ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1161 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 23201 - 23220 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23201 | แผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินเพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียนของการไฟฟ้านครหลวง | มท | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทย โดยการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ดำเนินการตามแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินเพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียนของ กฟน. ในพื้นที่ที่มีความเหมาะสม จำนวน ๓๙ เส้นทาง เป็นระยะทาง ๑๒๗.๓ กิโลเมตร กรอบวงเงินลงทุน ๔๘,๗๑๗.๒ ล้านบาท ตามความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยใช้เงินกู้เพื่อลงทุน จำนวน ๓๙,๑๐๐ ล้านบาท และเงินรายได้ของ กฟน. จำนวน ๙,๖๑๗.๒ ล้านบาท ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟน. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ และประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งความเห็นของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานและคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับแนวทางการระดมทุนและการให้ความสำคัญในการวางแผนทางการเงินและการบริหารการลงทุนของแผนงานฯ การแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อทำหน้าที่ในการวางแผน กำกับดูแล และติดตามผลการดำเนินการ รวมทั้งเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาและประเมินผลการดำเนินงาน การกำหนดแนวทางหรือมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม การบูรณาการเทคโนโลยีการบริหารจัดการด้านระบบจำหน่าย (Distribution Management System : DMS) เข้ากับโครงการนี้ การจัดลำดับความสำคัญและความพร้อมของเส้นทางที่จะดำเนินการ การบริหารจัดการงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินการอย่างรอบคอบ การตรวจสอบและติดตามงานก่อสร้างอย่างสม่ำเสมอ การประชาสัมพันธ์ถึงแผนการดำเนินงาน ตลอดจนประโยชน์โดยรวมที่ภาคเอกชนและประชาชนจะได้รับ การประสานขอความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงาน การบูรณาการในการใช้ทรัพยากรร่วมกัน (Resource Sharing) ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพเพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อภาระค่าไฟฟ้าที่จะเรียกเก็บจากประชาชนในอนาคต การศึกษาแนวโน้มความต้องการไฟฟ้าในแต่ละพื้นที่และประเมินระดับขีดความสามารถในการรองรับความต้องการไฟฟ้าทั้งในด้านเทคนิคและด้านกายภาพเพื่อประกอบการจัดลำดับความสำคัญของแต่ละพื้นที่ การกำกับดูแลและควบคุมต้นทุนการดำเนินแผนงานฯ การประสานงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณูปโภคทั้งของภาครัฐและเอกชนในการบูรณาการการดำเนินงานนำสายไฟฟ้าและสายสื่อสารลงใต้ดินเพื่อแก้ไขปัญหาความล่าช้าของแผนงานฯ การประชาสัมพันธ์พื้นที่ที่ได้ดำเนินการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายใต้ดินเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบถึงผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินแผนงานฯ การจัดโครงสร้างองค์กรเพื่อบริหารจัดการแผนงานฯ ให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน และการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (Initial Environment Examination : IEE) เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพลังงาน กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการแผนพัฒนาสาธารณูปโภคต่าง ๆ ในภาพรวม เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบประปา ระบบโทรศัพท์ เป็นต้น ในกรอบเวลา ๕ ปี แล้วจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่จะดำเนินการในแต่ละปี เพื่อให้การดำเนินการเป็นเอกภาพ ไม่เกิดความซ้ำซ้อน และสามารถพิจารณาจัดสรรงบประมาณได้อย่างเหมาะสมต่อไป |
||||||||||||||||||
23202 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การกำกับดูแลสื่อสิทธิเสรีภาพสื่อบนความรับผิดชอบ และการป้องกันการแทรกแซงสื่อ และร่างพระราชบัญญัติการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. ....) [มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) เป็นหน่วยงานหลัก] | สผ | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอเรื่อง การกำกับดูแลสื่อ สิทธิเสรีภาพสื่อบนความรับผิดชอบ และการป้องกันการแทรกแซงสื่อ และร่างพระราชบัญญัติการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. .... ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) เป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าวและสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. การปฏิรูปด้านเสรีภาพสื่อบนความรับผิดชอบ ๒. การปฏิรูปด้านการป้องกันการแทรกแซงและครอบงำสื่อ ๓. การปฏิรูปด้านการกำกับดูแลสื่อ
|
||||||||||||||||||
23203 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 3 พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ เป็นค่าก่อสร้างและควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ | ศย | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ปรับเปลี่ยนรายการค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค ๓ พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ งบประมาณทั้งสิ้น ๖๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ เปลี่ยนเป็น รายการค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค ๕ พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ งบประมาณทั้งสิ้น ๖๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ ๑.๒ ปรับเปลี่ยนรายการค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค ๓ พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ งบประมาณทั้งสิ้น ๑,๑๘๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ เปลี่ยนเป็น รายการค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค ๕ พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ งบประมาณทั้งสิ้น ๑,๑๘๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินการก่อสร้างและควบคุมงานก่อสร้างรายการดังกล่าว ให้สำนักงานศาลยุติธรรมดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและมาตรฐานทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประหยัด และประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
23204 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 เพิ่มเติมจากงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | ศป | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานศาลปกครองใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณจนถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๕๘ แล้ว จำนวน ๒๑,๑๐๒,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวให้แก่ตุลาการศาลปกครอง ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว โดยให้ทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||
23205 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท และแขวงจอมพล แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | มท | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท และแขวงจอมพล แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท และแขวงจอมพล แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เพื่อการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา และทางหลวงท้องถิ่น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23206 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ | ปช | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้างอาคารสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) ประจำจังหวัด พร้อมทั้งขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ค่าก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา งบประมาณทั้งสิ้น ๓๓,๗๕๕,๒๐๐ บาท งบประมาณปี ๒๕๕๘ จำนวน ๖,๗๕๑,๑๐๐ บาท และงบประมาณปี ๒๕๕๙ จำนวน ๒๗,๐๐๔,๑๐๐ บาท เปลี่ยนแปลงเป็น ค่าก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครปฐม งบประมาณทั้งสิ้น ๓๓,๗๕๕,๒๐๐ บาท พร้อมขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ ๑.๒ ค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา งบประมาณทั้งสิ้น ๖๑๕,๗๐๐ บาท งบประมาณปี ๒๕๕๘ จำนวน ๑๒๓,๒๐๐ บาท และงบประมาณปี ๒๕๕๙ จำนวน ๔๙๒,๕๐๐ บาท เปลี่ยนแปลงเป็น ค่าควบคุมงานก่อส้รางอาคารสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครปฐม งบประมาณทั้งสิ้น ๖๑๕,๗๐๐ บาท พร้อมขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ ๒. ให้สำนักงาน ป.ป.ช. ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป และรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการเสนอขอตั้งงบประมาณในปีต่อ ๆ ไป ควรให้มีการสำรวจ กำหนด รายละเอียด รวมถึงค่าใช้จ่ายให้เสร็จสิ้นก่อนการเสนอคำของบประมาณ รวมทั้งให้มีการเร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณให้ได้ตั้งแต่ปีงบประมาณ ถึงแม้จะเป็นหน่วยงานอิสระก็ตาม ทั้งนี้ การดำเนินการในทุกขั้นตอนการปฏิบัติ จะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
23207 | การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2548 และที่เกี่ยวข้อง | นร01 | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๘ และที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๗๒ ราย เป็นเงิน ๑,๔๗๗,๕๐๐ บาท โดยจำแนกเป็นกรณีของจังหวัดสงขลา จำนวน ๑ ราย เป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท และจังหวัดนราธิวาส จำนวน ๗๑ ราย เป็นเงิน ๑,๔๖๗,๕๐๐ บาท ๑.๒ การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๘ และที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๔ ราย โดย ๑.๒.๑ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นเงิน ๕๗,๕๐๐ บาท ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นร้อยละ ๒๕ ตามหลักเกณฑ์การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ๑.๒.๒ เห็นชอบการช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับในส่วนที่ให้ความช่วยเหลือเกินร้อยละ ๒๕ เป็นเงิน ๙๗,๕๐๐ บาท ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่าในระยะต่อไป ควรให้คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้พิจารณาการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้มีการบูรณาการในทุกมิติได้อย่างแท้จริง ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
23208 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การจัดการภัยพิบัติตามธรรมชาติภาวะโลกร้อน) (มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นหน่วยงานหลัก) | สผ | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอเรื่อง การจัดการภัยพิบัติตามธรรมชาติภาวะโลกร้อน ของสภาปฎิรูปแห่งชาติ ซึ่งมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดการภัยพิบัติตามธรรมชาติและภาวะโลกร้อน เช่น วาตภัยจากพายุหมุน อุทกภัยเนื่องจากความแห้งแล้งหรือภัยแล้ง ก๊าซเรือนกระจำในบรรยากาศ เป็นต้น เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิรูปและพัฒนาการบริหารจัดการภัยพิบัติตามธรรมชาติให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในด้านโครงสร้าง องค์กร และกลไกการจัดการภัยพิบัติของภาครัฐและเอกชน ด้านกระบวนการวางแผนและกลไกการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ด้านการสร้างองค์ความรู้และฐานข้อมูลเกี่ยวกับภัยพิบัติตามธรรมชาติรูปแบบต่าง ๆ และด้านการบริหารจัดการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของแต่ละภัยพิบัติที่มีความแตกต่างกัน ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงพลังงาน และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||
23209 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พ.ศ. .... | นร09 | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยเปลี่ยนชื่อส่วนราชการจากสำนักเป็นกอง และปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการดังกล่าว รวมทั้งเพิ่มเติมศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำร่างกฎกระทรวงดังกล่าวเสนอนายกรัฐมนตรีลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
||||||||||||||||||
23210 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การโอนคดีจากศาลชั้นต้นไปยังศาลแพ่ง การส่งคำคู่ความโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการส่งคำคู่ความไปยังต่างประเทศ) | สว | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การโอนคดีจากศาลชั้นต้นไปยังศาลแพ่ง การส่งคำคู่ความโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการส่งคำคู่ความไปยังต่างประเทศ) ที่เห็นควรออกข้อกำหนดของประธานศาลฎีกาให้คู่ความสามารถตกลงกันและแถลงต่อศาลขอให้ใช้วิธีส่งคำคู่ความหรือเอกสารโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ หรือทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษในประเทศได้ด้วย รวมทั้งการออกข้อกำหนดของประธานศาลฎีกาควรให้ครอบคลุมถึงการพิจารณาโอนคดีตามมาตรา ๖/๑ โดยกำหนดให้การพิจารณาโอนคดีไปยังศาลแพ่งควรคำนึงถึงภาระในการเดินทางไปศาลของคู่ความประกอบด้วย และถ้ามีคำสั่งให้โอนคดีไปยังศาลแพ่งแล้ว หากศาลแพ่งออกไปนั่งพิจารณาสืบพยานที่ศาลเดิมก็จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่คู่ความได้ดียิ่งขึ้น ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติที่แก้ไขเพิ่มเติมตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมรับไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||
23211 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย [เรื่อง การสร้างสังคมผู้ประกอบการ และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | สผ | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอเรื่อง การสร้างสังคมผู้ประกอบการ และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีประเด็นการปฏิรูป ๕ ประเด็น สรุปได้ ดังนี้
๑. การกำหนดยุทธศาสตร์ โดยกำหนดให้การสร้างสังคมผู้ประกอบการเป็นวาระแห่งชาติ ๒. การเรียนรู้ สร้างจิตวิญญาณประกอบการความรู้และทักษะประกอบการ ๓. กระบวนการและมาตรการส่งเสริม ๔. ด้านองค์กร/กลไก ประกอบด้วย ระดับนโยบาย ระดับการกำกับดูแลเพื่อส่งเสริม สนับสนุน และระดับหน่วยปฏิบัติ ๕. ดำเนินการเสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||
23212 | แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2559 | กค | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ซึ่งประกอบด้วย ๓ แผนย่อย วงเงินรวม ๑,๕๙๑,๖๖๔.๖๓ ล้านบาท ได้แก่ แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน ๕๖๓,๙๒๖.๘๘ ล้านบาท แผนการปรับโครงสร้างหนี้ วงเงิน ๙๐๔,๖๒๓.๒๑ ล้านบาท และแผนการบริหารความเสี่ยง วงเงิน ๑๒๓,๑๑๔.๕๔ ล้านบาท และรับทราบแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติภายใต้กรอบแผนฯ วงเงิน ๑๐๔,๘๒๓.๙๘ ล้านบาท และแผนการบริหารหนี้ของหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติภายใต้กรอบแผนฯ วงเงิน ๓๑,๖๘๑.๖๐ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุน และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินตราต่างประเทศสำหรับโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองของกรมทางหลวง จำนวน ๒ สายทาง ได้แก่ สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี ในวงเงิน ๒๑,๗๓๖ ล้านบาท และถ้าภาวะตลาดการเงินในประเทศเอื้ออำนวยและจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบการเงิน การคลัง และตลาดทุน ให้กระทรวงการคลังสามารถกู้เป็นเงินบาทแทนการกู้ต่างประเทศได้ตามนัยมาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๑.๔ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๕ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมาย เป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะรายงานผลการดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นสมควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินโครงการที่กำหนดไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ตั้งแต่ปีงบประมาณ เพื่อให้การเบิกจ่ายเงินกู้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ และหากมีการปรับเปลี่ยนแผนการบริหารหนี้สาธารณะระหว่างปี ให้พิจารณาโครงการที่มีความพร้อมสามารถดำเนินการได้จริง และนำผลการเบิกจ่ายเงินที่ผ่านมาประกอบการปรับแผนฯ เพื่อไม่ให้วงเงินกู้มีจำนวนมากเกินความจำเป็น รวมทั้งในการจัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปี ควรยึดตามกรอบแนวทางแผนเงินกู้ ๓ ปี ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อเป็นกรอบวางแผนการบริหารหนี้สาธารณะของประเทศ และเป็นแนวทางในการพิจารณาและจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่จะขอใช้เงินกู้ตามแผนในแต่ละปีงบประมาณอย่างเคร่งครัด และกำชับให้หน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องการก่อหนี้ใหม่หรือปรับโครงสร้างหนี้ พิจารณาการกำหนดกรอบวงเงินอย่างรอบคอบ เพื่อให้การดำเนินการโครงการและแผนงานภาครัฐ และการวางแผนบริหารหนี้สาธารณะของประเทศเป็นไปอย่างประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ในการเสนอปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ครั้งต่อไป มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการบริหารหนี้สาธารณะ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสังเกตให้มีการร่วมลงทุนจากภาคเอกชนเพื่อเป็นการลดภาระหนี้ของภาครัฐในระยะยาว เช่น โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี และโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี นครราชสีมา ของกรมทางหลวง เป็นต้น รวมทั้งพิจารณาทบทวนการจัดทำประมาณการหนี้สาธารณะและสัดส่วนหนี้สาธารณะคงค้างต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ในระยะ ๕ ปีข้างหน้า ให้สอดคล้องกับแนวทางดังกล่าวข้างต้น เพื่อให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบแนวโน้มของหนี้ในอนาคต |
||||||||||||||||||
23213 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2558 ครั้งที่ 3 | กค | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ ที่มีวงเงินปรับลดลง ๑๓๒,๓๖๕.๘๗ ล้านบาท จากเดิม ๑,๕๙๗,๕๖๖.๓๐ ล้านบาท เป็น ๑,๔๖๕,๒๐๐.๔๓ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุนและการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ปรับปรุงครั้งที่ ๓ ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ปรับปรุงครั้งที่ ๓ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๔ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมาย เป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะรายงานผลการดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ครั้งที่ ๓ มีการปรับลดวงเงินลงเป็นจำนวนมาก เนื่องจากส่วนหนึ่งเกิดจากความล่าช้าของการดำเนินงาน จึงควรมีการติดตามเร่งรัดให้หน่วยงานสามารถกู้เงินให้สอดคล้องเป็นไปตามแผนการดำเนินงานและระยะเวลาที่กำหนด ตลอดจนเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินกู้ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและส่งผลต่อการขยายตัวโดยรวมของระบบเศรษฐกิจ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
23214 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนการดำเนินงานตามภารกิจของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงยุติธรรมเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒,๕๗๖,๘๗๘,๕๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนการดำเนินงานตามภารกิจของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม จำนวน ๖ หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมบังคับคดี กรมราชทัณฑ์ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และให้กระทรวงยุติธรรมจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลาง และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยตรงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||
23215 | การประชุมระดับรัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียว่าด้วยเรื่องเศรษฐกิจภาคทะเล ครั้งที่ 1 (1st Indian Ocean Rim Association Ministerial Blue Economy Conference - BEC) | กต | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างปฏิญญามอริเชียสว่าด้วยเรื่องเศรษฐกิจภาคทะเล (Draft Mauritius Declaration on Blue Economy) มีสาระสำคัญระบุถึงเจตนารมณ์และแนวทางการดำเนินงานเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนใน ๔ สาขาหลัก ได้แก่ (๑) การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและการประมง (๒) พลังงานหมุนเวียนจากมหาสมุทร (๓) ท่าเรือ และการขนส่งสินค้าทางเรือ และ (๔) การสำรวจใต้ทะเลและแร่ใต้ทะเล โดยเฉพาะการจัดตั้งคณะทำงานหลักเพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือใน ๔ สาขาข้างต้น การพัฒนาขีดความสามารถของประเทศสมาชิกในการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเล การส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและเอกชน และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดี เพื่อเพิ่มพลวัตทางเศรษฐกิจและนำมาซึ่งการเติบโตที่ยั่งยืนในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย และหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างปฏิญญาดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียว่าด้วยเรื่องเศรษฐกิจภาคทะเล ครั้งที่ ๑ (1st Indian Ocean Rim Association Ministerial Blue Economy Conference : BEC) และร่วมให้การรับรองร่างปฏิญญามอริเชียสว่าด้วยเรื่องเศรษฐกิจภาคทะเล ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า กระทรวงการต่างประเทศควรหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแผนงานและกิจกรรมที่มีความสำคัญและเหมาะสมในการดำเนินการ เพื่อส่งเสริมบทบาทการพัฒนาการประมงอย่างยั่งยืนของไทย และการดำเนินงานในด้านอื่น ๆ ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดียอย่างเป็นรูปธรรมภายใต้ร่างปฏิญญามอริเชียสฯ ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์บทบาทและความตั้งใจของไทยในการร่วมกับเวทีโลกเพื่อพัฒนาการทำประมงและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการผลักดันการแก้ไขปัญหาการทำประมงของไทยในสายตาชาวโลก ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
23216 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ไทย - ฮังการี ครั้งที่ 2 | กต | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-ฮังการี ครั้งที่ ๒ เพื่อเป็นกรอบการหารือกับฝ่ายฮังการีในระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ ครั้งที่ ๒ โดยสาระสำคัญของร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมดังกล่าวระบุถึงแนวทางความร่วมมือด้านการค้าและเศรษฐกิจ และการลงทุน ตลอดจนสาขาความร่วมมือทางวิชาการที่ส่งเสริมเศรษฐกิจสัมพันธ์ระหว่างกัน ได้แก่ สิ่งแวดล้อมและการบริหารจัดการน้ำ อุตสาหกรรมเกษตร และอาหาร พลังงาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การศึกษาและวัฒนธรรม สาธารณสุขและอุตสาหกรรมสาธารณสุข และการท่องเที่ยว ๒. อนุมัติให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศร่วมลงนามในเอกสารผลลัพธ์การประชุมดังกล่าวร่วมกับ Minister of State for Economic Diplomacy กระทรวงการต่างประเทศและการค้าฮังการี ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมดังกล่าวในส่วนที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินความสัมพันธ์ แต่มิใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศและคณะผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ ครั้งที่ ๒ สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง |
||||||||||||||||||
23217 | มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อยและมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ | กค | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ในระดับหมู่บ้าน และอนุมัติงบประมาณในการดำเนินโครงการ เป็นวงเงินรวมไม่เกิน ๒,๔๗๘ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และปีต่อ ๆ ไป ตามประมาณการค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในแต่ละปี โดยให้ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณในรายละเอียดต่อไป ๑.๒ เห็นชอบมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล และอนุมัติงบประมาณในการดำเนินมาตรการ เป็นวงเงินรวมไม่เกิน ๓๖,๒๗๕ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และ/หรือ ๒๕๕๙ และมอบหมายให้ ๑.๒.๑ กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับผิดชอบมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล โดยให้กระทรวงมหาดไทยกำหนดระเบียบ หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขโครงการต่าง ๆ เสนอให้คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบภายในเวลา ๒ สัปดาห์ หลังจากวันที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการ ทั้งนี้ ให้เปิดเผยข้อมูลโครงการต่อประชาชนและรายงานการประเมินโครงการเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๙ ๑.๒.๒ ให้สำนักงบประมาณเป็นผู้จัดหางบประมาณ พร้อมทั้งติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณตามแผนงานการปฏิบัติงานและเบิกจ่ายงบประมาณ และเสนอรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบความคืบหน้าทุกเดือน ๑.๓ เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ และอนุมัติงบประมาณในการดำเนินมาตรการเป็นวงเงินรวมไม่เกิน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณ พร้อมทั้งจัดทำระบบการตรวจสอบ ติดตามและรายงานผลการเบิกจ่ายให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกเดือน รวมทั้งรายงานผลสำเร็จของโครงการต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๙ ๑.๔ ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางการเสนอเรื่องงบประมาณต่อคณะรัฐมนตรี) สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในข้อ ๑.๒ และข้อ ๑.๓ เนื่องจากมีความจำเป็นเร่งด่วนในการดำเนินมาตรการเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยเร็ว ทั้งนี้ การดำเนินมาตรการดังกล่าว สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้นำแนวทางปฏิบัติเพื่อเร่งรัดการจัดหาพัสดุก่อนพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ มีผลใช้บังคับ ตามหนังสือคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุที่ กค (กวพ) ๐๔๒๑.๓/ว๒๕๕ ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แจ้งรายชื่อผู้ทิ้งงาน) มาใช้ประกอบการจัดทำโครงการตามมาตรการดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มศักยภาพการหารายได้ของลูกหนี้ในระยะยาว เพื่อป้องกันปัญหาการขาดศักยภาพในการชำระหนี้ในอนาคต และป้องกันปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายหลังสิ้นสุดมาตรการ รวมทั้งควรมีความเข้มงวดในการพิจารณา ติดตาม และประเมินผลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด และไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับโครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณไปแล้ว ไปพิจารณาต่อไปด้วย ๓. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอขอแก้ไขข้อความในหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค ๑๐๐๙/๑๘๓๙๓ ลงวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๘ หน้า ๓ ข้อ ๓.๑.๒ (๒.๒) จากเดิม “ให้หมู่บ้านหรือชุมชนจัดทำโครงการตามข้อ (๒.๑) เสนอต่อคณะกรรมการตำบลรวบรวมและรับรองโครงการเสนอต่อนายอำเภอ เพื่อเสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการระดับจังหวัด...” เป็น “ให้คณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) หรือกรรมการชุมชนจัดทำโครงการ ตามข้อ (๒.๑) เสนอต่อคณะกรรมการระดับอำเภอรวบรวมเสนอต่อคณะกรรมการระดับจังหวัดเพื่อพิจารณาอนุมัติ...” ๔. ในส่วนของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่อยู่ในขั้นตอนของการเพิ่มทุน จำนวน ๑๘,๕๖๖ กองทุน นั้น ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาหารือร่วมกันว่า กฎ ระเบียบ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน มีกลไกในการคัดกรองและติดตามให้สามารถดำเนินการได้ตามวัตถุประสงค์ มีความคุ้มค่า และโปร่งใสหรือไม่ โดยหากยังไม่สามารถดำเนินการได้ตามกฎ ระเบียบ ที่มีอยู่ปัจจุบัน ก็ให้เสนอมาตรการทางกฎหมายเพื่อให้ดำเนินการได้ต่อไป ๕. ในส่วนของมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินโครงการที่เป็นการส่งเสริมกิจการของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และการดำเนินโครงการด้วยวิธีการจัดซื้อ จัดจ้าง เพื่อก่อให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ |
||||||||||||||||||
23218 | ร่างแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีเอเปคด้านการปฏิรูปโครงสร้าง ครั้งที่ 2 (APEC Structural Reform Ministerial Meeting) | นร11 | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีเอเปคด้านการปฏิรูปโครงสร้าง ครั้งที่ ๒ (APEC Structural Reform Ministerial Meeting) มีสาระสำคัญเป็นการชื่นชมการดำเนินงาน นโยบายความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปโครงสร้างในเอเปค และการตกลงเจตนารมณ์ของเขตเศรษฐกิจสมาชิกเอเปคในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในด้านการปฏิรูปโครงสร้าง รวมถึงเป็นการให้การรับรองกิจกรรมและการดำเนินงานสำคัญของความร่วมมือต่าง ๆ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนเจ้าหน้าที่ไทย และปฏิบัติหน้าที่ในการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเปคด้านการปฏิรูปโครงสร้าง (APEC Structural Reform Ministerial Meeting) ระหว่างวันที่ ๗-๘ กันยายน ๒๕๕๘ ณ เมืองเซบู สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ และร่วมรับรองเอกสารดังกล่าวโดยไม่มีการลงนาม ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำในร่างแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีฯ ดังกล่าวในกรณีที่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ หรือไม่ขัดกับผลประโยชน์ของไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้สามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) |
||||||||||||||||||
23219 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดประเภทสถานประกอบกิจการ โรงงาน และยานพาหนะที่อยู่ภายใต้บังคับของมาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการ โรงงาน และยานพาหนะ พ.ศ. ..... และ ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการ โรงงาน และยานพาหนะ พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ | พม | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดประเภทสถานประกอบกิจการ โรงงาน และยานพาหนะที่อยู่ภายใต้บังคับของมาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการ โรงงาน และยานพาหนะ พ.ศ. .... และร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการ โรงงาน และยานพาหนะ พ.ศ. .... จำนวน ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในสถานประกอบกิจการ โรงงาน และยานพาหนะ และประกาศกำหนดให้สถานประกอบกิจการ โรงงาน และยานพาหนะใด ๆ ต้องอยู่ภายใต้บังคับของมาตรการดังกล่าว ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรกำหนดให้โรงงานจำพวกที่ ๑ เป็นโรงงานที่อยู่ภายใต้บังคับของมาตรการดังกล่าวเช่นเดียวกันกับโรงงานจำพวกที่ ๒ และจำพวกที่ ๓ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ให้กับผู้ประกอบการในแนวปฏิบัติตามร่างประกาศทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
23220 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้งระยะเร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาลดำเนินการโดยกองทัพบก พ.ศ. 2558 | ทส | 01/09/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กองทัพบกดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้งระยะเร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาล พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๖๔ โครงการ ในลักษณะของงานดำเนินการเอง ๒. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๔๑๖,๘๘๒,๓๐๐ บาท เพื่อดำเนินการตามข้อ ๑ และให้กองทัพบกจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลางและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยตรงต่อไป ทั้งนี้ ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางการเสนอเรื่องงบประมาณต่อคณะรัฐมนตรี) |
.....