ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1216 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 24301 - 24320 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24301 | วิถีปฏิบัติในการเล่นน้ำในประเพณีสงกรานต์ตามวิถีไทย | กก | 27/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการจัดทำวิถีปฏิบัติในการเล่นน้ำในประเพณีสงกรานต์เพื่อส่งเสริมนโยบายปีท่องเที่ยววิถีไทย เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเล่นน้ำในประเพณีสงกรานต์อย่างมีวัฒนธรรม สอดคล้องกับวัฒนธรรมที่มีแต่ดั้งเดิม และส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยววิถีไทย ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กรมการท่องเที่ยว) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ การแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย ไม่ใส่เสื้อผ้าที่ล่อแหลม โดยรณรงค์ให้ใส่ผ้าไทย ผ้าพื้นเมือง หรือเสื้อลายดอก ๑.๒ การห้ามจำหน่ายและห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณที่มีการจัดกิจกรรมงานสงกรานต์ ๑.๓ การห้ามเล่นน้ำที่มีสิ่งเจือปน แป้ง น้ำแข็ง และโฟม ๑.๔ การห้ามใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง หรืออุปกรณ์เล่นน้ำที่อาจเกิดอันตราย โดยรณรงค์ให้ใช้ขันน้ำตามประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิม ๑.๕ การห้ามขับรถกระบะบรรทุกน้ำในการเล่นสงกรานต์ไปในที่ชุมชนหรือบริเวณจัดงาน ๑.๖ การแสดงภาพลักษณ์ที่เหมาะสมในการเล่นน้ำสงกรานต์ โดยรณรงค์ไม่ให้มีการแสดงหรือการเต้นที่ไม่เหมาะสมกับวัฒนธรรมไทย ๑.๗ หากมีการจัดกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมประเพณีงานสงกรานต์ ขอให้จัดกิจกรรมที่สอดคล้องและส่งเสริมประเพณีไทย ๑.๘ ขอให้มีการกำหนดเวลาการเล่นน้ำที่ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาการจราจร และการเกิดอาชญากรรมในยามวิกาล ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและสาธารณะได้รับทราบอย่างทั่วถึงต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||
24302 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนนาหนองทุ่ม จังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. .... | มท | 27/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนนาหนองทุ่ม จังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลนาหนองทุ่ม อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
24303 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดเลย พ.ศ. .... | มท | 27/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดเลย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดเลย เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
24304 | แจ้งมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กรณีถอดถอนหรือไม่ถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง | สว | 27/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติแจ้งว่า ในคราวประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๖/๒๕๕๘ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๘ ที่ประชุมได้มีการออกเสียงลงคะแนนถอดถอนหรือไม่ถอดถอนสมาชิกวุฒิสภา จำนวน ๓๘ คน ออกจากตำแหน่งกรณีดำเนินการเกี่ยวกับการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในเรื่องที่มาของสมาชิกวุฒิสภา ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิด ซึ่งที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้มีมติไม่ถอดถอนสมาชิกวุฒิสภา จำนวน ๓๘ คน ออกจากตำแหน่งเนื่องด้วยมีคะแนนเสียงถอดถอนน้อยกว่าสามในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
|
|||||||||||||||
24305 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 27/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๘ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติ จำนวน ๕ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยให้แก้ไขร่างมาตรา ๒ การกำหนดวันใช้บังคับร่างพระราชบัญญัตินี้ จากเดิมกำหนดวันใช้บังคับเมื่อพ้นหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เป็น “พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป” ตามข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ๓. ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๔. ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๕. ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||
24306 | การจัดสร้างอุทยานประวัติศาสตร์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม | กห | 27/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมรายงานว่า เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการสักการะเทิดทูนและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณขององค์พระมหากษัตริย์ไทยให้เป็นที่ประจักษ์ต่ออนุชนรุ่นหลังสืบไป รวมทั้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพบก จึงมีแนวความคิดจะจัดสร้างอุทยานประวัติศาสตร์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยามขึ้นในพื้นที่ของกองทัพบก บริเวณฝั่งตรงข้ามสวนสนประดิพัทธ์ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ การดำเนินงานจัดสร้างในภาพรวม จะมีโครงสร้างหลักที่สำคัญ ๓ ส่วน ได้แก่ ส่วนที่หนึ่ง พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม จำนวน ๗ พระองค์ ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ส่วนที่สอง ลานอเนกประสงค์ เป็นพื้นที่สำหรับใช้กระทำพิธีสำคัญของกองทัพบก และรับรองบุคคลสำคัญจากต่างประเทศในโอกาสที่มาเยือนอย่างเป็นทางการ และส่วนที่สาม อาคารพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม จัดสร้างอยู่บริเวณใต้ฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ ทั้งนี้ ได้ประสานขอความร่วมมือจากกรมศิลปากรในการออกแบบและปั้นพระบรมรูปต้นแบบ การออกแบบแท่นฐาน รวมถึงองค์ประกอบภูมิสถาปัตยกรรมเพื่อให้การจัดสร้างอุทยานประวัติศาสตร์เป็นไปอย่างถูกต้อง งดงาม และสมพระเกียรติ สำหรับงบประมาณในการก่อสร้างจะเป็นลักษณะของการประสานขอความร่วมมือและเชิญชวนหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมบริจาคเงินสมทบทุนการจัดสร้าง ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมกำหนดจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ๒. หากกระทรวงกลาโหมมีความจำเป็นต้องขอรับการสนับสนุนการจัดสร้างจากเงินงบประมาณด้วย ก็ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||
24307 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 27/03/2558 | ||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแต่งตั้งคณะทำงาน โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาผลกระทบทั้งผลดีและผลเสียในด้านต่าง ๆ เช่น การพาณิชย์ การเงิน การคมนาคม และด้านอื่น ๆ ให้ครบถ้วน และให้พิจารณาเสนอแนวทางที่เหมาะสมต่อคณะรัฐมนตรี เช่น การใช้เวลามาตรฐานอาเซียนเฉพาะกรณีที่จำเป็น โดยให้คำนึงผลประโยชน์ของประเทศและสอดคล้องกับหลักสากล ๑.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) พิจารณาเสนอมาตรการเพื่อให้สามารถจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ในราคา ๘๐ บาททั่วประเทศ โดยในต่างจังหวัดอาจพิจารณาลดสัดส่วนรายได้ของรัฐลง และให้พิจารณาจัดสรรโควตา และผู้แทนจำหน่ายให้เหมาะสม ๑.๓ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางให้ประชาชนที่มีรายได้ทุกคน รวมทั้งผู้ที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามที่กฎหมายกำหนดไว้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อให้ภาครัฐใช้เป็นฐานข้อมูลรายได้ของประชากรในแต่ละปี เพื่อนำมาวิเคราะห์สถานะทางสังคมของประชากรและแนวโน้มสถานะทางเศรษฐกิจของประเทศในอนาคตต่อไป ๑.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการกำหนดมาตรการเพื่อลดต้นทุนการผลิต สนับสนุนเครื่องมือและปัจจัยการผลิต และมติเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เกี่ยวกับแนวทางการสนับสนุนปัจจัยการผลิตทางการเกษตรเพื่อเป็นการช่วยลดต้นทุนให้แก่เกษตรกร โดยเน้นการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ เครื่องจักร และเครื่องมือทำการเกษตร รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงพันธุ์พืชที่สอดคล้องกับความต้องการใช้ในประเทศ แล้วสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ให้เกษตรกรนำไปเพาะปลูกต่อไปได้ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมก่อนฤดูกาลผลิตหน้า โดยเฉพาะการสนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืชและการลดราคาปุ๋ย ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการประสานภาคเอกชนในการปรับลดราคาโดยเร็วด้วย ๑.๕ จากการเดินทางตรวจราชการและพบปะกลุ่มเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์พบว่า ประชาชนมีความต้องการให้รัฐบาลดูแลในเรื่องทำกิน แก้ไขปัญหาพันธุ์สับปะรดและอ้อย ปริมาณพืชผลที่ไม่เพียงพอ ตลอดจนการขาดแคลนปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย เครื่องมือ รถไถ รถเกี่ยว จึงมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่ และการวางแผนการส่งเสริมและการปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกในพื้นที่ เพื่อให้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นจังหวัดนำร่องในการแก้ไขปัญหาเกษตรกรเช่นเดียวกับจังหวัดนครราชสีมา ๑.๖ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามแผนบริหารจัดการน้ำ ให้มีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะการขยายระบบประปาหมู่บ้านทั่วประเทศครบถ้วนภายในปี ๒๕๖๐ ๒. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๒.๑ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ให้เรือประมงไทยขนาดตั้งแต่ ๓๐ ตันกรอสขึ้นไป ติดตั้งระบบติดตามตำแหน่งเรือ (Vessel Monitoring System : VMS) เพื่อให้สามารถติดตามตรวจสอบการทำประมงของเรือประมงไทยทั้งในน่านน้ำไทยและน่านน้ำต่างประเทศ นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีได้เป็นรูปธรรม ๒.๒ มอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการโครงการเฉลิมพระเกียรติอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการจัดตั้งมหาวิทยาลัยในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยให้เป็นมหาวิทยาลัยทางเลือกที่มีหลักสูตรการเรียนการสอน ซึ่งเน้นวิชาการเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเป็นต้นแบบด้านการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเจริญพระชนมพรรษา ๙๐ พรรษา และให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง โดยใช้ที่ดินของรัฐ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใกล้กับสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เนื่องในวโรกาสเจริญพระชนพรรษา ๖๐ พรรษา
|
|||||||||||||||
24308 | แนวปฏิบัติเกี่ยวกับมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ | นร | 27/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๔๘/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ รวม ๑๐ ท่านเป็นกรรมการ นั้น เพื่อให้การบริหารงานด้านเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเพื่อรักษาประโยชน์สำคัญของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจมีมติเห็นชอบหรืออนุมัติในเรื่องใดซึ่งถือได้ว่าเป็นนโยบายสำคัญและผ่านการพิจารณากลั่นกรองแล้ว ให้ส่วนราชการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้ทันที และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีในวาระเพื่อทราบในโอกาสแรก
|
|||||||||||||||
24309 | นวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ของไทย | นร | 27/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายงานว่า รัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศ (คพน.) มีหน้าที่หลักในการสนับสนุนและส่งเสริมการนำผลงานวิจัย พัฒนา และนวัตกรรมไทยไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศและส่งเสริมให้เกิดการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ โดยมีมาตรฐานที่น่าเชื่อถือเทียบเคียงได้กับผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ ทั้งนี้ คพน. ได้จัดทำบัญชีนวัตกรรมไทยและสิ่งประดิษฐ์ไทย ซึ่งนวัตกรรมที่สามารถบรรจุใน “บัญชีนวัตกรรมไทย” ต้องผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรมในประเทศหรือมาตรฐานสากลและข้อกำหนดสำคัญอื่น ๆ และพร้อมใช้งานได้จริง รวมทั้งมีภาคเอกชนรับไปผลิตในเชิงพาณิชย์แล้ว สำหรับนวัตกรรมที่อยู่ระหว่างการรับรองมาตรฐานจะบรรจุไว้ใน “บัญชีสิ่งประดิษฐ์ไทย” ซึ่งสำนักงบประมาณจะให้การสนับสนุนงบประมาณภายใต้ “โครงการส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรม โดยการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ” เพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปใช้ และขึ้นบัญชีในบัญชีนวัตกรรมไทยในระยะต่อไป ทั้งนี้ นวัตกรรมไทยอาจไม่ได้พัฒนาในประเทศไทยทั้งหมด โดยอาจจะซื้อหรือนำเข้าบางส่วนจากต่างประเทศได้ ขณะนี้มีผลงานนวัตกรรมไทยที่ได้ขึ้นบัญชีแล้วกว่า ๑๐๐ รายการ เช่น ๑.๑ เครื่องรบกวนสัญญาณโทรศัพท์มือถือ T-Box ที่ใช้ตัดสัญญาณการจุดฉนวนระเบิดโดยโทรศัพท์มือถือ ซึ่งได้นำไปใช้งานในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสามารถช่วยลดการสูญเสียของเจ้าหน้าที่ ประชาชน และทรัพย์สินได้ และยังได้รับรางวัลสิ่งประดิษฐ์ดีเยี่ยมจากสภาวิจัยแห่งชาติ ๑.๒ เสื้อเกราะกันกระสุนเซรามิกน้ำหนักเบา เป็นยุทธภัณฑ์ที่ช่วยปกป้องชีวิตของตำรวจและทหารที่ได้มาตรฐานของสหรัฐอเมริกา สามารถทดแทนการนำเข้าเสื้อเกราะจากต่างประเทศได้หลายพันล้านบาทต่อปี ๑.๓ เครื่องช่วยฟังดิจิทัล PO2 ช่วยในการฟังของผู้ที่บกพร่องทางการได้ยิน ซึ่งได้มาตรฐานทางด้านเครื่องมือแพทย์สากล Conformit European Mark (CE Mark) ปัจจุบันได้ส่งมอบให้โรงพยาบาลทั่วประเทศแล้วกว่า ๑,๐๐๐ เครื่อง ๑.๔ นาฬิกาเพื่อสุขภาพ Wellograph เป็นเครื่องที่มีเซนเซอร์วัดการเต้นของหัวใจอย่างแม่นยำ โดยได้รับรางวัล Innovations Design and Engineering Award 2014 จากงาน Customer Electronic Show : CES 2014 ณ เมืองลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา ๑.๕ รถพยาบาลนาโน เคลือบสีผนังด้วยสารนาโนที่มีฤทธิ์ในการฆ่าและยับยั้งการเติบโตของเชื้อโรค ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อของคนไข้และเจ้าหน้าที่ที่ใช้บริการรถพยาบาลฉุกเฉินได้ ๑.๖ เก้าอี้ทำฟันสำหรับผู้พิการ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้พิการเข้าถึงบริการในการรักษาสุขภาพช่องปากได้เหมือนคนปกติโดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายผู้พิการ ๑.๗ รถตัดอ้อย ใช้ทดแทนแรงงานในการตัดอ้อยและลดความยุ่งยากในการบริหารจัดการแรงงานคนในการตัดอ้อย ๑.๘ เครื่องฆ่ามอดข้าวด้วยคลื่นวิทยุ เป็นวิธีการใหม่ที่ยังไม่เคยมีการออกแบบมาก่อน สามารถฆ่ามอดข้าวได้โดยไม่ทำให้ข้าวเสียหาย ในลำดับต่อไปภาครัฐจะได้มีการดำเนินการเพื่อผู้ผลิตนวัตกรรม ได้แก่ การพัฒนาระบบตรวจสอบตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การเปิดตลาดภาครัฐให้จัดซื้อนวัตกรรมไทยด้วยวิธีการพิเศษ และการเพิ่มงบประมาณวิจัยและพัฒนากับการพัฒนากำลังคน เพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นแหล่งกำเนิดของนวัตกรรมต่าง ๆ และเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับภาคเอกชนเร่งดำเนินการพัฒนาสนับสนุนให้นวัตกรรมของคนไทยได้รับการพัฒนาและได้รับการรับรองมาตรฐานทั้งในระดับประเทศและระดับสากลเพื่อการผลิตในเชิงพาณิชย์ต่อไป
|
|||||||||||||||
24310 | ร่างพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 27/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||
24311 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ | นร | 27/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||
24312 | รายงานผลการเดินทางเข้าร่าวมการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ 9 ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ณ เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย | กห | 27/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานผลการเดินทางเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ ๙ ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๗ เมษายน ๒๕๕๘ ณ เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย ซึ่งการเดินทางประสบความสำเร็จและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่างกระทรวงกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียนในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้นำเสนอให้ที่ประชุมฯ ตระหนักถึงภัยคุกคามรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยพิบัติทางธรรมชาติ โรคระบาด ภัยคุกคามด้านไซเบอร์ แนวความคิดนิยมความรุนแรง การก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ และการค้ามนุษย์ นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงความพร้อมของประเทศไทยในการจัดตั้งศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน (ASEAN Centre of Military Medicine : ACMM) ขึ้น ณ กรมแพทย์ทหารบก ประเทศไทย ซึ่งจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ และได้สร้างความเข้าใจกับประเทศสมาชิกเกี่ยวกับพัฒนาการความก้าวหน้าของสถานการณ์การเมืองไทยตาม Roadmap รวมทั้งแนวความคิดเรื่องการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของประเทศไทย ในการนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียน ได้ร่วมลงนามในปฏิญญาร่วมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนว่าด้วยการดำรงไว้ซึ่งความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาคเพื่อประชาชนและโดยประชาชน ๒. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซีย โดยมีประเด็นหารือเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันในเรื่องการควบคุมการนำเข้าและการส่งออกผลิตภัณฑ์ การขนถ่ายสัตว์น้ำ การจดทะเบียนเรือประมง และการส่งเสริมการลงทุนด้านการประมง รวมทั้งได้หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมาเลเซีย โดยมีประเด็นหารือเกี่ยวกับกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขกับกลุ่มผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแท้จริงกับเหตุการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้เริ่มต้นโดยเร็วที่สุด ปัญหาเรื่องบุคคลสองสัญชาติ ไทย-มาเลเซีย ปัญหาเรื่องรถตู้โดยสารไทยบรรทุกผู้โดยสารเข้าและออกมาเลเซียเป็นไปได้โดยยากลำบาก และปัญหาผู้ประกอบการร้านอาหารต้มยำกุ้งชาวไทยของสมาคมต้มยำกุ้งได้รับความเดือดร้อนจากการถูกเก็บภาษีในการประกอบการในอัตราที่ค่อนข้างสูง ๓. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมร่วมกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียน เข้าเยี่ยมคำนับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยนายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้กล่าวขอบคุณทุกประเทศสมาชิกอาเซียนที่ได้ให้ความสำคัญกับทั้งการประชุมฯ และงานนิทรรศการด้านการบินและการนาวีนานาชาติ (The Langkawi International Maritime & Aerospace Exhibition 2015 : LIMA 2015) พร้อมทั้งได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของทุกประเทศสมาชิกที่ควรมีความร่วมมือทางทหารกันอย่างต่อเนื่องภายใต้ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน
|
|||||||||||||||
24313 | การพิจารณาแผนงาน/โครงการ ตามความต้องการของกลุ่มเกษตรกร 7 กลุ่ม จังหวัดนครราชสีมา ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | มท | 27/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการพิจารณาโครงการ ตามความต้องการของกลุ่มเกษตรกร ๗ กลุ่ม จังหวัดนครราชสีมา ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี รวม ๘ โครงการ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ แผนงาน/โครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบด้วย ๑.๑.๑ โครงการที่มีความพร้อมด้านการเกษตรที่ดำเนินการได้ทันที จำนวน ๖ โครงการ งบประมาณ ๒๕๗,๙๐๖,๙๕๕ บาท ได้แก่ (๑) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตรวบรวมและแปรรูปข้าวหอมมะลิทุ่งสัมฤทธิ์ (๒) โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งสัมฤทธิ์ในเขตพื้นที่นำร่อง (ระยะสั้น) (๓) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมันสำปะหลัง (๔) โครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตอ้อยจังหวัดนครราชสีมา (๕) โครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ OTOP โคราชสู่สากลแบบครบวงจร และ (๖) กลุ่มยางพาราโครงการเพิ่มมูลค่ายางพาราตกต่ำของกลุ่มยางพารา ๑.๑.๒ โครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและมีความพร้อมด้านสาธารณสุข และการป้องกัน จำนวน ๒ โครงการ งบประมาณ ๖๔๗,๐๒๕,๘๐๐ บาท ได้แก่ (๑) โครงการพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา และ (๒) โครงการปรับปรุง Emergency Spillway และส่วนประกอบอื่น เขื่อนลำพระเพลิง ๑.๒ กระทรวงมหาดไทยได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมเพื่อปรึกษาหารือให้ข้อคิดเห็น วิเคราะห์โครงการ แนวทางการดำเนินการตามกิจกรรมที่กำหนดและงบประมาณที่สามารถนำมาสนับสนุนโครงการฯ รวม ๒ ครั้ง ๑.๒.๑ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการทั้ง ๘ โครงการ ในชั้นต้นมอบให้ (๑) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณากิจกรรมโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตรวบรวมและแปรรูปข้าวหอมมะลิทุ่งสัมฤทธิ์ โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่มสัมฤทธิ์ในเขตพื้นที่นำร่อง (ระยะสั้น) และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมันสำปะหลัง (เฉพาะกิจกรรมด้านวิชาการ) และโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตอ้อยจังหวัดนครราชสีมา และกลุ่มยางพาราโครงการเพิ่มมูลค่ายางพาราตกต่ำของกลุ่มยางพารา (๒) กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ร่วมกันพิจารณากิจกรรมด้าน OTOP ของโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ OTOP โคราชสู่สากลแบบครบวงจร (๓) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณารายละเอียดกิจกรรมจัดหาแหล่งน้ำให้ศูนย์เรียนรู้ผลิตไหม และ (๔) กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาสนับสนุนจัดหางบประมาณโครงการพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา โดยให้จังหวัดนครราชสีมาจัดส่งข้อมูลโครงการเพิ่มเติม โดยเฉพาะข้อมูลโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตรวบรวมและแปรรูปข้าวหอมมะลิทุ่งสัมฤทธิ์ โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่มสัมฤทธิ์ในเขตพื้นที่นำร่อง (ระยะสั้น) และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมันสำปะหลัง ให้กระทรวงมหาดไทยโดยด่วน ซึ่งประธานจะเร่งจัดประชุมปรึกษาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในครั้งต่อไป ทั้งนี้ จะได้นำเรียนให้นายกรัฐมนตรีรับทราบความคืบหน้าไว้ชั้นหนึ่งก่อน ๑.๒.๒ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๘ ที่ประชุมมีมติว่า เนื่องจากโครงการดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนในหลายประเด็น ดังนั้น เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับงบประมาณที่จะนำมาสนับสนุนการดำเนินการในการนำเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา จึงมอบให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ประสานในรายละเอียดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเพื่อพิจารณาให้การสนับสนุนกิจกรรมและงบประมาณโครงการ และให้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครั้งต่อไปเพื่อสรุปรายละเอียด รวมทั้งให้รายงานผลความคืบหน้าการดำเนินงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีทราบไว้ชั้นหนึ่งก่อน ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) พิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการโครงการต่าง ๆ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
|
|||||||||||||||
24314 | ร่างพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 27/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน โดยให้แก้ไขร่างมาตรา ๒ การกำหนดวันใช้บังคับร่างพระราชบัญญัตินี้ จากเดิมกำหนดวันใช้บังคับเมื่อพ้นหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เป็น “พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป” ตามข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
|
|||||||||||||||
24315 | ขอความเห็นชอบให้จ่ายเงินเพิ่มพิเศษให้กับตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ฝึกการบินของสถาบันการบินพลเรือน | คค | 27/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้จ่ายเงินเพิ่มพิเศษผู้บังคับอากาศยานในอัตราครูการบินให้กับตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ฝึกการบิน ของสถาบันการบินพลเรือน ซึ่งตามระเบียบสถาบันการบินพลเรือนว่าด้วยการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษผู้บังคับค่าอากาศยานและค่าปฏิบัติงานในอากาศยาน พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๕ กำหนดให้ครูการบินได้รับเงินเพิ่มพิเศษผู้บังคับอากาศยานในอัตราเดือนละ ๒๗,๐๐๐ บาท ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยในส่วนค่าใช้จ่ายเงินเพิ่มพิเศษดังกล่าวซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นปีละ ๓๒๔,๐๐๐ บาท (เดือนละ ๒๗,๐๐๐ บาท จำนวน ๑๒ เดือน) ให้ใช้จากเงินรายได้ของสถาบันการบินพลเรือน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||
24316 | การจ่ายเงินตอบแทนพิเศษสำหรับพนักงานที่ได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูงสุดของระดับตำแหน่งของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | คค | 27/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการการจ่ายเงินตอบแทนพิเศษสำหรับพนักงานที่ได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูงสุดของระดับตำแหน่งของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยมีหลักเกณฑ์ ดังนี้ ๑.๑ พนักงานที่ได้รับการพิจารณาระดับการให้ผลตอบแทนหนึ่งขั้น ให้ได้รับเงินตอบแทนพิเศษในอัตราร้อยละ ๒ ของเงินเดือนขั้นสูงสุดของระดับตำแหน่ง ๑.๒ พนักงานที่ได้รับการพิจารณาระดับการให้ผลตอบแทนหนึ่งขั้นครึ่ง ให้ได้รับเงินตอบแทนพิเศษในอัตราร้อยละ ๔ ของเงินเดือนขั้นสูงสุดของระดับตำแหน่ง ๑.๓ พนักงานที่ได้รับการพิจารณาระดับการให้ผลตอบแทนสองขั้น ให้ได้รับเงินตอบแทนพิเศษในอัตราร้อยละ ๖ ของเงินเดือนขั้นสูงสุดของระดับตำแหน่ง ๑.๔ พนักงานที่ไม่ได้รับการพิจารณาให้ได้รับเงินเดือนตอบแทนพิเศษ ให้เบิกจ่ายเงินเดือนในอัตราขั้นสูงสุดระดับของตำแหน่งเดิม ๑.๕ เงินตอบแทนพิเศษไม่ถือเป็นเงินเดือน และมีลักษณะการจ่ายเป็นการชั่วคราว รวมทั้งไม่ใช้เป็นฐานในการคำนวณสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเงินเดือนทุกเรื่องของพนักงาน ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายเงินตอบแทนพิเศษดังกล่าวให้ใช้จากเงินรายได้ของ กทพ. ดำเนินการต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้ กระทรวงคมนาคม รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งรัดดำเนินการเสนอขอปรับปรุงโครงสร้างอัตราเงินเดือนใหม่โดยเร็ว เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อ ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ฐานะการเงิน ค่าใช้จ่ายในอนาคต รวมถึงภาระการจ่ายชำระดอกเบี้ยและคืนต้นเงินกู้ที่มี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
24317 | นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. 2558 - 2564 | นร08 | 27/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบร่างนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๔ และใช้เป็นแนวทางให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติต่อไป ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ สรุปสาระสำคัญของร่างนโยบายฯ ได้ ดังนี้ ๑.๑ ค่านิยมหลักของชาติ โดยยึดถือตามค่านิยมหลักของชาติ ๑๒ ประการ ๑.๒ นโยบาย ได้จัดลำดับความสำคัญโดยพิจารณาความเสี่ยงและผลกระทบต่อความมั่นคงที่เป็นแก่นหลักของชาติอันเกี่ยวข้องกับความอยู่รอดปลอดภัยและผลกระทบต่อความมั่นคงและภูมิคุ้มกันของชาติในภาพรวมเป็น “เกณฑ์สำคัญ” กำหนดเป็นสองส่วน ได้แก่ ๑.๒.๑ ส่วนที่ ๑ นโยบายสำคัญเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงที่เป็นแก่นหลักของประเทศ ๓ นโยบาย คือ (๑) เสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (๒) สร้างความเป็นธรรม ความปรองดอง และความสมานฉันท์ในชาติ และ (๓) ป้องกันและแก้ไขการก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ๑.๒.๒ ส่วนที่ ๒ นโยบายความมั่นคงแห่งชาติทั่วไป ๑๓ นโยบาย คือ (๑) จัดระบบบริหารจัดการชายแดนเพื่อป้องกันและแก้ปัญหาข้ามพรมแดน (๒) สร้างเสริมศักยภาพการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามข้ามชาติ (๓) ปกป้อง รักษาผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเล (๔) จัดระบบ ป้องกัน และแก้ไขปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมือง (๕) เสริมสร้างความเข้มแข็งและภูมิคุ้มกันความมั่นคงภายใน (๖) เสริมสร้างความมั่นคงของชาติจากภัยการทุจริตคอร์รัปชัน (๗) เสริมสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยีสารสนเทศและไซเบอร์ (๘) รักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๙) เสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานและอาหาร (๑๐) พัฒนาระบบการเตรียมพร้อมแห่งชาติเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของชาติ (๑๑) เสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศ (๑๒) พัฒนาระบบงานข่าวกรองให้มีประสิทธิภาพ และ (๑๓) เสริมสร้างดุลยภาพในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ๑.๓ แนวทางขับเคลื่อนนโยบายฯ ไปสู่การปฏิบัติ ๑.๓.๑ กำหนดให้นโยบายความมั่นคงแห่งชาติฯ เป็นกรอบการจัดทำแผนปฏิบัติราชการด้านความมั่นคงของรัฐบาล และเป็นกรอบดำเนินการด้านความมั่นคงในการกำหนดยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณประจำปีของสำนักงบประมาณ ๑.๓.๒ กลไกการบริหารจัดการ สภาความมั่นคงแห่งชาติซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เป็นกลไกหลักในการอำนวยการและขับเคลื่อนในระดับชาติ และมีคณะกรรมการภายใต้สภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นกลไกสนับสนุนในการกำกับ ติดตาม บูรณาการและขับเคลื่อนเชิงนโยบาย ๑.๓.๓ การแบ่งมอบหน่วยรับผิดชอบ กำหนดให้มีหน่วยงานรับผิดชอบหลักเป็นเจ้าภาพประสานและบูรณาการนโยบายทั้ง ๑๖ นโยบาย และมีหน่วยรับผิดชอบร่วมในแต่ละแนวนโยบายย่อย ๒. ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเกี่ยวกับตาราการแบ่งมอบหน่วยงานรับผิดชอบในการดำเนินการตามร่างนโยบายฯ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
24318 | ขอความเห็นชอบร่างแผนยุทธศาสตร์ด้านโทรคมนาคมและสารสนเทศของเอเปค ปี 2559 ถึง 2563 | ทก | 27/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแผนยุทธศาสตร์ด้านโทรคมนาคมและสารสนเทศของเอเปค ปี ๒๕๕๙ ถึง ๒๕๖๓ เป็นเอกสารที่รัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศของเขตเศรษฐกิจเอเปคจะให้การรับรองในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านโทรคมนาคมและสารสนเทศ ครั้งที่ ๑๐ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยร่างแผนยุทธศาสตร์ฯ ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ (๑) การพัฒนาและการเร่งสร้างนวัตกรรม (๒) การส่งเสริมสภาวะแวดล้อมด้านไอซีทีที่มีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ (๓) การส่งเสริมการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค และ (๔) การสร้างความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลให้มีความเข้มแข็ง ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองแผนยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นควรเพิ่มเติมประเด็นที่เกี่ยวกับความร่วมมือด้านการวิจัยพัฒนาระดับพื้นฐานและการประยุกต์นวัตกรรมไอซีทีและแอปพลิเคชันต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการพัฒนาบริการไอซีทีให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
24319 | การขอปรับปรุงสวัสดิการการรักษาพยาบาลในส่วนของค่ารักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอกของสถานพยาบาลเอกชน (ของการไฟฟ้านครหลวง) | มท | 27/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ปรับปรุงสวัสดิการด้านค่ารักษาพยาบาลให้พนักงานและบุคคลในครอบครัว (คู่สมรส บุตร บิดา มารดา) ที่เข้ารับการรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอกในสถานพยาบาลเอกชน เฉพาะนอกเวลาทำการ จากเดิม เฉพาะพนักงานเบิกค่ารักษาพยาบาลได้เต็มจำนวน แต่ไม่เกิน ๓,๐๐๐ บาท ต่อปี เป็น ทั้งพนักงานและบุคคลในครอบครัว ให้เบิกค่ารักษาพยาบาลได้เต็มจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน ๓,๖๐๐ บาท ต่อครอบครัวต่อปี ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟน. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในส่วนที่ควบคุมได้ รวมทั้งมีแนวทางในการเพิ่มรายได้เพื่อให้ครอบคลุมรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น และมีแนวทางในการควบคุมค่าใช้จ่ายองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||
24320 | แผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองเก่าน่าน | อพท | 27/03/2558 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนแม่บทบูรณาการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง ตามที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.) เสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง โดยให้จังหวัดเลยเป็นโครงการนำร่องก่อน และเพื่อให้การยกระดับการพัฒนาพื้นที่พิเศษต่าง ๆ มีการบูรณาการและมีความเชื่อมโยงทุกพื้นที่ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการการฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในเรื่องการจัดระเบียบพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวและการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ที่พัก ที่จอดรถ ทางเดิน และสุขา เป็นต้น ๒.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมบริเวณพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว และให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชุมชนในพื้นที่ ๒.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงพลังงานและกระทรวงมหาดไทยในการบูรณาการด้านการพัฒนาและเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่พิเศษให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ แผนยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน ทั้งนี้ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้นจะต้องไม่รุกล้ำพื้นที่เขตป่าสงวนหรือเขตอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยเด็ดขาด ๒.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นเจ้าภาพหลักในด้านการประชาสัมพันธ์และการตลาด โดยเน้นการบูรณาการให้สอดคล้องกับนโยบายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง แนวทางการดำเนินงานปีท่องเที่ยววิถีไทย ๒๕๕๘ และขออนุมัติให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปีท่องเที่ยววิถีไทยและเป็นวาระแห่งชาติ) ที่เห็นชอบให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปี “ท่องเที่ยววิถีไทย” (2015 Discover Thainess) ๓. ในส่วนของแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองเก่าน่าน ให้ อพท. รับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมใด ๆ ในพื้นที่เมืองเก่า ควรคำนึงถึงการรักษาคุณ ค่าความสำคัญดั้งเดิมของโบราณสถาน อาคาร สถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และสภาพแวดล้อมโดยรอบที่เหมาะสมสอดคล้องกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี และศักยภาพในการรองรับการท่องเที่ยวของพื้นที่ และเห็นควรพิจารณาทบทวนกรอบระยะเวลาของแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเมืองเก่าน่าน ที่กำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี (ปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐) ให้สอดคล้องกับกรอบระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งควรพิจารณาให้ความสำคัญกับการดำเนินกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาชุมชนท้องถิ่นเมืองน่านให้เป็นเมืองแห่งการเรียนรู้เชิงอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออกเป็นดินแดนมรดกน่าน มรดกไทย และมรดกโลก มุ่งเน้นการรักษาเอกลักษณ์ และอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมท้องถิ่น นำต้นทุนทางวัฒนธรรมมาสร้างสรรค์ใช้ประโยชน์ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ควรพิจารณาทบทวนจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมโดยจัดทำรายละเอียดแผนปฏิบัติการที่จะดำเนินการในช่วงระยะเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน และ ๑ ปี และกำหนดเป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์ และตัวชี้วัดที่ชัดเจน รวมถึงแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่กำหนดเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณในลักษณะปีต่อปี โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าของโครงการ และประโยชน์สูงสุดต่อภาระงบประมาณของประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเร่งรัดการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการมีอยู่ขององค์การมหาชนในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการพัฒนาและปรับปรุง อพท. ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง รายงานการประเมินผลองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒) และเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ [เรื่อง การดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ กรณี องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)] ต่อไปด้วย |
.....