ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1279 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 25561 - 25580 จากข้อมูลทั้งหมด 123968 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25561 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 12/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๒๓/๒๕๕๗ วันพุธที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ และครั้งที่ ๒๔/๒๕๕๗ วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ตามที่ฝ่ายเลขานุการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||
25562 | การจัดงาน ASEAN Fisheries and Aquaculture Conference and Exposition 2016 : ASEAN Seafood for the World | กษ | 12/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมง เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน ASEAN Fisheries and Aquaculture Conference and Exposition 2016 : ASEAN Seafood for the World และอนุมัติโครงการจัดงาน ASEAN Fisheries and Aquaculture Conference and Exposition 2016 : ASEAN Seafood for the World ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดงานฯ ให้กรมประมงพิจารณาดำเนินการภายในกรอบวงเงิน ๓๐,๓๓๐,๐๐๐ บาท โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ รองรับไว้แล้ว จำนวน ๑๕,๗๖๑,๖๐๐ บาท และหากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเพิ่มเติมในปีงบประมาณต่อไป ให้กรมประมงเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรใช้โอกาสจากการเป็นเจ้าภาพจัดงาน แสดงข้อมูลและแผนงานในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในภาคประมงของไทย ตลอดถึงแนวทางการควบคุมดูแลเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นระบบและเกิดความยั่งยืน และควรประมาณการจำนวนผู้เข้าร่วมงานและจำแนกกลุ่มเป้าหมาย เช่น ผู้ผลิต ผู้ส่งออก ผู้แทนจากประเทศต่าง ๆ นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ และนิสิต นักศึกษา เป็นต้น เพื่อใช้ประกอบการพิจารณากำหนดรายละเอียดของงานให้สอดคล้องกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ เห็นควรตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดงานให้อยู่ในเกณฑ์ที่คุ้มค่าและโปร่งใส ค่าเช่าสถานที่จัดงาน และให้มีการสำรวจราคาและเปรียบเทียบศูนย์แสดงสินค้าหรือนิทรรศการหลาย ๆ แห่ง และให้มีการประมาณการรายได้จากสิทธิประโยชน์ การตลาด การโปรโมท การโฆษณาจากผู้สนับสนุนการจัดงาน รวมทั้งรายได้จากค่าเช่าบูธการจัดงานของผู้ประกอบการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
25563 | การบูรณาการแผนงาน/โครงการในการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ในระดับพื้นที่จังหวัด (Area Based) | มท | 12/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การบูรณาการแผนงาน/โครงการในพื้นที่จังหวัด และอำเภอ เพื่อให้การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาและความต้องการของประชาชน (Demand side) ได้รับการตอบสนองจากแผนงาน/โครงการของส่วนราชการ (Supply side) ให้ส่วนราชการที่มีแผนงาน/โครงการลงไปปฏิบัติในพื้นที่แจ้งแผนงาน/โครงการทุกรายการให้จังหวัดทราบ เพื่อพิจารณาความสอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัดและความต้องการของประชาชนในด้านพื้นที่และห้วงเวลาดำเนินการ และให้คณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการมีอำนาจพิจารณาเปลี่ยนแปลงพื้นที่และหรือห้วงเวลาดำเนินการของแผนงาน/โครงการดังกล่าวได้ ๑.๒ ให้ส่วนราชการที่มีภารกิจที่จะดำเนินการแผนงาน/โครงการ (Supply side) ในพื้นที่จังหวัดใด ให้นำแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด (Demand side) ไปบรรจุในแผนงาน/โครงการในคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณของส่วนราชการเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของพื้นที่ ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยกำหนดวิธีการและแนวทางปฏิบัติเพื่อให้ส่วนราชการนำไปปฏิบัติให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน ๒. กรณีที่คณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการได้พิจารณาแผนงาน/โครงการของส่วนราชการแล้วเห็นว่า ควรต้องมีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่หรือห้วงเวลาดำเนินการของแผนงาน/โครงการดังกล่าวเพื่อให้เหมาะสมสอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัดและความต้องการของประชาชนในพื้นที่ จะต้องขอความเห็นชอบจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับสำนักงบประมาณ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร รับไปพิจารณาแนวทางการดำเนินการในเรื่องนี้ในรายละเอียดให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติ แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน ๓๐ วัน ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปดำเนินการให้มีผู้แทนของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรร่วมพิจารณาแผนงาน/โครงการต่าง ๆ โดยให้มีการบูรณาการกับงานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินแผนงาน/โครงการในพื้นที่ตามแนวชายแดน รวมทั้ง ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย ๔. ให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณให้การสนับสนุนการดำเนินการในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินการในเรื่องนี้เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมและเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป |
||||||||||||||||||
25564 | รายงานผลการประชุมทบทวนผลการเปิดตลาดการค้าบริการตามข้อผูกพันชุดที่ 1 - 9 ของไทย ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของ อาเซียน | พณ | 12/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมทบทวนผลการเปิดตลาดการค้าบริการตามข้อผูกพันชุดที่ ๑-๙ ของไทย ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน เมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปประเด็นสำคัญได้ ดังนี้
๑. การผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการที่ผ่านมาของไทยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ เนื่องจากข้อผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการของไทยตั้งแต่ชุดที่ ๑-๙ ไทยได้เลือกผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการเฉพาะกิจกรรมย่อยที่ไทยมีความพร้อมภายใต้สาขาบริการหลักหรือในสาขาที่หน่วยงานของไทยเคยอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย พร้อมทั้งระบุเงื่อนไขที่เป็นข้อจำกัดต่อการเข้ามาประกอบธุรกิจบริการของต่างชาติในไทย ๒. ที่ประชุมตั้งข้อสังเกตว่า การสร้างข้อจำกัดการใช้สิทธิลงทุนของต่างชาติภายใต้กรอบอาเซียน ทำให้ไทยอยู่ในฐานะที่ไม่ได้เปิดตลาดบริการอย่างแท้จริง อาจส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมของตลาดในประเทศ การจำกัดการแข่งขันอาจส่งผลให้ผู้ประกอบการภายในประเทศไม่มีความตื่นตัวที่จะพัฒนาตนเอง เป็นการจำกัดทางเลือกของผู้บริโภคภายในประเทศที่จะเลือกใช้บริการที่มีคุณภาพ มีความหลากหลาย และไทยจะขาดโอกาสในการเป็น Hub ได้อย่างแท้จริง |
||||||||||||||||||
25565 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์เพิ่มเติม | กค | 12/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายชาญชัย บุญฤทธิ์ไชยศรี เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์เพิ่มเติม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||
25566 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย | อก | 12/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. ให้นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี พ้นจากตำแหน่งประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และแต่งตั้งให้นางอรรชกา สีบุญเรือง ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ๒. แต่งตั้งให้นายเกษมสันต์ จิณณวาโส (จากบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจตามประกาศกระทรวงการคลังฉบับลงวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๑ ความเชี่ยวชาญสาขากลยุทธ์ การวางแผน พัฒนา) ดำรงตำแหน่งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แทนกรรมการที่ลาออก ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||
25567 | แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2557 - 2561) นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา | ยธ | 12/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและประกาศใช้แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑) พร้อมทั้งสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปสู่การปฏิบัติด้วยการแปลงแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปสู่แผนบริหารราชการแผ่นดิน แผนปฏิบัติราชการกระทรวง กรม แผนพัฒนาจังหวัด แผนพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนแผนพัฒนาองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วจัดทำเป็นโครงการ/กิจกรรม เพื่อรองรับการดำเนินงานตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยใช้งบประมาณของหน่วยงานมาดำเนินการในการพิจารณานำมิติด้านสิทธิมนุษยชนมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของหน่วยงาน ๑.๒ กำหนดให้หน่วยงานต่าง ๆ รายงานผลการปฏิบัติงานตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ ปีละ ๑ ครั้ง ภายในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี และมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมรับผิดชอบการกำหนดแนวทาง วิธีการรายงานผลและแบบรายงานผลการดำเนินงาน พร้อมแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบและถือปฏิบัติ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ จัดทำคำแปลบทสรุปแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ เป็นภาษาอังกฤษ สำหรับเผยแพร่นานาประเทศ โดยการจัดทำคำแปล จะประสานผู้ทรงคุณวุฒิและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณา ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจัดทำแผนปฏิบัติการ (Action Plan) และการรายงานผลตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติดังกล่าวให้ถูกต้องชัดเจนต่อไป ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและของนายกรัฐมนตรี รวมทั้งมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชน เช่น มติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เกี่ยวกับปัญหาการค้ามนุษย์ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง สถานการณ์การค้ามนุษย์และการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี ๒๕๕๕) เป็นต้น เพื่อสนับสนุนให้การดำเนินการตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติบังเกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป |
||||||||||||||||||
25568 | ร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ในส่วนที่เกี่ยวกับการขยายขอบเขตความคุ้มครอง การปรับปรุงหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และระยะเวลาการจดทะเบียนการปรับปรุงค่าธรรมเนียม) | พณ | 12/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ส่งร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ..... [ในส่วนที่เกี่ยวกับการเข้าเป็นภาคีพิธีสารมาดริด (Madrid Protocol)] และร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ในส่วนที่เกี่ยวกับการขยายขอบเขตความคุ้มครอง การปรับปรุงหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และระยะเวลาการจดทะเบียน การปรับปรุงค่าธรรมเนียม) รวม ๒ ฉบับ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกับกระทรวงพาณิชย์ไปพิจารณาตัดบทบัญญัติที่ซ้ำซ้อนและให้รวมร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ทั้ง ๒ ฉบับเป็นฉบับเดียวกัน โดยให้เชิญกระทรวงสาธารณสุขเข้าร่วมพิจารณาด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||
25569 | ร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [ในส่วนที่เกี่ยวกับการเข้าเป็นภาคีพิธีสารมาดริด (Madrid Protocol)] | พณ | 12/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ส่งร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ..... [ในส่วนที่เกี่ยวกับการเข้าเป็นภาคีพิธีสารมาดริด (Madrid Protocal)] และร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ในส่วนที่เกี่ยวกับการขยายขอบเขตความคุ้มครอง การปรับปรุงหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และระยะเวลาการจดทะเบียน การปรับปรุงค่าธรรมเนียม) รวม ๒ ฉบับ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกับกระทรวงพาณิชย์ไปพิจารณาตัดบทบัญญัติที่ซ้ำซ้อนและให้รวมร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ทั้ง ๒ ฉบับเป็นฉบับเดียวกัน โดยให้เชิญกระทรวงสาธารณสุขเข้าร่วมพิจารณาด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||
25570 | รัฐบาลจอร์เจียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (นายเลวัน นิชาราเซ) | กต | 12/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายเลวัน นิชาราเซ (Mr. Levan Nizharadze) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐจอร์เจียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย สืบแทนนายซูรับ คัชคาชิชวีลี (Mr. Zurab Katchkatchishvili) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||
25571 | รัฐบาลสาธารณรัฐเฮลเลนิกเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (นายเพริคลีส บูตอส) | กต | 12/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายเพริคลีส บูตอส (Mr. Pericles Boutos) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเฮลเลนิกประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายนิโคลาออส วามวูนาคิส (Mr. Nicolaos Vamvounakis) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||
25572 | ขออนุมัติถอดถอนกงสุลกิตติมศักดิ์เครือรัฐออสเตรเลียประจำจังหวัดภูเก็ตที่พ้นหน้าที่ และแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ออสเตรเลียประจำจังหวัดภูเก็ต | กต | 12/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ถอดถอนนายลอว์เรนซ์ คีธ คันนิ่งแฮม (Mr. Laurence Keith Cunningham) ออกจากตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์เครือรัฐออสเตรเลียประจำจังหวัดภูเก็ต ๒. แต่งตั้งนางสาวมีเชลล์ ฮอว์รีลัก (Miss Michelle Hawryluk) เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์เครือรัฐออสเตรเลียประจำจังหวัดภูเก็ตคนใหม่ สืบแทนนายลอว์เรนซ์ คีธ คันนิ่งแฮม โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดภูเก็ต กระบี่ และพังงา
|
||||||||||||||||||
25573 | รัฐบาลสาธารณรัฐเคนยาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 12/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวจีน เจรี คาเมา (Miss Jean Njeri Kamau) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเคนยาประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายอะลี มุฮัมมัด ยูซุฟ (Mr. Ali Mohamed Yussuf) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||
25574 | ผลการประชุมคณะกรรมการระดับสูง ไทย - อินโดนีเซีย ครั้งที่ 8 | กห | 12/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการระดับสูง ไทย-อินโดนีเซีย ครั้งที่ ๘ เมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ เมืองบันดุง สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยมีพลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดในขณะนั้น) และพลเอก มูลโดโก้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดอินโดนีเซียเป็นประธานร่วม ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ โดยที่ประชุมฯ มีมติเห็นชอบในประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. จากการรายงานทบทวนการประชุมคณะกรรมการระดับสูง ไทย-อินโดนีเซีย ครั้งที่ ๗ ทั้งสองฝ่ายพบว่า การดำเนินงานด้านความร่วมมือระหว่างกันเป็นไปด้วยดี ๒. ความร่วมมือด้านการข่าวที่มีประสิทธิผลจะช่วยปรับปรุงคุณภาพของความร่วมมือด้านการข่าว และช่วยส่งเสริมสถานการณ์ความมั่นคงและความมีเสถียรภาพของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต ๓. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับระเบียบปฏิบัติประจำการลาดตระเวนร่วมทางทะเลไทย-อินโดนีเซีย และพื้นที่ปฏิบัติการลาดตระเวนร่วม ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมกันหาเหตุผลที่ดีกว่ามาสนับสนุนก่อนที่จะถึงขั้นตอนสุดท้าย รวมถึงการขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแสวงหาหนทางนำไปสู่การบรรลุข้อยุติต่อไป ๔. การจัดทำระเบียบปฏิบัติการลาดตระเวนร่วมทางทะเลจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับชุดทำงานร่วมด้านการแพทย์ในการปฏิบัติภารกิจการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติในอนาคต ๕. ความร่วมมือทางด้านการศึกษาและฝึกอบรมควรพิจารณาถึงความเหมาะสมของโครงการต่อระบบอาวุธที่ใช้อยู่ในกองทัพของทั้งสองประเทศ และโครงการแลกเปลี่ยนนายทหารต่าง ๆ ควรให้นายทหารจบใหม่จากกองทัพทั้งสองเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องมากขึ้น ๖. ที่ประชุมรับทราบการจัดตั้งศูนย์ความร่วมมือระหว่างประเทศ กองทัพอินโดนีเซีย ซึ่งจะจัดประชุมความร่วมมือทางทหารระหว่างประเทศทุกการประชุม รวมทั้งการสับเปลี่ยนตำแหน่งเลขานุการคณะกรรมการระดับสูง ไทย-อินโดนีเซีย (ฝ่ายอินโดนีเซีย) ๗. การสนับสนุนการพัฒนาความร่วมมือด้านการส่งกำลังบำรุงระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศด้วยการแลกเปลี่ยนการเยือนของนายทหารระดับสูงด้านการส่งกำลังบำรุง นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับความร่วมมือด้านการส่งกำลังบำรุงในอนาคต ๘. ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นตรงกันที่จะให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องในการติดตามการดำเนินงานที่สำคัญของแต่ละคณะอนุกรรมการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการร่วมกัน ๙. การประชุมคณะกรรมการระดับสูง ไทย-อินโดนีเซีย ครั้งที่ ๙ จะจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ ประเทศไทย
|
||||||||||||||||||
25575 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ ครั้งที่ 36 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | กษ | 12/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ (ASEAN Ministers on Agriculture and Forestry : AMAF) ครั้งที่ ๓๖ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้กับรัฐมนตรีของจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี (AMAF Plus Three) ครั้งที่ ๑๔ และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน-จีน ด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (ASEAN-China Ministerial Meeting on Quality Supervision, Inspection and Quarantine) (SPS Cooperation) ครั้งที่ ๔ ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๖ กันยายน ๒๕๕๗ ณ เมืองเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหัวหน้าคณะเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สำหรับผลการประชุมอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ (AMAF) ครั้งที่ ๓๖ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินงานด้านอาหาร การเกษตร และป่าไม้เพื่อมุ่งสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ในปี ๒๕๕๘ และมอบหมายให้ ASEAN Sectoral Working Group ที่เกี่ยวข้องดำเนินกิจกรรมที่กำหนดไว้ใน Key Deliverable ตามกำหนดเวลา พร้อมจัดทำตัวชี้วัดเพื่อติดตามการดำเนินงาน รวมทั้งเห็นชอบให้มีการทบทวน ปรับโครงสร้าง และกลไกการดำเนินงานภายใต้ AMAF ๒. ที่ประชุมเห็นชอบมาตรฐานและเอกสารต่าง ๆ อาทิ แผนนโยบายบูรณาการความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน และแผนกลยุทธ์ความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๓ มาตรฐานพืชสวนของอาเซียน (เมล็ดโกโก้ เห็ดนางฟ้า ถั่วลิสง น้อยหน่า มันฝรั่ง มะขามหวาน และ ชา) มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของอาเซียน การรับรองห้องปฏิบัติการตรวจรับรองวัคซีน ของกรมปศุสัตว์ มาตรฐานการปฏิบัติที่ดีทางการเกษตรสำหรับฟาร์มไก่เนื้อและฟาร์มไก่ไข่ของอาเซียน และคู่มือการปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดีของอาเซียน ๓. การประชุมอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ (AMAF) ครั้งที่ ๓๗ จะจัดขึ้น ณ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ในเดือนกันยายน ๒๕๕๘ ๔. รัฐมนตรีอาเซียนได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในกรอบอาเซียนเกี่ยวกับแผนการส่งเสริมสินค้าเกษตรและป่าไม้ ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๒ และบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช
|
||||||||||||||||||
25576 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ สำหรับงวดครึ่งปีแรก ปี 2557 | กค | 12/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ สำหรับงวดครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานประจำครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๗ ๑.๑ ศูนย์ข้อมูลฯ รวบรวมและจัดเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ๗ ประเภท ได้แก่ ที่อยู่อาศัย อาคาร สำนักงาน ศูนย์การค้า โรงแรม-รีสอร์ท นิคมอุตสาหกรรม สนามกอล์ฟ และที่ดินเปล่า โดยนำข้อมูลที่ได้มาประมวลผล ๔ ด้าน ได้แก่ ด้านอุปสงค์ ด้านอุปทาน ด้านราคา และด้านการเงิน สามารถเผยแพร่ข้อมูลได้ครอบคลุมทั้ง ๗ ประเภท และมีการเผยแพร่ข้อมูลล่าสุด ณ สิ้นไตรมาสที่ ๒ ปี ๒๕๕๗ ๑.๒ ศูนย์ข้อมูลฯ ได้จัดทำวารสารศูนย์ข้อมูลฯ REIC Journal ประจำไตรมาสที่ ๑ และไตรมาสที่ ๒ ปี ๒๕๕๗ จัดทำสัมมนาเผยแพร่ข้อมูลผลสำรวจโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยประจำปี ๒๕๕๗ จัดทำ REIC Web Poll รายครึ่งเดือน ผ่านเว็บไซต์ www.reic.or.th จัดทำระบบสืบค้นข้อมูลสถิติ Real Estate Information Center-Executive Information System (REIC-EIS) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ๑.๓ ศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับความร่วมมือจากสื่อสิ่งพิมพ์และนิตยสารต่าง ๆ ในการประชาสัมพันธ์ การออกบูธนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการ และการเผยแพร่ข้อมูลสถิติและตีพิมพ์บทความหรือสัมภาษณ์เกี่ยวกับข้อมูลสถิติและสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ ๒. ศูนย์ข้อมูลฯ ได้จัดทำและเผยแพร่ข้อมูลสถิติอสังหาริมทรัพย์ของไตรมาสที่ ๑ ปี ๒๕๕๗ สามารถสรุปข้อมูลสถิติที่สำคัญ ได้แก่ ห้องชุด บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และที่อยู่อาศัยประเภทอื่น ๆ จำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียน (อุปทาน) รวม ๔๒,๖๐๐ หน่วย และจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ (อุปสงค์) รวม ๖๓,๗๐๐ หน่วย
|
||||||||||||||||||
25577 | รายงานผลการกู้เงินในรูป Euro Commercial Paper (ECP) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | กค | 12/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินในรูป Euro Commercial Paper (ECP) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดย ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ไม่มียอดหนี้คงค้าง และในช่วงไตรมาสที่ ๑-๔ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ กระทรวงการคลังไม่มีการกู้เงินใหม่ ส่งผลให้ ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ กระทรวงการคลังไม่มียอดเงินกู้คงค้างภายใต้ ECP Programme ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และในการรายงานครั้งต่อไปให้กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเฉพาะในปีงบประมาณที่มีการกู้เงินภายใต้ ECP Programme เท่านั้น
|
||||||||||||||||||
25578 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 | กห | 12/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. ๒๔๙๗ มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๕ (พ.ศ. ๒๕๑๘) ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. ๒๔๙๗ ที่กำหนดให้บุคคลซึ่งไม่มีคุณวุฒิที่จะเป็นทหารได้เฉพาะบางท้องที่ รวม ๒๗ จังหวัด ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
25579 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางสาวเจือจันทร์ จงสถิตย์อยู่) | นร04 | 12/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง นางสาวเจือจันทร์ จงสถิตอยู่ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ ยุทธวงศ์) ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||
25580 | รายงานสถานะหนี้สาธารณะตามมาตรา 35 (1) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 | กค | 12/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะหนี้สาธารณะตามมาตรา ๓๕ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๗ มีจำนวน ๕,๖๕๐,๑๔๑.๒๔ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๖.๔๖ ของ GDP โดยเป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน ๓,๙๒๔,๓๗๔.๙๖ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน ๑,๐๙๕,๐๑๔.๔๗ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน ๖๑๕,๓๘๑.๘๕ ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ จำนวน ๑๕,๓๖๙.๙๖ ล้านบาท ทั้งนี้ แบ่งออกเป็นหนี้ต่างประเทศ จำนวน ๓๖๓,๙๗๓.๔๗ ล้านบาท และหนี้ในประเทศ จำนวน ๕,๒๘๖,๑๖๗.๗๗ ล้านบาท ๒. หนี้สาธารณะแบ่งตามอายุของเครื่องมือการกู้เงิน แบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาว ๕,๔๙๔,๑๒๒.๖๒ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๗.๒๔ และหนี้ระยะสั้น ๑๕๖,๐๑๘.๖๒ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒.๗๖ ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ๓. หนี้สาธารณะแบ่งตามอายุคงเหลือ แบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาว ๔,๘๓๕,๑๕๓.๕๒ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๕.๕๘ และหนี้ระยะสั้น ๘๑๔,๙๘๗.๗๒ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๔.๔๒ ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
|
.....