คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชบัญญัติการดูแลผล
ประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการดูแลผลประโยชน์ของ
คู่สัญญา  โดยให้มีคนกลางที่มีความมั่นคงและน่าเชื่อถือทำหน้าที่ดูแลการชำระหนี้ของคู่สัญญาที่ได้มีการทำสัญญา
ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์หรือการทำสัญญาต่างตอบแทนอื่นใด ให้เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้  และให้ส่งคณะกรรมการ
ประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้กระทรวงการคลังจำหน่ายหุ้นของ
บริษัททางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ให้แก่บริษัท แบ็บค็อก แอนด์ บราวน์ โทลโรดส์ โฮลดิ้งส์ (ประเทศ
ไทย) จำกัด จำนวน 38,650,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 12.28 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่ถือโดยกระทรวงการคลัง ใน
ราคาหุ้นละ 10 บาท โดยไม่ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และให้นำเงินที่ได้จากการจำหน่ายหุ้นเข้าบัญชี
เงินฝากเพื่อการซื้อหุ้นเพื่อนำไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนในกิจการที่อยู่ในแผนของกระทรวงการคลังต่อไป ทั้งนี้ ตามระเบียบ
กระทรวงการคลังว่าด้วยการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นของส่วนราชการ พ.ศ. 2535  และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 8 และข้อ
12  และให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป  โดยรับความเห็นของสำนัก
งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกรณีการจำหน่ายหุ้นในส่วนของกระทรวงการคลังควรที่
จะพิจารณาถึงโอกาสและความเสี่ยงของราคาหุ้น การพิจารณาผู้ลงทุนที่มีศักยภาพและมีวัตถุประสงค์การลงทุนใน
ระยะยาว  รวมทั้งควรมีนโยบายที่ชัดเจนในการลดสัดส่วนถือหุ้นในระยะต่อไป  เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อภาครัฐ  ไม่
กระทบต่อการให้บริการประชาชนผู้ใช้ทางพิเศษและสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน ไปพิจารณาด้วย

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลข
ทะเบียนที่ อบ.2546 ตาม น.ส.3 เลขที่ 5/165 ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี คืนให้แก่
นายปัญญา แซ่ซื้อ ทายาทของนางสมศรี ใช้คำแช่ม ผู้ยกให้

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวงรวม 2 ฉบับ ได้แก่ ร่างกฎ
กระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์โลหะสองสี ชนิดราคาสิบบาท เหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว ชนิดราคาห้า
บาท เหรียญกษาปณ์โลหะสีทอง ชนิดราคาสองบาท เหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว ชนิดราคาหนึ่งบาท เหรียญกษาปณ์
โลหะสีแดง ชนิดราคาห้าสิบสตางค์ เหรียญกษาปณ์โลหะสีแดง ชนิดราคายี่สิบห้าสตางค์  เหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว
ชนิดราคาสิบสตางค์ เหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว ชนิดราคาห้าสตางค์ และเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว  ชนิดราคาหนึ่ง
สตางค์ พ.ศ. ....  และร่างกฎกระทรวงถอนคืนเหรียญกษาปณ์อลูมิเนียม  ชนิดราคาห้าสตางค์  พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญ
คือ กำหนดให้จัดทำเหรียญกษาปณ์ออกใช้เพื่อหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ จำนวน 9 ชนิดราคา และถอนคืนเหรียญ
กษาปณ์อลูมิเนียม ชนิดราคา 5 สตางค์ น้ำหนัก 0.6 กรัม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 16 มิลลิเมตร และให้ส่งสำนักงาน
คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

                คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ รับทราบปัญหาการจัดทำรายงานการเงินแผ่นดิน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 และ พ.ศ. 2549  และเห็นชอบแนวทางให้ส่วนราชการปฏิบัติดังนี้ ให้ส่วนราชการ
ในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคตรวจสอบข้อผิดพลาดทางบัญชีที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548  และ พ.ศ. 2549
จากงบทดลองในระบบ GFMIS โดยเฉพาะข้อผิดพลาดที่เกี่ยวกับบัญชีเงินสด  บัญชีเช็คในมือ  บัญชีเงินฝากธนาคาร
บัญชีเงินฝากคลัง บัญชีลูกหนี้ และบัญชีเจ้าหนี้  และให้ส่วนราชการต้นสังกัดรวบรวมข้อผิดพลาดดังกล่าวเพื่อจัดทำ
กระดาษทำการปรับปรุงบัญชีนอกระบบ GFMIS ตามวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนดและจัดทำงบการเงินประจำ
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548  และ พ.ศ. 2549  จากกระดาษทำการดังกล่าวส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจ
สอบและรับรองภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2551   รวมทั้งให้นำข้อผิดพลาดทางบัญชีดังกล่าวมาแก้ไขในระบบ GFMIS
ตามวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด หลังจากมีการพัฒนาระบบให้รองรับการแก้ไขแล้ว 

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ  (ขสมก.)  กู้เงิน
ชำระหนี้ค่าดอกเบี้ยที่กำหนดชำระในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวน 439.876 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลัง
เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้และกำหนดเงื่อนไขการกู้เงินดังกล่าว โดยให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการ
คลังไปพิจารณาดำเนินการด้วยว่า  การกู้เงินในครั้งนี้เป็นเพียงการกู้เงินเพื่อชำระค่าดอกเบี้ยจ่าย  แต่ ขสมก. ยังคง
มีหนี้ค้างชำระค่าเหมาซ่อม  และค่าน้ำมัน  ซึ่งในหลักการควรเสนอขออนุมัติเพื่อให้เห็นภาพรวมไปในคราวเดียวกัน
ในขณะเดียวกันการกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดสภาพคล่องของ ขสมก.  เป็นการชั่วคราว  ซึ่งไม่สามารถช่วยแก้ไข
ปัญหาให้ ขสมก. ได้ในระยะยาว  ดังนั้น กระทรวงคมนาคมควรผลักดันให้ ขสมก. เร่งดำเนินการปรับโครงสร้าง ซึ่ง
รวมถึงแนวทางในการชำระหนี้สินให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอผลการประชุมคณะมนตรีเขตการค้าเสรีอาเซียน
(AFTA Council) ครั้งที่ 21  ณ กรุงมะนิลา  ประเทศฟิลิปปินส์  และความเห็นของกระทรวงการคลังในเรื่องการลด
ภาษีภายใต้ AFTA   การยกเลิกมาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี  การรับรองพิธีสารว่าด้วยการพิจารณาเป็น
พิเศษสำหรับสินค้าข้าวและน้ำตาล (Protocol to Provide Special Consideration  for  Rice  and  Sugar) รวมทั้ง
การมอบหมายให้กระทรวงพานิชย์  ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานดำเนินการเขตการค้าเสรีอาเซียนของไทย  ทั้งนี้  ให้
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ  เกี่ยวกับการมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาสินค้า
น้ำมันปาล์มอย่างเป็นระบบนั้น ในการจัดทำแผนฯ ควรมีการประสานการดำเนินงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยว
ข้องอย่างใกล้ชิด  โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ในด้านการนำเข้าสินค้าน้ำมันปาล์มภายใน  AFTA   ซึ่งปัจจุบันต้อง
นำเข้าโดยผ่านองค์การคลังสินค้า และกระทรวงพลังงานในด้านนโยบายและเป้าหมายความต้องการสินค้าน้ำมัน
ปาล์มเพื่อการบริโภคพลังงานที่ชัดเจนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอให้ถอนเรื่อง การดำเนินงานโครง
การบ้านสวัสดิการเพื่อข้าราชการ "โครงการบ้านธนารักษ์" คืนไปได้

           คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานกิจการ งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของบรรษัท
ตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่  31  ธันวาคม  2549 โดยในปี พ.ศ. 2549 บตท. มีรายได้
รวม  210.54  ล้านบาท  โดยลดลงจากปี พ.ศ. 2548  คิดเป็นร้อยละ  7.19  ส่วนเงินลงทุนในลูกหนี้ที่อยู่อาศัยในปี
พ.ศ. 2549   บตท. ลงทุนในลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยจำนวน  4,018.24  ล้านบาท  ลดลงจากปี พ.ศ. 2548  ร้อยละ
8.36  และในปี พ.ศ. 2549  บตท. มีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลจำนวน 208.54 ล้านบาท ต่ำกว่าในปี พ.ศ. 2548
ร้อยละ 2.80 และมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจำนวน 2.00 ล้านบาท ต่ำกว่าในปี พ.ศ. 2548 ร้อยละ 83.77 สำหรับค่าใช้
จ่ายในปี พ.ศ. 2549 บตท. มีค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 198.98 ล้านบาท ต่ำกว่าปี พ.ศ. 2548 ร้อยละ 7.52  โดยมีค่าใช้
จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงร้อยละ 30.36 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2548 และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย คิดเป็นร้อย
ละ 2.05  และ ณ สิ้นปี พ.ศ. 2549  บตท. มี NPL  จำนวน 1,730.20 ล้านบาท  สูงกว่า ณ สิ้นปี พ.ศ. 2548  จำนวน
1,541.68  ล้านบาท  ทำให้อัตราส่วน NPL  ต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ  39.79  ของเงินลงทุนในลูกหนี้  และ
บตท. ได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญตามเกณฑ์มาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ ฉบับที่ 39  (LAS 39)  ทำให้ บตท.
ต้องตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 110.24 ล้านบาท ส่งผลให้ บตท. ประสบผลขาดทุนสุทธิจำนวน  98.68  ล้าน
บาท

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริม
ทรัพย์ครึ่งปีแรก ปี พ.ศ. 2550 สรุปได้ดังนี้ โครงการที่ดำเนินการต่อเนื่องจากปี พ.ศ. 2548 ได้แก่ โครงการสำรวจ
ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพ ฯ-ปริมณฑล และ 11 จังหวัดยุทธศาสตร์ ในภูมิภาค ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 1/
2550  และโครงการพัฒนาระบบคลังข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ อยู่ระหว่างดำเนินการ  สำหรับโครงการที่ดำเนินการ
ต่อเนื่องจากปี พ.ศ. 2549 มีจำนวน 6 โครงการ เป็นโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ  4  โครงการ  ได้แก่  การรวบ
รวมและจัดเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์  5  ประเภท ในเขตกรุงเทพ ฯ-ปริมณฑล  และ 11 จังหวัดยุทธศาสตร์ ในภูมิ
ภาค  การวิจัยความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โครงการอาคารขนาดใหญ่สร้างค้าง   การจัดทำบทวิเคราะห์ราย
เดือนและรายไตรมาสโดยการจัดจ้างที่ปรึกษาจัดทำบทวิเคราะห์  และโครงการเชื่อมโยงระบบข้อมูลกับแหล่งข้อมูล
และที่อยู่ระหว่างดำเนินการ  2  โครงการ  ได้แก่  โครงการจัดทำบทวิเคราะห์ตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพ  ฯ
และการศึกษาความต้องการที่อยู่อาศัยของประชากรในเขตกรุงเทพ ฯ-ปริมณฑล   และ  11  จังหวัดยุทธศาสตร์ใน
ภูมิภาค  ส่วนโครงการที่จะดำเนินการในปี พ.ศ. 2550  ได้แก่  โครงการสำรวจที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพ ฯ-ปริมณ
ฑล และ 11 จังหวัดยุทธศาสตร์ ในภูมิภาค โครงการระบบ Mail Server  โครงการเชื่อมโยงระบบข้อมูลกับกรมธนา
รักษ์ โครงการเชื่อมโยงระบบข้อมูลกับกรมที่ดิน  และโครงการจัดสัมมนาวิชาการทางด้านอสังหาริมทรัพย์ประจำปี
รวมทั้งงานที่ได้รับมอบหมายพิเศษ 1 โครงการ ได้แก่ โครงการจัดกิจกรรมสนับสนุนตลาดบ้านมือสอง

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานผลการกู้เงินโดยการปรับโครงสร้างหนี้
ตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาล  โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐ
บาล ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ทั้งสิ้นจำนวน 102,370 ล้านบาท โดยดำเนินการในไตรมาสที่ 1 จำนวน 32,000 
ล้านบาท และไตรมาสที่ 3-4 จำนวน 70,370 ล้านบาท

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกา
ยน 2549 เฉพาะส่วนการขายที่ดินและอาคารสำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศไทย ประจำสถานเอกอัครราช
ทูตไทย  จำนวน 3 แห่ง  ของกระทรวงกลาโหม  คือ  กรุงลอนดอน  ประเทศสหราชอาณาจักร  กรุงโซล  ประเทศ
สาธารณรัฐเกาหลี และกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ
ประจำปี พ.ศ. 2550  โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ 17 แห่ง ได้รับอนุมัติงบลงทุนทั้ง
สิ้น 318,776.88 ล้านบาท การเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมระหว่างเดือนตุลาคม 2549-กันยายน 2550 สามารถ
เบิกจ่ายงบลงทุนได้จริง 168,094.54 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 52.73 ของงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติ  เพิ่มขึ้นจาก
เดือนสิงหาคม 2550  ที่สามารถเบิกจ่ายได้ร้อยละ 45.40 ของงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติ  โดยรัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีงบ
ประมาณ จำนวน  11  แห่ง  ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550  ได้รับอนุมัติงบลงทุนทั้งสิ้น 177,396.73 ล้านบาท
การเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมตั้งแต่วันที่  1  ตุลาคม  2549-30  กันยายน  2550  สามารถเบิกจ่ายจริงได้ทั้งสิ้น
112,412.94 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 63.37 ของงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติ ส่วนรัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีปฏิทิน จำนวน
6 แห่ง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ได้รับอนุมัติงบลงทุนทั้งสิ้น 141,380.15 ล้านบาท  การเบิกจ่ายงบลงทุน
สะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550-30 กันยายน 2550 สามารถเบิกจ่ายได้จริงทั้งสิ้น  55,681.60  ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ 39.38 ของงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติ

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานว่า ได้ดำเนินการออกพันธบัตรออมทรัพย์
รุ่นที่ 12 ประจำเดือนกันยายน 2550 อายุพันธบัตร 3 ปี วงเงิน 500 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.75 ต่อปี

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ  แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535  โดย
ปรับปรุงโครงสร้างขององค์กรกำกับดูแลตลาดทุน และให้มีคณะกรรมการกำกับตลาดทุนเพื่อทำหน้าที่ในการตรากฎ
เกณฑ์กำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจและการทำธุรกรรมต่าง  ๆ  ในตลาดทุน  ปรับปรุงที่มาและการพ้นจากตำแหน่งของ
เลขาธิการ ก.ล.ต. รวมทั้งเพิ่มข้อห้ามมิให้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่หลังการพ้นจากตำแหน่ง ปรับ
ปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการกำกับดูแลการเสนอขายหลักทรัพย์เพื่อรองรับพัฒนาการของรูปแบบการจัดตั้งผู้ออกหลัก
ทรัพย์  ปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ และหลักเกณฑ์คุ้มครองทรัพย์สินของลูกค้าของ
บริษัทหลักทรัพย์ กำหนดบทบัญญัติรองรับการทำธุรกรรมในตลาดหลักทรัพย์ กำหนดบทบัญญัติเพื่อคุ้มครองระบบ
การส่งมอบและชำระบัญชีในการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียน  ปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อ
ครอบงำกิจการ เพื่อยกระดับการให้ความคุ้มครองผู้ลงทุน  และปรับปรุงบทบัญญัติต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้การบังคับใช้
กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น   และร่างพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญคือ   แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า  พ.ศ. 2546   เพื่อกำหนดให้อำนาจหน้าที่บาง
ประการของคณะกรรมการ ก.ล.ต. เป็นอำนาจของคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ตรวจพิจารณาแล้ว   และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา  ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติ
แห่งชาติพิจารณาต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง นางจันทรา  บูรณกฤษ์
เป็นเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรี
มีมติ (30 ตุลาคม 2550) เป็นต้นไป

                คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กู้เงินใน
ประเทศ 23,000 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและอื่น ๆ โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้
เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะ
สม และจำเป็น  ทั้งนี้  ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า  ในระยะยาวการค้ำ
ประกันการกู้เงินของกระทรวงการคลังเพื่อการระดมทุนของธนาคารอาคารสงเคราะห์ดังกล่าว จะดำเนินการให้
เหมาะสมได้อย่างไร

คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ อนุมัติให้โรงงานยาสูบดำเนินโครงการก่อสร้างโรงงาน
ผลิตยาสูบแห่งใหม่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมหรือเขตอุตสาหกรรม  ห่างจากกรุงเทพมหานครในรัศมีไม่เกิน 200 กิโล
เมตร ภายในวงเงินลงทุนประมาณ 16,200 ล้านบาท  ระยะเวลาดำเนินการ  5  ปี (ปี พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2555) ทั้งนี้
สำหรับเงินลงทุนค่าสินค้าและบริการที่นำเข้าจากต่างประเทศ อนุมัติในหลักการให้โรงงานยาสูบเบิกจ่ายเงินในวงเงิน
ลงทุนที่เปลี่ยนแปลง  ซึ่งเป็นผลจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่
เกิดขึ้นจริง และจัดหาผู้รับดำเนินการโดยวิธีการประกวดราคา ดังนี้ โดยประกวดราคาในประเทศ สำหรับการก่อสร้าง
อาคาร  สิ่งก่อสร้าง  ระบบสาธารณูปโภค  และเสริมการผลิต   และประกวดราคาสากล  (International  Competitive
Bidding)  สำหรับการจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์ รวมทั้งอนุมัติในหลักการให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาให้โรง
งานยาสูบกันเงินนำส่งรายได้แผ่นดินภายใต้กรอบภาระของสัญญา  โดยพิจารณาความเหมาะสมเป็นปี ๆ  เริ่มจากผล
กำไรของปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป ภายในกรอบวงเงินลงทุนโครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติโดยการกันเงิน
ดังกล่าว  ควรพิจารณาให้สอดคล้องกับภาระที่โรงงานยาสูบจะต้องจ่ายจริง และสถานการณ์การเงินของโรงงานยาสูบ
โดยให้กระทรวงการคลัง  และโรงงานยาสูบ  รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ  (สศช.)  ที่ให้กระทรวงการคลังเสนอโครงการให้ สศช. พิจารณาตามขั้นตอนเพื่อความรอบคอบและสามารถ
ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ตลอดจนบรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เนื่องจากโครงการดังกล่าว
เป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่  และมีผลกระทบในหลายด้าน  ประกอบกับเป็นโครงการที่ไม่อยู่ภายใต้กรอบงบลงทุน
ประจำปี พ.ศ. 2551  ของโรงงานยาสูบที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่  11  กันยายน  2550  ไปดำเนิน
การด้วย  ทั้งนี้  คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า  โรงงานยาสูบเป็นองค์การที่จัดตั้งในสังกัดกระทรวงการคลังเพื่อประกอบ
ธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตบุหรี่ซึ่งถือได้ว่าเป็นสินค้าที่มีผลเสียต่อสุขภาพอนามัยของผู้บริโภค  และควรต้องได้รับการควบ
คุมดูแลอย่างเข้มงวด  ดังนั้น  ในระยะยาว  จึงควรพิจารณาปรับปรุงแนวทางการบริหารจัดการและสถานะของโรงงาน
ยาสูบโดยอาจให้มีกฎหมายจัดตั้งที่เหมาะสมชัดเจน  เพื่อให้เป็นนิติบุคคลเช่นเดียวกับรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ  รวมทั้งไม่ควร
ให้เป็นกิจการที่ประกอบการโดยภาครัฐ

              คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัด
ซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดซื้อจัดจ้างและการ
บริหารพัสดุภาครัฐ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี  และส่ง
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยรับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ไปพิจารณาด้วยว่า มาตรา 3/1  แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534  ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม
โดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 เป็นมาตราที่ให้อำนาจในการตราพระ
ราชกฤษฎีกาที่ครอบคลุมการบริหารราชการอย่างกว้างขวาง   การที่กระทรวงการคลังเสนอกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการ
จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะ  โดยเปลี่ยนจากระเบียบที่ใช้อยู่เดิมมาออกเป็นพระราช
กฤษฎีกา   โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดินดังกล่าวจะกระทำได้หรือไม่  เพียง
ใด แล้วดำเนินการต่อไปได้  และอนุมัติให้ถอนร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ....  ออกจากการ
พิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

              คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ อนุมัติให้ลูกจ้างประจำในสังกัดกรมพินิจและคุ้ม
ครองเด็กและเยาวชนได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ  โดยค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ให้
กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2551 เพื่อดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ  และอนุมัติเป็นหลักการให้ลูกจ้าง
ประจำในสังกัดส่วนราชการต่าง ๆ  อาจได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ  โดยในการพิจารณาเรื่องนี้
ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณและบุคลากรของรัฐ เช่น สำนักงบประมาณ  และสำนักงาน ก.พ.  เป็น
ต้น เข้าร่วมการพิจารณากับกระทรวงการคลังด้วยตามแนวทางที่กระทรวงการคลังได้รับความเห็นชอบจากคณะ
รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2549 เรื่อง การปรับปรุงเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการ
พลเรือนสามัญ  ข้าราชการทหาร   กระทรวงกลาโหม   และลูกจ้างประจำของสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ