ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1167 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 23321 - 23340 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23321 | การเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการอาเซียนด้านประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (นายวงศ์เทพ อรรถไกวัลวที) | พม | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการเสนอชื่อนายวงศ์เทพ อรรถไกวัลวที เป็นผู้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการอาเซียนด้านประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (Deputy Secretary-General of ASEAN for ASEAN Socio-Cultural Community : DSG-ASCC) คนต่อไป โดยเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๘ และมีวาระการดำรงตำแหน่ง ๓ ปี (ระหว่างวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๑) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23322 | รายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจำไตรมาสที่ 3 (1 ตุลาคม 2557 - 30 มิถุนายน 2558) ตามมติคณะรักษาความสงบ แห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน - 2 กันยายน 2557) | กษ | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจำไตรมาสที่ ๓ (๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘) ตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มิถุนายน-๒ กันยายน ๒๕๕๗) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เรื่องที่เป็นหลักการ ดำเนินการใน ๔ เรื่อง (จากทั้งหมด ๖ เรื่อง) ได้แก่ ๑.๑ การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๘ ในภาพรวมไตรมาสที่ ๓ ๑.๒ โครงการที่มีวงเงินเกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท รวม ๔ โครงการ ได้แก่ โครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก โครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำช่วงแม่งัด-แม่กวง และโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา ๑.๓ การเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ๑.๔ การแต่งตั้งคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ๒. เรื่องที่เป็นประเด็น/โครงการสำคัญเร่งด่วน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีความเกี่ยวข้องใน ๓ ด้าน (จากทั้งหมด ๕ ด้าน) ได้แก่ ๒.๑ ด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ การแก้ไขปัญหาการผลิตทางการเกษตรในระยะยาวและการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) การแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรที่กำลังออกตามฤดูกาล การจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ และการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ๒.๒ ด้านสังคม ได้แก่ การจัดตั้งศูนย์บริการประชาชนด้านการเกษตร ๒.๓ ด้านกฎหมาย ได้แก่ การรวบรวม พิจารณาทบทวน แก้ไขกฎหมาย ระเบียบที่ล้าสมัย ๓. เรื่องอื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชน ได้แก่ การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยด้านการเกษตร ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๗
|
|||||||||||||||||||||||||||
23323 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย [โครงการส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์รูฟอย่างเสรี (ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยแสงอาทิตย์ สำหรับบ้านและอาคาร)] | พน | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
๑. การดำเนินงานของกระทรวงพลังงานตามข้อเสนอโครงการส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์รูฟเสรี (ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยแสงอาทิตย์สำหรับบ้านและอาคาร) โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ (ครั้งที่ ๔) เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ มีมติ (๑) เห็นชอบหลักการการดำเนินโครงการส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์รูฟอย่างเสรี โดยเน้นให้เป็นการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองในบ้านและอาคารเป็นหลัก (๒) มอบหมายให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานรับไปดำเนินโครงการส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์รูฟอย่างเสรี และ (๓) เห็นควรให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farm) ขนาดไม่เกิน ๑,๐๐๐ kWp สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง. ๔) ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อส่งเสริมให้มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์ได้อย่างเสรียิ่งขึ้น ๒. การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนเกี่ยวกับการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ตามโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) กระทรวงพลังงาน โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานได้ดำเนินโครงการประชาสัมพันธ์นโยบายส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับนโยบายส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ไปสู่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น รูปแบบการประชาสัมพันธ์โครงการ ประกอบด้วย การลงพื้นที่เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่กลุ่มเป้าหมายในชุมชนในพื้นที่ที่มีศักยภาพในการดำเนินโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ๑๒ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครปฐม ปราจีนบุรี นครราชสีมา ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา อุดรธานี ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี ลำปาง ลำพูน เพชรบูรณ์ และนครสวรรค์ รวมถึงการเผยแพร่ข้อมูลและการประชาสัมพันธ์โครงการในรูปแบบสื่อ สิ่งพิมพ์ บทความเชิงวิชาการ และการโฆษณาผ่านช่องทางต่าง ๆ มีระยะเวลาดำเนินโครงการ ๑๒ เดือน ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๗
|
|||||||||||||||||||||||||||
23324 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายชูชัย อุดมโภชน์) | กค | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายชูชัย อุดมโภชน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23325 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายจีรศักดิ์ กาญจนาพงศ์กุล) | สธ | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายจีรศักดิ์ กาญจนาพงศ์กุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลชลบุรี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23326 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงพาณิชย์) (ร้อยเอก สุวิพันธุ์ ดิษยมณฑล) | พณ | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง ร้อยเอก สุวิพันธุ์ ดิษยมณฑล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการพาณิชย์ (นักวิชาการพาณิชย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23327 | การแต่งตั้งสมาชิกฝ่ายไทยในศาลประจำอนุญาโตตุลาการ ณ กรุงเฮก เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายเฉลิมพล เอกอุรุ) | กต | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายเฉลิมพล เอกอุรุ เป็นสมาชิกฝ่ายไทยในศาลประจำอนุญาโตตุลาการ ณ กรุงเฮก เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง มีวาระดำรงตำแหน่ง ๖ ปี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23328 | รายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) | มท | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลงานสะสมที่ทำได้ร้อยละ ๑๒.๕๓% ล่าช้ากว่าแผน ๖๗.๗๒% โดยมีความก้าวหน้าในงานก่อสร้างชั้นใต้ดิน ได้แก่ งานขุดและขนดิน งานฐานรากอาคารหลัก งานพื้นที่ชั้น B2 งานติดตั้งเสาเหล็กชั้น B1 และ B2 และงานติดตั้ง Bracing Layer 2 ๑.๒ การส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง ส่งมอบแล้ว ๑๐๒-๓-๗๖ ไร่ (คิดเป็นร้อยละ ๘๓.๕) ครอบคลุมพื้นที่ก่อสร้างอาคารหลักทั้งหมด โดยส่งมอบครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เหลือพื้นที่ยังไม่ได้ส่งมอบ ๒๐-๐-๘๐ ไร่ ๑.๓ การขนย้ายดินออกจากพื้นที่ก่อสร้าง จากปริมาณดินทั้งหมด ๑,๐๓๒,๘๑๘ ลูกบาศก์เมตร ขนดินออกจากพื้นที่ได้แล้ว ๘๑๑,๓๘๔ ลูกบาศก์เมตร เหลือดินในพื้นที่ต้องขนออก ๒๒๑,๔๓๔ ลูกบาศก์เมตร ๑.๔ ปัญหา/อุปสรรค ได้แก่ ปัญหาการส่งมอบพื้นที่ที่เหลือยังส่งมอบไม่ได้ตามสัญญาก่อสร้าง และปัญหากรณีชาวบ้านรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ก่อสร้างอาคารรัฐสภาบริเวณก่อสร้างเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นอุปสรรคต่องานก่อสร้างเขื่อนริมแม่น้ำ ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมชี้แจงว่า การก่อสร้างสะพานเกียกกายเป็นการดำเนินการตามแผนแม่บทของกรุงเทพมหานครเดิมที่มีอยู่แล้ว แต่ต่อมาเมื่อมีโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ จึงได้ปรับลดระดับความสูงของสะพานเพื่อไม่ให้บดบังทัศนียภาพและภูมิทัศน์ของรัฐสภา และให้กระทรวงมหาดไทยสร้างการรับรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการก่อสร้างสะพานเกียกกายว่าเป็นการดำเนินการตามแผนที่มีอยู่แล้ว มิใช่การก่อสร้างตามโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภา
|
|||||||||||||||||||||||||||
23329 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน จำนวน 4 ฉบับ | กษ | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน จำนวน ๔ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตจังหวัดนครราชสีมาเป็นทางน้ำที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำฝั่งซ้าย เขื่อนระบายน้ำบ้านจอหอ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำฝั่งซ้าย เขื่อนระบายน้ำข่อยงาม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย ของเขื่อนระบายน้ำมะเกลือใหม่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของเขื่อนระบายน้ำมะเกลือใหม่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||||||||
23330 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. .... | วธ | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมหรือคุ้มครองการใช้ประโยชน์จากวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ซึ่งสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ รวมทั้งเป็นการออกกฎหมายเพื่ออนุวัติการตามอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้แก้ไขชื่อ จากเดิม “ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ พ.ศ. ....” เป็น “ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. ....” โดยได้มีการหารือระหว่างกระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ และได้แก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ตามคำสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
23331 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติออกจากแผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ 1 ปี (ตุลาคม 2557 - ตุลาคม 2558) ตามข้อสั่งการด้านกฎหมายของนายกรัฐมนตรี (ครั้งที่ 2) | นร09 | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติถอนร่างพระราชบัญญัติออกจากแผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ ๑ ปี (ตุลาคม ๒๕๕๗-ตุลาคม ๒๕๕๘) ตามข้อสั่งการด้านกฎหมายของนายกรัฐมนตรี รวม ๓ ฉบับ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติการจัดการน้ำเสีย พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชบัญญัติบริหารการขนส่ง พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การปรับปรุงคุณสมบัติของผู้ขอใบอนุญาตผลิตและดำเนินการหน่วยซ่อมอากาศยาน)
|
|||||||||||||||||||||||||||
23332 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง กลไกและการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | สผ | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ เรื่อง กลไกและการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมความเห็นและข้อเสนอแนะของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติเกี่ยวกับการเพิ่มบทบาทให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง สร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมอันเกิดจากความแตกต่างของการเข้าถึงทรัพยากร ลดความขัดแย้งระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ และยังเปิดโอกาสให้การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีความเหมาะสมกับบริบท สภาพสังคม วัฒนธรรม และสภาพแวดล้อมของพื้นที่นั้น ๆ ๒. มอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณรับข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติได้หรือไม่ประการใดก่อน โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการ แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
23333 | รายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ และรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ คณะต่างๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 - พ.ศ. 2557 | นร12 | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการและรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (ค.ต.ป.) คณะต่าง ๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยมีประเด็นการตรวจสอบ ได้แก่ การตรวจสอบราชการ การตรวจสอบภายใน การควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยง การปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ รายงานการเงิน การสอบทานกรณีพิเศษ และการสอบทานกรณีพิเศษแบบบูรณาการ สำหรับผลการประเมินตนเองของอนุกรรมการ/กรรมการ (รายคณะ) ของ อ.ค.ต.ป. กลุ่มจังหวัด อ.ค.ต.ป. กลุ่มกระทรวง และ ค.ต.ป. ประจำกระทรวง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ และ ๒๕๕๗ มีผลการปฏิบัติในภาพรวมเฉลี่ยทุกกลุ่มอยู่ในระดับดีเยี่ยม ส่วนผลการประเมินตนเองของอนุกรรมการ/กรรมการ (รายบุคคล) ของ ค.ต.ป. อ.ค.ต.ป. กลุ่มจังหวัด อ.ค.ต.ป. กลุ่มกระทรวง และ ค.ต.ป. ประจำกระทรวง มีผลการประเมินอยู่ในเกณฑ์ดำเนินการเป็นประจำทุกด้าน ๒. เห็นชอบข้อเสนอแนะที่สำคัญจากรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลราชการตามบันทึกความเห็นของ ค.ต.ป. และเห็นควรให้หน่วยงานที่พบปัญหาและผู้รับผิดชอบรายงานผลความก้าวหน้าในการดำเนินการทุก ๖ เดือน ต่อคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่าง ๆ ตามที่รับผิดชอบ |
|||||||||||||||||||||||||||
23334 | ขอทบทวนแหล่งเงินลงทุนสำหรับโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน | กค | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแหล่งเงินลงทุนสำหรับโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน ประกอบด้วย เงินยืมจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กองทุนฯ) ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ วงเงิน ๑๔,๓๐๐ ล้านบาท และเงินกู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ในกรอบวงเงินไม่เกิน ๖๕,๗๐๐ ล้านบาท และถ้าภาวะตลาดการเงินในประเทศเอื้ออำนวยและจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบการเงิน การคลัง และตลาดทุน ให้กระทรวงการคลังสามารถกู้เงินบาทแทนการกู้เงินตราต่างประเทศได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อรองรับการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯ สำหรับใช้ในการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. สำหรับแนวทางการชำระคืนเงินยืมกองทุนฯ ให้กระทรวงการคลังซึ่งเป็นผู้ยืมเงินจากกองทุนฯ เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อนำไปชำระคืนเงินยืมกองทุนฯ ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ กรณีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเงินกองทุนและสำนักงาน กสทช. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
23335 | รายงานผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส COMMIT ครั้งที่ 10 และการประชุมระดับรัฐมนตรี COMMIT ครั้งที่ 4 | พม | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส COMMIT (Coordinated Mekong Ministerial Initiative against Trafficking) ครั้งที่ ๑๐ ระหว่างวันที่ ๒๘-๒๙ เมษายน ๒๕๕๘ และการประชุมระดับรัฐมนตรี COMMIT ครั้งที่ ๔ เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส COMMIT ครั้งที่ ๑๐ ที่ประชุมได้พิจารณาให้ความเห็นชอบเอกสาร ๒ ฉบับ คือ แผนปฏิบัติการอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ ระยะที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑) และปฏิญญาร่วมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐมนตรีประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป ๒. การประชุมระดับรัฐมนตรี COMMIT ครั้งที่ ๔ รัฐมนตรีของประเทศสมาชิกได้ลงนามร่วมกันในปฏิญญาร่วมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ ฉบับที่ ๓ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ระหว่างประเทศสมาชิกว่าจะร่วมกันต่อต้านสภาวะการเป็นทาสในทุกรูปแบบ อีกทั้งเพื่อแสดงให้เห็นว่ากระบวนการ COMMIT เป็นกลไกความร่วมมือที่สำคัญในระดับอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงในการยุติการละเมิดสิทธิและการแสวงหาประโยชน์จากผู้ที่เสี่ยงต่อการเข้าสู่ขบวนการค้ามนุษย์และกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ตลอดจนเพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของประเทศสมาชิกที่ต้องการเห็นความก้าวหน้าในโครงการสำคัญต่าง ๆ ภายใต้แผนปฏิบัติการอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระยะที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑)
|
|||||||||||||||||||||||||||
23336 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปรับโครงสร้างอำนาจส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น) | สผ | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง การปรับโครงสร้างอำนาจส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น) ตามที่สภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ และมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติตามรายงานเรื่อง การปรับโครงสร้างอำนาจส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร [สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน)] กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงาน ก.พ. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้สำนักงาน ก.พ.ร. จัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง โดยมีประเด็นการปฏิรูป ๙ ประเด็น ดังนี้
๑. กำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่ของราชการบริหารส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นให้ชัดเจน และการจัดความสัมพันธ์ระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ๒. ทบทวนและจำแนกบทบาทภารกิจภาครัฐ ๓. ออกแบบโครงสร้างองค์กรที่เหมาะสมกับภารกิจต่าง ๆ ของภาครัฐในลักษณะที่มีความคล่องตัวต่อการเปลี่ยนแปลงและยุบเลิกทั้งระบบงบประมาณ และการบริหารกำลังคน การจัดส่วนราชการประจำจังหวัดที่เป็นตัวแทนของกระทรวงที่แท้จริงในราชการบริหารส่วนภูมิภาค ๔. พัฒนากลไกหรือเครื่องมือในการสนับสนุนให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือระหว่างราชการบริหารส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ๕. เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับการบริหารราชการส่วนภูมิภาค ๖. เสริมสร้างความเข้มแข็งและเร่งรัดการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๗. การจัดสรรงบประมาณตามยุทธศาสตร์และเป้าหมายร่วมกัน ๘. ส่งเสริมให้มีรัฐบาลระบบเปิด (Open Government) ซึ่งเป็นรัฐบาลที่เปิดโอกาสให้ภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินภารกิจของรัฐเพื่อเป็นเครือข่ายหรือพันธมิตรในการทำงานร่วมกัน ๙. รัฐต้องปฏิรูประบบบริหารงานบุคคลภาครัฐให้มีมาตรฐานสามารถขจัดความเหลื่อมล้ำ มีเอกภาพในด้านค่าตอบแทนและมีความเป็นกลางทางการเมือง และสนับสนุนให้บุคลากรภาครัฐได้รับการพัฒนาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||
23337 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดให้เพิกถอนมติของคณะรัฐมนตรี (23 กรกฎาคม 2545) (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 5) คดีระหว่าง นายชัยพฤกษ์ สิทธิศักดิ์ ที่ 1 กับพวกรวม 11 คน ผู้ฟ้องคดี สำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 1 กับพวกรวม 5 คน ผู้ถูกฟ้อง เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของพระราชกฤษฎีกา | นร05 | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขแดงที่ ฟ. ๘/๒๕๕๘ ระหว่างนายชัยพฤกษ์ สิทธิศักดิ์ ที่ ๑ กับพวกรวม ๑๑ คน ผู้ฟ้องคดี สำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑ กับพวกรวม ๕ คน ผู้ถูกฟ้องคดี (คณะรัฐมนตรีผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕) ซึ่งศาลปกครองสุงสุดได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๔๕ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ เฉพาะในส่วนที่ให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ใช้ประโยชน์บนที่ดินราชพัสดุและที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน โดยมิได้มีการจ่ายค่าตอบแทน โดยให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ ดำเนินการให้กระทรวงการคลังกำหนดค่าตอบแทนและให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) จ่ายค่าตอบแทนเป็นรายได้แผ่นดิน ตามที่กระทรวงการคลังกำหนด ส่วนคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการกำหนดค่าตอบแทนและให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) จ่ายค่าตอบแทนเป็นรายได้แผ่นดินตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
23338 | ร่างพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กก | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการควบรวมกองทุนเพื่อกำหนดกรอบการชดเชยอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภายใต้พระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๑ รวมถึงเร่งการจัดทำแผนพัฒนาการดำเนินงานให้แล้วเสร็จในคราวเดียวกัน โดยให้ความสำคัญกับการกำหนดมาตรฐานการประกอบอาชีพธุรกิจการท่องเที่ยว และมาตรฐานเกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยว รวมทั้งพิจารณาเร่งรัดการพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวโดยเฉพาะเร่งพัฒนาศักยภาพด้านการบริหาร ทักษะการให้บริการ ทักษะด้านภาษาทั้งภาษาอังกฤษและภาษาของประเทศสมาชิกอาเซียน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. โดยที่ร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานการท่องเที่ยว พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เสนอมาในคราวเดียวกันยังมีหลักการที่ซ้ำซ้อนกันและมีความซ้ำซ้อนกับกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของหลายส่วนราชการ จึงมีมติให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับดังกล่าวให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้ได้ข้อสรุป ทั้งนี้ อาจพิจารณาดำเนินการปรับปรุงรวมกฎหมายทั้งสองฉบับดังกล่าวเป็นฉบับเดียวกัน ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
23339 | การนับเวลาราชการเป็นทวีคูณของข้าราชการซึ่งประจำปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเขตที่ได้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2557 | ปช | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการขออนุมัติหลักการให้ข้าราชการ ลูกจ้าง และเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่ปฏิบัติหน้าที่ในเขตที่ได้ประกาศใช้กฎอัยการศึก ตั้งแต่วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ ได้รับสิทธินับเวลาราชการเป็นทวีคูณ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับไปพิจารณาเกี่ยวกับแนวทางการให้ความช่วยเหลือกรณีข้าราชการพลเรือนปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่อันตรายว่าสมควรจะให้ได้รับสิทธิเช่นเดียวกับข้าราชการตำรวจ/ทหาร อย่างไร เนื่องจากมีข้าราชการหลายหน่วยงานร้องขอรับสิทธิการได้นับเวลาราชการเป็นทวีคูณ ซึ่งโดยปกติจะพิจารณาให้เฉพาะข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัยและกระทบต่อความมั่นคงเท่านั้น ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
23340 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการกีฬา) | กค | 11/08/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการกีฬา สำหรับผู้บริจาคหรือสนับสนุนการกีฬาให้แก่การกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกีฬาจังหวัดที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาจังหวัดที่จัดตั้งขึ้นโดยได้รับอนุญาตจากการกีฬาแห่งประเทศไทย กรมพลศึกษา กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติที่จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๒ หรือสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยที่ได้รับการรับรองโดยการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยขยายระยะเวลาตามมาตรการต่อไปอีก ๓ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ๑.๒ อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่ผู้บริจาคเพื่อการกีฬาบางกรณี และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการติดตามประเมินผลมาตรการทางภาษีต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันและรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบเพื่อจะได้มีการทบทวนมาตรการให้มีความเหมาะสมกับสภาวะทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และมิก่อให้เกิดการเสียโอกาสในการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
.....