ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1170 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 23381 - 23400 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
23381 | ร่างพระราชบัญญัติกำลังพลสำรอง พ.ศ. .... | กห | 07/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติกำลังพลสำรอง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีระบบกำลังพลสำรอง โดยกำหนดประเภทบุคคลที่จะเป็นกำลังพลสำรอง การดำเนินการทั้งหลายเกี่ยวกับกิจการกำลังพลสำรอง รวมถึงการกำหนดหน้าที่และสิทธิของกำลังพลสำรองในการเข้ารับราชการทหาร ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||
23382 | ร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... | กค | 07/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกรอบการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ เพื่อเป็นมาตรฐานกลางสำหรับใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุของหน่วยงานของรัฐทุกแห่ง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้ความเห็นของคณะรัฐมนตรีซึ่งเห็นควรให้ร่างพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับรวมถึงองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐตามรัฐธรรมนูญด้วย เพื่อให้เกิดมาตรฐานเดียวกันในการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ รวมทั้งให้รับข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงาน ก.พ. มีข้อสังเกตว่า สำหรับกรณีการกำหนดให้เจ้าหน้าที่ผู้ดำรงตำแหน่งที่มาตรฐานกำหนดตำแหน่งให้มีหน้าที่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุในหน่วยงานที่ตนสังกัด ซึ่งผ่านการอบรมหลักสูตรที่กรมบัญชีกลางกำหนด ให้ได้รับค่าตอบแทนตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด นั้น ไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งกำหนดให้การได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ เป็นไปตามระเบียบที่ ก.พ. กำหนด โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง ส่วนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมีข้อสังเกตเกี่ยวกับกระบวนการในการจัดซื้อจัดจ้างบางประการ รวมทั้งฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีข้อสังเกตว่าควรเพิ่มหลักเกณฑ์ในการลงโทษผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ชัดเจน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. อนุมัติให้ถอนร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... จากการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ |
||||||||||||||||||
23383 | ร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับระบบการอุทธรณ์และฎีกา รวม 9 ฉบับ | นร09 | 07/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับระบบการอุทธรณ์และฎีกา รวม ๙ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระธรรมนูญศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การอุทธรณ์และฎีกา) ๔. ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ และวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การอุทธรณ์และฎีกา) ๕. ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การอุทธรณ์และฎีกา) ๖. ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอุทธรณ์และฎีกา) ๗. ร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การอุทธรณ์และฎีกา) ๘. ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การอุทธรณ์และฎีกา) ๙. ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... |
||||||||||||||||||
23384 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลคดียาเสพติด (ฉบับที่ .. ) พ.ศ. .... | ยธ | 07/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราเงินสินบนในคดีที่จับได้ผู้ต้องหาและหรือยาเสพติดของกลาง อัตราเงินช่วยเหลือเฉพาะตัวแก่เจ้าพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ที่ได้รับอันตรายจากการปฏิบัติหน้าที่ในการปราบปรามยาเสพติด เพิ่มเติมการจ่ายเงินช่วยเหลือกรณีบาดเจ็บและรักษาตัวไม่เกินยี่สิบวัน หรือกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพในภายหลัง ตลอดจนปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของประธานอนุกรรมการ และอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการภาคในการพิจารณาจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัล ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายจากการดำเนินการตามระเบียบนี้ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อการนี้ไว้ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||
23385 | การประชุมระหว่างประเทศครั้งที่ 3 ว่าด้วยการระดมทุนเพื่อการพัฒนา (Third International Conference on Financing for Development) | กต | 07/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการต่อร่างข้อตกลงแอดดิส อาบาบา ของการประชุมระหว่างประเทศครั้งที่ ๓ ว่าด้วยการระดมทุนเพื่อการพัฒนา (Third International Conference on Financing for Development : 3rd FfD) มีจุดประสงค์ในการกำหนดแนวทางการระดมทุนและการใช้เงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงความช่วยเหลือต่าง ๆ ทั้งในระดับชาติและระหว่างประเทศเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามวาระการพัฒนาภายหลัง ค.ศ. ๒๐๑๕ ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการรับมือความท้าทายต่อการจัดหาทุนเพื่อการพัฒนา พร้อมทั้งกำหนดมาตรการอันเป็นรูปธรรมที่สามารถนำไปสู่การบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีพื้นฐานจากฉันทามติมอนเทอร์เรย์ (Monterrey Consensus) ในปี ๒๕๔๕ และปฏิญญาโดฮา (Doha Declaration) ในปี ๒๕๕๑ และหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่ให้เพิ่มถ้อยคำบางประการในร่างข้อตกลงฯ โดยให้ระบุว่า ในการดำเนินการภายใต้กรอบความร่วมมือนี้ให้อยู่ภายใต้กฎหมายภายในของแต่ละประเทศ ดังนี้ “In carrying out any operations as stated in this Agreement, the governing law shall be that of each individual State.” ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์จากการประชุม 3rd FfD ๓. รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยที่จะเข้าร่วมการประชุม 3rd FfD ประกอบด้วยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการอนุมัติให้เดินทางไปราชการและการจัดการประชุมของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๒๔ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ที่เห็นชอบเป็นหลักการว่าต่อไปในกรณีที่มีการประชุมระหว่างประเทศซึ่งมีรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะผู้แทน การกำหนดองค์ประกอบของคณะผู้แทนเพื่อเข้าร่วมประชุม หากไม่มีกฎหมาย ระเบียบใดกำหนดให้เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี ให้รัฐมนตรีผู้เป็นหัวหน้าคณะนำเสนอนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีซึ่งกำกับการบริหารราชการเป็นผู้ที่ให้ความเห็นชอบได้แล้วแต่กรณี |
||||||||||||||||||
23386 | ขออนุมัติการลงนามในพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านมาตรการสุขอนามัยพืชสำหรับผลชมพู่สดส่งออกจากไทยไปจีนระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงควบคุมคุณภาพตรวจและกักกันโรคแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | กษ | 07/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านมาตรการสุขอนามัยพืชสำหรับผลชมพู่สดส่งออกจากไทยไปจีนระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงควบคุมคุณภาพตรวจสอบและกักกันโรคแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มมาตรฐานในการตรวจสอบและกักกันแมลงศัตรูพืชของชมพู่ทับทิมจันทร์ที่จะส่งออกจากไทยไปจีนตามข้อกำหนดทางเทคนิคที่ได้ตกลงกัน และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างพิธีสารฯ โดยหากมีการปรับปรุงแก้ไขร่างพิธีสารฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์หารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับกรณีที่จีนตรวจสอบที่ด่านนำเข้าพบการปฏิบัติไม่สอดคล้องตามร่างพิธีสารฯ แล้ว อาจมีการทำลายหรือส่งคืนสินค้าชมพู่สด กรณีการส่งสินค้าอาหารดังกล่าวคืน ประเทศไทยจะต้องมีการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยอาหารตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยเรื่องอาหารที่มีสารพิษตกค้าง หากไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดก็จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ดังนั้น การส่งออกสินค้าดังกล่าวควรพิจารณาให้ครอบคลุมทั้งกฎหมายของประเทศไทยและประเทศคู่ค้าด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการส่งออกและมีการตีคืนสินค้าในภายหลัง นอกจากนี้ การดำเนินการตามร่างพิธีสารฯ เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่สามารถดำเนินการได้ และเป็นการทำความตกลงในระดับหน่วยงาน มิใช่ระดับรัฐกับรัฐ กรณีจึงไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญฯ และไม่จำเป็นต้องมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม เนื่องจากไม่เข้าตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ในกรณีที่หน่วยงานเสนอเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นข้อผูกพันหรือพันธกรณีซึ่งอยู่ภายใต้กรอบความตกลงและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติอนุมัติและ/หรือเห็นชอบแล้ว เช่น การเสนอพิธีสารหรือความตกลงเพื่อเพิ่มเติมสาระทางด้านเทคนิค ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรี และหากไม่มีข้อทักท้วงใด ๆ ให้ถือเป็นมติคณะรัฐมนตรีตามที่เสนอ |
||||||||||||||||||
23387 | ขออนุมัติโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูสระเก็บน้ำบ้านหนองดู่ (400 ไร่) ตำบลหนองมะโมง อำเภอหนองมะโมง จังหวัดชัยนาท | มท | 07/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูสระเก็บน้ำบ้านหนองดู่ (๔๐๐ ไร่) ตำบลหนองมะโมง อำเภอหนองมะโมง จังหวัดชัยนาท วงเงินงบประมาณ ๔๙,๔๐๒,๘๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๗ ของกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โครงการบริหารจัดการน้ำ ปี ๒๕๕๗ ในส่วนที่เหลือจำนวน ๕๔๙,๖๔๖,๓๖๙ บาท รวมทั้งขอรับการสนับสนุนจากกองทัพบก (กรมการทหารช่าง) ให้เป็นหน่วยดำเนินการโครงการดังกล่าว โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๗ ของกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โครงการบริหารจัดการน้ำ ปี ๒๕๕๗ ในส่วนที่เหลือจำนวน ๕๔๙,๖๔๖,๓๖๙ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ และคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่เห็นควรมีแนวทางการบริหารจัดการสระเก็บน้ำภายหลังการก่อสร้างให้ชัดเจนระหว่างท้องถิ่นและชุมชนในการใช้ประโยชน์และการดูแลบำรุงรักษา รวมทั้งให้เร่งรัดการปฏิบัติให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้โครงการเกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับเป็นแหล่งรองรับน้ำหลากและเป็นแหล่งกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งหน้า ตลอดจนพิจารณาดำเนินการตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โครงการเกิดประโยชน์สูงสุด สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
23388 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายภาสกร อัครเสวี) | สธ | 07/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายภาสกร อัครเสวี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานพัฒนารูปแบบการควบคุมโรค กลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||
23389 | สรุปผลการจัดประชุมคณะกรรมการอาเซียนว่าด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ASEAN Committee on Science and Technology : ASEAN COST) ครั้งที่ 69 | วท | 07/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการจัดประชุมคณะกรรมการอาเซียนว่าด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ASEAN Committee on Science and Technology : ASEAN COST) ครั้งที่ ๖๙ ในระหว่างวันที่ ๒๑-๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ จังหวัดภูเก็ต ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมเห็นชอบกับการเปลี่ยนระยะเวลาการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการอาเซียนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (ASEAN Plan of Action on Science, Technology and Innovation : APASTI) จากปี ค.ศ. ๒๐๑๕-๒๐๒๐ เป็นปี ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๒๕ เพื่อให้สอดคล้องกับ AEC Post-2015 Attendant Document โดยประเทศไทยในฐานะคณะที่ปรึกษาด้านแผนปฏิบัติการอาเซียนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Advisory Body of ASEAN Plan of Action on Science and Technology : ABAPAST) จะจัดประชุมคณะทำงานเพื่อปรับแก้ไขร่าง APASTI เพื่อนำเสนอในที่ประชุม ASEAN COST ครั้งที่ ๗๐ และที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนว่าด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ครั้งที่ ๑๖ ซึ่งกำหนดจัดในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๒. ที่ประชุมรับทราบสถานะเงินกองทุนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมอาเซียน (ASEAN Science, Technology and Innovation Fund : ASTIF) ณ วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ มีเงินจำนวน ๑๑,๔๔๘,๓๗๐.๔๖ ดอลลาร์สหรัฐ โดยมีดอกเบี้ยที่สามารถใช้สนับสนุนกิจกรรมของ ASEAN COST และคณะอนุกรรมการ จำนวน ๙๑๓,๑๕๒.๔๕ ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคณะที่ปรึกษาด้านกองทุนวิทยาศาสตร์อาเซียน (Advisory Body of ASEAN Science Fund : ABASF) จะจัดทำกฎเกณฑ์และแนวทางสำหรับการสนับสนุนข้อริเริ่มนวัตกรรมเพื่อให้การใช้เงินกองทุนฯ เกิดประโยชน์สูงสุด โดยที่ประชุมเห็นพ้องให้ ABAPAST และ ABASF ร่วมกันทบทวนการจัดการเงินกองทุนฯ เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้นและมีความเสี่ยงน้อยลง ๓. ที่ประชุมรับทราบสถานะและพิจารณาข้อเสนอโครงการความร่วมมือของคณะอนุกรรมการอาเซียนในด้านต่าง ๆ ซึ่งมีคณะอนุกรรมการที่ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการผลักดัน/ริเริ่มข้อเสนอโครงการใหม่ ได้แก่ (๑) การใช้ประโยชน์จากห้องปฏิบัติการวิจัยแสงซินโครตรอน (๒) การจัดตั้งเครือข่ายในภูมิภาคอาเซียนเพื่อการสร้างความตระหนักในผลกระทบของอุบัติเหตุที่เกิดในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จากภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Networking for Enhancement of Awareness of Consequences of Nuclear Power Plant Accidents) (๓) การจัดตั้งเครือข่ายอาเซียนการวิจัยด้านชีวมวล (ASEAN Network on Biomass Open Research : ANBOR) (๔) การจัดเตรียมแผนที่นำทาง (roadmap) และแผนปฏิบัติการด้านโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพ (Quality Infrastructure) เพื่อสนับสนุน ASEAN Post-2015 (๕) การจัดตั้ง "ศูนย์ฝึกอบรมและวิจัยด้านเทคโนโลยีอวกาศและการประยุกต์ใช้แห่งอาเซียน" หรือ “ASEAN Research and Training Center for Space Technology and Applications (ARTSA)” (๖) ข้อเสนอความร่วมมือด้านดาราศาสตร์ในกรอบเครือข่ายดาราศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia Astronomy Network : SEAAN) และ (๗) การจัดงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมอาเซียน [ASEAN Science, Technology and Innovation (STI) Forum] ในปี ๒๕๕๙
|
||||||||||||||||||
23390 | รายงานประจำปีและรายงานงบการเงินขององค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย ประจำปี 2557 | พน | 07/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีและรายงานงบการเงินขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ประจำปี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. กิจกรรมที่สำคัญประกอบด้วยกิจกรรมด้านการสำรวจการประเมินปริมาณสำรอง การผลิตปิโตรเลียม และการกำกับดูแลด้านอาชีวอนามัยความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย แปลง A-18 แปลง B-17 & C-19 และแปลง B-17-01 โดยในปี ๒๕๕๗ มีการผลิตก๊าซธรรมชาติจากแปลง A-18 รวมทั้งสิ้น ๓๐๒ พันล้านลูกบาศก์ฟุต ในอัตราเฉลี่ยวันละ ๘๒๗ ล้านลูกบาศก์ฟุต และจากแปลง B-17 & C-19 รวมทั้งสิ้น ๑๒๑ พันล้านลูกบาศก์ฟุต ในอัตราเฉลี่ยวันละ ๓๓๒ ล้านลูกบาศก์ฟุต ๒. ผลประกอบการในปี ๒๕๕๗ ขององค์กรร่วมฯ ได้จากการขายปิโตรเลียมโดยการผลิตปิโตรเลียมจากแปลง A-18 และแปลง B-17 & C-19 ก่อให้เกิดรายได้ขององค์กรร่วมฯ ในรูปของค่าภาคหลวง ๓๑๖,๘๘๘,๗๒๔ ดอลลาร์สหรัฐ ปิโตรเลียมส่วนที่เป็นกำไร ๘๖๓,๙๐๔,๗๙๖ ดอลลาร์สหรัฐ และรายได้อื่น ๖๔๘,๓๔๙ ดอลลาร์สหรัฐ สถานะของกองทุนองค์กรร่วมฯ ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ มียอดรวม ๓๖๑,๒๙๒,๕๒๑ ดอลลาร์สหรัฐ
|
||||||||||||||||||
23391 | สรุปผลการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | วท | 07/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เข้าร่วมประชุมหารือเพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่ง สปป.ลาว เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมในแต่ละสาขาเพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนการทำงานให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยคณะทำงานร่วมจะหารือเกี่ยวกับการจัดทำโครงการในรายละเอียดและจัดทำแผนปฏิบัติ รวมทั้งติดตามความก้าวหน้าตามแผนการดำเนินงาน ทั้งนี้ ฝ่ายลาวได้เสนอขอรับคำปรึกษาจากฝ่ายไทยในการสร้างท้องฟ้าจำลอง การสร้างหอดูดาว และการสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทางดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ธรรมชาติให้แก่นักเรียนและผู้สนใจ ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “คาราวานวิทยาศาสตร์ความร่วมมือไทย-สปป.ลาว” ระหว่างวันที่ ๑-๓ มิถุนายน ๒๕๕๘ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักด้านวิทยาศาสตร์ให้แก่นักเรียนและเยาวชนลาว ซึ่งมีองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติเป็นหน่วยงานหลัก และได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่นำนิทรรศการในเรื่องต่าง ๆ ไปจัดแสดง อาทิ นิทรรศการความรู้พื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ นิทรรศการด้านดาราศาสตร์ กิจกรรมมหัศจรรย์พลาสติก กิจกรรมการตรวจสอบคุณภาพน้ำและสีผสมอาหาร กิจกรรมการปลูกผักปลอดสารพิษ ซึ่งได้รับความสนใจจากนักเรียนและเยาวชนลาวเป็นอย่างมาก โดยมีผู้เข้าชมและร่วมกิจกรรม จำนวน ๘,๓๖๑ คน
|
||||||||||||||||||
23392 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2558 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการจ้างเหมาทำการก่อสร้างสาย อำเภอกบินทร์บุรี - อำเภอปักธงชัย (ทางเชื่อมผืนป่า) จังหวัดปราจีนบุรี | คค | 07/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการจ้างเหมาทำการก่อสร้างสาย อำเภอกบินทร์บุรี-อำเภอปักธงชัย (ทางเชื่อมผืนป่า) จังหวัดปราจีนบุรี ในวงเงิน ๑,๓๑๙,๒๕๗,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการก่อหนี้ผูกพันและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำรายละเอียดด้านสิ่งแวดล้อม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้ครบถ้วนโดยด่วนก่อนดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
23393 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในเขตเทศบาลตำบลเขาน้อย อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... | มท | 07/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตเทศบาลตำบลเขาน้อย อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตเทศบาลตำบลเขาน้อย อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
23394 | รายงานสถานการณ์หนี้สินภาคครัวเรือนและมาตรการในการลดภาระหนี้สินภาคครัวเรือนและหนี้นอกระบบ | กค | 07/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์หนี้สินภาคครัวเรือนและมาตรการในการลดภาระหนี้สินภาคครัวเรือนและหนี้นอกระบบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์หนี้สินภาคครัวเรือน ณ ไตรมาสที่ ๔ ของปี ๒๕๕๗ สัดส่วนหนี้สินภาคครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) ขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วง ๗ ปีที่ผ่านมา โดยพิจารณาจากเงินให้กู้ยืมแก่ภาคครัวเรือนขยายตัวสูงกว่าการขยายตัวของ GDP มาโดยตลอด ทำให้หนี้สินภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ ๕๔.๖ ของ GDP ในไตรมาสที่ ๔ ของปี ๒๕๕๐ เป็นร้อยละ ๘๕.๙ ของ GDP ในไตรมาสที่ ๔ ของปี ๒๕๕๗ ทั้งนี้ หากพิจารณาหนี้สินภาคครัวเรือนตามวัตถุประสงค์ของสินเชื่อ ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย รองลงมาคือ สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ๒. ผลกระทบของหนี้สินภาคครัวเรือน สถานการณ์หนี้สินภาคครัวเรือนในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่ไม่น่าเป็นกังวลนัก เนื่องจากหนี้สินภาคครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง ประกอบกับสถาบันการเงินต่าง ๆ เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น จึงเป็นข้อจำกัดในการขอสินเชื่อเพื่อนำมาใช้อุปโภคบริโภคในระยะต่อไป ๓. มาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนและหนี้นอกระบบ กระทรวงการคลังได้ดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนและหนี้นอกระบบ โดยการส่งเสริมการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร และการดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรรายย่อยผ่านระบบธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรภายใต้ ๓ โครงการย่อย ได้แก่ โครงการปลดเปลื้องหนี้สิน โครงการปรับโครงสร้างหนี้สิน และโครงการขยายเวลาการชำระหนี้สิน ตลอดจนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการการให้ความคุ้มครองผู้ที่เป็นลูกหนี้ และการให้ความรู้ความเข้าใจทางการเงิน (Financial Literacy) นอกจากนี้ ได้มีมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนด้านอื่น ๆ โดยกระทรวงการคลังได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำร่างแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑ ซึ่งเป็นการกำหนดแนวทางการพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชนอย่างบูรณาการเพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทางการเงินแก่ประชาชน ตลอดจนวางโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินภาคประชาชนที่เหมาะสม ๔. คาดการณ์สัดส่วนหนี้สินภาคครัวเรือนต่อ GDP กระทรวงการคลังได้คาดการณ์ว่าสัดส่วนหนี้สินภาคครัวเรือนต่อ GDP ในไตรมาสที่ ๑ ของปี ๒๕๕๘ จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เป็นร้อยละ ๘๐.๑ แต่ยังคงใกล้เคียงกับสัดส่วนหนี้สินภาคครัวเรือนต่อ GDP ในไตรมาสที่ ๔ ของปี ๒๕๕๗ ซึ่งอยู่ที่อยู่ระดับร้อยละ ๗๙.๓
|
||||||||||||||||||
23395 | ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล (กขน.) ครั้งที่ 3/2558 | นร11 | 07/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล (กขน.) ครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ โดยที่ประชุมรับทราบ (๑) แนวทางการดำเนินการตามนโยบายแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ (๒) ความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและยุทธศาสตร์คณะรักษาความสงบแห่งชาติชุดต่าง ๆ (๓) รายงานความคืบหน้าการปรับปรุงกฎหมายที่สำคัญของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และ (๔) รายงานความคืบหน้าผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ของสำนักงบประมาณ รวมทั้งมีมติและข้อสั่งการ ดังนี้ ๑.๑ มอบหมายคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (กขย.) ประสานความร่วมมือกับสภาเกษตรกรแห่งชาติในการตรวจสอบพื้นที่ปลูกยางพารา เพื่อให้มีการดูแลกรณีเป็นเกษตรกรที่มีรายได้น้อยให้มีความชัดเจน และประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบการเรือประมงในการเร่งรัดการขึ้นทะเบียนเรือประมงให้ครบถ้วน ๑.๒ มอบหมายสภาเกษตรกรแห่งชาติพิจารณาแนวทางกลไกดูแลราคาสินค้าเกษตรที่สำคัญ ๆ นอกเหนือจากยางพารา เช่น มันสำปะหลัง และมาตรการรองรับผลผลิตลองกองที่จะออกสู่ตลาดในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม โดยดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๓ ขอความร่วมมือจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในการประสานความร่วมมือกับภาครัฐในการขับเคลื่อนมาตรการและนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล เช่น การจัดตลาดสินค้าเกษตร และการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นต้น ๑.๔ มอบหมายรองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) พิจารณาแนวทางลดภาษีมูลค่าเพิ่มเครื่องจักรกลทางการเกษตร ๑.๕ มอบหมายเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและเลขานุการคณะกรรมการที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและยุทธศาสตร์คณะรักษาความสงบแห่งชาติชุดต่าง ๆ จัดทำแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และประเด็นปฏิรูปของสภาปฏิรูปแห่งชาติ เพื่อกำหนดภารกิจของคณะกรรมการแต่ละชุดให้มีความสมบูรณ์มากขึ้นและลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินการ ๒. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานเพิ่มเติมว่า ตามที่ กขน. ได้มอบหมายให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดทำแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและประเด็นปฏิรูปของสภาปฏิรูปแห่งชาติ นั้น สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ดำเนินการจัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ ๒๐ ปีเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ ๒๐ ปี) รับทราบแนวทางการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอแล้ว ๓. ให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) และกระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นว่าหากจะมีการพิจารณาแนวทางการลดภาษีมูลค่าเพิ่มเครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อทำให้ราคาของเครื่องจักรกลการเกษตรถูกลง และเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรไทยให้สามารถจัดซื้อเป็นของตนเองได้ ก็ควรพิจารณาให้กับเครื่องจักรกลการเกษตรที่ผลิตจากกิจการคนไทยเป็นทางเลือกแรก ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากมาตรการดังกล่าวอย่างบูรณาการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
23396 | การแต่งตั้งหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายไทยการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติและการประชุมที่เกี่ยวข้อง (AMMTC) และ การแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานด้านอาชญากรรมข้ามชาติ (SOMTC) | ตช | 07/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ให้แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานด้านอาชญากรรมข้ามชาติ (ASEAN Senior Officials Meeting on Transnational Crime : SOMTC) ขึ้นใหม่ โดยมีโครงสร้างองค์ประกอบคณะกรรมการและอำนาจหน้าที่ให้มีความเหมาะสม เป็นปัจจุบัน สอดคล้องกับส่วนราชการ/หน่วยงานรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องในงานด้านอาชญากรรมข้ามชาติของไทย รวมทั้งเพื่อให้การดำเนินงานและประสานความร่วมมือในกรอบความร่วมมือดังกล่าวเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ๒. ให้แต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบงานความมั่นคง เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายไทยในการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ (ASEAN Ministerial Meeting on Transnational Crime : AMMTC) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง |
||||||||||||||||||
23397 | รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร | 07/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เป้าหมายการเบิกจ่ายภาพรวมตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไตรมาสที่ ๓ ถึงสิ้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ กำหนดประมาณร้อยละ ๗๕.๕ ซึ่งผลการเบิกจ่ายในภาพรวมเบิกจ่ายได้ร้อยละ ๗๒.๐ ต่ำกว่าเป้าหมายร้อยละ ๓.๕ โดยเฉพาะรายจ่ายลงทุนที่มีผลการเบิกจ่ายต่ำกว่าเป้าหมาย จึงเห็นสมควรที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่น และผู้ว่าราชการจังหวัด เร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๑.๒ สำหรับโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะ ๓ เดือนแรก เห็นสมควรให้รัฐมนตรีที่กำกับดูแลหน่วยงานที่มีการเบิกจ่ายและก่อหนี้ต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ รวม ๒๓ หน่วยงาน เร่งรัดดำเนินการและเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ๒. ให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และส่วนราชการต่าง ๆ รับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒.๑ ให้กรมบัญชีกลางและสำนักงบประมาณติดตาม เร่งรัด การเบิกจ่ายงบประมาณในกรณีที่ส่วนราชการดำเนินการผูกพันงบประมาณไม่ทันภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ให้ยกเลิกรายการนั้น หากจะนำงบประมาณในส่วนนี้ไปใช้รายการอื่นเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาล ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ให้มีการชี้แจงสาเหตุที่ดำเนินการผูกพันงบประมาณไม่ทันและระบุผู้รับผิดชอบด้วย ๒.๒ ในส่วนของโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะ ๓ เดือนแรก ที่ทำสัญญาไม่ทันวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ หรือคาดว่าเบิกจ่ายไม่ทันภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้นำไปใช้ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ ต่อไป
|
||||||||||||||||||
23398 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย - มาเลเซีย ครั้งที่ 2 | พณ | 07/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ ๒ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมเพื่อให้มีการทำงานอย่างบูรณาการและเกิดผลเป็นรูปธรรม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เป้าหมายการค้า ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะร่วมมือกันส่งเสริมและผลักดันการค้าสองฝ่ายให้ถึงเป้าหมายที่ ๓๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี ๒๕๖๑ ๒. การส่งเสริมการค้าชายแดน ได้แก่ การจัดตั้งคณะทำงานร่วมด้านการค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางการดำเนินการส่งเสริมการค้าชายแดนระหว่างกันที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม รวมทั้งการจัดงานมหกรรมการค้าชายแดนไทย-มาเลเซียเป็นประจำทุกปี โดยผลัดกันเป็นเจ้าภาพ ๓. ความร่วมมือภาคเอกชน ได้แก่ ส่งเสริมความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองฝ่าย ๔. การนำเข้าข้าวไทย ได้แก่ ติดตามผลการพิจารณาของฝ่ายมาเลเซีย ได้แก่ การอนุญาตให้มีการนำเข้าข้าวจากไทยได้โดยการขนส่งทางบก และการนำเข้าข้าวไทยเพิ่มมากขึ้น โดยไทยแจ้งถึงความพร้อมในการขายข้าวให้กับมาเลเซีย ๕. การขนส่งทางบก ได้แก่ การเจรจาจัดทำบันทึกความเข้าใจทวิภาคีด้านการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารทางถนนและทางรถไฟฉบับใหม่ โดยจัดการประชุมเพื่อหารือเรื่องการจัดทำบันทึกความเข้าใจทวิภาคีด้านการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารระหว่างไทยกับมาเลเซียโดยเร็วที่สุด ๖. การอำนวยความสะดวกในการส่งออกสินค้าเกษตรไปมาเลเซีย ได้แก่ การพิจารณาข้อเสนอของฝ่ายมาเลเซียเรื่องการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาการดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบเกี่ยวกับการคัดเกรด การบรรจุภัณฑ์ และการติดฉลาก สำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่วางขายในตลาดมาเลเซีย ๗. การอำนวยความสะดวกในการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์เภสัชกรรม ได้แก่ การพิจารณาข้อเสนอของมาเลเซียเพื่อยกเลิกข้อกำหนดของไทยในการขึ้นทะเบียนเพื่อพิสูจน์การใช้แทนกันได้ระหว่างยาต้นแบบกับยาสามัญที่ต้องมีการแนบเอกสารรายงานการศึกษาชีวสมมูล (Bioavailability and Bioequivalence Study Report) ที่ต้องดำเนินการในไทยเท่านั้น และให้มีการยอมรับผลการศึกษาที่ดำเนินการในมาเลเซีย รวมทั้งหารือถึงประเด็นความแตกต่างในการจำแนกหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมและอุปกรณ์ทางการแพทย์ระหว่างไทยกับมาเลเซีย และพิจารณาการปรับประสานให้สอดคล้องกัน ๘. ความร่วมมือด้านฮาลาล ได้แก่ พิจารณาแนวทางความร่วมมือในการพัฒนาสินค้าและบริการ เพื่อขยายมูลค่าการค้าสินค้าและบริการฮาลาลระหว่างไทยกับมาเลเซีย รวมทั้งไปสู่ตลาดโลก และพิจารณาข้อเสนอของมาเลเซียที่เสนอให้มีการจัดตั้งสภาธุรกิจฮาลาลมาเลเซีย-ไทย เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจฮาลาลของมาเลเซียกับไทย รวมถึงการเชื่อมโยงฐานข้อมูลเกี่ยวกับฮาลาลของทั้งสองฝ่าย ๙. เขตเศรษฐกิจพิเศษ ได้แก่ สนับสนุนให้มีความร่วมมือระหว่างเขตเศรษฐกิจพิเศษที่อำเภอสะเดากับพื้นที่ทางตอนเหนือของมาเลเซีย และเชิญชวนให้นักลงทุนมาเลเซียเข้ามาลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษของไทย ๑๐. ความร่วมมือในกรอบภูมิภาคและพหุภาคี ได้แก่ ผลักดันการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และการจัดทำวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ๒๐๒๕ ได้สำเร็จภายในปีนี้ และผลักดันการเจรจาภายใต้กรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ให้สามารถสรุปผลได้ตามกำหนดเวลา |
||||||||||||||||||
23399 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงการคลัง) (จำนวน 3 ราย 1. นายสุวิชญ โรจนวานิช ฯลฯ) | กค | 07/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายสุวิชญ โรจนวานิช ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ๒. นายประภาศ คงเอียด ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางพรรณขนิตตา บุญครอง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||
23400 | ขอเสนอชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (กระทรวงการคลัง) (นายวิรไท สันติประภพ) | กค | 07/07/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายวิรไท สันติประภพ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง เนื่องจากนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล จะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
.....