ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1112 จากทั้งหมด 6217 หน้า แสดงรายการที่ 22221 - 22240 จากข้อมูลทั้งหมด 124327 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22221 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารการพัฒนาพื้นที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... | อก | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารการพัฒนาพื้นที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กบพ.) เพื่อกำหนดแนวทางการบริหารการพัฒนาพื้นที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับโครงสร้างของร่างระเบียบฯ ควรประกอบด้วย (๑) คณะกรรมการนโยบาย และ (๒) คณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และปรับแก้ไขชื่อย่อของสำนักงานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษมิให้ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการเพิ่มเติม “ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร” เป็นกรรมการในข้อ ๖ (๔) ของร่างระเบียบฯ การให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการพัฒนาพื้นที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษโดยคำนึงถึงความเหมาะสมกับพื้นที่ทั้งในแง่ของเศรษฐกิจ ชุมชน และสิ่งแวดล้อม และการให้สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาสนับสนุนงบประมาณ นอกจากนี้ การกำหนดให้หน่วยงานของรัฐอาจเสนอ กบพ. พิจารณาปรับแผนงานหรือโครงการ รวมถึงปรับวงเงินรายจ่ายสำหรับแผนงานหรือโครงการที่ได้รับมอบหมาย และในกรณีที่มีความจำเป็น กบพ. อาจพิจารณาให้มีการโอนความรับผิดชอบในแผนงานหรือโครงการจากหน่วยงานของรัฐหนึ่งไปเป็นของหน่วยงานของรัฐอื่น จะต้องไม่ขัดกับมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ การดำเนินงานด้านงบประมาณตามร่างระเบียบฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ควรจะจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์และภารกิจพื้นที่ของหน่วยงาน ซึ่งจะทำให้มีความครอบคลุมครบถ้วนในภารกิจและมีความชัดเจนในการดำเนินการ เพื่อมิให้มีปัญหาในการบริหารงบประมาณของหน่วยงาน ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมพิจารณากำหนดองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายและคณะกรรมการบริหารทั้ง ๒ คณะ ให้เป็นไปตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี แล้วส่งผลการพิจารณาให้คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายฯ ดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้พิจารณาถึงความเหมาะสมและความเชื่อมโยงกับคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในปัจจุบัน และหากประสงค์จะให้มีกลไกคณะกรรมการเพิ่มขึ้น ให้พิจารณาแต่งตั้งเป็นคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานดำเนินการเพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อน เพื่อให้การพัฒนาพื้นที่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศเป็นไปอย่างมีเอกภาพ ประสิทธิภาพ และเกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็ว ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรประสานงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดการบูรณาการทรัพยากรในการขับเคลื่อนการดำเนินการที่สำคัญ เช่น บุคลากรและงบประมาณ การกำหนดแผนและตัวชี้วัดการดำเนินการที่ชัดเจน และการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษขึ้นใหม่จะต้องไม่เป็นเหตุให้ขอเพิ่มอัตรากำลัง ซึ่งจะมีผลกระทบต่องบประมาณค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรภาครัฐ รวมทั้งกำหนดให้สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ของสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นส่วนราชการที่รับผิดชอบงานด้านการเสนอแนะนโยบาย จัดทำแผนยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับนโยบาย แผนพัฒนาอุตสาหกรรมและแผนงานในภาพรวม รวมถึงการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานโครงการในภาพรวมของกระทรวงอุตสาหกรรมรับผิดชอบงานดังกล่าว โดยไม่จำเป็นต้องจัดตั้งส่วนราชการขึ้นใหม่ ไปพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
22222 | ร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติเงินตรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติเงินตรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อนำกลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
22223 | รายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่างเดือนกรกฎาคม - กันยายน 2558) | ทส | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน ๒๕๕๘) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นเรื่องที่เป็นหลักการ ๑.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ผลการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ของส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ/องค์การมหาชน จากงบประมาณทั้งสิ้น ๓๑,๙๗๕.๕๔๑๕ ล้านบาท เบิกจ่ายได้ ๒๘,๔๘๗.๖๖๖๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๙ ๑.๒ การเจรจาหรือจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ได้แก่ การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๒๖ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย การจัดทำแผนงานความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระดับนานาชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ การเข้าเป็นภาคีองค์กรความร่วมมือด้านไม้ไผ่และหวายระหว่างประเทศ และการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในสาขาทรัพยากรน้ำระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงน้ำแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ๑.๓ การจัดทำโครงการต่าง ๆ ของส่วนราชการ ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ อย่างเคร่งครัด การประกาศเชิญชวนผู้ที่สนใจได้ทราบล่วงหน้าในระบบ e-GP และเว็บไซต์ของหน่วยงานให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้องและดำเนินการอย่างโปร่งใส การจัดทำมาตรการป้องกันและลดโอกาสการทุจริตและประพฤติมิชอบ และแจ้งเวียนขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง ๑.๔ การเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีการเสนอกฎหมาย รวมจำนวน ๒๐ ฉบับ ประกอบด้วย ร่างพระราชบัญญัติ ๑๘ ฉบับ และร่างพระราชกฤษฎีกา ๒ ฉบับ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการทั้ง ๓ ประการ คือ (๑) ต้องเป็นการแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่แท้จริงของการบังคับใช้กฎหมาย (๒) พึงระวังการแก้ไขกฎหมายที่เป็นการเพิ่มอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเพื่ออำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ และ (๓) ให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจถึงหลักการและเหตุผลด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ๑.๕ การแต่งตั้งคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ได้แจ้งรัฐวิสาหกิจในสังกัดถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และมีเวลาเพียงพอที่จะช่วยพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเคร่งครัด ๒. เรื่อง/โครงการที่สำคัญเร่งด่วน ๒.๑ การปรับโครงสร้างและการบริหารจัดการด้านพลังงาน ได้จัดทำบันทึกความตกลง (MOU) ร่วมกับกระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การนำร่องการจัดการขยะมูลฝอยเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิงขยะ [Refuse Derived Fuel (RDF)] และต่อยอดสู่การผลิตพลังงานทดแทน ๒.๒ การบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของประเทศ กรมทรัพยากรน้ำได้ดำเนินการอนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งน้ำเพื่อแก้ปัญหาการตื้นเขินและเสื่อมสภาพของแหล่งน้ำพื้นที่ชุ่มน้ำให้คืนสู่ความสมบูรณ์บรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำและปัญหาน้ำท่วม ๒.๓ การแก้ปัญหาผลผลิตทางการเกษตรในระยะยาวและการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) การดำเนินการกำหนดแนวทางและมาตรการเชิงรุกในการดำเนินการแก้ไขปัญหาพืชผลทางการเกษตรในระยะยาวเป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒.๔ การจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร ได้แก่ การจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ และกลไกอื่น ๆ เพื่อจัดหาพื้นที่แก่ผู้ไร้ที่ทำกินเข้าใช้ประโยชน์และการพัฒนาคุณภาพชีวิต การดำเนินการตามกฎหมายของหน่วยงานตามประเภทที่ดินของรัฐภายใต้การกำกับของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ การกำหนดพื้นที่เป้าหมายการดำเนินงาน การส่งข้อมูลพื้นที่เป้าหมายที่จะนำไปจัดเป็นที่ดินทำกินให้ชุมชน การจัดทำข้อมูลการสำรวจพื้นที่ ๔ จังหวัด การเตรียมพื้นที่ดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล พ.ศ. ๒๕๕๘ และมอบ “หนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ” ๒.๕ การจัดการขยะมูลฝอยและน้ำเสีย องค์การจัดการน้ำเสียได้ดำเนินการโครงการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสีย โดยสามารถบำบัดน้ำได้ตามมาตรฐานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดไว้ก่อนระบายลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ และกรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติงานการดำเนินงานตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ๒.๖ การจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม ได้ดำเนินงานร่วมกับศูนย์บริการร่วม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในการให้บริการประชาชนเกี่ยวกับการรับแจ้งเรื่องร้องเรียน และประสานส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขตามอำนาจหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้อง ๒.๗ การรวบรวมกฎหมายระเบียบที่ล้าสมัยหรือเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและพิจารณาความจำเป็นเร่งด่วนและจัดลำดับความสำคัญของร่างกฎหมาย ดำเนินการปรับปรุง แก้ไขกฎหมาย รวมจำนวน ๒๐ ฉบับ ประกอบด้วยร่างพระราชบัญญัติ ๑๘ ฉบับ และร่างพระราชกฤษฎีกา ๒ ฉบับ โดยมีร่างกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และประกาศใช้เป็นกฎหมาย จำนวน ๕ ฉบับ
|
|||||||||||||||||||||||||||
22224 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ส่งเสริมความเข้มแข็งของสถาบันศาสนา เพื่อให้เป็นสถาบันหลักของสังคม) | พศ | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง ส่งเสริมความเข้มแข็งของสถาบันศาสนา เพื่อให้เป็นสถาบันหลักของสังคม) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้วเห็นว่า แนวทางในการพัฒนาและส่งเสริมสถาบันศาสนาให้มีความมั่นคง มีการพัฒนาศักยภาพ และการนำหลักธรรมมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแนวทางร่วมกันในการพัฒนาและส่งเสริมอย่างจริงจัง รวมทั้งต้องกำหนดกรอบของแต่ละองค์กรและบุคลากรทางศาสนาให้ชัดเจนเพื่อจะได้กำหนดเป้าหมายได้ว่าองค์กรและบุคลากรที่ต้องการพัฒนาคือใคร ให้แต่ละองค์กรที่เกี่ยวข้องนำยุทธศาสตร์มาขับเคลื่อนพร้อมกัน โดยกำหนดเป็นนโยบาย และแผนยุทธศาสตร์ ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมของคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
22225 | รายงานการตรวจสอบสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 | กค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการตรวจสอบสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งกระทรวงการคลังได้ตรวจสอบข้อมูลโดยแบ่งการตรวจสอบเป็น ๓ ลักษณะ ได้แก่ (๑) การตรวจสอบทางการเงินและบัญชี (Financial Auditing) (๒) การตรวจสอบการดำเนินงาน (Operation Auditing) และ (๓) การตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง (Compliance Auditing) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินดำเนินการแก้ไขตามผลการตรวจสอบของกระทรวงการคลัง และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดดำเนินการให้สามารถนำเสนอรายงานการตรวจสอบสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินประจำปีให้รวดเร็วมากขึ้น และควรมีการพัฒนาระบบการทำงานและการตรวจสอบการปฏิบัติงานให้มีความรอบคอบและรัดกุมมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาคุณภาพของบุคลากรให้มีความรู้ความเข้าใจในกฎหมายและระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ จนสามารถปฏิบัติตามได้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การทำงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับของสาธารณชนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
22226 | ผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย - ลาว ครั้งที่ 20 | กต | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย-ลาว ครั้งที่ ๒๐ ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ จังหวัดเชียงราย และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมดังกล่าว เพื่อผลักดันให้มีผลคืบหน้าเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ด้านความมั่นคง ได้แก่ การจัดทำความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-ลาว การสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ความร่วมมือกรณีบุคคลของแต่ละฝ่ายที่ถูกจับกุมคุมขัง ความร่วมมือด้านกฎหมายและยุติธรรม ความร่วมมือด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ และความร่วมมือด้านแรงงาน ๑.๒ ด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ ความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้า การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน และการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทย ๑.๓ ด้านความเชื่อมโยง ได้แก่ การขนส่งทางถนน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเส้นทางคมนาคม ๑.๔ ด้านการพัฒนา สังคมและวัฒนธรรม การท่องเที่ยวและกีฬา ได้แก่ ความร่วมมือด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข ด้านการท่องเที่ยว ด้านกีฬา ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และด้านวัฒนธรรม ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการอนุญาตให้นิติบุคคลต่างประเทศออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในไทย (Baht Bond) ควรเป็นการระดมทุนเพื่อใช้ลงทุนในประเทศไทยเท่านั้น หากเป็นการนำเงินบาทออกนอกประเทศ ก็ควรมีความระมัดระวังเนื่องจากจะเป็นการใช้ประโยชน์จากการระดมทุนดอกเบี้ยต่ำในประเทศไทยเพื่อไปใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอื่น นอกจากนี้ ความต้องการความช่วยเหลือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) มีหลายโครงการ จึงเห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศประสานกับ สปป.ลาว เพื่อพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการคัดเลือกโครงการที่มีศักยภาพสูงสุดร่วมกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
22227 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยโทง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยโทง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยโทง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
22228 | ขอถอนร่างกฎกระทรวงออกตามความพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 จำนวน 6 ฉบับ | คค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมาติให้ถอนร่างกฎกระทรวง รวม ๖ ฉบับ ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยแผนการบิน พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยแผนปฏิบัติการบิน พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงใบรับรองหน่วยซ่อม พ.ศ. .... ๔. ร่างกฎกระทวงการผลิตชิ้นส่วนของอากาศยาน พ.ศ. .... ๕. ร่างกฎกระทรวงใบอนุญาตประกอบกิจการบำรุงรักษาเฉพาะอากาศยานต่างประเทศในราชอาณาจักร พ.ศ. .... ๖. ร่างกฎกระทรวงใบรับรองหน่วยซ่อมต่างประเทศ พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||||||||
22229 | รายงานผลการพิจารณาศึกษาระบบการบริหารงาน ระบบบริหารงบประมาณ ระบบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น และระบบการจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | มท | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาระบบการบริหารงาน ระบบบริหารงบประมาณ ระบบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น และระบบการจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยเรื่องที่ดำเนินการไปแล้ว ได้แก่ การใช้จ่ายงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การกำกับดูแลและการตรวจสอบการตั้งงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการกำหนดกระบวนการเตรียมบุคคลที่จะเข้ามาสู่การเมืองท้องถิ่นหลังจากได้รับการเลือกตั้งแล้ว เรื่องที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการ ได้แก่ การมีระบบการทำงานร่วมกันระหว่างกรุงเทพมหานครกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดปริมณฑล การส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดบริการสาธารณะในหลายรูปแบบ และการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้องที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานร่วมกันขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเรื่องที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากต้องรอความชัดเจนของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เช่น ระบบโครงสร้างการบริหารและการกำกับดูแล ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้ยกร่างประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การส่งเสริมการถ่ายโอนภารกิจตามกฎหมาย ซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ยกร่างพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... เพื่อให้ระบบการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นไปอย่างเหมาะสม เป็นต้น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
22230 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูปการเงินฐานราก และร่างพระราชบัญญัติการเงินระดับฐานราก พ.ศ. ....) | กค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง การปฏิรูปการเงินฐานราก และร่างพระราชบัญญัติการเงินระดับฐานราก พ.ศ. ....) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้วเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติการเงินระดับฐานราก พ.ศ. .... ควรจะได้มีการศึกษาพิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้งหนึ่ง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการนำไปปฏิบัติ โดยเฉพาะประเด็นความไม่ชัดเจนของการดำเนินการ ความซ้ำซ้อนกับกฎหมายที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ความซ้ำซ้อนและความพร้อมในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
22231 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ | กค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นจำนวนร้อยละ ๑๐๐ หรือ ๑ เท่าของเงินได้ที่ได้จ่ายไประหว่างวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ให้กับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เข้าเงื่อนไขของมาตรการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
22232 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตพัฒนาการท่องเที่ยว พ.ศ. .... | กก | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตพัฒนาการท่องเที่ยว พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพัฒนาการท่องเที่ยวเพิ่มเติม ๓ เขต ประกอบด้วย (๑) เขตพัฒนาการท่องเที่ยวมรดกโลกด้านวัฒนธรรม (๒) เขตพัฒนาการท่องเที่ยววิถีชีวิตลุ่มแม่น้ำโขง และ (๓) เขตพัฒนาการท่องเที่ยววิถีชีวิตลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนกลาง ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งในส่วนกลางและชุมชนในพื้นที่ในการจัดทำแผนปฏิบัติการพัฒนาการท่องเที่ยว ภายในเขตพัฒนาการท่องเที่ยว เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ โดยคำนึงถึงจุดเด่นและอัตลักษณ์ของแหล่งท่องเที่ยว เพื่อช่วยส่งเสริมให้แผนปฏิบัติการสามารถดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลในภาคการท่องเที่ยวของประเทศและในพื้นที่ไปพร้อม ๆ กัน รวมทั้งให้มีการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานแผนงาน/โครงการ/กิจกรรมภายในเขตพัฒนาการท่องเที่ยว ไปพิจารณาด้วย ทั้งนี้ สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์และภารกิจพื้นฐานให้สอดคล้องกับปฏิทินงบประมาณตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
22233 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. .... | อก | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๕๓๒) และกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๖ (พ.ศ. ๒๕๔๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. ๒๕๑๔ และปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนเครื่องจักรให้เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนดแนวทางที่เป็นมาตรฐานสำหรับเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการจดทะเบียนเครื่องจักรเพื่อให้สามารถดำเนินการประเมินราคาเครื่องจักรไปในแนวทางเดียวกัน ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาตลาด และมีความถูกต้องแม่นยำในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการขอจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร ไปพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
22234 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อลดภาระให้กับผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์) | กค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อลดภาระให้กับผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์) โดยเป็นการกำหนดให้หักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้ที่ได้จ่ายไปเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดินหรือห้องชุดในอาคารชุดที่มีมูลค่าไม่เกิน ๓ ล้านบาท เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของตนเอง เป็นจำนวนร้อยละ ๒๐ ของค่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว โดยต้องจ่ายค่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพร้อมที่ดินหรือห้องชุดในอาคารชุดในระหว่างวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ และมีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้นให้แล้วเสร็จภายในช่วงเวลาดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
22235 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกักขังตามประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกักขังตามประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ว่ากรมราชทัณฑ์ควรปรับปรุงกฎกระทรวง ระเบียบ หรือคำสั่ง และการดำเนินการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำให้มีมาตรฐานตามข้อกำหนดสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำและมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง รวมทั้งการออกกฎกระทรวงตามความในพระราชบัญญัตินี้ในเรื่องการใช้เครื่องพันธนาการแก่ผู้ต้องกักขังต้องคำนึงถึงผู้พิการที่ครอบคลุมถึงผู้พิการทางจิต วิกลจริต หรือบกพร่องทางจิต โดยต้องกำหนดเรื่องการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ต่อการใช้เครื่องพันธนาการแก่ผู้ต้องกักขังที่มีความบกพร่องทางจิตใจให้ใช้ดุลพินิจอย่างระมัดระวัง เพราะสุ่มเสี่ยงต่อการกระทบสิทธิของผู้พิการตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ และมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมรับไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
22236 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ระบบสวัสดิการสังคมที่เหมาะสมกับประเทศไทย ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาภาคประชาสังคม พ.ศ. ....) | พม | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย [เรื่อง ระบบสวัสดิการสังคมที่เหมาะสมกับประเทศไทย ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาภาคประชาสังคม พ.ศ. ....] ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยสรุปความเห็นเป็น ๔ กลุ่มประเด็น ดังนี้ ๑.๑ กลุ่มประเด็นที่เห็นด้วย ได้แก่ การออกกฎหมายว่าด้วยระบบประกันสังคมถ้วนหน้า สวัสดิการกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากไร้ คนชายขอบ สวัสดิการคนไร้สัญชาติ สวัสดิการที่อยู่อาศัย โดยควรปรับตัวชี้วัดให้สอดคล้องกับผลลัพธ์ ๑.๒ กลุ่มประเด็นที่ควรศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม ได้แก่ สวัสดิการเด็กปฐมวัย และการปฏิรูประบบกลไกบริหารจัดการระบบสวัสดิการสังคมของประเทศไทย โดยเห็นควรมอบหมายให้คณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาตินำไปศึกษาและทบทวนกฎหมายสวัสดิการสังคมต่อไป ๑.๓ กลุ่มประเด็นที่ควรเพิ่มเติมสาระสำคัญ คือ สวัสดิการสำหรับกลุ่มผู้พิการ ๑.๔ กลุ่มประเด็นที่เห็นว่าควรทบทวน ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาภาคประชาสังคม พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการ ๒.๑ แจ้งผลการพิจารณาของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป ๒.๒ แจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
22237 | รายงานผลการพิจารณาตามรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติกองทุนคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. .... ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ | สธ | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาตามรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติกองทุนคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. .... ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยกระทรวงสาธารณสุขได้จัดการประชุมหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นด้วยกับร่างพระราชบัญญัติกองทุนคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. .... (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. ....) ในขณะที่แพทยสภาไม่เห็นด้วยกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว โดยเห็นควรให้เยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากการรักษาพยาบาลโดยการแก้ไขพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๔๑ โดยขยายวงเงินการรักษาพยาบาลให้สูงขึ้น เป็นการช่วยเหลือแบบสิ้นสุดและขยายให้ครอบคลุมทั้งระบบสวัสดิการข้าราชการและประกันสังคม นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอข้อมูลการขอจัดตั้งกองทุนคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุขต่อคณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียน โดยคณะกรรมการฯ ได้มีมติไม่เห็นชอบให้มีการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวเนื่องจากการดำเนินงานของกองทุนมีวัตถุประสงค์และลักษณะงานที่ซ้ำซ้อนกับกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและกองทุนประกันสังคม ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
22238 | ร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | พน | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการชี้แจงร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้พระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ และพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานไปชี้แจงทำความเข้าใจต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) และองค์กรพัฒนาเอกชน (Non Government organizations : NGOs) เกี่ยวกับเหตุผลและความจำเป็นในการแก้ไขแผนพลังงานของประเทศ และในประเด็นที่ยังมีข้อขัดแย้งในสังคม เช่น จำนวนแหล่งปิโตรเลียมและปริมาณปิโตรเลียมที่พบ ปริมาณการผลิต รายได้ของรัฐบาลภายใต้ระบบให้สัมปทาน บริษัทต่างประเทศที่สนใจต่อการเปิดระบบสัมปทาน ข้อดีข้อเสียของระบบสัมปทาน ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) และระบบจ้างผลิต การจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ และแนวทางแก้ไขการขาดแคลนพลังงาน เป็นต้น ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปปรับแก้ไขตามข้อสังเกตของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ดังนี้ ๓.๑ กรณีที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ยืนยันให้กระทรวงพลังงานแก้ไขกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมและกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้ปิโตรเลียมในประเด็นการเพิ่มระบบสัญญาจ้างผลิต (service contract) และการจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาตินั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติ รวม ๒ ฉบับ ไปเพิ่มหลักการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยอาจกำหนดรายละเอียดไว้ในกฎหมายเฉพาะหรืออนุบัญญัติต่อไป ๓.๒ กรณีประเด็นที่กระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังเห็นว่า สามารถดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญได้ โดยไม่ต้องแก้ไขกฎหมาย โดยกำหนดเป็นกฎกระทรวงหรือประกาศได้นั้น เห็นควรให้กระทรวงพลังงานชี้แจงให้คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ คปพ. และ NGOs ที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจถึงเหตุผลของการดำเนินการดังกล่าวอย่างชัดเจนด้วย ๓.๓ กรณีประเด็นรายละเอียดปลีกย่อยของร่างพระราชบัญญัติ รวม ๒ ฉบับที่กระทรวงพลังงานชี้แจว่า อยู่นอกกรอบของร่างกฎหมายที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการไปแล้วนั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติ รวม ๒ ฉบับ ไปพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ไปแก้ไขเพิ่มเติมหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติเพื่อให้สามารถแก้ไขได้ในชั้นกรรมาธิการของสภา และให้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาด้วย ส่วนประเด็นที่ไม่สามารถแก้ไขได้ให้กระทรวงพลังงานไปชี้แจงให้เกิดความเข้าใจ |
|||||||||||||||||||||||||||
22239 | ขออนุมัติดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) | คค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสำหรับค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและค่าสำรวจอสังหาริมทรัพย์สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ในกรอบวงเงินจำนวน ๙,๖๒๕ ล้านบาท ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามแผนการใช้จ่ายเงินจริง สำหรับค่าก่อสร้างงานโยธา ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟม. ทบทวนมูลค่างานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ให้เป็นปัจจุบัน โดยพิจารณาดำเนินการตามนโยบายการลงทุนด้านระบบรางของรัฐที่เน้นให้การกำหนดมูลค่าการลงทุนมีความเหมาะสมและประหยัด ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตภายในประเทศเป็นหลัก และส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับระบบการขนส่งทางราง ทั้งนี้ ให้ระมัดระวังความซ้ำซ้อนของการจ้างที่ปรึกษาออกแบบและการจ้างบริษัทก่อสร้างด้วย ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งภายใน ๓๐ วัน ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟม. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และประธานกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ เกี่ยวกับการทบทวนมูลค่างานโยธาให้เป็นราคาปัจจุบันและสอดคล้องกับหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการ การเร่งนำเสนอรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อให้สามารถสรรหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนงานระบบไฟฟ้า อาณัติสัญญาณ ขบวนรถไฟฟ้า และการเดินรถ การเร่งนำเสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรมฯ เพื่อพิจารณาคัดเลือกเอกชนพร้อมกันทั้งสองช่วงในคราวเดียวกัน การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม การเร่งดำเนินงานในส่วนระบบรถไฟฟ้าที่จะให้เอกชนเข้าร่วมดำเนินการอย่างรอบคอบและคำนึงถึงประโยชน์ที่จะได้รับของประชาชนและประเทศเป็นสำคัญ การเร่งนำเสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรมฯ เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้ทั้งเส้นทาง รวมทั้งการเร่งรัดการปฏิรูปเส้นทางเดินรถโดยสารสาธารณะให้สอดคล้องกับเส้นทางและระยะเวลาการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ เพื่อให้โครงข่ายการขนส่งสาธารณะในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีความสมบูรณ์ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ในส่วนของการลงทุนงานระบบไฟฟ้าและการเดินรถของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งจะใช้วิธีการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน นั้น ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟม. ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายโดยระมัดระวังเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนที่อาจเกิดขึ้นต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) กระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น รับไปพิจารณาหาแนวทางส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตรถไฟฟ้าและรางรถไฟภายในประเทศให้มีศักยภาพเพื่อรองรับการดำเนินโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับระบบการขนส่งทางราง และลดภาระการนำเข้าวัสดุจากต่างประเทศ |
|||||||||||||||||||||||||||
22240 | แผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาให้เป็นท่าอากาศยานเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 | คค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการแผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาให้เป็นท่าอากาศยานเชิงพาณิชย์แห่งที่ ๓ สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงบประมาณ กองทัพเรือ การท่าอากาศยานอู่ตะเภา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ใช้เป็นกรอบในการดำเนินงานและเสนอรายละเอียดแผนงาน/โครงการ ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๒ เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ กองทัพบก กองทัพอากาศ กองการบินทหารเรือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาและระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติการฯ ๑.๓ มอบหมายให้กองทัพเรือ (การท่าอากาศยานอู่ตะเภา) ในฐานะผู้บริหารท่าอากาศยานสนับสนุนและกำกับการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาต่อไป ๒. สำหรับในส่วนของค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ โดยเฉพาะโครงการที่มีความจำเป็นต้องเร่งดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้หน่วยงานที่มีความพร้อมและต้องดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ เช่น เงินรายได้ของกองทุนการท่าอากาศยานอู่ตะเภา และ/หรือเงินรายได้ของกองทุนเงินค่าธรรมเนียมผ่านทาง ฯลฯ ในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอและเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ก็ให้ขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นกรณี ๆ ไป โดยจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลาง และปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เรื่อง แนวทางการเสนอเรื่องงบประมาณต่อคณะรัฐมนตรี ตามขั้นตอนต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ของท่าอากาศยานอู่ตะเภาเห็นสมควรแยกอาคารผู้โดยสารภายในประเทศและระหว่างประเทศออกจากกันให้ชัดเจน การพัฒนาโครงข่ายเส้นทางเชื่อมโยงจากท่าอากาศยานอู่ตะเภาเข้าสู่เมืองพัทยาหรือแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันออก และเส้นทางเข้าสู่กรุงเทพมหานคร รวมถึงเส้นทางไปยังจังหวัดตราดเพื่อเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ให้มีความสะดวกและปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งการขนส่งทางราง สำหรับกิจกรรมใดภายใต้แผนที่จะเกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกท่าอากาศยานอู่ตะเภาเข้าข่ายที่จะต้องดำเนินการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) หรือรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ (EHIA) ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่กำหนดไว้ รวมทั้งเห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการ และนำเสนอขออนุมัติงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมพิจารณากลไกการขับเคลื่อนเพื่อบูรณาการทั้งในด้านการดำเนินงานตามภารกิจและงบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกำกับดูแลและติดตามประเมินผลความก้าวหน้าการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรค และแนวทางการแก้ไข การพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาให้เป็นท่าอากาศยานเชิงพาณิชย์แห่งที่ ๓ อย่างต่อเนื่อง และเห็นควรให้กระทรวงคมนาคม บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย กองทัพอากาศ กองทัพบก และกองทัพเรือ ร่วมกันพิจารณาแนวทางการพัฒนาความร่วมมือการพัฒนาห้วงอากาศ PBN Airspace ให้มีการประสานงานอย่างเป็นระบบและทันต่อเหตุการณ์ เพื่อให้การบริหารจัดการห้วงอากาศของประเทศสามารถตอบสนองภารกิจด้านความมั่นคงและการบินพลเรือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยที่เป็นมาตรฐานสากล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น รับไปดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวและการขนส่งทางอากาศ ซึ่งครอบคลุมถึงการพัฒนาพื้นที่บริเวณท่าอากาศยานอู่ตะเภาและพื้นที่โดยรอบให้เป็นศูนย์ซ่อมอากาศยานแห่งภูมิภาคเพื่อใช้เป็นฐานบริการซ่อมบำรุงอากาศยานจากประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคและลดภาระค่าใช้จ่ายในการส่งอากาศยานไปซ่อมบำรุงในต่างประเทศ โดยพิจารณาถึงรูปแบบการลงทุนที่เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการเพื่อลดภาระงบประมาณ |
.....