สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551
ของกระทรวงการคลัง โดยผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2551 จำแนกตามลักษณะเศรษฐกิจ
(ประจำ/ลงทุน)  ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว  จำนวน  726,978  ล้านบาท  หรือร้อยละ
43.79 ของวงเงินงบประมาณ (1,660,000 ล้านบาท) จำแนกเป็น รายจ่ายประจำ 595,483 ล้านบาท  หรือร้อย
ละ 44.87 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำหลังโอนเปลี่ยนแปลง (1,327,071 ล้านบาท) และรายจ่ายลงทุน
131,495  ล้านบาท  หรือร้อยละ  39.50  ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลง  (332,929
ล้านบาท)

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง นางสิรินุช พิศลยบุตร ให้ดำรงตำแหน่ง
อธิบดี (นักบริหาร 10) กรมสรรพสามิต  กระทรวงการคลัง  ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ  แต่งตั้งเป็น
ต้นไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง นายวิจิตร สุพินิจ เป็นประธานกรรมการใน
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์  โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (29 เมษายน 2551)
เป็นต้นไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนและการจำนองอสังหา
ริมทรัพย์ที่มิได้อยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ  และให้กระทรวงการคลัง
รับไปพิจารณาแนวทางดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อทดแทนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจากมาตรการดัง
กล่าว เช่น การขยายฐานภาษี  และการนำภาษีประเภทอื่น ๆ  มาใช้  เป็นต้น  และเห็นชอบร่างประกาศกระทรวง
มหาดไทย  เรื่อง  การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน  กรณีสนับ
สนุนการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด  มีสาระสำคัญคือ  กำหนดให้เรียกเก็บค่า
จดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ร้อยละ 0.01 สำหรับกรณีสนับสนุนการซื้อขาย
อสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัย ประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด  บ้านแถว  และอาคารพาณิชย์  หรืออาคาร
ดังกล่าวพร้อมที่ดินซึ่งมีเนื้อที่ไม่เกิน 1 ไร่ และมิใช่ที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดินหรือที่ดำเนินการการ
จัดสรรที่ดินโดยทางราชการหรือองค์การของรัฐบาล ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ทำการจัดสรรที่ดินตามกฎหมาย ทั้งนี้ ให้
มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาจนถึงวันที่ 28 มีนาคม 2552 และให้กระทรวงมหาด
ไทยเร่งดำเนินการเพื่อประกาศใช้บังคับต่อไป

          คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราช
การตามมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ พ.ศ. ....  ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้ว  มีสาระสำคัญคือ กำหนดการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราชการตามมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วน
ราชการ   โดยให้จ่ายเงินช่วยเหลือแก่ข้าราชการซึ่งได้รับอนุญาตให้ลาออกจากราชการตามโครงการ  เป็นจำนวน =
(จำนวนปีของเวลาราชการที่เหลือ + 8)  X  เงินเดือนเดือนสุดท้าย  แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน  15  เท่าของเงินเดือน
เดือนสุดท้าย และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญ
กษาปณ์ที่ระลึกพระบิดาแห่งการอนุรักษ์มรดกไทย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ
น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด  ลวดลาย  และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิก
เกิล) ราคายี่สิบบาท หนึ่งชนิด ออกใช้เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสที่คณะกรรมการดำเนินงานวันอนุรักษ์มรดกไทย
กรมศิลปากร  กระทรวงวัฒนธรรม  น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระราชสมัญญา  "พระบิดาแห่งการอนุรักษ์มรดก
ไทย"  แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช   และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการ
เบิกจ่ายเงินรางวัลสำหรับผู้บริหารและสำหรับหน่วยงานเพื่อจ่ายให้แก่ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ  และพนักงานของ
รัฐ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ  กำหนดให้เงินรางวัล  (เงินเพิ่มพิเศษ)  ที่คำนวณได้ให้จ่ายแก่ผู้บริหารใน
อัตราร้อยละ 50  ส่วนอีกร้อยละ 50 ให้นำไปสมทบเพื่อจัดสรรเป็นเงินรางวัลให้แก่ข้าราชการ  ลูกจ้างประจำ  และ
พนักงานของรัฐของส่วนราชการและจังหวัดตามหลักเกณฑ์ที่ ก.พ.ร. กำหนด และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่าง
กฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่าย
เงินค่าตอบแทน เงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวและเงินช่วยเหลืออาสาสมัครทหารพราน กระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ยกเลิกความในข้อ 21 ของระเบียบฯ และกำหนดใหม่เป็น  "ให้อาสาสมัครทหารพรานที่
ครบเกษียณอายุหรือออกจากงานด้วยเหตุปลดพิการและทุพพลภาพ หรือทายาทในกรณีอาสาสมัครทหารพรานถึง
แก่ความตายให้มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือ  เป็นจำนวนเท่ากับเงินค่าตอบแทนเดือนสุดท้ายคูณด้วยเวลาทำงาน"  และ
ให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อ
ไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการของร่างหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ
และการแต่งตั้งกรรมการจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ  ที่กระทรวงการคลังเสนอ  แต่โดยที่สำนักงานคณะ
กรรมการกฤษฎีกายังมีข้อสังเกตว่า ร่างหลักเกณฑ์ที่เสนอยังขาดความชัดเจนเกี่ยวกับการพิจารณาใช้วิธีการได้มาซึ่ง
บุคคลเพื่อเข้ารับการคัดสรรเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อ
ความโปร่งใสในการจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งการกำหนดคุณสมบัติของบุคคลที่จะได้รับการคัด
สรรในร่างข้อ 13(5) ว่า จะต้อง "มีเจตคติ ค่านิยม และคุณลักษณะหลักในด้านคุณธรรมและจริยธรรม" ซึ่งมีลักษณะ
ทางนามธรรม จะทำให้เกิดปัญหาความไม่ชัดเจน จึงสมควรปรับปรุงแก้ไข  นอกจากนี้  ในส่วนของคำปรารถปรากฏ
ข้อความที่เกิดจากการพิมพ์ผิดพลาด คือ  "ร่างพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐ
วิสาหกิจ  พ.ศ. 2518 ..."  สมควรตัดคำว่า  "ร่าง"  ออก  เพื่อความถูกต้อง   โดยให้กระทรวงการคลังรับเรื่องนี้ไปทบ
ทวน  และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณา แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรี
อีกครั้งหนึ่ง

                คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการเงินทุนเพื่อประชาชนและ
เศรษฐกิจฐานราก  โดยให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินงานเพื่อให้เกิดประสิทธิ
ภาพและป้องกันความซ้ำซ้อน  สำหรับรายละเอียดการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบต่อไป
ทั้งนี้ ให้รับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนิน
การด้วยดังนี้   มาตรการเพิ่มเงินทุนและจัดการการเรียนรู้ของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง   ให้กระทรวงการคลัง
กำหนดมาตรการไม่ให้มีการแทรกแซงกระบวนการดำเนินงานและการตัดสินใจของชุมชนในการบริหารจัดการกอง
ทุนหมู่บ้าน และกำหนดขอบเขตให้เป็นเพียงสนับสนุนส่งเสริมการจัดวางระบบการดำเนินงานกองทุนหมู่บ้านให้ได้
มาตรฐาน  ทั้งนี้ การใช้คำว่า "พี่เลี้ยง" ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังอาจสื่อความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้  ส่วน
โครงการฟื้นฟูและพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและยากจน ให้กระทรวงการคลัง  (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์
การเกษตร)  ประสานความร่วมมือและบูรณาการด้านการติดตามการดำเนินการ  และการศึกษาโครงสร้างการให้
สินเชื่อกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อให้การดำเนินการตามโครงการ ไม่เกิดความซ้ำซ้อน และมีประสิทธิภาพ
มากยิ่งขึ้น  และพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยที่จะขอให้รัฐบาลชดเชยให้ธนาคาร ฯ จากการพักชำระหนี้เกษตรกร โดย
ใช้อัตราดอกเบี้ยที่เป็นต้นทุนแท้จริงมาเป็นเกณฑ์คำนวณ รวมทั้งให้กำหนดมาตรการในการติดตามประเมินผลการ
ดำเนินการฟื้นฟูและพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและยากจน เพื่อให้ทราบถึงปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ และนำมาปรับ
ปรุงแก้ไขการดำเนินงานให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน และในส่วนของโครงการธนาคารประชาชนโดยธนาคารออม
สิน  กระทรวงการคลังควรพิจารณาทบทวนด้วยว่า  การที่ธนาคาร ฯ  คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แก่ลูกค้าร้อยละ 1 ต่อ
เดือน  จะทำให้มีมูลค่าอัตราดอกเบี้ยเท่ากับร้อยละ  12  ต่อปี  ซึ่งอาจสูงเกินไปและไม่เป็นธรรมแก่ผู้กู้  นอกจากนี้
โครงการสินเชื่อเพื่อเกษตรกรของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร  กระทรวงพลังงาน กระทรวงการ
คลัง กระทรวงพาณิชย์  กระทรวงอุตสาหกรรม  และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องต้องประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้
ชิด เพื่อป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เช่น พื้นที่เพาะปลูก น้ำเพื่อการเกษตร ผล
ผลิตล้นตลาด  เป็นต้น  ตลอดจนการสนับสนุนส่งเสริมให้มีการเพาะปลกพืช เพื่อนำมาใช้เป็นพลังงานควรคำนึงถึง
การสร้างความสมดุลกับการนำมาใช้เพื่อการบริโภคด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเลิก
เพิ่ม และแก้ไขเพิ่มเติมพิกัดอัตราอากรขาเข้า ในภาค 2 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 มีสาระ
สำคัญคือ ยกเลิก เพิ่ม  และแก้ไขเพิ่มเติมพิกัดอัตราอากรขาเข้า ในภาค 2  แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร
พ.ศ. 2530  และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่าย
เงินค่าสอนพิเศษและค่าสอนเกินภาระงานสอนในสถานศึกษาและสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2551  มีสาระสำคัญ
คือ  กำหนดให้สถานศึกษาของทางราชการและสถาบันอุดมศึกษาแต่ละแห่งสามารถกำหนดวิธีการและเอกสาร
ประกอบการเบิกจ่ายค่าสอนพิเศษได้เอง และเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ให้ผู้ทำการสอนที่ครบหน่วยชั่วโมงในเวลาปกติ
ตามที่กำหนด    หากทำการสอนเพิ่มในเวลาราชการปกตินอกเหนือจากจำนวนหน่วยชั่วโมงที่สอนครบดังกล่าว
แล้ว มีสิทธิได้รับเงินค่าสอนพิเศษตามอัตราที่กำหนดได้ รวมทั้งปรับอัตราเงินสอนพิเศษในสถานศึกษาของทาง
ราชการและสถาบันอุดมศึกษาโดยนำดัชนีราคาผู้บริโภคชุดทั่วไปของประเทศ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 มาเป็นเกณฑ์
ในการคำนวณ และให้ดำเนินการต่อไปได้

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ 1 (ตุลาคม-ธันวาคม 2550)
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551  โดยกระทรวงการคลังรายงานว่า การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย 17 กลุ่มสินค้า มีมูลค่านำเข้า
รวม  397.945  ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. 2550  จำนวน  91.604  ล้าน
ดอลลาร์สหรัฐ ฯ หรือร้อยละ 29.90  โดยมูลค่าการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง 17 กลุ่ม  เมื่อเทียบกับมูลค่านำเข้ารวม
ของสินค้าทุกชนิดในไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2551  (37,873.943 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)  มูลค่านำเข้ามี
สัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 1.05 ของมูลค่านำเข้ารวม  และเมื่อเทียบมูลค่านำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี
งบประมาณ พ.ศ. 2551 กับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. 2550  มีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้น 15 รายการ  ตั้งแต่ร้อย
ละ 9.62 ถึง 88.36 และมี 2 รายการที่มีมูลค่านำเข้าลดลงร้อยละ 9.02 และ 18.02  โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำ
เข้าสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ผลไม้ มูลค่านำเข้า 82.037 ล้านดอลลาร์สหรัฐ น้ำหอมและเครื่องสำอาง มูลค่านำเข้า
59.209 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นาฬิกาและอุปกรณ์ มูลค่านำเข้า  51.739  ล้านดอลลาร์สหรัฐ  สำหรับสินค้าฟุ่มเฟือย
ในไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ที่มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้น 15 รายการ  นั้น  สินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่า
นำเข้าเพิ่มขึ้นสูงสุด  5  อันดับแรก  ได้แก่  เครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหารหรือใช้ตกแต่งภายในที่ทำด้วยคริสตัล  น้ำ
หอมและเครื่องสำอาง  กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์  ผลไม้   นาฬิกาและอุปกรณ์   โดยมีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ
88.36, 64.31, 62.86, 40.14 และ 36.21 ตามลำดับ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญ
กษาปณ์ที่ระลึกครบ 120 ปี โรงพยาบาลศิริราช พ.ศ. ....  มีสาระสำคัญคือ  กำหนดชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ
น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์โลหะสองสี (สีขาวและสีทอง)
ราคาสิบบาท  เพื่อจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบ 120 ปี โรงพยาบาลศิริราช ในวันที่ 26 เมษายน
พ.ศ. 2551 และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอร่างคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 60/2551 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรม
การพัฒนาตลาดทุนไทย  โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการ  และกรรมการอื่นอีก 21
ท่าน โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง  ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ  กรรมการและ
ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่เสนอแนะนโยบายและทิศ
ทางการพัฒนาตลาดทุน  จัดทำแผนการพัฒนาตลาดทุนที่เป็นรูปธรรม  มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนและครอบคลุมทุก
องค์ประกอบของตลาดทุน กำกับ ติดตาม  และเร่งรัดการดำเนินงานตามแผนการพัฒนาตลาดทุน  เสนอแนะแนว
ทางแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่อการพัฒนาตลาดทุนในด้านต่าง ๆ และสนับสนุนการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว
รวมทั้งประสานและร่วมกำหนดนโยบายกับคณะกรรมการบริหารเศรษฐกิจมหภาคอื่น ๆ เพื่อให้นโยบายทางด้าน
ตลาดเงิน ตลาดทุน  และเศรษฐกิจมหภาคมีความสอดคล้องและสนับสนุนกัน  ทั้งนี้  ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2551
เป็นต้นไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ เห็นชอบพิธีสารเพื่อให้ข้อเสนอผูกพันการเปิดเสรีด้าน
การเงินภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการบริการของอาเซียนในการเจรจารอบที่ 4 มีผลบังคับใช้ และเห็นชอบให้พิธี
สาร ฯ  ตามข้อ 1.1  ไม่เข้าข่าย "หนังสือสัญญาที่มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย ..." และไม่เข้าข่าย "หนังสือสัญญาที่
มีผลผูกพันด้านการค้า  การลงทุน  หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ" ตามมาตรา  190  วรรคสอง จึงไม่
ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา  รวมทั้งอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้แทนรัฐบาลไทยลงนามใน
พิธีสารดังกล่าวในการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน  ครั้งที่ 12  ระหว่างวันที่ 3-4 เมษายน 2551
ณ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และหากพิธีสารฉบับนี้มีการแก้ไขแต่มิใช่สาระสำคัญ ก็ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
การคลังสามารถลงนามได้โดยมิต้องขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ
ต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม  (Full Powers)  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลงนามพิธีสารดังกล่าว
และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความใน
ประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ขยายเวลาการลดอัตรา
ภาษีมูลค่าเพิ่มจากร้อยละ 10.0 เป็นร้อยละ 6.3 ออกไปอีกจนถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2551 และลดอัตราเป็น
ร้อยละ 9.0 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553  เป็นต้นไป  และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
17  กรกฎาคม  2550   เกี่ยวกับโครงการติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด  (Closed Circuit Television System : CCTV
System)  และระบบเทคโนโลยีอื่นที่เหมาะสมกับการควบคุมทางศุลกากร สรุปได้ดังนี้ ระดับความสำเร็จตามขั้นตอน
ที่กำหนด กรมศุลกากรได้กำหนดจุดติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด จำนวน 1,212 กล้อง  และแจ้งให้บริษัท กสท โทร
คมนาคม จำกัด (มหาชน) ทราบเพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนร้อยละของการดำเนินการตามเป้าหมายกรมศุลกากรได้
ดำเนินการศึกษา  วิเคราะห์   และกำหนดรูปแบบการติดตั้งระบบดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว   และอยู่ระหว่างการสำรวจ
พื้นที่จริง ตรวจสอบ รวมทั้งทดสอบระบบเพื่อดำเนินการติดตั้งคิดเป็นร้อยละ 45  ของการดำเนินการตามเป้าหมาย
สำหรับงบประมาณที่ใช้จ่ายเพื่อการนี้  ได้กำหนดการจ่ายเงินค่าใช้บริการเป็นจำนวนเงิน  73,945,292  บาท  เมื่อ
บริษัท กสท. ฯ ส่งมอบบริการระบบเครือข่าย และกรมศุลกากรได้รับมอบไว้ใช้บริการทั้งหมด ส่วนที่เหลือจะแบ่งจ่าย
เป็นรายเดือนตามเดือนแห่งปฏิทิน รวม 60 เดือน ในอัตราเดือนละ 11,091,793 บาท

              สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร ประจำ
ไตรมาสที่ 4 ของปี พ.ศ. 2550 (ตุลาคม-ธันวาคม 2550) โดยกระทรวงการคลังรายงานว่า  ในไตรมาสที่  4  ปี
พ.ศ. 2550 มีการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรจากประเทศสมาชิกใหม่อาเซียน ได้แก่ กัมพูชา
สปป.ลาว และพม่า โดยมีมูลค่าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษรวม  521,683,519  บาท แยกเป็น มูลค่าสินค้าที่ยกเว้น
อากร 521,683,519 บาท และไม่พบมูลค่าสินค้าที่ลดหย่อนอากร  ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 4 ปี พ.ศ. 2550 มีการนำ
เข้ารวมเพิ่มขึ้น เทียบกับไตรมาสที่ 3 ปี พ.ศ. 2550 จำนวน 422,028,090 บาท

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง นายสรร วิเทศพงษ์ ให้ดำรงตำแหน่งที่
ปรึกษาการคลัง (นักวิชาการคลัง 10 วช.) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่  18  ตุลาคม
2550 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์