ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1281 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 25601 - 25620 จากข้อมูลทั้งหมด 124251 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25601 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารออมสินเพิ่มเติม | กค | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางธนิษฐา วงศ์รวมลาภ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารออมสินเพิ่มเติมอีก ๑ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ ธันวาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป โดยให้ผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการเพิ่มเติมดังกล่าวอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของประธานกรรมการและกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
25602 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค (เพิ่มเติม) (จำนวน 2 คน) | มท | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งพลเอก ไตรรัตน์ รังคะรัตน และนายฉัตรชัย พรหมเลิศ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค (เพิ่มเติม) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ ธันวาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
25603 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง (เพิ่มเติม) (จำนวน 4 ราย) | มท | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งบุคคลเป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง (เพิ่มเติม) แทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน ๔ คน โดยบุคคลในลำดับที่ ๑ และ ๒ เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจตามประกาศกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ ธันวาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายวัลลภ พริ้งพงษ์ กรรมการอื่น ๒. นายขวัญชัย วงศ์นิติกร กรรมการอื่น ๓. นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต กรรมการอื่น ๔. รองศาสตราจารย์ ชนินทร์ ทินนโชติ กรรมการอื่น
|
||||||||||||||||||||||||
25604 | การบูรณาการแผนงาน/โครงการในการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ในระดับพื้นที่จังหวัด (Area Based) | มท | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางการบูรณาการแผนงาน/โครงการในการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ในระดับพื้นที่จังหวัด (Area Based) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้ส่วนราชการแจ้งแผนงาน/โครงการที่จะลงไปปฏิบัติในพื้นที่ให้จังหวัดทราบโดยด่วน เพื่อให้จังหวัดสามารถบูรณาการการทำงานในระดับพื้นที่ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ นโยบายที่สำคัญของรัฐบาล และปัญหา/ความต้องการของประชาชนในพื้นที่ กรณีที่คณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.บ.จ.) มีมติเห็นสมควรที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงพื้นที่ และ/หรือระยะเวลาดำเนินโครงการของส่วนราชการให้เหมาะสมสอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัด สภาพปัญหา และความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ให้จังหวัดนำเสนอส่วนราชการพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ๑.๒ สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป กำหนดให้ส่วนราชการจะต้องแจ้งแผนงาน/โครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณให้ดำเนินการในพื้นที่ให้จังหวัด/กลุ่มจังหวัดทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณมีผลใช้บังคับ เพื่อให้เกิดการบูรณาการแผนงาน/โครงการและงบประมาณ ระหว่างส่วนราชการกับพื้นที่ของจังหวัด/กลุ่มจังหวัด ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ศักยภาพและปัญหาของจังหวัดอย่างจริงจังและการจัดทำโครงการที่เชื่อมโยงสอดรับกับยุทธศาสตร์การพัฒนาที่กำหนด คณะกรรมการประสานแผนส่วนกลางและจังหวัดควรให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) พิจารณาตั้งเป็นคณะทำงานหรืออนุกรรมการของ ก.น.จ. เพื่อทำหน้าที่ประสานแผนในระดับชาติและกระทรวงสู่พื้นที่จังหวัด/กลุ่มจังหวัดให้ทั้งแผนงาน/แผนงาน/แผนคน สอดคล้องกับศักยภาพ/ปัญหาในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งพัฒนาระบบติดตามประเมินผลแผนพัฒนาจังหวัดในทุกระดับเพื่อให้ผลการดำเนินการตามแผนสามารถบรรลุเป้าประสงค์ของการพัฒนาที่วางไว้ในแต่ละพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ในการดำเนินแผนงาน/โครงการในการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ในระดับพื้นที่จังหวัด ให้จัดทำเป็นแผนปฏิบัติการ (Action Plan) กำหนดระยะเวลาการดำเนินการตามลำดับความสำคัญเร่งด่วน เป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์ และแนวทางการติดตามประเมินผลให้ชัดเจน |
||||||||||||||||||||||||
25605 | การยกระดับรายได้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ | นร10 | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการของร่างกฎหมายเพื่อปรับเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญ ข้าราชการทหาร ทหารกองประจำการ และนักเรียนในสังกัดกระทรวงกลาโหม ข้าราชการตำรวจ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ข้าราชการรัฐสภาสามัญ และข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๑.๒ เห็นชอบในหลักการการปรับเงินเดือนข้าราชการ โดยให้ข้าราชการได้รับการปรับเงินเดือนเพิ่ม ๑ ขั้น สำหรับระบบเงินเดือนแบบขั้น หรือร้อยละ ๔ ของอัตราเงินเดือน สำหรับระบบเงินเดือนแบบช่วง ณ วันที่บัญชีเงินเดือนข้าราชการมีผลใช้บังคับ ๑.๓ เห็นชอบในหลักการการได้รับเงินเดือนกรณีข้าราชการได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูง โดยให้ข้าราชการผู้ได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูง (เงินเดือนตัน) และได้รับค่าตอบแทนพิเศษตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าตอบแทนพิเศษของข้าราชการและลูกจ้างประจำผู้ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างถึงขั้นสูงหรือใกล้ถึงขั้นสูงของอันดับหรือตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม นำค่าตอบแทนพิเศษตามผลการประเมินในรอบการประเมินผลการปฏิบัติราชการตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ มารวมเป็นเงินเดือนตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ในกรณีที่อัตราค่าตอบแทนพิเศษดังกล่าวรวมเงินเดือนแล้วมีเศษไม่ถึงสิบบาทให้ปัดเป็นสิบบาท ๑.๔ อนุมัติให้ใช้งบประมาณเพื่อการปรับเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ จำนวนประมาณ ๒๒,๙๐๐ ล้านบาท ๒. สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นให้ส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จากงบบุคลากรเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวก่อน หากไม่เพียงพอให้กรมบัญชีกลางพิจารณาจัดสรรงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการให้แก่ส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐ และหากไม่เพียงพอให้ส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติรวม ๕ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงบัญชีเงินเดือนของข้าราชการประเภทต่าง ๆ ตามแนวทางการยกระดับรายได้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ได้แก่ ๓.๑ ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓.๒ ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓.๓ ร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓.๔ ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓.๕ ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการรัฐสภา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๔. อนุมัติหลักการร่างกฎ ก.พ.อ. ว่าด้วยการกำหนดบัญชีเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. .... ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
25606 | การปรับค่าตอบแทนพนักงานราชการ | นร10 | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ ตามที่คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ การปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว ให้พนักงานราชการที่ได้รับการจ้างวุฒิการศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญาตรี ที่มีค่าตอบแทนไม่ถึง ๑๓,๒๘๕ บาท ให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเดือนละ ๒,๐๐๐ บาท แต่เมื่อรวมกับค่าตอบแทนแล้ว ต้องไม่เกินเดือนละ ๑๓,๒๘๕ บาท และกรณีที่รวมกันแล้วมีค่าตอบแทนไม่ถึง ๑๐,๐๐๐ บาท ให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเพิ่มขึ้นจากค่าตอบแทนอีกจนถึงเดือนละ ๑๐,๐๐๐ บาท โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๑.๒ ให้พนักงานราชการกลุ่มงานบริการ กลุ่มงานเทคนิคทั่วไป กลุ่มงานบริหารทั่วไป และกลุ่มงานวิชาชีพเฉพาะ ได้รับค่าตอบแทนเพิ่มร้อยละ ๔ โดยให้มีผลใช้บังคับ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๑.๓ ปรับเพดานบัญชีค่าตอบแทนขั้นสูง กลุ่มงานบริการ กลุ่มงานเทคนิคทั่วไป กลุ่มงานบริหารทั่วไป และกลุ่มงานวิชาชีพเฉพาะ ร้อยละ ๔ และให้มีผลใช้บังคับวันเดียวกับการปรับเพิ่มเพดานเงินเดือนขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญ ๒. สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จากงบบุคลากร เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวก่อน หากไม่เพียงพอก็ให้ขอใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
25607 | การปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม | กค | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับช่วงกำไรสุทธิเกิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท แต่ไม่เกิน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท จากเดิมเสียภาษีในอัตราร้อยละ ๒๐ เป็นร้อยละ ๑๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งจัดทำแผนปฏิรูปภาษีของประเทศทั้งระบบโดยเร็วเพื่อให้สามารถพิจารณาการจัดเก็บรายได้ของประเทศในภาพรวม รวมทั้งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ อันจะนำไปสู่การกำหนดนโยบายการพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||
25608 | รายงานข้อมูลข้อเท็จจริงกรณีโครงการทำเหมืองแร่โพแทชในประเทศไทย | อก | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานข้อมูลข้อเท็จจริงกรณีโครงการทำเหมืองแร่โพแทชในประเทศไทย สรุปได้ว่า โครงการเหมืองแร่โพแทชมีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศเนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้เงินลงทุนสูง อีกทั้งในกระบวนการอนุญาตจะต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งขณะนี้บางโครงการได้ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการชี้แจงทำความเข้าใจและสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการทำเหมืองแร่โพแทชในเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของโครงการที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ผลดีและประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะได้รับจากการดำเนินโครงการนี้ในอนาคต และให้กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินการข้างต้นต่อคณะรัฐมนตรีโดยจะต้องมีความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ก่อนที่จะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
25609 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินและความคืบหน้าในการดำเนินโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะ 3 เดือนแรก ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | กค | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และความคืบหน้าในการดำเนินโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ ๓ เดือนแรก ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เบิกจ่ายแล้วทั้งสิ้น ๕๙๒,๔๔๓ ล้านบาท เป็นการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๕๒๕,๔๖๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๐ ของวงเงินงบประมาณ ๒,๕๗๕,๐๐๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๔๘,๘๙๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๐ ๑.๒ เงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน จำนวน ๔๔๔,๔๑๐ ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ก่อหนี้ผูกพันแล้ว จำนวน ๕๔,๙๓๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๒ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๓,๕๘๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน สูงกว่าการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ๑.๓ ความคืบหน้าในการจัดสรรเงินสำหรับโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ ๓ เดือน วงเงิน ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท ในส่วนของเงินงบกลางที่กันไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปี วงเงิน ๗,๘๐๐ ล้านบาท จำนวน ๙,๙๙๘ โครงการ สำนักงบประมาณจัดสรรเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ โดยพิจารณาจัดสรรเงินให้กับโครงการที่มีลักษณะเป็นการปรับปรุงและซ่อมแซมอาคารที่ทำการ/อาคารเรียน/อาคารพยาบาล/อาคารบ้านพัก การจัดหาครุภัณฑ์ทางการแพทย์ รวมถึงการปรับปรุงโครงการพื้นฐานที่เน้นการใช้แรงงานในพื้นที่เป็นหลักในลำดับแรก ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) และสำนักงบประมาณร่วมกันรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณและความคืบหน้าในการดำเนินโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้คณะรัฐมนตรีทราบทุก ๑๕ วัน
|
||||||||||||||||||||||||
25610 | มาตรการสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประชาชนรายย่อย (สินเชื่อ Nano-Finance) | กค | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอสาระสำคัญของมาตรการสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประชาชนรายย่อย (สินเชื่อ Nano-Finance) เพื่อที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลัง ดังนี้ ๑.๑ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๕ ข้อ ๗ ข้อ ๘ และข้อ ๑๔ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๓๕ ลงนามในร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ ๕ แห่งประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ (เรื่อง สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ) เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์กำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อ Nano-Finance ๑.๒ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓ (๔) และมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๒๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ลงนามในร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกำหนดสถาบันการเงินและอัตราดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินอาจคิดได้จากผู้กู้ยืม (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๕๗ เพื่อกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อ Nano-Finance เป็นสถาบันการเงินตามกฎหมายดังกล่าว และให้คิดอัตราดอกเบี้ยได้ไม่เกินร้อยละ ๓๖ ต่อปี ๒. ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามกฎ ระเบียบ และคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อมิให้กระทบต่อสถาบันการเงินในความรับผิดชอบของธนาคารแห่งประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||
25611 | การออกพันธบัตรออมทรัพย์โดยกระทรวงการคลังและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเพื่อนักลงทุนรายย่อย | กค | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยืนยันว่า การออกพันธบัตรออมทรัพย์โดยกระทรวงการคลังและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเพื่อนักลงทุนรายย่อยเป็นอำนาจของกระทรวงการคลังที่สามารถดำเนินการได้ และได้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสอดคล้องกับแผนการบริหารหนี้สาธารณะของประเทศด้วยแล้ว ๒. รับทราบการออกพันธบัตรออมทรัพย์โดยกระทรวงการคลังและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเพื่อนักลงทุนรายย่อย โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกพันธบัตรออมทรัพย์เพื่อเสนอขายให้กับนักลงทุนรายย่อย และนิติบุคคลที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในการแสวงหากำไร ประกอบด้วย พันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง อายุ ๑๐ ปี วงเงิน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท และพันธบัตรออมทรัพย์ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร อายุ ๕ ปี วงเงิน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งจะเสนอขายในเดือนมกราคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
25612 | การประเมินผลสำเร็จของรัฐบาล | นร | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานเรื่อง การประเมินผลสำเร็จของรัฐบาล และให้ทุกส่วนราชการรับไปพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ ความคาดหมายของประชาชน ประกอบด้วย (๑) ปัญหารากหญ้า เช่น ปัญหาปากท้อง ปัญหาความสงบเรียบร้อย ปัญหาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน และ (๒) วาระแห่งชาติ เช่น การมีธรรมาภิบาล การแก้ปัญหาคอร์รัปชัน การปฏิรูปด้านต่าง ๆ การสร้างความปรองดอง ๑.๒ การดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ๑๑ ด้าน ที่แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗ สามารถขับเคลื่อนโดย (๑) แผนและยุทธศาสตร์ เช่น ยุทธศาสตร์ความมั่นคงทางทะเล แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แผนป้องกันการทุจริตระยะที่ ๒ (๒) กระทรวงต่าง ๆ และ (๓) มาตรการทางกฎหมาย ซึ่งตามนโยบายรัฐบาล ๑๑ ด้าน มีกฎหมายที่ต้องขับเคลื่อน จำนวน ๖๓ ฉบับ ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการเร่งเสนอร่างกฎหมายตามนโยบายรัฐบาล และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งตรวจพิจารณาร่างกฎหมายให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลา ๓. ในกรณีการนำเสนอร่างกฎหมายที่เป็นนโยบายรัฐบาลต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามร่างกฎหมายชี้แจงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วยว่า ร่างกฎหมายนั้นเป็นกฎหมายตามนโยบายรัฐบาลด้านใด เพื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะได้ดำเนินการพิจารณาร่างกฎหมายนั้นอย่างรวดเร็ว ๔. ให้ส่วนราชการเสนอร่างกฎหมายที่ไม่อยู่ในนโยบายรัฐบาลได้ โดยให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาจัดลำดับความสำคัญร่างกฎหมายที่ไม่อยู่ในนโยบายรัฐบาลหลังร่างกฎหมายที่เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ๕. มอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนากฎหมายรับไปพิจารณาเกี่ยวกับประเด็นการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกันและจำนองตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ๒๐) พ.ศ. ๒๕๕๗ ให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยให้เชิญผู้แทนธนาคารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาด้วย หากต้องมีการปรับปรุงแก้ไขบทบัญญัติดังกล่าว ให้ดำเนินการยกร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
25613 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงศึกษาธิการ) | ศธ | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการของกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน ๔ คณะ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการดำเนินงานพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๑.๒ คณะกรรมการพิจารณายกเว้นอากรนำเข้าสื่อ วัสดุ เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการศึกษา ๑.๓ คณะกรรมการโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน ๑.๔ คณะกรรมการอำนวยการโครงการวิทยาลัยเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ ๒. กรณีส่วนราชการใดเห็นควรให้มีการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการใด ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
25614 | การเข้าร่วมประชุมว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe : OSCE) ครั้งที่ 21 ณ เมืองบาเซิล สมาพันธรัฐสวิส | นร | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า ได้เดินทางเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe : OSCE) ครั้งที่ ๒๑ ณ เมืองบาเซิล สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ ๔-๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยมีประเทศสมาชิกยุโรปเข้าร่วมประชุม จำนวน ๕๗ ประเทศ และมีประเทศที่อยู่นอกภูมิภาคยุโรปเข้าร่วมการประชุมด้วย เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา และออสเตรเลีย เป็นต้น ในส่วนของไทยในฐานะประเทศหุ้นส่วนเพื่อความร่วมมือได้เข้าร่วมประชุม ซึ่งเป็นประเทศเดียวในอาเซียนและเอเชีย จึงมีบทบาทในการเชื่อม OSCE กับอาเซียนและการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ASEAN Regional Forum : ARF) โดยหัวข้อในการประชุมครั้งนี้ คือ ความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้ายทั้งในและนอกภูมิภาคในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งนี้ ได้มีโอกาสพบปะหารือทวิภาคีกับผู้นำและผู้แทนประเทศต่าง ๆ เช่น ประธานาธิบดีสวิตเซอร์แลนด์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบอสเนียเฮอร์เซโกวีนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตุรกี และเลขาธิการ OSCE เป็นต้น ซึ่งคาดว่าสามารถสร้างความเชื่อมั่นในเวทีโลก นอกจากนี้ ได้หารือกับผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) เกี่ยวกับบทบาทของไทยในการต่อต้านโรคระบาด และในโอกาสที่ไทยจะจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีสาธารณสุขในกรอบ ASEAN+3 ในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ นี้ รวมทั้งได้ร่วมกิจกรรมโครงการ “ในหลวงในดวงใจ King of Heart” ซึ่งจัดโดยสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเบิร์น เมืองโลซาน สมาพันธรัฐสวิส ร่วมกับชุมชนไทยในภูมิภาคยุโรป เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีการจุดเทียนชัยถวายพระพรร่วมกับชาวไทยในภาคพื้นยุโรปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
25615 | โครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา | มท | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการจัดทำแนวคิดและการออกแบบเบื้องต้นโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ของกระทรวงมหาดไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งสองฝั่งในลักษณะเป็นสะพานยกสูงเหนือระดับน้ำท่วมสูงสุดเพื่อใช้เป็นเส้นทางสัญจรรองรับการเดินทางด้วยจักรยาน (Bike Lane) การชมทัศนียภาพริมแม่น้ำเจ้าพระยา การพักผ่อนหย่อนใจ การออกกำลังกาย และการจัดกิจกรรมเพื่อสุขภาพและนันทนาการ โดยระยะแรกจะเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่บริเวณสะพานพระราม ๗ จนถึงบริเวณสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ระยะทางประมาณ ๗ กิโลเมตร โดยสะพานแต่ละฝั่งจะมีความกว้างประมาณ ๑๙.๕ เมตร ยกสูงกว่าระดับน้ำประมาณ ๒.๘ เมตร และในระยะต่อไปจะขยายการดำเนินโครงการ โดยให้เริ่มตั้งแต่บริเวณสะพานพระนั่งเกล้าจนถึงบริเวณสะพานพระราม ๓ ต่อไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้ยึดหลักการที่จะให้ประชาชนส่วนใหญ่ทุกเพศวัยได้เข้าถึงและใช้ประโยชน์จากการดำเนินโครงการเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และให้หลีกเลี่ยงการใช้พื้นที่โครงการเป็นเส้นทางสำหรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยจัดตั้งคณะทำงานขึ้นโดยมีผู้แทนกระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า) สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นคณะทำงาน เพื่อศึกษาความเหมาะสม (Feasibility Study) และจัดทำรายละเอียดของการออกแบบและการก่อสร้าง รวมทั้งการดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ โครงสร้างของโครงการดังกล่าวจะต้องมีศักยภาพในการรองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
25616 | โครงการบริหารจัดการไม้มีค่าเพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน และหอประชุมกองทัพบก | นร05 | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่เจ้ากรมยุทธโยธาทหารบก (พลตรี จาตุรนต์ จารุเสน) รายงานว่า โครงการบริหารจัดการไม้มีค่าเพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน (พิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า) เป็นสถาปัตยกรรมแบบไทยประยุกต์โดยนำไม้มีค่ามาตกแต่งภายใน มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ประโยชน์จากไม้มีค่าที่อยู่ในการกำกับดูแลของทางราชการ ใช้เป็นที่จัดแสดงผลงานเกี่ยวกับศิลปกรรม จิตรกรรม หัตถกรรม และประติมากรรม ซึ่งเป็นผลงานของช่างคนไทยที่สืบทอดงานศิลป์ ใช้เป็นสถานที่ต้อนรับแขกของพระบรมวงศานุวงศ์หรือแขกของรัฐบาล และเป็นแหล่งการเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมไทยของนิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป โครงการมีระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑ (รวม ๔ ปี) ส่วนหอประชุมกองทัพบกจะใช้เป็นสถานที่ประชุมของกองทัพบกและส่วนราชการต่าง ๆ มีระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ (รวม ๓ ปี) โดยทั้งสองโครงการดังกล่าวจะใช้พื้นที่ดำเนินการรวมประมาณ ๑๙ ไร่ ๑ งาน ๒. มอบหมายให้คณะกรรมการบริหารจัดการไม้มีค่าเพื่อประโยชน์ของแผ่นดินเร่งรัดและกำกับดูแลการดำเนินโครงการบริหารจัดการไม้มีค่าเพื่อประโยชน์ของแผ่นดินให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ และให้ประสานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ส่งมอบไม้มีค่าที่อยู่ในความครอบครองและการดำเนินคดีความสิ้นสุดและให้แปรรูปเพื่อนำมาใช้ในโครงการได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับระยะเวลาดำเนินการต่อไป รวมทั้งให้ประสานกับกระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า) เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำไม้พะยูงที่อยู่ในความครอบครองของกรมเจ้าท่ามาใช้ประโยชน์ในการดำเนินโครงการฯ เพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ ในการประดับตกแต่งอาคารให้ดำเนินการโดยประณีตเพื่อให้อาคารมีความวิจิตรงดงาม มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย เหมาะสมที่จะเป็นมรดกของชาติให้แก่ชนรุ่นหลังสืบไป
|
||||||||||||||||||||||||
25617 | การประชุมร่วมคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 3/2557 | นร05 | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้เห็นชอบให้มีการประชุมร่วมคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ ๓/๒๕๕๗ ในวันอังคารที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ เวลา ๐๙.๐๐-๑๐.๓๐ น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล
|
||||||||||||||||||||||||
25618 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 3 ราย) (1. นางศิริรัตน์ จิตต์เสรี ฯลฯ) | อก | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นางศิริรัตน์ จิตต์เสรี ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายเสรี อติภัทธะ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางรัชดา อิสระเสนารักษ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||
25619 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ , พันโท เอนก ยมจินดา) | ยธ | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียนตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ๒. พันโท เอนก ยมจินดา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||
25620 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งผู้ตรวจราชการ สำนักนายกรัฐมนตรี (ผู้ตรวจราชการกระทรวง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นายไพโรจน์ อาจรักษา) | นร | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายไพโรจน์ อาจรักษา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
.....