ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1281 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 25601 - 25620 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25601 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่ง มวลชน เพื่อดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) | คค | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตห้วยขวาง เขตบางกะปิ เขตสะพานสูง และเขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่เขตห้วยขวาง เขตบางกะปิ เขตสะพานสูง และเขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเพื่อดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
25602 | รายงานผลการตรวจสอบงบการเงินของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2554 และ 2553 | กษ | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจสอบงบการเงินของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๓ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๓ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ดังนี้
๑. สินทรัพย์หมุนเวียน ปี ๒๕๕๓ รวม ๕,๒๐๐,๗๙๒,๙๐๓.๓๕ บาท ปี ๒๕๕๔ รวม ๖,๐๙๖,๒๖๐,๘๑๒.๐๒ บาท ๒. สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน ปี ๒๕๕๓ รวม ๓,๕๙๐,๓๙๔,๗๓๔.๙๘ บาท ปี ๒๕๕๔ รวม ๒,๘๐๑,๔๘๘,๕๐๖.๘๘ บาท ๓. รวมสินทรัพย์ ปี ๒๕๕๓ รวม ๘,๗๙๑,๑๘๗,๖๓๘.๓๓ บาท ปี ๒๕๕๔ รวม ๘,๘๙๗,๗๔๙,๓๑๘.๙๐ บาท ๔. หนี้สินหมุนเวียน ปี ๒๕๕๓ รวม ๒,๓๔๐.๐๐ บาท ปี ๒๕๕๔ รวม ๕๘,๘๕๐.๐๐ บาท ๕. รวมสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน ปี ๒๕๕๓ รวม ๘,๗๙๑,๑๘๕,๒๙๘.๓๓ บาท ปี ๒๕๕๔ รวม ๘,๘๙๗,๖๙๐,๔๖๘.๙๐ บาท
|
|||||||||||||||||||||
25603 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. ....) | นร | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เสนอร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
25604 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้นำราคาปานกลางของที่ดินที่ใช้อยู่ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ ประจำปี พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2524 มาใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. 2557 พ.ศ. .... | มท | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้นำราคาปานกลางของที่ดินที่ใช้อยู่ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ถึง พ.ศ. ๒๕๒๔ มาใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๗ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้นำราคาปานกลางของที่ดินที่ใช้อยู่ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ถึง พ.ศ. ๒๕๒๔ มาใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๕ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินการจัดทำราคาปานกลางของที่ดิน เพื่อให้สะท้อนถึงราคาที่ดินที่แท้จริงในปัจจุบันตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๕ ให้เล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อใช้ให้ทันในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๘ |
|||||||||||||||||||||
25605 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อก | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเกี่ยวกับการอนุญาต การออกใบอนุญาต ใบแทนใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต การมีคำสั่งไม่อนุญาต และการสั่งเพิกถอนใบอนุญาต ตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ไปเป็นอำนาจของเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และแก้ไขเพิ่มเติมให้รัฐมนตรีมีอำนาจในการยกเว้นค่าธรรมเนียม ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
25606 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน จำนวน ๔ ฉบับ คือ
๑. ร่างพระราชบัญญัติสถาบันวิทยาลัยชุมชน พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แบ่งส่วนราชการในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ๔. ร่างพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||
25607 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ร่างพระราชบัญญัติสถาบันวิทยาลัยชุมชน พ.ศ. ....) | นร | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เสนอร่างพระราชบัญญัติสถาบันวิทยาลัยชุมชน พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
25608 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ (จำนวน 7 คน) | วท | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติแทนคณะกรรมการเดิมที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง จำนวน ๗ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
๑. นายสมเจตน์ ทิณพงษ์ ประธานกรรมการ ๒. นายไพโรจน์ สัญญะเดชากุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายสุภาพ อัจฉริยศรีพงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายธนารักษ์ พงษ์เภตรา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายเชิญพร เต็งอำนวย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายกลินท์ สารสิน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. นายณรงค์ ศิริเลิศวรกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||
25609 | รายงานสรุปผลการประชุมสุดยอดความมั่นคงด้านสุขภาพของโลก | สธ | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานสรุปผลการประชุมสุดยอดความมั่นคงด้านสุขภาพของโลก จัดขึ้นที่ทำเนียบขาว กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๗ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเดินทางเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว โดยประเด็นที่การประชุมให้ความสำคัญ ได้แก่ ยุทธศาสตร์การสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพโลก ๓ ด้าน คือ การป้องกัน เฝ้าระวัง และตอบโต้ต่อโรคระบาดข้ามพรมแดน และการสร้างสมรรถนะของประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลกในการดำเนินการตามกฎอนามัยระหว่างประเทศอย่างเข้มแข็ง รวมทั้งการสนับสนุนช่วยเหลือประเทศในแถบแอฟริกาตะวันตกในการควบคุมการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ รวมถึงการที่ประเทศไทย โดยกระทรวงสาธารณสุขจะร่วมกับประเทศสหรัฐอเมริกาจัดการประชุมวาระความมั่นคงด้านสุขภาพในระดับเทคนิคครั้งต่อไปในประเทศไทยในช่วงเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ โดยกระทรวงสาธารณสุขได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก United States Agency For International Development (USAIDS) จำนวน ๑๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ และได้ตั้งงบประมาณสำหรับการดำเนินการเรื่องนี้รองรับไว้แล้ว โดยจะไม่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อการนี้อีก ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแจ้งข้อมูลรายละเอียดที่ถูกต้องชัดเจนเกี่ยวกับข้อกำหนดและเงื่อนไขการนำเข้าอาหารที่มีความเสี่ยงจากสารปนเปื้อนกัมมันตรังสีจากประเทศญี่ปุ่นของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข เช่น ประเภทของอาหารและแหล่งการผลิต เป็นต้น ให้กระทรวงการต่างประเทศทราบโดยด่วนเพื่อแจ้งให้เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศญี่ปุ่นเร่งชี้แจงทำความเข้าใจเรื่องดังกล่าวกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศญี่ปุ่นก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นต่อไป |
|||||||||||||||||||||
25610 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน เพื่อดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว รวม 4 ฉบับ | คค | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา รวม ๔ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน และกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน เพื่อดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และเขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตบึงกุ่ม เขตคันนายาว เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และเขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตบึงกุ่ม เขตคันนายาว เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... (โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู) ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตจตุจักร เขตบางเขน เขตหลักสี่ เขตสายไหม เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร และอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. .... ๔. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่เขตจตุจักร เขตบางเขน เขตหลักสี่ เขตสายไหม เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร และอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. .... (โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว) |
|||||||||||||||||||||
25611 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตจตุจักร เขตห้วยขวาง เขตวังทองหลาง และเขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตประเวศ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่เขตจตุจักร เขตห้วยขวาง เขตวังทองหลาง และ เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตประเวศ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ (โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สำโรง) | คค | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตจตุจักร เขตห้วยขวาง เขตวังทองหลาง เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตประเวศ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... เพื่อดำเนินกิจการรถไฟฟ้าในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดสร้างโครงการขนส่งด้วยระบบรถไฟฟ้า สถานที่จอดรถสำหรับผู้โดยสาร และกิจการอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการรถไฟฟ้า ตามโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะดำเนินการเพื่อกิจการขนส่งมวลชน ในท้องที่เขตจตุจักร เขตห้วยขวาง เขตวังทองหลาง เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตประเวศ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... เพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจการขนส่งมวลชน ตามโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง |
|||||||||||||||||||||
25612 | ขอความเห็นชอบให้สัตยาบันภาคผนวก 10 แนบท้ายความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง | คค | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการให้สัตยาบันภาคผนวก ๑๐ เงื่อนไขการขนส่งแนบท้ายความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS Cross-Border Transport Agreement : CBTA) มีสาระสำคัญเป็นเรื่องเกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบในทางแพ่งของผู้รับขนส่ง และให้นำภาคผนวก ๑๐ ดังกล่าวเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบการให้สัตยาบันต่อไป ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดทำสัตยาบันสารเพื่อดำเนินการให้สัตยาบันภาคผนวก ๑๐ ดังกล่าวให้มีผลผูกพันประเทศไทยต่อไป เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติเห็นชอบภาคผนวก ๑๐ ตามข้อ ๑.๑ แล้ว ๒. ให้เสนอภาคผนวก ๑๐ แนบท้ายความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (CBTA) ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนการให้สัตยาบันต่อไป ๓. อนุมัติให้นำวิธีการอนุญาโตตุลาการมาใช้ในการระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นจากภาคผนวก ๑๐ แนบท้ายความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (CBTA) ทั้งนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง การทำสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชน) |
|||||||||||||||||||||
25613 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการก่อสร้างทางสายเชิงเขาตะนาวศรี - กอกะเร็ก พร้อมปรับปรุงทางเดิมสายเมียวดี - เชิงเขาตะนาวศรี ของกรมทางหลวง | คค | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการก่อสร้างทางสายเชิงเขาตะนาวศรี-กอกะเร็ก พร้อมปรับปรุงทางเดิมสายเมียวดี-เชิงเขาตะนาวศรี ของกรมทางหลวง รวมทั้งสิ้น ๑,๓๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ. ๒๕๕๘ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมอบให้กรมทางหลวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาแนวทางการบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดบนสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ ๑ และศึกษาความเหมาะสมของการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ ๒ รวมทั้งประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับพิธีการศุลกากรและการพัฒนาศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้า เพื่อให้สามารถรองรับปริมาณการขนส่งสินค้า และการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจและสังคมในบริเวณดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
25614 | การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบ เห็นชอบ และอนุมัติ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบการรายงานการติดตามและเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ (พ.ร.ก.) และวงเงินกู้เหลือจ่ายภายใต้ พ.ร.ก. ตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๑.๒ พิจารณาการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะ ๓ เดือนแรก) ๑.๒.๑ รับทราบวงเงินเหลือจ่ายภายใต้ พ.ร.ก. ที่ไม่มีภาระผูกพัน วงเงิน ๑๕,๒๐๐ ล้านบาท และอนุมัติให้ใช้วงเงินเหลือจ่ายดังกล่าวสำหรับเป็นเงินสำรองจ่ายเพื่อจัดสรรให้แก่ แผนงาน/โครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะ ๓ เดือนแรก วงเงิน ๑๕,๒๐๐ ล้านบาท ๑.๒.๒ อนุมัติกรอบการใช้จ่ายเงินกู้ตาม พ.ร.ก. และนำเสนอกรอบการใช้จ่ายเงินกู้ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อทราบก่อนเริ่มดำเนินการ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา ๓ ของ พ.ร.ก. ๑.๒.๓ เห็นชอบแนวทางการบริหารโครงการ และให้ส่วนราชการที่ได้รับจัดสรรเงินกู้ภายใต้ พ.ร.ก. ดำเนินการตามมาตรการเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒ โดยให้ลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ และเบิกจ่ายเงินกู้ให้แล้วเสร็จไม่เกินวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ๑.๒.๔ เห็นชอบแนวทางการติดตาม การประเมินผล และการรายงานผลการดำเนินโครงการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะ ๓ เดือนแรก (ระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๗) สำหรับมาตรการเพื่อการสร้างงาน วงเงิน ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท ทั้งในส่วนที่ใช้จากงบกลางที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี (๗,๘๐๐ ล้านบาท) และเงินกู้เหลือจ่ายภายใต้ พ.ร.ก. (๑๕,๒๐๐ ล้านบาท) ๑.๒.๕ อนุมัติโครงการสนับสนุนการวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศโครงการของสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง วงเงิน ๓ ล้านบาท และโครงการติดตามและประเมินผลโครงการของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ วงเงิน ๑๒ ล้านบาท และอนุมัติจัดสรรเงินสำรองจ่ายภายใต้เงินกู้ พ.ร.ก. วงเงิน ๑๕ ล้านบาท ๑.๓ รับทราบการขยายระยะเวลาการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินกู้ พ.ร.ก. ภายหลังปีงบประมาณ ๒๕๕๖ โดยขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินให้สามารถดำเนินการเบิกจ่ายเงิน พ.ร.ก. ได้จนกว่าโครงการจะแล้วเสร็จ แต่ต้องไม่เกินปีงบประมาณ ๒๕๕๗ สำหรับโครงการที่ได้มีการผูกพันสัญญาแล้ว และสามารถดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ได้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๗ จำนวน ๕ โครงการ วงเงิน ๑๘๖,๔๔๙,๗๙๓.๑๑ บาท ๑.๔ อนุมัติให้ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการและเบิกจ่ายเงินกู้สำหรับโครงการที่มีการผูกพันสัญญาและอยู่ระหว่างดำเนินโครงการที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ทำให้ไม่สามารถดำเนินโครงการได้ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว จนถึงไม่เกินเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ สำหรับโครงการ จำนวน ๑๕ โครงการ วงเงิน ๑,๒๑๑,๔๖๙,๙๑๙.๒๕ บาท ๑.๕ อนุมัติการจัดสรรเงินสำรองจ่ายเพื่อเป็นเงินชดเชยค่างานสิ่งก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) และค่างานในส่วนที่เหลือ จำนวน ๔ หน่วยงาน วงเงิน ๕๕,๓๙๘,๔๒๘.๗๔ บาท ๑.๖ อนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข ๒. ให้กระทรวงการคลังเสนอกรอบการใช้จ่ายเงินกู้ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อทราบก่อนดำเนินการ โดยรายละเอียดของกรอบการใช้จ่ายเงินกู้ดังกล่าวให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ การใช้จ่ายเงินกู้ในการดำเนินโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะ ๓ เดือนแรก ให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป และเร่งดำเนินโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ และรายงานความก้าวหน้าการเบิกจ่ายเงินกู้ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นรายเดือนด้วย |
|||||||||||||||||||||
25615 | ขออนุมัติดำเนินการตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 โดยการเจรจาตรงกับบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - บางซื่อ (งานสัญญาที่ 5) | คค | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกเอกชนร่วมงานหรือดำเนินการตามมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ (คณะกรรมการตามมาตรา ๑๓) โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ดำเนินการเจรจาตรงกับบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางซื่อ (งานสัญญาที่ ๕) ด้วยรูปแบบการลงทุนที่มีความเหมาะสมและเกิดประโยชน์ต่อภาครัฐ โดยมีระยะเวลาของสัญญาเท่ากับระยะเวลาที่เหลืออยู่ของสายเฉลิมรัชมงคล ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๗๒ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๖ [เรื่อง รายงานผลการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางซื่อ (สัญญาที่ ๕) (ฉบับปรับปรุง-มีนาคม ๒๕๕๖)] ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดเตรียมข้อมูลในการเจรจาในส่วนของต้นทุนและรายได้ทั้งในรูปแบบ PPP Net Cost รูปแบบ PPP Gross Cost หรือรูปแบบอื่น ๆ ที่มีความเหมาะสมและเกิดประโยชน์ต่อภาครัฐ ตลอดจนแนวทางในการเจรจา ให้มีความพร้อมก่อนการเริ่มต้นเจรจา โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลที่เกี่ยวกับการกำหนดส่วนแบ่งรายได้ การกำกับ ควบคุม และเร่งรัดให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยดำเนินการศึกษาวิเคราะห์รายละเอียดและประมาณการวงเงินลงทุน ค่าใช้จ่ายในการเดินรถและบำรุงรักษาบนพื้นที่ของการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคลในปัจจุบันมาเป็นฐานข้อมูลประกอบการพิจารณาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางซื่อ (งานสัญญาที่ ๕) การศึกษารายละเอียดและประมาณการวงเงินลงทุน ค่าใช้จ่ายเดินรถและบำรุงรักษา (O&M) บนพื้นฐานของการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล และประมาณการปริมาณผู้โดยสารในอนาคต รวมทั้งเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของการบริหารจัดการและกำกับดูแลสัญญาสัมปทานโครงการ ระหว่างกรณีแยกสัญญาและกรณีรวมสัญญา การศึกษารูปแบบการลงทุนและการบริหารจัดการเดินรถที่เหมาะสมและเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในคราวเดียวกันกับการดำเนินการก่อสร้างงานโยธาเพื่อให้สามารถเปิดให้บริการโครงการได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมทั้งการกำหนดรูปแบบการลงทุนและการบริหารจัดการเดินรถในคราวเดียวกันทั้งเส้นทางเพื่อลดข้อจำกัดทางเทคนิคและการลงทุน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
25616 | ร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ ในท้องที่อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... | คค | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ในท้องที่อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ในท้องที่อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
25617 | ขอโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จากแผนงานบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ โครงการชำระหนี้เงินกู้เพื่ออุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) และโครงการชำระหนี้เงินกู้เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน จำนวนรวมทั้งสิ้น ๒,๗๑๕.๓๐๖๒ ล้านบาท เป็น แผนงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (งบเงินอุดหนุน) เงินอุดหนุนการให้บริการสาธารณะ (PSO) และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน จำนวนรวมทั้งสิ้น ๒,๗๑๕.๓๐๖๒ ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทบทวนมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง ทั้งในส่วนของการโดยสารรถประจำทางและรถไฟให้เหมาะสม เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายที่มุ่งให้การช่วยเหลือโดยตรงแก่ผู้ใช้บริการที่มีรายได้น้อย และเป็นภาระงบประมาณเท่าที่จำเป็น โดยอาจพิจารณาการให้ความช่วยเหลือในรูปแบบอื่น ๆ เช่น การออกบัตรโดยสารให้เฉพาะกลุ่มเป้าหมายเพื่อใช้บริการรถประจำทางและรถไฟโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นต้น และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
25618 | ร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ตำรวจกองประจำการ) | ตช | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ตำรวจกองประจำการ) ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงกลาโหมเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติฯ มาตรา ๕ (แก้ไขมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗) ที่กำหนดให้พลตำรวจกองประจำการเป็นข้าราชการตำรวจ ในขณะที่ทหารกองประจำการมิได้เป็นข้าราชการทหาร อาจเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล และมาตรา ๔ (เพิ่มมาตรา ๘/๑ แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗) ที่กำหนดให้การเรียก การตรวจเลือก การยกเว้นและการปลดตำรวจกองประจำการตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำความตกลงกับกระทรวงกลาโหม นั้น ไม่สมควรกำหนดไว้ นอกจากนี้ การตรวจเลือกทหารกองเกินเป็นตำรวจกองประจำการในจังหวัดที่เรียกคนเป็นทหาร เมื่อกระทำรวมกับการตรวจเลือกคนเป็นทหารกองประจำการ ทำให้การคัดเลือกคนเป็นทหารกองประจำการและตำรวจกองประจำการมีจำนวนมากขึ้น ส่งผลให้มีภาระด้านงบประมาณเพิ่มขึ้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับไปพิจารณาดำเนินการตามข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดอัตรากำลังของตำรวจกองประจำการและการบรรจุตำแหน่งตำรวจกองประจำการในพื้นที่ต่าง ๆ ควรพิจารณาและคำนึงถึงความเหมาะสมของภารกิจภาระงบประมาณที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งความซ้ำซ้อนของอำนาจหน้าที่กับเจ้าหน้าที่ประเภทอื่น เช่น กองอาสารักษาดินแดน ด้วย ๓. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคงรับไปพิจารณาดำเนินการตามข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับอาวุธประจำกายของเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น รับไปพิจารณาเกี่ยวกับการมีอาวุธประจำกายให้เหมาะสมกับสถานะความรับผิดชอบ ภารกิจ และอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่แต่ละประเภทด้วย |
|||||||||||||||||||||
25619 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 2/2557 | นร11 | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒/๒๕๕๗ ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ องค์ประกอบผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วยผู้แทนสมาชิกเอเปค จาก ๒๑ เขตเศรษฐกิจ โดยคณะผู้แทนไทย ประกอบด้วยผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ๑.๒ การประชุมกลุ่มเพื่อนประธาน ประกอบด้วย ๖ กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มนโยบายการแข่งขันและกฎหมาย กลุ่มนโยบายการแข่งขัน กลุ่มกฎหมายหุ้นส่วนบริษัทและบรรษัทภิบาล กลุ่มความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ กลุ่มธรรมาภิบาลภาครัฐ และกลุ่มการปฏิรูปกฎระเบียบ โดยแต่ละกลุ่มเพื่อนประธานได้มีการหารือถึงโครงการที่จัดในช่วงที่ผ่านมาตลอดจนแผนงานที่จะดำเนินการต่อไป ๑.๓ การจัดทำรายงานเศรษฐกิจเอเปคประจำปี ที่ประชุมฯ ได้กำหนดหัวข้อเรื่องแนวปฏิบัติที่ดีในการกำหนดกฎระเบียบ (Good Regulatory Practice : GRP) เป็นหัวข้อการจัดทำรายงานเศรษฐกิจเอเปคประจำปี ๒๕๕๗ และหัวข้อเรื่องสำหรับรายงานเศรษฐกิจเอเปคประจำปี ๒๕๕๘ คือ หัวข้อเกี่ยวกับการปฏิรูปโครงสร้างและนวัตกรรม (Structural Reform and Innovation) ๑.๔ ยุทธศาสตร์การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ (APEC New Strategy for Structural Reform : ANSSR) ที่ประชุมฯ เห็นพ้องที่จะให้เสนอยุทธศาสตร์การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ให้ระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปคพิจารณา และเสนอต่อผู้นำเอเปคให้มีการจัดการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านปฏิรูปโครงสร้างครั้งที่สองในปี ๒๕๕๘ เพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินงานในกรอบ ANSSR และกำหนดยุทธศาสตร์การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจหลังปี ๒๕๕๘ ๑.๕ การหารือระดับนโยบายเรื่องกับดักรายได้ปานกลาง (Middle Income Trap) ที่ประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปค ครั้งที่ ๒ ได้มอบหมายให้คณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปครายงานแผนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องกับดักรายได้ปานกลางต่อที่ประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปค ครั้งที่ ๓ และให้มีการหารือเรื่องกับดักรายได้ปานกลางในการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านปฏิรูปโครงสร้างครั้งที่ ๒ หากมีการจัดขึ้น และการจัดรายงานเศรษฐกิจเอเปคประจำปี ๒๕๕๘ ในประเด็นเกี่ยวกับการปฏิรูปโครงสร้างและนวัตกรรม (Structural Reform and Innovation) จะเป็นกุญแจหลักที่จะทำให้ประเทศกำลังพัฒนาก้าวพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง ๒. รับทราบสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทวงการคลังเอเปค (APEC Finance Ministers’ Meeting : APEC FMM) ครั้งที่ ๒๑ เมื่อวันที่ ๒๑-๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๗ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรายงานว่า ได้มีการหารือใน ๔ ประเด็นหลัก สรุปได้ ดังนี้ ๒.๑ ภาวะเศรษฐกิจโลกและทิศทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ได้มีการหารือเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมของหลายประเทศ โดยเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกมีแนวโน้มที่ชะลอตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ และมีความเสี่ยงขาลง (Downside risk) สูง ทำให้สมาชิกเอเปคต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นเพื่อรับมือกับความเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น สำหรับภาคการเงินพบว่าธุรกิจ Non-bank เช่น ธุรกิจบัตรเครดิตมีปริมาณธุรกรรมมากขึ้น ดังนั้น แต่ละประเทศจึงควรกำกับดูแลเรื่องดังกล่าวให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ซึ่งในส่วนของประเทศไทยมีกฎหมายเพื่อการกำกับดูแลในเรื่องนี้ยังไม่เพียงพอ ๒.๒ ความร่วมมือด้านการลงทุนและระดมทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แนวโน้มความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (Public Private Partnership : PPP) ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมีมากขึ้น จึงมีประเด็นเกี่ยวกับการจัดสรรผลประโยชน์จากการลงทุนระหว่างกันให้มีความเหมาะสม และการปรับปรุงกฎหมายในด้านนี้เพิ่มเติมด้วย ๒.๓ การปฏิรูปนโยบายการคลังและภาษี ได้นำเสนอการดำเนินการของไทยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เช่น ภาษีมรดก ซึ่งสหรัฐอเมริกาได้ขอความร่วมมือให้ไทยออกกฎหมายเกี่ยวกับความตกลงเพื่อความร่วมมือด้านภาษีอากรระหว่างประเทศและการปฏิบัติตาม Foreign Account Tax Compliance Act (ความตกลง FATCA) เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีในการโอนเงินระหว่างประเทศของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลสัญชาติอเมริกัน ๒.๔ ธุรกิจ SMEs เป็นประเด็นที่ที่ประชุมฯ ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากในบางประเทศมีขนาดของภาคธุรกิจ SMEs ถึงร้อยละ ๕๐ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ดังนั้น จึงต้องมีการสนับสนุนเงินทุนแก่ผู้ประกอบการ SMEs โดยพัฒนาการให้บริการด้านการเงินเพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น
|
|||||||||||||||||||||
25620 | การแต่งตั้งประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงานและกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กระทรวงพลังงาน) (จำนวน 7 ราย) | พน | 28/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงานและกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๙๕/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๗ จำนวน ๗ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นายพรเทพ ธัญญพงศ์ชัย ประธานกรรมการ ๒. นายไกรสีห์ กรรณสูต กรรมการ ๓. นางดวงมณี โกมารทัต กรรมการ ๔. นางปัจฉิมา ธนสันติ กรรมการ ๕. นายวัชระ คุณาวัฒนาวุฒิ กรรมการ ๖. นางสาววิไลพร ลิ่วเกษมศานต์ กรรมการ ๗. นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการ
|
.....