ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1271 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 25401 - 25420 จากข้อมูลทั้งหมด 123968 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25401 | การแสดงเจตจำนง (Pledge) การดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมของประเทศ (NAMAs) | ทส | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. การแสดงเจตจำนงการดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมของประเทศ (NAMAs) โดยเสนอตัวเลขของศักยภาพในการลดก๊าซเรือนกระจกเป็นช่วง (Range) ระหว่างร้อยละ ๗-๒๐ ๒. หนังสือแสดงเจตจำนงการดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมของประเทศ (Nationally Appropriate Mitigation Actions : NAMAs) และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยื่นหนังสือแสดงเจตจำนงฯ ต่อสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change : UNFCCC) ต่อไป ๓. ให้คณะผู้แทนไทยสามารถแจ้งข้อมูลเรื่องการแสดงเจตจำนงการดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมของประเทศ (NAMAs) รวมทั้งตัวเลขศักยภาพในการลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างร้อยละ ๗-๒๐ ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๐ (Conference of the Parties : COP 20) รวมทั้งในการหารือแบบทวิภาคีและพหุภาคีได้
|
||||||||||||||||||||||||
25402 | ขอความเห็นชอบให้รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมและการฝึกอบรมร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ | วท | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติตอบรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมและการฝึกอบรมในประเทศไทย จำนวน ๒ รายการ ได้แก่ การประชุม Project Review and Coordination Meeting on Strengthening Regional Nuclear Regulatory Authorities and Safety Culture under RAS/9/061 ณ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ ๑-๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ และการฝึกอบรม IAEA/RCA Regional Training Course on Essentials of Hybrid Nuclear Medicine Imaging ณ จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ ๘-๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ เพื่อจะได้ดำเนินการประสานกับกระทรวงการต่างประเทศแจ้งให้คณะผู้แทนถาวรไทยประจำกรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ทราบ และแจ้งให้ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency : IAEA) ตามแนวทางปฏิบัติต่อไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ด้านการต่างประเทศ ที่ให้ส่วนราชการต่าง ๆ ที่จะไปประชุมระดับนานาชาติ และจะเสนอตัวให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดงานหรือการประชุมระดับนานาชาติต่าง ๆ รายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสแรกโดยเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
25403 | รายงานผลการเดินทางเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ณ นครพุกาม สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา | กห | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานผลการเดินทางเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ณ นครพุกาม สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) พร้อมคณะ ระหว่างวันที่ ๑๘ ถึง ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ สรุปได้ ดังนี้
๑. การลงนามในปฏิญญาร่วม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้ร่วมลงนามในปฏิญญาร่วมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศมุ่งสู่ความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรืองของประชาคมอาเซียน ๒. การประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่า สถานการณ์ด้านความมั่นคงในภูมิภาคและของโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น และมีความท้าทายต่ออาเซียนมากขึ้นด้วย ประเทศสมาชิกอาเซียนจึงต้องมีความร่วมมือในทุกระดับ นอกจากนี้ อาเซียนควรมุ่งเน้นความเป็นหนึ่งเดียว ความเป็นศูนย์กลางของความร่วมมือในภูมิภาค การเน้นที่ประชาชนเป็นศูนย์กลาง และความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน สำหรับความร่วมมือกับประเทศนอกอาเซียน ถือว่ามีความสำคัญ เนื่องจากอาเซียนสามารถใช้โอกาสดังกล่าวเป็นเครื่องมือถ่วงดุลกับประเทศมหาอำนาจ และใช้ศักยภาพของประเทศมหาอำนาจในการพัฒนาศักยภาพของอาเซียน ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ ประณามและปฏิเสธการสนับสนุนกลุ่มหัวรุนแรงและกลุ่มก่อการร้าย และเห็นว่าเป็นการกระทำที่บิดเบือนคำสอนทางศาสนา ๓. การประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่นอย่างไม่เป็นทางการ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ประกาศนโยบายเสริมสร้างสันติภาพเชิงรุกในภูมิภาคเอเชีย (Proactive Contribution to Peace) ซึ่งจะทำให้กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นสามารถมีบทบาทและความร่วมมือด้านความมั่นคงมากขึ้นในอนาคต ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับญี่ปุ่นได้มีความก้าวหน้าขึ้น โดยมีการประชุม Tokyo Defence Forum การประชุมเจ้าหน้าที่กลาโหมในระดับอาวุโสอาเซียน-ญี่ปุ่น (ASEAN-Japan Defence Vice-Minister Forum) นอกจากนี้ ญี่ปุ่นเห็นว่ากลไกที่มีอาเซียนเป็นผู้นำถือเป็นพื้นฐานของความร่วมมือในภูมิภาค และกลไก ADMM-Plus ถือว่าเป็นกลไกที่จะนำความร่วมมือไปสู่ความเป็นรูปธรรม ๔. การหารือทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสิงคโปร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเวียดนาม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเมียนมาเกี่ยวกับความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านความมั่นคง
|
||||||||||||||||||||||||
25404 | การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนสามัญประจำปี 2553 ของบรรษัทการเงินระหว่างประเทศเพิ่มเติมให้แก่ประเทศไทย | กค | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบยืนยันการขอซื้อหุ้นเพิ่มทุนเพิ่มเติม จำนวน ๔ หุ้น จากบรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (The International Financial Cooperation : IFC) ส่วนงบประมาณในการซื้อหุ้นดังกล่าวให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้รับภายใต้มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นลำดับแรกก่อน หากไม่สามารถดำเนินการได้ ก็ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๑๓๐,๐๐๐ บาท และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. มอบหมายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในฐานะผู้ว่าการของไทยในธนาคารโลกลงนามในเอกสารยืนยันขอรับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน [Form of Instrument of Subscription (for additional shares)] |
||||||||||||||||||||||||
25405 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. .... | ทก | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ให้บริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่นเดียวกับผู้ให้บริการอื่นที่เป็นธนาคารพาณิชย์ (Bank) และที่มิได้เป็นธนาคารพาณิชย์ (Non-bank) ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
25406 | ขออนุมัติปรับเพิ่มราคาน้ำนมดิบเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรโคนม | กษ | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม ในการประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ปรับเพิ่มราคารับซื้อน้ำนมโค เพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ ๑.๐๐ บาท (จากเดิมราคา ๑๘.๐๐ บาท/กิโลกรัม เพิ่มขึ้นเป็น ๑๙.๐๐ บาท/กิโลกรัม) ทั้งนี้ ให้มีผลนับตั้งแต่วันที่กระทรวงพาณิชย์อนุญาตให้ผู้ประกอบการนมพาณิชย์ปรับราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมในตลาดนมพาณิชย์ได้ ๑.๒ ปรับราคากลางนมโรงเรียน เพิ่มขึ้นจากราคากลางเดิม ตามมติคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๔ เพิ่มขึ้นถุงหรือกล่องละ ๐.๒๑ บาท ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๗ เป็นต้นไป โดยนมพาสเจอร์ไรส์ จากเดิมราคา ๖.๓๗ บาท/ถุง เป็นราคา ๖.๕๘ บาท/ถุง นม ยู.เอช.ที ชนิดกล่อง จากเดิมราคา ๗.๖๑ บาท/กล่อง เป็นราคา ๗.๘๒ บาท/กล่อง และชนิดซอง จากเดิมราคา ๗.๕๑ บาท/ซอง เป็นราคา ๗.๗๒ บาท/ซอง ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตาม ตรวจสอบและควบคุมคุณภาพของนมโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ และเห็นควรให้พัฒนาศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบทุกแห่งผ่านการรับรองมาตรฐาน GMP รวมทั้งพิจารณาแนวทางในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตน้ำนมโคให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมทั้งในด้านคุณภาพและการลดต้นทุนการผลิต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในอุตสาหกรรมโคนมกับต่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ศึกษาแนวทางการดำเนินการของสหกรณ์โคนมของประเทศต่าง ๆ เช่น ประเทศนิวซีแลนด์ เพื่อหาแนวทางในการส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคโนโลยีการเกษตรและการจัดการเกษตร โดยเฉพาะด้านการบริหารสหกรณ์การเกษตรและการปศุสัตว์ ตลอดจนความร่วมมือและสนับสนุนงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อประโยชน์สำหรับการดำเนินการอุตสาหกรรมโคนมของประเทศไทยต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
25407 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลมะขามเตี้ย และตำบลบางกุ้ง อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลมะขามเตี้ย และตำบลบางกุ้ง อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ดังกล่าวเป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้น เพื่อประโยชน์สาธารณะในการสร้างและขยายทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างถนนชนเกษมกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๗๙ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
25408 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (จำนวน 5 ราย) (1. นายณรงค์ วงศ์บา ฯลฯ) | สธ | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๕ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายณรงค์ วงศ์บา ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานวิจัย การให้บริการทางการแพทย์และสังคม กลุ่มโรคเอดส์ สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๖ ๒. นางสาวอภิรมย์ พารักษา ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัย สาขาโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน (นายสัตวแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๓. นางอุทุมพร กำภู ณ อยุธยา ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๔. นางจันทนา อึ้งชูศักดิ์ ดำรงตำแหน่งทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านทันตสาธารณสุข) กรมอนามัย ตั้งแต่วันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๖ ๕. นางสุรีย์ วงศ์ปิยชน ดำรงตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขทรงคุณวุฒิ (ด้านสุขาภิบาล) กรมอนามัย ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๗
|
||||||||||||||||||||||||
25409 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง ๑.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงกำกับให้หน่วยงานด้านความมั่นคงดูแลเกี่ยวกับการนำเสนอความเห็นต่อสาธารณะของประชาชน กลุ่มนักศึกษา นักวิชาการต่าง ๆ โดยความเห็นหรือข้อเสนอแนะควรเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปประเทศและเสริมสร้างความปรองดองและสมานฉันท์ ๑.๒ ตามที่รัฐบาลได้เปิดศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) เพื่อทำหน้าที่พิจารณาออกใบอนุญาตทำงานชั่วคราวให้แก่แรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศแล้วนั้น ในระยะต่อไปให้ศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จขยายการดำเนินการออกใบอนุญาตทำงานชั่วคราวให้ครอบคลุมถึงแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนามด้วย ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้ทุกส่วนราชการติดตามการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ภายนอกประเทศ ซึ่งมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการค้าการลงทุนของไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการดำเนินงานให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ๒.๒ ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับภาคเอกชนของไทยที่มีความประสงค์และมีความพร้อมในการลงทุนในประเทศต่าง ๆ แล้วจัดทำเป็นข้อมูลส่งให้กระทรวงการต่างประเทศเพื่อใช้ประกอบการหารือทวิภาคีร่วมกับประเทศต่าง ๆ ต่อไป ๒.๓ ให้กระทรวงพลังงานเร่งดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน และโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ได้มีการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้วให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วัน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีในวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๒.๔ ให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงอุตสาหกรรมศึกษาเกี่ยวกับ Bloom Energy Server (Bloom Box) เพื่อพิจารณานำมาเป็นทางเลือกหนึ่งของการผลิตพลังงานเพื่อใช้ในประเทศไทยต่อไป ๒.๕ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้แก่ประชาชนและสาธารณะเกี่ยวกับสถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยในขณะนี้ และเร่งกำหนดมาตรการเพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว ๒.๖ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดูแลหรือคุ้มครองการดำเนินการทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งระบบ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป และให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคพิจารณากำหนดมาตรการในการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพของสินค้าหรือบริการที่มีการซื้อขายโดยตรงต่อผู้บริโภคโดยทั่วไป และซื้อขายโดยผ่านช่องทางในตลาดอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค ๓. ด้านสังคม ๓.๑ ให้กระทรวงสาธารณสุขประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแนวทางการจัดการโรคเอดส์ของไทยที่ประสบความสำเร็จ รวมทั้งให้ดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ๓.๒ ให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) เตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๘ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๓.๓ ให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์) ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกอย่างใกล้ชิด เฝ้าระวังโรคทั้งในคนและในสัตว์ และแจ้งเตือนประชาชนให้รับทราบสถานการณ์และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันโรค ๓.๔ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดมาตรการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์และสร้างการรับรู้กับประชาชนเกี่ยวกับภัยของขยะอิเล็กทรอนิกส์ ความรู้เกี่ยวกับการแยกประเภทขยะและวิธีการจำกัดขยะประเภทดังกล่าว ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ให้ทุกส่วนราชการจัดทำเอกสารเพื่อเผยแพร่ข้อมูลผลการดำเนินงานของรัฐบาลเฉพาะเรื่องที่มีผลสัมฤทธิ์แล้วและเรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินการเฉพาะเท่าที่จำเป็นให้ประชาชนรับทราบอย่างทั่วถึง ๔.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงบประมาณร่วมกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแผนงาน/โครงการที่จะดำเนินการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยนำข้อมูลที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรได้ดำเนินการสำรวจไว้มาใช้ประกอบการพิจารณา แล้วกำหนดเป็นแผนปฏิบัติการที่ระบุเป้าหมายและผลสัมฤทธิ์ในช่วงเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน และ ๑๒ เดือน รวมทั้งให้ขับเคลื่อนการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมภายใน ๓-๖ เดือน และเสนอผลความคืบหน้าต่อคณะรัฐมนตรีภายใน ๒ สัปดาห์ ๔.๓ ให้ทุกส่วนราชการควบคุมการก่อสร้างโครงการลงทุนขนาดใหญ่ต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ โดยให้ศึกษาสภาพแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างละเอียดรอบคอบและเหมาะสมกับสภาพทางกายภาพของพื้นที่ก่อสร้าง ๔.๔ ให้รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงกำกับให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำข้อเสนอเกี่ยวกับการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เกิดประสิทธิภาพต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณา โดยเฉพาะในประเด็นการคงอยู่ของประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๕/๒๕๕๗ เรื่อง การได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นการชั่วคราวด้วย ๔.๕ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาดำเนินการเร่งรัดเพื่อให้ได้มาซึ่งกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ในส่วนของผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนเกษตรกรตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร หากมีประเด็นปัญหาในข้อกฎหมาย ให้เสนอสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา แล้วจัดทำเป็นข้อเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไป ๔.๖ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและทุกส่วนราชการเชิญชวนให้พสกนิกรชาวไทยร่วมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๘๗ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ และมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ด้วยการตั้งปณิธานที่จะทำความดีอย่างน้อย ๑ อย่างที่เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและสังคมโดยรวมให้ดีขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||
25410 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ งานจ้างก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำและอาคารประกอบพร้อมส่วนประกอบอื่น อุโมงค์ส่งน้ำช่วงแม่งัด - แม่กวง สัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 2 โครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่ (สัญญาที่ 2) | กษ | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอเพิ่มเติมว่า การก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำและอาคารประกอบ พร้อมส่วนประกอบอื่น อุโมงค์ส่งน้ำช่วงแม่งัด-แม่กวง โครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่ สัญญาที่ ๑ และสัญญาที่ ๒ มีกำหนดเวลาแล้วเสร็จแตกต่างกัน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอปรับระยะเวลาดำเนินการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำและอาคารประกอบพร้อมส่วนประกอบอื่นอุโมงค์ส่งน้ำช่วงแม่งัด-แม่กวง ตามสัญญาที่ ๒ ให้แล้วเสร็จใกล้เคียงกับการดำเนินการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำและอาคารประกอบฯ ตามสัญญาที่ ๑ เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ รวมทั้งเป็นประโยชน์แก่ประชาชนผู้ใช้น้ำในพื้นที่ชลประทานเขื่อนแม่กวงอุดมธารา และพื้นที่โดยรอบอย่างสูงสุด ๒. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณงานจ้างก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำและอาคารประกอบฯ สัญญาที่ ๑ และสัญญาที่ ๒ โดยงบประมาณในการดำเนินการตามสัญญาที่ ๑ วงเงิน ๒,๓๓๔,๘๑๐,๐๐๐ บาท ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๔๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๒๓,๗๗๙,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๑,๘๓๑,๐๓๑,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ สำหรับงบประมาณในการดำเนินการตามสัญญาที่ ๒ ในกรณีที่มีการปรับระยะเวลาดำเนินการนั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ รวมทั้งตรวจสอบว่าการดำเนินการดังกล่าวถูกต้องตามเงื่อนไขในการประกวดราคาและเงื่อนไขต่าง ๆ ตามสัญญา กฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ก่อนดำเนินการต่อไป และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการตรวจสอบว่าบริษัท อิตาเลียน ไทยดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) มีความพร้อมด้านเครื่องจักร เครื่องมือจริง ตามที่ได้ชี้แจงต่อคณะกรรมการประกวดราคา ก่อนลงนามในสัญญาจ้าง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
25411 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ภาษีเงินได้จากการรับให้) และร่างพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
25412 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ภาษีเงินได้จากการรับให้) และร่างพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ภาษีเงินได้จากการรับให้) และร่างพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
25413 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (จำนวน 12 ราย) (1. นาย ธีรกุล นิยม ฯลฯ) | กต | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน จำนวน ๑๒ ราย ในจำนวนนี้เป็นการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ จำนวน ๑๐ ราย ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายธีรกุล นิยม ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ๒. นายจักร บุญ-หลง ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทุต ณ กรุงออสโล ราชอาณาจักรนอร์เวย์ ๓. นางขันธ์ทอง อูนากูล ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบูดาเปสต์ สาธารณรัฐฮังการี ๔. นายบรรสาน บุนนาค ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ๕. นายมนัสวี ศรีโสดาพล ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ สาธารณรัฐโปแลนด์ ๖. นายนภดล เทพพิทักษ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๗. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ ๘. นายจิระชัย ปั้นกระษิณ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรเลีย ๙. นายสุรศักดิ์ เจือสุคนธ์ทิพย์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเม็กซิโก สหรัฐเม็กซิโก ๑๐. นายดำรง ใคร่ครวญ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ๑๑. นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก ๑๒. นางสาวบุษกร พฤกษพงศ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงดิลี สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต
|
||||||||||||||||||||||||
25414 | ขออนุมัติเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการพร้อมการขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ | ทก | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เช่ารถยนต์มาใช้ในราชการพร้อมก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ รวม ๕๗ เดือน ภายในกรอบวงเงิน ๒๑,๖๙๙,๙๐๐ บาท ตามมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมติคณะรัฐมนตรีว่าด้วยแนวทางปฏิบัติในการเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารใช้จ่ายจากการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ภายใต้มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ มาดำเนินการ ในวงเงิน ๓,๔๒๖,๓๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๑๘,๒๗๓,๖๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามวงเงินในสัญญาต่อไป ทั้งนี้ การเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการดังกล่าว ให้สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย |
||||||||||||||||||||||||
25415 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม | คค | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) หรือพิจารณามอบหมายรัฐมนตรีท่านอื่นตามที่เห็นสมควร ให้เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมไม่อาจปฏิบัติราชการได้พร้อมกัน ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
25416 | แผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ 1 ปี (ตุลาคม 2557 - ตุลาคม 2558) ตามข้อสั่งการด้านกฎหมายของนายกรัฐมนตรี | นร09 | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบแผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ ๑ ปี (ตุลาคม ๒๕๕๗-ตุลาคม ๒๕๕๘) ตามข้อสั่งการด้านกฎหมายของนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องปฏิบัติให้เป็นไปตามแผนดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ ให้ส่งแผนดังกล่าวให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบเพื่อเป็นข้อมูลด้วย ดังนี้ ๑.๑ แผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ ๑ ปี (ตุลาคม ๒๕๕๗-ตุลาคม ๒๕๕๘) จำนวน ๑๖๓ ฉบับ แยกเป็น ไตรมาสที่ ๑ (ตุลาคม ๒๕๕๗-ธันวาคม ๒๕๕๗) จำนวน ๙๖ ฉบับ ไตรมาสที่ ๒ (มกราคม ๒๕๕๘-มีนาคม ๒๕๕๘) จำนวน ๒๕ ฉบับ ไตรมาสที่ ๓ (เมษายน ๒๕๕๘-มิถุนายน ๒๕๕๘) จำนวน ๒๑ ฉบับ และไตรมาสที่ ๔ (กรกฎาคม ๒๕๕๘-ตุลาคม ๒๕๕๘) จำนวน ๒๑ ฉบับ ๑.๒ จำนวนร่างกฎหมายแยกประเภทของกลุ่มข้อสั่งการ ได้แก่ กลุ่มกฎหมายที่ล้าสมัย จำนวน ๕๐ ฉบับ กลุ่มกฎหมายลดความเหลื่อมล้ำของสังคม หรือให้สังคมดีขึ้น หรือเพื่อประสิทธิภาพ จำนวน ๖๓ ฉบับ กลุ่มกฎหมายเกี่ยวกับการค้า การลงทุน หรืออนุวัติการตามหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ จำนวน ๔๘ ฉบับ และกลุ่มกฎหมายที่บัญญัติใหม่ จำนวน ๑๓๒ ฉบับ ๑.๓ แผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ ๑ ปี (ตุลาคม ๒๕๕๗-ตุลาคม ๒๕๕๘) ในส่วนของร่างกฎหมายที่พร้อมดำเนินการ มีจำนวน ๑๐๙ ฉบับ ๑.๔ แผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ ๑ ปี (ตุลาคม ๒๕๕๗-ตุลาคม ๒๕๕๘) ในส่วนของร่างกฎหมายที่หน่วยงานกำลังยกร่าง มีจำนวน ๑๓๒ ฉบับ ๒. ให้ทุกส่วนราชการรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้ทุกส่วนราชการจัดลำดับความสำคัญกฎหมายที่เกี่ยวกับการแก้ไขหรือปรับปรุงกฎหมายที่ลดความเหลื่อมล้ำของสังคมหรือให้สังคมดีขึ้น ซึ่งประชาชนสามารถเข้าถึงได้เป็นลำดับแรก ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีการายงานว่า ขณะนี้ยังมีร่างกฎหมายซึ่งอยู่ระหว่างการยกร่างของหน่วยงานอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะได้เร่งรัดจัดประชุมเกี่ยวกับการเสนอร่างกฎหมายร่วมกับส่วนราชการต่าง ๆ เพื่อให้แผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ ๑ ปี เกิดผลสัมฤทธิ์และจะรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
25417 | การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารแผนงาน/โครงการของส่วนราชการ (มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2556 และครั้งที่ 1/2557) | ทส | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๖ ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้มีมติในเรื่องเชิงนโยบายที่สำคัญและได้ข้อยุติแล้ว จำนวน ๑๒ เรื่อง และการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ คณะกรรมการฯ ได้มีมติในเรื่องเชิงนโยบายที่สำคัญและได้ข้อยุติแล้ว จำนวน ๑๘ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้ทุกส่วนราชการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ในความรับผิดชอบที่ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องและได้รับความเห็นชอบ/อนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินการแล้ว เพื่อให้ประชาชนและผู้สนใจได้ทราบการดำเนินงานของรัฐบาลอย่างถูกต้องโดยทั่วกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโครงการอื่น ๆ ที่อาจมีผลกระทบด้านต่าง ๆ และอยู่ในความสนใจของประชาชน รวมทั้งให้มีการรายงานความคืบหน้าของการดำเนินโครงการต่าง ๆ ดังกล่าวเป็นระยะ ๆ เพื่อสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชนด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
25418 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กองทุนประกันชีวิตและกองทุนประกันวินาศภัย) | กค | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้กองทุนประกันชีวิตและกองทุนประกันวินาศภัย เป็นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
25419 | รายงานการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประจำปี 2556 (1 ตุลาคม 2555 - 30 กันยายน 2556) | สธ | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมีมติ
๑. รับทราบรายงานการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประจำปี ๒๕๕๖ (๑ ตุลาคม ๒๕๕๕-๓๐ กันยายน ๒๕๕๖) ตามที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ภาพรวมการบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ งบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่ได้รับจัดสรรรวม ๒,๙๒๑.๖๖ บาทต่อประชากรผู้มีสิทธิหลักประกัน (ไม่รวมเงินเดือน) คิดเป็นวงเงิน ๑๐๘,๗๔๔ ล้านบาท ประชากรผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพ ปี ๒๕๕๖ มีจำนวน ๔๘.๑ ล้านคน มีหน่วยบริการที่ให้บริการสุขภาพในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติทั้งสิ้น ๑๓,๕๕๑ แห่ง โดยร้อยละ ๙๒.๒๗ เป็นหน่วยบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ๑.๒ ด้านการเข้าถึงบริการสุขภาพ ประสิทธิภาพ คุณภาพและประสิทธิผลของบริการ จำนวนและอัตราการใช้บริการผู้ป่วยนอก จำนวน ๑๕๑.๘๖ ล้านครั้ง และผู้ป่วยใน จำนวน ๕.๗๙ ล้านครั้ง โดยผู้ป่วยนอกร้อยละ ๔๗.๖๘ ใช้บริการสถานีอนามัย/ศูนย์บริการ ผู้ป่วยในร้อยละ ๔๘ ใช้บริการที่โรงพยาบาลชุมชน อัตราป่วยตายของผู้ป่วยที่รับไว้รักษาในโรงพยาบาล ร้อยละ ๒.๘๒ ส่วนใหญ่ป่วยตายจากกลุ่มโรคติดเชื้อ รองลงมาคือ กลุ่มโรคมะเร็ง และโรคจากพฤติกรรม โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ส่วนผู้ป่วยเด็กพบมีแนวโน้มการป่วยตายลดลงเรื่อย ๆ ๑.๓ ด้านการมีส่วนร่วม การคุ้มครองสิทธิ ความพึงพอใจของผู้ใช้และผู้ที่ให้บริการ โดยการมีส่วนร่วมระดับท้องถิ่นดีขึ้น จำนวนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบต. และเทศบาล) เข้าร่วมกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่นถึงร้อยละ ๙๙.๖๘ (๗,๗๕๑ แห่ง จาก ๗,๗๗๖ แห่ง) โดยมีเงินจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จำนวน ๒,๒๘๑ ล้านบาท และเงินสมทบจากท้องถิ่นวงเงิน ๙๕๖ ล้านบาท มีการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพที่จำเป็นต่อสุขภาพระดับจังหวัด ๒๓ จังหวัด ด้านการคุ้มครองสิทธิ ได้จัดให้มีการรับเรื่องร้องเรียนให้เสร็จภายใน ๓๐ วันทำการ ร้อยละ ๙๗.๑ และมีผู้รับบริการยื่นคำร้องขอรับการชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลของหน่วยบริการ จำนวน ๑,๑๘๒ คน ได้รับการชดเชย จำนวน ๙๙๕ คน รวมวงเงินชดเชยทั้งหมด จำนวน ๑๙๑.๕๘ ล้านบาท ส่วนความพึงพอใจ ประชาชนที่เคยใช้บริการมีความพึงพอใจร้อยละ ๙๕.๔๙ คะแนนความพึงพอใจเฉลี่ย ๘.๕๘ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขมุ่งเน้นการดำเนินการในเชิงป้องกันและส่งเสริมการรักษาสุขภาพของประชาชนให้มากยิ่งขึ้นเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในด้านการรักษาพยาบาล รวมทั้งให้พิจารณาแนวทางและมาตรการการดำเนินการเพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงระบบประกันสุขภาพได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนการค้นคว้าวิจัยและประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับนวัตกรรมยาสมุนไพรไทยชนิดต่าง ๆ ที่ได้รับการตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้วว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรคต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพให้เป็นที่เข้าใจอย่างถูกต้องโดยทั่วกัน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากสมุนไพรไทยอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้นอันจะเป็นผลดีต่อทั้งตัวผู้ป่วยโรคนั้น ๆ และต่อเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพรที่จะมีรายได้เพิ่มมากขึ้นด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
25420 | ร่างพระราชกฤษฎีกาซึ่งออกตามความพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2551 รวม 38 ฉบับ | ศธ | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาซึ่งออกตามความพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๑ รวม ๓๘ ฉบับ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเรียกชื่อปริญญาในสาขาวิชาและการใช้อักษรย่อสำหรับสาขาวิชาของสถาบันการอาชีวศึกษา จำนวน ๑๙ แห่ง (รวม ๑๙ ฉบับ) เป็นการกำหนดปริญญาทางเทคโนโลยี และอักษรย่อ โดยเรียกว่า “เทคโนโลยีบัณฑิต” ใช้อักษรย่อว่า “ทล.บ.” ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดลักษณะ ชนิด ประเภท และส่วนประกอบของครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของสถาบันอาชีวศึกษา จำนวน ๑๙ แห่ง (รวม ๑๙ ฉบับ) เป็นการกำหนดลักษณะ ชนิด ประเภท และส่วนประกอบของครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่ง ๒. ให้รับไปพิจารณาด้วยว่าจะตราเป็นพระราชกฤษฎีกาฉบับเดียวกันในการเรียกชื่อปริญญาในสาขาวิชาและการใช้อักษรย่อสำหรับสาขาวิชาของสถาบันการอาชีวศึกษา และกำหนดลักษณะ ประเภท และส่วนประกอบของครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของสถาบันการอาชีวศึกษาใน ๑ แห่งได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นการดำเนินการในสถาบันการอาชีวศึกษาแห่งเดียวกัน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....