ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1271 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 25401 - 25420 จากข้อมูลทั้งหมด 124251 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25401 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. .... | รง | 30/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราค่ารักษาพยาบาลให้มีความเหมาะสมกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
25402 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการค้างาช้าง พ.ศ. .... | สว | 30/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการค้างาช้าง พ.ศ. .... ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมบันทึกหลักการและเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติการค้างาช้าง พ.ศ. .... และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ แก้ไข เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยคณะกรรมาธิการฯ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เห็นควรแก้ไขชื่อร่างพระราชบัญญัติเป็น "ร่างพระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ...." โดยตัด คำว่า "การค้า" ออก เพื่อให้มีความหมายที่กว้างและครอบคลุมชัดเจนยิ่งขึ้น และเพื่อเป็นการสอดรับกับขอบเขตการใช้บังคับของกฎหมาย ซึ่งมิได้ควบคุมเพียงเฉพาะการค้างาช้างเท่านั้นยังควบคุมถึงการครอบครอง การนำเข้า การส่งออก และการดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับงาช้าง ตามบันทึกวิเคราะห์สรุปสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติการค้างาช้าง พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||
25403 | รายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส 3 ปี 2557 และรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนพฤศจิกายน 2557 | อก | 30/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส ๓ ปี ๒๕๕๗ และรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส ๓ (กรกฎาคม-กันยายน ๒๕๕๗) ดัชนีผลผลิตลดลงหรือหดตัวร้อยละ ๓.๙ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อุตสาหกรรมสำคัญที่การผลิตลดลงในไตรมาสนี้ อาทิ ยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส ๓ ปี ๒๕๕๗ แม้ว่าดัชนีฯ ยังคงหดตัวอยู่ แต่มีสัญญาณฟื้นตัวขึ้นจากการที่ดัชนีฯ หดตัวในอัตราที่น้อยลงจากไตรมาสก่อน (ไตรมาส ๒ ปี ๒๕๕๗ ดัชนีฯ หดตัวร้อยละ ๔.๘) ๒. สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ ดัชนีอุตสาหกรรมของเดือนตุลาคม ๒๕๕๗ ลดลงหรือหดตัวร้อยละ ๒.๙ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตลดลงในหลายอุตสาหกรรมที่สำคัญ อาทิ ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม การผลิตเบียร์ เป็นต้น ทั้งนี้ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนตุลาคม ๒๕๕๗ แม้ว่ายังคงหดตัวอยู่ แต่มีสัญญาณฟื้นตัวขึ้นจากการที่ดัชนีฯ หดตัวในอัตราที่น้อยลงจากเดือนก่อน (เดือนกันยายน ๒๕๕๗ หดตัวร้อยละ ๓.๙) ด้วยปัจจัยต่าง ๆ เช่น เศรษฐกิจในประเทศเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นจากความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ และการเมืองมากขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณปี ๒๕๕๘ รวมถึงมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรทั้งที่เป็นเงินช่วยเหลือปัจจัยการผลิตและที่เป็นสินเชื่อเพื่อใช้วัตถุดิบการเกษตร ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้ผู้ประกอบการเริ่มเพิ่มระดับการผลิตมากขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวของการบริโภคในประเทศในช่วง ต่อ ๆ ไป
|
||||||||||||||||||||||||
25404 | รายงานความเห็นเกี่ยวกับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยโดยบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ | กค | 30/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความเห็นเกี่ยวกับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยโดยบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือบริษัท Moody’s Investors Service (Moody’s) และบริษัท Standard and Poor’s (S&P’s) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ความเห็นเกี่ยวกับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย Moody’s เห็นว่าปัจจุบันประเทศไทยมีอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวสกุลเงินตราต่างประเทศที่ระดับ Baa1 อันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะสั้นสกุลเงินตราต่างประเทศที่ระดับ P-2 และมีแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับมีเสถียรภาพ ส่วน S&P’s ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวสกุลเงินตราต่างประเทศที่ระดับ BBB+ และยืนยันมุมมองอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) ตามเดิม ๒. ปัจจัยสนับสนุนต่ออันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย Moody’s และ S&P’s เห็นว่า เกิดจากภาคต่างประเทศของประเทศไทยที่แข็งแกร่งโดยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศอยู่ในระดับสูง มีสภาพคล่องที่เป็นเงินตราต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ความแข็งแกร่งขององค์กรภาครัฐที่อยู่ในระดับสูง ภาคการคลังที่แข็งแกร่งโดยมีหนี้ของรัฐบาลอยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมทั้งนโยบายการเงินที่เชื่อถือได้ ๓. ปัจจัยที่อาจมีผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของไทยในระยะต่อไป Moody’s และ S&P’s เห็นว่า เกิดจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจและเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล การเป็นประเทศที่มีระดับรายได้ต่อหัวต่ำ การเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะและภาระการคลังซ่อนเร้น ความอ่อนแอด้านธรรมาภิบาล โดยเฉพาะปัญหาการคอร์รัปชัน ๔. ประเด็นที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือติดตามอย่างใกล้ชิด โดยประเด็นที่ Moody’s ติดตามอย่างใกล้ชิด คือ ความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ และการพัฒนาการทางด้านการคลังที่สำคัญ ส่วนประเด็นที่ S&P’s ติดตามอย่างใกล้ชิด คือ หากตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจหรือการคลังถดถอยลงเกินกว่าที่ S&P’s ประมาณการไว้ในช่วง ๗ ปีที่ผ่านมา อาจส่งผลให้ S&P’s ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย หรือปรับมุมมองความน่าเชื่อถือจากมีเสถียรภาพเป็นลบได้ รวมทั้งหากผู้นำทางการเมืองทุกกลุ่มสามารถสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นได้จะช่วยส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่อันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในที่สุด
|
||||||||||||||||||||||||
25405 | ขออนุมัติดำเนินโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง | กษ | 30/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง เพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรและชุมชนเกษตรในช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของชุมชนเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนจากภัยแล้งในระยะยาว มีเป้าหมายและพื้นที่ดำเนินการ คือ ชุมชนเกษตรกรที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภัยแล้งปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ ในพื้นที่ ๓,๔๕๖ ตำบล ๖๘ จังหวัด โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในการกำหนดรายละเอียดโครงการให้ชัดเจน เช่น พื้นที่เป้าหมายของโครงการ ประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่จะจ้างงาน ซึ่งครอบคลุมทั้งเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย ประเภทและลักษณะโครงการซึ่งเป็นไปตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และวิเคราะห์ผลกระทบของโครงการต่อการจ้างงานและเศรษฐกิจในภาพรวม เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีก่อนดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่นซึ่งได้เคยดำเนินการไปก่อนหน้านี้ ๓. ให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรพิจารณาตรวจสอบและรับรองข้อมูลว่าเป็นพื้นที่ที่เกิดภัยแล้งจริง และเป็นความต้องการขอรับการสนับสนุนของเกษตรกรในพื้นที่ รวมทั้งมีการตรวจสอบความซ้ำซ้อนกับเป้าหมายตามมาตรการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากภัยแล้งปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรเป็นไปอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ตลอดจนกำกับดูแลให้ชุมชนสามารถพัฒนา ดูแลรักษา และใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรที่เกิดขึ้นได้อย่างคุ้มค่า ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
25406 | โครงการของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน พ.ศ. 2558 | นร | 30/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน พ.ศ. ๒๕๕๘ ของหน่วยงานต่าง ๆ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ ดังนี้
๑. กระทรวงยุติธรรม จำนวน ๕ โครงการ/กิจกรรม ได้แก่ ๑.๑ สำนักงาน ป.ป.ส จัดทำแผนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๘ ๑.๒ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เปิดจุดบริการ One Stop Service ช่วยเหลือเยียวยาเหยื่ออาชญากรรม ณ สถานีตำรวจภูธรและนครบาลทั่วประเทศ ๑.๓ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จัดตั้งคลินิกให้คำปรึกษาเด็กและครอบครัวอบอุ่น ๑.๔ กรมบังคับคดี จัดทำโครงการ/กิจกรรมเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน ประกอบด้วย กิจกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดี โครงการเร่งรัดผลักดันทรัพย์สินออกจากกระบวนการบังคับคดี กิจกรรมขายทอดตลาดในวันเสาร์ และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่คู่ความและประชาชน ๑.๕ กรมราชทัณฑ์ จัดโครงการเยี่ยมญาติแบบใกล้ชิดเป็นกรณีพิเศษ ๒. สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน ๔ โครงการ/กิจกรรม ได้แก่ ๒.๑ การคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๒.๒ โครงการ “ปลูกไทย... ในแบบพ่อ” ๒.๓ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ๒.๔ โครงการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๓. กรมประชาสัมพันธ์ จำนวน ๒ โครงการ/กิจกรรม ได้แก่ ๓.๑ โครงการกรมประชาสัมพันธ์คืนความสุขให้ประชาชน “ดนตรีในสวน” ๓.๒ โครงการ “ช่วยเหลือประชาชนในภาคเหนือ” ๔. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จำนวน ๔ โครงการ/กิจกรรม ได้แก่ ๔.๑ โครงการตรวจกระเช้าของขวัญปีใหม่ ๔.๒ โครงการตรวจการให้บริการ ณ ท่าเรือ ในจังหวัดพังงา กระบี่ และตรัง ๔.๓ โครงการตรวจการให้บริการ ณ สถานีขนส่ง ๔.๔ โครงการจัดทำระบบ Mobile Application ๕. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จำนวน ๑ โครงการ คือ โครงการสวดมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ ๖. สำนักงาน ก.พ.ร. จำนวน ๓ โครงการ/กิจกรรม ได้แก่ ๖.๑ โครงการ "คืนความสะดวกให้ประชาชน" ๖.๒ โครงการจัดตั้งศูนย์บริการภาครัฐในห้างสรรพสินค้า (Government Plaza) ๖.๓ การเพิ่มประสิทธิภาพการบริการของหน่วยงานภาครัฐเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจของประเทศไทย ตามรายงานการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก (Ease of Doing Business Report) ๗. บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จำนวน ๔ โครงการ/กิจกรรม ได้แก่ ๗.๑ กิจกรรมเอ็มคอทเรดิโอสโมสร (MCOT RADIO SAMOSORN) ๗.๒ โครงการเวทีความคิด ช่วง ๙๖๕ เดินหน้าปฏิรูป ๗.๓ โครงการ SEED คสช คืนความสุขให้ชาวซี้ด ๗.๔ กิจกรรม MET is Every Where
|
||||||||||||||||||||||||
25407 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ครั้งที่ 2/2557 | นร11 | 30/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ครั้งที่ ๒/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๒. เห็นชอบผลการพิจารณาและมติของ กนพ. และมอบหมายหน่วยงานรับไปดำเนินการโดยประสานกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒.๑ ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยให้รับนโยบายประธานและความเห็นของ กนพ. เกี่ยวกับเป้าหมายการดำเนินงานพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษให้มีผลในทางปฏิบัติภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการในเรื่องการเตรียมระบบสาธารณูปโภค (ไฟฟ้าและประปา) การพัฒนาโครงข่ายถนนและการคมนาคมขนส่งกิจกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ การวางผังเมือง การจัดการขยะและของเสีย การพัฒนาบริเวณพื้นที่ชายแดน การประชาสัมพันธ์เพื่อดึงดูดนักลงทุน และการประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด ไปประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยด่วนต่อไป ๒.๒ ที่ประชุมพิจารณาแผนการดำเนินงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ปี ๒๕๕๘-๒๕๕๙ โดยมีมติเห็นชอบการกำหนดขอบเขตพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษระยะแรก การกำหนดสิทธิประโยชน์และมาตรการทางการเงิน การจัดระบบแรงงานต่างด้าวที่มาทำงานในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในลักษณะข้ามแดนไป-กลับ และให้มีการจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านแรงงาน รวมทั้งเห็นชอบในหลักการแผนพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานและด่านศุลกากร และ มอบหมายหน่วยงานดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินงานพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษมีผลในทางปฏิบัติภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ เพื่อให้สามารถเริ่มเปิดให้มีการลงทุนได้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๘ ๒.๓ ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ได้จัดทำข้อเสนอโครงการบริหารจัดการผลิตผลการเกษตรในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษโดยสหกรณ์ และมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ และผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้อง ไปหารือรายละเอียดเกี่ยวกับการบริหารจัดการผลิตผลการเกษตรในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษอีกครั้ง ตามแนวนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสนับสนุนให้ภาคเอกชนหรือผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ดำเนินการนำเข้าผลผลิตจากประเทศเพื่อนบ้านอยู่แล้วมารวมกลุ่มในรูปแบบของสหกรณ์เพื่อแปรรูปและส่งออก แล้วนำเสนอ กนพ. พิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
25408 | การปรับค่าผ่านทางบนทางหลวงสัมปทาน ตอน ดินแดง - ดอนเมือง และทางหลวงสัมปทาน ตอน ต่อขยายทางด้านทิศเหนือ | คค | 30/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการปรับค่าผ่านทางบนทางหลวงสัมปทาน ตอน ดินแดง-ดอนเมือง และทางหลวงสัมปทาน ตอน ต่อขยายทางด้านทิศเหนือ โดยการปรับค่าผ่านทางดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาสัมปทาน ในทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๑ ถนนวิภาวดีรังสิต ตอน ดินแดง-ดอนเมือง ฉบับที่ ๓/๒๕๕๐ สัญญาสัมปทาน มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๗-๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ทั้งนี้ การปรับค่าผ่านทางตามบันทึกข้อตกลงฯ ฉบับที่ ๓/๒๕๕๐ กำหนดให้มีผลบังคับใช้ได้ทันที โดยผู้รับสัมปทานไม่ต้องขออนุญาตจากกรมทางหลวง แต่ต้องแจ้งให้กรมทางหลวงทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน และให้ผู้รับสัมปทานประกาศและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบล่วงหน้าเป็นเวลาพอสมควร ซึ่งบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ได้มีหนังสือแจ้งกรมทางหลวง เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมประเมินผลการดำเนินการบรรเทาผลกระทบจากการปรับราคาค่าผ่านทางครั้งที่ผ่านมา (เมื่อปี ๒๕๕๒) ทั้งจากมาตรการลดผลกระทบจากการปรับค่าผ่านทางของคณะทำงานของกรมทางหลวง และจากรายการสมนาคุณแก่ผู้ใช้ทางของบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ว่าสามารถลดผลกระทบได้หรือไม่ อย่างไร เพื่อนำมาปรับปรุงมาตรการลดผลกระทบจากการปรับราคาครั้งนี้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แล้วรายงานคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
25409 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงพาณิชย์) (คณะกรรมการการตรวจสอบมาตรฐานข้าวหอมมะลิบรรจุถุง) | พณ | 30/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบมาตรฐานข้าวหอมมะลิบรรจุถุงของกระทรวงพาณิชย์
|
||||||||||||||||||||||||
25410 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงมหาดไทย จำนวน 6 คณะ) | มท | 30/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการของกระทรวงมหาดไทย ดังนี้
๑. แต่งตั้งคณะกรรมการ จำนวน ๓ คณะ คือ ๑.๑ คณะกรรมการพิจารณาเรื่องการขอเปลี่ยนแปลงชื่อจังหวัด อำเภอ และตำบล หมู่บ้าน หรือสถานที่ราชการอื่น ๆ ๑.๒ คณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินงานของคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) ระดับกระทรวง ๑.๓ คณะกรรมการพิจารณาอนุญาตให้ดูดทราย ๒. แต่งตั้งคณะกรรมการและเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบ จำนวน ๒ คณะ คือ ๒.๑ คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย คณะที่ ๑ ๒.๒ คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย คณะที่ ๒
|
||||||||||||||||||||||||
25411 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางหรรษา ไชยวานิช) | สธ | 30/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นางหรรษา ไชยวานิช ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (มาตรฐานห้องปฏิบัติการ) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๒. นางเดือนถนอม พรหมขัติแก้ว ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (เทคโนโลยีชีวภาพ) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗
|
||||||||||||||||||||||||
25412 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายสมอาจ ตั้งเจริญ) | สธ | 30/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือน สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายเฟื่องรักษ์ ร่วมเจริญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลนครพนม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ๒. นายสมอาจ ตั้งเจริญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) กลุ่มงานศัลยกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๗
|
||||||||||||||||||||||||
25413 | โครงการของขวัญปีใหม่ 2558 โดยกระทรวงการต่างประเทศ | กต | 30/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการของขวัญปีใหม่ ๒๕๕๘ แก่ประชาชน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เปิดให้บริการหนังสือเดินทางในวันเสาร์เป็นกรณีพิเศษที่กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ และสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว ๑๖ แห่งทั่วประเทศ โดยเปิดให้บริการรับคำร้องหนังสือเดินทางทุกประเภท (หนังสือเดินทางทั่วไป/ทูต/ราชการ/พระภิกษุ) ตั้งแต่วันเสาร์ที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ ถึงวันเสาร์ที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๘ (ยกเว้นวันเสาร์ที่ ๓ มกราคม ๒๕๕๗) ๒. จัดหน่วยหนังสือเดินทางเคลื่อนที่ให้บริการแก่ประชาชนที่เทศบาลเมืองหัวหิน โดยให้บริการระหว่างวันที่ ๑๕-๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ เป็นการให้บริการรับคำร้องเฉพาะหนังสือเดินทางทั่วไปและรับเล่มทางไปรษณีย์เท่านั้น ๓. เปิดสำนักงานหนังสือเดินทางบางนา-ศรีนครินทร์ ที่ศูนย์การค้าธัญปาร์ค โดยเปิดบริการเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๔. เปิดให้บริการรับรองเอกสารในวันเสาร์ที่กรมการกงสุล เป็นเวลา ๔ สัปดาห์ ได้แก่ วันเสาร์ที่ ๒๐ และ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ และวันเสาร์ที่ ๑๐ และ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๘ ๕. จัดตั้งศูนย์สายด่วนบริการประชาชน ๒๔ ชั่วโมง และจัดทำ Mobile Application เพื่อให้ข้อมูลด้านการกงสุลแก่ประชาชน โดยมีแผนให้บริการได้ภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||||||||
25414 | ของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนของกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 30/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการ/กิจกรรมของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยจำแนกเป็นกิจกรรมของหน่วยงานในสังกัด ดังนี้
๑. สำนักงาน ป.ป.ส. จัดทำแผนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๘ แบ่งเป็น ๒ ช่วง คือ ช่วงที่ ๑ การดำเนินการช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่ จำนวน ๓ กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมปิดล้อม ตรวจค้น กิจกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาผู้เสพยาเสพติด และกิจกรรมเร่งรัดติดตามเรื่องร้องเรียนยาเสพติด ๑๓๘๖ และช่วงที่ ๒ การดำเนินการระหว่างเทศกาลปีใหม่ จำนวน ๓ กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมเดินทางปลอดภัย กิจกรรมจุดตรวจยาเสพติด และกิจกรรมการจัดเตรียมกำลังสำหรับภารกิจเร่งด่วน ๒. กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เปิดจุดบริการ One Stop Service ช่วยเหลือเยียวยาเหยื่ออาชญากรรม ณ สถานีตำรวจภูธรและนครบาลทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ๓. กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จัดตั้งคลินิกให้คำปรึกษาเด็กและครอบครัวอบอุ่น เพื่อให้บริการคำปรึกษา การจัดกิจกรรมบำบัดฟื้นฟู การให้บริการทางกฎหมายแก่บิดามารดา ผู้ปกครอง ครอบครัว และประชาชนทั่วไป กำหนดเปิดให้บริการทั่วประเทศในวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๔. กรมบังคับคดี จัดโครงการ/กิจกรรมเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน ได้แก่ กิจกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดี โครงการเร่งรัดผลักดันทรัพย์สินออกจากกระบวนการบังคับคดี กิจกรรมการขายทอดตลาดในวันเสาร์ และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่คู่ความและประชาชน ๕. กรมราชทัณฑ์ จัดทำโครงการเยี่ยมญาติแบบใกล้ชิดเป็นกรณีพิเศษเพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการมอบของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังและญาติได้พบปะแบบใกล้ชิดเป็นกรณีพิเศษในเรือนจำ/ทัณฑสถาน/สถานกักกัน/สถานกักขัง จำนวน ๑๔๓ แห่งทั่วประเทศ ระหว่างเดือนมกราคม ๒๕๕๘ ๖. สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ดำเนินโครงการพิสูจน์สัญชาติเพื่อคืนสิทธิให้กับประชาชน โดยการเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎร์ ภายใต้โครงการตรวจพิสูจน์สารพันธุกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแก่ราษฎรของอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการระหว่างวันที่ ๑๗-๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๗. สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ดำเนินโครงการอำนวยความยุติธรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ โดยประชาชนสามารถเข้าถึงทุกงานบริการของกระทรวงยุติธรรมได้ภายใต้มาตรฐานเดียวกันทุกจุดทั่วประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||
25415 | ขอรับการสนับสนุนข้าวสารเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ (อุทกภัย) ภาคใต้ | มท | 30/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการจัดหาข้าวสารขนาดถุงละ ๕ กิโลกรัม จำนวน ๒๗๒,๐๐๐ ถุง เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ (อุทกภัย) ในพื้นที่ภาคใต้ และให้กระทรวงมหาดไทยรับสิ่งของไปดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติ (อุทกภัย) ในพื้นที่ภาคใต้ ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ไปพิจารณาร่วมกับภาคเอกชนเพื่อใช้ข้าวในคลังของกระทรวงพาณิชย์นำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ (อุทกภัย) ในพื้นที่ภาคใต้
|
||||||||||||||||||||||||
25416 | การบริจาคข้าวเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในสาธารณรัฐฟิลิปปินส์และมาเลเซีย | กต | 30/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการบริจาคข้าวให้แก่รัฐบาลฟิลิปปินส์ จำนวน ๕๐๐ ตัน และรัฐบาลมาเลเซีย จำนวน ๕๐๐ ตัน เพื่อช่วยเหลือประชาชนฟิลิปปินส์และมาเลเซียที่ประสบเหตุภัยพิบัติ โดยใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบในการดำเนินการจัดส่งข้าวให้แก่ประเทศผู้รับ โดยประสานรายละเอียดการดำเนินการดังกล่าวกับกระทรวงการต่างประเทศ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานกับประเทศผู้รับเกี่ยวกับรายละเอียดในการจัดส่งและพิธีการส่งมอบข้าวต่อไป โดยในส่วนของฟิลิปปินส์ กระทรวงการต่างประเทศจะขอให้ทางการฟิลิปปินส์พิจารณายกเว้นภาษีการส่งข้าวด้วย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ไปพิจารณาร่วมกับภาคเอกชนเพื่อใช้ข้าวในคลังของกระทรวงพาณิชย์ในการบริจาค
|
||||||||||||||||||||||||
25417 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 2 ราย 1. นายนริศ ชัยสูตร 2. จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล) | กค | 30/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายนริศ ชัยสูตร ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมธนารักษ์
|
||||||||||||||||||||||||
25418 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงศึกษาธิการ) (นายอนุสรณ์ ฟูเจริญ) | ศธ | 30/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอนุสรณ์ ฟูเจริญ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
25419 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงศึกษาธิการ) (นายสุภัทร จำปาทอง) | ศธ | 30/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสุภัทร จำปาทอง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
25420 | การแต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาด | มท | 30/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาดชุดเดิมที่เหลืออยู่ จำนวน ๕ คน ออกจากตำแหน่ง ได้แก่ ๑.๑ นายอนันต์ สิริแสงทักษิณ ๑.๒ ผู้ช่วยศาสตราจารย์จิรพล สินธุนาวา ๑.๓ พลโท รุจวินท์ กิจวิทย์ ๑.๔ นายทิวารกาล เทพทอง ๑.๕ นาายจิระ พันธ์คีรี ๒. แต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาด จำนวน ๘ คน ได้แก่ ๒.๑ นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ประธานกรรมการ ๒.๒ นายเฉลิมศักดิ์ จันทรทิม รองประธานกรรมการ ๒.๓ รองศาสตราจารย์รัตนา จักกะพาก กรรมการอื่น ๒.๔ นายขวัญชัย วงศ์นิติกร กรรมการอื่น ๒.๕ นายดลเดช พัฒนรัฐ กรรมการอื่น ๒.๖ นายกฤษฎา บุณยสมิต กรรมการอื่น ๒.๗ ผู้ช่วยศาสตราจารย์บุญมา ชัยเสถียรทรัพย์ กรรมการอื่น ๒.๘ นายสันติ อ่ำศรีเวียง กรรมการอื่น โดยให้บุคคลในลำดับที่ ๒.๔ และ ๒.๗ เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจตามประกาศกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป
|
.....