ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1218 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 24341 - 24360 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
24341 | รายงานผลการสัมมนาเพื่อส่งเสริมการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิดในชุมชนในภูมิภาคอาเซียน | ยธ | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการสัมมนาเพื่อส่งเสริมการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิดในชุมชนในภูมิภาคอาเซียน ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร ของกระทรวงยุติธรรม สรุปได้ ดังนี้
๑. กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรมร่วมมือกับสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย สถาบันการป้องกันอาชญากรรมและการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิดของสหประชาชาติ ภาคพื้นเอเชียและตะวันออกไกล และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น จัดการสัมมนาเพื่อส่งเสริมการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิดในชุมชนในภูมิภาคอาเซียนขึ้น เพื่อเป็นเวทีวิชาการในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ปัญหาและความท้าทายที่พบในการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิดในชุมชนในภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนเพื่อสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกอาเซียนที่ยังไม่มีระบบการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดในชุมชนได้เริ่มการพัฒนาระบบดังกล่าวในประเทศของตนเอง ๒. การสัมมนาในครั้งนี้ก่อให้เกิดประโยชน์ในระดับอาเซียน คือ สามารถนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดในการวางระบบและการพัฒนางานในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม กัมพูชา ลาว และเมียนมา และมีแนวทางการพัฒนาบุคลากรด้านงานคุมประพฤติและพักการลงโทษในอาเซียนอย่างต่อเนื่อง สำหรับประโยชน์ที่ได้กับประเทศไทย คือ ส่งเสริมความร่วมมือในการส่งตัวผู้กระทำผิดกลุ่มประเทศอาเซียนกลับภูมิลำเนาเพื่อรับการแก้ไขฟื้นฟูในอนาคต สร้างบทบาทการเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนด้านการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิดในชุมชน และเปิดโอกาสให้บุคลากรของไทยสามารถเรียนรู้งานและประสบการณ์จากประเทศอื่น ๆ ได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
24342 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ 6) คดีระหว่างนายทัศพงศ์ บุญภักดี ที่ 1 กับพวกรวม 25 คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ และการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย | นร05 | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ ๖) คดีระหว่างนายทัศพงศ์ บุญภักดี ที่ ๑ กับพวกรวม ๒๕ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ และการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ๒. เห็นชอบไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางในคดีดังกล่าว ตามความเห็นของสำนักงานคดีปกครอง สำนักงานอัยการสูงสุด และให้แจ้งสำนักงานคดีปกครอง สำนักงานอัยการสูงสุดทราบภายในกำหนดเวลา (ซึ่งครบอุทธรณ์ในวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘)
|
|||||||||||||||||||||||||||
24343 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6) ในคดีระหว่างนางสาวสุกัญญา คำเพชรดี กับพวกรวม 29 คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ระงับการให้บริการการขึ้น - ลง ของเครื่องบินทุกประเภท และขอให้ศาลพิพากษาให้ดำเนินการเพื่อประกาศให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ และการกำหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดดังกล่าว รวมทั้งร่วมกันชำระค่าเสียหายทางละเมิด | อส | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๖) ในคดีระหว่างนางสาวสุกัญญา คำเพชรดี กับพวกรวม ๒๙ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ระงับการให้บริการการขึ้น-ลง ของเครื่องบินทุกประเภท และขอให้ศาลพิพากษาให้ดำเนินการเพื่อประกาศให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ และการกำหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดดังกล่าว รวมทั้งร่วมกันชำระค่าเสียหายทางละเมิด ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24344 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) ในคดีระหว่างนายกำธร สงวนวงษ์ ผู้ฟ้องคดี นายกรัฐมนตรี ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือ ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร และการกระทำละเมิดหรือความรับผิด อย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายหรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร | นร05 | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒) ในคดีระหว่างนายกำธร สงวนวงษ์ ผู้ฟ้องคดี นายกรัฐมนตรี ที่ ๑ กับพวกรวม ๔ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร และการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายหรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24345 | การดำเนินการหลังคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกรณีการดำเนินงานให้เป็นไปตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ | ทก | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการหลังคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ คดีระหว่างอัยการสูงสุดกับพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร พร้อมคณะ เรื่อง ขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน กรณีการละเว้น อนุมัติ ส่งเสริม สนับสนุน กิจการดาวเทียมตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กรณีการจัดสร้างและจัดส่งดาวเทียมไทยคม ๖ ตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการตามข้อกำหนดของสัญญากิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ ข้อ ๑๕ การโอนกรรมสิทธิ์ การส่งมอบและรับมอบ โดยได้มีการลงนามในหนังสือโอนกรรมสิทธิ์และหนังสือมอบการครอบครองดาวเทียมไทยคม ๖ และอุปกรณ์สถานีควบคุมดาวเทียม เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของสัญญาฯ เรียบร้อยแล้ว ๒. กรณีเงินค่าสินไหมทดแทนจากการที่ดาวเทียมไทยคม ๓ เกิดความเสียหาย จำนวน ๖,๗๖๕,๒๙๙ ดอลลาร์สหรัฐ ได้มีข้อยุติตามความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดว่า กรณีนี้เป็นการที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาคดีในบริบทของกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตเป็นคนละกรณีกับการพิจารณาเพื่อตีความสิทธิหน้าที่และผลของสัญญาที่จำต้องใช้หลักการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และกฎหมายปกครองมาพิจารณาควบคู่กันไป อีกทั้งคำพิพากษาดังกล่าวก็มิได้กำหนดให้มีการเรียกเงินจำนวนดังกล่าวคืนแต่ประการใด ประกอบกับการกระทำของบริษัทไทยคมฯ ได้จัดหาโดยการเช่าช่องสัญญาณดาวเทียมระหว่างที่มีการซ่อมแซมดาวเทียมที่ชำรุดหรือในระหว่างการจัดหาดาวเทียมดวงใหม่ทดแทน ถือเป็นการที่บริษัทไทยคมฯ กระทำไปเพื่อประโยชน์ในการให้บริการลูกค้าเป็นสำคัญซึ่งเป็นการดำเนินงานที่สมประโยชน์ตามเจตนารมณ์ของคู่สัญญา จึงเห็นว่าคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย คือ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และบริษัท ไทยคมฯ ได้ปฏิบัติถูกต้องตามสัญญาในประเด็นดังกล่าวแล้ว จึงไม่มีเรื่องที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะต้องดำเนินการเรียกเงินคืนหรือหักกลบลบหนี้หรือเรียกดอกเบี้ยระหว่างกันแต่อย่างใดอีกต่อไป ๓. กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดแนวทางดำเนินงานตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ คณะกรรมการตามมาตรา ๗๒ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อพิจารณากำหนดแนวทางดำเนินงานกรณีการแก้ไขสัญญาฯ ครั้งที่ ๕ และกรณีดาวเทียมไทยคม ๔ (IPSTAR) ผลการพิจารณาเป็นประการใด กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะได้ดำเนินการนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
24346 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทาน ที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 2 ฉบับ | กษ | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากำแพงแสน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||||||||
24347 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลหนองกระเบียน ตำบลหนองเมือง ตำบลดอนดึง ตำบลดงพลับ ตำบลบางกะพี้ อำเภอบ้านหมี่ และ ตำบลวังจั่น อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลหนองกระเบียน ตำบลหนองเมือง ตำบลดอนดึง ตำบลดงพลับ ตำบลบางกะพี้ อำเภอบ้านหมี่ และตำบลวังจั่น อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลหนองกระเบียน ตำบลหนองเมือง ตำบลดอนดึง ตำบลดงพลับ ตำบลบางกะพี้ อำเภอบ้านหมี่ และตำบลวังจั่น อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
24348 | ผลการเยือนสาธารณรัฐอินเดียอย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | กต | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการเยือนสาธารณรัฐอินเดียอย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๒ มีนาคม ๒๕๕๘ โดยเฉพาะเร่งรัดผลักดันประเด็นสำคัญต่าง ๆ ตามตารางติดตามผลการเยือนฯ ในประเด็นความร่วมมือทวิภาคีและความร่วมมือในเวทีระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีอินเดีย ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินเดียตอบรับคำเชิญเป็นประธานร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-อินเดีย ครั้งที่ ๗ ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ปลายเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ ๓. สองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเร่งรัดโครงการก่อสร้างถนนสามฝ่ายไทย-เมียนมา-อินเดีย ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และอินเดียสนใจลงทุนเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและเขตเศรษฐกิจพิเศษ ๖ เขต ๔. สองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเร่งรัดการเจรจาจัดทำเขตการค้าเสรีไทย-อินเดียให้บรรลุผลโดยเร็ว และอินเดียประสงค์จะขอรับการสนับสนุนจากไทยในการจัดงานแสดงสินค้า Make In India ในประเทศไทย ๕. สองฝ่ายตกลงที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว และตกลงที่จะให้มีการลงนามความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งมหาวิทยาลัยนาลันทา ๖. สองฝ่ายตกลงที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านการทหารและความมั่นคงให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น และเห็นพ้องให้มีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสารสำหรับสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน รวมทั้งการเดินทางเยือนอินเดียของปลัดกระทรวงกลาโหมเพื่อศึกษาดูงานอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของอินเดีย ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๘ มีนาคม ๒๕๕๘ ๗. อินเดียขอให้ไทยสนับสนุนข้อเสนอของอินเดียในการปฏิรูปองค์การสหประชาชาติ และการเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ รวมทั้งการสมัครตำแหน่งเลขาธิการองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก |
|||||||||||||||||||||||||||
24349 | รายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และ 2555 | กค | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๕ ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑.๑ งบรายได้และค่าใช้จ่าย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ รัฐบาลมีรายได้สุทธิรวมทั้งสิ้น จำนวน ๒,๐๙๕,๔๓๖.๗๐ ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น จำนวน ๒,๑๖๑,๖๗๓.๑๘ ล้านบาท โดยมีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย ๑.๒ งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ รัฐบาลมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น จำนวน ๕,๘๔๖,๗๒๘.๓๗ ล้านบาท มีหนี้สินและภาระผูกพันรวมทั้งสิ้น จำนวน ๓,๔๗๓,๕๘๘.๓๗ ล้านบาท และมีสินทรัพย์สุทธิหรือส่วนทุน จำนวน ๒,๓๗๓,๑๔๐ ล้านบาท ๒. รายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ๒.๑ งบรายได้และค่าใช้จ่าย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ รัฐบาลมีรายได้สุทธิรวมทั้งสิ้น จำนวน ๒,๑๘๔,๙๔๙.๑๔ ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น จำนวน ๒,๓๕๐,๘๗๑.๔๙ ล้านบาท โดยมีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย ๒.๒ งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ รัฐบาลมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น จำนวน ๖,๒๓๙,๐๒๒.๓๓ ล้านบาท มีหนี้สินและภาระผูกพันรวมทั้งสิ้น จำนวน ๓,๘๓๖,๐๙๓.๕๓ บาท และมีสินทรัพย์สุทธิหรือส่วนทุน จำนวน ๒,๔๐๒,๙๒๘.๘๐ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
24350 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนมกราคม 2558 | นร11 | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนมกราคม ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเดือนมกราคม ๒๕๕๘ ๑.๑ เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ เศรษฐกิจไทยโดยรวมฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๒ ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ ๖.๐ และดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๗ ในขณะที่ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนอยู่ในภาวะทรงตัว ๑.๒ เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม ๒๕๕๗ ฟื้นตัวอย่างช้า ๆ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวสูงร้อยละ ๑๖.๐ เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๗.๐ ในไตรมาสสุดท้ายของปี ๒๕๕๗ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ ๕ เดือน ร้อยละ ๑.๒ ตามการเพิ่มขึ้นของผลผลิตข้าว ยาง และประมง การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ ๗.๗ และการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ [ไม่รวม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)] เพิ่มขึ้นร้อยละ ๘๑.๓ ๑.๓ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อลดลงตามราคาพลังงาน อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ ดุลการค้าและดุลบริการเกินดุล ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๑.๔ สถานการณ์ด้านการคลัง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การจัดเก็บรายได้สุทธิเพิ่มสูงขึ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๘ การเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีเพิ่มขึ้นร้อยละ ๖.๓ และการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ [ไม่รวม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)] เพิ่มขึ้นร้อยละ ๘๑.๓ นอกจากนี้ สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นเดือนมกราคม ๒๕๕๘ ยังคงอยู่ในระดับที่มั่นคง ๑.๕ สถานการณ์ด้านการเงิน สินเชื่อธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ ๑.๗ ในขณะที่เงินฝากธนาคารพาณิชย์ (รวมตั๋วแลกเงิน) ขยายตัวร้อยละ ๕.๘ ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ ๓๒.๗๓ บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลักอื่น ๆ แล้ว เงินบาทแข็งค่าขึ้นร้อยละ ๐.๕ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ สิ้นเดือนมกราคมปิดที่ ๑,๕๘๑.๓ จุด ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ร้อยละ ๒.๐๐ ต่อปี ๒. สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในภาพรวมมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากไตรมาสสุดท้ายของปี ๒๕๕๗ โดยเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาชะลอตัวทั้งภาคการผลิตและการใช้จ่าย ส่วนเศรษฐกิจจีนและประเทศสำคัญ ๆ ในภูมิภาคเอเชียชะลอตัวตามการส่งออกและการลงทุน ในขณะที่เศรษฐกิจกลุ่มประเทศยูโรโซนและญี่ปุ่นยังอยู่ในภาวะอ่อนแอ การชะลอตัวของเศรษฐกิจท่ามกลางการลดลงของแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อและการอ่อนค่าของสกุลเงินสำคัญ ๆ ส่งผลให้ประเทศต่าง ๆ ผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างรีบเร่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและลดแรงกดดันจากภาวะเงินฝืด
|
|||||||||||||||||||||||||||
24351 | ผลการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ครั้งที่ 1/2558 | กต | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายการต่างประเทศ (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) เป็นประธานกรรมการ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ที่ประชุมฯ รับทราบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการและคณะทำงาน ได้แก่ (๑) คณะอนุกรรมการศูนย์อำนวยการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน มีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นประธานอนุกรรมการ (๒) คณะอนุกรรมการศูนย์อำนวยการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน มีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายสังคม เป็นประธานอนุกรรมการ (๓) คณะอนุกรรมการศูนย์อำนวยการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน มีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นประธานอนุกรรมการ และ (๔) คณะทำงานด้านการประชาสัมพันธ์ประชาคมอาเซียน มีอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นประธานคณะทำงาน ๒. ที่ประชุมฯ รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานตามพันธกรณีของแผนงานการจัดตั้งประชาคมอาเซียน และได้พิจารณาประเด็นเร่งด่วน ปัญหาและอุปสรรค พร้อมข้อเสนอแนะของหน่วยงานประสานงานหลักของเสาการเมืองและความมั่นคง เสาเศรษฐกิจ และเสาสังคมและวัฒนธรรม รวมทั้งแผนงานของประเทศไทยสำหรับประชาคมอาเซียน ระยะ ๕ ปี (ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๓) ของแต่ละเสา ๓. ที่ประชุมฯ มีมติให้จัดตั้งคณะทำงานด้านกฎหมาย เพื่อพิจารณาแก้ไข ปรับปรุง พัฒนา กฎหมาย กฎ ระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และเพื่อให้การดำเนินการในเรื่องนี้ของคณะกรรมการศูนย์อำนวยการเตรียมความพร้อมฯ มีประสิทธิภาพและมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เห็นควรเพิ่มเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นกรรมการในคณะกรรมการศูนย์อำนวยการเตรียมความพร้อมฯ ๔. ที่ประชุมฯ ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการในการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดย (๑) เห็นความจำเป็นที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะต้องประสานงานและดำเนินการในเชิงบูรณาการระหว่างกันอย่างใกล้ชิดสม่ำเสมอและต่อเนื่อง (๒) เพื่อให้ประเทศไทยได้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากประชาคมอาเซียน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องควรเน้นประเด็นที่ประเทศไทยมีจุดแข็ง/ความโดดเด่น เช่น การทหาร การแพทย์ ศิลปวัฒนธรรม และให้ส่วนราชการต่าง ๆ พิจารณาจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นที่เป็นจุดแข็งของประเทศไทย และจัดส่งให้คณะกรรมการศูนย์อำนวยการเตรียมความพร้อมฯ ใช้ประโยชน์ต่อไป (๓) ควรมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงประโยชน์ที่จะได้จากประชาคมอาเซียนในเชิงรูปธรรมอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญและโอกาสที่จะได้รับจากการเป็นประชาคมอาเซียน (๔) เห็นชอบกับข้อเสนอของภาคเอกชนที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขและปรับปรุงกฎหมายเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจของภาคเอกชนไทยภายหลังการเป็นประชาคมอาเซียน และ (๕) การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเป็นทั้งวิกฤตและโอกาสสำหรับประเทศไทย ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่ส่วนราชการต่าง ๆ จะต้องกำหนดแนวทางและมาตรการต่าง ๆ เพื่อรองรับผลกระทบที่มีต่อประชาชนคนไทย เช่น ปัญหาแรงงาน และการพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันของประเทศไทย ๕. เพื่อให้การดำเนินงานของคณะกรรมการศูนย์อำนวยการเตรียมความพร้อมฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เอกภาพ และสอดคล้องกัน คณะอนุกรรมการทั้งสามควรประสานงานกับคณะกรรมการศูนย์อำนวยการเตรียมความพร้อมฯ ฝ่ายเลขานุการอย่างใกล้ชิด
|
|||||||||||||||||||||||||||
24352 | ผลการเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ณ สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน | วท | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ครั้งที่ ๑ (NAM Ministerial Conference on Science, Technology and Innovation) ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ณ กรุงเตหะราน สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ครั้งที่ ๑ (NAM Ministerial Conference on Science, Technology and Innovation) ประเด็นหลักที่ประเทศกลุ่ม NAM ได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและประสบการณ์ของประเทศสมาชิก คือ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Science, Technology and Innovation for Sustainable Development) ซึ่งมุ่งเน้นความร่วมมือทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างประเทศกำลังพัฒนา โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้กล่าวสุนทรพจน์ในนามประเทศไทย แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยสนับสนุนการดำเนินงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และแจ้งที่ประชุมถึงนโยบายการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของรัฐบาล โดยเฉพาะการสนับสนุนความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมและภาควิชาการ รวมทั้งการส่งเสริมให้บุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจากภาครัฐและสถาบันอุดมศึกษาไปปฏิบัติงานร่วมกับภาคอุตสาหกรรม (Talent Mobility) ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากที่ประชุม ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้หารือระดับทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของอิหร่านเกี่ยวกับการพัฒนาระบบการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ (STEM Education) การพัฒนาความสัมพันธ์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในเรื่องที่ประเทศไทยและอิหร่านมีความสนใจร่วมกัน ได้แก่ ด้านเทคโนโลยีชีวภาพ และนาโนเทคโนโลยี รวมทั้งได้หารือระดับทวิภาคีเกี่ยวกับความร่วมมือทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทยกับรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะผู้แทนของประเทศต่าง ๆ ที่เข้าร่วมประชุม โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และมาเลเซีย รวมถึงประเทศเซอร์เบีย ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดจากทวีปยุโรป นอกจากนี้ ยังได้หารือเพื่อเตรียมการจัดประชุมระดับทวิภาคีอย่างเป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทยและเวียดนามด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
24353 | รายงานผลการเดินทางไปปฏิบัติราชการ ณ ราชอาณาจักรสเปนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา | กก | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเดินทางไปปฏิบัติราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระหว่างวันที่ ๒๘ มกราคม-๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ณ กรุงมาดริด ราชอาณาจักรสเปน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเข้าร่วมงาน Feria International de Turismo (FITUR) และเปิดตัวแคมเปญ “Discover Thainess” ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พร้อมทั้งนำเสนอโครงการ “๑๒ เมืองต้องห้าม...พลาด” และการท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการโดยนำเสนอนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวของไทย ความปลอดภัยและการประกันนักท่องเที่ยว ๒. การสัมมนาโต๊ะกลม จัดโดย Casa Asia และ Madrid Destino ได้บรรยายสรุปสถานการณ์การท่องเที่ยวไทย ภาพรวมเศรษฐกิจและศักยภาพของไทยในการเป็นประตูการค้า การลงทุน และศูนย์กลางการท่องเที่ยวในอาเซียน และนโยบายส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาล รวมทั้งได้เชิญชวนฝ่ายสเปนให้ลงทุนในไทยในสาขาต่าง ๆ เช่น พลังงานทดแทน อุตสาหกรรม แปรรูปอาหาร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและกิจการโรงแรมและสปา การบริหารจัดการคุณภาพน้ำและของเสียในแหล่งท่องเที่ยว เป็นต้น ๓. การหารือทวิภาคี มีประเด็นหารือเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับสเปน การพิจารณายกเว้นการตรวจลงตราเซ็งเก้นเพื่อกระตุ้นให้คนไทยไปเที่ยวสเปนมากขึ้น การเชิญชวนให้สเปนเข้ามาลงทุนด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง และการพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยว
|
|||||||||||||||||||||||||||
24354 | การลงนามร่างพิธีสารว่าด้วยกรอบกฎหมายเพื่อดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน (Protocol on the Legal Framework to lmplement the ASEAN Single Window) | กค | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างพิธีสารว่าด้วยกรอบกฎหมายเพื่อดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน (Protocol on the Legal Framework to Implement the ASEAN Single Window) มีสาระสำคัญเพื่อเป็นกรอบทางกฎหมายเพื่อการดำเนินการ การติดต่อสื่อสาร และการประมวลผลทางอิเล็กทรอนิกส์ของธุรกรรมระหว่างระบบ National Single Window ของประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งหลายภายในสภาพแวดล้อม ASEAN Single Window ๑.๒ เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ลงนามในร่างพิธีสารฯ ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) เพื่อการลงนามร่างพิธีสารฯ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับร่างพิธีสารฯ เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หรือไม่ และเพื่อให้ประเทศไทยสามารถดำเนินการตามพันธกรณีของร่างพิธีสารฯ ภายหลังการลงนามแล้ว กระทรวงการคลังควรเร่งประสานหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับระบบ National Single Window ของประเทศไทย เพื่อตรวจสอบกฎหมายที่ประกาศใช้ในปัจจุบันว่ามีความสอดคล้องรองรับพันธกรณีตามร่างพิธีสารฯ หรือต้องแก้ไขและออกกฎหมายใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน ๑๘๐ วันตามเงื่อนไข รวมทั้งพิจารณาเตรียมการหน่วยงานที่จะทำหน้าที่ศูนย์กลางการประสานงาน (Focal Point) และรูปแบบการควบคุมดูแล ASW (Governance of ASW) ที่เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังดำเนินการศึกษาเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกด้านศุลกากรด้วยระบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของสาธารณรัฐสิงคโปร์เพื่อนำมาพัฒนาและปรับใช้ในการดำเนินการของประเทศไทยให้มีมาตรฐานสากลต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
24355 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ) | คค | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งนายพีระพล ถาวรสุภเจริญ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย แทนนายจุฬา สุขมานพ ที่ลาออก ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
24356 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (จำนวน 3 คน 1. นายเอกสิทธิ์ วัฒนปรีชานนท์ ฯลฯ) | ทส | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลเป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ จำนวนรวม ๓ คน เนื่องจากกรรมการเดิมได้ลาออกจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๗ มีนาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายเอกสิทธิ์ วัฒนปรีชานนท์ (ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิชาการเกษตรทรงคุณวุฒิ สำนักพระราชวัง) เป็นกรรมการ ๒. นางสาวเยาวนุช วิยาภรณ์ (ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายรักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมายและระเบียบการคลัง กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง) เป็นกรรมการ (กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๓. นายจรูญ อิ่มเอิบสิน (ผู้ช่วยเลขาธิการพระราชวัง ฝ่ายกิจกรรมพิเศษ สำนักพระราชวัง) เป็นกรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24357 | การขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (นักบริหารระดับสูง) ครั้งที่ 2 (สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ) (ศาสตราจารย์สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ) | นร04 | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ ศาสตราจารย์สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ต่อไปอีกเป็นครั้งที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ (เกษียณอายุราชการวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘) ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
24358 | การแต่งตั้งประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง (จำนวน 14 คน 1. พลเอก พิรุณ แผ้วพลสง ฯลฯ) | มท | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการ กรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง (ชุดใหม่) ทั้งคณะ จำนวน ๑๔ คน แทนกรรมการชุดเดิมที่พ้นวาระ โดยบุคคลในลำดับที่ ๕, ๙, ๑๐, ๑๑ และ ๑๔ เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจตามประกาศกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. พลเอก พิรุณ แผ้วพลสง ประธานกรรมการ ๒. พลอากาศเอก อานนท์ จารยะพันธุ์ กรรมการอื่น ๓. พลเอก ธีรชัย นาควานิช กรรมการอื่น ๔. นางดัยนา บุนนาค กรรมการอื่น ๕. นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย กรรมการอื่น ๖. นายรณชิต รัตนารามิก กรรมการอื่น ๗. ศาสตราจารย์บุญเสริม กิจศิริกุล กรรมการอื่น ๘. ผู้ช่วยศาสตราจารย์สนั่น วิสุทธิศักดิ์ชัย กรรมการอื่น ๙. พลตำรวจโท ไถง ปราศจากศัตรู กรรมการอื่น ๑๐. นายวิทยา ฉายสุวรรณ กรรมการอื่น ๑๑. นายกฤษฎา บุญราช กรรมการอื่น ๑๒. รองศาสตราจารย์พีระวุฒิ สุวรรณจันทร์ กรรมการอื่น ๑๓. ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิษณุ สถิตศาสตร์ กรรมการอื่น ๑๔. นายสมชัย สัจจพงษ์ กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||
24359 | ภารกิจของนายกรัฐมนตรีระหว่างการเข้าร่วมประชุมสหประชาชาติระดับโลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ครั้งที่ 3 วันที่ 13 - 14 มีนาคม 2558 | กต | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภารกิจของนายกรัฐมนตรีระหว่างการเข้าร่วมประชุมสหประชาชาติระดับโลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ครั้งที่ ๓ (The Third United Nations World Conference on Disaster Risk Reduction : 3 WCDRR) วันที่ ๑๓-๑๔ มีนาคม ๒๕๕๘ ณ เมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุม 3 WCDRR ยืนยันเจตนารมณ์ของไทยในการร่วมมือกับประชาคมโลกเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ย้ำความสำคัญของการป้องกันและการเตรียมความพร้อม และพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความสำเร็จของไทยในการจัดการภัยพิบัติโดยเฉพาะการเสริมสร้างความต้านทานภัยพิบัติระดับชุมชน โดยยึดตามแนวทางหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ทั้งนี้ ที่ประชุม 3 WCDRR จะรับรองเอกสารผลลัพธ์ของที่ประชุม ได้แก่ (๑) กรอบการดำเนินงานด้านการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติภายหลังปี ค.ศ. ๒๐๑๕ สำหรับ ๑๕ ปีข้างหน้าต่อจากกรอบความร่วมมือเฮียวโกะ (Hyogo Framework for Action : HFA) ที่จะสิ้นสุดลงในปีนี้ และ (๒) ปฏิญญาทางการเมืองเพื่อยืนยันเจตนารมณ์ทางการเมืองของผู้นำในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ และผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านภัยพิบัติ ๒. นายกรัฐมนตรีได้หารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น โดยมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือด้านระบบรถไฟ รถไฟระบบเมือง โครงการทวาย โรงไฟฟ้าพลังถ่านหินที่มีคุณภาพ ด้านการจัดการภัยพิบัติ ด้านความมั่นคง รวมถึงการเปิดตลาดสินค้าเกษตรให้ไทยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเนื้อสุกรแปรรูป ข้าว ยางพารา ผลไม้ ภายใต้กรอบ JTEPA การเร่งรัดกระบวนการนำเข้าอาหารปลอดการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีจาก ๓ จังหวัดของญี่ปุ่น และการพัฒนาบุคลากรไทยในอุตสาหกรรมยานยนต์มากขึ้น รวมทั้งได้หารือทวิภาคีกับเลขาธิการสหประชาชาติ โดยนายกรัฐมนตรีได้แจ้งพัฒนาการทางการเมืองของไทยให้เลขาธิการสหประชาชาติทราบ โดยระบุว่าไทยกำลังดำเนินการตาม roadmap ที่ได้กำหนดไว้
|
|||||||||||||||||||||||||||
24360 | รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร07 | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๑๓ มีนาคม ๒๕๕๘ มีการเบิกจ่ายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้วทั้งสิ้น ๑,๕๓๙,๖๖๖ ล้านบาท (รวมเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจและเงินทุนหมุนเวียนที่ไม่ได้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ) เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ จำนวน ๑๐๙,๖๐๔ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังเสนอ
|
.....