ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1277 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 25521 - 25540 จากข้อมูลทั้งหมด 123968 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25521 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF1 และ FIDF3 ในปีงบประมาณ 2558 | กค | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้โอนเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (Financial Institution Development Fund : FIDF) เข้าบัญชีสะสมเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินในปีงบประมาณ ๒๕๕๘ จำนวน ๒๑,๐๐๐ ล้านบาท โดยให้กองทุนฯ ทยอยโอนเงินดังกล่าวเข้าบัญชีสะสมฯ ตามปริมาณสภาพคล่องของกองทุนฯ ทั้งนี้ ในระหว่างปีงบประมาณ ๒๕๕๘ หากกองทุนฯ ได้รับเงินที่มีนัยสำคัญให้พิจารณาทบทวนเพื่อขออนุมัตินำส่งเงินเข้าบัญชีสะสมฯ เพิ่มเติมต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยนำข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรร่วมกันพิจารณาแนวทางในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินและบริหารจัดการสภาพคล่องของกองทุนฯ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับบทบาทหน้าที่และภารกิจ และให้ธนาคารแห่งประเทศไทยบริหารจัดการแหล่งเงินที่ใช้ในการชำระต้นเงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อชดเชยความเสียหายของกองทุนฯ ใน (๑) ร้อยละ ๙๐ ของกำไรสุทธิ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องนำส่งรัฐ และ (๒) สินทรัพย์คงเหลือในบัญชีผลประโยชน์ประจำปีตามกฎหมายว่าด้วยเงินตราโดยไม่ต้องเข้าบัญชีสำรองพิเศษ เพื่อให้สามารถนำแหล่งเงินดังกล่าวเข้าบัญชีสะสมฯ ได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้สามารถชำระหนี้ FIDF 1 และ FIDF 3 ได้เร็วขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันต่อไป |
||||||||||||||||||
25522 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงบประมาณ) | นร07 | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๑ คณะ ได้แก่ คณะกรรมการประสานงานระหว่างหน่วยราชการทางการเงิน โดยปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้คณะกรรมการของสำนักงบประมาณ ซึ่งได้แจ้งยืนยันการคงอยู่ของคณะกรรมการไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ เรื่อง คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี) มีผลต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||
25523 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงอุตสาหกรรม) | อก | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการของกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน ๔ คณะ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการประสานงานแห่งชาติเพื่อการปฏิบัติให้เป็นไปตามอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี ๑.๒ คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยมาตรฐานเทคนิคทางไฟฟ้าระหว่างประเทศ ๑.๓ คณะกรรมการว่าด้วยอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า ๑.๔ คณะกรรมการดัชนีอุตสาหกรรม ๒. ให้คณะกรรมการของกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งได้แจ้งยืนยันการคงอยู่ของคณะกรรมการไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ เรื่อง คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี) มีผลต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||
25524 | รายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี | กก | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ๑.๑ การประชุมกำหนดยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวของประเทศ เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๗ สรุปได้ว่า ในปี ๒๕๕๘ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมีแผนการรณรงค์ระยะสั้นหรือแคมเปญที่จะทำให้คำว่า Thainess ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และใช้คำว่า Amazing Thailand 2015 discover Thailand เพื่อทำการส่งเสริมในต่างประเทศ และใช้คำว่า การท่องเที่ยววิถีไทย เพื่อส่งเสริมไทยเที่ยวไทย ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติให้ใช้ยุทธศาสตร์การพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙ ของคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ โดยให้แต่ละหน่วยงานจัดทำรายละเอียดที่สำคัญในแต่ละยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องตามแผนการดำเนินงานในปี ๒๕๕๘ เพิ่มเติม และกำหนดเป้าหมายการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวในปี ๒๕๕๘ จำนวน ๒.๒ ล้านล้านบาท และให้มีการเพิ่มเติมเรื่องลานจักรยานตามนโยบายนายกรัฐมนตรี โดยการจัดทำลานกีฬา ประกอบด้วยทางจักรยาน ลานกีฬา และสวนสาธารณะอยู่ในพื้นที่เดียวกันเข้าร่วมด้วย ๑.๒ การดำเนินนโยบายของขวัญสำหรับประชาชน โดยมีกิจกรรมสำคัญ ประกอบด้วย กิจกรรมลอยกระทง ๗ พื้นที่เอกลักษณ์ (กรุงเทพมหานคร สุโขทัย เชียงใหม่ ตาก พระนครศรีอยุธยา สมุทรสงคราม และราชบุรี), Gravity Thailand 2014 presents ARCADIA-THE BANGKOK LANDING ณ สวนสยาม, การแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ครั้งที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ จังหวัดภูเก็ต และการผลิตภาพยนตร์ เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ภาพลักษณ์วัฒนธรรมและแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทย ๒. เห็นชอบให้ใช้ถ้อยคำส่งเสริมการท่องเที่ยวในต่างประเทศ โดยใช้ “2015 Discover Thainess” ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง แนวทางการดำเนินงานปีท่องเที่ยววิถีไทย ๒๕๕๘ และขออนุมัติให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปีท่องเที่ยววิถีไทยและเป็นวาระแห่งชาติ) |
||||||||||||||||||
25525 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สปน.) | นร01 | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน ๓ คณะ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. คณะกรรมการกลั่นกรองการกำหนดเครื่องแบบพิเศษของส่วนราชการ โดยกำหนดองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่คณะกรรมการใหม่ ๒. คณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือทุนการศึกษารายปีต่อเนื่องและเงินยังชีดรายเดือนแก่บุตรเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความมั่นคง การรักษาความสงบเรียบร้อยและการปราบปรามยาเสพติดทั่วประเทศที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยปรับเปลี่ยนองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ ในส่วนของผู้ทำหน้าที่กรรมการและเลขานุการ จากเดิมคือ ผู้อำนวยการสำนักตรวจราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปลี่ยนเป็น ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และให้ผู้อำนวยการสำนักตรวจราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ส่วนองค์ประกอบอื่น ๆ ของคณะกรรมการฯ ให้คงเดิม ๓. คณะกรรมการบริหารและติดตามการดำเนินงานโครงการเพื่อศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล และผลกระทบจากการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยยังคงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
|
||||||||||||||||||
25526 | การแก้ไขปัญหายางพาราตามมติคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2557 (โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการยาง) | อก | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอเพิ่มเติมมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ [เรื่อง การแก้ไขปัญหายางพารา ตามมติคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๗] จากเดิม งบประมาณในการดำเนิน ๔ โครงการ ประกอบด้วย โครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง โครงการชดเชยรายได้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง โครงการสนับสนุนสินเชื่อเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยเพื่อประกอบอาชีพเสริม และโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการยาง ในส่วนของค่าใช้จ่ายชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันการเงิน เห็นสมควรให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและธนาคารออมสิน ขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามรายจ่ายจริงที่จะเกิดขึ้น ทั้งนี้ เห็นสมควรชดเชยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยแก่เกษตรกร สถาบันเกษตรกร และภาคเอกชนที่ขอสินเชื่อในอัตราร้อยละ ๓ ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับโครงการภายใต้การช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางตามแนวทางพัฒนายางพาราทั้งระบบที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๗ โดยไม่รวมรายจ่ายชำระต้นเงินกู้ โดยเพิ่มสาระสำคัญสำหรับโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการยาง ดังนี้ ๑.๑ ให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นหน่วยจัดสรรเงินชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ ๓ ต่อปี ให้กับธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อชดเชยให้กับผู้ประกอบการยางและเป็นผู้ดำเนินการตั้งค่าใช้จ่ายในการชดเชยดอกเบี้ย จำนวน ๓๐๐ ล้านบาท จากสำนักงบประมาณ ๑.๒ ให้สำนักงบประมาณตั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ จำนวน ๑ ล้านบาท ให้แก่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารกำกับการดำเนินงานโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้ ๒. สำหรับงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๒.๑ ให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐเป็นผู้รับผิดชอบการให้สินเชื่อโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการยาง ซึ่งเป็นโครงการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ กรอบวงเงินสินเชื่อ ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เงินกู้ระยะสั้นไม่เกิน ๑ ปี และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ ๓ ตามรายจ่ายที่เกิดขึ้นจริง ภายในกรอบวงเงินงบประมาณไม่เกิน ๓๐๐ ล้านบาท โดยให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ใช้จากเงินทุนที่เป็นสภาพคล่องของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อสนับสนุนการให้สินเชื่อโครงการตามนโยบายของรัฐบาลแทนการหารายได้ตามปกติ ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ รวมทั้งเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒.๒ ให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ขอรับจัดสรรงบประมาณค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ จำนวน ๑ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว |
||||||||||||||||||
25527 | การประชุมระดับรัฐมนตรีของสภาไตรภาคียางพารา (International Tripartite Rubber Council : ITRC) | กษ | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบข้อเสนอเรื่อง การปรับระดับราคาขั้นต่ำ (Reference Price หรือ Defense Price) ในการประชุมระดับรัฐมนตรีของสภาไตรภาคียางพารา (International Tripartite Rubber Council : ITRC) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย (รอการยืนยันจากประเทศอินโดนีเซีย) โดยขอปรับระดับราคาขั้นต่ำขึ้นจากเดิม ๑.๒ ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัม เป็นระหว่าง ๑.๗ ถึง ๒.๒ ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลกรัม ๑.๒ เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำเสนอต่อที่ประชุม ITRC ตามวาระการประชุมดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาหาแนวทางและมาตรการด้านการตลาดในด้านอื่น ๆ ที่อยู่นอกกรอบของสภาไตรภาคียางพารา โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านและสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการตลาดของยางพาราไทยด้วย ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับประเทศสมาชิกพิจารณาแนวทางในการขยายความร่วมมือของสภาไตรภาคียางพาราให้ครอบคลุมประเทศผู้ผลิตสำคัญอื่น ๆ เพื่อกำหนดมาตรการร่วมกันในการควบคุมปริมาณการผลิตยางธรรมชาติและสร้างเสถียรภาพราคายางในตลาดโลก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
25528 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สคก.) | นร09 | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการ จำนวน ๔ คณะ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑.๒ คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ๑.๓ คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายอาญา ๑.๔ คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วน บริษัท และองค์กรทางธุรกิจ ๒. ให้คณะกรรมการของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งได้แจ้งยืนยันการคงอยู่ของคณะกรรมการไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ เรื่อง คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรี) มีผลต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||
25529 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางชนาทิพย์ วีระสืบพงศ์) | กค | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางชนาทิพย์ วีระสืบพงศ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาฐานภาษี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||
25530 | คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) | ทก | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการ จำนวน ๕ คณะ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยมีการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ๑.๒ คณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ ๑.๓ คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวิชาการ โดยมีการปรับปรุงองค์ประกอบ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ๑.๔ คณะกรรมการจัดระบบสถิติประเทศไทย ๓ ด้าน โดยมีการปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ๑.๕ คณะกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ๒. ให้คณะกรรมการของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งได้แจ้งยืนยันการคงอยู่ของคณะกรรมการไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ เรื่อง คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี) มีผลต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||
25531 | ขอความเห็นชอบในการรับรองร่างปฏิญญาโคลัมโบเพื่อการส่งเสริมการลดการปล่อยคาร์บอนในภาคการขนส่งในยุคหน้าของภูมิภาคเอเชีย | คค | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการรับรองร่างปฏิญญาโคลัมโบเพื่อการส่งเสริมการลดการปล่อยคาร์บอนในภาคการขนส่งในยุคหน้าของภูมิภาคเอเชีย (Draft Colombo Declaration-For the Promotion of Next Generation Low Carbon Transport Solutions in Asia) ซึ่งจะมีการรับรองในที่ประชุมด้านการขนส่งอย่างยั่งยืนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคเอเชีย ครั้งที่ ๘ [Intergovernmental Eighth Regional Environmentally Sustainable Transport (EST) Forum in Asia] ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ณ กรุงโคลัมโบ สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างปฏิญญาฯ ที่มิใช่สาระสำคัญก่อนการให้การรับรอง ให้กระทรวงคมนาคมสามารถดำเนินการได้โดยให้อยู่ในดุลพินิจของคณะผู้แทนไทย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการเกี่ยวกับคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) ที่ประเทศไทยได้มีข้อตกลงไว้แล้ว โดยต้องยึดผลประโยชน์ของประเทศไทยตามแนวทางมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) เป็นหลัก และให้ระมัดระวังเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Methane) ที่อาจมีผลกระทบต่อภาคการเกษตรของไทยด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพิจารณาหาเทคโนโลยีเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะต่อไป |
||||||||||||||||||
25532 | ร่างพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขให้เจ้าของเรือสามารถนำเรือที่อยู่ในระหว่างการต่อหรือสร้างมาจำนองเป็นหลักประกันแก่ผู้ให้สินเชื่อที่ต้องการหลักประกันและสามารถนำเงินมาชำระค่าจ้างต่อเรือได้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า แม้ว่าหลักการของร่างพระราชบัญญัติจะเป็นหลักการที่ดีที่จะส่งเสริมธุรกิจพาณิชยนาวีของประเทศ แต่การนำเรือที่อยู่ในระหว่างต่อหรือสร้างมาเป็นหลักประกัน อาจมีปัญหาในเรื่องความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์ที่มาประกันการกู้ เนื่องจากในการจำนองเรือตามพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล พ.ศ. ๒๕๓๗ ประกอบกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติการจำนองเรือและบุริมสิทธิทางทะเล พ.ศ. ๒๕๓๗ นั้น กำหนดให้เรือที่จะสามารถนำมาจำนองจะต้องเป็นเรือที่มีใบทะเบียนเรือไทย และการจดทะเบียนจำนองเรือไทยให้จดทะเบียนที่ที่ทำการนายทะเบียนเรือประจำเมืองท่าขึ้นทะเบียนของเรือนั้น โดยให้นายทะเบียนเรือเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่รับจดทะเบียน และให้จดไว้ในสมุดทะเบียนและหมายเหตุไว้ในใบทะเบียน ซึ่งทำให้เรือนั้นเป็นสินทรัพย์ที่มีความน่าเชื่อถือสำหรับผู้รับจำนองหรือสถาบันการเงินที่ปล่อยเงินกู้ ดังนั้น การจำนองเรือที่กำลังต่อหรือสร้างจะไม่มีเอกสารสำคัญคือ ใบทะเบียนประกอบการจำนองและไม่มีการทำหมายเหตุไว้ในใบทะเบียน มีเพียงสำเนาสัญญาจ้างต่อหรือสร้างเรือเท่านั้น อาจจะมีปัญหาในเรื่องความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์ที่นำมาจำนองได้ ดังนั้น ในการตราพระราชบัญญัติฉบับนี้ควรมีมาตรการในการสร้างความน่าเชื่อถือของเรือที่กำลังต่อหรือสร้างซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่เป็นหลักประกันการจำนองเรือด้วย เพื่อให้ร่างพระราชบัญญัติมีประสิทธิภาพตามเจตนารมณ์อย่างแท้จริง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||
25533 | ร่างพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ของกระทรวงการคลัง ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเสียภาษีการรับมรดก และแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อจัดเก็บภาษีเงินได้จากการรับให้ ให้สอดคล้องกับการจัดเก็บภาษีการรับมรดก และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วย ดังนี้ ๑.๑ กรณีที่กำหนดให้บุคคลผู้มิได้มีสัญชาติไทย แต่มีภูมิลำเนาหรือมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลาสามปีติดต่อกันถึงวันที่มีสิทธิรับมรดกนั้น เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามร่างพระราชบัญญัตินี้ นั้น อาจเกิดปัญหาทำให้ชาวต่างชาติที่มีภูมิลำเนาในประเทศไทยย้ายออกจากประเทศไทยเพราะไม่ต้องการเสียภาษีดังกล่าว ๑.๒ ในกรณีที่ผู้รับมรดกมีฐานะยากจน เช่น เกษตรกรได้มรดกเป็นที่นาจากบิดามารดา เพื่อนำมาประกอบอาชีพแต่ไม่มีเงินจะเสียภาษี อาจพิจารณากำหนดมาตรการบรรเทาภาระภาษีให้เหมาะสมและเป็นธรรม เช่น ไม่นำทรัพย์สินบางชนิดที่ใช้ในทางเกษตรกรรมมาคำนวณรวมเป็นฐานภาษี ๒. ให้กระทรวงการคลังเตรียมจัดทำร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อกำหนดอัตราภาษีโดยให้พิจารณาถึงความเหมาะสมและเป็นธรรม รวมทั้งเตรียมจัดทำร่างอนุบัญญัติอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องและจำเป็นแก่การบังคับใช้พระราชบัญญัติทั้ง ๒ ฉบับ ๓. ให้กระทรวงการคลังประชาสัมพันธ์ร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนด้วย |
||||||||||||||||||
25534 | การดำเนินการตามมาตรการควบคุมการทำการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุม | กษ | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้คณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติรับผิดชอบการแก้ไขปัญหาในการควบคุมการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม [Illegal, Unreported and Unregulated (IUU) Fishing] ในระดับชาติ พร้อมเร่งรัดการจัดทำแผนระดับชาติในการป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (NPOA-IUU) โดยกำหนดภารกิจและมอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติโดยเร็ว ๑.๒ เร่งรัดให้มีการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้เรือประมงไทยขนาดตั้งแต่ ๓๐ ตันกรอสขึ้นไป ติดตั้งระบบติดตามเรือ (VMS) เพื่อให้สามารถควบคุมและติดตามการทำประมงของเรือดังกล่าว ๑.๓ มอบหมายให้กรมเจ้าท่าเป็นหน่วยงานหลัก Competent Authority ร่วมกับกรมประมง ภายใต้กฎระเบียบ IUU ของสหภาพยุโรป ในการดำเนินการควบคุมการประมง IUU ของเรือประมงไทย ๒. สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการควบคุมและติดตามตำแหน่งเรือประมง จำนวน ๔๕,๑๗๐,๐๐๐ บาท ให้กรมประมงพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ มาดำเนินการตามความจำเป็นเร่งด่วนก่อน โดยบูรณาการร่วมกับกรมเจ้าท่า ซึ่งขณะนี้ได้จัดทำระบบควบคุมการจราจรและความปลอดภัยทางทะเลระยะที่ ๑ (Vessel Traffic Management Information System Phase I) และโครงการก่อสร้างและจัดหาระบบตรวจการณ์ชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน VTS ระยะที่ ๒ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของเรือในทะเลเขตน่านน้ำไทย และท่าเรือที่สำคัญ โดยมีสถานีเรดาห์ ๕ สถานี หากไม่เพียงพอให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้เรือประมงไทยขนาดตั้งแต่ ๓๐ ตันกรอสขึ้นไป ติดตั้งระบบติดตามเรือ (VMS) เพื่อให้สามารถควบคุมและติดตามการทำประมงของเรือ ควรดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเป็น ๒ ระยะ โดยเริ่มต้นบังคับกับเรือกลประมงทะเลลึก ซึ่งแบ่งเป็นเรือกลประมงทะเลลึกชั้น ๒ ขนาดตั้งแต่ ๖๐ ตันกรอสขึ้นไป และเรือกลประมงทะเลลึกชั้น ๑ ขนาดตั้งแต่ ๑๕๐ ตันกรอสขึ้นไปก่อน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดการดำเนินการโดยขอความร่วมมือจากหน่วยงานด้านความมั่นคงในการดำเนินการแก้ไขปัญหาการทำการประมงที่ผิดกฎหมายเพื่อให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวสามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งพิจารณากำหนดกลไกในการขับเคลื่อนเพื่อแก้ไขปัญหาการทำการประมงที่ผิดกฎหมายได้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น การจัดตั้งคณะกรรมการในระดับพื้นที่ที่มีผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกัน เป็นต้น ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานความคืบหน้าในเรื่องนี้ต่อคณะรัฐมนตรีภายใน ๓ เดือนด้วย ๔. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประชาสัมพันธ์การดำเนินการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการทำประมงผิดกฎหมายเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มชาวประมงและผู้ประกอบการประมง |
||||||||||||||||||
25535 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญัติแห่งชาติ) | นร | 18/11/2557 | |||||||||||||||
25536 | คณะกรรมการต่างๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (จำนวน 5 ส่วนราชการ) (กระทรวงการคลัง) | กค | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ยกเลิกคณะอนุกรรมการร่วมไทย-เมียนมา ด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และคณะอนุกรรมการร่วมไทย-เมียนมา ด้านการเงิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอเพิ่มเติม และให้แต่งตั้งคณะกรรมการของกระทรวงการคลัง จำนวน ๑๓ คณะ ดังนี้
๑. คณะกรรมการป้องปรามธุรกิจการเงินนอกระบบ ๒. คณะกรรมการพิจารณากำหนดสำนักงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่พิเศษ ๓. คณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ๔. คณะกรรมการเพื่อพิจารณากำหนดขอบเขตที่ดินกำแพงเมือง-คูเมือง ๕. คณะกรรมการพิจารณาการขาย การแลกเปลี่ยน การให้ การจำหน่าย จ่ายโอนหรือจัดหาประโยชน์ เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลไทยในต่างประเทศ ๖. คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการจำหน่ายน้ำมันดีเซลสำหรับชาวประมงในเขตต่อเนื่องของราชอาณาจักร ๗. คณะกรรมการบรรษัทภิบาลแห่งชาติ ๘. คณะกรรมการกลั่นกรองการจัดเอาประกันภัยทรัพย์สินของรัฐ ๙. คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ๑๐. คณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียน ๑๑. คณะกรรมการอำนวยการเพื่อกำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ มาตรการและเงื่อนไขเพื่อนำที่ราชพัสดุมาจัดให้เช่าทำการเกษตร ๑๒. คณะกรรมการบริหารระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ๑๓. คณะกรรมการกำกับหลักเกณฑ์และตรวจสอบราคากลางงานก่อสร้าง
|
||||||||||||||||||
25537 | การเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ภัยแล้ง ปี 2558 | มท | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘ ประกอบด้วย การกำหนดพื้นที่เป้าหมายซึ่งคาดว่าจะประสบปัญหาภัยแล้ง การเตรียมการเพื่อให้มีน้ำอุปโภคบริโภคใช้ แผนเตรียมความพร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย แผนปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือ และแผนการสร้างความเข้าใจในข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแก่ประชาชน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทยบูรณาการและเร่งรัดการดำเนินงานรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำที่คาดว่าจะกักเก็บได้และความต้องการใช้น้ำของประชาชนในแต่ละพื้นที่ รวมตลอดถึงการขุดลอกคูคลองและแหล่งกักเก็บน้ำต่าง ๆ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากภัยแล้ง ปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘) ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสภาพอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปริมาณน้ำและความจำเป็นในการใช้น้ำอย่างประหยัดและเหมาะสมให้ประชาชนทราบโดยทั่วกันด้วย ๒. ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเร่งนำเสนอแผนบริหารจัดการน้ำฉบับสมบูรณ์ต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วน รวมทั้งให้พิจารณาด้วยว่ากรณีที่บริษัท/กลุ่มบริษัทเอกชนที่ได้ผ่านการคัดเลือกให้รับผิดชอบดำเนินการตามโครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย ของรัฐบาลที่ผ่านมาและได้มีการวางเงินค้ำประกันไว้แล้ว สมควรจะดำเนินการประการใด เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ถูกต้องเหมาะสมต่อไป
|
||||||||||||||||||
25538 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (จำนวน 6 คน) (1. นางบุญทิพา สิมะสกุล ฯลฯ) | พณ | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน จำนวน ๖ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบตามวาระ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นางบุญทิพา สิมะสกุล ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการค้าระหว่างประเทศ ๒. นายประสัณห์ เชื้อพานิช ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบัญชี ๓. นายคนิต ลิขิตวิทยาวุฒิ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเกษตร ๔. นายศักดา ธนิตกุล ผู้ทรงคุณวุฒิด้านนิติศาสตร์ ๕. นายเสน่ห์ นิยมไทย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอุตสาหกรรม ๖. นางวริชนันท์ ต่อวงศ์ไพชยนต์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์
|
||||||||||||||||||
25539 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จำนวน 14 คน) (นายบัณฑูร วงศ์สีลโชติ ฯ) | พณ | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ชุดใหม่ จำนวน ๑๔ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ได้ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนดสี่ปีตามวาระแล้วเมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๑.๑ นายบัณฑูร วงศ์สีลโชติ สาขาวิทยาศาสตร์ ๑.๒ นางปัจฉิมา ธนสันติ สาขานิติศาสตร์ ๑.๓ นายชัยปิติ ม่วงกูล สาขานิติศาสตร์ ๑.๔ นางลัดดาวัลย์ กรรณนุช สาขาเกษตรศาสตร์ ๑.๕ นางมยุรา มานะธัญญา สาขาเศรษฐศาสตร์ ๑.๖ นายอัคคพันธ์ ลีวุฒินันท์ สาขาเศรษฐศาสตร์ ๒. ผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ ๒.๑ นายทศพร นุชอนงค์ สาขาภูมิศาสตร์ ๒.๒ นายธนิต ชังถาวร สาขานิติศาสตร์ ๒.๓ นางมะลิ รักเปี่ยม สาขาวิทยาศาสตร์ ๒.๔ นายวุฒิพงษ์ อินทรธรรม สาขาวิทยาศาสตร์ ๒.๕ นางวรนุช กิจสุขจิต สาขาวิทยาศาสตร์ ๒.๖ นางสาวจูอะดี พงศ์มณีรัตน์ สาขาเกษตรศาสตร์ ๒.๗ นางสาวศิริพร บุญชู สาขาเกษตรศาสตร์ ๒.๘ นายทรงพล สมศรี สาขาเกษตรศาสตร์
|
||||||||||||||||||
25540 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน | พน | 18/11/2557 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการในคณะกรรมการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
.....