ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1219 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 24361 - 24380 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24361 | โครงการให้ความช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม SMEs | สลธ.คสช. | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการโครงการมาตรการให้ความช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม SMEs จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Policy Loan) และ (๒) มาตรการเพิ่มวงเงินที่รัฐชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อแทน SMEs ในปีแรกที่ให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันสินเชื่อผ่านโครงการ Portfolio Guarantee Scheme (PGS) ระยะที่ ๕ เพิ่มอีกจำนวน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ ในการขยายสินเชื่อ ให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) พิจารณาขยายวงเงินให้เหมาะสมต่อไป สำหรับอัตราชดเชยดอกเบี้ย ให้กระทรวงการคลังพิจารณากำหนด โดยจะต้องไม่ต่ำกว่าอัตราที่รัฐชดเชยในโครงการอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ เช่น โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการยาง และโครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการผลิตแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะชดเชยในอัตราร้อยละ ๓ ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามระยะเวลาดำเนินโครงการ และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ส่วนโครงการมาตรการให้ความช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม SMEs ที่เหลืออีก ๘ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการ Machine Fund (๒) มาตรการให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (Specialized Financial Institutions : SFIs) สามารถผ่อนปรนการวิเคราะห์สินเชื่อให้กับ SMEs ที่ติด Blacklist กับเครดิตบูโร (๓) มาตรการผ่อนปรนการปฏิบัติตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ (๔) มาตรการชะลอการโอนอำนาจจากกระทรวงการคลัง (๕) มาตรการทบทวนการกำหนดตัวชี้วัด (Key Performance Indicator : KPI) ของ SFIs ให้สอดคล้องกับพันธกิจ (๖) โครงการขยายสาขาธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ให้ครอบคลุมพื้นที่ที่เป็นเขตเศรษฐกิจที่สำคัญ (๗) โครงการจัดตั้ง Website และ (๘) โครงการศูนย์ให้บริการธุรกิจ SMEs แบบครบวงจร มอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) รับไปพิจารณาทบทวนเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม SMEs ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
24362 | ความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับสิงคโปร์ ฉบับแก้ไข | กค | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับสิงคโปร์ ฉบับแก้ไข มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างไทยกับสิงคโปร์ที่มีผลใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันให้มีความเหมาะสมกับข้อกฎหมายและลักษณะการประกอบธุรกิจในปัจจุบัน โดยกำหนดหลักการที่สำคัญเพื่อขจัดการเก็บภาษีซ้ำซ้อนในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้ระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นอันเนื่องจากอำนาจในการจัดเก็บภาษีของทั้งสองประเทศทำให้เกิดการจัดเก็บภาษีซ้ำซ้อนบนฐานรายได้จำนวนเดียวกัน ทั้งนี้ เมื่อผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว หากมีการแก้ไขโดยที่ไม่กระทบต่อสาระสำคัญของความตกลงฯ ดังกล่าว เห็นควรให้กระทรวงการคลังสามารถทำการแก้ไขได้ทันที และเมื่อแก้ไขแล้วเห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการทางการทูต เพื่อให้มีผลใช้บังคับต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการตามแบบพิธีทางการทูตและกฎหมายภายในเพื่อให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในภายหลังจากที่ได้มีการบังคับใช้ความตกลงฯ แล้ว และต่อไปในอนาคตข้างหน้าหากมีความจำเป็นในการปรับปรุงแก้ไขความตกลงฯ อีก ควรมีการพิจารณาให้ครอบคลุมประเด็นการขนส่งทางบกระหว่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
24363 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม | กต | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (Memorandum of Understanding on Cooperation between the Ministry of Foreign Affairs of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Foreign Affairs of the Socialist Republic of Vietnam) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างกรอบการปรึกษาหารือและกำหนดแนวทางความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในการเพิ่มพูนและกระชับความสัมพันธ์ด้านการต่างประเทศและการทูต ทั้งในระดับทวิภาคีและระดับพหุภาคีที่ไทยและเวียดนามเป็นสมาชิกและมีผลประโยชน์ร่วมกัน อีกทั้งยังเกื้อหนุนต่อการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการภายใต้หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ไทย-เวียดนาม ๒. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญเพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||
24364 | ขออนุมัติกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย - เวียดนาม (JCBC) ครั้งที่ 2 | กต | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. กรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-เวียดนาม (JCBC) ครั้งที่ ๒ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือทวิภาคีที่ทั้งสองประเทศได้ดำเนินการร่วมกันไว้ ประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะแก้ไข พัฒนาและ/หรือผลักดันให้เกิดความคืบหน้า เพื่อประโยชน์ของการดำเนินความสัมพันธ์ โดยประเด็นสำคัญที่จะมีการหยิบยกขึ้นหารือระหว่างการประชุมฯ อาทิ การต่างประเทศ การป้องกันประเทศและความมั่นคง การค้าและการลงทุน การลักลอบเข้ามาทำประมงในน่านน้ำไทยของเรือประมงเวียดนาม ความเชื่อมโยงในภูมิภาค ความร่วมมือด้านแรงงาน ความร่วมมือด้านการเกษตร ความร่วมมือด้านสังคมและวัฒนธรรม ความร่วมมือในอนุภูมิภาคและระหว่างประเทศ ๒. ให้คณะผู้แทนไทยหารือกับฝ่ายเวียดนามตามประเด็นที่อยู่ในกรอบการหารือ เพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ของฝ่ายไทยและการส่งเสริมความสัมพันธ์กับเวียดนาม และเมื่อได้จัดทำบันทึกการประชุมแล้ว กระทรวงการต่างประเทศจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
24365 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวทางเรือระหว่างไทยกับสิงคโปร์ | กก | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำและลงนามร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวทางเรือระหว่างไทยกับสิงคโปร์ ทั้งนี้ หากก่อนลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวทางเรือระหว่างไทยกับสิงคโปร์ (โดยระบุตำแหน่ง) ในระหว่างการเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์และบรูไนดารุสซาลามอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๖ มีนาคม ๒๕๕๘ ๓. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในการลงนามบันทึกความเข้าใจฯ
|
||||||||||||||||||||||||
24366 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
24367 | ร่างพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน โดยให้แก้ไขความในร่างมาตรา ๔๕ วรรคสอง ตามข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||
24368 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
24369 | การดำเนินการตามโครงการปณิธานความดี ปีมหามงคล ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา | ศธ | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรายงานว่า ตามที่รัฐบาลได้มีโครงการปณิธานความดี ปีมหามงคล เพื่อปลุกจิตสำนึกกระตุ้นให้คนไทยทำความดีอย่างเป็นรูปธรรม มีทิศทางที่ชัดเจน และวัดผลที่เกิดขึ้นจริง กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา) ได้ดำเนินการตามโครงการดังกล่าว โดยมอบให้สถานศึกษาในสังกัดจัดศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix It Center) ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน ๕๐ ศูนย์ ระหว่างวันที่ ๓-๕ มีนาคม ๒๕๕๘ และขยายผลไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ ๙-๑๑ มีนาคม ๒๕๕๘ โดยมีกิจกรรม ๔ กิจกรรม ได้แก่ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถจักรยานยนต์ ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน แนะแนวการศึกษาสายอาชีพเพื่อการมีงานทำที่ยั่งยืน และรับบริจาคเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ชำรุด เพื่อนำไปซ่อมและบริจาคให้ผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้ติดตามผลการดำเนินงาน พร้อมทั้งได้รวบรวมภาพกิจกรรมศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชนที่ออกให้บริการประชาชนทั่วประเทศ เพื่อเผยแพร่การดำเนินกิจกรรมโครงการไว้แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
24370 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๘ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติ จำนวน ๗ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. .... โดยให้แก้ไขความในร่างมาตรา ๔๕ วรรคสอง ตามข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ๒. ร่างพระราชบัญญัติคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... ๔. ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสวนดุสิต พ.ศ. .... ๕. ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. .... ๖. ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. .... ๗. ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ. .... ทั้งนี้ สำหรับร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณารับหลักการร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวในวาระหนึ่งแล้ว ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการขอพระราชทานชื่อมหาวิทยาลัยตามธรรมเนียมปฏิบัติของสำนักราชเลขาธิการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
24371 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านการต่างประเทศ ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติเพื่อรับรองวาระการพัฒนาภายในหลังปี ๒๐๑๕ และจัดทำข้อมูลสำหรับนายกรัฐมนตรี ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจัดตั้งศูนย์บริการด้านธุรกิจ (One Stop Service) ในพื้นที่ที่ประชาชนสามารถเดินทางไปติดต่อได้สะดวก เช่น ห้างสรรพสินค้า (ตามแนวทางของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๗ เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) และรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๘ ๒.๒ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือชาวเกษตรกรสวนยางและผู้ประกอบการยางพารา ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เริ่มดำเนินโครงการไปแล้ว นั้น ๒.๒.๑ ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ กระทรวงกลาโหม (หน่วยทหารในพื้นที่) ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจสอบความก้าวหน้า ความถูกต้อง และความโปร่งใสของการดำเนินโครงการ โดยเฉพาะการรับซื้อยางพาราว่าได้รับซื้อจากเกษตรกรรายย่อยและกลุ่มสหกรณ์ชุมชนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว ๒.๒.๒ ให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการรับซื้อน้ำยางสดจากเกษตรกรที่มีหัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธานรายงานผลการตรวจสอบให้นายกรัฐมนตรีทราบภายในเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ ๒.๒.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์กำหนดแนวทางการระบายยางพาราที่รับซื้อจากเกษตรกรรายย่อยและกลุ่มสหกรณ์ชุมชน และจัดหาผู้ประกอบการมาดำเนินการในการขนส่ง/ขนย้ายยางพาราดังกล่าว ๒.๒.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทบทวนองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสงเคราะห์การทำสวนยาง ๒.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหมกำหนดมาตรการเพื่อเตรียมการรองรับผลผลิตทางการเกษตรที่จะออกมาในฤดูการผลิตใหม่ โดยให้ครอบคลุมตั้งแต่การกำหนดรายละเอียดกลุ่มเป้าหมาย ตลาดรับซื้อ การขนส่ง และการระบายผลผลิต ๒.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกระทรวงอุตสาหกรรมให้การสนับสนุนนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรต่าง ๆ เพื่อขยายตลาดให้กว้างขวางขึ้น เช่น การแปรรูปข้าวให้เป็นผลิตภัณฑ์ชนิดอื่น ๆ การนำผ้าไหมไปผลิตเป็นกระเป๋าแฟชั่น ๒.๕ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสนับสนุนการพัฒนาและเร่งรัดการผลิตเครื่องสีข้าวขนาดเล็ก และส่งเสริมให้มีการนำไปใช้ในชุมชนขนาดเล็กและสหกรณ์การเกษตรต่าง ๆ ๒.๖ ให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางคมนาคมขนส่งทางรางต่าง ๆ ตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ เพื่อใช้ประกอบในการเจรจากับรัฐบาลญี่ปุ่นที่มีความสนใจที่จะร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมกับรัฐบาลไทย ๓. ด้านสังคม ๓.๑ ให้กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับกรมประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของชนชาติไทยให้แก่ประชาชนมีความภาคภูมิใจและให้นานาชาติได้รับรู้ถึงประวัติศาสตร์ของชาติไทย ๓.๒ ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดดำเนินการปรับปรุงหลักสูตรระดับอุดมศึกษา โดยจำแนกให้ชัดเจนว่า สถาบันการศึกษาแต่ละประเภทจะมีหลักสูตรอย่างไรบ้าง ได้แก่ กลุ่มที่ ๑ มหาวิทยาลัยทั่วไปมุ่งเน้นการศึกษาระดับปริญญาตรีตามแบบแผน (เช่น แพทย์ วิศวะ บัญชี รัฐศาสตร์) กลุ่มที่ ๒ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลมุ่งเน้นการพัฒนาสายเทคนิคและช่างอาชีวะ และกลุ่มที่ ๓ มหาวิทยาลัยราชภัฏมุ่งเน้นการพัฒนาครูและบุคลากรในภาคบริการ (เช่น การท่องเที่ยว โรงแรม) และให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ส่งเสริมแนวทางการจัดการอาชีวศึกษาทวิภาคี ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาอาชีวะภาครัฐและผู้ประกอบการภาคเอกชนในการเตรียมกำลังคนด้านอาชีวะให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจผ่านการเปิดโอกาสให้นักศึกษาอาชีวะได้ฝึกงานกับบริษัทต่าง ๆ ๓.๓ ให้กระทรวงศึกษาธิการและทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการกำหนดให้ผู้รับทุนการศึกษาต้องกลับมาปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานเพื่อชดใช้ทุนตามวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้จบการศึกษาในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ๓.๔ ให้กระทรวงศึกษาธิการศึกษาข้อเสนอแนะของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และระบบการจัดการศึกษาของประเทศต่าง ๆ และเสนอผลการศึกษาและแนวทางการจัดระบบการศึกษา โดยเฉพาะเรื่องที่สามารถดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในปี ๒๕๕๘ เพื่อเสนอต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินมาตรการดูแลความปลอดภัย มาตรการลงโทษผู้กระทำผิด รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ประสบอุบัติเหตุ เช่น การประกันภัย อย่างต่อเนื่องด้วย ๔.๒ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักในการหาพื้นที่ควบคุมผู้อพยพแห่งใหม่ โดยร่วมกับกระทรวงกลาโหม (กองบัญชาการกองทัพไทย) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) และให้เสนอผลความคืบหน้าต่อคณะรัฐมนตรีภายในสัปดาห์หน้า ๔.๓ ให้กระทรวงแรงงานตรวจสอบและจัดทำบัญชีสำนักงานจัดหางานหรือบริษัทจัดหางานทุกแห่งทั้งที่ได้รับใบอนุญาตแต่ดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และที่ไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเป็นข้อมูลให้กับผู้หางานทราบ และหามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการหลอกลวงแรงงาน รวมทั้งกำหนดมาตรการควบคุมให้แรงงานต่างด้าวที่จดทะเบียนในท้องที่ใดให้ทำงานในท้องที่นั้น ๔.๔ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินการของคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในระยะแรก ให้ใช้สาธารณูปโภคที่มีอยู่เดิมก่อน โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น ๓ ส่วน คือ (๑) พื้นที่ที่รัฐบริหารโดยจัดโครงสร้างพื้นฐานให้ (๒) พื้นที่เช่าสำหรับภาคเอกชน และ (๓) พื้นที่เพื่อสนับสนุน SMEs ๔.๕ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุงการกระจายอำนาจทางการบริหารให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเร็ว และหากมีความจำเป็นต้องทบทวนกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้องด้วย ๔.๖ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ดำเนินการเกี่ยวกับกรณีที่มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (นายณรงค์ สหเมธาพัฒน์) มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยชี้แจงให้สื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปทราบข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นภายในกระทรวงสาธารณสุขมิใช่การสอบวินัยปลัดกระทรวงสาธารณสุขแต่อย่างใด และแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน กำหนดแนวทางการปรับปรุงระบบบริการรักษาพยาบาลและการประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ๔.๗ ให้กรมประชาสัมพันธ์และสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หน่วยงานเจ้าของโครงการ และกระทรวงการต่างประเทศสร้างการรับรู้ในเรื่องดังต่อไปนี้ ได้แก่ การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย การปรับปรุงมาตรฐานการบินพลเรือนของไทยตามแนวทางขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ และการดำเนินการตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ๔.๘ ให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐพิจารณาให้ภาคประชาชน เช่น ผู้นำชุมชน หรือผู้บริหารในระดับท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ของรัฐบาลมากขึ้น เช่น โครงการศึกษาดูงานเพื่อการพัฒนาประเทศทั้งในและต่างประเทศเพื่อเป็นการเปิดรับความรู้ มุมมอง และแนวคิดใหม่ ๆ และนำมาร่วมกันพัฒนาประเทศต่อไป ๔.๙ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช) พิจารณาจัดระเบียบการเดินเรือ เช่น มาตรการควบคุมความเร็วในการเดินเรือ กำหนดจุดจอดเรือหรือปล่อยทุ่น เป็นต้น เพื่อแก้ไขปัญหาเรือท่องเที่ยวสัญจรและจอดบริเวณแนวปะการังตามอ่าวหรือหมู่เกาะต่าง ๆ และทำให้แนวปะการังได้รับความเสียหาย
|
||||||||||||||||||||||||
24372 | การแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาร่างรัฐธรรมนูญ | นร | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า โดยที่กรอบระยะเวลาในการเสนอร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญมีกำหนดส่งร่างรัฐธรรมนูญให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๘ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ มาตรา ๓๖ วรรคสาม บัญญัติให้คณะรัฐมนตรีเสนอความเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญภายใน ๓๐ วัน นั้น ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการเสนอความเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญของคณะรัฐมนตรีให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด และสอดคล้องกับนโยบายของคณะรัฐมนตรีทั้ง ๑๑ ด้าน จึงมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อทำหน้าที่ศึกษาร่างรัฐธรรมนูญ และพิจารณาเปรียบเทียบข้อแตกต่างจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับเดิม และเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีก่อนเสนอประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
24373 | ร่างพระราชบัญญัติคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
24374 | สรุปสถานการณ์ไฟป่าและมลพิษหมอกควันในพื้นที่ 10 จังหวัดภาคเหนือ | ทส | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า ๑.๑ จุดความร้อน (Hot Spots) ในช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม-๑๒ มีนาคม ๒๕๕๘ มีจำนวนจุดความร้อน (Hot Spots) รวม ๔,๐๔๒ จุด แบ่งเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ร้อยละ ๔๓ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ร้อยละ ๔.๑ และพื้นที่เกษตร ร้อยละ ๑๖ โดยจังหวัดที่พบจุดความร้อน (Hot Spots) มากที่สุด คือ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน ๘๕๘ จุด รองลงมา คือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน ๗๖๗ จุด ๑.๒ สาเหตุของการเกิดไฟป่าและหมอกควันยังคงเกิดจากสาเหตุภายในประเทศ ได้แก่ การเผาป่าเพื่อหาของป่าหรือล่าสัตว์ การเผาป่าเพื่อเตรียมพื้นที่เกษตรกรรม (ส่วนใหญ่เป็นข้าวโพด) ทั้งนี้ ในพื้นที่ของตนเอง และในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติหรือป่าอนุรักษ์ (ซึ่งเป็นพื้นที่ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๑) หรือไฟลุกลามมาจากพื้นที่ของชาวบ้าน และสาเหตุภายนอกประเทศ คือ ลมพัดหมอกควันมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ๑.๓ การดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีผู้กระทำความผิด จำนวน ๑๐ คดี ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน และลำพูน ๑.๔ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน เช่น การออกประกาศห้ามเข้าไปในเขตป่าอนุรักษ์ทุกพื้นที่อย่างเด็ดขาดตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ การออกประกาศห้ามเข้าไปในเขตป่าสงวนแห่งชาติทุกพื้นที่เว้นจะได้รับอนุญาตตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ การจัดกำลังหมู่ดับไฟจากนอกพื้นที่มาเสริมกำลัง การจัดอากาศยาน (เฮลิคอปเตอร์) สำหรับการบินลาดตระเวนและการบินดับไฟ การจัดเจ้าหน้าที่ระดับอำเภอและตำบลชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้าน การจัดเจ้าหน้าที่สาธารณสุขลงพื้นที่เพื่อให้คำแนะนำด้านการดูแลสุขภาพอนามัยและแจกอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรายงานว่า ได้จัดส่งอากาศยานของกองทัพบกและกองทัพอากาศเพื่อสนับสนุนภารกิจการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในภาคเหนือเพิ่มเติมจากที่หน่วยทหารในพื้นที่มีอยู่เดิม ประกอบด้วย เฮลิคอปเตอร์ลำแลียงแบบ ๑๗ (MI-17) จำนวน ๑ ลำ เฮลิคอปเตอร์ใช้งนทั่วไป แบบ ๑ (UH1H) จำนวน ๒ ลำ และเครื่องบินลำเลียง C130 จำนวน ๑ ลำ นอกจากนี้ทางกองทัพสิงคโปร์ซึ่งขณะนี้ทำการฝึกร่วม COPE Tiger 2015 อยู่ในประเทศไทย ได้ให้การสนับสนุนเครื่องบินลำเลียง Chinook จำนวน ๒ ลำ พร้อมตะกร้าบรรจุน้ำเข้าร่วมภารกิจดับไฟป่าและหมอกควันในขณะนี้ด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพหลักในการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแผนการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างเป็นระบบ สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ โดยให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนให้ตระหนักถึงอันตรายและผลกระทบจากไฟป่าและหมอกควัน รวมถึงพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพและทันสมัยเพื่อการดำเนินการดังกล่าวทั้งทางพื้นดินและทางอากาศ โดยประสานขอความร่วมมือจากภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศด้วย ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ดังนี้ ๓.๑ การเกิดไฟป่าและหมอกควันในประเทศไทยเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานและต่อเนื่องทุกปี โดยมีสาเหตุจากปัจจัยเดิมและยังไม่สามารถที่จะป้องกันหรือแก้ไขปัญหาได้อย่างเด็ดขาด เช่น ทัศนคติเกี่ยวกับการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกที่ผิดของเกษตรกร การขาดบุคลากร เครื่องมือ อุปกรณ์ที่เหมาะสมและเพียงพอในการดับไฟป่า รวมถึงวิธีการจัดการในการดับไฟที่ยังไม่สามารถดับไฟได้อย่างรวดเร็ว จึงเห็นควรให้มีหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพหลักในการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อจัดทำแผนการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ ในกรณีที่เกิดไฟป่าควรมีการเตรียมแผนการดับไฟ โดยแบ่งเป็น ๓ ระดับ ได้แก่ ระยะเริ่มต้น ระยะลุกลาม และระยะแพร่กระจาย เพื่อให้สามารถวางแผนการดับไฟป่าได้อย่างเหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์ ๓.๒ การดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเกิดไฟป่าและหมอกควัน ควรคำนึงถึงประเด็นดังต่อไปนี้ด้วย ๓.๒.๑ ปรับวิธีการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกร โดยเปลี่ยนจากวิธีการเผาป่าเป็นวิธีอื่น เช่น การไถกลบและใช้น้ำเป็นตัวเร่งการเน่าเปื่อย การใช้รถไถผลาญ ทั้งนี้ ในกรณีที่ใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ในการดำเนินการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ควรพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ร่วมกัน เช่น การใช้กลไกสหกรณ์ ๓.๒.๒ ศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าประจำภาควางแผนการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ในการดับไฟป่าร่วมกัน ๓.๒.๓ ทุกภาคส่วนควรมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนและการดำเนินงานอย่างทั่วถึง ตลอดทั้งกระบวนการ ตั้งแต่การป้องกัน การแก้ไขปัญหา การดับไฟป่า รวมถึงการให้ความช่วยเหลือเยียวยา
|
||||||||||||||||||||||||
24375 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | ศธ | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ทั้งนี้ เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณารับหลักการร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวในวาระที่หนึ่งแล้ว ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการขอพระราชทานชื่อมหาวิทยาลัยตามธรรมเนียมปฏิบัติของสำนักราชเลขาธิการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
24376 | การจัดการแข่งขันกีฬาฟุตซอลคนหูหนวกชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2558 | กก | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาฟุตซอลคนหูหนวกชิงแชมป์โลก ครั้งที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๘ ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาให้กลุ่มธุรกิจเอกชนเข้ามามีบทบาทร่วมสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในลักษณะของการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมควบคู่กับการหารายได้ผ่านการโฆษณา และสำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติครั้งต่อไป การกีฬาแห่งประเทศไทยและสมาคมกีฬาที่เกี่ยวข้องควรร่วมกันวางแผนการบริหารจัดการและแผนงบประมาณสำหรับรองรับการจัดการแข่งขันกีฬาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดทำองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันกีฬาฟุตซอลคนหูหนวกชิงแชมป์โลก ครั้งที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๘ เสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อออกคำสั่งแต่งตั้งต่อไป ๓. ในส่วนของงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดการแข่งขันฯ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่ได้ตั้งงบประมาณไว้แล้ว จำนวน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และเงินเหลือจ่ายจากการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนบีชเกมส์ ครั้งที่ ๔ อีกจำนวน ๗๒,๖๗๖,๐๐๐ บาท โดยให้การกีฬาแห่งประเทศไทยดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการด้วยความโปร่งใส คุ้มค่า และตรวจสอบได้ ตามความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐด้วย ทั้งนี้ เมื่อเสร็จสิ้นการจัดการแข่งขันฯ แล้ว ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานผลการจัดการแข่งขันO และงบประมาณค่าใช้จ่ายที่คงเหลือจากการแข่งขันฯ ให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็วด้วย |
||||||||||||||||||||||||
24377 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางสาวมุกดา หวังวีรวงศ์) | สธ | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวมุกดา หวังวีรวงศ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชศาสตร์ กลุ่มภารกิจวิชาการ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
24378 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1152 สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1020 - บรรจบ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1020 (ต้าตลาด) ที่บ้านหัวดอย บ้านผางาม บ้านร่องห้า บ้านสบเปา และเพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1421 สายหัวดอย - บ้านใหม่พัฒนา พ.ศ. .... | คค | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๑๕๒ สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๒๐-บรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๒๐ (ต้าตลาด) ที่บ้านหัวดอย บ้านผางาม บ้านร่องห้า บ้านสบเปา และเพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๔๒๑ สายหัวดอย-บ้านใหม่พัฒนา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงแผ่นดินรองรับด่านการค้าชายแดน (ด่านสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย) ในท้องที่ตำบลท่าสาย อำเภอเมืองเชียงราย ตำบลเวียงชัย ตำบลดอนศิลา ตำบลผางาม อำเภอเวียงชัย ตำบลแม่เปา ตำบลเม็งราย อำเภอพญาเม็งราย ตำบลยางฮอม อำเภอขุนตาล จังหวัดเชียงราย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
24379 | รายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ประจำปี 2557 | พม | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ประจำปี ๒๕๕๗ ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งได้ดำเนินการตามหลักมาตรฐานสากล 5P (Policy Prosecution Protection Prevention Partnership) สรุปสาระสำคัญ ๕ ด้าน ดังนี้
๑. ด้านที่ ๑ นโยบายและกลไกการขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติ (Policy) โดยได้มีการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์แล้ว ๓ ครั้ง และได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ๒ คณะ เป็นต้น ๒. ด้านที่ ๒ การดำเนินคดีและการบังคับใช้กฎหมาย (Prosecution) โดยในปี ๒๕๕๗ คดีที่เริ่มสอบสวน รวมทั้งสิ้น ๒๘๐ คดี จำแนกเป็นคดีการค้ามนุษย์ จากการแสวงหาประโยชน์ทางเพศ ๒๒๒ คดี แสวงหาประโยชน์จากการบังคับใช้แรงงาน ๔๗ คดี และนำคนมาขอทาน ๑๑ คดี เป็นต้น ๓. ด้านที่ ๓ กรมคุ้มครองช่วยเหลือ (Protection) โดยในปี ๒๕๕๗ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพสายด่วน ๑๓๐๐ ในการให้บริการตลอด ๒๔ ชั่วโมง ซึ่งดำเนินการโดยศูนย์ช่วยเหลือสังคม (One Stop Crisis Center - OSCC) โดยบูรณาการการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน เป็นต้น ๔. การป้องกัน (Prevention) โดยในปี ๒๕๕๗ รัฐบาลไทยได้กำหนดมาตรการการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ที่เกิดขึ้น จากการแสวงประโยชน์ทางเพศ โดยมุ่งเน้นประชาสัมพันธ์ในจังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยง จากการแสวงประโยชน์ในการนำคนมาขอทาน โดยได้มีการจัดระเบียบคนขอทาน ๒ ครั้ง เมื่อวันที่ ๑๔-๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๗ และวันที่ ๑๙-๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ และจากการแสวงหาประโยชน์จากแรงงาน โดยกระทรวงแรงงานมีมาตรการบังคับใช้กฎหมายจัดระเบียบบริษัทจัดหางาน และสาย/นายหน้าหาคนงาน เป็นต้น ๕. ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนและความร่วมมือระหว่างประเทศ (Partnership) โดยได้มีความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ มีการจัดทำแผนแม่บทการดำเนินการแก้ไขปัญหาแรงงานในภาคประมง นอกจากนี้ได้มีความร่วมมือระดับทวิภาคี โดยในอนาคตไทยมีแผนที่จะจัดทำ MOU และหารือความร่วมมือทวิภาคีกับประเทศอื่น ๆ เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||
24380 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กระทรวงกลาโหมควรกำหนดกรอบการปฏิบัติตามร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มาตรา ๑๐ แก้ไขลักษณะ ๒ การควบคุม มาตรา ๔๖ แห่งพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. ๒๔๙๘ เพื่อให้มีแนวทางในการปฏิบัติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ได้แก่ (๑) กรณีที่มีเหตุสุดวิสัยหรือมีเหตุจำเป็นอย่างอื่นทำให้ไม่อาจร้องขอให้ศาลทหารที่มีอำนาจสั่งขังผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาได้ (๒) กรณี "ผู้บังคับบัญชาทหารสูงสุด ณ ที่นั้น” และ (๓) กำหนดระยะเวลาในการควบคุมผู้ต้องหาในกรณีพิเศษให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ๑.๒ เรือนจำควรมีสถานที่ที่เหมาะสมแก่ผู้ต้องขังหญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ต้องขังหญิงซึ่งตั้งครรภ์และผู้ต้องขังหญิงที่ต้องเลี้ยงบุตร ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้หรือไม่ประการใดก่อน แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
.....