ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 193 จากทั้งหมด 482 หน้า แสดงรายการที่ 3841 - 3860 จากข้อมูลทั้งหมด 9627 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3841 | รายงานผลการดำเนินงานรอบระยะเวลาบัญชีปี 2548 ของเงินทุนหมุนเวียนการผลิตเหรียญกษาปณ์และการทำของ | กค | 18/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินงานรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ. 2548
ของเงินทุนหมุนเวียนการผลิตเหรียญกษาปณ์และการทำของ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบและรับรอง งบดุล ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 ดังนี้ ฐานะทางการเงิน เงินทุนหมุนเวียน ฯ มีสินทรัพย์ 10,202.597 ล้านบาท มีหนี้สิน 715.356 ล้านบาท ทุนหมุนเวียน 80.138 ล้านบาท กำไรสะสม 9,407.103 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนิน งาน เงินทุนหมุนเวียน ฯ มีรายได้ 3,181.767 ล้านบาท ต้นทุนผลิต 2,697.888 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน 46.625 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 437.254 ล้านบาท และให้นำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3842 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2551 ครั้งที่ 1 | กค | 18/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำ
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ครั้งที่ 1 ได้แก่ การปรับปรุงแผนการบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐบาลในส่วน ของแผนการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ และการปรับปรุงแผนการบริหารจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐ วิสาหกิจ และอนุมัติการกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจ โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน และการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นภายใต้ แผนที่ปรับปรุง รวมทั้งรับทราบการปรับปรุงแผนการกู้เงินของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่มีสถานะเป็นรัฐ วิสาหกิจซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายใต้กรอบวงเงินกู้ของแผน ฯ โดยปรับลดวงเงินกู้จำนวน 3,301.92 ล้านบาท จากวงเงินเดิม 24,919.28 ล้านบาท เป็น 21,617.36 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3843 | แผนแม่บทการเงินระดับฐานราก | กค | 18/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอแผนแม่บทการเงินระดับฐานราก ซึ่ง
เป็นแผนระยะปานกลาง 4 ปี (พ.ศ.2551-พ.ศ. 2554) มีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมให้องค์กรการเงินระดับฐานราก เป็นเครื่องมือหลักของชุมชนในการพัฒนาขีดความสามารถของชุมชนอย่างมีจรรยาบรรณและธรรมาภิบาล มีกรอบ การดำเนินงานที่ชัดเจนสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สามารถกำหนดแนวนโยบายในทิศทางที่สอดคล้องกัน และ ลดการทำงานซ้ำซ้อน และส่งเสริมการช่วยเหลือกันระหว่างองค์กรการเงินระดับฐานราก เพื่อสร้างเครือข่ายความ มั่นคงและยั่งยืน ประกอบด้วย 3 ยุทธศาสตร์ ดังนี้ ยุทธศาสตร์การพัฒนาคนและส่งเสริมความเข้มแข็งขององค์กร และระบบการเงินระดับฐานราก ยุทธศาสตร์เพื่อบูรณาการการทำงานภาครัฐ/ภาคี เพื่อส่งเสริมการพัฒนาองค์กร และระบบการเงินระดับฐานราก และยุทธศาสตร์สร้างเครือข่ายและขยายผล และให้กระทรวงการคลังรับความเห็น และข้อสังเกตเพิ่มเติมของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ ที่ให้มีการบูรณาการแผนแม่ บท ฯ เข้ากับกระบวนการจัดทำแผนชุมชนเพื่อให้สามารถสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือ และนำไปสู่ความยั่งยืนและ การพึ่งพาตนเองได้ในที่สุด กับให้หน่วยงานและภาคีที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย งบประมาณ รวมทั้งการบูรณาการการทำงานตามมาตรการที่กำหนดขึ้นเพื่อให้การส่งเสริมและพัฒนาองค์กรการ เงินระดับฐานรากมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการ ต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3844 | รายงานสรุปผลการกู้เงินในรูป Euro Commercial Paper (ECP) ประจำปีงบประมาณ 2550 | กค | 11/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินภายใต้ ECP Programme ประจำ
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ได้ดำเนินการกู้เงินภายใต้ ECP Programme รวม 8 ครั้ง จำนวนรวม 484,200,000 เหรียญสหรัฐ 9,000,000,000 เยน และ 100,000,000 ยูโร (นับรวมวง เงินที่ใช้สำหรับการ Rollover เงินกู้เดิม) เพื่อใช้สมทบในการชำระค่าจัดซื้อเครื่องบินโบอิ้ง B777-200ER จำนวน 4 ลำ ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) วงเงินรวม 235,200,000 เหรียญสหรัฐ เพื่อ Refinance เงินกู้ตาม แผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ได้แก่ เงินกู้ Samurai Bond รุ่นที่ 17 และ 19 ของ บริษัท การบินไทย ฯ จำนวน 132,000,000 เหรียญสหรัฐ และ 9,000,000,000 เยน ตามลำดับ และเพื่อ Rollover เงินกู้เดิมที่ใช้เป็น Bridge Financing สำหรับการทำ Refinance เงินกู้ Samurai Bond รุ่นที่ 15 ของบริษัท การบินไทย ฯ ตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ปรับปรุงครั้งที่ 2 โดยในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2550 ได้ทำการ Rollover 1 ครั้ง จำนวน 100,000,000 ยูโร สำหรับการชำระคืนเงินกู้ภายใต้ ECP Programme สบน. ได้ชำระคืนเงินกู้ ECP จำนวน 2 รายการ วงเงิน 21,700 ล้านเยน และ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนบริษัท การบินไทย ฯ ได้ใช้เงินกู้ระยะยาวในรูป Financial Lease ชำระคืนเงินกู้ ECP ซึ่งใช้เป็น Bridge Financ ing ในการสมทบค่าจัดซื้อเครื่องบินโบอิ้ง B777-200ER จำนวน 4 ลำ จำนวน 58.6 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 176.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งผลการใช้เงินกู้และการชำระคืนเงินกู้ดังกล่าว ทำให้กระทรวงการคลังสามารถลดภาระ หนี้ได้เป็นเงินรวมเทียบเท่า 19,227 ล้านบาท และยอดเงินกู้คงค้างภายใต้ ECP Programme ณ วันที่ 30 กันยายน 2550 เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 340,430,152 เหรียญ คงเหลือวงเงินกู้ที่สามารถเบิกใช้ได้อีกจำนวน 1,659,569,848 เหรียญสหรัฐ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3845 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนโครงการเลิกใช้สารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน) | กค | 11/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความใน
ประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการนำเข้าเครื่องมือหรืออุปกรณ์ ซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม นำเข้ามาเพื่อมอบ ให้แก่หน่วยราชการ เพื่อนำไปใช้ในโครงการเลิกใช้สารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน (Thailand National CFCs Phaseout Plan) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3846 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าสอนพิเศษและค่าสอนเกินภาระงานสอนในสถานศึกษาและสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. .... | กค | 11/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิก
จ่ายเงินค่าสอนพิเศษและค่าสอนเกินภาระงานสอนในสถานศึกษาและสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. .... ที่คณะกรรม การตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาแล้ว โดยได้แก้ไขเพิ่มเติมสาระ สำคัญในบางประเด็น อาทิ แก้ไขหลักเกณฑ์การคำนวณหน่วยชั่วโมงการสอนจากเดิมที่แยกคำนวณหน่วยชั่วโมง การสอนภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติออกจากกัน เป็นการคำนวณหน่วยชั่วโมงการสอนโดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน และเพิ่มเติมบัญชีท้ายระเบียบเป็นบัญชีหมายเลข 2 - 6 เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับผู้ทำการสอนที่มีสิทธิได้ รับเงินค่าสอนเกินภาระงานสอนในสถานศึกษา สถาบันอาชีวศึกษา สถาบันอุดมศึกษา สถาบันอุดมศึกษาที่มี การสอนระดับมัธยมศึกษา และสถาบันอุดมศึกษาที่มีการสอนระดับต่ำกว่าปริญญาตรี เป็นต้น และให้ดำเนิน การต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3847 | ขยายขอบเขตกิจการอันพึงเป็นงานธนาคารของธนาคารอาคารสงเคราะห์ | กค | 11/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ เห็นชอบในหลักการของการทำหน้าที่เป็นผู้ประกัน
สินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยขยายขอบเขตการดำเนินงานของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ให้สามารถร่วมกิจการ กับบุคคลอื่น จัดตั้งบริษัท เพื่อประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้ และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดกิจการ อันพึงเป็นงานธนาคารของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ขยายขอบเขตการ ดำเนินงานของ ธอส. ให้สามารถร่วมกิจการกับบุคคลอื่น จัดตั้งบริษัท เพื่อประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัย และร่างกฎ กระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. 2496 โดยมีสาระ สำคัญคือ กำหนดให้การร่วมกิจการกับบุคคลอื่น จัดตั้งบริษัท เพื่อประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารจะเข้าร่วมลง ทุนหรือเข้าถือหุ้นได้ตามจำนวนเงินทุนหรือหุ้นที่รัฐมนตรีกำหนด แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 25 ของจำนวนเงินทุนหรือ หุ้นทั้งหมด และภายในระยะเวลา 5 ปี นับจากวันเริ่มประกอบกิจการ ธนาคารต้องลดสัดส่วนการเข้าร่วมลงทุนหรือ เข้าถือหุ้นให้เหลือร้อยละ 5 นับจากวันเริ่มประกอบกิจการ ธนาคารต้องลดสัดส่วนการเข้าร่วมลงทุนหรือเข้าถือหุ้น ให้เหลือร้อยละ 5 หรือน้อยกว่า เว้นแต่รัฐมนตรีจะอนุญาตเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ในส่วนของหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไข ที่มิได้กำหนดในกฎกระทรวงนี้ ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการธนาคารกำหนด และให้ส่งสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการกำหนดหลัก เกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของคณะกรรมการธนาคารในร่างกฎกระทรวง ฯ อาจเป็นการกำหนดที่เกินอำนาจของ กฎหมายแม่บทตามพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. 2496 ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3848 | การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินราชพัสดุคืนให้แก่ผู้ยกให้ รายนายจรูญ หอมขจร | กค | 11/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลข
ทะเบียนที่ อน.541 ตาม น.ส.3 ข. เลขที่ 172 ตำบลเขาบางแกรก อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี คืนให้แก่ นายจรูญ หอมขจร ผู้ยกให้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3849 | การปรับปรุงค่ารักษาพยาบาลของพนักงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ | กค | 04/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ใน
คราวประชุมครั้งที่ 8/2550 เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2550 ซึ่งคณะกรรมการแรงงาน ฯ มีมติให้ธนาคารอาคารสง เคราะห์ปรับปรุงค่ารักษาพยาบาลของพนักงานกรณีเป็นผู้ป่วยใน ค่าห้องและอาคาร โรงพยาบาลรัฐบาล และเอก ชนให้ปรับเพิ่มจากเดิม "ตามที่จ่ายจริงไม่เกินวันละ 800 บาท" เป็น "ตามที่จ่ายจริงไม่เกินวันละ 1,200 บาท" ส่วน กรณีเป็นผู้ป่วยนอกที่เข้ารับการรักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลเอกชนซึ่งขอปรับเพิ่มจากเดิม "ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน ปีละ 10,000 บาท" เป็น "ตามที่จ่ายจริงไม่เกินปีละ 20,000 บาท" นั้น ให้กระทรวงแรงงานรับไปเพื่อส่งให้คณะ กรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์พิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3850 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2550 เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2550 | กค | 04/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ใน การประชุมครั้งที่ 1/2550 เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2550 จำนวน 5 เรื่อง สรุปได้ดังนี้ (1) เรื่อง หลักเกณฑ์การ จัดตั้ง/ร่วมทุนและกำกับดูแลบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ ที่ประชุม กนร. มีมติเห็นชอบตามที่ฝ่ายเลขานุการ กนร. เสนอ โดยเพิ่มเติมให้รัฐวิสาหกิจพิจารณาทบทวนการปฏิบัติตามกฎ ระเบียบข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่ใช้กับ รัฐวิสาหกิจทั่วไปของบริษัทในเครือที่ได้จัดตั้งไปแล้ว (2) เรื่อง การถือหุ้นของหน่วยงานรัฐในบริษัทจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ประชุม กนร. มีมติรับทราบตามที่ฝ่ายเลขานุการ กนร. รายงาน โดยให้รอผล การหารือเกี่ยวกับสถานะของกองทุนประกันสังคม (3) เรื่อง แผนปรับโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะ การเงินขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่ประชุม กนร. มีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงคมนา คมเสนอแผนปรับโครงสร้างการบริหารจัดการ ฯ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ เป็นเจ้าภาพในการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณารายละเอียดของแต่ละโครงการและการ ดำเนินงานตามแผนปรับโครงสร้าง ฯ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป (4) เรื่อง แนวนโยบายของผู้ถือ หุ้น/ภาครัฐของรัฐวิสาหกิจ (Statement of Direction) ที่ประชุม กนร. มีมติรับทราบแนวนโยบายดังกล่าว เพื่อ ใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ และเพื่อใช้เป็นกรอบการประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ และ (5) เรื่อง แผนยุทธศาสตร์ปรับปรุงโครงสร้างเพื่อฟื้นฟูฐานะการเงินของสถาบันการบินพลเรือน การรถไฟฟ้า ขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย องค์การส่งเสริมกิจการโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร องค์การคลังสินค้า บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด องค์การสวนสัตว์ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ และการเคหะแห่งชาติ ที่ประชุม กนร. มีมติรับทราบแผนยุทธศาสตร์ปรับปรุงโครงสร้างเพื่อฟื้นฟูฐานะการเงินของรัฐวิสาหกิจทั้ง 9 แห่ง โดยให้กระทรวงเจ้าสังกัดเร่งติดตามกำกับให้รัฐวิสาหกิจจัดทำแผนแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน สำหรับรัฐวิสาหกิจอื่นที่ มีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาด้านการเงินในอนาคต เช่น บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ให้กระทรวงเจ้าสังกัดและ กระทรวงการคลังติดตามการดำเนินงานและหาแนวทางแก้ไขปัญหาโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3851 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทน เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว และเงินช่วยเหลืออาสาสมัครทหารพราน กระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 04/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิก
จ่ายเงินค่าตอบแทน เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวและเงินช่วยเหลืออาสาสมัครทหารพราน กระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ฯ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยปรับอัตราเงินค่าตอบแทนอาสาสมัครทหารพราน กระทรวงกลาโหม เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 4 ของเงินค่า ตอบแทนที่ได้รับอยู่เดิม รวมทั้งกำหนดรายได้ขั้นสูงของอาสาสมัครทหารพราน กระทรวงกลาโหม ที่มีสิทธิได้ รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเป็นไม่เกินเดือนละ 11,000 บาท และกำหนดรายได้ขั้นต่ำเป็นเดือนละ 7,700 บาท และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาแล้ว ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3852 | การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินราชพัสดุคืนให้แก่ผู้ยกให้ รายนางรัชฎา บุษปะเกศ | กค | 04/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลข
ทะเบียนที่ รอ.1275 ตามโฉนดเลขที่ 204 ตำบลแวง อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด คืนให้แก่นางรัชฎา บุษปะ เกศ ทายาทและผู้จัดการมรดกของนางชุ่มเมือง โคตรุฉิน ผู้ยกให้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3853 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 ประจำปีงบประมาณ 2550 | กค | 04/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระ
ราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 สรุปได้ดังนี้ ผลการดำเนินการ ตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ณ สิ้นเดือนกันยายน 2550 สามารถดำเนิน การได้ทั้งสิ้น 944.428.09 ล้านบาท จากวงเงินในแผน ฯ 1,054,559.75 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 89.56 รวม กับการกู้เงินและบริหารหนี้ ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายใต้กรอบวงเงินการกู้เงินและบริหารหนี้ของแผนการบริหาร หนี้สาธารณะ 120,363.24 ล้านบาท กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินและบริหารหนี้รวม 1,064,791.33 ล้านบาท แบ่งเป็นการกู้เงินใหม่ 308,626.36 ล้านบาท และการบริหารหนี้ 756,164.97 ล้านบาท และจาก การบริหารหนี้ในประเทศและต่างประเทศสามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 96,517.41 ล้านบาท ลดภาระดอกเบี้ยได้ 2,373.12 ล้านบาท และประหยัดดอกเบี้ยได้ 681 ล้านบาท สำหรับการติดตามผลการดำเนินโครงการเงินกู้ ใน ส่วนของโครงการเงินกู้จากต่างประเทศในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 (1 ตุลาคม 2549-30 กันยายน 2550) มี โครงการเงินกู้ที่ผูกพัน 15 สัญญา โดยในระหว่างปีงบประมาณได้มีการดำเนินโครงการเสร็จสิ้น 1 สัญญาคือ โครง การถ่ายทอดเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คงเหลือโครงการ 14 สัญญา สำหรับสถานะหนี้ สาธารณะ ณ วันที่ 30 กันยายน 2550 มีจำนวน 3,166,446 ล้านบาท หรือร้อยละ 37.70 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม ภายในประเทศ (GDP) แบ่งเป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,039,325 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการ เงิน 906,374 ล้านบาท หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 185,154 ล้านบาท และหนี้ หน่วยงานอื่นของรัฐ 35,593 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3854 | การจำหน่ายหลักทรัพย์เพื่อซื้อหุ้นเพิ่มทุน | กค | 04/12/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอการซื้อหุ้นเพิ่มทุนธนาคารทหารไทย
จำกัด (มหาชน) จำนวน 5,586,944,825 หุ้น ในราคาหุ้นละ 1.40 บาท เป็นเงิน 7,821,722,755 บาท และ การจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่อง ซึ่งกระทรวงการคลังถืออยู่บางส่วนที่สามารถจำหน่ายได้ โดยจำหน่าย ให้กับสถาบันการเงินของรัฐ และ/หรือนักลงทุนที่สนใจโดยผ่านตลาดหลักทรัพย์ ดังนี้ หุ้นบริษัทเอกชนที่จด ทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ฯ จำนวน 4 หลักทรัพย์ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทย พาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) บริษัทเอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์และอุตสาห กรรม จำกัด (มหาชน) และหุ้นรัฐวิสาหกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จำนวน 3 หลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ภายในวงเงิน 7,821 ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณากำหนดหลักทรัพย์ ราคา และเงื่อนไขในการจำหน่าย หุ้น รวมทั้งให้ลดสัดส่วนการถือหุ้นในธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ลงเหลือต่ำกว่าร้อยละ 25
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3855 | การจ่ายเงินเพิ่มพิเศษรายเดือนให้แก่ผู้ปฏิบัติงานประจำบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด สำนักงานปัตตานี | กค | 27/11/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด
(บสก.) จ่ายเงินเพิ่มพิเศษรายเดือนให้แก่ผู้ปฏิบัติงานประจำบริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด สำนัก งานปัตตานี จากเดิมในอัตราคนละ 1,000 บาทต่อเดือน เป็นในอัตราคนละ 3,000 บาทต่อเดือน โดยให้มีผลตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม 2549 เป็นต้นไป โดยให้ถือว่าเงินสวัสดิการพิเศษดังกล่าวเป็นเงินค่าตอบแทนพิเศษตามร่างระเบียบ สำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยบำเหน็จความชอบสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. .... และ เมื่อร่างระเบียบ ฯ รวมทั้งอัตราเงินค่าตอบแทนพิเศษมีผลบังคับใช้แล้ว ให้ บสก. จ่ายค่าตอบแทนตามที่กำหนดใน ระเบียบ ฯ ดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3856 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำเดือนตุลาคม 2550 | กค | 27/11/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2551 ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2550 โดยผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ จำแนกตามลักษณะเศรษฐ กิจ (ประจำ/ลงทุน) ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว 147,936 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.91 ของวงเงินงบประมาณ (1,660,000 ล้านบาท) จำแนกเป็น รายจ่ายประจำ 121,123 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.35 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำหลังโอนเปลี่ยนแปลง (1,295,140 ล้านบาท) และรายจ่ายลงทุน 26,813 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.35 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลง (364,860 ล้านบาท)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3857 | การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินราชพัสดุคืนให้แก่ผู้ยกให้ รายนายสุธี ซื่อภักดี | กค | 27/11/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลข
ทะเบียนที่ ปข.499 ตาม น.ส.3 เลขที่ 18/485 ตำบลกุยบุรี อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คืนให้แก่ นายสุธี ซื่อภักดี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3858 | รายงานการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (ไตรมาสที่ 3 ปี 2550 กรกฎาคม - กันยายน) | กค | 20/11/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี
ศุลกากร ประจำไตรมาสที่ 3 ปี พ.ศ. 2550 (กรกฎาคม-กันยายน 2550) มีการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษ ทางภาษีศุลกากรจากประเทศสมาชิกใหม่อาเซียน (กัมพูชา สปป.ลาว พม่า) ดังนี้ กัมพูชา มีมูลค่านำเข้าที่ได้รับ ยกเว้นอาการ จำนวน 52,305,281 บาท สปป.ลาว มีมูลค่านำเข้าที่ได้รับยกเว้นอากร จำนวน 38,982,922 บาท และมูลค่านำเข้าที่ได้รับลดหย่อนอากร จำนวน 2,622,948 บาท และพม่า มีมูลค่านำเข้าที่ได้รับยกเว้น อากร จำนวน 5,600,266 บาท และมูลค่านำเข้าที่ได้รับลดหย่อนอากร จำนวน 144,012 บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3859 | การรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ ณ วันที่ 30 กันยายน 2550 และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2550 ไตรมาสที่ 4 | กค | 20/11/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ ณ วันที่
30 กันยายน 2550 และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ณ ไตรมาสที่ 4 ดังนี้ หนี้สาธารณะคงค้างของประเทศ ณ วันที่ 30 กันยายน 2550 มีจำนวนทั้งสิ้น 3,166 พัน ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37.70 ของ GDP ประกอบด้วย หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 2,039 พันล้านบาท หนี้ ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน 906 พันล้านบาท หนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนา ระบบสถาบันการเงิน จำนวน 185 พันล้านบาท และหนี้องค์กรของรัฐอื่น 36 พันล้านบาท เปรียบเทียบกับต้น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 หนี้สาธารณะคงค้างลดลง จำนวน 47 พันล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 1.46 สำหรับ ผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ณ ไตรมาสที่ 4 สามารถ ดำเนินงานตามแผน ฯ ได้ทั้งสิ้นจำนวน 539,429.02 ล้านบาท ประกอบด้วย การก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาลเพื่อชด เชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 2,540.00 ล้านบาท และการบริหารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศของ รัฐบาล จำนวน 260,257.02 ล้านบาท ได้แก่ การ Roll-over ตั๋วเงินคลัง การแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตร รัฐบาล การ Roll-over และการชำระคืนหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดชำระ การกู้เงินและการบริหารหนี้ เงินกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้ FIDF รวมทั้งการไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 2 ก่อนครบกำหนด ส่วนที่เหลือเป็นการบริหารหนี้และการก่อหนี้ใหม่ของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 276,632.00 ล้าน บาท ซึ่งผลจากการดำเนินงานสามารถลดยอดหนี้คงค้างลง จำนวน 50,615.00 ล้านบาท และประหยัดดอก เบี้ยได้ จำนวน 352.12 ล้านบาท นอกจากนี้ ในไตรมาสที่ 4 ยังมีรัฐวิสาหกิจที่มีสถานะเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินการกู้เงินระยะสั้น และการ Roll-over ซึ่งได้รับยกเว้นให้ไม่ต้องอยู่ภายใต้กรอบวงเงินกู้ ของแผนการบริหารหนี้สาธารณะได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้ต่างประเทศ จำนวน 19,073.62 ล้านบาท และกู้เงินระยะสั้น และ Roll-over อีกจำนวน 3,158.00 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3860 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาส 4 (กรกฎาคม - กันยายน) ปีงบประมาณ 2550 | กค | 20/11/2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาส 4 ของปี
งบประมาณ พ.ศ. 2550 (เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2550) สรุปได้ดังนี้ การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง 17 กลุ่ม สินค้ามีมูลค่านำเข้ารวม 303.921 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 จำนวน 17.463 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 6.10 โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง มูลค่านำเข้า 49.056 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผลไม้ มูลค่านำเข้า 40.297 ล้านดอล ลาร์สหรัฐ นาฬิกาและอุปกรณ์ มูลค่านำเข้า 32.044 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาส 4 ปี งบประมาณ พ.ศ. 2550 มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้น 13 รายการ โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ไวน์ ผลไม้ รองเท้าหนังและรองเท้าผ้าใบ ดอกไม้ และเลนซ์ ซึ่งมีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อย ละ 32.79, 27.81, 26.12, 25.52 และ 22.70 ตามลำดับ
|