ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1166 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 23301 - 23320 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23301 | การเข้าร่วมโครงการความร่วมมือด้านการรักษาความปลอดภัยการบิน Cooperative Aviation Security Programme, Asia/Pacific Region (CASP-AP) Phase lll ระหว่างประเทศไทยกับองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization - ICAO) | คค | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้กรมการบินพลเรือนดำเนินการเข้าร่วมโครงการความร่วมมือด้านการรักษาความปลอดภัยการบิน Cooperative Aviation Security Programme, Asia/Pacific Region (CASP-AP) Phase III ระหว่างประเทศไทยกับองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือด้านการรักษาความปลอดภัยการบินที่จัดขึ้นสำหรับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิกในการดำเนินการด้านการรักษาความปลอดภัยให้เป็นไปตามมาตรฐานระดับสากล รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างศักยภาพด้านการรักษาความปลอดภัยการบินของประเทศสมาชิกให้มีความทัดเทียมกัน และเป็นโครงการความร่วมมือต่อเนื่องจาก Phase I และ Phase II เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปตามมาตรฐานระดับสากลและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตลอดจนเป็นการส่งเสริมให้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในเรื่องของการรักษาความปลอดภัยด้านการบินในภูมิภาค ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงแนวทางการปฏิบัติดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมการบินพลเรือนสามารถดำเนินการได้ โดยประสานกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ๑.๒ อนุมัติให้อธิบดีกรมการบินพลเรือนเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยโดยการลงนามเข้าร่วมโครงการ CASP-AP Phase III เป็นการจัดทำความตกลงในนามกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐอื่นใดกับหน่วยงานของรัฐต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานนั้น ๆ ที่ไม่ก่อให้เกิดพันธกรณีทางกฎหมายภายใต้บังคับกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งถือเป็นการจัดทำความตกลงระหว่างหน่วยงาน ให้ผู้มีอำนาจลงนามของหน่วยงานนั้นหรือบุคคลซึ่งได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม โดยไม่ต้องขอรับหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ทั้งนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers)] ๒. ในส่วนของงบประมาณในการดำเนินการกรณีที่ประเทศสมาชิกจะต้องชำระค่าสมาชิกรายปี ปีละ ๒๕,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ จนถึงสิ้นสุดโครงการในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยค่าสมาชิกรายปีประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ประมาณ ๘๘๗,๕๐๐ บาท (๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๕.๕๐ บาท) นั้น ให้กรมการบินพลเรือนปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานจริง เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ประกาศใช้บังคับแล้ว สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๖๒ เห็นควรให้กรมการบินพลเรือนเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
23302 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 338 สายต่อทางของกรุงเทพมหานครควบคุม (แยกสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า) - บรรจบทางหลวงพิเศษหมายเลข 338 (บางบำหรุ) แยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 - ราชบุรี ที่บ้านหอมเกร็ด และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 สายกรุงเทพมหานคร - สะเดา (คลองพรวน) ที่บ้านโพธิ์เตี้ย ในท้องที่อำเภอสามพราน และอำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๓๘ สายต่อทางของกรุงเทพมหานครควบคุม (แยกสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า) บรรจบทางหลวงพิเศษหมายเลข ๓๓๘ (บางบำหรุ) แยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔-ราชบุรี ที่บ้านหอมเกร็ด และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔ สายกรุงเทพมหานคร-สะเดา (คลองพรวน) ที่บ้านโพธิ์เตี้ย ในท้องที่อำเภอสามพราน และอำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทนและเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
23303 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2551 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน่วยซ่อมอากาศยาน จำนวน 5 ฉบับ | คค | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวง จำนวน ๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงใบรับรองหน่วยซ่อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอรับ การออก การกำหนดอายุ และการขอต่ออายุใบรับรองหน่วยซ่อม ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงผู้ดำเนินการหน่วยซ่อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ดำเนินการหน่วยซ่อม ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงการผลิตชิ้นส่วนของอากาศยาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขออนุญาตผลิตชิ้นส่วนของอากาศยานเพื่อใช้ในการบำรุงรักษาอากาศยานหรือส่วนประกอบสำคัญของอากาศยาน ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงใบอนุญาตประกอบกิจการบำรุงรักษาเฉพาะอากาศยานต่างประเทศในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอ การออก การพักใช้และการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการบำรุงรักษาเฉพาะอากาศยานต่างประเทศในราชอาณาจักร ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงใบรับรองหน่วยซ่อมต่างประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอ การออก แบบ อายุ การพักใช้และการเพิกถอนใบรับรองหน่วยซ่อมต่างประเทศ ๒. มอบให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมการบินพลเรือนเตรียมความพร้อมในการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความเข้าใจในกิจกรรมด้านอุตสาหกรรมการบิน เพื่อให้การกำกับดูแลหน่วยงานซ่อมอากาศยาน การควบคุมการผลิตอากาศยานและชิ้นส่วนอากาศยานมีประสิทธิภาพเป็นไปตามมาตรฐานสากล ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
23304 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2558 | กษ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ตามที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงพลังงานหารือร่วมกับผู้เกี่ยวข้องพิจารณาปรับสัดส่วนการใช้ไบโอดีเซลผสมในน้ำมันดีเซล จากเดิม “ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๖ และไม่สูงกว่าร้อยละ ๗” เป็น “ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๖.๕ และไม่สูงกว่าร้อยละ ๗” ๑.๒ เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบสต็อกน้ำมันปาล์ม ประกอบด้วยผู้แทนกระทรวงกลาโหม ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนกรมศุลกากร ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ร่วมเป็นคณะทำงาน ๑.๓ เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำมันปาล์มให้มีอัตราน้ำมันสูงและน้ำมันมีคุณภาพดี โดยมีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานอนุกรรมการ และคณะอนุกรรมการประกอบด้วย ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ ผู้แทนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้แทนภาคเอกชน จำนวน ๓ ท่าน ร่วมเป็นคณะอนุกรรมการฯ ๑.๔ เห็นชอบการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบเก็บสต็อก ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้องค์การคลังสินค้าเพิ่มปริมาณการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) เก็บสต็อกของปี ๒๕๕๘ อีกจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ ตัน โดยมีเงื่อนไขให้องค์การคลังสินค้ารับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) จากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มเพื่อเก็บสต็อก เมื่อราคาผลปาล์ม (อัตราน้ำมันร้อยละ ๑๗) ที่เกษตรกรขายไม่ต่ำกว่าหรือมีแนวโน้มต่ำกว่ากิโลกรัมละ ๔.๒๐ บาท ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ในคราวประชุมเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ที่เห็นชอบในหลักการอนุมัติกรอบวงเงิน จำนวน ๒,๘๙๖.๔๕ ล้านบาท เพื่อให้องค์การคลังสินค้าดำเนินการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มเพิ่มเติมอีก จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ ตัน รวมเป็นจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ ตัน ทั้งนี้ ให้เพิ่มเงื่อนไขสำหรับการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มเติมอีก ๑๐๐,๐๐๐ ตัน โดยกำหนดให้มีการตรวจติดตามว่า เมื่อโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มได้จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้องค์การคลังสินค้าแล้ว โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดังกล่าวจะต้องรับซื้อผลปาล์มเพิ่มจากเกษตรกรเพื่อแปรรูปเป็นน้ำมันปาล์มดิบมาเติมสต็อกแทนที่น้ำมันปาล์มดิบที่ระบายจำหน่ายให้องค์การคลังสินค้าไปแล้ว ๓. ให้รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำกับและเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติไปปฏิบัติให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามมาตรการที่กำหนด และรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานให้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ เพื่อให้สามารถติดตามสถานการณ์ได้อย่างใกล้ชิด และปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
23305 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง รายงานการพิจารณาศึกษาแนวทางแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2558 - 2579 (PDP 2015) | พน | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง รายงานการพิจารณาศึกษาแนวทางแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๙ (PDP 2015) โดยข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการพลังงานฯ กระทรวงพลังงานพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นข้อเสนอแนะที่มีประโยชน์ และมีความสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานของกระทรวงพลังงานในการจัดทำแผน PDP 2015 ซึ่งกระทรวงพลังงานจะรับข้อเสนอแนะดังกล่าวมาเพื่อพิจารณาใช้ประโยชน์ในโอกาสต่อไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23306 | แจ้งเปลี่ยนแปลงรายชื่อกรรมการองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จำนวน 1 ราย (นายสวัสดิ์ สมัครพงศ์) | อื่นๆ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนแปลงรายชื่อกรรมการองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จำนวน ๑ ราย จาก “นางสาวศยามล ไกยูรวงศ์ ผู้แทนจากองค์การเอกชนด้านทรัพยากรธรรมชาติ โครงการส่งเสริมสร้างจิตสำนึกนิเวศวิทยา” เป็น “นายสวัสดิ์ สมัครพงศ์ ผู้แทนจากองค์การเอกชนด้านทรัพยากรธรรมชาติ สมาคมเพื่อนเกลอเทือกเขาหลวง” โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ตามที่องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23307 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ สภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวาระปฏิรูป (วันที่ 6 - 10 กรกฎาคม 2558) | สผ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ สภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวาระปฏิรูป (วันที่ ๖-๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23308 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ สภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวาระปฏิรูป (วันที่ 13 - 17 กรกฎาคม 2558) | สผ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ สภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวาระปฏิรูป (วันที่ ๑๓-๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23309 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ สภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวาระปฏิรูป (วันที่ 20 - 24 กรกฎาคม 2558) | สผ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ สภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวาระปฏิรูป (วันที่ ๒๐-๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23310 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ สภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวาระปฏิรูป (วันที่ 27 - 29 กรกฎาคม 2558) | สผ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ สภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวาระปฏิรูป (วันที่ ๒๗-๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23311 | รายงานการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | กษ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจ่ายเงินชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรที่ดินแปลงอพยพให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ สำนักงบประมาณได้อนุมัติให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งกระทรวงการคลังได้อนุมัติให้ขยายระยะเวลาเบิกจ่ายงบประมาณถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๕๘ โดย ส.ป.ก. ได้โอนเงินงบประมาณดังกล่าวไปตั้งจ่ายทางสำนักงานคลังจังหวัดลพบุรี เพื่อเป็นค่าชดเชยพิเศษฯ แล้ว เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๘ และได้แจ้งให้ ส.ป.ก. จังหวัดลพบุรี ทราบเพื่อดำเนินการจ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ราษฎรแล้ว ๒. กรณีเร่งรัดกระบวนการจ่ายค่าชดเชยสำหรับราษฎรส่วนที่เหลือ ๑,๓๓๐ ราย อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงของจังหวัดลพบุรีและสระบุรีเพื่อนำเสนอคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการจ่ายเงินค่าชดเชยพิเศษ ส่วนการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีที่มีผู้ร้องเรียนว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายทุจริตและมีการเลือกปฏิบัติ นั้น ไม่พบเจ้าหน้าที่ในสังกัดของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||
23312 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแผนงานเพื่อดำเนินการตามปฏิญญาร่วมอาเซียน - แคนาดา ด้านการค้า และการลงทุน ปี 2016 - 2020 (2016 - 2020 Work Plan to Implement the ASEAN-Canada Joint Declaration on Trade and Investment) | พณ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบต่อร่างแผนงานเพื่อดำเนินการตามปฏิญญาร่วมอาเซียน-แคนาดา ด้านการค้าและการลงทุน ปี ๒๐๑๖-๒๐๒๐ (2016-2020 Work Plan to Implement the ASEAN-Canada Joint Declaration on Trade and Investment) ซึ่งมีขอบเขตการดำเนินกิจกรรมที่สานต่อจากแผนงานปี ๒๐๑๒-๒๐๑๕ ประกอบด้วย ๓ กิจกรรมหลัก ได้แก่ (๑) การยกระดับการหารือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างอาเซียนกับแคนาดา (๒) การกระตุ้นการขยายการค้าและการลงทุนระหว่างอาเซียนกับแคนาดา และ (๓) การสนับสนุนกิจกรรมของภาคเอกชนเพื่อขยายการค้าและการลงทุน ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเพิ่มเติมความร่วมมือในการส่งเสริมพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนและแคนาดา เพื่อสร้างความหลากหลายและเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ SMEs และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้โอกาสจากการดำเนินกิจกรรมตามแผนงานดังกล่าวเพื่อให้เกิดการพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการและการสร้างเครือข่ายร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการอาเซียนและแคนาดา รวมทั้งมีการติดตามประเมินผลแผนการดำเนินงานที่ผ่านมาในปี ๒๐๑๒-๒๐๑๕ เพื่อพัฒนาและปรับปรุงแผนงานในปี ๒๐๑๖-๒๐๒๐ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-แคนาดา ครั้งที่ ๔ วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ เข้าร่วมรับรอง (endorse) ร่างแผนงานเพื่อดำเนินการตามปฏิญญาร่วมอาเซียน-แคนาดา ด้านการค้าและการลงทุนปี ๒๐๑๖-๒๐๒๐ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแผนงานฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์สามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับปรุงดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) |
|||||||||||||||||||||
23313 | การรับรองร่างเอกสารขอบเขตการทบทวนความตกลงด้านการค้าสินค้าอาเซียน - อินเดียและการรื้อฟื้นคณะกรรมการเจรจาการค้าอาเซียน - อินเดีย | พณ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบต่อร่างเอกสารขอบเขตการทบทวนความตกลงด้านการค้าสินค้าอาเซียน-อินเดีย มีสาระสำคัญครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ (๑) ประเด็นด้านการปฏิบัติตามพันธกรณี (๒) มาตรการอำนวยความสะดวกทางการค้า (๓) ความเป็นไปได้ในการเปิดเสรีสินค้าที่อยู่ในรายการอ่อนไหวและสินค้าที่ไม่นำมาลดภาษี (๔) การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการค้าและการลงทุน และ (๕) การสนับสนุนให้มีการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย ทั้งนี้ ร่างเอกสารดังกล่าวเป็นเพียงกรอบประเด็นที่อาเซียนและอินเดียจะต้องนำไปเจรจาหารือกันภายใต้คณะกรรมการเจรจาการค้าต่อไป ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารขอบเขตการทบทวนความตกลงด้านการค้าสินค้าอาเซียน-อินเดีย และการรื้อฟื้นคณะกรรมการเจรจาการค้าอาเซียน-อินเดีย กับรัฐมนตรีเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกอาเซียนและอินเดียในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-อินเดีย ครั้งที่ ๑๓ ในวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์สามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับปรุงดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการผลักดันการเปิดตลาดสินค้าอ่อนไหวและสินค้าที่ไม่นำมาลดภาษีที่ไทยมีศักยภาพในการแข่งขันเพิ่มเติม เช่น ข้าว รถยนต์ เป็นต้น รวมทั้งทบทวนและแก้ไขปัญหาเรื่องกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อขยายมูลค่าการค้าระหว่างกันภายใต้ความตกลง ตลอดจนประสานงานและหารือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องภายในประเทศอย่างใกล้ชิดในรายละเอียดประเด็นการเจรจาต่าง ๆ เพื่อทบทวนสถานการณ์ ปัญหาอุปสรรค และแนวทางแก้ไขปัญหาที่จะเอื้อต่อการใช้ประโยชน์จากความตกลงเสรีทางการค้าให้มากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
23314 | การรับรองร่างแผนงานอาเซียน - รัสเซียด้านการค้าและการลงทุนหลังปี 2015 | พณ | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแผนงานอาเซียน-รัสเซียด้านการค้าและการลงทุนหลังปี ๒๐๑๕ (Post 2015 ASEAN-Russia Trade and Investment Work Programme) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการจัดประชุมหารือระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-รัสเซีย ปีละ ๑ ครั้ง เพื่อกำหนดแนวนโยบายหลัก การจัดประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน-รัสเซีย อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง เพื่อกำกับและติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามร่างแผนงานฯ การประชุมหารือระดับรายสาขาเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของอาเซียนและรัสเซีย การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน และการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจ โดยให้มีการจัดประชุมสุดยอดภาคธุรกิจอาเซียน-รัสเซีย เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน และระหว่างภาคเอกชนของอาเซียนและรัสเซีย ๑.๒ มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแผนงานอาเซียน-รัสเซียฯ กับรัฐมนตรีเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกอาเซียนและรัสเซียในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-รัสเซีย ครั้งที่ ๔ ในวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการไปได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เสนอให้ตัดกิจกรรมข้อ ๙.๕.๖ ด้านคู่มือความปลอดภัยนักท่องเที่ยวออกก่อน เนื่องจากที่ประชุมคณะทำงานท่องเที่ยวอาเซียนยังไม่มีมติให้ความเห็นชอบ และเห็นว่ากระทรวงพาณิชย์ควรให้ความสำคัญกับการเจรจาเพื่อลดอุปสรรคด้านมาตรการที่มิใช่ภาษี และสนับสนุนการพัฒนามาตรฐานสินค้าส่งออกที่มีศักยภาพของไทย เช่น ยางพารา เป็นต้น เพื่อใช้ประโยชน์จากการขยายช่องทางกระจายสินค้าในตลาดใหม่ที่มีประชากรจำนวนมาก ตลอดจนประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนซึ่งได้มีการจัดตั้งสภาธุรกิจไทย-รัสเซีย ที่มีกลไกความร่วมมือเศรษฐกิจด้านการค้าการลงทุนระหว่างกันอยู่แล้ว ซึ่งจะเป็นช่องทางการสื่อสารและรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน และช่วยส่งเสริมความร่วมมือในสาขาที่ไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น ทั้งนี้ ควรมีการประเมินผลแผนงานความร่วมมือที่ผ่านมาเพื่อติดตามและผลักดันความร่วมมือที่เป็นประเด็นต่อเนื่องและนำไปพัฒนาแผนงานใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามความเหมาะสมต่อไป |
|||||||||||||||||||||
23315 | ผลการประชุมร่วมระหว่างรัฐมนตรีและภาคเอกชนกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง - ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ 8 (8th Mekong-Japan Industry and Government Dialogue) ณ กรุงเทพมหานคร และการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง - ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ 7 (7th Mekong-Japan Economic Ministers Meeting) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย | นร11 | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมร่วมระหว่างรัฐมนตรีและภาคเอกชนกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๘ (8th Mekong-Japan Industry and Government Dialogue) เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร มีวัตถุประสงค์เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นจากภาครัฐและภาคเอกชนประเทศลุ่มแม่น้ำโขงและญี่ปุ่น ต่อแนวทางความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและประเทศญี่ปุ่น และการจัดทำวิสัยทัศน์การพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (Mekong Industrial Development Vision) รวมทั้งการเตรียมการสำหรับการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๗ (7th Mekong-Japan Economic Ministers Meeting) ในวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ๒. รับทราบการแต่งตั้งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีประจำกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ในการประชุมระดับรัฐมนตรีของกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๗ (7th Mekong-Japan Economic Ministers Meeting) ๓. เห็นชอบต่อแถลงข่าวการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๗ (Joint Media Statement) เพื่อให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) ร่วมกับรัฐมนตรีของประเทศลุ่มแม่น้ำโขงให้การรับรองแถลงข่าวร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรม ครั้งที่ ๗ (Joint Media Statement) โดยไม่มีการลงนามในการประชุมระดับรัฐมนตรีของกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๗ ๔. เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสามารถปรับปรุงถ้อยคำในแถลงข่าวร่วมระดับรัฐมนตรีฯ ได้ในกรณีที่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไปแล้ว โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) |
|||||||||||||||||||||
23316 | ข้าราชการการเมืองลาออกจากตำแหน่ง และแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด) | นร04 | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23317 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี 2558 และแนวโน้มปี 2558 | นร11 | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี ๒๕๕๘ และแนวโน้มปี ๒๕๕๘ โดยภาพรวมภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี ๒๕๕๘ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่สองของปี ๒๕๕๘ ขยายตัวร้อยละ ๒.๘ ต่อเนื่องจากการขยายตัวร้อยละ ๓.๐ ในไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สองของปี ๒๕๕๘ ขยายตัวจากไตรมาสแรกร้อยละ ๐.๔ (QoQ_SA) รวมครึ่งแรกของปี ๒๕๕๘ เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๒.๙ ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๐.๒ ในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๕๗ และร้อยละ ๑.๖ ในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๕๗ สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๕๘ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๒.๗-๓.๒ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐขยายตัวต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก การขยายตัวจำนวนนักท่องเที่ยวในอัตราที่สูง การอ่อนค่าของเงินบาทซึ่งจะทำให้มูลค่าการส่งออกในรูปเงินบาทในครึ่งปีหลังปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งราคาน้ำมันและเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ช่วยเพิ่มอำนาจซื้อและเอื้ออำนวยต่อการดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นต้น รับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในช่วงที่เหลือของปี ๒๕๕๘ ควรให้ความสำคัญกับ (๑) การใช้จ่ายเงินงบประมาณและขับเคลื่อนการลงทุนภาครัฐ (๒) การดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร มาตรการบรรเทาผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง และมาตรการช่วยเหลือ SMEs (๓) การแก้ไขปัญหาการผลิตในภาคเกษตร โดยการดูแลต้นทุนวัตถุดิบทางการเกษตร การส่งเสริมการรวมกลุ่มและการรวมพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรรายย่อย และ (๔) การประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐและภาคเอกชนในการแสวงหาตลาดและเพิ่มปริมาณสินค้าส่งออกที่สำคัญ การดูแลค่าเงินบาท การดูแลราคาสินค้าในกลุ่มที่เป็นวัตถุดิบนำเข้าสำคัญ การลดความล่าช้าและข้อจำกัดในกระบวนการทำงานและระเบียบปฏิบัติของภาครัฐ และการแก้ปัญหาการค้าแรงงานข้ามชาติและการทำประมงที่ผิดกฎหมาย โดยให้ถือเรื่องเหล่านี้เป็นนโยบายเร่งด่วน และเร่งดำเนินการให้ได้ผลสัมฤทธิ์อย่างชัดเจนภายใน ๓ เดือน ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23318 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 9 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2557 - 30 มิถุนายน 2558) | นร | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๙ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗-๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ ซึ่งมีผลงานสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น โครงการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกคณะกรรมการหมู่บ้าน โครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนร้องทุกข์โดยศูนย์ดำรงธรรม ๒. การปฏิรูปประเทศ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ รับทราบแนวทางการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติที่ต้องเชื่อมโยงกับกรอบการปฏิรูปทั้ง ๑๑ ด้าน ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ และนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อจัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติและกรอบแนวทางการปฏิรูปประเทศไทยในระยะ ๒๐ ปี และให้แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ โดยมีเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) นำกรอบการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี ไปหารือกับสภาปฏิรูปแห่งชาติเพื่อให้แนวทางปฏิรูปดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ได้แก่ การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน การบริหารเศรษฐกิจ การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม สนับสนุนการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาของประเทศ การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน รวมทั้งการส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ
|
|||||||||||||||||||||
23319 | การเข้าเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งของประเทศไทยในธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย | กค | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการลงนามในร่างความตกลงในการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (Asian Infrastructure Investment Bank : AIIB) และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ ทั้งนี้ การลงนามดังกล่าวเป็นการแสดงเจตจำนงทางการเมืองในทางนโยบายของประเทศไทยที่จะเข้าเป็นภาคีความตกลงฯ โดยมิใช่ขั้นตอนการแสดงเจตนาให้มีผลผูกพัน ๒. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนข้อเสนอเกี่ยวกับวงเงินลงทุนในการจัดตั้ง AIIB ในส่วนของไทย ให้มีความเหมาะสมได้สัดส่วนระหว่างประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับกับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้น แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งก่อนดำเนินการเสนอขอความเห็นชอบต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติในการให้สัตยาบันความตกลงฯ ๓. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อให้มีกฎหมายว่าด้วยการให้อำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และเมื่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงินลงทุนในการจัดตั้ง AIIB ในส่วนของไทยแล้ว ให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพร้อมกับความตกลงฯ ที่ลงนามแล้วต่อไป |
|||||||||||||||||||||
23320 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินการสนับสนุนการจัดหาเครื่องจักรกลการเกษตรให้แก่กลุ่มสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรตามมาตรการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร | มท | 18/08/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติในหลักการการดำเนินการสนับสนุนการจัดหาเครื่องจักรกลการเกษตรให้แก่กลุ่มสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรตามมาตรการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร จำนวน ๒๑ จังหวัด งบประมาณ ๔๙๐,๖๐๑,๕๕๐ บาท โดยขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ๑.๒ กำหนดแนวทางในการบริหารจัดการเครื่องจักรกลการเกษตรของจังหวัด ดังนี้ ๑.๒.๑ ให้จังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการและดำเนินการสนับสนุนเครื่องจักรกลการเกษตรให้แก่กลุ่มสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรตามมาตรการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานกรรมการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เป็นกรรมการ มีปลัดจังหวัด เป็นกรรมการและเลขานุการ สหกรณ์จังหวัด เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ เพื่อทำหน้าที่ในการจัดหา ตรวจสอบความเหมาะสม และงบประมาณของเครื่องจักรกลทางการเกษตร ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยต้องไม่ซ้ำซ้อนกับแผนงาน/โครงการ/กิจกรรมของส่วนราชการอื่น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งติดตามการบริหารจัดการ การดูแลรักษาเครื่องจักรกลทางการเกษตร ๑.๒.๒ มอบหมายให้สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร ร่วมกับฝ่ายทหารในพื้นที่ ทำหน้าที่ในการบริหารจัดการ การจัดเก็บ การดูแลรักษา ซ่อมบำรุง ๑.๓ กระบวนการตรวจสอบความถูกต้องและติดตามการปฏิบัติงานให้ใช้กระบวนการตรวจราชการแบบบูรณาการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการตรวจราชการ พ.ศ. ๒๕๔๘ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจสอบไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับโครงการตามมาตรการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรอื่น รวมทั้งดำเนินการสนับสนุนการจัดหาเครื่องจักรกลการเกษตรให้แก่กลุ่มสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรให้เป็นไปอย่างทั่วถึงและโปร่งใส ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิตทุกขั้นตอนและเห็นผลเป็นรูปธรรม
|
.....