ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1165 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 23281 - 23300 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23281 | รัฐบาลสาธารณรัฐไซปรัสเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายดีมีทรีออส เอ. ทีโอฟีลักตู (Mr. Demetrios A. Theophylactou)] | กต | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายดีมีทรีออส เอ. ทีโอฟีลักตู (Mr. Demetrios A. Theophylactou) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐไซปรัสประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี สืบแทน นางมาเรีย มิคาอิล (Mrs. Maria Michail) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||
23282 | รายงานสถานการณ์น้ำและการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 22 จังหวัด | กษ | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานสถานการณ์น้ำและการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ๒๒ จังหวัด โดยสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยบำรุงแดน และป่าสักชลสิทธิ์ ณ วันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๘ มีปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๔ อ่างฯ รวม ๗,๔๒๗ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๓๐ (ปริมาตรน้ำใช้การได้ ๗๓๑ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๔) ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ สัปดาห์ที่ผ่านมา (๒๗ กรกฎาคม-๒ สิงหาคม ๒๕๕๘) ๓๓๐.๔๗ ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำระบายสัปดาห์ที่ผ่านมา (๒๗ กรกฎาคม-๒ สิงหาคม ๒๕๕๘) ๑๓๓.๑๗ ล้านลูกบาศก์เมตร สำหรับการช่วยเหลือเกษตรกร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สั่งการผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ๒๒ จังหวัด ลงพื้นที่ในรูปแบบชุดปฏิบัติการช่วยเหลือและเยี่ยมเยียนเกษตรกรทุกตำบล รวมทั้งได้มีการเตรียมแหล่งกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๕๙ และการเตรียมการช่วยเหลือระยะต่อไป โดยเสนอขออนุมัติในหลักการขอใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๕๙ กรอบวงเงินรวม ๑,๓๔๐.๕๐ ล้านบาท เพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างการผลิตในพื้นที่เขตชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยา และพัฒนาแหล่งอาหารของชุมชน สร้างรายได้ และพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทางการเกษตรจากความแห้งแล้ง
|
||||||||||||||||||
23283 | รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร05 | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๘ มีการเบิกจ่ายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้วทั้งสิ้น ๒,๗๖๒,๕๒๕ ล้านบาท (รวมเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจและเงินทุนหมุนเวียนที่ไม่ได้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ) เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๒๐๐,๖๑๔ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางเสนอ
|
||||||||||||||||||
23284 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 18/08/2558 | |||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘) ให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำชี้แจงให้สาธารณชนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ พร้อมทั้งแนวทางเตรียมการเพื่อป้องกันสถานการณ์น้ำขาดแคลน โดยให้ขอความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วนทั้งชุมชนเมืองและภาคเกษตรกรรมในการประหยัดการใช้น้ำในช่วงเวลานี้และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในระยะต่อไป เพื่อให้สามารถเตรียมการรองรับได้อย่างเหมาะสม นั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับฤดูกาลผลิตที่กำลังจะมาถึง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง หากมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงปริมาณการปล่อยน้ำจากเขื่อนสำหรับการทำการเกษตรอย่างมีนัยสำคัญให้ดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีกำหนด และแจ้งให้เกษตรกรทราบล่วงหน้าแต่เนิ่น ๆ ด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการขุดลอกและกำจัดวัชพืชในคูคลองให้แล้วเสร็จ โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรแล้วเป็นอันดับแรก ๑.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยร่วมกันศึกษาการดำเนินการของกลุ่มเกษตรกรที่มีวิธีการช่วยเหลือตนเองในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงที่เกิดปัญหาภัยแล้ง เช่น การขุดสระเก็บกักน้ำ การสร้างถังเก็บกักน้ำ การปลูกข้าวแบบน้ำไหลผ่าน การปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อนำเทคนิคหรือวิธีการดังกล่าวไปเผยแพร่ให้เกษตรกรในพื้นที่อื่น ๆ นำไปใช้ต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินโครงการที่มีลักษณะเป็นการฝึกอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรในเรื่องต่าง ๆ ติดตามและประเมินผลว่า เกษตรกรผู้เข้ารับการอบรมได้นำความรู้ที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ อย่างไร เพื่อนำไปปรับปรุงการดำเนินโครงการในครั้งต่อไปให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับวิถีการทำการเกษตรของเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ด้วย
|
||||||||||||||||||
23285 | รายงานสภานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร07 | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ มีการเบิกจ่ายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้วทั้งสิ้น ๒,๕๖๑,๙๑๑ ล้านบาท (รวมเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจและเงินทุนหมุนเวียนที่ไม่ได้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ) เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๘๒,๖๗๙ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางเสนอ ๒. ให้หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่น และผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งรัดการดำเนินงานและตรวจรับงานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ ทั้งนี้ ขอให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๓. รายจ่ายลงทุนที่ส่วนราชการดำเนินการก่อหนี้ผูกพันไม่ทันภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ขอให้ดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เรื่อง แนวทางการดำเนินงานและปฏิทินโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อไป ๔. โครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะ ๓ เดือนแรกที่ไม่สามารถดำเนินการทำสัญญาได้ทันภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๕ หน่วยงาน ๕ รายการ เป็นเงิน ๑๒ ล้านบาท ให้ส่งคืนงบประมาณและเงินกู้เพื่อนำเงินไปใช้ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ต่อไป
|
||||||||||||||||||
23286 | สรุปผลการดำเนินงานโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 ในสหราชอาณาจักรในนามรัฐบาลไทย | วธ | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ในสหราชอาณาจักร ภายใต้ชื่องาน “เทศกาลไทยในสหราชอาณาจักร-ไทยแท้แท้” ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ จัดขึ้นในวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ โดยคณะศิลปินนาฏศิลป์และดุริยางคศิลป์ กรมศิลปากร ณ โรงละครรอยัล อัลเบิร์ท ฮอลล์ กรุงลอนดอน ตลอดการแสดงโขนผู้ชมได้ให้ความสนใจในเนื้อหาสาระของเรื่อง เครื่องแต่งกายโขน เครื่องประดับ และความอ่อนช้อยของการใช้มือจีบและการตั้งวงซึ่งมีความงดงามตระการตา รวมถึงการบรรเลงดนตรีที่มีความไพเราะ เสียงพากย์และลูกคู่ร้องบท รวมถึงแสง สี เสียง ฉากที่สร้างความงดงาม สร้างความประทับใจและความชื่นชมอย่างมาก โดยได้รับเสียงปรบมืออย่างกึกก้องตลอดการแสดงจากผู้ชม ๒. เทศกาลภาพยนตร์ไทย จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๕-๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๘ ณ สถาบันศิลปะภาพยนตร์และโทรทัศน์แห่งอังกฤษ (BAFTA) โดยจัดฉายภาพยนตร์ไทยคุณภาพที่ได้รับความนิยม รวม ๗ เรื่อง ณ โรงฉายภาพยนตร์ Princess Anne Theatre ของ BAFTA ประกอบด้วย คิดถึงวิทยา แผลเก่า เกมปลุกผี ต้มยำกุ้ง ๒ ปู่สมบูรณ์ ภวังค์รัก พระมหาชนก (แอนนิเมชั่น) สำหรับพิธีเปิดเทศกาลภาพยนตร์ไทยมีขึ้นในวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ เริ่มด้วยการกล่าวเปิดของเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน ตามด้วยการฉายภาพยนตร์เรื่องคิดถึงวิทยา และการให้สัมภาษณ์ของผู้กำกับภาพยนตร์และนักแสดงนำโดยสื่อมวลชนและผู้สนใจ นับว่าการฉายภาพยนตร์เรื่องคิดถึงวิทยาในวันเปิดเทศกาลครั้งนี้ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวไทยและชาวต่างชาติ
|
||||||||||||||||||
23287 | สรุปสถานการณ์และการปฏิบัติต่อเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2558 | นร | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปสถานการณ์และการปฏิบัติต่อเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรายงาน สรุปได้ว่า ตามที่ได้เกิดเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ หลังเกิดเหตุหน่วยงานด้านความมั่นคง โดยกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ ๑ ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบพื้นที่ที่เกิดเหตุ และอำนวยความสะดวกในการนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลในพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งนี้ จะมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป ๒. มอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ร่วมกับกระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการเฝ้าระวังสถานการณ์การปิดล้อมพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์มิให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก การติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ดังกล่าว รวมทั้งการคลี่คลายสถานการณ์ให้เร็วที่สุดเพื่อการสร้างความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยให้กับประชาชนและชาวต่างประเทศ ๓. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงทำความเข้าใจเพื่อให้ประชาชนและต่างประเทศได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และทันต่อสถานการณ์ รวมทั้งพิจารณาแนวทางในการใช้สถานการณ์ดังกล่าวเพื่อสร้างความสามัคคีและความเข้มแข็งให้กับประเทศและประชาชนต่อไป เช่น การรณรงค์ใช้ถ้อยคำที่จะสร้างภาพพจน์และความเชื่อมั่นที่ดีให้แก่ประเทศไทยผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เป็นต้น ๔. มอบหมายให้กรุงเทพมหานคร กระทรวงมหาดไทย จัดตั้งศูนย์อำนวยการเพื่อให้ความช่วยเหลือคนไทยที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ดังกล่าว และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดตั้งศูนย์อำนวยการเพื่อให้ความช่วยเหลือชาวต่างประเทศ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ดังกล่าว โดยดำเนินการให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว เหมาะสม ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ของทางราชการ รวมทั้งไม่เกิดความซ้ำซ้อนในการดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||
23288 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง ระบบการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | สผ | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง ระบบการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะดังกล่าวของสภาปฏิรูปแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้วสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติต่อไป โดยมีประเด็นการปฏิรูป ๔ ประเด็น สรุปได้ ดังนี้
๑. การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒. การปฏิรูประบบ โครงสร้างองค์กร และกฎหมายด้านการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๓. การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เครื่องมือและกลไกในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๔. การสร้างความเป็นหุ้นส่วนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
||||||||||||||||||
23289 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น พ.ศ. .... | พณ | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น พ.ศ. .... สรุปได้ว่า ปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์มีหน่วยงานทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค (สำนักงานพาณิชย์จังหวัด) ซึ่งครอบคลุมการดำเนินงานทุกจังหวัด อันเป็นกลไกการตรวจสอบและกำกับดูแลกิจการคลังสินค้า ไซโล หรือห้องเย็นทั่วประเทศ หากผู้มีคลังสินค้า ไซโล หรือห้องเย็นที่เก็บรักษาสินค้าของตนเองไปประกอบกิจการคลังสินค้า ไซโล หรือห้องเย็น โดยมิได้รับอนุญาต ย่อมมีความผิดตามร่างพระราชบัญญัติคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||
23290 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... | สว | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... ดังนี้ ๑.๑ เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... มีบทบัญญัติที่ครอบคลุมกระบวนการตั้งแต่การกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการจัดตั้ง การกำกับ ตลอดจนการบริหารทุนหมุนเวียน จึงควรตัดคำว่า "จัดตั้ง" เพื่อให้เหตุผลมีความครบถ้วน ครอบคลุม และสอดคล้องกับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งทุนหมุนเวียน ประกอบกับความโปร่งใสเป็นส่วนหนึ่งของหลักธรรมาภิบาล ดังนั้น จึงเห็นควรเสนอให้แก้ไขเหตุผลโดยตัดคำว่า "ความโปร่งใส" ๑.๒ การกำหนดคุณสมบัติของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิให้มีอายุไม่เกินหกสิบห้าปีบริบูรณ์ตามมาตรา ๘ (๒) แห่งร่างพระราชบัญญัตินี้ หากพิจารณาจากสภาพสังคมไทยในปัจจุบันจะพบว่ามีบุคลากรซึ่งเป็นผู้สูงอายุจำนวนมากที่มีศักยภาพและมีประสบการณ์เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ประโยชน์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน ทำให้งานมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ในอนาคตจึงควรมีการศึกษาทบทวนเกี่ยวกับการขยายอายุของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ โดยกำหนดให้มีอายุไม่เกินเจ็ดสิบปีบริบูรณ์เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงข้างต้น ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติที่แก้ไขเพิ่มเติมตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าวไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้หรือไม่ประการใดก่อน แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||
23291 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมศุลกากร พ.ศ. .... | กค | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมศุลกากร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขลักษณะ ชนิด และประเภทของเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมศุลกากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23292 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับ ความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. .... | รง | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้นายจ้างต้องมีระบบบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียงที่ได้มาตรฐาน อันจะทำให้ลูกจ้างมีความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียงยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23293 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองบัว เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองบัว เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองบัว ในท้องที่ตำบลโคกพระ อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำจากทางน้ำชลประทานอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23294 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูประบบงบประมาณ) | สผ | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง การปฏิรูประบบงบประมาณ) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องปฏิรูป ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการปฏิรูป รวมทั้งข้อเสนอขั้นตอนและกรอบระยะเวลาการปฏิรูป ตามที่สภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ และมอบหมายให้สำนักงบประมาณเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้สำนักงบประมาณจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
|
||||||||||||||||||
23295 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย - เวียดนาม ครั้งที่ 2 | พณ | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒๐-๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมดังกล่าวซึ่งมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการตั้งเป้าหมายการค้าที่ ๒๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี ๒๕๖๓ แผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนเวียดนาม-ไทย ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๓ ความร่วมมือด้านสินค้าเกษตร ความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงการขนส่ง ความร่วมมือด้านการธนาคาร ความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา ความร่วมมือด้านการลงทุน ความร่วมมือด้านแรงงาน ความร่วมมือด้านการส่งเสริมการค้า ความร่วมมือด้านพลังงาน ความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน และความร่วมมือในกรอบอนุภูมิภาคและภูมิภาค ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||
23296 | สรุปผลการประชุม ASEAN Plus Three Health Ministers' Special VDO Conference on the Threat of MERS - CoV in the Region | สธ | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุม ASEAN Plus Three Health Ministers’ Special VDO Conference on the Threat of MERS-CoV in the Region ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยมีสาระสำคัญของการประชุม สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเทศต่าง ๆ รวมทั้งไทยได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการจัดการประเมินความเสี่ยงของโรค การเตรียมความพร้อม การตอบสนอง และการสื่อสารสาธารณะที่มีประสิทธิภาพในโรคเมอร์ส สรุปได้ว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ควบคุมโรคได้สำเร็จ ได้แก่ ทุกประเทศมีความตื่นตัวและจัดระบบเพื่อควบคุมและป้องกันโรคเมอร์ส สามารถค้นหาผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว การคัดกรองและติดตามผู้สัมผัสอย่างใกล้ชิด มีระบบควบคุมและป้องกันโรคในโรงพยาบาล (Infection Prevention and Control system) ที่ดี การสื่อสารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และการระดมสรรพกำลังหลายด้าน และได้มีการเตรียมความพร้อมบุคลากร การพัฒนาทักษะและวิชาการไว้ล่วงหน้า ๒. ประเทศต่าง ๆ ขอบคุณไทย เวียดนาม และเกาหลีสำหรับการจัดประชุมระดับรัฐมนตรีผ่านระบบประชุมทางไกลเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการแลกเปลี่ยนข้อมูลกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางด้านภัยสุขภาพ รวมถึงแสดงความชื่นชมไทย เกาหลี มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ในกรณีโรคเมอร์ส ซึ่งแต่ละประเทศได้ให้คำมั่นในการเตรียมความพร้อมและตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน โดยการเพิ่มความเข้มแข็งในระบบการเฝ้าระวังโรคโดยเฉพาะการตรวจจับโรคได้อย่างรวดเร็ว (early warning system) และการติดตามผู้ป่วยให้ความสำคัญในการตรวจสอบ (detection) ป้องกัน (prevention) และตอบโต้ (response) สนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูล และพัฒนาแผนระยะยาวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในระบบสาธารณสุขอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ๓. ที่ประชุมได้เห็นชอบต่อแถลงการณ์ร่วมที่ผ่านความเห็นชอบจากการประชุมเตรียมการของเจ้าหน้าที่อาวุโส (Preparation for Senior Officials Meeting : Prep SOM) เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ โดยรัฐมนตรีมีมติรับรองแถลงการณ์ร่วมอย่างเป็นทางการ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ (๑) เพิ่มความเข้มแข็งของประเทศสมาชิกอาเซียนบวกสามในการเฝ้าระวังโรค และยกระดับกลไกการประเมินความเสี่ยงระดับภูมิภาคของโรคเมอร์ส (๒) การแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างรวดเร็วระหว่างประเทศสมาชิกเมื่อพบผู้ป่วยโรคเมอร์สรายใหม่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการประเมินความเสี่ยง (๓) การประสานความร่วมมือระหว่างชายแดนในภูมิภาคอาเซียนเพื่อการติดตามผู้เดินทาง และความร่วมมือในการสอบสวนโรคผ่านความร่วมมือพหุภาคี รวมทั้งเครือข่ายฝึกอบรมด้านระบาดวิทยาภาคสนามอาเซียนบวกสาม (๔) สนับสนุนให้ประเทศสมาชิกทุกประเทศพัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการที่สามารถวินิจฉัยโรคได้ รวมทั้งการมีมาตรการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ ตลอดจนการสื่อสารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และ (๕) สนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูลและถ่ายทอดบทเรียนร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกเพื่อสนับสนุนให้เกิดการทบทวนและสังเคราะห์การดำเนินงานที่เป็นแบบอย่างที่ดีในการจัดการโรคเมอร์สในภูมิภาค
|
||||||||||||||||||
23297 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำปิง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำปิง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำปิง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการใช้น้ำจากทางน้ำชลประทานอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23298 | รายงานการตรวจสอบสินค้านำเข้าและมาตรการต่อการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็น | พณ | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการตรวจสอบรายการสินค้านำเข้าและมาตรการต่อการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็น และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการต่อการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการด้านมาตรฐานสินค้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ๑.๒ มาตรการเข้มงวดการตรวจสอบสินค้านำเข้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ ๑.๓ มาตรการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาสินค้าภายในประเทศ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ๑.๔ สนับสนุนการใช้ไบโอดีเซลหรือพลังงานทดแทนที่ใช้วัตถุดิบภายในประเทศ รวมถึงการรณรงค์ให้ใช้พลังงานอย่างประหยัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงพลังงาน และกระทรวงพาณิชย์ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักในการเร่งรัดการดำเนินการให้มีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว พร้อมทั้งรวบรวมผลการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบภายใน ๖ เดือน ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า มาตรการเข้มงวดการตรวจสอบสินค้านำเข้า และมาตรการต่อการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็น ควรเพิ่มหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยามีบทบาททำหน้าที่โดยตรงตามกฎหมายในการควบคุมการนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพเข้ามาในราชอาณาจักร ได้แก่ ยา อาหาร เครื่องสำอาง วัตถุอันตราย วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และยาเสพติด นอกจากนี้ การนำมาตรการต่อการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นมาใช้ ควรคำนึงถึงความตกลงที่ไทยได้ผูกพันไว้ภายใต้กรอบเจรจาต่าง ๆ เพื่อไม่ให้คู่เจรจามองว่าเป็นมาตรการกีดกันทางการค้า รวมทั้งมีการติดตาม ประเมินผลมาตรการดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ทันต่อสภาวะการแข่งขันทางการค้าในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
23299 | ผลการประชุมหารือระดับรัฐมนตรีด้านการคมนาคมไทย - ลาว | คค | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีคมนาคมไทย-ลาว เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและขนส่งของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนลาว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ การขนส่งผู้โดยสารและสินค้าทางถนนระหว่างไทย-ลาว-เวียดนาม ทั้งสองฝ่ายรับทราบความพร้อมของเวียดนามในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมหารือสามฝ่ายเพื่อจัดทำความตกลงว่าด้วยการเดินรถโดยสารประจำทางไทย-ลาว-เวียดนาม ช่วงปลายเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ และฝ่ายไทยได้เสนอขอให้ฝ่ายลาวพิจารณาทบทวนการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารข้ามพรมแดน ณ จุดผ่านแดนเชียงของ-ห้วยทราย และบ่อเต็น-โมฮาน ที่ไทย ลาว และจีนได้เคยเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจฯ ร่วมกันเมื่อปี ๒๕๕๓ เพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว รวมทั้งเสนอให้ฝ่ายลาวสนับสนุนการเพิ่มเส้นทาง R12 ให้รวมอยู่ในพิธีสาร ๑ แนบท้ายความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS CBTA) ซึ่งฝ่ายลาวเห็นด้วยกับข้อเสนอของฝ่ายไทย แต่ยังไม่มีความพร้อม ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงเสนอให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ให้การสนับสนุนในการดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดโครงการเส้นทาง R12 (ท่าแขก-ยมมะราด-ลังคัง-น้ำพาว) เพื่อปรับปรุงเส้นทางให้ได้มาตรฐานทางหลวงอาเซียน ๑.๒ การเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟไทย-ลาว ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้ทบทวนการพิจารณากำหนดจุดที่เหมาะสมสำหรับก่อสร้างสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่เพื่อให้เกิดความรอบคอบและเกิดผลกระทบน้อยที่สุด ฝ่ายไทยยินดีพิจารณาข้อเสนอของฝ่ายลาวกรณีขอเปลี่ยนแปลงการใช้เงินกู้จากสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) กระทรวงการคลัง วงเงิน ๑,๖๕๐ ล้านบาท เพื่อใช้ในการซ่อมบำรุงถนนในนครหลวงเวียงจันทน์ และทำรั้วสำหรับเขตสงวนรอบสถานีขนส่งผู้โดยสารและสินค้าท่านาแล้ง และฝ่ายลาวเสนอให้มีการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟในเส้นทางอุบลราชธานี-ช่องเม็ก ซึ่งฝ่ายไทยจะดำเนินการของบประมาณปี ๒๕๕๙ เพื่อจ้างที่ปรึกษาสำรวจและศึกษาความเป็นไปได้ในเส้นทางดังกล่าว ๑.๓ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ฝ่ายไทยแจ้งความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ ๕ บึงกาฬ-ปากซัน และพร้อมที่จะดำเนินการตามขั้นตอนในการขอรับการสนับสนุนของฝ่ายลาวสำหรับการสำรวจและออกแบบสะพานมิตรภาพ แห่งที่ ๖ (อุบลราชธานี-แขวงสาละวัน) รวมทั้งยินดีพิจารณาให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมในการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงบริเวณบ้านเชียงแมนข้ามมายังตัวเมืองหลวงพระบาง นอกจากนี้ ฝ่ายไทยแจ้งเรื่องที่สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ยินดีให้ความช่วยเหลือสำหรับโครงการปรับปรุงท่าอากาศยานปากเซและสะหวันนะเขต ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งพิจารณาดำเนินการต่าง ๆ ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยคำนึงถึงผลประโยชน์โดยรวมและแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมเพื่อให้ความร่วมมือด้านการพัฒนาระบบคมนาคมไทย-ลาว เป็นไปอย่างเป็นรูปธรรม และให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งพิจารณาแนวทางการใช้ประโยชน์ในการพัฒนาเส้นทางรถไฟระหว่างสถานีหนองคาย-สถานีท่านาแล้ง โดยเฉพาะในกรณีที่มีการพัฒนาโครงการรถไฟลาว-จีน (บ่อเต็น-เวียงจันทน์) แล้ว เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการหารือแนวทางการใช้ประโยชน์เส้นทางรถไฟระหว่างสถานีหนองคาย-สถานีท่านาแล้ง ซึ่งจะช่วยให้การลงทุนดังกล่าวเกิดความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจโดยรวม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
23300 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2025 (ASEAN Economic Community 2025 Blueprint) | พณ | 18/08/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบต่อร่างแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ๒๐๒๕ (ASEAN Economic Community 2025 Blueprint) ซึ่งเป็นเอกสารที่กำหนดทิศทางการรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียนในระยะ ๑๐ ปีข้างหน้า (๒๐๑๖-๒๐๒๕) โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของมาตรการการรวมกลุ่มเศรษฐกิจในปัจจุบัน และแนวทางการรับมือต่อประเด็นความท้าทายใหม่ ๆ ที่อาเซียนอาจต้องเผชิญในอนาคต อันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ซึ่งครอบคลุมการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายใน ๕ ด้าน ได้แก่ (๑) เศรษฐกิจที่มีการรวมตัวและเชื่อมโยงในระดับสูง (๒) มีความสามารถในการแข่งขัน มีนวัตกรรม และมีพลวัต (๓) ส่งเสริมการเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจและการรวมตัวรายสาขา (๔) ความสามารถในการปรับตัว ครอบคลุมทุกภาคส่วน และมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และ (๕) การเป็นส่วนสำคัญของประชาคมโลก ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรใช้เวทีอาเซียนในการผลักดันให้อาเซียนกำหนดเป้าหมายและมาตรการเชิงยุทธศาสตร์ในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจในแต่ละเรื่องที่ชัดเจนมากขึ้น และควรมีการเตรียมการภายในประเทศเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในทิศทางการดำเนินงานของอาเซียน หลังปี ๒๕๕๘ รวมทั้งส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการดำเนินงานมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกรณีของร่างแผนงานฯ ที่เพิ่มบทบาทการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและการเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนประสานการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในประเทศอย่างใกล้ชิดในเรื่องเป้าหมายและประเด็นการพัฒนาความร่วมมือใหม่ ๆ และจัดทำแผนติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายภายหลังร่างแผนงานฯ ได้รับความเห็นชอบแล้ว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ ๔๗ ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ เข้าร่วมรับรอง (endorse) ร่างแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ๒๐๒๕ ๔. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแผนงานฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงพาณิชย์สามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับปรุงดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) |
.....