ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1164 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 23261 - 23280 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23261 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดราชบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดราชบุรี พ.ศ. 2555) | มท | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดราชบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดราชบุรี พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินประเภทชุมชน ที่ดินประเภทอุตสาหกรรมและคลังสินค้า ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม ที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม ที่ดินประเภทปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
23262 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมการอุทธรณ์ฎีกา) | สว | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมการอุทธรณ์ฎีกา) ดังนี้ ๑.๑ องค์คณะผู้พิพากษาที่พิจารณาคำร้องขออนุญาตฎีกาควรที่จะแสดงเหตุผลประกอบคำวินิจฉัยการพิจารณาคำร้องให้ชัดเจน ๑.๒ ควรจัดระบบการพิจารณาคดีโดยผู้พิพากษาศาลชั้นต้นไม่ควรทำหน้าที่ในการจดคำพยาน และกำหนดให้มีเจ้าพนักงานศาลทำหน้าที่บันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลจัดสรรงบประมาณอย่างต่อเนื่องสำหรับใช้ในการจัดหาเครื่องบันทึกภาพและเสียง ๑.๓ คดีพิเศษต่าง ๆ ที่มีกฎหมายกำหนดวิธีพิจารณาคดีไว้โดยเฉพาะและมีวิธีการอุทธรณ์ฎีกาที่แตกต่างจากร่างพระราชบัญญัตินี้ ควรแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ระบบอุทธรณ์ฎีกาเป็นไปในแนวทางเดียวกันและสอดคล้องกับหลักการตามร่างพระราชบัญญัตินี้ ๑.๔ การออกข้อกำหนดของประธานศาลฎีกาเกี่ยวกับปัญหาสำคัญที่จะรับไว้วินิจฉัยควรคำนึงถึงปัญหาเกี่ยวกับสิทธิแห่งสภาพบุคคลหรือสิทธิในครอบครัว ๑.๕ ให้มีการกำหนดหลักการและเหตุผลของการออกข้อกำหนดของประธานศาลฎีกา ดังนี้ “เพื่อให้สอดคล้องกับการผดุงไว้ซึ่งหลักนิติธรรมและการบริหารศาลยุติธรรมที่ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้ในทุกชั้นศาล ในการพิจารณาขององค์คณะผู้พิพากษาที่ประธานศาลฎีกาแต่งตั้งนั้นต้องแสดงความเห็นโดยละเอียดประกอบการทำคำวินิจฉัยที่ไม่อนุญาตตามมาตรา ๒๔๗ และมาตรา ๒๔๘ ให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด และให้เผยแพร่คำสั่งหรือคำวินิจฉัยของศาลฎีกานี้เสมือนหนึ่งเป็นคำพิพากษาศาลฎีกาที่เห็นชอบด้วยในคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด เช่นเดียวกับการเผยแพร่คำพิพากษาของศาลฎีกาเช่นในปัจจุบัน” ๒. ให้แจ้งข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ให้สำนักงานศาลยุติธรรมทราบต่อไป ๓. ให้สำนักงบประมาณรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ในประเด็นเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณสำหรับใช้ในการจัดหาเครื่องบันทึกภาพและเสียง ไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้หรือไม่ประการใดก่อน แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าว ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23263 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน จำนวน 10 ฉบับ | กษ | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน จำนวน ๑๐ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย คลองน้ำแดง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยไผ่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยทราย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำยม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองท่าแนะ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๖. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองสิ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๗. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำน่าน (ลำน้ำเดิม) เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๘. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำนครนายก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๙. ร่างกฎกระทรวงกำหนดใหทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำเขื่อนขุนด่านปราการชล เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๑๐. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||
23264 | รายงานผลการพิจารณาศึกษาระบบการบริหารงาน ระบบบริหารงบประมาณ ระบบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น และระบบการจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาระบบการบริหาร ระบบบริหารงบประมาณ ระบบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น และระบบการจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับระบบการบริหารงาน ระบบบริหารงบประมาณ ระบบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น และระบบการจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้หรือไม่ประการใดก่อน โดยให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการ แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23265 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลวัดป่า อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. .... | มท | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลวัดป่า อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลวัดป่า อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ บางส่วน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
23266 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ ตำบลนาคูณใหญ่ ตำบลนาหว้า ตำบลนางัว อำเภอนาหว้า และตำบลโพนสว่าง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... | กษ | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาคูณใหญ่ ตำบลนาหว้า ตำบลนางัว อำเภอนาหว้า และตำบลโพนสว่าง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาคูณใหญ่ ตำบลนาหว้า ตำบลนางัว อำเภอนาหว้า และตำบลโพนสว่าง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและอาคารประกอบ ตามโครงการประตูระบายน้ำบ้านหนองบัวพร้อมระบบส่งน้ำ จังหวัดนครพนม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
23267 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. .... | สธ | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. .... ที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ สรุปได้ว่า การจัดทำขั้นตอนวิธีดำเนินการตรวจสอบ รับรอง คณะกรรมการควบคุมความปลอดภัยทางชีวภาพของหน่วยงาน ให้มีองค์ประกอบและการดำเนินงานเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดโดยเคร่งครัด และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23268 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) (สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ) (นายประสาท พาศิริ) | กร | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายประสาท พาศิริ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23269 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นางสาวจินางค์กูร โรจนนันต์) | นร11 | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวจินางค์กูร โรจนนันต์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
23270 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างสายทางเลี่ยงเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ส่วนที่ 1 | คค | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างสายทางเลี่ยงเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ส่วนที่ ๑ ระหว่าง กม. ๐+๐๐๐.๐๐๐-กม.๙+๐๒๕.๐๐๐ ระยะทางยาวประมาณ ๙.๐๒๕ กิโลเมตร ในวงเงิน ๙๐๒,๒๗๑,๑๑๑ บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นว่า การกำหนดราคากลางใกล้เคียงกับวงเงินที่อนุมัติ รวมทั้งผลการดำเนินการต่ำกว่าราคากลางและวงเงินที่อนุมัติในอัตราที่น้อยมาก หากสามารถต่อรองราคากับผู้รับจ้างให้ปรับลดราคาลงอีก จะเกิดความคุ้มค่าในการดำเนินการ ทั้งนี้ การดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||
23271 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาค ทางหลวงหมายเลข 1 สาย ตาก - พะเยา ตอน 3 (เถิน - ลำปาง) (เป็นตอน ๆ) จังหวัดลำปาง | คค | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบกรณีกรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาค ทางหลวงหมายเลข ๑ สาย ตาก-พะเยา ตอน ๓ (เถิน-ลำปาง) (เป็นตอน ๆ) จังหวัดลำปาง ในวงเงินทั้งสิ้น ๑,๐๔๕,๙๗๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นว่าโครงการดังกล่าวมีผลการดำเนินการต่ำกว่าราคากลาง และต่ำกว่าวงเงินที่อนุมัติน้อยมาก จึงควรต่อรองราคาให้ลดลงอีกเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการดำเนินการ ทั้งนี้ การดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||
23272 | รายงานผลการจัดจ้างและขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี | สกช | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดจ้างและขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ ๖๐ พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตามที่สภากาชาดไทย ดังนี้
๑. สภากาชาดได้ดำเนินการจ้างโดยวิธีประกวดราคาแล้ว ในวงเงิน ๑,๔๓๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท และสำนักงบประมาณได้พิจารณาและเห็นชอบความเหมาะสมของราคาแล้ว โดยใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๑,๑๕๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท และเงินนอกงบประมาณสมทบ จำนวน ๒๘๗,๘๐๐,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๙๐,๔๐๐,๓๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๙๖๐,๗๙๙,๗๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ๒. เนื่องจากการก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ ๖๐ พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีระยะเวลาดำเนินการก่อสร้าง ๑,๒๘๐ วัน ซึ่งมีผลทำให้ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเกินกว่าที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้เดิมจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๖๒ สภากาชาดไทยจึงได้ขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณต่อนายกรัฐมนตรีด้วยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||
23273 | รายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 87 ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคมและการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว และฉบับที่ 98 ว่าด้วยสิทธิในการรวมตัวและการร่วมเจรจาต่อรอง และ การอนุวัติกฎหมายภายใน | สม | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ ๘๗ ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคมและการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว และฉบับที่ ๙๘ ว่าด้วยสิทธิในการรวมตัวและการร่วมเจรจาต่อรอง และการอนุวัติกฎหมายภายใน ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ควรมีนโยบายและแผนการที่ชัดเจนในการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ ๘๗ และฉบับที่ ๙๘ โดยไม่ต้องรอให้มีการแก้ไขกฎหมายภายใน ๑.๒ ควรร่วมกันบัญญัติกฎหมายหรือปรับปรุงกฎหมายเพื่อรองรับให้คนทำงานทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นแรงงานในระบบ แรงงานนอกระบบ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นต้น มีสิทธิและเสรีภาพในการรวมตัว การนัดหยุดงาน และการเจรจาต่อรอง ๑.๓ ควรร่วมกันจัดทำระบบการจัดเก็บข้อมูลของแรงงานข้ามชาติทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยในระบบทะเบียนราษฎร รวมทั้งควรมีระบบอำนวยความสะดวกให้แรงงานข้ามชาติเข้าเมืองผิดกฎหมายที่มีคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดเป็นแรงงานข้ามชาติเข้าเมืองถูกกฎหมาย ๑.๔ ควรร่วมกันบัญญัติกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ กำหนดเงื่อนไขในการใช้สิทธิในการรวมกลุ่มของแรงงานข้ามชาติตามหลักความจำเป็นและหลักการได้สัดส่วน ๑.๕ ควรเผยแพร่หรือส่งเสริม สนับสนุนให้องค์กรด้านแรงงานเผยแพร่และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอนุสัญญาทั้ง ๒ ฉบับอย่างต่อเนื่อง ทั้งต่อภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป ๑.๖ ควรปรับปรุงหรือแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่มีอยู่เพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาทั้ง ๒ ฉบับ และร่วมกันศึกษาและจัดทำกฎหมายที่มีลักษณะเป็นกฎหมายกลางของคนทำงานเกี่ยวกับสิทธิในการรวมตัว การนัดหยุดงาน และการร่วมเจรจาต่อรองที่สอดคล้องกับหลักการตามอนุสัญญาทั้ง ๒ ฉบับ ๑.๗ ควรทบทวนแก้ไขร่างพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. .... เพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาทั้ง ๒ ฉบับ อาทิ นิยามคำว่าลูกจ้าง หลักเกณฑ์การละเว้นการแทรกแซงจากเจ้าหน้าที่รัฐ สิทธิการรวมตัวเป็นสหพันธ์ สมาพันธ์ หลักเกณฑ์เกี่ยวกับสิทธินัดหยุดงาน และการเจรจาโดยสมัครใจ และการคุ้มครองผู้จัดตั้งสหภาพแรงงานและการรวมตัวต่อรอง ๒. ให้กระทรวงแรงงาน กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย สำนักงาน ก.พ. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ รับข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติดังกล่าวไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายฯ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้หรือไม่ประการใดก่อน โดยให้กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการ แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23274 | รายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและ การบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ. .... | สม | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ. .... ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ควรสนับสนุนรองรับระบบการเข้าเยี่ยมสถานที่ซึ่งทำให้บุคคลเสื่อมเสียอิสรภาพ ๑.๒ ควรพิจารณาบัญญัติคำนิยาม อำนาจหน้าที่ หลักเกณฑ์ รวมถึงกฎ ระเบียบ ข้อบังคับภายใต้ความรับผิดชอบเพื่อรองรับการทำหน้าที่ในการสอบสวนคดีทรมานและคดีบังคับบุคคลให้สูญหายของอัยการสูงสุด รวมทั้งควรจัดสรรทรัพยากรอย่างเหมาะสมและเพียงพอ ๑.๓ ควรแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหายเกี่ยวกับการลงโทษ ข้อห้ามไม่ให้หน่วยงานของรัฐส่งตัวบุคคลออกนอกราชอาณาจักร องค์ประกอบคณะกรรมการ การสืบสวนคดีทรมานและคดีบังคับบุคคลให้สูญหาย และสถานะทางกฎหมายของผู้บังคับให้สูญหาย รวมถึงพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ พระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. ๒๕๕๑ และพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. ๒๕๓๕ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายฯ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติดังกล่าวไปพิจารณาว่า สมควรจะดำเนินการตามข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้หรือไม่ประการใดก่อน โดยให้กระทรวงยุติธรรม (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ) เป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการ แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23275 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองกระทุ่ม ตำบลในเมือง ตำบลหนองจะบก และตำบลหมื่นไวย อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... | คค | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองกระทุ่ม ตำบลในเมือง ตำบลหนองจะบก และตำบลหมื่นไวย อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองกระทุ่ม ตำบลในเมือง ตำบลหนองจะบก และตำบลหมื่นไวย อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา เพื่อก่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท นม. ๑๑๒๐ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
23276 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ และแจ้งข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ดังกล่าวให้สำนักงานอัยการสูงสุดทราบต่อไป ดังนี้
๑. การออกข้อบังคับของอัยการสูงสุดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การขออนุญาตและการอนุญาตตามมาตรา ๙ นั้น ควรให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการนำเสนอความเห็นอย่างรอบด้าน เพื่อให้การดำเนินคดีอาญาที่อยู่ในอำนาจของศาลแขวงมีความสะดวก รวดเร็ว และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อที่จะนำตัวผู้กระทำความผิดมาฟ้องลงโทษ ๒. การออกข้อบังคับของอัยการสูงสุดดังกล่าวให้คำนึงถึงประโยชน์ต่อการตรวจสอบและการควบคุมการปฏิบัติงานของพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ รวมถึงกรณีอื่น ๆ เช่น กรณีคดีที่ผู้ต้องหาไม่ได้หลบหนีแต่ถูกขังในคดีอื่น ซึ่งพนักงานสอบสวนไม่สามารถส่งตัวผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการพร้อมสำนวนได้ แต่ข้อบังคับของอัยการสูงสุดว่าด้วยการขออนุญาตฟ้อง พ.ศ. ๒๕๕๖ กลับกำหนดให้พนักงานสอบสวนส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวนให้พนักงานอัยการ
|
|||||||||||||||||||||
23277 | รายงานพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหากำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองที่สูงเกินความจำเป็นและแนวทางการแก้ไขปัญหาพลังงานทดแทน | สว | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหากำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองที่สูงเกินความจำเป็นและแนวทางการแก้ไขปัญหาพลังงานทดแทน ของคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เกี่ยวกับปัญหากำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองที่สูงเกินความจำเป็น รวมทั้งปัญหาพลังงานทดแทน ได้แก่ ปัญหาจำนวนการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มากเกินความต้องการและเกินจำนวนสายส่งที่จะรับได้ และปัญหาการจำกัดขยะ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ได้หรือไม่ประการใดก่อน โดยให้กระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการ แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23278 | ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในงานบริการภาครัฐเพื่อป้องกันการทุจริต | ปช | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในงานบริการภาครัฐเพื่อป้องกันการทุจริต ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการเร่งด่วน ส่งเสริมโครงการบูรณาการงานภาครัฐให้มีประสิทธิภาพของสำนักงาน ก.พ.ร. และสนับสนุนงบประมาณเพื่อให้โครงการดังกล่าวบรรลุผล โดยนำร่องในโครงการเกี่ยวกับการนำเข้า-ส่งออก [โดยเฉพาะในสินค้าส่งออกที่ส่งผลกระทบต่อยอดผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) ประกอบด้วย ยางพารา ข้าวทั่วไป ข้าวหอมมะลิ อาหารทะเลแช่แข็ง ชิ้นส่วนรถยนต์ และเครื่องทำความเย็นและตู้แช่แข็ง] เพื่อให้ทันต่อการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ โดยอาจบรรจุโครงการดังกล่าวเป็นมาตรการเสริมในยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐) ยุทธศาสตร์ที่ ๒ เรื่องบูรณาการการทำงานในการต่อต้านการทุจริตและพัฒนาเครือข่ายในประเทศ ๑.๒ มาตรการระยะยาว ส่งเสริมและสนับสนุนงบประมาณในการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการปรับปรุงงานบริการภาครัฐโดยเฉพาะในระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ และเพิ่มความสะดวกให้แก่ประชาชนที่รับบริการ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มช่องทางในการติดตามตรวจสอบให้สามารถทำได้ง่ายขึ้นและลดความเสี่ยงต่อการเกิดทุจริต ๒. มอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร. และกระทรวงการคลัง เป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อมาตรการในการป้องกันการทุจริตและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ๓. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และกระทรวงการคลังจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้ว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
23279 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ 1/2558 และครั้งที่ 2/2558 | กษ | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ และครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และเห็นชอบผลการพิจารณาและมติ กนย. ในการประชุมดังกล่าว ตามที่คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติเสนอ โดยมีมติรับทราบเกี่ยวกับความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการผ่านมาแล้ว และเห็นชอบในหลักการให้มีการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดการด้านยางพาราภายใต้กรอบนโยบายเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบไว้แล้ว โดยมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคและจุดอ่อนของโครงการต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการแล้ว ในปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ ให้สอดคล้องกับข้อเสนอของภาคเกษตรกร ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนให้มีประสิทธิภาพในปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ รวมทั้งได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้แต่ละหน่วยงานเร่งดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายโดยเร็ว และให้สามารถเชื่อมโยงไปสู่การดำเนินการของการยางแห่งประเทศไทยซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการจัดตั้งต่อไป รวมทั้งให้การยางแห่งประเทศไทยที่จะจัดตั้งขึ้นตามร่างพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... มีบทบาทหลักในการบูรณาการองค์ความรู้ และข้อคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำเป็นยุทธศาสตร์ยางพาราฉบับใหม่ที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ภาครัฐ เอกชน และเกษตรกรนำไปขับเคลื่อนได้อย่างเป็นรูปธรรม และเกิดความยั่งยืนของการพัฒนา สำหรับโครงการแปรรูปยางพาราเป็นผลิตภัณฑ์ยางใช้ภายใน ประเทศ ให้หน่วยงานภาครัฐในทุกกระทรวงและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องสามารถอ้างอิงคุณสมบัติที่ระบุไว้ในตาม มอก. ๒๖๘๒-๒๕๕๘ เม็ดยางใช้ทำพื้นสังเคราะห์ และ มอก. ๒๖๘๓-๒๕๕๘ พื้นสังเคราะห์ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและตรงกัน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
23280 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่า และพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ต่อรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทยฉบับแก้ไข (Thailand's Revised National Ivory Action Plan - NIAP) | ทส | 21/07/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) ต่อรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ฉบับแก้ไข (Thailand’s Revised National Ivory Action Plan-NIAP) โดยเห็นว่า ประเทศไทยมีความก้าวหน้าในการดำเนินการตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญา CITES ครั้งที่ ๖๕ [Standing Committee (SC) 65] ครบถ้วนทั้ง ๓ ประเด็นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งได้แก่ (๑) การตรากฎหมายที่เหมาะสม (๒) การตรากฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง (๓) การเพิ่มความพยายามในการติดตามและควบคุมผู้ค้างาช้าง การจัดทำข้อมูลงาช้างและการบังคับใช้กฎหมายในการปราบปรามการค้างาช้างที่ผิดกฎหมาย และประเมินว่าประเทศไทยประสบความสำเร็จอย่างเป็นที่น่าพอใจในการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งทำให้ประเทศไทยไม่ถูกเสนอระงับการค้าซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญา CITES จากคณะกรรมการบริหารอนุสัญญา CITES แต่ยังคงมีสถานะเป็นประเทศที่น่ากังวลอย่างมาก (Primary concern) อยู่ และยังคงต้องดำเนินการตามแผนปฏิบัติการงาช้างฯ และส่งรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามแผนฯ ภายในวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๘ ให้สำนักเลขาธิการ CITES เพื่อเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญา CITES ครั้งที่ ๖๖ (SC 66) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๑-๑๕ มกราคม ๒๕๕๙ พิจารณาต่อไป ๑.๒ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๑.๒.๑ ให้กรมการปกครองมีมาตรการทางกฎหมายในการกำหนดอายุช้างบ้านตั้งแต่แรกเกิดจนถึง ๓ เดือน ต้องจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณ และให้มีมาตรการทางกฎหมายที่เข้มงวดและรัดกุมในการป้องกันไม่ให้มีการนำช้างผิดกฎหมายมาแจ้งจดทะเบียนเป็นช้างบ้าน รวมทั้งกำกับดูแลและควบคุมการตัดงาของช้างบ้านด้วย ๑.๒.๒ ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีมาตรการที่เข้มงวดและรัดกุมในการตรวจสอบการแจ้งครอบครองงาช้างบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำงาช้างแอฟริกามาแจ้งครอบครองเป็นงาช้างบ้าน รวมทั้งมีมาตรการที่เข้มงวดกวดขันในการกำกับดูแลและควบคุมร้านค้างาช้างให้ปฏิบัติเป็นไปตามกฎหมาย โดยหากพบการกระทำผิดให้ดำเนินการทางกฎหมายอย่างเฉียบขาดต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการรณรงค์เพื่อให้เกิดการลดลงของปริมาณและขนาดของธุรกิจการค้างาช้างจนนำไปสู่การเลิกการค้างาช้างในที่สุด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
.....