คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง ดร. ชิงชัย หาญเจนลักษณ์ และ
ดร. ณรงค์  ป้อมหลักทอง  เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานความร่วมมือ
พัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (18 กันยายน 2550)
เป็นต้นไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวง
การคลัง ให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 จำนวน 4 ราย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2550 ดังนี้ นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ ดำรง
ตำแหน่งอธิบดี กรมศุลกากร  นายช. นันท์ เพ็ชญไพศิษฏ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมสรรพสามิต  นางจันทิมา  สิริ
แสงทักษิณ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง  และนายเชิดชัย  ขันธ์นะภา  ดำรง
ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอการจำหน่ายหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด
(มหาชน) และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)  ซึ่งกระทรวงการคลังถืออยู่บางส่วนให้ธนาคารออมสิน เพื่อ
ให้ได้เงินค่าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ บมจ. เอสโซ่ฯ และธนาคาร
อิสลามแห่งประเทศไทยภายในวงเงินประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยไม่ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
และให้กระทรวงการคลังมีสิทธิในการรับซื้อหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์  จำกัด  (มหาชน)  และธนาคารกรุงเทพ
จำกัด (มหาชน) คืนจากธนาคารออมสินก่อน (First Right)

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อ
แต่งตั้งเป็นกรรมการในคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ดังนี้ ให้กรรมการ
ในคณะกรรมการ คปภ. แต่ละคนเสนอชื่อผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย บัญชี บริหารธุรกิจ  การเงิน  เศรษฐ
ศาสตร์ หรือการประกันภัย ต่อประธานคนละไม่เกิน  4  ชื่อ โดยแต่ละชื่อต้องมีความเชี่ยวชาญไม่ซ้ำกัน และให้คัด
เลือกผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อซึ่งมีความเหมาะสมสำหรับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิให้เหลือ 12 คนเสนอ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาคัดเลือกเป็นผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่น้อยกว่า 6 คน แต่ไม่เกิน 8 คนเพื่อ
ขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน คปภ.  โดยในกรณีที่กรรมการผู้ทรง
คุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ  หรือในกรณีที่มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มขึ้นในระหว่างที่กรรม
การซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วยังมีวาระอยู่ในตำแหน่ง   ให้ดำเนินการเช่นเดียวกันกับกรณีข้างต้นโดยอนุโลม   โดยให้เสนอ
รายชื่อเป็นสองเท่าของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่จะแต่งตั้ง   และเมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว  ให้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีคำสั่งแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิดังกล่าวเป็นกรรมการใน คปภ. ต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับ
การบริหารหนี้สาธารณะเสนอแผนการบริหารหนี้สาธารณะ  ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551  รวมทั้งการกู้เงิน
และการค้ำประกันเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ โดยมอบให้กระทรวงการคลังเป็นผู้
พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน  เงื่อนไข  และรายละเอียดต่าง ๆ  ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้
ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ  ฯ  และให้กระทรวงการคลัง  โดยสำนักงาน
บริหารหนี้สาธารณะดำเนินธุรกรรม เพื่อการบริหารความเสี่ยงหนี้ต่างประเทศของรัฐบาล  รวมทั้งให้รัฐมนตรีว่า
การกระทรวงการคลัง หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมาย เป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือ
การค้ำประกันเงินกู้  และเอกสารที่เกี่ยวข้อง  และรายงานผลการดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ฯ 
ตามที่พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548   และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้
สาธารณะ พ.ศ. 2549 กำหนด

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่แก้ไขเพิ่มเติมจากร่างที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว  มีสาระสำคัญ
คือ กำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังในการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะโดยการย่นระยะเวลาชำระหนี้ การกู้
เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะก่อนที่หนี้ครบกำหนดชำระ  และการกู้เงินเป็นเงินตราต่างประเทศ หรือเงิน
บาทเพื่อนำมาให้หน่วยงานอื่นกู้  รวมทั้งกำหนดให้กระทรวงการคลังมีอำนาจกู้เงินเพื่อพัฒนาตลาดตราสารหนี้
ในประเทศ  และให้นำเงินที่ได้รับจากการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ก่อนที่หนี้ครบกำหนดชำระ  และการกู้เงิน
เพื่อพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ บริหารจัดการ โดยกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้  และ
ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เป็นเรื่องด่วน  แล้วส่งคณะกรรมการประสาน
งานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชบัญญัติเงินตรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว  มีสาระสำคัญคือ แก้ไขหลักเกณฑ์และวิธีการจัดดำรงสิน
ทรัพย์ให้สามารถรองรับประเภทของสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น และการเปลี่ยนแปลงมูลค่าของสินทรัพย์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อ
เนื่อง   รวมถึงแก้ไขหลักเกณฑ์การรับขึ้นและการจ่ายสินทรัพย์ในบัญชีของทุนสำรองเงินตรา   และยกเลิกการโอน
สินทรัพย์จากบัญชีสำรองพิเศษเข้าบัญชีทุนสำรองเงินตราเพื่อนำออกใช้ซึ่งธนบัตร รวมทั้งกำหนดให้ธนาคารแห่ง
ประเทศไทยมีอำนาจในการบริหารจัดการสินทรัพย์ในทุนสำรองเงินตราภายใต้หลักการบริหารจัดการความเสี่ยง
และปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการรับแลกเปลี่ยนธนบัตรชำรุดและการยึดธนบัตรปลอม และให้ส่งคณะกรรมการ
ประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอดังนี้ เห็นชอบให้ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี
เรื่อง มาตรการสลับเวลาทำงานของหน่วยงานของรัฐเพื่อแก้ไขปัญหาจราจร โดยให้ส่วนราชการ  รัฐวิสาหกิจ  และ
หน่วยงานอื่นของรัฐ ในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล  (จังหวัดนนทบุรี  ปทุมธานี  สมุทรปราการ  สมุทรสาคร
และนครปฐม)  ถือปฏิบัติตามมาตรการสลับเวลาทำงานตามความเหมาะสม    โดยให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดเลือกเวลา
ทำงานได้ตามความสมัครใจใน  3  ช่วงเวลา  ดังนี้  7.30 น.-15.30 น.  หรือ 8.30 น.-16.30 น.   หรือ 9.30 น.-
17.30 น.   โดยให้มีการส่งเสริม ชักชวน ให้มีการเลือกเวลาทำงานทั้ง  3  ช่วงเวลา  ให้มีสัดส่วนใกล้เคียงกันมากที่
สุดเพื่อให้มีการกระจายการจราจรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหากมีหน่วยงานใดไม่สามารถปฏิบัติตามได้ให้ชี้แจง
เหตุผลความจำเป็นประกอบการขอยกเว้น   โดยมอบให้คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก  (คจร.)  เป็นผู้
พิจารณายกเว้นแทนคณะรัฐมนตรี  ทั้งนี้  ไม่รวมถึงหน่วยงานที่ คจร. ได้พิจารณายกเว้นการไม่สามารถปฏิบัติตาม
มาตรการดังกล่าวไว้ก่อนแล้ว  และอนุมัติยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่อง มาตรการสลับเวลาทำงานเพื่อแก้ไข
ปัญหาจราจร จำนวน 8 มติ และให้กระทรวงคมนาคมติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของมาตรการดังกล่าว
อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง  เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงมาตรการการแก้ไขปัญหาจราจรในเขตกรุงเทพมหา
นครและปริมณฑลให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณา
การแก้ไขปัญหาด้านการจราจรในภาพรวม  ทั้งในด้านการลงทุนพัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ  การพัฒนา
ระบบตั๋วร่วม และการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกเชื่อมโยงระหว่างระบบขนส่งสาธารณะรูปแบบต่าง ๆ อย่างเป็น
ระบบ รวมทั้งพัฒนาระบบบริหารจัดการและมาตรการเสริมอื่น ๆ  ในการจัดการจราจรอย่างเข้มงวด และประสาน
กับหน่วยงานของรัฐในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล   โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีหน้าที่ให้บริการแก่ประชาชนเป็น
หลัก ประเมินผลกระทบการดำเนินงานตามมาตรการสลับเวลาทำงานที่มีผลต่อบทบาท หน้าที่และภารกิจ ตลอด
จนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้มาตรการดังกล่าวเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตามความเห็นเพิ่มเติมของสำนัก
งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้  เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการและแนวทางเร่งรัดติดตาม
การใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ประกอบด้วย แนวทางการดำเนินงานของ
ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณ และแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานกลาง  และเห็นชอบตามที่รัฐมนตรี
ช่วยว่าการกระทรวงการคลัง  (นายสมหมาย ภาษี)  เสนอเพิ่มเติมแนวทางการดำเนินการของหน่วยงานกลาง
จากเดิมที่กระทรวงการคลังเสนอไว้ตามหนังสือกระทรวงการคลัง  ด่วนที่สุด ที่  กค  0405.2/17674  ลงวันที่
17 กันยายน 2550 หน้า 4  อีก  1  ข้อ  เป็น "3.3 ให้กรมหรือหน่วยงานเทียบเท่าที่มีงบลงทุนจัดทำแผนการ
ดำเนินงาน (Operation Plan) และแผนการเบิกจ่ายเงิน  (Disbursement Plan)  ของงบประมาณปี พ.ศ. 2551
และงบผูกพันจากงบประมาณ พ.ศ. 2550 เพื่อกำหนดเป็นเป้าหมาย (Milestone) ของโครงการลงทุนทุกโครง
การ    โดยให้จัดทำเป็นรายครึ่งไตรมาส  (เริ่มจาก  15  พฤศจิกายน  2550)  เพื่อเสนอให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัด
พิจารณาเพื่อเร่งรัดติดตามผลงานและให้รายงานคณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นรายครึ่งไตรมาส"

              คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ รับทราบผลการดำเนินงานในส่วนที่ผลการเจรจา
เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว  สำหรับระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าแบบกึ่งเคลื่อนย้ายหรือถอดประกอบเคลื่อน
ย้ายได้  (Relocatable  Container  Inspection  System)  จำนวน  2  ชุด ติดตั้งปฏิบัติงาน ณ ด่านศุลกากรสะเดา
จังหวัดสงขลา  และสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ   และเห็นชอบการปรับเปลี่ยนรายการโครงการจัดหาระบบ
ตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้า ระยะที่ 3 จากระบบตรวจสอบแบบตรวจขบวนรถไฟบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์สินค้า
(Railway Cargo/Vehicle Inspection System) จำนวน  1  ชุด  ที่ได้รับความเห็นชอบตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
10  กรกฎาคม  2550  กลับไปเป็นแบบกึ่งเคลื่อนย้ายหรือถอดประกอบเคลื่อนย้ายได้  (Relocatable  Container
Inspection System)  เช่นเดิมตามรายการงบประมาณ จำนวน  1  ชุด เพื่อนำไปติดตั้งปฏิบัติงาน ณ ด่านศุลกากร
ลาดกระบัง

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตาม
ความในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535  ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจ
พิจารณาแล้ว  มีสาระสำคัญคือ  แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง  ฉบับ ที่ 11  (พ.ศ. 2541)  ออกตามความในพระราช
บัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์  พ.ศ. 2535   โดยเพิ่มเติมการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์
ของบริษัทที่เกิดจากการควบบริษัทเข้ากันระหว่างสถาบันการเงินกับบริษัทเครดิตฟองซิเอร์  และของบริษัทซึ่งรับ
โอนสินทรัพย์และหนี้สินในส่วนที่เกี่ยวกับธุรกิจหลักทรัพย์จากสถาบันการเงิน และกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไข
ในการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ให้แก่บริษัทซึ่งรับโอนสินทรัพย์และหนี้สินในส่วนที่เกี่ยวกับธุรกิจ
หลักทรัพย์จากสถาบันการเงิน   รวมทั้งยกเลิกค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอรับความเห็นชอบการควบบริษัทเข้ากัน
การยื่นคำขอรับความเห็นชอบการจัดตั้งบริษัทลูก  และการยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์  และ
ให้ดำเนินการต่อไปได้

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่า
ด้วยการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ  ยกเลิกระเบียบกระทรวง
การคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร  พ.ศ. 2547  และกำหนดหลักเกณฑ์  วิธี
การในการใช้สิทธิขอรับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร ระยะเวลาในการยื่นในเบิกเงิน ผู้มีอำนาจรับ
รองการใช้สิทธิของผู้มีสิทธิได้รับเงิน  และผู้มีอำนาจอนุมัติให้เบิกเงิน  รวมทั้งกำหนดให้การเบิกเงินสวัสดิการ
เกี่ยวกับการศึกษาของบุตรต้องจัดทำด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์  (GFMIS)  และส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่าง
กฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาส 3 ของปี
งบประมาณ พ.ศ. 2550  (เมษายน-มิถุนายน  2550)  สรุปได้ดังนี้ การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง 17 กลุ่มสินค้า
มีมูลค่านำเข้ารวม  288.929  ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. 2549  จำนวน
35.713 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 14.10  โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด  3  อันดับแรก  ได้แก่
น้ำหอมและเครื่องสำอาง มูลค่านำเข้า 52.637 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  เลนซ์ มูลค่านำเข้า  31.668  ล้านดอลลาร์
สหรัฐ  และสุราต่างประเทศ มูลค่านำเข้า  29.621  ล้านดอลลาร์สหรัฐ  สำหรับสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาส 3  ปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2550 มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้น  12  รายการ โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นสูงสุด 5
อันดับแรก ได้แก่ ดอกไม้ ไวน์ รองเท้าหนังและรองเท้าผ้าใบ  กระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง  ผลไม้  มีอัตราการนำ
เข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 75.01, 66.32, 57.39, 41.36 และ 38.21 ตามลำดับ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินโดยการออกพันธบัตรออม
ทรัพย์ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ครั้งที่ 10 โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินโดยการออกพันธบัตร
ออมทรัพย์ รุ่นที่ 10 ประจำเดือนกรกฎาคม 2550  อายุพันธบัตร 3 ปี  วงเงิน 500 ล้านบาท  อัตราดอกเบี้ย
ร้อยละ 3.90 ต่อปี เมื่อวันที่ 16-18 กรกฎาคม 2550

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอก
ชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินกิจการในกิจการของรัฐ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ  ปรับปรุงแก้ไขพระราช
บัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 เพื่อแก้ไขปัญหาการตีความ
และอุดช่องว่างในการบังคับใช้กฎหมาย  และปรับปรุงกระบวนการพิจารณากลั่นกรองโครงการ การบริหารและ
กำกับการดำเนินโครงการให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ     และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ
พิจารณา  แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา  ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่ง
ชาติพิจารณาต่อไป  โดยรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วย
ว่า การแก้ไขเพิ่มเติมนิยามคำว่า "ร่วมงานหรือดำเนินการ" โดยให้สามารถกำหนดรูปแบบหรือวิธีการร่วมลงทุน
กับเอกชนในลักษณะอื่นใดเพิ่มขึ้นได้โดยกฎกระทรวงตามร่างมาตรา  5  นั้น  ควรคำนึงถึงภาคเอกชนที่ต้องการ
ความชัดเจนและรวดเร็วในการดำเนินการ  โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์  และกรณีการต่อหรือ
ขยายสนธิสัญญาตามร่างมาตรา 18 เพิ่มความเป็นมาตรา 24/2 ควรกำหนดให้ชัดเจนว่ากรณีเป็นคู่สัญญาราย
เดิม ซึ่งต้องดำเนินการตามมาตรา 12 ถึงมาตรา 21  โดยอนุโลม  จะต้องปฏิบัติแตกต่างกับกรณีที่เป็นคู่สัญญา
รายใหม่หรือไม่ ประการใด ส่วนความหมายของคำว่า  "หน่วยงานของรัฐ"  เมื่อนำมาใช้กับกรณีของกองทุน เช่น
กองทุนประกันสังคม ซึ่งเป็นกองทุนที่ประชาชนเป็นเจ้าของเงิน จะเหมาะสมหรือไม่  และกรณีที่เป็น "หน่วยงาน
ของรัฐ" หรือรัฐวิสาหกิจ ซึ่งผู้ลงทุนสามารถลงทุนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้ อันจะมีผลให้สถานะเปลี่ยน
แปลงไปตามสัดส่วนของการถือหุ้น  และอาจมีการดำเนินการที่ขัดต่อกฎหมายได้โดยไม่ทราบ หรือไม่เจตนา จะ
สมควรแก้ไขอย่างไร หรือไม่

              คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ อนุมัติให้โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง ยกเลิก
การดำเนินการโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่ ที่จังหวัดเชียงใหม่  โดยวิธีจัดหาผู้รับจ้างแบบรัฐบาล
ต่อรัฐบาล ระหว่างประเทศไทยกับประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน  ซึ่งได้ให้บริษัท China Yunnan Corporation
for International Techno-Economic Cooperation (CYC)  เป็นผู้ดำเนินโครงการ  รวมทั้งยกเลิกการดำเนินการ
การค้าต่างตอบแทนสำหรับโครงการ และอนุมัติหลักการให้โรงงานยาสูบปรับแผนงานโครงการก่อสร้างโรงงาน
ผลิตยาสูบแห่งใหม่ให้เหมาะสมกับสภาพธุรกิจปัจจุบัน   โดยมีวงเงินลงทุนไม่เกินจากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้เดิม
คือ  21,770.80  ล้านบาท  และให้โรงงานยาสูบคงเงินที่กันไว้แล้ว จำนวน  6,850  ล้านบาท  ทั้งนี้ เมื่อโรงงาน
ยาสูบทำการศึกษาและปรับแผนงานแล้วเสร็จ  ให้นำเสนอขออนุมัติดำเนินการจากคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง  และให้
กระทรวงการคลัง  (โรงงานยาสูบ)  รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ  ความเห็นของสำนักงานคณะ
กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้โรงงานยาสูบปรับแผนงานโครงการก่อสร้างโครง
งานผลิตยาสูบแห่งใหม่ให้สอดคล้องและเหมาะสมกับแนวโน้มการบริโภคบุหรี่ในอนาคตทั้งในด้านความต้องการ
เทคโนโลยี และกำลังการผลิต   ความเหมาะสมและสถานที่ตั้งของโครงการ   ระบบบริหารจัดการขนส่งเชื่อมโยง
แหล่งวัตถุดิบ แหล่งผลิต และแหล่งกระจายสินค้า พร้อมทั้งศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน  สำหรับเงิน
ลงทุนโครงการให้รอผลการศึกษาของแผนงานโครงการใหม่ เป็นต้น  ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป
ด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ พ.ศ. 2550
ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2550 โดยผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณในภาพรวมทั้งประเทศ
จำแนกตามลักษณะเศรษฐกิจ (ประจำ/ลงทุน) ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว 1,207,995
ล้านบาท  หรือร้อยละ  77.13  ของวงเงินงบประมาณ  (1,566,200  บาท)  ต่ำกว่าแผนการใช้จ่ายเงิน  จำนวน
132,802 ล้านบาท  หรือร้อยละ 9.90  ของแผนการใช้จ่ายเงิน จำแนกเป็น รายจ่ายประจำ 990,628 ล้านบาท
หรือร้อยละ 79.62  ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำหลังโอนเปลี่ยนแปลง (1,244,236 ล้านบาท) ต่ำกว่า
แผนการใช้จ่ายเงิน  จำนวน  44,121  ล้านบาท  หรือร้อยละ  4.26  ของแผนการใช้จ่ายเงิน  และรายจ่ายลงทุน
217,367 ล้านบาท  หรือร้อยละ  67.51  ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลง (321,964
ล้านบาท) ต่ำกว่าแผนการใช้จ่ายเงิน จำนวน 88,681 ล้านบาท หรือร้อยละ 28.98 ของแผนการใช้จ่ายเงิน

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอข้อบังคับกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงิน
ค่าตอบแทนการสืบหาทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธี
ปฏิบัติในการบังคับคดีและสืบหาทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อให้ส่วนราชการ (กระทรวง  กรม  หรือ
ส่วนราชการอื่นและมีฐานะเป็นกรม และราชการส่วนภูมิภาค  แต่ไม่รวมถึงราชการส่วนท้องถิ่น  รัฐวิสาหกิจหรือ
หน่วยงานอื่นของรัฐ) ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่
เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้