนอกเพื่อแสดงให้เห็นการเชื่อมโยง (Interoperability) ของแต่ละระบบเพื่อประโยชน์ในการขยายระบบในอนาคต รวมถึงพิจารณาการบูรณาการการใช้ทรัพยากรร่วมกันของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการลงทุน มีการวิเคราะห์สภาพปัจจุบันของการดำเนินงาน ปัญหาและอุปสรรคพร้อมกำหนดแนวทางแก้ไข และวางแผนการดำเนินงานในระยะสั้นและระยะยาวให้ชัดเจน ให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินผลโครงการเพื่อให้การดำเนินโครงการสามารถวัดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายได้อย่างเป็นรูปธรรม มีกระบวนการบริหารจัดหา License Management ที่ดี และคำนึงถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าบำรุงรักษาในระยะยาว ตลอดจนเตรียมการพัฒนาบุคลากรภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ สามารถรองรับการปฏิบัติงานตามภารกิจและให้สามารถดูแลรักษาระบบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
25563 | การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 09/12/2557 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการและเบิกจ่ายเงินกู้จนถึงไม่เกินเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ สำหรับโครงการของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๖ โครงการ วงเงิน ๒๓๕,๗๐๖,๗๓๖.๒๔ ล้านบาท ได้แก่ ๑.๑.๑ จ้างก่อสร้างระบบส่งน้ำฝายปากจาบ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพัฒนาลุ่มน้ำชีตอนบน จังหวัดชัยภูมิ ๑ แห่ง วงเงินที่ขอขยายระยะเวลาเบิกจ่าย ๓,๓๙๘,๘๐๘.๙๙ บาท ๑.๑.๒ จ้างก่อสร้างทำนบดินหัวงานและอาคารประกอบพร้อมส่วนประกอบอื่น โครงการอ่างเก็บน้ำคลองกระทะ จังหวัดภูเก็ต (รวมค่าควบคุมงาน) วงเงินที่ขอขยายระยะเวลาเบิกจ่าย ๑๕๐,๔๕๒,๓๘๓.๑๕ บาท ๑.๑.๓ จ้างก่อสร้างโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบส่งน้ำบ้านวังกลมเหนือ จังหวัดพิจิตร วงเงินที่ขอขยายระยะเวลาเบิกจ่าย ๗,๐๓๒,๕๑๓.๑๑ บาท ๑.๑.๔ จ้างก่อสร้างระบบส่งน้ำและอาคารประกอบ โครงการระบบส่งน้ำห้วยพุงใหญ่ จังหวัดร้อยเอ็ด วงเงินที่ขอขยายระยะเวลาเบิกจ่าย ๑๖,๐๖๓,๙๕๖.๕๔ บาท ๑.๑.๕ จ้างก่อสร้างระบบสูบน้ำและระบบส่งน้ำ MC1 พร้อมอาคารประกอบ โครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี-พุมดวง จังหวัดสุราษฎร์ธานี วงเงินที่ขอขยายระยะเวลาเบิกจ่าย ๕๖,๑๕๘,๙๒๗.๔๕ บาท ๑.๑.๖ จ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างระบบสูบน้ำและระบบส่งน้ำ MC1 พร้อมอาคารประกอบ โครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี-พุมดวง จังหวัดสุราษฎร์ธานี วงเงินที่ขอขยายระยะเวลาเบิกจ่าย ๒,๖๐๐,๑๔๗.๐๐ บาท ๑.๒ จัดสรรเงินสำรองจ่าย จำนวน ๕ หน่วยงาน วงเงิน ๔๑,๒๐๓,๙๑๙.๙๙ บาท ได้แก่ ๑.๒.๑ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ๑๔,๘๘๕,๖๓๓.๐๗ บาท ๑.๒.๒ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ๕,๙๖๘,๒๐๘.๖๑ บาท ๑.๒.๓ กรมทางหลวง ๑๓,๘๗๒,๘๒๗.๐๐ บาท ๑.๒.๔ กรุงเทพมหานคร ๑,๖๗๘,๒๗๒.๕๖ บาท ๑.๒.๕ กรมโยธาธิการและผังเมือง ๔,๗๙๘,๙๗๘.๗๕ บาท ๑.๓ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงวงเงินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กระทรวงศึกษาธิการ (โครงการขยายวิทยาเขตราชบุรี) รายการก่อสร้างหอประชุม ๑ หลัง จากวงเงิน ๕๙,๘๒๘,๒๘๒.๐๐ บาท เป็น วงเงิน ๖๘,๘๗๘,๕๐๓.๖๓ บาท โดยให้สัตยาบันการลงนามในสัญญาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีที่ได้ลงนามสัญญาแล้ว ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีเสนอขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพของส่วนราชการกระทรวงศึกษาธิการ (โครงการขยายวิทยาเขตราชบุรี) รายการก่อสร้างหอประชุม ๑ หลัง เนื่องจากดำเนินการไม่ถูกต้องตามขั้นตอนในการขอเพิ่มวงเงินโครงการ โดยไม่ได้ขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะดำเนินการ ตามความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ แล้วรายงานคณะรัฐมนตรีภายใน ๔๕ วัน |
|||||||||||||||
25564 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการทางหลวงหมายเลข 214 สายทางเลี่ยงเมืองสุรินทร์ (ด้านตะวันตก) จังหวัดสุรินทร์ | คค | 09/12/2557 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการทางหลวงหมายเลข ๒๑๔ สายทางเลี่ยงเมืองสุรินทร์ (ด้านตะวันตก) จังหวัดสุรินทร์ ในวงเงิน ๑,๐๓๐,๘๗๐,๑๒๑ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. สำหรับงบประมาณการดำเนินการให้กรมทางหลวงเบิกจ่ายค่างานก่อสร้างจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีแล้วและงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๒๓๓,๖๑๙,๕๐๐ บาท ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายแล้ว ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๖๑๗,๒๕๐,๖๒๑ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยให้กรมทางหลวงเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ ๆ ไป เพื่อให้ครบวงเงินค่างานตามสัญญาต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมทางหลวงให้ความสำคัญกับการติดตามและกำกับการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข ๒๑๔ สายทางเลี่ยงเมืองสุรินทร์ (ด้านตะวันตก) ให้เป็นไปตามมาตรฐานและระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา เนื่องจากผลการประกวดราคาของสัญญาดังกล่าวต่ำกว่าราคากลางค่อนข้างมาก ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||
25565 | รายงานแผนปฏิบัติราชการระยะ 1 ปี (ประจำปี พ.ศ. 2558) | นร11 | 09/12/2557 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแผนปฏิบัติราชการระยะ ๑ ปี (ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘) ประกอบด้วย (๑) ภาพรวมวงเงินงบประมาณตามแผนปฏิบัติราชการ ได้แก่ วงเงินสำหรับการดำเนินการตามแผนปฏิบัติราชการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ ทั้งสิ้น ๔,๘๙๕,๕๕๗.๔๙ ล้านบาท การใช้จ่ายตามแผนปฏิบัติราชการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ วงเงิน ๔,๘๙๕,๑๐๗.๒๙ ล้านบาท และการใช้จ่ายตามนโยบายรัฐบาล ๑๑ ด้าน วงเงิน ๒,๖๙๕,๘๙๔.๓๖ ล้านบาท และ (๒) โครงการ/การดำเนินงานที่สำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล (Flagship Project) มีโครงการที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและสามารถเห็นผลเป็นรูปธรรมในระยะ ๑ ปี จำนวน ๒๐๔ โครงการ/เรื่อง และมอบหมายส่วนราชการเร่งดำเนินการตามแผนปฏิบัติราชการเพื่อขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลให้เกิดผลสัมฤทธิ์ และรายงานผลการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นประจำทุกไตรมาส ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นควรปรับตัวชี้วัดระดับนโยบาย ภายใต้นโยบายที่ ๖ การเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ ตัวชี้วัดที่ ๖ อัตราการขยายตัวมูลค่าส่งออกในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ จากที่ได้กำหนดเป้าหมายไว้ที่ร้อยละ ๕.๐ เป็นร้อยละ ๔.๐ และเร่งดำเนินการตามแผนปฏิบัติราชการเพื่อขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลให้เกิดผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นประจำทุกไตรมาส นอกจากนี้ นโยบายที่ ๘ การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม หัวข้อ ๘.๒ โครงการสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย ตัดคำว่า “(จากแผน ๑๐๐ วัน)” ออกจากแผนงาน/โครงการที่ ๑๕, ๑๖ และ ๑๗ เนื่องจากทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าแผนงาน/โครงการดังกล่าวสามารถดำเนินการเสร็จสิ้นและเกิดผลได้ใน ๑๐๐ วัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้ทุกส่วนราชการควบคุมการก่อสร้างโครงการลงทุนขนาดใหญ่ต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ โดยให้ศึกษาสภาพแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างละเอียดรอบคอบและเหมาะสมกับสภาพทางกายภาพของพื้นที่ก่อสร้างเพื่อป้องกันการแก้ไขแบบก่อสร้างภายหลัง ซึ่งเป็นผลให้เกิดความล่าช้าในการก่อสร้างและสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินตามแนวทางของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ด้วย |
|||||||||||||||
25566 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของส่วนราชการในกระทรวงมหาดไทย รวม 3 ฉบับ | มท | 09/12/2557 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของส่วนราชการในกระทรวงมหาดไทย รวม ๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงทั้ง ๓ ฉบับดังกล่าว ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. .... |
|||||||||||||||
25567 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พ.ศ. .... | นร09 | 09/12/2557 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ซึ่งได้มีการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและอำนาจหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยเปลี่ยนชื่อกองกลางเป็นสำนักงานเลขานุการกรม และจัดตั้งกองส่งเสริมงานเผยแพร่พระพุทธศาสนาเป็นส่วนราชการในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ รวมทั้งปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของแต่ละส่วนราชการ เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไปอันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลยิ่งขึ้น และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำร่างกฎกระทรวงดังกล่าวเสนอนายกรัฐมนตรีลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
|||||||||||||||
25568 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเฮมพ์ (Hemp) พ.ศ. .... | สธ | 09/12/2557 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเฮมพ์ (Hemp) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต การควบคุม และการดำเนินการอื่นที่เกี่ยวกับเฮมพ์ ซึ่งจัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เป็นการเฉพาะ เพื่อรองรับการส่งเสริมการปลูกเฮมพ์ เป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง และเพื่อประโยชน์ในการควบคุมและกำกับดูแลการปลูก การจำหน่าย การมีไว้ในครอบครอง และแปรสภาพเฮมพ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ การที่ร่างกฎกระทรวงในข้อ ๑๑ กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไปในสถานที่เพาะปลูกสั่งให้ทำลายหรือสั่งให้อายัดเฮมพ์ และในข้อ ๑๓ กำหนดให้มีอำนาจในการสั่งเพิกถอนใบอนุญาตนั้น เห็นว่าอาจเป็นกรณีที่เกินอำนาจตามมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง มาตรา ๒๖ วรรคสาม มาตรา ๒๕ และมาตรา ๖๒ วรรคสอง อันเป็นบทอาศัยอำนาจในการออกกฎกระทรวงนี้ เนื่องจากมาตรา ๖ วรรคหนึ่ง ให้อำนาจในการออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม มาตรา ๒๖ วรรคสาม เป็นอำนาจในการออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการขออนุญาต ผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๔ และในประเภท ๕ มาตรา ๓๕ ให้อำนาจในการออกใบแทนใบอนุญาต และมาตรา ๖๒ วรรคสองให้อำนาจเกี่ยวกับการจัดทำบัญชีรับจ่ายยาเสพติดให้โทษ บทอาศัยอำนาจทั้ง ๔ มาตราดังกล่าว ไม่ได้ให้อำนาจในการเข้าไปสถานที่เพาะปลูก สั่งให้ทำลายหรือสั่งให้อายัดเฮมพ์ หรือให้อำนาจในการเพิกถอนใบอนุญาตแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี หากผู้รับอนุญาตฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ หรือกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้อนุญาตโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษมีอำนาจที่จะสั่งพักใช้ใบอนุญาตได้ตามมาตรา ๕๒ และในกรณีการเข้าไปในสถานที่ของผู้รับอนุญาต ตลอดจนการยึดหรืออายัดยาเสพติดให้โทษที่มีไว้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย พนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมมีอำนาจอยู่แล้วตามมาตรา ๔๙ ๑.๒ นอกจากนี้ การที่กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ยังมีผลใช้บังคับกับการขออนุญาตผลิต จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๔ และในประเภท ๕ อยู่ จึงมีความซ้ำซ้อนกับร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ เนื่องจากเฮมพ์จัดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ ด้วย ๒. มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินงานในระยะแรก ควรมีการกำหนดเป้าหมายพื้นที่เพาะปลูกที่เหมาะสมเพื่อเป็นการนำร่องในระยะเริ่มต้นก่อน โดยเน้นในพื้นที่นำร่อง ๕ จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ น่าน เชียงราย ตาก และเพชรบูรณ์ รวมทั้งเป็นพื้นที่ที่มีความพร้อมและมีศักยภาพในการดำเนินการ เพื่อให้สามารถกำกับดูแลและควบคุมได้อย่างชัดเจน และควรมีการเตรียมการวางแผนและซักซ้อมความเข้าใจหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ก่อนที่ร่างกฎกระทรวงฯ จะมีผลบังคับใช้ และควรมีการวางกลไกในการติดตามตรวจสอบการดำเนินการอย่างเป็นระบบและใกล้ชิด โดยใช้กลไกขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการไปสู่การปฏิบัติ คือ คณะกรรมการประสานงานและกำกับการพัฒนาและส่งเสริมเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจ โดยมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานในระยะแรกด้วย เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างรัดกุมและมีประสิทธิภาพต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
25569 | รายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยเรื่องของมหาสมุทร ครั้งที่ 4 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ทส | 09/12/2557 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอรายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยเรื่องของมหาสมุทร ครั้งที่ ๔ (4th APEC Ocean-Related Ministerial Meeting : AOMM4) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส (Senior Officials'' Meeting : SOM) ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ เมืองเซียะเหมิน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีนายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุมดังกล่าว และรับทราบการรับรองปฏิญญาเซียะเหมิน (Xiamen Declaration) ซึ่งสาระสำคัญของปฏิญญาดังกล่าวเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกเอเปคในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญในการเพิ่มความร่วมมือด้านมหาสมุทรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกใน ๔ หัวข้อหลัก ได้แก่ การอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งและการสร้างภูมิคุ้มกันจากภัยพิบัติ บทบาทของมหาสมุทรในด้านความมั่นคงทางอาหารและการค้าที่เกี่ยวข้อง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางทะเลและนวัตกรรม และเศรษฐกิจสีน้ำเงิน ทั้งนี้ การรับรองปฏิญญาเซียะเหมินครั้งนี้ไม่มีการลงนามและมิได้ใช้ถ้อยคำที่ก่อให้เกิดพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ
|
|||||||||||||||
25570 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการทางแยกต่างระดับห้าแยกน้ำกระจายทางหลวงหมายเลข 407 ตัดทางหลวงหมายเลข 408 ตัดทางหลวงหมายเลข 414 จังหวัดสงขลา | คค | 09/12/2557 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการทางแยกต่างระดับห้าแยกน้ำกระจาย ทางหลวงหมายเลข ๔๐๗ ตัดทางหลวงหมายเลข ๔๐๘ ตัดทางหลวงหมายเลข ๔๑๔ จังหวัดสงขลา ในวงเงิน ๑,๑๗๔,๐๗๒,๖๔๗.๖๒ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ส่วนงบประมาณในการดำเนินการให้กรมทางหลวงเบิกจ่ายค่างานก่อสร้างจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ที่กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๖๙,๙๙๙,๘๐๐ บาท ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณแล้ว ส่วนที่เหลือ จำนวน ๘๒๔,๐๗๒,๘๔๗.๖๒ บาท ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยให้กรมทางหลวงเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ ๆ ไป เพื่อให้ครบวงเงินค่างานตามสัญญาต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||
25571 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลในเมือง ตำบลหนองแสง ตำบลอาจสามารถ และตำบลหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... | คค | 09/12/2557 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลในเมือง ตำบลหนองแสง ตำบลอาจสามารถ และตำบลหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... เพื่อก่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท สายเชื่อมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๑๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
25572 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการทางลอดที่จุดตัด ทางหลวงหมายเลข 11 กับทางหลวงหมายเลข 1001 (รวมสะพานข้ามแม่น้ำปิง) จังหวัดเชียงใหม่ | คค | 09/12/2557 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการทางลอดที่จุดตัดทางหลวงหมายเลข ๑๑ กับทางหลวงหมายเลข ๑๐๐๑ (รวมสะพานข้ามแม่น้ำปิง) จังหวัดเชียงใหม่ ในวงเงิน ๑,๑๘๑,๙๘๗,๘๐๐ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. สำหรับงบประมาณในการดำเนินการให้เบิกจ่ายค่างานก่อสร้างจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ที่กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๖๙,๙๙๙,๒๐๐ บาท ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณแล้ว ส่วนที่เหลือจำนวน ๘๓๑,๙๘๘,๖๐๐ บาท ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยให้กรมทางหลวงเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ ๆ ไป เพื่อให้ครบวงเงินค่างานตามสัญญา ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||
25573 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมเจ้าท่า พ.ศ. .... | คค | 09/12/2557 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมเจ้าท่า พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมเจ้าท่า เพื่อให้สอดคล้องกับระบบจำแนกตำแหน่งใหม่ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ และการเปลี่ยนชื่อและเครื่องหมายราชการของกรมเจ้าท่า ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
25574 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบนักศึกษาวิชาทหารและเครื่องแบบผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหาร พ.ศ. 2521 | กห | 09/12/2557 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบนักศึกษาวิชาทหารและเครื่องแบบผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหาร พ.ศ. ๒๕๒๑ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดชนิดและลักษณะของเครื่องแบบฝึกของนักศึกษาวิชาทหารและผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหารเพิ่มเติม และเพิ่มเติมส่วนประกอบของเครื่องแบบนักศึกษาวิชาทหารและเครื่องแบบผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหาร ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
25575 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดขอนแก่น [นายหลี่ หมิงกัง (Mr. Li Minggang)] | กต | 09/12/2557 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายหลี่ หมิงกัง (Mr. Li Minggang) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดขอนแก่น โดยมีเขตกงสุลครอบคลุม ๒๐ จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา บึงกาฬ บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||
25576 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาด้วง อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย พ.ศ. .... | กษ | 09/12/2557 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาด้วง อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาด้วง อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน เพื่อการก่อสร้างระบบส่งน้ำฝั่งขวา พร้อมอาคารประกอบ ตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยลิ้นควาย และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
25577 | ผลการเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอย่างเป็นทางการ (ระหว่างวันที่ 26 - 27 พฤศจิกายน 2557) | วท | 09/12/2557 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) อย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ และเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย-ลาว ครั้งที่ ๖ ในวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ได้กล่าวขอบคุณประเทศไทยที่ได้ให้ความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีด้วยดีตลอดมา ในครั้งนี้ สปป.ลาว ได้ให้ความสำคัญกับการแลกเปลี่ยนบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยร่วมวิจัยและพัฒนาในระดับที่ใช้ประโยชน์ร่วมกันได้เพื่อส่งเสริมทางด้านเศรษฐกิจและบุคลากร ตลอดจนเพื่อเสริมสร้างศักยภาพของทรัพยากรลุ่มแม่น้ำโขงและเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างเข้มแข็ง ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีความยินดีและพร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ๒. การประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย-ลาว ครั้งที่ ๖ สามารถสรุปประเด็นการหารือได้ ๑๔ สาขา ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศบนพื้นฐานของความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกัน อนึ่ง ได้มีการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่อาวุโสจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของทั้งสองประเทศเพื่อสรุปและกำหนดแนวทางการทำงานภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าว รวมถึงข้อเสนอเพิ่มเติมด้านการจัดตั้งคณะทำงานวิชาการ (Technical Committee) ในสาขาการจัดการทรัพยากรน้ำและเทคโนโลยีนิวเคลียร์ และการหารือในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสในรูปแบบการจัดตั้งคณะกรรมการร่วม (Joint Committee) และการจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีทุก ๒ ปี โดยทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันทำงานในรูปแบบทวิภาคีเพื่อให้เกิดการปฏิบัติที่ชัดเจนและเป็นประโยชน์สูงสุดของทั้งสองฝ่าย ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีข้อสังเกตว่า การเยือนครั้งนี้ประสบผลสำเร็จตามที่คาดการณ์ไว้ การหารือได้ผลคืบหน้าในทุกด้าน อีกทั้งโครงการที่เกิดขึ้นภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือสามารถดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมได้ภายในระยะเวลา ๑-๓ ปี เพื่อเสริมสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาคมไทย-ลาว โดยเฉพาะเรื่องการจัดการทรัพยากรบริเวณลุ่มแม่น้ำโขง การเตรียมความพร้อมของเขตเศรษฐกิจไทย-ลาว และการเตรียมกำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ จากกรอบความร่วมมือดังกล่าว จะส่งผลให้ความสัมพันธ์สองประเทศแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และจะนำไปสู่ความเข้มแข็งของประชาคมอาเซียนต่อไป
|
|||||||||||||||
25578 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงคมนาคม) | คค | 09/12/2557 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการของกระทรวงคมนาคม จำนวน ๗ คณะ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการแห่งชาติเพื่อประสานงานกับองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ ๑.๒ คณะกรรมการแห่งชาติในการค้นหาและช่วเยหลืออากาศยานและเรือที่ประสบภัย ๑.๓ คณะกรรมการร่วมถาวรไทย-มาเลเซีย ว่าด้วยการขนส่งสินค้าเน่าเสียง่ายผ่านแดนมาเลเซียไปยังสิงคโปร์ ๑.๔ คณะกรรมการผู้แทนรัฐบาลเพื่อพิจารณาทำความตกลงเกี่ยวกับการขนส่งทางบกกับรัฐบาลต่างประเทศเป็นประจำ ๑.๕ คณะกรรมการผู้แทนรัฐบาลเพื่อพิจารณาทำความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศกับรัฐบาลต่างประเทศเป็นประจำ ๑.๖ คณะกรรมการอำนวยความสะดวกการขนส่งแห่งชาติ ๑.๗ คณะกรรมการประสานการขนส่งผ่านแดนแห่งชาติ ๒. กรณีส่วนราชการใดเห็นสมควรให้มีการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการใดให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||
25579 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (GCC 1111) ประจำปีงบประมาณ 2557 | ทก | 09/12/2557 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรายงานผลการดำเนินงานโครงการศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (GCC 1111) ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ โดยสถิติการใช้บริการในปีงบประมาณ ๒๕๕๗ มีจำนวน ๖,๓๒๗,๐๗๖ ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ ๒๕๕๖ จำนวน ๑๔๑,๓๐๑ ครั้ง คิดเป็นร้อยละ ๒.๒๘ ข้อมูลทั่วไปที่ประชาชนสนใจสอบถาม อาทิ การขอตรวจคัดและรับรองสำเนาทะเบียนราษฎร์ การขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว การจดทะเบียนคนพิการ การชำระภาษีประจำปี ๒๕๕๗ การรับจำนำข้าวเปลือกประจำปีการผลิต ๒๕๕๖/๒๕๕๗ การรับจำนำพืชผลทางการเกษตร การทำบัตรประกันสังคมและการใช้สิทธิประกันสังคม การขอและต่ออายุใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าว การขอรับเบี้ยยังชีพและสวัสดิการต่าง ๆ ของผู้สูงอายุ ความรู้เกี่ยวกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) การขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู และกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เป็นต้น นอกจากนี้ ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (GCC 1111) ได้ดำเนินงานเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่สำคัญ ๒ ประการ คือ งานด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยทั่วราชอาณาจักร และงานการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาลในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านการปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้านการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของภาครัฐ ด้านการศาสนา ด้านการส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ และด้านคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการเกี่ยวกับการรับเรื่องร้องเรียนและการให้บริการข้อมูลแก่ประชาชนร่วมกับศูนย์ดำรงธรรม ๒. มอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีร่วมกันพิจารณากำหนดขอบเขตการให้บริการของศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (GCC 1111) ให้มีความชัดเจน โดยให้เชื่อมข้อมูลกับศูนย์ดำรงธรรม รวมทั้งให้มีการติดตามผลการดำเนินงานในการให้บริการแก้ไขปัญหาเรื่องราวร้องทุกข์ด้วย
|
|||||||||||||||
25580 | การเสนอขอปรับปรุงองค์ประกอบและการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับองค์การยูเนสโกและซีมีโอ (กระทรวงศึกษาธิการ) | ศธ | 09/12/2557 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการของกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน ๙ คณะ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ซีมีโอ) ๑.๒ คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ๑.๓ คณะกรรมการฝ่ายการศึกษา ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ๑.๔ คณะกรรมการฝ่ายวิทยาศาสตร์ ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ๑.๕ คณะกรรมการฝ่ายสังคมศาสตร์ ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ๑.๖ คณะกรรมการฝ่ายวัฒนธรรม ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ๑.๗ คณะกรรมการฝ่ายสื่อสารมวลชน ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ๑.๘ คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยแผนงานความทรงจำแห่งโลก ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ๑.๙ คณะกรรมการโครงการมนุษย์และชีวมณฑล ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ๒. กรณีส่วนราชการใดเห็นควรให้มีการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการใด ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรี
|
.....