ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1165 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 23281 - 23300 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23281 | ร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีท่องเที่ยวยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี - เจ้าพระยา - แม่โขง | กก | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีท่องเที่ยวยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS Tourism Ministers’ Joint Media Statement) มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (ACMECS) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อไทยและประเทศสมาชิก ACMECS อื่น รวมทั้งให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงเพื่อรับรองการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน และมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในกลุ่มประเทศ ACMECS เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับการเดินทางภายในภูมิภาคและเพื่อให้อนุภูมิภาคเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวของโลก ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้ร่วมรับรองเอกสารฉบับดังกล่าว ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๔. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการเจรจาเพื่อจัดทำการตรวจลงตราเดียว (Single Visa) กับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวภายในอนุภูมิภาค ACMECS อันจะเป็นการกระจายรายได้ให้กับชุมชนและท้องถิ่น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
23282 | ขออนุมัติลงนามในถ้อยแถลงร่วมของการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วม อย่างไม่เป็นทางการไทย - เวียดนาม ครั้งที่ 3 (ขออนุมัติลงนามในร่างถ้อยแถลงร่วมและการเผยแพร่ร่างแถลงข่าวร่วมของการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย - เวียดนาม ครั้งที่ 3) | กต | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างถ้อยแถลงร่วมและแถลงข่าวร่วมของการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ ๓ รวมทั้งประเด็นความร่วมมือสำหรับการหารือกับฝ่ายเวียดนามใน ๔ สาขา ได้แก่ (๑) การเมืองและความมั่นคง (๒) เศรษฐกิจ (๓) สังคม วัฒนธรรมและการศึกษา และ (๔) ความร่วมมือในภูมิภาค ๑.๒ อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในร่างถ้อยแถลงร่วมดังกล่าวร่วมกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีสองประเทศรับรองผลการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการดังกล่าว ร่างถ้อยแถลงร่วมฯ และให้เผยแพร่ร่างแถลงข่าวร่วมฯ ๑.๓ หากในการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ ไทย-เวียดนามดังกล่าว มีความจำเป็น ต้องปรับปรุงถ้อยคำหรือสาระสำคัญของร่างถ้อยแถลงร่วมฯ และร่างแถลงข่าวร่วมฯ ซึ่งนอกเหนือจากที่ปรากฏในเอกสาร ตามที่คณะรัฐมนตรีได้เคยอนุมัติหรือเห็นชอบไปแล้ว และหากการปรับเปลี่ยนไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศปรับปรุงถ้อยคำของร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ ๓ ในข้อ ๕.๑๖ เกี่ยวกับสถานการณ์ในทะเลจีนใต้/ทะเลตะวันออก ให้มีความเป็นกลางและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงและความสัมพันธ์ของไทยกับต่างประเทศในอนาคต ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้หยิบยกประเด็นการผลักดันให้มีการร่างบทเพิ่มเติมของบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-ลาว-เวียดนาม ในการเริ่มใช้ความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร ณ จุดผ่านแดนมุกดาหาร-สะหวันนะเขต และจุดผ่านแดนสะหวัน-ลาวบาว เพื่อให้ครอบคลุมเส้นทางหมายเลข ๘ และ ๑๒ โดยเสนอให้เป็นผลการหารือร่วมกันระหว่างฝ่ายไทยและเวียดนาม เพื่อให้ฝ่ายลาวเห็นความสำคัญและผลประโยชน์จากการควบรวมทั้ง ๒ เส้นทางดังกล่าวเข้าไว้ในบันทึกความเข้าใจฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
23283 | ขออนุมัติร่างบันทึกการประชุม (Agreed Minutes) เอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (JC) ไทย - เมียนมาร์ ครั้งที่ 8 | กต | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกการประชุม (Agreed Minutes) เอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (JC) ไทย-เมียนมา ครั้งที่ ๘ มีสาระสำคัญเป็นการสรุปความร่วมมือทวิภาคีที่ผ่านมา และแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในการกระชับ ส่งเสริม และขยายผลความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ทั้งการเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม รวมทั้งความร่วมมือทางวิชาการ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกการประชุม ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์ดังกล่าวในส่วนที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินความสัมพันธ์ แต่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากการปรับปรุงดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
|
|||||||||||||||||||||||||||
23284 | การแก้ไขความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหภาพเมียนมาร์ว่าด้วยการข้ามแดนระหว่างสองประเทศ | กต | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหภาพเมียนมาว่าด้วยการข้ามแดนระหว่างสองประเทศ ซึ่งเป็นการจัดทำความตกลงฉบับใหม่เพื่อใช้บังคับแทนความตกลงเดิม มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตและการอำนวยความสะดวกในการข้ามแดนระหว่างสองประเทศ กำหนดระยะเวลาที่อนุญาตให้พำนักสำหรับการเดินทางข้ามแดนตามประเภทของบัตรข้ามแดน และกำหนดเจ้าหน้าที่ของสองฝ่ายที่ได้รับมอบอำนาจให้ออกบัตรผ่านแดนและบัตรผ่านแดนชั่วคราว รวมทั้งกำหนดเกี่ยวกับการข้ามแดนเพื่อการทำงานแบบไป-กลับ หรือตามฤดูกาล และการข้ามแดนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลงนามในความตกลงฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ ในส่วนที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินความสัมพันธ์ แต่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับปรุงดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) |
|||||||||||||||||||||||||||
23285 | ขออนุมัติจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ว่าด้วยยกเว้นการตรวจลงตราผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา | มท | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา และเห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา (Agreement between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Republic of the Union of Myanmar on Visa Exemption for Holders of Ordinary Passports) โดยสาระสำคัญร่างความตกลงฯ ได้มีการปรับแก้รายละเอียดบางส่วนของร่างความตกลงฉบับเดิม อาทิ การอนุญาตให้ผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของแต่ละฝ่ายที่เดินทางเข้าประเทศผ่านทางท่าอากาศยานนานาชาติได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราและพำนักในประเทศผู้รับได้เป็นเวลาไม่เกิน ๑๔ วัน รวมทั้งการปฏิเสธการเข้าเมือง การลดระยะเวลา และการบอกเลิกการอนุญาตพำนัก สามารถทำได้โดยจะแจ้งเหตุผลหรือไม่ก็ได้ เป็นต้น ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการพิจารณาประเด็นอ่อนไหวด้านความมั่นคงและการเคลื่อนย้ายแรงงานอย่างรอบคอบโดยมีการกำหนดมาตรการรองรับประเด็นอ่อนไหวดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลงนามในความตกลงฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญเพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับปรุงดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) |
|||||||||||||||||||||||||||
23286 | การให้ความช่วยเหลือประชาชนจากเงินเชิงป้องกันหรือยับยั้งภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2556 | มท | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง ดังนี้ ๑.๑ ยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบในการใช้จ่ายเงินทดรองราชการในเชิงป้องกันหรือยับยั้งภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ ข้อ ๑๘ เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมทุกมิติ สำหรับประชาชนทั่วประเทศ ทั้งในเขตและนอกเขตชลประทาน ตามนโยบายรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในกรณีที่มีวงเงินทดรองราชการในเชิงป้องกันหรือยับยั้งไม่พอ ให้จังหวัดสามารถขอขยายวงเงินทดรองราชการเพิ่มเติมต่อกระทรวงการคลังได้ ๑.๒ ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยวางหลักเกณฑ์ แนวทางปฏิบัติ และติดตามผลการปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ ๑.๓ ให้สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี ๒. ในการขอยกเว้นการปฏิบัติตามข้อ ๑๘ ของระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามนัยข้อ ๗ ของระเบียบฯ ที่กำหนดให้ส่วนราชการสามารถขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังเพื่อยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบฯ ได้ต่อไป ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้แก่ประชาชน และจัดทำมาตรการรองรับภัยแล้งในระยะต่อไปร่วมกัน รวมทั้งให้ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนทราบผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
23287 | การขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี 2558 | มท | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการให้ดำเนินโครงการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการดำเนินการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล จำนวน ๑,๑๗๓ บ่อ แยกเป็นพื้นที่ที่มีไฟฟ้า จำนวน ๙๒๘ บ่อ และไม่มีไฟฟ้า จำนวน ๒๔๕ บ่อ ๑.๒ เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สามารถพิจารณาเรื่องการเปลี่ยนแปลงจุดดำเนินการได้ ตามวัตถุประสงค์เดิม โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๑.๓ ภายหลังดำเนินการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลแล้ว ให้มีการจัดทำทะเบียนคุม และระบุพิกัดที่ตั้งให้ชัดเจน พร้อมทั้งส่งมอบให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ เพื่อประโยชน์ในการใช้ประโยชน์และบำรุงรักษาต่อไป ๒. สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จากโครงการฟื้นฟูบูรณะแหล่งน้ำเดิมเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งและอุทกภัย ภายใต้แผนงาน/โครงการบูรณะแหล่งน้ำเดิมเพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากภัยแล้งและอุทกภัย ของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่มีวงเงินเหลือจ่ายภายในกรอบวงเงิน ๓๗๔,๒๖๘,๗๖๙ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และราคามาตรฐานเดียวกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้เป็นพลังงานในการสูบน้ำในพื้นที่ขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลที่ไม่มีไฟฟ้า
|
|||||||||||||||||||||||||||
23288 | ขออนุมัติดำเนินการต่อโครงการ/รายการรายจ่ายลงทุน ปีงบประมาณ 2558 | สลธ.คสช. | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเสนอ ดังนี้
๑. โครงการ/รายการรายจ่ายลงทุนประจำปี ๒๕๕๘ ที่ดำเนินการผูกพันได้ทันภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ มีงบประมาณต่ำกว่า ๕๐ ล้านบาท จำนวน ๑,๖๒๐ รายการ วงเงิน ๑๕,๘๐๘.๙๒๑ ล้านบาท และโครงการ/รายการรายจ่ายลงทุนที่มีงบประมาณตั้งแต่ ๕๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๑๒ รายการ วงเงิน ๙๒๕.๗๑ ล้านบาท ให้ดำเนินการผูกพันงบประมาณให้ถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ ๒. โครงการ/รายการรายจ่ายลงทุนที่ดำเนินการผูกพันงบประมาณไม่ทันภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางการดำเนินงานและปฏิทินโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘)
|
|||||||||||||||||||||||||||
23289 | ร่าง Joint Statement of ASEAN Plus Three Health Ministers' Special VDO Conference on the Threat of MERS-CoV in the Region | สธ | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่าง Joint Statement of ASEAN Plus Three Health Ministers’ Special VDO Conference on the Threat of MERS-CoV in the Region มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตจำนงของประเทศสมาชิกอาเซียนบวกสามในการดำเนินความร่วมมือเพื่อรับมือกับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ ๒๐๑๒ และหากมีการแก้ไขถ้อยคำหรือประเด็นที่มิใช่สาระสำคัญ ให้อยู่ในดุลยพินิจของกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองแถลงการณ์ดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
23290 | การส่งเสริมการศึกษาดูงานต่างประเทศบริเวณชายแดนโดยพักค้างในประเทศไทย | กก | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในแนวทางการให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐได้มีการศึกษาดูงานในประเทศเพื่อนบ้านบริเวณพื้นที่ชายแดนโดยพักค้างในประเทศไทย ซึ่งอยู่ในแผนงานและได้มีการตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย/ยากจนบริเวณพื้นที่ชายแดนได้ดำเนินธุรกิจชุมชนและได้รับประโยชน์จากการเดินทางไปศึกษาดูงานดังกล่าว รวมทั้งผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวได้มีโอกาสทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ทั้งนี้ ให้ถือปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการอนุมัติให้เดินทางไปราชการ และการจัดการประชุมของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๒๔ มติคณะรัฐมนตรีและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
23291 | การขอขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จังหวัดชลบุรี จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. 2553 และประกาศกระทรวงฯ ในบริเวณพื้นที่จังหวัดชลบุรี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2555 รวม 4 ฉบับ ออกไปอีก 1 ปี | ทส | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวม ๔ ฉบับ ซึ่งจะหมดอายุการใช้บังคับในวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๘ และขอขยายเวลาการบังคับใช้ต่อไปอีกหนึ่งปี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๕๓ ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๕๓ ๑.๓ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหิน และอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ ๑.๔ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๕๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทั้งประเทศอย่างเป็นระบบ โดยจัดทำฐานข้อมูลเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และจัดทำแผนงานการยกร่างประกาศกระทรวงฯ ในแต่ละพื้นที่ให้แล้วเสร็จและทันการประกาศใช้บังคับได้อย่างต่อเนื่อง และเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง รวมถึงต้องประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามประกาศกระทรวงฯ ให้เกิดผลอย่างจริงจัง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
23292 | รัฐบาลสหราชอาณาจักรเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายไบรอัน จอห์น เดวิดสัน (Mr. Brian John Davidson)] | กต | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายไบรอัน จอห์น เดวิดสัน (Mr. Brian John Davidson) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายมาร์ก แอนดรูว์ เจฟฟรีย์ เคนต์ (Mr. Mark Andrew Geoffrey Kent) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23293 | รัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายเพเทอร์ พรือเกิล (Mr. Peter Prugel)] | กต | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายเพเทอร์ พรือเกิล (Mr. Peter Prugel) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายรอล์ฟ เพเทอร์ กอทท์ฟรีด ชุลเซอ (Mr. Rolf Peter Gottfried Schulze) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23294 | รัฐบาลสาธารณรัฐฝรั่งเศสเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายฌีล การาชง (Mr. Gilles Garachon)] | กต | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายฌีล การาชง (Mr. Gilles Garachon) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายตีแยรี วีโต (Mr. Thierry Viteau) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23295 | รัฐบาลราชอาณาจักรสวีเดนเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายสตัฟฟาน แฮร์สเตริม (Mr. Staffan Herrstrom)] | กต | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสตัฟฟาน แฮร์สเตริม (Mr. Staffan Herrstrom) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรสวีเดนประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายคลอส เฟรดริก มูลีน (Mr. Klas Fredrik Molin) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23296 | รัฐบาลสาธารณรัฐโปรตุเกสเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายฟรังซิชกู เด อิสซิช มูไรซ์ เอ คูญา วาซ ปัตตู (Mr. Francisco de Assis Morais e Cunha Vaz Patto)] | กต | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายฟรังซิชกู เด อัสซิช มูไรซ์ เอ คูญา วาซ ปัตตู (Mr. Francisco de Assis Morais e Cunha Vaz Patto) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐโปรตุเกสประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายลุยส์ มานูเอล บาเครา เดอ โซซา (Mr. Luis Manuel Barreira de Sousa) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23297 | การเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรโมร็อกโกประจำเมืองหัวหิน และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรโมร็อกโกประจำเมืองหัวหิน | กต | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรโมร็อกโกประจำเมืองหัวหิน โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร ๒. แต่งตั้งนายศุภฤกษ์ ศูรางกูร ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรโมร็อกโกประจำเมืองหัวหิน
|
|||||||||||||||||||||||||||
23298 | แนวทางการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยแล้ง | นร05 | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยแล้ง ประกอบด้วย (๑) การแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือในระยะเร่งด่วน ได้แก่ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการปล่อยน้ำจากเขื่อน การรณรงค์เพื่อช่วยกันประหยัดน้ำ และการบริจาคและจัดหาน้ำดื่ม และ (๒) การดำเนินโครงการตามแผนบริหารจัดการน้ำ ได้แก่ การกำหนดให้ภัยแล้งเป็นวาระแห่งชาติ การจัดทำแผนงานโครงการระยะที่ ๑-๓ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูก และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีต่อไป ดังนี้ ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยแล้ง ควรจัดให้มี (๑) มาตรการด้านการสร้างงานเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้ (๒) มาตรการด้านการฟื้นฟูและช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง และ (๓) มาตรการด้านการปรับโครงสร้างการผลิต การส่งเสริมอาชีพและการเตรียมการแก้ไขปัญหาผลกระทบด้านภัยธรรมชาติในระยะยาว ในการนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันรับผิดชอบในการดำเนินการกำหนดแนวทางและวิธีการตามมาตรการดังกล่าว โดยให้คำนึงถึงความเป็นธรรมของประชาชนแต่ละกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อน การสร้างความสามัคคีของประชาชนในพื้นที่ และการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
23299 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงพลังงาน) (นายประพนธ์ วงษ์ท่าเรือ) | พน | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายประพนธ์ วงษ์ท่าเรือ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
23300 | การแต่งตั้งกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ (นายพิทักษ์ ดิเรกสุนทร) | พม | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งนายพิทักษ์ ดิเรกสุนทร ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป
|
.....