ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 199 จากทั้งหมด 482 หน้า แสดงรายการที่ 3961 - 3980 จากข้อมูลทั้งหมด 9627 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3961 | ร่างพระราชบัญญัติการกำหนดกิจการ หลักเกณฑ์ และขั้นตอนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... (ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การแปลงสภาพรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ....) | กค | 17/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยเงื่อนไขและหลักเกณฑ์
การแปลงสภาพรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ มีกฎหมายว่าด้วยเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การแปลงสภาพรัฐวิสาหกิจ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา พร้อมทั้งส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา โดยรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยว กับการกำหนดกิจการของรัฐวิสาหกิจที่จะแปลงสภาพมิได้ตามร่างมาตรา 6 อาจไม่เหมาะสมที่จะกำหนดห้ามไว้ใน กฎหมาย ซึ่งจะมีปัญหาในการบริหารงาน สมควรปล่อยให้เป็นไปตามนโยบาย และความเหมาะสมกับสภาวการณ์ เช่น อาจให้แปลงสภาพได้แต่ต้องตราเป็นพระราชบัญญัติ เป็นต้น ส่วนคุณสมบัติของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามร่าง มาตรา 12 (7) ที่กำหนดว่าจะต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นกรรมการ ผู้จัดการ หรือเกี่ยวข้องกับกิจการของรัฐวิสาห กิจที่จะแปลงสภาพตามที่กำหนดภายในระยะเวลาสามปีก่อนวันแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะทำให้หาผู้มีคุณ สมบัติดังกล่าวได้ยาก รวมทั้งการใช้ถ้อยคำ "ผู้มีประโยชน์ได้เสียเกี่ยวข้อง" อาจมีปัญหาในการพิจารณาตีความ ไป พิจารณาดำเนินการในชั้นกรรมาธิการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
3962 | ขออนุมัติขายอาคารศูนย์พาณิชยกรรมรอตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในราคาขายขั้นต่ำ | กค | 10/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและให้ดำเนินการตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ขายอาคารศูนย์พาณิชยกรรม
รอตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในราคาขายขั้นต่ำจำนวน 663,000 ยูโร และให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ดำเนินการขายตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป พร้อมทั้งให้นำค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการ ขายมาหักออกจากรายได้ที่มาจากการขายก่อนนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินในกรณีที่ไม่สามารถหาผู้ซื้อในราคาที่ คณะรัฐมนตรีกำหนดได้ ก็ให้อยู่ในดุลพินิจของกระทรวงการต่างประเทศในการดำเนินการขายอาคารดังกล่าวใน ราคาต่ำกว่าราคาที่คณะรัฐมนตรีกำหนดได้ไม่เกินร้อยละ 10 และให้ส่วนราชการผู้ครอบครองดูแลใช้ประโยชน์ใน อสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลไทยในต่างประเทศมีหน้าที่สอดส่องดูแลมิให้มีการบุกรุกในอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ไทยในต่างประเทศที่อยู่ในความครอบครอง
|
||||||||||||||||||||||||
3963 | รายงานผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปี 2550 สำหรับงวดสิ้นสุดวันที่ 31 พฤษภาคม 2550 | กค | 10/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจขนาด
ใหญ่ ประจำปี พ.ศ. 2550 สำหรับงวดสิ้นสุดวันที่ 31 พฤษภาคม 2550 โดยรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ จำนวน 17 แห่ง ได้รับอนุมัติงบลงทุนจำนวนทั้งสิ้น 330,358.01 ล้านบาท การเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมระหว่างเดือนตุลาคม 2549 -พฤษภาคม 2550 สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้จริง 94,423.36 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 28.58 ของงบลงทุนที่ ได้รับอนุมัติ เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2550 ที่สามารถเบิกจ่ายได้เพียงร้อยละ 24.07 ของงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติ โดยรัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีงบประมาณ จำนวน 11 แห่ง มีการเบิกจ่ายจริง 65,250.24 ล้านบาท จากที่ได้รับอนุมัติงบ ลงทุนทั้งสิ้น 189,071.58 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 34.51 ของงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติ และรัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีปฏิทิน จำนวน 6 แห่ง มีการเบิกจ่ายจริง 29,173.12 ล้านบาท จากที่ได้รับอนุมัติงบลงทุนทั้งสิ้น 141,286.43 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 20.65 ของงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติ และมอบหมายให้กระทรวงเจ้าสังกัดที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ ทั้ง 11 แห่ง ติดตามการเบิกจ่าย ฯ ให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเหลือระยะเวลาเพียง 4 เดือน
|
||||||||||||||||||||||||
3964 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานและงบการเงินประจำปี 2549 ของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย | กค | 10/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการดำเนินงานและงบการเงินประจำ
ปี พ.ศ. 2549 ของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) โดยผลการดำเนินงานในปี พ.ศ. 2549 บสท. มีสินทรัพย์ ด้อยคุณภาพรับโอนสุทธิทั้งสิ้น 775,778 ล้านบาท ลดลงจาก 777,179 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาสเดียวกันของปี พ.ศ. 2548 จำนวน 1,401 ล้านบาท ซึ่งทรัพย์สินที่รับโอนสามารถบริหารจัดการจนได้ข้อยุติ จำนวน 771,857 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 99.49 ของสินทรัพย์รับโอนทั้งหมด ลดลงจากสิ้นปี พ.ศ. 2548 จำนวน 403 ล้าน บาท ส่วนการบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย บสท. ได้รับโอนทรัพย์สินรอการขายด้วยมูลค่าที่รับโอนรวมทั้ง สิ้นประมาณ 95,938 ล้านบาท แบ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 74,656 ล้านบาท และสังหาริมทรัพย์ จำนวน 21,282 ล้านบาท และได้มีการจำหน่ายทรัพย์สินรอการขายทั้งที่โอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ซื้อแล้ว และอยู่ระหว่างการ โอนกรรมสิทธิ์รวมมูลค่าจำหน่ายตามสัญญาทั้งสิ้น 17,804 ล้านบาท โดยมีมูลค่าต้นทุนที่รับโอนอยู่ที่ 15,316 ล้านบาท ทำให้ ณ สิ้นปี พ.ศ. 2549 บสท. มีทรัพย์สินรอการขายคงเหลือที่จะต้องดำเนินการบริหารจัดการต่อไป เป็นมูลค่าต้นทุนที่รับโอนประมาณ 80,622 ล้านบาท สำหรับงบการเงินของ บสท. ณ สิ้นปี พ.ศ. 2549 บสท. มี รายรับรวมมูลค่าประมาณ 46.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี พ.ศ. 2548 ประมาณ 23,54 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น ร้อยละ 100.80 และรายรับสุทธิจากทุนประเดิมของ บสท. มีมูลค่าประมาณ 46.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ วัน ที่31 ธันวาคม 2548 ประมาณ 23.54 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 100.80 ส่วนงบรายรับหรือรายจ่ายสุทธิ รอปันส่วนไปยังสินทรัพย์รับโอน มีมูลค่าประมาณ 18,207.48 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี พ.ศ. 2548 ประมาณ 15,071.24 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 45.29
|
||||||||||||||||||||||||
3965 | ขออนุมัติหลักการดำเนินโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้า ระยะที่ 3 | กค | 10/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอการดำเนินโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอน
เทนเนอร์สินค้า ระยะที่ 3 โดยปรับเปลี่ยนรายการจัดหาตามโครงการระยะที่ 3 เป็นแบบกึ่งเคลื่อนย้ายหรือถอด ประกอบเคลื่อนย้ายได้ (Relocatable Container Inspection System) จำนวน 2 ชุด และแบบตรวจขบวนรถไฟ บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์สินค้า (Railway Cargo/Vehicle Inspection System) จำนวน 1 ชุดแทน รวมจำนวน 3 ชุด ในวงเงินเดิมที่ได้รับการบรรจุไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 จำนวน 800 ล้านบาท และให้ดำเนินการโครงการในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) ตามหลักการเดิมที่คณะรัฐมนตรี อนุมัติไว้ โดยไม่ต้องทำการค้าต่างตอบแทนหรือการค้าแบบแลกเปลี่ยน และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การคลัง โดยกรมศุลกากรดำเนินการในนามของรัฐบาลไทยเพื่อทำการเจรจาตกลงกับตัวแทนฝ่ายรัฐบาลสาธารณ รัฐประชาชนจีนให้ได้ราคาและคุณภาพที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์มากที่สุดต่อไป และให้กระทรวงการคลังรับข้อ สังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า เมื่อสะพานมิตรภาพ 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) ก่อสร้างแล้วเสร็จ และใช้งานแล้ว กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากร เร่งรัดดำเนินการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้า เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าผ่านแดนศุลกากรดังกล่าวโดยเร็ว และให้กระทรวงการต่างประเทศประสานขอความร่วม มือจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวว่า ในการขนส่งสินค้าผ่านไทยไปยังประเทศที่สาม เช่น กรณีการขน ส่งไม้พะยูงไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นต้น ขอให้บรรจุสินค้าในตู้คอนเทนเนอร์ให้เรียบร้อยเพื่อความสะดวก ปลอดภัยในการขนส่งและไม่เกิดปัญหาการลักลอบปลอมปนสินค้า |
||||||||||||||||||||||||
3966 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 03/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ที่มีติเห็น
ชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเกี่ยวกับเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาในการจ่ายเงินสมทบ ตลอดจนผลประโยชน์ของเงินสมทบให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่นายทะเบียนประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบจาก รัฐมนตรี และกำหนดบทเฉพาะกาลมิให้นำร่างมาตรา 7 มาใช้บังคับแก่ข้อกำหนดที่นายทะเบียนได้รับจดทะเบียน แล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัติใช้บังคับ รวมทั้งกำหนดให้ลูกจ้างที่สิ้นสมาชิกภาพเพราะลาออกจากงานมีสิทธิคงเงิน ทั้งหมดที่มีสิทธิได้รับไว้ในกองทุน และขอต่ออายุการเป็นสมาชิกต่อไป ตามระยะเวลาที่กำหนดในข้อบังคับของกอง ทุน และส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ต่อไป และให้กระทรวงแรงงานรับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกำหนดเหตุในการตัดสิทธิของลูกจ้าง ไปแปรญัตติในชั้นการพิจารณาของกรรมาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
3967 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล งบกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออก และนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2549 | กค | 03/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานกิจการประจำปี งบดุล งบกำไรและขาดทุน
ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2549 โดยใน ส่วนของผลการดำเนินการในปี พ.ศ. 2549 ธสน. ประสบผลขาดทุนสุทธิจำนวน 1,346 ล้านบาท จากการตั้งค่า เผื่อหนี้สงสัยจะสูญเต็มจำนวน ประกอบกับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง แต่อย่างไรก็ตาม ธสน. มีรายได้ดอกเบี้ย สุทธิเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 312 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานในปี พ.ศ. 2549 กับปี พ.ศ. 2548 พบว่า การขยายตัวของสินเชื่อมีจำนวนลดลง คุณภาพสินทรัพย์ลดลง เงินกองทุนมีจำนวนลดลง และการลงทุนใน เงินลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
|
||||||||||||||||||||||||
3968 | ปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับฐานและอัตราในการคำนวณภาษีสรรพสามิต (แผนพัฒนากฎหมายของกรมสรรพสามิต ประจำปี 2550) | กค | 03/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชบัญญัติสุรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมหลักการในการประกาศมูลค่าของสุรา เพื่อถือเป็นเกณฑ์ในการคำนวณภาษีสุรา ทั้ง กรณีสุราที่ทำในราชอาณาจักร สุราที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร และสุราที่ทำในเขตปลอดอากร รวมทั้งปรับปรุง บัญชีอัตราภาษีสุราและค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 ร่างพระราชบัญญัติยาสูบ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมหลักการในการประมูลค่ายาเส้น หรือยาสูบ เพื่อถือเป็นเกณฑ์ในการคำนวณ ภาษี ทั้งกรณียาเส้นหรือยาสูบที่ทำในราชอาณาจักร ยาเส้นหรือยาสูบที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร และยาเส้นหรือ ยาสูบที่ทำในเขตปลอดอากร รวมทั้งปรับปรุงบัญชีอัตราค่าธรรมเนียมและค่าแสตมป์ยาสูบท้ายพระราชบัญญัติยา สูบ พ.ศ. 2509 ร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงหลักเกณฑ์ ในการประกาศมูลค่าสินค้า ทั้งกรณีสินค้าที่ผลิตในราชอาณาจักร สินค้าที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร และสินค้า ที่ผลิตในเขตปลอดอากร เพื่อถือเป็นเกณฑ์ในการคำนวณภาษี และร่างพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติพิกัดอัตราสรรพสามิต พ.ศ. 2527 ในตอนที่ 3 เครื่องใช้ไฟฟ้า ประเภทที่ 03.01 เครื่องปรับอากาศที่ประกอบด้วยพัดลมซึ่งขับด้วยมอเตอร์ และมีส่วนที่ใช้สำหรับ ปรับเปลี่ยนอุณหภูมิ ไม่ว่าจะมีส่วนที่ใช้ควบคุมความชื้นด้วยหรือไม่ก็ตามเพื่อกำหนดให้มีอัตราภาษีตามปริมาณ และ ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
3969 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร ตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (การปรับปรุงโครงสร้างพิกัดอัตราศุลกากรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน) | กค | 03/07/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร ตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 มี สาระสำคัญคือ ปรับปรุงโครงสร้างพิกัดอัตราศุลกากรปัจจัยการผลิต โดยยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับปัจจัยการผลิต ที่ปัจจุบันไม่สามารถผลิตได้ในประเทศ จำนวน 126 ประเภทย่อย ปรับลดอัตราอากรขาเข้าให้เท่ากับอัตราอากร ตามโครงสร้างการผลิตที่กระทรวงการคลังกำหนด คือ ร้อยละ 5 และร้อยละ 10 ขยายระยะเวลาการปรับลดอัตรา อากรขาเข้าเหล็กแผ่นชนิดทีเอ็มบีพีในอัตราร้อยล ะ 1 ต่อไปอีกจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551 รวมทั้งปรับเพิ่ม อัตราอากรขาเข้ากระจกสะท้อนแสงและกระจกฉนวนความร้อน เป็นร้อยละ 5 และร้อยละ 10 และปรับเพิ่มอัตรา อากรขาเข้ากระจกโฟลตเฉพาะที่มีความหนาไม่เกิน 5 มิลลิเมตร จากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 20 จำนวน 2 ประเภท ย่อย เพื่อแก้ไขปัญหากระจกที่นำเข้าจากจีนราคาถูก และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุ บัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
3970 | เงินกู้โครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้งปี 2547 | กค | 26/06/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ ให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ขยาย
ระยะเวลาการกู้เงินโครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้ง ปี 2547 จำนวน 4,614.56 ล้าน บาท จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ออกไปอีก ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2549 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกัน และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอขอแปรญัตติงบประมาณรายจ่ายประจำ ปี พ.ศ. 2551 เพื่อของบประมาณให้ อ.ต.ก. ใช้ชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 4,614.56 ล้านบาท แก่ธนาคารกรุงไทย ฯ โดยให้ชำระคืนธนาคารในโอกาสแรกเมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2551 ประกาศใช้ และ ให้ อ.ต.ก. ในฐานะเป็นผู้กู้เงินต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการชำระดอกเบี้ย โดยการเจียดจ่ายเงินของหน่วยงานหรือใช้ เงินของโครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้งที่ยังคงเหลืออยู่ที่ อ.ต.ก มาชำระดอกเบี้ยค้าง จ่ายที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2549 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2550 ภายในวงเงินไม่เกิน 239,051,991.76 บาท ให้ธนาคารกรุงไทย ฯ ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนมิถุนายน 2550 รวมทั้งให้ อ.ต.ก. จ่ายค่าดอกเบี้ยเงินกู้ที่จะเกิด ขึ้นหลังจากวันที่ 30 มิถุนายน 2550 จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาหรือวันที่ชำระคืนต้นเงินกู้เสร็จสิ้น แต่ทั้งนี้ หาก อ.ต.ก. ไม่สามารถหาเงินมาชำระได้ หรือไม่เพียงพอต่อดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอใช้เงินงบกลาง ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 มาชำระ แต่การขอใช้เงินงบกลางอาจมีข้อจำกัดเนื่องจาก งบกลางมีจำนวนจำกัดและเป็นช่วงปลายปีงบประมาณ กับให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ อ.ต.ก. ขอเจรจากับ ธนาคารกรุงไทย ฯ เพื่อขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากอัตราเบี้ยปรับ (ร้อยละ MLR ต่อปี) เป็นอัตราดอกเบี้ยเงิน กู้ปกติ (อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน บวกร้อยละ 1.40-1.50 ต่อปี) เพื่อประโยชน์ต่อภาครัฐ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่งผลการดำเนินโครงการรับซื้อลำไยสด ฯ ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจ สอบต่อไปด้วย นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ในการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาควรมีการศึกษา วิจัยถึงผลการดำเนินการตามนโยบายที่ดำเนินการแล้วประสบปัญหาต่าง ๆ ซึ่งบางครั้งรัฐอาจมีความเสียหาย เช่น โครงการรับซื้อลำไยสด ฯ เป็นต้น เพื่อเป็นฐานองค์ความรู้ของรัฐบาลในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงเป็นกรณีศึกษา แก่สาธารณะ ส่วนการดำเนินการอาจจ้างมหาวิทยาลัยทำการศึกษาวิจัยเรื่องดังกล่าวจึงมอบให้กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์รับเรื่องนี้ไปประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ เป็นต้น เพื่อดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
3971 | รายงานการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (ไตรมาสที่ 1 ปี 2550) | กค | 26/06/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี
ศุลกากร ประจำไตรมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2550 (มกราคม-มีนาคม 2550) มีการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทาง ภาษีศุลกากรจากประเทศสมาชิกใหม่อาเซียน ประกอบด้วย กัมพูชา สปป.ลาว และพม่า โดยมีมูลค่าที่ได้รับสิทธิ พิเศษรวม 130,392,725 บาท แยกเป็นมูลค่าที่ยกเว้นอากร 116,632,113 บาท และมูลค่าที่ลดอัตราอากร 13,760,612 บาท โดยกัมพูชา มูลค่านำเข้าที่ได้รับยกเว้นอากร 2,511,600 บาท มูลค่านำเข้าที่ได้รับลดหย่อน อากร 8,272,637 บาท สปป.ลาว มูลค่านำเข้าที่ได้รับยกเว้นอากร 109,308,729 บาท มูลค่านำเข้าที่ได้รับลด หย่อนอากร 3,903,975 บาท และพม่า มูลค่านำเข้าที่ได้รับยกเว้นอากร 4,811,784 บาท มูลค่านำเข้าที่ได้รับ ลดหย่อนอากร 1,584,000 บาท
|
||||||||||||||||||||||||
3972 | การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) แก่สินค้ายานยนต์มาเลเซีย | กค | 26/06/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้เขตการค้า
เสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area : AFTA) แก่สินค้ายานยนต์มาเลเซีย ตามมติคณะกรรมการนโยบายเศรษฐ กิจระหว่างประเทศ (กนศ.) ครั้งที่ 2/2550 วันที่ 30 เมษายน 2550 ที่มีมติเห็นชอบการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี แก่สินค้ายานยนต์ชนิด Completely Built-Up (CBU) จากมาเลเซียภายใต้ AFTA และมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ ประสานกับกระทรวงอุตสาหกรรมในการพิจารณาถ้อยคำที่จะแจ้งมาเลเซีย รวมทั้งเห็นชอบให้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อ ติดตามผลอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ให้หน่วยงาน AFTA ของไทยติดตามผลการนำเข้าหลังจากที่ไทยได้ให้สิทธิประโยชน์ ทางภาษีดังกล่าวแก่มาเลเซีย และรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นว่า ในการระบุว่ามาเลเซียได้ดำเนิน การตามพันธกรณีภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียนครบถ้วน ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2549 เป็นต้นมา ไม่สอดคล้องกับ ข้อมูลจากเอกสารนโยบายรถยนต์แห่งชาติมาเลเซีย ฉบับลงวันที่ 22 มีนาคม 2549 และไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่ ได้รับจากกลุ่มผู้ประกอบการ และในการกำหนดว่าจะให้สินค้ายานยนต์จากมาเลเซียใช้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีภาย ใต้ AFTA ได้ตั้งแต่เมื่อใด นั้น อาจมีประเด็นเกี่ยวข้องกับการนำรายได้ภาษีของภาครัฐไปให้กับเอกชนบางราย จึงควร ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้เป็นไปตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการ ไปพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||||||||
3973 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง การยุบเลิกทุนหมุนเวียน | กค | 26/06/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม
2550 เรื่อง การยุบเลิกกองทุนหมุนเวียน และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอเพิ่มเติมขอแก้ไขข้อเสนอ (ตามหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุดที่ กค 0409.3/11587 ลงวันที่ 21 มิถุนายน 2550 หน้า 4) ทั้งนี้ ให้ กระทรวงการคลังแจ้งการขอแก้ไขข้อเสนอดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
3974 | เงินกู้โครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้งปี 2547 | กค | 26/06/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ ให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ขยาย
ระยะเวลาการกู้เงินโครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้ง ปี 2547 จำนวน 4,614.56 ล้าน บาท จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาช) ออกไปอีก ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2549 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกัน และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอขอแปรญัตติงบประมาณรายจ่ายประจำ ปี พ.ศ. 2551 เพื่อของบประมาณให้ อ.ต.ก. ใช้ชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 4,614.56 ล้านบาท แก่ธนาคารกรุงไทย ฯ โดยให้ชำระคืนธนาคารในโอกาสแรกเมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2551 ประกาศใช้ และ ให้ อ.ต.ก. ในฐานะเป็นผู้กู้เงินต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการชำระดอกเบี้ย โดยการเจียดจ่ายเงินของหน่วยงานหรือใช้ เงินของโครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้งที่ยังคงเหลืออยู่ที่ อ.ต.ก มาชำระดอกเบี้ยค้าง จ่ายที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2549 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2550 ภายในวงเงินไม่เกิน 239,051,991.76 บาท ให้ธนาคารกรุงไทย ฯ ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนมิถุนายน 2550 รวมทั้งให้ อ.ต.ก. จ่ายค่าดอกเบี้ยเงินกู้ที่จะเกิด ขึ้นหลังจากวันที่ 30 มิถุนายน 2550 จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาหรือวันที่ชำระคืนต้นเงินกู้เสร็จสิ้น แต่ทั้งนี้ หาก อ.ต.ก. ไม่สามารถหาเงินมาชำระได้ หรือไม่เพียงพอต่อดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอใช้เงินงบกลาง ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 มาชำระ แต่การขอใช้เงินงบกลางอาจมีข้อจำกัดเนื่องจาก งบกลางมีจำนวนจำกัดและเป็นช่วงปลายปีงบประมาณ กับให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ อ.ต.ก. ขอเจรจากับ ธนาคารกรุงไทย ฯ เพื่อขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากอัตราเบี้ยปรับ (ร้อยละ MLR ต่อปี) เป็นอัตราดอกเบี้ยเงิน กู้ปกติ (อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน บวกร้อยละ 1.40-1.50 ต่อปี) เพื่อประโยชน์ต่อภาครัฐ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่งผลการดำเนินโครงการรับซื้อลำไยสด ฯ ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจ สอบต่อไปด้วย นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ในการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาควรมีการศึกษา วิจัยถึงผลการดำเนินการตามนโยบายที่ดำเนินการแล้วประสบปัญหาต่าง ๆ ซึ่งบางครั้งรัฐอาจมีความเสียหาย เช่น โครงการรับซื้อลำไยสด ฯ เป็นต้น เพื่อเป็นฐานองค์ความรู้ของรัฐบาลในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงเป็นกรณีศึกษา แก่สาธารณะ ส่วนการดำเนินการอาจจ้างมหาวิทยาลัยทำการศึกษาวิจัยเรื่องดังกล่าวจึงมอบให้กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์รับเรื่องนี้ไปประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ เป็นต้น เพื่อดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
3975 | ร่างพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 19/06/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดิน
ทางไปราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเดินทางไปราชการชั่วคราว และราชการประจำในราชอาณาจักรเสียใหม่ เพื่อให้ผู้มีสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการมีสิทธิเบิกจ่ายได้ เหมาะสมกับสภาพความเป็นจริง และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้เชิญผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศมาร่วมพิจารณา และให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า การเดินทางไปราชการโดยเครื่องบินตามร่างมาตรา 6 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 27 ควรพิจารณาอนุโลมกรณีเป็นเลขานุ การหรือผู้ติดตามของผู้บริหาร ซึ่งมีความจำเป็นต้องเดินทางพร้อมกับผู้บริหารที่มีสิทธิเดินทางไปราชการโดยเครื่อง บิน รวมทั้งปัจจุบันมีสายการบินต้นทุนต่ำ (Low Cost) ให้บริการแล้ว จึงสมควรนำมาพิจารณาประกอบด้วย |
||||||||||||||||||||||||
3976 | ร่างพระราชบัญญัติการกำหนดกิจการ หลักเกณฑ์ และขั้นตอนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... | กค | 19/06/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชบัญญัติการกำหนดกิจการ
หลักเกณฑ์ และขั้นตอนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดกิจการ หลักเกณฑ์ และขั้นตอน การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะพิเศษ ตรวจ พิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีกรณีชื่อร่าง พระราชบัญญัติที่ใช้คำว่า "แปรรูป" มีความเหมาะสมและสามารถสื่อความหมายครอบคลุมสาระสำคัญของร่างพระ ราชบัญญัติแล้วหรือไม่ รวมทั้งการกำหนดกิจการของรัฐวิสาหกิจที่จะแปรรูปมิได้ตามร่างมาตรา 7 ถ้อยคำยังไม่ชัด เจน และอาจไม่เหมาะสมที่จะกำหนดห้ามเด็ดขาด ควรให้แปรรูปได้แต่ต้องตราเป็นพระราชบัญญัติน่าจะเหมาะสม กว่า สำหรับกรณีรัฐวิสาหกิจที่แปลงสภาพเป็นบริษัทแล้ว เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่างมาตรา 9/1 จะ เป็นอุปสรรคในการที่จะแยกบริษัทเป็นบริษัทย่อยหรือไม่ ประกอบกับลักษณะต้องห้ามของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ตามร่างมาตรา 11 ควรให้หมายความรวมถึงผู้มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือมีข้อพิพาทกับรัฐวิสาหกิจที่จะแปรรูป ด้วย ส่วนองค์ประกอบของคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัท ตามร่างมาตรา 25 ซึ่งกำหนดให้มีผู้แทนขององค์ กรที่เป็นนิติบุคคล ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองผู้บริโภค และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ไม่น้อยกว่าห้าปีจำนวน หนึ่งคน นั้น จะทำให้หาผู้มีคุณสมบัติดังกล่าวได้ยาก และจำกัดอยู่ในวงแคบ จึงสมควรตัดออก และการกำหนดให้ ต้องตราพระราชบัญญัติเพื่อโอนอำนาจที่รัฐวิสาหกิจมีอยู่ไปให้แก่องค์กรกำกับดูแล หรือการตราพระราชบัญญัติ จัดตั้งองค์กรกำกับ ดูแลกิจการ ตามร่างมาตรา 31 จะทำให้การแปลงสภาพไม่สามารถดำเนินการได้อย่างคล่อง ตัวรวมไปถึงการกระจายหุ้น ตามร่างหมวด 5 มีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขรายละเอียดมาก ซึ่งอาจเป็นปัญหาในทาง ปฏิบัติ สมควรพิจารณานำระเบียบเกี่ยวกับการกระจายหุ้นที่เคยใช้อยู่เดิมมาปรับปรุงให้รัดกุมยิ่งขึ้น น่าจะเหมาะ สมกว่าการกำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติ นอกจากนี้ บทเฉพาะกาลตามร่างมาตรา 53/1 อาจไม่เป็นธรรมกับ ผู้ถือหุ้นที่เป็นเอกชนกรณีมีการขายหุ้นเพิ่มทุน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
3977 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 19/06/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้นับผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมประชุมแทนเป็นองค์ประชุม และมี สิทธิได้รับเบี้ยประชุมซึ่งจะมีผลต่อมติที่ประชุมของคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการ แล้วแต่กรณีด้วย และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
3978 | สรุปผลการตรวจราชการการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข จังหวัดสมุทรปราการ | กค | 19/06/2550 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการตรวจราชการการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข จังหวัด
สมุทรปราการ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2550 สรุปผลการดำเนินงานในภาพรวม ได้ดังนี้ จังหวัดสมุทรปราการได้รับจัดสรรงบประมาณตามยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข จำนวน 51 ล้านบาท มีโครงการรอง รับตามวัตถุประสงค์ของยุทธศาสตร์ 694 โครงการ โดยจังหวัดได้โอนเงินให้กับหมู่บ้านและชุมชนแล้ว จำนวน 43 ล้านบาท หรือคิดเป็น 579 โครงการ สำหรับปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ในส่วนของการ เตรียมความพร้อมของจังหวัด หมู่บ้านและชุมชนมีระยะเวลาจำกัด และคณะกรรมการหมู่บ้านหรือชุมชนยังขาดความรู้ ความเข้าใจเรื่องยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข ส่งผลให้โครงการที่เสนอโดยหมู่บ้านและชุมชนไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ของยุทธ ศาสตร์ โดยโครงการส่วนใหญ่ (ร้อยละ 71) เป็นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ กระบวนการจัดทำ แผนงานโครงการบางส่วนขาดการระดมความเห็นจากประชาชน (ทำประชาคม) อย่างแท้จริง เนื่องจากระยะเวลามี จำกัดทำให้โครงการที่เสนออาจจะไม่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ รวมทั้งขาด มาตรฐานราคากลางของการจัดซื้อวัสดุครุภัณฑ์ ทำให้การใช้งบประมาณยังไม่มีประสิทธิผลสูงสุด สำหรับการดำเนิน โครงการพัฒนาชุมชนตามปรัญชาเศรษฐกิจพอเพียง (พพพ.) กระทรวงมหาดไทยได้จัดสรรงบประมาณให้แก่จังหวัด สมุทรปราการ จำนวน 400,000 บาท สำหรับ 40 หมู่บ้าน และจังหวัดได้สนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม (เงินจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัด) อีก 9 ล้านบาท เพื่อขยายให้ครอบคลุม 80 หมู่บ้าน ซึ่งเริ่มดำเนินโครงการเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดับจังหวัดและ ท้องถิ่นเตรียมความพร้อมโครงการยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข และ พพพ. สำหรับงบประมาณในปี พ.ศ. 2551 ไว้ล่วงหน้า โดยเน้นให้หน่วยงานภาครัฐใช้กลไกการทำงานร่วมกับหมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อประมวลโครงการที่เป็นความต้องการของ ประชาชนอย่างแท้จริง ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการคิดโครงการ รวมทั้งจัดทำโครงการยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข และ พพพ. ให้มีความสอดคล้องกัน และกำกับดูแลโครงการต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพเพื่อให้เม็ดเงินที่จัดสรรลงสู่ประชาชน ระดับฐานรากที่มีจำกัด เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
3979 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงบทบัญญัติเรื่องอำนาจการดำเนินกิจการของกองทุน) | กค | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอร่างพระราชบัญญัติบริหารการขนส่ง
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายเพื่อบูรณาการระบบการบริหารจัดการด้านการขนส่งของประเทศเพื่อใช้ เป็นกฎหมายกลางในการจัดกลุ่มภารกิจด้านนโยบาย ด้านการกำกับดูแล และด้านการประกอบการให้ชัดเจน และใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการทุกกิจกรรมของการขนส่งเพิ่มเติมจากกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมถึง การวางกรอบในการดำเนินกิจการขนส่งที่มีลักษณะเป็นพันธะในการให้บริการสาธารณะ และการเพิ่มบทบาท ของภาคเอกชนในการมีส่วนร่วมในการจัดให้มีโครงสร้างพื้นฐานและการประกอบกิจการขนส่ง และให้ส่งสำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับร่างพระราช บัญญัติฉบับนี้ว่า จะซ้ำซ้อน ขัดแย้ง หรือสอดคล้องกับกฎหมายของรัฐวิสาหกิจที่ประกอบกิจการขนส่งที่มีอยู่เดิม และประเด็นการจัดตั้งกองทุนเสริมสร้างประสิทธิภาพการขนส่งขึ้นในร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ จะกระทบระบบ การคลังและวินัยทางการเงินการคลังของประเทศ รวมทั้งให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความ เห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้มีการศึกษาผลกระทบของร่างพระ ราชบัญญัติ ฯ ที่มีต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายของรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งแต่ละรูปแบบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมของเอกชน และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการขนส่ง (Logistic) เพื่อให้สามารถพัฒนาระบบการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพ และประสาน งานขององค์กรกำกับดูแลกิจการขนส่งในแต่ละด้านให้มีแนวปฏิบัติที่สอดคล้องกัน เป็นต้น ไปพิจารณาด้วย แล้ว ส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อ ไป
|
||||||||||||||||||||||||
3980 | รายงานผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปี 2550 สำหรับงวดสิ้นสุด วันที่ 30 เมษายน 2550 | กค | 12/06/2550 | |||||||||||||||||||||
|
.....